ย้อนกลับไปเมื่อราวสิบกว่าปีก่อน ณ จวนเฉินกั๋วกง
เปรี้ยง!
เสียงสายฟ้าฟาด ทำเอาคุณหนูสามตัวน้อยสะดุ้งตื่นทันที
“ยัง...ยังไม่เช้าเลย...” เฉินเซียงหรงกวาดสายตามองไปรอบๆ อย่างหวาดๆ ยิ่งเห็นเงากิ่งไม้ด้านนอกเรือนยืดยาวขยับโยกเหมือนมีชีวิต ดวงตากลมๆ ก็ยิ่งเบิกโต ลมหายใจติดขัด สองมือน้อยๆ กอดผ้าห่มไว้แน่น
เหตุใด...เหตุใดกลางดึกจึงเกิดเรื่องน่ากลัวเช่นนี้ได้! นับตั้งแต่เกิดมา จนพูดจาชัดถ้อยชัดคำ เดินเหินคล่องตัว นางเพิ่งเคยพบเจอเรื่องน่าหวาดกลัวเช่นนี้!
“มะ แม่นมหลิน...ท่านแม่...เสี่ยวซี...พี่ซู่ซิน...” เซียงหรงพยายามร้องเรียกใครสักคน
คาดไม่ถึงว่าที่ตอบกลับมา จะเป็นเสียงท่านแม่กรีดร้องร่ำไห้
“กรี้ดดด ท่านพี่! ลูกแม่!”
“ท่าน ท่านแม่...ฮึก...เกิดอะไรขึ้น...” ข้างนอกมีพายุฝน ลมแรงจัดจนหน้าต่างกระแทกดังกุกกัก มีเสียงฟ้าร้องครืนครางสลับเสียงสายฟ้าฟาด ท่านแม่ก็ยังมาส่งเสียงร้องน่าหวาดกลัวเช่นนี้ ไม่รู้ว่าเกิดเหตุร้ายแรงใดขึ้นกันแน่
ตอนนี้นาง...นางหวาดกลัวยิ่งนัก!
เซียงหรงตัวสั่นน้ำตาไหลเป็นสาย
ทว่าแม้จะหวาดกลัวแค่ไหน บุตรสาวอย่างนางก็ทั้งรักและเป็นห่วงมารดาเป็นที่สุด
แม่นมของนางกล่าวว่าท่านแม่ของนางกำลังตั้งครรภ์ ใกล้จะคลอดน้องชายตัวน้อยให้นางเต็มที อนุหานเคยบอกกับนางบ่อยๆ ว่าธรรมดาการคลอดบุตรนั้นอันตรายเป็นอย่างยิ่ง ทั้งเจ็บปวดทรมานและอาจทำให้คนคนหนึ่งถึงตายได้ ยามนี้ท่านแม่กำลังแผดเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด นาง...นางไม่อาจกระทำตัวเนรคุณ เอาแต่ขี้ขลาดตาขาว นอนซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่ม ไม่ก้าวขาออกจากห้องไปช่วยเหลือดูแลมารดาของตนเอง! ถูกแล้ว นาง...นางจะมัวทำตัวเหลาะแหละไม่เอาไหนเช่นนี้ไม่ได้ นางต้องกระทำตนเป็นผู้ใหญ่!
“ท่าน...ท่านแม่...” เสี่ยวเซียงหรงพยายามข่มความกลัว กำสองมือน้อยๆ รวบรวมพลังใจ
ไม่ทันจะก้าวขาลงจากเตียง แม่นมหลิน แม่นมที่ท่านย่าช่วยท่านแม่หามาดูแลนาง ก็เปิดประตูสาวเท้าเข้ามากอดนางไว้ ข้างกายแม่นมหลินยังมีเสี่ยวซี บุตรสาวของแม่นมหลิน ซึ่งกำลังจะกลายมาเป็นเพื่อนร่วมเรียนร่วมเล่นของนางติดตามมาด้วย
“คุณหนู คุณหนู! เหตุใดจึงร้องไห้หนักหน่วงเช่นนี้!” แม่นมหลินพยายามลูบหลังปลอบโยน แต่เซียงหรงกลับไม่ได้รู้สึกดีขึ้นสักนิด
นางจะรู้สึกดีขึ้นได้อย่างไร ในเมื่อกระทั่งตอนนี้ เสียงท่านแม่ร้องเหมือนปริ่มจะขาดใจก็ยังคงดังแว่วมาอย่างต่อเนื่อง
หากเป็นดังคำที่อนุหานกล่าว หากท่านแม่เป็นอะไรไปจริงๆ นาง...นางจะทำอย่างไร!
“แม่นม ฮึก...ท่านแม่...ข้าอยากไปดูท่านแม่...ทว่า ทว่าข้ากลัวจนก้าวขาไม่ออก ฮึก...แม่นมพาหรงเอ๋อร์ไปหาท่านแม่ได้หรือไม่” นางพูดไปร้องไห้ไป น่าสงสารเห็นใจยิ่งนัก
แม่นมหลินหัวใจอ่อนยวบ ทว่าเมื่อครู่ แม่นมอย่างนางไปดูมาแล้วรอบหนึ่ง ทางโน้นกำลังวุ่นวายกับการทำคลอด สาวใช้ผลัดกันถือถังน้ำร้อน ถือผ้าสะอาด ถือชามน้ำแกงโสม ยาบำรุง เดินเข้าออกห้องคลอดไม่หยุด คุณหนูสามของนาง ตั้งแต่แรกเกิดก็ตัวเล็ก ร่างกายอ่อนแอ บอบบาง ทั้งยังขี้ตกใจ หากต้องลมฝนอีกทั้งตกใจกลัวเพราะเรื่องฟูเหรินคลอดยากทั้งยังตกเลือดไม่หยุดจนล้มป่วยไปจะทำอย่างไร นายหญิงชราที่รักใคร่หวงแหนบุตรหลานยิ่งกว่าอะไรจะไม่มาเอาความกับนางหรือ นางไม่อาจปล่อยให้คุณหนูสามที่อ่อนแอบอบบางออกไปข้างนอกในยามนี้!
“คุณหนูคนดี...” แม่นมหลินพยายามลูบแผ่นหลังน้อยๆ ของคุณหนูสาม ปลอบประโลมน้ำเสียงอ่อนโยน “ฟูเหรินจะไม่เป็นอะไรเจ้าค่ะ ฟูเหรินก็แค่...คลอดยากสักเล็กน้อยเท่านั้น...ประเดี๋ยวพอคลอดคุณชายตัวน้อยๆ ออกมาแล้วก็จะหายเจ็บปวดเจ้าค่ะ เหมือนอย่างตอนที่คลอดคุณหนูคนดีของแม่นม อย่างไรเล่า”
เซียงหรงยิ่งตกใจ ร้องไห้หนัก
“ข้าก็ทำท่านแม่เจ็บปวดร้องไห้เช่นนี้หรือ!”
แม่นมหลินชะงักไปเล็กน้อย จริงอยู่ที่พวกเราเหล่าสตรียามคลอดบุตรย่อมต้องเจ็บปวดอยู่บ้าง ทว่าเสียงร้องของฟูเหรินคืนนี้ช่าง...
นางเกรงว่าฟูเหรินที่คลอดยากอาจจะ...นางไม่กล้าคิดต่อด้วยซ้ำ!
“ของเหล่านั้นก็เพียงของนอกกาย ท่านเก็บไว้เถอะ!”“หรงเอ๋อร์...” หลี่จือหลินขยับมือที่กุมมือน้อยไว้ ยกมือของเซียงหรงข้างที่ถือถังหูลู่ขึ้นจรดริมฝีปากเล็กๆ ดูจิ้มลิ้ม “กัดสักคำสิ”เสี่ยวเซียงหรงตื่นตระหนก รีบส่ายหน้ายิกเห็นนางใกล้จะหลั่งน้ำตาเต็มทีแล้ว หลี่จือหลินยิ้มน้อยๆ ก่อนย่อตัวลงนั่งชันเข่า ปาดน้ำตาที่ใกล้จะร่วงหล่นให้นาง จุมพิตแก้มนุ่มละมุนที่เริ่มจะโดนความเย็นกัดจนขึ้นสีแดงระเรื่อเหมือนถังหูลู่ที่ถูกตนบังคับจับมือให้ถือเอาไว้เบาๆเซียงหรงพลันตกใจจนลืมร้องไห้อา...บอกนางเรื่องกำไลหยกที่ห้อยคอนางอยู่ดีไหมนะ? หลี่จือหลินไล้ปลายนิ้วเรียวงามไปตามกรอบหน้าเล็กๆ ที่ผิวพรรณขาวนวลผ่องใสราวกับจะคั้นน้ำออกมาได้หลังชั่งใจอยู่ชั่วครู่ จวิ้นหวังจ๋างจื่อก็เลื่อนมือขึ้นลูบศีรษะน้อยๆ ของนางอย่างถนอมยังก่อนถูกแล้ว...เขายังไม่จำเป็นต้องรีบร้อนบอกนางในยามนี้ รอนางโตกว่านี้ค่อยว่ากันใหม่ก็แล้วกัน...ทว่าเรื่องที่สมควรพูดก็ยังต้องพูด หว่านเมล็ดไปแล้วที่ไหนเลยคนชนชั้นตระหนี่ถี่เหนียวเช่นเขาจะปล่อยให้เสียเปล่า ไม่คิดเก็บเกี่ยวสักนิด ยามนี้เกาทัณฑ์ของเขาง้างสายเอาไว้แล้ว ลูกศรหรือก็ชี้ไปที่เป้า จะไม่ใ
“ข้าไม่แต่งให้ท่านนะ!!!” เสียงอันดังของเซียงหรง กับประโยคน่าตกใจ ทำเอาคนรอบข้างหันมามองพี่ชายจวิ้นหวังจ๋างจื่อกับนางเป็นตาเดียวกันสายตาของคนรอบข้าง โดยเฉพาะคนด้านหน้า ทำเอาเสี่ยวเซียงหรงต้องกัดริมฝีปากแน่น ในใจได้แต่คิดว่า แย่แล้ว!นาง...เหตุใดนางกระทำการไม่ยั้งคิด โพล่งประโยคไร้มารยาทพรรค์นั้นออกมาต่อหน้าธารกำนัลเช่นนี้! ทำเช่นนี้...ทำเช่นนี้จวิ้นหวังจ๋างจื่ออย่างเขาคงเสียหน้ามากกระมัง?“เอ่อ...คือ...คือว่าข้า...” เซียงหรงอยากจะแก้ไขสถานการณ์ แต่ไม่รู้ว่าสมควรแก้ไขอย่างไรดีแล้วก็...ก็นางไม่อยากแต่งให้คนผู้นี้จริงๆ นี่นา!ไม่ใช่แค่กับคนผู้นี้ กับผู้ใดนางก็ไม่แต่งทั้งนั้น!หลี่จือหลินเห็นท่าทางของนางและสายตาคนรอบข้างแล้ว ก็แย้มรอยยิ้มที่ไม่พาดผ่านไปถึงดวงตา กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ“ของหมั้นก็รับไปแล้ว จะไม่แต่งให้ข้าได้อย่างไร”เอ๋!!! ของหมั้น? นางไปรับของพรรค์นั้นมาตั้งแต่เมื่อใด???หลี่จือหลินลดสายตาลงมองถังหูลู่ในมือนางเสี่ยวเซียงหรงเห็นสายตาเขาแล้วก็มองตามนะ นี่มัน หรือ...หรือว่า...“ต่อให้เจ้าโยนทิ้งลงพื้น ก็ถือว่าเจ้ารับของจากข้าไปแล้ว” หลี่จือหลิน ชิงดักคอ“ข้าจะคืน
เซียงหรงพยายามกวาดตามองหาพี่หญิงรอง น้องสี่ ท่านพ่อ และพี่ชายใหญ่ ทว่ากลับมองไม่เห็นใครสักคนแม้เงา“เป็นอะไรไป” เจ้าของร้านพลันรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้องหรือเด็กสาวคนนี้จะพลัดหลงกับสาวใช้?ประเดี๋ยวนะ...เด็กสาวผู้นี้มีเงินติดตัวมาหรือไม่ ได้ยินมาว่าพวกคุณหนูตัวน้อยเช่นนี้มักไม่ค่อยพกถุงเงิน เป็นหญิงรับใช้ต่างหากที่คอยดูแลชำระค่าสินค้าต่างๆ ให้พวกนาง...หากนางพลัดหลงกับสาวใช้และครอบครัวจริง เช่นนั้นความหวังที่จะได้เงินห้าตำลึงของตนคงหมดลงแล้ว! ไม่ถูก อย่าว่าแต่ห้าตำลึงเลย กับแค่เงินห้าอีแปะนางจะมีจ่ายให้หรือไม่ก็ยังไม่รู้!เจ้าของร้านพลันหงุดหงิดขึ้นมา วันนี้ค้าขายไม่ดียังไม่พอ ยังถูกคุณหนูตัวน้อยไม่รู้ความจากเรือนใดก็ไม่รู้มาก่อกวนเช่นนี้อีก!เขารีบเอ่ยเสียงแข็ง “คุณหนู จะไม่เอาถังหูลู่ทั้งหมดนี้แล้วก็ไม่เป็นไร ทว่าถังหูลู่ที่ท่านทำตกพื้นไม้นั้นเป็นของซื้อของขาย ท่านจะเก็บขึ้นมากินหรือไม่ล้วนไม่สำคัญ ทว่าท่านสมควรจ่ายค่าถังหูลู่ไม้นั้นมา” เจ้าของร้านแบมือ กระดิกนิ้ว เอ่ยเสียงขรึม “ข้าคิดค่าเสียหายกับค่าเสียเวลารวมทั้งหมดห้าอีแปะก็แล้วกัน! กับแค่เงินห้าอีแปะ อย่าบอกเชียวนะว่าคุณห
เฉินเซียงหรงหันกลับไปมองทางพี่ใหญ่และท่านพ่อที่ยืนอยู่คนละฟากฝั่งเล็กน้อยเอาเถอะ...แยกจากไปซื้อถังหูลู่ครู่เดียว ทั้งยังมีสาวใช้ตามมาด้วยถึงสี่คน คงไม่เกิดเรื่องไม่ดีใดให้ทุกคนต้องเดือดร้อนวุ่นวายใจกระมัง?เสี่ยวเซียงหรงหันกลับไปยิ้มให้พี่หญิงรองและน้องสี่ แปลกใจเล็กน้อยที่วันนี้รอยยิ้มของพี่หญิงรองกับน้องสี่ดูแปลกนักล้วนคิดมากไป...ล้วนคิดมากเกินไปทั้งนั้น...เสี่ยวเซียงหรงสลัดความคิดในแง่ร้ายที่ก่อตัวขึ้นอย่างน่ารังเกียจทิ้งไป ก้าวขาเดินไปพร้อมๆ กับพี่หญิงน้องหญิงด้วยหัวใจที่เป็นสุขอา...ถังหูลู่...แค่นึกถึงรสหวานของน้ำตาลที่เคลือบอยู่บนผิงกั่ว[1] นางก็แทบอดใจรอลิ้มชิมรสชาติที่ไม่ได้สัมผัสมานานไม่ไหวในจวนของพวกนางไม่เคยทำขนมชนิดนี้เลยสักครั้ง ด้วยท่านพ่อและท่านย่าเกรงว่าจะทำให้ฟันของพวกนางไม่งาม ซ้ำยังปวดฟัน ยามออกมาข้างนอกเช่นนี้ ท่านพ่อก็ยังห้ามปรามไม่ให้นางแตะต้อง กล่าวว่านอกจากจะทำให้ฟันเสียได้แล้ว ยังไม่แน่ว่าจะสะอาด...กินถังหูลู่ไม้หนึ่งเพื่อให้พี่หญิงรองและน้องสี่สบายใจ คงไม่ถึงกับนับว่าเป็นเด็กไม่ดีกระมัง?อื้อ! ถูกแล้ว นางทำเพื่อให้พี่หญิงรองและน้องสี่สบายใจอย่างไรล่ะ!
เสี่ยวเซียงหรงเห็นพี่ชายใหญ่ดูฮึกเหิมจริงจังก็อดขำไม่ได้ดูเหมือนพี่ใหญ่ของนางจะถูกเกมทายปริศนาทำให้เพลิดเพลินจนไม่อาจถอนตัวโดยง่ายแล้วเมื่อเห็นว่ามีการท้าทายกันเกิดขึ้น คนทั้งหลายในบริเวณนั้นต่างก็พากันแห่เข้ามาร่วมฟังคำถามจากเถ้าแก่ และรอลุ้นว่าคุณชายที่ยังเยาว์ผู้นี้จะตอบคำถามไปได้สักกี่ข้อ ชั่วอึดใจเดียวหน้าร้านทายปริศนาก็มีผู้คนมามุงแน่นขนัดเซียงหรงเองก็เพลิดเพลินไปกับการละเล่นทายปริศนาครั้งนี้ นางยืนฟังคำถามอย่างสงบ ขณะฟังไปก็คิดตามไปด้วย เถ้าแก่ถามมาสองข้อ นางก็ตอบในใจถูกทั้งสองข้อ ขณะกำลังตั้งใจฟังคำถามข้อที่สาม คาดไม่ถึงว่าจู่ๆ จะมีมือคู่หนึ่งมาปิดปาก พอหันไปมองก็เห็นว่าเป็นพี่หญิงรอง เฉินเหม่ยลี่ และน้องสี่ เฉินเหม่ยเซียงกำลังจะเอ่ยทัก พี่หญิงรองกลับดึงนางออกไปจากกลุ่มคนทั้งอย่างนั้นเซียงหรงเห็นว่าพี่ใหญ่และน้องเล็ก รวมถึงบ่าวชายสาวใช้ที่ติดตามมาล้วนกำลังเพลิดเพลินกับการทายปริศนา ซ้ำพี่หญิงรองและน้องหญิงสี่ยังมีสาวใช้ตามมาด้วยคนละสองคน รวมเป็นสี่คน นางจึงไม่ทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่รบกวนความสนุกของผู้คน ยอมเดินตามพี่หญิงน้องหญิงของตนออกไปอย่างเงียบๆเดินห่างออกมามากห
เด็กสาวที่ไหนๆ ก็ชอบของน่ารักๆ เช่นนี้ทั้งนั้น เขามั่นใจว่าตนเองเดาไม่ผิดและก็เป็นเช่นนั้นจริงๆเสี่ยวเซียงหรงพยักหน้าเล็กๆ ดูจิ้มลิ้ม กล่าวเสียงหวาน สำเนียงติดจะอ้อน“พี่ใหญ่...โคมกระต่ายอันนั้นน่ารักมากจริงๆ”เห็นนัยน์ตาสุกสกาวของน้องสาวแล้ว เฉินจิ้งอี้ก็ยิ่งฮึกเหิมในที่สุดน้องสาวตัวน้อยของเขาก็เลิกเหม่อลอยแล้ว!“ดี! ในเมื่อเจ้าอยากได้ พี่ใหญ่ก็จะชิงโคมกระต่ายมาให้เจ้า!” เฉินจิ้งอี้จูงมือน้องชายน้องสาวแยกจากคนอื่นๆ มุ่งหน้าไปทายปริศนาชิงโคมไฟทันทีหึ...คนอื่นๆ ก็ล้วนมีคนติดตามกันทั้งนั้น เหมือนๆ กับที่เขาและน้องชายน้องสาวมี เหตุใดเขาจะต้องใส่ใจคนเหล่านั้น?คนเหล่านั้นยามอยู่ในจวนล้วนเก่งกาจ หาเหตุมากลั่นแกล้งรังแกหรงเอ๋อร์ของเขาได้ทุกวัน ส่วนท่านพ่อแม้จะรักเอ็นดูเขาและน้องชายน้องสาวแล้วอย่างไร? วันทั้งวันท่านพ่อผู้นั้นก็เอาแต่ใส่ใจงานราชการ ไม่สนใจเรื่องในเรือนสักนิด เขาบอกกล่าวสิ่งใดกลับดุว่า กล่าวว่าบุรุษเช่นเขาสมควรใส่ใจศึกษาหาความรู้และความเจริญก้าวหน้า มิใช่คอยกล่าวหาคนในเรือนทั้งๆ ที่ไม่มีมูลเช่นนี้ ยามนี้ออกมานอกจวนก็เชิญเหล่าคนที่เก่งกาจทั้งหลายดูแลตนเองและกันและกันให้ดีก็