LOGIN“เป็นเด็กสิดี ไม่มีใครถือสาอยู่แล้วว่าเด็กตัวเล็กๆ จะทำอะไรบ้าง” เขาเผยยิ้มกว้างจนเห็นเขี้ยวเล็กๆ “เจ้าว่าอย่างไรเล่า หรงเอ๋อร์ มาเป็นเด็กด้วยกันกับข้าดีหรือไม่”
“ข้ากับท่านไม่ใช่เด็ก แล้วท่านก็ห่างไกลกับคำว่า ‘ตัวเล็ก’ มากนัก!”
“ท่านแม่ของข้ายังเรียกข้ากับเจ้าว่า ‘เด็กคนนี้’ อยู่เลยไม่ใช่หรือ”
แม้จะกล่าวเช่นนั้น เขากลับโน้มตัวลง ยื่นตำราให้นาง
เฉินเซียงหรงหรี่ตามองอีกฝ่าย ก่อนจะยื่นมือออกไปอย่างลังเล แต่เพียงพริบตาเดียว ตำราก็ถูกแย่งชิงไปอีกคราหนึ่ง พร้อมกับที่เขาโอบไหล่นางเอาไว้หลวมๆ ก่อนจะดึงรั้งนางเข้ามานั่งใกล้ๆ “มาเถิด พี่ชายจะสอนตำราให้เจ้าเอง”
“ท่าน...ปล่อยนะ...” ร่างบอบบางดิ้นรนขลุกขลัก นัยน์ตางดงามเบิกกว้างอย่างตื่นตระหนกเมื่อเขารวบกอดนางเอาไว้ทั้งตัว แต่แม้จะเป็นเช่นนี้ คนขี้แกล้งก็ยังคงกลั้นหัวเราะจนอกสะเทือน ทำให้นางที่ถูกเขากอดรัดแนบอกรับรู้ถึงกล้ามเนื้อแน่นตึงและความอบอุ่นได้อย่างชัดเจน
"อย่าดิ้นนักสิ ข้าแค่จะดูตำราให้เจ้าเท่านั้นเอง" สุดท้ายเขาก็อดหัวเราะมิได้
ใบหน้าเล็กๆ ที่แดงก่ำนั่นช่างน่ารักเหลือเกิน...น่ารักเสียจนอยาก...
หลี่จือหลินพินิจดูนางใกล้ๆ ก่อนถอนหายใจ
ดวงหน้างดงามนี้อยู่ในความฝันของเขาทุกค่ำคืน อยู่ในทุกห้วงเวลา ทั้งยามหลับ ยามตื่น ในสนามรบอันโหดร้าย ณ โมงยามแห่งความเป็นความตาย นางคือสิ่งเดียวที่ดึงรั้งเขาเอาไว้ ดวงตาที่กระจ่างใสของนางยามจ้องมองมาที่เขาทำให้เขาอยากมีชีวิตรอดกลับมาหานางเพื่อทำตามสัญญา...
ที่แล้วมา เขาออกรบเพื่อปกปักษ์แผ่นดินที่นางอยู่ ปกป้องบ้านเมืองที่นางอิงอาศัย ทั้งยังคุ้มครองจวนกั๋วกงแห่งนี้เพียงเพราะว่านางยังอยู่ที่นี่
มารดาของเขามีบิดารักปกป้อง จึงมีชีวิตที่สงบและเป็นสุข...เขาเองก็อยากให้นางเป็นเช่นนั้น อยากทะนุถนอมปกป้องดูแลนางให้นางยิ้มได้ ให้นางได้ใช้ชีวิตอย่างมีเกียรติและมีความสุขจวบจนแก่ชราผมขาว มีลูกหลานและผู้คนที่รักใคร่ให้ความสำคัญล้อมหน้าล้อมหลัง
‘สตรี’ เพียงหนึ่งเดียวในชีวิตเขา...
“...หลี่...หลี่จือหลิน...ท่านจะทำอะไรน่ะ...”
เขากะพริบตาเมื่อได้ยินเสียงสั่นพร่าแผ่วหวานของนาง ก่อนจะชะงักเมื่อรู้ตัวว่าตนเองก้มต่ำลงมามากเพียงใด
แต่พริบตาต่อมา เขาก็แย้มริมฝีปากออกกว้าง กลบเกลื่อนร่องรอยความหวามไหวนั้นเอาไว้อย่างรวดเร็ว
ยัง...ยังไม่ถึงเวลา...ยังไม่ใช่ตอนนี้...
“คิดว่าพี่ชายจะทำอันใดหรือ...” เขาเอ่ยเสียงทุ้มนุ่มหู เรียวนิ้วปัดไปบนศีรษะนางเพียงชั่วครู่ก่อนหยิบเอากลีบดอกเหมยที่ติดอยู่มาแปะลงบนจมูกนาง “แค่จะหยิบสิ่งนี้ออกจากผมให้เจ้า...คิดอะไรอยู่ หน้าแดงเชียว...หรือเมื่อครู่นี้เจ้า...”
“ขะ ข้าทำไม...”
“เจ้าคิดถึงข้า?”
เซียงหรงอ้าปากค้าง
บุรุษผู้นี้...หน้าด้านที่สุด!
"หยุดพูดเหลวไหลเดี๋ยวนี้นะ! แล้วก็หยุดรังแกข้าได้แล้ว ไม่เช่นนั้นข้า...ข้าจะฟ้องท่านป้าสะใภ้!"
“เจ้าจะฟ้องท่านแม่ของข้าว่าอย่างไร”
“ก็ฟ้องว่าท่าน—”
“ประคองเจ้าไว้ไม่ให้ล้ม แล้วหยิบกลีบดอกไม้ออกจากผมให้เจ้าเช่นนั้นหรือ?”
เซียงหรงกัดริมฝีปากแน่น นางทั้งโกรธทั้งอาย แต่ก็ทำอะไรไม่ได้
หลี่จือหลินหัวเราะเบาๆ สุดท้ายก็ยอมคืนตำราให้นาง "หยุดกัดริมฝีปากเถอะ แล้วก็อย่าเอาเรื่องนี้ไปรบกวนท่านแม่เลย ข้าแค่หยอกเล่นนิดหน่อย ต้องโกรธเคืองกันถึงขั้นนี้เชียวหรือ...” เขาจ้องลึกลงในตานาง “รู้หรือไม่ เวลาเจ้าโมโหแล้วกัดริมฝีปากเช่นนี้ ช่างน่ารักทรงเสน่ห์ยิ่ง"
เซียงหรงหยุดกัดริมฝีปากทันที นางคว้าตำรามาถือไว้ในมือ ก่อนตั้งใจเปิดอ่าน พยายามไม่สนใจหัวใจที่เต้นระรัวผิดจังหวะ กับรอยยิ้มคล้ายไม่ยิ้มบนใบหน้าจวิ้นหวังจ๋างจื่อบางคน
ตลอดการเดินทางไปยังหมู่บ้านว่อหลงที่มีซู่ซินรออยู่ หลี่จือหลินซื้อรถม้าคันหนึ่งให้นางนั่งอยู่ด้านใน ส่วนตัวเขาขับรถม้าด้านนอก เขาให้เหตุผลว่าจะทำให้การเดินทางสะดวกขึ้นนั่นก็จริงอยู่นับตั้งแต่มีรถม้า นางก็ไม่เคยต้องนอนบนพื้นหินพื้นหญ้าให้เจ็บหลังปวดเอว หรือคันเนื้อคันตัวเหมือนก่อนหน้านี้หลังจากที่เปิดเผยตัวตนแล้ว หลี่จือหลินปฏิบัติต่อนางอย่างดียิ่ง ไม่ว่านางอยากกินอยากดื่มอะไร เมื่อผ่านเข้าไปในหมู่บ้านหรือเมืองเล็กๆ ก็จะหาซื้อให้นางทุกอย่าง หากเป็นกลางป่ากลางเขา ไม่ว่าจะจับสัตว์ใดได้เขาก็จะแบ่งเนื้อส่วนที่ดีที่สุดให้นาง ปรุงรสด้วยเกลือหรือเครื่องเทศต่างๆ เท่าที่จะหาได้เพื่อให้นางเจริญอาหารยิ่งขึ้น ทั้งยังบ่นพึมพำทุกคืนว่านางผอมลงไม่น้อย ไม่เต็มไม้เต็มมือ...น่าเกลียดที่สุด ปากบอกว่านางผอมเกินไป แต่ใครกันที่คอยจับนางกินทุกคืน!คนเจ้าเล่ห์พรรค์นั้นตั้งใจทำให้นางได้พักผ่อนเต็มที่ในเวลากลางวันเพื่อรับใช้เขาในเวลากลางคืนชัดๆ!แม้จะรู้เช่นนั้น แต่เซียงหรงก็ไม่สามารถหลบเลี่ยงอ้อมกอดนั้นได้เลยเวลากลางคืนช่างหนาวเหน็บนัก แม้ว่าจะเหนื่อย
“ตอนที่เจ้ายังเป็นทารก ข้าจำได้ ในตอนนั้นข้าบอกเจ้าว่า ข้าจะคอยปกป้องเจ้าไปชั่วชีวิต...คำพูดประโยคนั้นเป็นทั้งคำสัญญาและคำสาบานแรกในชีวิตข้า” หลี่จือหลินพูดพร้อมกับยิ้มจางๆ “ในเทศกาลหยวนเซียวคืนนั้น ตอนที่ข้าซื้อถังหูลู่ให้เจ้า เจ้าคงไม่รู้หรอกว่ารอยยิ้มที่เจ้ามอบให้ข้ายามนั้นทั้งงดงามอ่อนโยนและหวานล้ำเพียงใด เพราะจดจำภาพนั้นได้ ข้าจึงไม่เคยยอมแพ้ในสงคราม ทุกครั้งที่เพลี้ยงพล้ำ ข้ามักคิดเสมอว่าจะต้องได้กลับมาเจอเจ้าเพื่อทำตามคำสัญญาสาบานและจะต้องปกป้องรอยยิ้มที่บริสุทธิ์งดงามเช่นนั้นเอาไว้ให้ได้ หรงเอ๋อร์ ข้าออกศึกมากมาย แม้กึ่งหนึ่งเพื่อบ้านเมือง แต่อีกกึ่งหนึ่งล้วนเป็นเพราะแผ่นดินเทียนจินคือบ้านของเจ้า เพราะที่แห่งนี้มีคนที่ข้าต้องการปกป้องเอาไว้อย่างเจ้าอยู่ข้างหลัง”เซียงหรงได้แต่จ้องเขาด้วยความงุนงง นางไม่เคยจำเรื่องราวเหล่านี้ได้เลย แต่เขากลับเล่าได้ละเอียดอย่างไม่น่าเชื่อ อีกทั้ง…เรื่องสาเหตุที่เขาออกรบและไม่เคยยอมแพ้จนมีชีวิตรอดกลับมาก็ช่าง…เขายังกล่าวต่อไป “หลายปีผ่านไป ข้าคิดว่าเจ้าอาจลืมข้าไปแล้ว แต่ข้ากลับไม่เคยล
หลี่จือหลินไม่อยากให้นางตั้งกำแพงในใจอีก ไม่ว่าอย่างไรเขากับนางก็ลงเอยกันไปแล้ว ไม่ว่านางจะยินดีแต่งให้เขาหรือไม่ นางก็หนีไปไหนไม่ได้อีกแล้วอยู่ดี…ทว่าเขาเองก็ยังอยากให้นางแต่งให้เขาด้วยความยินดี ไม่ใช่ด้วยความไม่เต็มใจเช่นนั้นเขาค่อยๆ ปัดปอยผมที่ล้อมกรอบหน้านางออก บีบนวดเนื้อตัวที่ปวดเมื่อยจากการร่วมรักเมื่อคืนพลางพูดเบาๆ เมื่อรำลึกถึงความทรงจำเมื่อเนิ่นนานมาแล้ว“เจ้ารู้ไหมว่าทำไมข้าถึงยืนยันที่จะแต่งงานกับเจ้า ไม่ว่าเจ้าจะอยากหนีข้าไปให้ไกลแค่ไหนก็ตาม” หลี่จือหลินเอ่ยขึ้น น้ำเสียงของเขาแผ่วเบาแต่เต็มไปด้วยความหนักแน่น ดวงตาคู่คมมองลึกเข้าไปในดวงตาของเซียงหรงที่เต็มไปด้วยความเคลือบแคลง“จะยังมีอะไรได้ นอกจากความดื้อด้านอยากเอาชนะคะคานของท่าน” นางตอบเสียงแข็ง ลุกขึ้นนั่งหันหน้าหนีราวกับไม่อยากรับฟังคำใดจากเขาอีกแต่หลี่จือหลินไม่ได้โกรธ เขายิ้มบางๆ ก่อนจะลุกขึ้นนั่งเคียงข้างนาง แววตาอ่อนโยนขึ้นอย่างเห็นได้ชัด“ไม่รู้เจ้ายังจำถังหูลู่ในเทศกาลหยวนเซียวได้หรือไม่”เซียงหรงขมวดคิ้วทั
“หรงเอ๋อร์…ชายหญิงร่วมเตียง จะเป็นอันใดกันได้ นอกจากสามีภรรยา” เขาพูดเสียงนุ่ม “อีกอย่าง เจ้าคิดว่าหากเฉินกั๋วกงได้ทราบ เขาจะไม่บังคับให้เจ้าแต่งงานจริงหรือ ต่อให้เป็นคุณชายใหญ่จวนเจ้าที่เจ้าคิดว่าจะเข้าข้างเจ้าแน่ๆ หากเป็นเรื่องนี้...เชื่อเถิดว่าเขาเองก็จะต้องเกลี้ยกล่อมให้เจ้ายอมแต่งให้ข้าเช่นกัน”คนฟังหน้าซีดเผือดลงทุกขณะ ยิ่งเมื่อเอ่ยถึงว่าเขาจะบอกบิดาและพี่ชายนางเกี่ยวกับเรื่องนี้ เซียงหรงก็ยิ่งรู้สึกราวกับถูกหลอกขึ้นมาทันทีไม่หรอก...ไม่ได้รู้สึก...นางถูกหลอกจริงๆ นั่นล่ะ!ใบหน้าหวานล้ำเผือดซีด ความเจ็บปวดตรงกึ่งกลางกายราวกับจะส่งเสียงหัวเราะเย้ยหยันความโง่เขลาของนางนางวิ่งวนอ้อมไปทั่ว แต่สุดท้ายแล้วก็กลับตกอยู่ในเงื้อมมือของเขาเช่นเดิมราวกับตัวตลก ราวกับสัตว์ที่ติดในกรง ต่อให้นางจะวิ่งไปข้างหน้าเช่นไร ก็มีเพียงกับดักที่รออยู่เท่านั้น“หากเจอท่านกั๋วกงแล้ว ข้าจะรีบปรึกษาว่าเราจะเร่งแต่งงานกันให้เร็วที่สุด ยังต้องหาฤกษ์ยาม ต้องดูก่อนว่าท่านพ่อตาต้องการสิ่งใดเป็นพิเศษ อ้อ
ยามรุ่งอรุณแรกของวันใหม่ แสงแดดอ่อนๆ สาดส่องลอดเข้ามาผ่านปากถ้ำ เสียงนกร้องแว่วดังจากบนยอดไม้ ช่วยเสริมให้บรรยากาศดูเงียบสงบ แต่ภายในถ้ำเล็กๆ นั้นกลับเต็มไปด้วยความรู้สึกหลากหลายที่ปะทุอยู่ในใจคนทั้งสองเฉินเซียงหรงค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาพร้อมความเจ็บปวดที่แล่นแปลบไปทั้งร่างเพียงนางขยับตัวเล็กน้อย ความเจ็บและเมื่อยล้าเนื้อตัว รวมถึงความปวดร้าวจากสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืน ทำให้นางข่มความเจ็บใจเอาไว้แทบไม่ไหว น้ำตาพลันเอ่อคลอเบ้าอีกครั้งหลี่จือหลินที่นอนตะแคงร่างหันหน้าเข้าหานางกลับอยู่อย่างเงียบๆ ใบหน้าหล่อเหลาที่มักประดับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์กลับดูซีดเซียวและเต็มไปด้วยความสำนึกผิด แววตาของเขาดูหม่นแสงราวกับแบกรับทุกความผิดบาปบนโลกนี้ไว้ "เจ้าเจ็บมากหรือไม่?" เสียงของเขาแผ่วเบาแต่เต็มไปด้วยความเป็นห่วงเซียงหรงเบือนหน้าหนี ไม่อยากมองหน้าเขาอีกแม้แต่น้อยนางกัดริมฝีปากแน่น พยายามลุกขึ้นด้วยตนเอง แต่เพียงแค่ขยับตัวเพียงนิด กลางกายที่ยังคงทั้งบวมทั้งแดงก็ส่งความเจ็บปวดจนต้องทรุดฮวบลงไปอีกครั้งหลี่จือหลินรีบประคองนางไว้ เขากุมมือนางเบาๆ แต่เซียงหรงกลับสะบั
หลี่จือหลินนิ่งไปครู่หนึ่ง ดวงตาของเขาฉายแววความเจ็บปวดและสับสน ก่อนที่เขาจะถอนหายใจยาว ปล่อยนางให้เป็นอิสระ รู้สึกได้ถึงความชื้นแฉะที่อก…พอเดาได้ว่ารอยกระบี่ฟันซึ่งได้จากการร่วมต่อสู้กับกลุ่มนักฆ่าที่หานชิงเยว่ส่งมาสังหาร ‘ตงหลิน’ องครักษ์ที่เขาวางตัวให้คอยติดตามคุ้มกัน เฉินเซียงหรงในที่แจ้ง ปริแยกเพราะแรงผลักของนางเมื่อครู่“เจ้าไม่เข้าใจอะไรเลยสักนิด เฉินเซียงหรง” เสียงของเขาอ่อนลงเล็กน้อย “สำหรับข้า สัมพันธ์ระหว่างเราจะไม่ใช่และไม่มีทางเป็นสิ่งที่ทำเพื่อตัดความสัมพันธ์ แต่เป็นสิ่งที่ข้าหวังจะทำเพื่อให้เราสองคนผูกพันกันตลอดไป”เซียงหรงบอกอย่างปลดปลง “ท่านต่างหากที่ไม่เข้าใจอะไรเลยสักนิด เรื่องนั้นก็ช่างเถอะ สำหรับข้า ขอเพียงไม่ต้องแต่งงาน หากท่านเพียงอยากได้ร่างกาย ท่านก็เอามันไปเถิด”ขอเพียงไม่ต้องแต่งงาน...อย่างนั้นหรือ?เพียงเพื่อหลีกเลี่ยงเขา ต่อให้ต้องพลีกายให้ชายอื่น นางก็ไม่สนใจแม้จะต้องขึ้นเตียงกับเขา นางก็ยังดื้อด้านไม่ยอมแต่ง!หลี่จือหลินมองสตรีตรงหน้าด้วยแววตาเจ็บ







