Share

บทที่ 72

Author: Karawek House
last update Huling Na-update: 2025-09-17 06:02:29

“เป็นเด็กสิดี ไม่มีใครถือสาอยู่แล้วว่าเด็กตัวเล็กๆ จะทำอะไรบ้าง” เขาเผยยิ้มกว้างจนเห็นเขี้ยวเล็กๆ “เจ้าว่าอย่างไรเล่า หรงเอ๋อร์ มาเป็นเด็กด้วยกันกับข้าดีหรือไม่”

“ข้ากับท่านไม่ใช่เด็ก แล้วท่านก็ห่างไกลกับคำว่า ‘ตัวเล็ก’ มากนัก!”

“ท่านแม่ของข้ายังเรียกข้ากับเจ้าว่า ‘เด็กคนนี้’ อยู่เลยไม่ใช่หรือ”

แม้จะกล่าวเช่นนั้น เขากลับโน้มตัวลง ยื่นตำราให้นาง

เฉินเซียงหรงหรี่ตามองอีกฝ่าย ก่อนจะยื่นมือออกไปอย่างลังเล แต่เพียงพริบตาเดียว ตำราก็ถูกแย่งชิงไปอีกคราหนึ่ง พร้อมกับที่เขาโอบไหล่นางเอาไว้หลวมๆ ก่อนจะดึงรั้งนางเข้ามานั่งใกล้ๆ “มาเถิด พี่ชายจะสอนตำราให้เจ้าเอง”

“ท่าน...ปล่อยนะ...” ร่างบอบบางดิ้นรนขลุกขลัก นัยน์ตางดงามเบิกกว้างอย่างตื่นตระหนกเมื่อเขารวบกอดนางเอาไว้ทั้งตัว แต่แม้จะเป็นเช่นนี้ คนขี้แกล้งก็ยังคงกลั้นหัวเราะจนอกสะเทือน ทำให้นางที่ถูกเขากอดรัดแนบอกรับรู้ถึงกล้ามเนื้อแน่นตึงและความอบอุ่นได้อย่างชัดเจน

"อย่าดิ้นนักสิ ข้าแค่จะดูตำราให้เจ้าเท่านั้นเอง" สุดท้ายเขาก็อดหัวเราะมิได้

ใบหน้าเล็กๆ ที่แดงก่ำนั่นช่างน่ารักเหลือเกิน...น่ารักเสียจนอยาก...

หลี่จือหลินพินิจดูนางใกล้ๆ ก่อนถอนหายใจ

ดวงหน้างดงามนี้อยู่ในความฝันของเขาทุกค่ำคืน อยู่ในทุกห้วงเวลา ทั้งยามหลับ ยามตื่น ในสนามรบอันโหดร้าย ณ โมงยามแห่งความเป็นความตาย นางคือสิ่งเดียวที่ดึงรั้งเขาเอาไว้ ดวงตาที่กระจ่างใสของนางยามจ้องมองมาที่เขาทำให้เขาอยากมีชีวิตรอดกลับมาหานางเพื่อทำตามสัญญา...

ที่แล้วมา เขาออกรบเพื่อปกปักษ์แผ่นดินที่นางอยู่ ปกป้องบ้านเมืองที่นางอิงอาศัย ทั้งยังคุ้มครองจวนกั๋วกงแห่งนี้เพียงเพราะว่านางยังอยู่ที่นี่

มารดาของเขามีบิดารักปกป้อง จึงมีชีวิตที่สงบและเป็นสุข...เขาเองก็อยากให้นางเป็นเช่นนั้น อยากทะนุถนอมปกป้องดูแลนางให้นางยิ้มได้ ให้นางได้ใช้ชีวิตอย่างมีเกียรติและมีความสุขจวบจนแก่ชราผมขาว มีลูกหลานและผู้คนที่รักใคร่ให้ความสำคัญล้อมหน้าล้อมหลัง

‘สตรี’ เพียงหนึ่งเดียวในชีวิตเขา...

“...หลี่...หลี่จือหลิน...ท่านจะทำอะไรน่ะ...”

เขากะพริบตาเมื่อได้ยินเสียงสั่นพร่าแผ่วหวานของนาง ก่อนจะชะงักเมื่อรู้ตัวว่าตนเองก้มต่ำลงมามากเพียงใด

แต่พริบตาต่อมา เขาก็แย้มริมฝีปากออกกว้าง กลบเกลื่อนร่องรอยความหวามไหวนั้นเอาไว้อย่างรวดเร็ว

ยัง...ยังไม่ถึงเวลา...ยังไม่ใช่ตอนนี้...

“คิดว่าพี่ชายจะทำอันใดหรือ...” เขาเอ่ยเสียงทุ้มนุ่มหู เรียวนิ้วปัดไปบนศีรษะนางเพียงชั่วครู่ก่อนหยิบเอากลีบดอกเหมยที่ติดอยู่มาแปะลงบนจมูกนาง “แค่จะหยิบสิ่งนี้ออกจากผมให้เจ้า...คิดอะไรอยู่ หน้าแดงเชียว...หรือเมื่อครู่นี้เจ้า...”

“ขะ ข้าทำไม...”

“เจ้าคิดถึงข้า?”

เซียงหรงอ้าปากค้าง

บุรุษผู้นี้...หน้าด้านที่สุด!

"หยุดพูดเหลวไหลเดี๋ยวนี้นะ! แล้วก็หยุดรังแกข้าได้แล้ว ไม่เช่นนั้นข้า...ข้าจะฟ้องท่านป้าสะใภ้!"

“เจ้าจะฟ้องท่านแม่ของข้าว่าอย่างไร”

“ก็ฟ้องว่าท่าน—”

“ประคองเจ้าไว้ไม่ให้ล้ม แล้วหยิบกลีบดอกไม้ออกจากผมให้เจ้าเช่นนั้นหรือ?”

เซียงหรงกัดริมฝีปากแน่น นางทั้งโกรธทั้งอาย แต่ก็ทำอะไรไม่ได้

หลี่จือหลินหัวเราะเบาๆ สุดท้ายก็ยอมคืนตำราให้นาง "หยุดกัดริมฝีปากเถอะ แล้วก็อย่าเอาเรื่องนี้ไปรบกวนท่านแม่เลย ข้าแค่หยอกเล่นนิดหน่อย ต้องโกรธเคืองกันถึงขั้นนี้เชียวหรือ...” เขาจ้องลึกลงในตานาง “รู้หรือไม่ เวลาเจ้าโมโหแล้วกัดริมฝีปากเช่นนี้ ช่างน่ารักทรงเสน่ห์ยิ่ง"

เซียงหรงหยุดกัดริมฝีปากทันที นางคว้าตำรามาถือไว้ในมือ ก่อนตั้งใจเปิดอ่าน พยายามไม่สนใจหัวใจที่เต้นระรัวผิดจังหวะ กับรอยยิ้มคล้ายไม่ยิ้มบนใบหน้าจวิ้นหวังจ๋างจื่อบางคน

Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App

Pinakabagong kabanata

  • ภรรยาห้าอีแปะ   บทที่ 104

    ไม่ทันที่นางจะได้ขยับตัว ตงหยางที่รัดท่อนแขนตัวเองเอาไว้อย่างแน่นหนาก็ก้มลงดูดที่แผลของตนเอง ดูดแล้วก็พ่นเลือดสีคล้ำเข้มออกมา ดูด แล้วก็พ่นเลือดสีคล้ำเข้มออกมา ทำวนซ้ำอยู่อย่างนี้จนเลือดที่ดูดออกมาจากปากแผลเป็นสีแดงสด ถึงยอมหยุดมือเขาปล่อยให้สายรัดเอวที่รัดท่อนแขนอยู่ค่อยๆ คลายออกเอง กระถดเข้าไปนั่งชิดผนัง ก่อนถอนหายใจออกมาตงหยางเหลียวมองซากงูตัวนั้นอีกครั้ง ก่อนจะตวัดสายตามองเฉินเซียงหรง เอ่ยอย่างหัวเสีย“ดีเหลือเกิน ข้าบอกให้อยู่นิ่งๆ เจ้าก็รีบขยับตัวทันที!”“ก็ข้านึกว่า...” นางละอายเกินกว่าจะกล้าพูดต่อเขาช่วยชีวิตนาง...อีกเป็นครั้งที่สอง นางกลับคิดว่าเขาจะฉวยโอกาสใช้กำลังข่มเหงรังแก ทำเรื่องที่นาง...ไม่ยินยอม...“คุณหนูเฉิน ข้าบอกเจ้าแล้ว ข้าไม่มีความจำเป็นต้องบังคับข่มเหงสตรีที่ไม่เต็มใจ” เขาแค่นหัวเราะ ก่อนกล่าวต่อไป “ทว่าเป็นเช่นนี้จะดีหรือ หากร่วมทางกันไปเรื่อยๆ แล้ววันหนึ่งข้าเกิดดื่มสุราเมามายจนขาดสติเล่า เจ้าจะทำอย่างไร เจ้าจะยังกล้าติดตาม ‘รับใช้’ ข้าอีกหรือ ข้าว่าเจ้ายอมกลั

  • ภรรยาห้าอีแปะ   บทที่ 103

    วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว เร็วจนเซียงหรงเองยังอดตกใจไม่ได้คืนหนึ่ง ขณะหลบฝนอยู่ในถ้ำเล็กๆ ตงหยางจุดไฟให้แสงสว่าง อากาศในถ้ำเย็นชื้น และเสื้อผ้าของพวกเขาเปียกชื้นจนต้องพาดไว้ใกล้กองไฟ เซียงหรงนั่งกอดเข่าห่างออกไปเล็กน้อย ดวงตาของนางมองเปลวไฟนิ่งราวกับตกอยู่ในห้วงภวังค์กระทั่งตงหยางมองนางด้วยสายตาขบขัน ก่อนจะเอ่ยขึ้น “เจ้าเคยคิดบ้างไหม ว่าแม้จะหนีการแต่งงาน แต่ในที่สุดเจ้าก็ต้องหาสามีอยู่ดี” เขาเอ่ยเสียงเบาเช่นเดิม “คุณหนูเฉิน เจ้ากล่าวว่าต้องการแน่ใจว่าจะสามารถส่งจดหมายถึงมือบิดาและพี่ชายที่อยู่ต่างเมือง จะทำเพียงส่งจดหมายบอกล่าวเล่าความ ไม่พบพวกเขา เจ้ามีพ่อและพี่ชายกลับคิดหนีหน้า เจ้าบอกว่ามีคู่หมั้น แต่ก็ไม่ปรารถนาที่จะแต่งงานกับคู่หมั้นผู้นั้น กลับมุ่งหมายออกบวชละกิเลสเสียมากกว่า ช่างไม่รู้เสียเลยว่าต่อให้เจ้าจะโกนผมโกนคิ้ว บุรุษที่ได้พบเห็นเจ้า พูดคุยกับเจ้า พวกเขาไหนเลยจะลืมเลือนเจ้าได้ลง เจ้าคิดว่าหากได้ออกบวช จะสามารถใช้ชีวิตอย่างสงบได้จริงหรือ” เซียงหรงเงยหน้าขึ้นมองเขา สีหน้าของนางเย็นชา “ก็ยังดีกว่ามีสามี&rdquo

  • ภรรยาห้าอีแปะ   บทที่ 102

    ยามบ่ายคล้อย แดดร่ม ลมตก เป็นช่วงเวลาที่เซียงหรงรู้สึกสบายเนื้อสบายตัวที่สุดในช่วงวัน พื้นอารมณ์จึงค่อนข้างดีทว่าอารมณ์ดีๆ ของนาง กลับถูกทำลายลงด้วยเสียงเฉยชาที่ดังขึ้นทำลายความเงียบ“เป็นเช่นไรล่ะ คุณหนูเฉิน ใช้ชีวิตแบบนี้สนุกดีหรือไม่ ไม่ต้องมีคนคอยรับใช้ ไม่ต้องมีที่นอนอุ่นๆ ไม่ต้องกินอาหารดีๆ ใช้สองขาเดินทาง ร่อนเร่พเนจร ค่ำไหนนอนนั่น” นั่นประไร! นางรู้ว่าเขาคงอดทนไม่ว่านางได้ไม่ถึงครึ่งชั่วยามหรอก ยิ่งในตอนที่นางกำลังมี ‘ช่วงเวลาดีๆ’ รู้สึกสบายเนื้อสบายตัวเช่นนี้ยิ่งแล้วใหญ่!เดินทางร่วมกันมาจนถึงตอนนี้ นางแทบจะนับเวลาที่เขาจะเอ่ยปากเหน็บแนมนางได้แม่นยำแล้ว!นางชำเลืองมองเขาด้วยสายตาขุ่นมัว “ไม่เห็นจะลำบากอะไร” นางตอบเสียงเรียบพลางรวบชายเสื้อที่ปลิวเพราะลมเย็นตงหยางหันมามองนาง หัวคิ้วของเขายกขึ้นเล็กน้อย “อ้อ เช่นนี้ไม่ลำบาก” เขาหัวเราะในลำคอ “เจ้านี่ช่างเป็นสตรีที่ดื้อดึงยิ่งนัก เจ้าอยากมีชีวิตแบบนี้ไปจนตายเช่นนั้นหรือ”นางหยุดเดิน หันไปสบตาเข

  • ภรรยาห้าอีแปะ   บทที่ 101

    “ข้าขอร้อง...” เซียงหรงเงยหน้ามองเขาด้วยดวงตาที่เริ่มแดงก่ำ “ข้าไม่มีที่ไปแล้วจริงๆ ที่บ้านของข้าในยามนี้ไม่มีใครที่ข้าจะไว้ใจได้อีก อีกทั้ง... อีกทั้งในเมืองหลวงยังมีสิ่งที่น่ากลัวมากๆ รอข้าอยู่ที่นั่น...” นางพยายามยื่นข้อเสนอ “ท่านช่วยชีวิตข้าเอาไว้ ขอเพียงท่านช่วยสะสางเรื่องที่ยังค้างคาใจและพาข้าหลบหนีจากฝันร้ายเหล่านั้น ข้ายินดีติดตามรับใช้ท่านในฐานะบ่าวคนหนึ่ง จะไม่สร้างความลำบากใดใดให้ท่านจอมยุทธสักนิด”“บ่าวคนหนึ่ง...” ชายสวมหน้ากากนิ่งเงียบไปอีกพักใหญ่ ก่อนถอนหายใจยาว “เอาเถิด หากเจ้าไม่สร้างปัญหาจริงดังปากว่า ข้าจะให้เจ้าเดินทางไปด้วย ระหว่างนั้นสบโอกาสค่อยหาทางส่งจดหมายไปถึงบิดาและพี่น้อง เรื่องคนของเจ้า สหายของข้าช่วยนางเอาไว้แล้ว”“จริงหรือ!”ได้ยินเช่นนี้ เซียงหรงโล่งใจเป็นอย่างยิ่งเขายังคงกล่าวต่อไป “ตงหลินผู้นี้เป็นสุภาพชน เชื่อถือได้ คนของเจ้าจะปลอดภัยอย่างแน่นอน หากเจ้าไม่มีความคิดอยากกลับบ้านก็ไม่ควรติดต่อ ‘คนของเจ้า’ ผู้นั้นอีก”แม้แว

  • ภรรยาห้าอีแปะ   บทที่ 100

    เซียงหรงมองชายแปลกหน้าเงียบๆ อยู่ครู่หนึ่ง แม้จะรู้สึกหวาดระแวงอยู่ลึกๆ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าชายร่างใหญ่ชุดดำสวมหน้ากากปกปิดใบหน้าผู้นี้ช่วยชีวิตนางเอาไว้ ช่วยนาง...ทั้งในตอนที่นางเสี่ยงชีวิตกระโดดลงมาจากหน้าผาสูงชัน และตอนนี้สายตาของเฉินเซียงหรงกวาดมองไปรอบๆ อีกครั้งกระท่อมหลังนี้ดูเหมือนจะถูกปล่อยทิ้งร้างมานานแล้ว โต๊ะไม้ที่วางตะเกียงอยู่มีรอยถลอกลึก มุมหนึ่งของผนังมีช่องโหว่ที่ลมพัดผ่านเข้ามาได้ ดังนั้น นอกจากกลิ่นสาบภายในกระท่อมแล้ว ยามนี้นางได้กลิ่นสนเขาอ่อนๆ ลอยมากับสายลมนางเริ่มรู้สึกถึงความเย็นของกระแสลมที่กัดกินเนื้อหนัง“ข้าจะจดจำบุญคุณครั้งนี้ไว้จนวันตาย...ข้าจำได้ว่าคล้ายจะเห็นท่านพลิ้วตัวมารับร่างข้าไว้ก่อนจะตกลงไปในแม่น้ำ ท่านเป็นจอมยุทธ์ใช่หรือไม่ จึงสามารถช่วยข้าไว้ได้เช่นนี้” นางถาม น้ำเสียงเจือความขอบคุณเขาไม่ตอบไม่เพียงไม่ตอบ ยังเบนสายตาไปทางอื่นด้วยซ้ำดวงตาที่มองลอดหน้ากากนั้นยังคงนิ่งลึกท่าทางเช่นนี้...ดูๆ ไปแล้ว ก็คล้ายองครักษ์ที่รับหน้าที่ติดตามคุ้มกันนางเช่นกันหรือว่า...นางอดถามไม่ได้ “ท่านคือองครักษ์จากตำหนักจวิ้นหวังที่คอยติดตามคุ้มกันข้าหรือ?”“ไม่ใช

  • ภรรยาห้าอีแปะ   บทที่ 99

    ยามเมื่อเซียงหรงค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้นมา นางรู้สึกได้ถึงความหนาวเย็นที่แทรกซึมผ่านผิวกาย แสงไฟจากตะเกียงน้ำมันเล็กๆ บนโต๊ะไม้ส่องประกายริบหรี่สะท้อนเงามืดบนผนังไม้ที่แตกร้าวราวกับภาพเขียนที่น่าขนลุกภาพหนึ่ง รอบตัวนางในยามนี้เงียบสงัด มีเพียงเสียงลมที่พัดผ่านช่องว่างของกระท่อมเก่าคร่ำคร่า“ท่านแม่...” นางยังรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นจากอ้อมกอดมารดาด้วยซ้ำทว่า... เพียงฝันไปหรอกหรือ?“ที่นี่ที่ไหน...” นางพึมพำแผ่วเบา รู้สึกร้าวระบมไปทั่วทั้งตัว เมื่อมองไปรอบๆ ก็พบว่าตัวเองนอนอยู่บนเสื่อเก่าขาด มีหมอนสีดำสนิทที่คล้ายจะทำขึ้นมาด้วยการเอาเสื้อคลุมเปียกๆ ตัวหนึ่งมาหุ้มฟางรองศีรษะ กลิ่นอับของไม้ผุและฝุ่นทำให้นางแสบจมูกจนแทบทนไม่ไหวดวงตาของนางเลื่อนไปหยุดที่ร่างของชายคนหนึ่ง เขาสวมชุดสีดำทั้งตัว ใบหน้าครึ่งบนกว่าแปดส่วน[1]ถูกปกปิดด้วยหน้ากากโลหะรูปพยัคฆ์ เผยให้เห็นเพียงดวงตาคมดุสะท้อนแสงไฟสลัวเหมือนตาของสัตว์ร้ายเซียงหรงสะดุ้งเล็กน้อย ความหวาดกลัวไหลย้อนกลับมาบีบรัดหัวใจของนางไว้แน่นเสื้อคลุมที่ใช้ทำเป็นหมอนยังคงเปียกชุ่ม เสื้อผ้าผมเพ้าของคนผู้นี้เองก็ไม่ต่างกัน...สังเกตได้เท่านี้เฉินเซียงหรงก็ห

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status