ตอนนี้ขบวนเล็กๆของฟางอี้หลิงนั้นได้เดินทางกลับไปที่จวนของท่านแม่ทัพฟางอี้หลุนด้วยรถม้าสามคันที่ขนของกลับมาด้วย ด้วยการต้อนรับของพ่ออู๋ทงคนเก่าแก่ของท่านพ่อที่พอเห็นคุณหนูก็ให้ดีใจมากและก็เสียใจกับข่าวลือที่ดังไปทั่วเมืองหลวงในตอนนี้
"พวกท่านอย่าได้กังวลข้าสบายดีและจะกลับมาอยู่ที่จวนของท่านพ่อเหมือนเดิมนี้ละเจ้าค่ะท่านลุงอู๋ทง" ฟางอี้หลิงบอกกับคนงานในจวนที่ทำงานมานานทุกคนต่างก็รักเจ้านายทุกคนและทำงานด้วยความซื่อสัตย์ ในวังหลวงข่าวลือนั้นได้ดังไปจนถึงฮองเฮาที่เป็นญาติกันกับฟางอี้หลิงรู้เรื่องก็ร้อนใจ รอจนฮ้องเต้จบการประชุมกับขุนนางยามอู๋ ฮองเฮาจึงมาขอเข้าเฝ้าพระสวามีกับเรื่องของญาติผู้น้องที่พึ่งจะแต่งไปเมื่อวันก่อน "ฝ่าบาทเพคะข่าวลือนั้นของท่านอ๋องหยวนอวิ๋นฉีกับพระชายาฟางอี้หลิงเป็นจริงใช่ไหมเพคะ หม่อมฉันได้ให้คนไปสืบก็เป็นตามข่าวลือ ตอนนี้พระชายาฟางอี้หลิงโดนทำโทษให้ไปที่ตำหนักร้างนอกเมืองหลวง แต่ตอนนี้ญาติของหม่อมฉันได้กลับไปยังจวนแล้ว ทั้งได้ส่งคนมาหาหม่อมฉันบอกว่าจะขอเข้าเฝ้าฝ่าบาทเป็นการส่วนตัวที่ตำหนักเฉินเล่อของหม่อมฉันในวันพรุ่งนี้ ขอพระองค์ทรงอนุญาตด้วยเพคะ" ฮองเฮาร้องขอต่อพระสวามี "ได้สิฮองเฮามันเป็นความผิดของเจิ้นเองที่มอบสมรสราชทานให้กับญาติผู้น้องของเจ้า" เป็นเพราะเป็นห่วงว่าท่านแม่ทัพฟางอี้หลุนกับรองแม่ทัพฟางอี้ข่ายที่รบติดพันมานานจะเป็นห่วงในตัวบุตรสาวจึงเลือกแต่งเข้าตำหนักเมฆาของน้องชาย แต่ก็เกิดเรื่องจนได้เพราะไปขัดใจอ๋องหยวนอวิ๋นฉีที่ไม่ชอบการบังคับแถมยังรับชายารองเข้าตำหนักก่อนจะเดินทางไปรบเพื่อประชดเจิ้นอีกด้วย "เอาไว้ให้ญาติผู้น้องของฮองเฮามาพบเราก่อนว่านางต้องการอะไร เรื่องวางยานั้นเป็นเราที่ให้หลี่กงกงจัดการแต่โทษไปตกที่ญาติผู้น้องของฮองเฮา เจิ้นยังไม่ได้บอกอ๋องหยวนอวิ๋นฉีเลยเอาไว้ให้เขากลับมาเจิ้นจะบอกเขาเอง" ฮ่องเต้ตรัสก่อนที่สองพระองค์จะเสวยพระกายาหารเที่ยงร่วมกันที่พระตำหนักของฮ่องเต้ ที่จวนของบิดาของฟางอี้หลิงคนที่นางให้ไปส่งจดหหมายให้กับฮองเฮาเพื่อขอเข้าเฝ้าเป็นการส่วนตัวนั้นได้มาบอกว่าได้รับอนุญาตให้เข้าเฝ้ายามอู๋ที่พระตำหนักเฉิงเล่อของฮองเฮา หลังจากกลับเข้ามาในห้องนอนรหัส 007 นั่งคิดวางแผนที่จะขอพระราชทานจากฮ่องเต้เพื่อเดินทางไปหาบิดา เพื่อหาแนวทางการช่วยเหลือเรื่องเสบียงที่จะส่งไปในครั้งนี้ด้วย แล้วจะขอให้พระองค์พระราชทานใบหย่าแล้วรอให้ท่านอ๋องกลับมาลงชื่อประทับลายมือทีหลัง ตอนนี้ข้าจะขอหย่าตัดหน้าเขาเองเพราะฟางอี้หลิงเองไม่คิดจะร่วมใช้ชีวิตกับท่านอ๋องหยวนอวิ๋นฉีน้องชายของฮ่องเต้อีกต่อไป ยอมเสียตำลึงส่วนตัวช่วยเรื่องหาเสบียงไปช่วยทางชายแดนดีกว่า ว่าแต่เสียดายข้าวของที่ยานของข้ายิ่งนัก ข้าว ยา เนื้อกลายพันธ์มากมายที่เราเก็บสะสมเอาไว้ใช้กินทั้งชาติก็ไม่หมด แถมอาวุธอีกมากมาย 007 นั่งคิดถึงสิ่งที่เป็นของตัวเองตอนที่หนีเข้ายานก่อนที่จะได้ยินเสียงระเบิด !!!!โอ้แม่เจ้า พอคิดถึงยานฟางอี้หลิงก็เหมือนโดนดูดหายไปโผล่ในยานตรงนั้นเลย หลังจากที่หายตกตะลึงเธอก็หัวเราะด้วยความพอใจเพราะว่าของในยานของนั้นตามมาในแบบมิติที่สามารถเข้าไปได้เพียงแค่คิดหึๆ ยามีประสิทธิภาพ อาหาร เนื้อกลายพันธ์มากมาย ข้าวอย่างดีเต็มโกดัง ห้องเก็บเสบียงที่แยกออกเป็นห้องในย่านลำใหญ่ของเธอ ขอบคุณนะที่ตามมาพอดีเลยจะได้นำไปช่วยท่านพ่อกับพี่ชายที่ชายแดน คืนนั้นคุณหนูฟางอี้หลิงก็นอนในยานของตัวเองด้วยความสบายใจ หลังจากกินมื้อเช้าที่จวนเสร็จ ฟางอี้หลิงก็เตรียมตัวเข้าเฝ้าฮ่องเต้ในยามอู่ ต้องไปรอที่พระตำหนักของฮองเฮาญาติผู้พี่บุตรสาวของเสนาบดีฝ่ายขวาลูกพี่ลูกน้องของบิดาที่มีบุตรสาวนามฟางซือเซียนที่ได้แต่งเข้าเป็นฮองเฮาของฮ้องเต้ที่เกิดก่อนฟางอี้หลิงสามปี ที่นี้คือเมืองโยวหลันที่พึ่งจะมีฮ่องเต้ยังหนุ่มที่ขึ้นปกครองต่อจากพระบิดาได้ไม่นานและมีบิดาของฟางอี้หลิงเป็นแม่ทัพที่รบร่วมกันมานานกับฮ้องเต้พระองค์ก่อนและท่านลุงที่เป็นเหมือนมือขวาให้กับฮ่องเต้พระองค์ก่อนจนมาถึงรุ่นลูกตระกลูของพวกนางจึงเปรียบเสมือนแขนขาของราชวงศ์มานมนานจนยั่งรากลึกด้วยความซื่อสัตย์มาโดยตลอด ส่วนฟางอี้หลิงนั้นจะไม่รู้จักหน้าตาของท่านอ๋องนั้นก็ไม่แปลกเพราะเธอเป็นคุณหนูที่ไม่ค่อยออกมาพบปะออกสังคมมากนักเพราะตอนเด็กนั้นร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง บิดาจึงให้แม่ยายเลี้ยงดูที่เมืองจี้เป่ยพึ่งจะกลับมาอยู่ที่จวนของบิดาในเมืองหลวงไม่นานก่อนจะแต่งงาน และตัวท่านอ๋องหยวนอวิ๋นเองก็ไปอยู่ค่ายทหารเพื่อค้านอำนาจให้พี่ชายที่ขึ้นเป็นฮ่องเต้ต่อจากพระบิดา สามปีมานี้ที่รู้สึกว่าจะมีแคว้นใกล้เคียงเริ่มเปิดศึกเพราะคิดว่าฮ่องเต้องค์ใหม่นั้นไร้เขี้ยวเล็บกระมังแต่หารู้ไม่ว่าสองพี่น้องนั้นจะอยู่ในสนามรบมากกว่าในวังเสียอีก ฟางอี้หลิงนั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อยจนมาถึงวังหลวงแล้วมีขันทีมารับไปส่งที่พระตำหนักเฉินเล่ออีกที "ฮองเฮาพะย่ะค่ะพระชายาฟางอี้หลิงมาถึงแล้วพะย่ะค่ะ" ก่อนที่จะมีนางกำนันเดินออกมารับพาเข้าไปในตำหนักอีกครั้งหนึ่ง หนนี้ฟางอี้หลิงได้พบหน้าของญาติผู้พี่ที่งดงามช่างเหมาะสมกับตำแหน่งแม่ของแผ่นดิน "ถวายพระพระฮองเฮาเพคะขอพระองค์อายุยืนยาวเป็นหมื่นๆปี" ฟางอี้หลิงทำตามความทรงจำของร่างเดิมเรียนรู้ก่อนจะแต่งเข้าพระตำหนักของท่านอ๋องหยวนอวิ๋นฉีจึงทำให้ไม่ติดขัด "พวกเจ้าออกไปก่อน" เสียงของฮองเฮาบอกกับนางกำนัลที่คอยปรนนิบัติข้างกายหลายคน "เพคะ/พะย่ะค่ะ" "พระชายาฟางอี้หลิงทำตัวตามสบายเรียกพี่สาวได้เหมือนเดิมเถอะ ถึงแม้ว่าพวกเราจะไม่ได้พบหน้ากันมาหลายปี แต่พี่สาวยังจำที่น้องสาวช่วยชีวิตพี่สาวขึ้นมาหลังจากการจมน้ำจนตัวเองเจ็บป่วยมาหลายปีลำบากเจ้าแล้วน้องสาวของพี่" ฮองเฮาลุกขึ้นเดินมาจับมือฟางอี้หลิงไปนั่งด้วยกัน ฟางอี้หลิงสังเกตุฮองเฮาญาติของเจ้าของร่างเดิมที่แสดงออกว่ารักใคร่เอ็นดูเธอไม่น้อย อ้อที่แท้แล้วเธอเคยช่วยเหลือฮองเฮาเมื่อครั้งเยาว์วัยนั้นเอง "ขอบพระทัยเพคะฮองเฮาที่ทรงเมตาหม่อมฉัน" ฟางอี้หลิงตอบฮองเฮาจากนั้นสองสาวจึงพากันพูดคุยกันถึงเรื่องแต่หนหลังสู่กันฟัง จนฮ้องเต้เสด็จมาเสวยพระกายาหารเที่ยงร่วมกันก่อนที่จะคุยเรื่องธุระ ซึ่งฟางอี้หลิงได้เกริ่นกับฮองเฮาไปก่อนหน้านี้แล้วกับสิ่งที่นางต้องการหย่าจากท่านอ๋องหยวนอวิ๋นฉีวันเวลาหนุนเวียนไปผ่านไปตอนนี้สองแฝดอายุได้สองขวบกว่าๆแล้ว เซี่ยเสี่ยวหลานกำลังตั้งครรภ์ได้สี่เดือนกว่าแล้วเช่นเดียวกันสร้างความดีใจให้กับแม่โจวหลี่เฉิงเป็นอย่างมากที่ทำลูกเพิ่มได้อีกในครรภ์ของฮูหยินสาวคนสวยของท่านแม่ทัพแทบจะไม่ให้นางทำอะไรเลย เพียงแค่ฮูหยินขยับตัวแม่ทัพหนุ่มก็จะลุกขึ้นประคองทันทีและคอยช่วยงานแทนฮูหยินทุกสิ่งอย่าง จนเซี่ยเสี่ยวหลานต้องบอกสามี"น้องไม่ได้เป็นง่อยเจ้าค่ะท่านพี่ให้น้องทำอะไรบ้างเถอะเจ้าค่ะ ข้ารับรองว่าจะไม่ทำเกินแรงของตัวเองอย่างแน่นอนนะเจ้าค่ะท่านพี่""ได้พี่ตามใจน้องทุกอย่างแต่ขอให้พี่ได้อยู่ดูแลตอนน้องตั้งท้องลูกของพี่บ้างนะเพราะสองแฝดพี่ก็ติดรบกับข้าศึกที่ชายแดน กว่าจะได้มาตอนที่น้องคลอดลูกในวันนั้นพอดี ท้องนี้พี่จะดูแลน้องอย่างดีเลยท้องนี้พี่จะดูและไม่ให้คลาดสายตาเลย" แม่ทัพโจวหลี่เฉิงพูดกับฮูหยินคนสวยอย่างเอาใจจนเซี่ยเสี่ยวหลานส่ายหัวในความเห่อของสามีตอนนี้เจ้าสองแฝดพี่น้องแทบจะไปนอนกับบิดาของนางทุกคืนอยู่แล้วตื่นมาตอนเช้าถ้าจบมื้อเช้าก็จะไปเรียนกับอาจารย์ที่บิดาหามาให้สอนทุกวัน แต่ถ้าวันไหนหยุดสองแฝดก็จะตามท่านตาไปที่ฟาร์ทุกวันเช่นเดียวกัน ละตอนน
ในที่สุดเซี่ยเสี่ยวหลานก็ทำโครงการจนครบหมดทุกอย่างในเวลาสามเดือนต่อมาจากนี้คือคนขององค์ชายสองทำต่อ ส่วนตัวนางกับสามีก็ได้เดินทางกลับมาถึงเมืองหลวงเป็นที่เรียบร้อยแล้วและสองแฝดก็จะครบปีในเดือนนี้แล้วทั้งแฝด ตั้งแต่เดินได้นี้วิ่งตามบิดากับท่านตาในตอนเช้าทุกวันต้องออกไปดูฟาร์มของท่านตากับบิดาทุกวันส่วนเซี่ยเสี่ยวหลานก็วาดแบบชุดเสื้อผ้าอาไว้เยอะๆและออกไปตรวจงานที่ร้านผ้าเดือนละสองสามครั้งบ้างส่วนมากเป็นพ่อบ้านจี้ที่ดูแลแทน แม่ทัพโจวขอกลับมาดูแลทหารในสังกัดของเมืองหลวงฝึกซ้อมทหารในค่ายขององค์ชายสองที่ดูแลรักษาวังหลวง ทุกวันต้องออกไปฝึกซ้อมและดูแลค่ายแทนองค์ชายสองทุกอย่างส่วนวันหยุดก็เลี้ยงบุตรช่วยฮูหยินพากันไปที่ฟาร์มของพ่อตาเป็นส่วนใหญ่เพราะได้เรียนรู้งานทุกสิ่งอย่างซึ้งทั้งสองแฝดจะชอบมากเวลาได้ออกข้างนอกกันส่งเสียงกรีดกร๊าดกันเลยทีเดียว เซี่ยเสี่ยวหลานได้แต่หัวเราะสองแฝดที่อยากรู้อยากเห็นส่งเสียงถามใหญ่เลยยังกับตัวเองพูดชัดเสียอีก นางมองลูกที่ช่างจ้อถามอย่างเอ็นดู"ว่ายังไงหือเจ้าตัวยุ่งทั้งสองของแม่อยากรู้อะไรอีกถามพ่อกับแม่ไม่หยุดเลยหือเจ้าหมูน้อยของแม่" ก่อนที่นางจะฟัดพุงของลูกน้อยท
เซี่ยเสี่ยวหลานอยู่ช่วยงานองค์ชายสองจนครบเดือนแล้วตอนนี้สินค้าทุกย่างเริ่มส่งออกขายไปยังเมืองใกล้เคียงหลายเมืองแล้ว ตั้งแต่ที่ทางตัวเมืองที่องค์ชายสองลงมาให้ความรู้และสอนอาชีพให้กับชาวบ้านที่อาศัยในแทบชายทะเลให้รู้จักว่าสิ่งไหนสามารถกินได้และนำมาใช้ประโยชน์ได้บ้าง ของที่นำเข้าร่วมงานของดีของตัวเมืองนี้ได้รับความสนใจจากเมืองข้างเคียงเป็นจำนวนมากเพราะสินค้าที่จะส่งขายทุกตัวอย่าง จะให้ชิมฟรีกันภายในงานสร้างความแปลกใหม่สำหรับชาวเมืองเป็นอย่างมากและพอทุกคนได้ชิมสินค้าทุกตัวจึงขายดี จนกลับไปขนที่จวนมาขายสร้างตำลึงให้กับองค์ชายสองเป็นจำนวนมากหักค่าคนงานที่มารับจ้างออกแล้ว แม้แต่ทหารก็ยังได้รับเงินพิเศษต่างหากนอกจากเบี้ยหวัดรายเดือนที่ได้รับอีกด้วยสร้างความดีใจให้กับทหารในสังกัดขององค์ชายสองยิ่งนัก พวกเขาพากันส่งตำลึงให้ครอบครัวที่รออยู่ทางบ้านกันทุกคน ชาวบ้านก็มีงานทำใครมีที่ทางไม่ติดกับทะเลจนเกินไปองค์ชายสองก็แจกจ่ายเมล็ดพันธุ์ผักต่างให้จนครบทุกครัวเรือนและให้เข้าร่วมโครงการหลวงขององค์ชายสองที่ซื้อที่ไว้สำหรับสอนชาวบ้านเพาะปลูกและพาลงมือสอนทุกขั้นตอน ใครไม่มีที่องค์ชายสองก็จัดสรรให้ทุกครอบค
ตอนนี้สองร่างพัวพันกันบนเตียงหลังใหญ่ด้วยความเร่าร้อนฟางอี้หลิงที่ไม่เคยผ่านมือชายมาก่อนตอนนี้ถูกพระสวามีปรนเปรอจนไม่เป็นตัวของตัวเอง มันทั้งเสียวทั้งเรียกร้องให้นางตอบสนองเขากลับแบบเงอะๆงะๆของคนที่ไม่ประสาเรื่องของสามีภรรยาที่มีสัมพันธ์ลึ้กซึ้งต่อกัน นางก็ทำไปตามสัญชาตณาญของนางเองสร้างความพอใจให้กับชายหนุ่มยิ่งนัก ที่พระชายรักยอมตอบสนองตัวเองแบบไร้เดียงสายิ่งทำให้อารมณ์ของท่านอ๋องหนุ่มที่กักเก็บมานานแทบจะคลั่งต่อกริยาน่ารักของพระชายารักของตัวเองเขาจึงต้องให้นางพร้อมกัน ก่อนจะนำอ๋องน้อยเข้าไปในกุหลาบงามของนางการร่วมหอในครั้งนี้ชายหนุ่มจึงต้องใจเย็นและให้นางประทับใจในการร่วมรักกับพระสวามีมากที่สุดเนางร้องครวญครางใต้ร่างใหญ่ของพระสวามีมือก็ลูบสะเปะสะปะไปทั่วตัวของพระสวามี ชายหนุ่มกำลังดูดดึงหน้าอกอวบใหญ่เกินตัวของนางด้วยความหลงไหลส่วนมืออีกข้างก็ลูบลงไปแหวกร่องกลางกายของนางที่มีน้ำสีใสรื่นออกมาเพราะมีอารมณ์ร่วมกับพระสวามีก่อนจะใช้นิ้วเขี่ยจุดอ่อนไหวของนางจนฟางอี้หลิงต้องส่งเสียงครางหวานออกมา อ๋องหนุ่มเร่งชักนิ้วเร็วขึ้นให้ชายารักถึงฝั่งฝันไปก่อนตนเองพอท่านอ๋องชักนิ้วเร็วขึ้นตามเสียงกรี
ในที่สุดก็ถึงวันที่ไปดูเกลือกันที่ได้เวลาตามที่กำหนดหลังจากอิ่มมื่อเช้าทุกคนก็ออกไปที่ทำนาเกลือเลย เซี่ยเสี่ยวหลานก็ขี่ม้าตัวเดียวกับสามีเพราะแม่ทัพหนุ่มไม่ยอมให้นางขี่ม้าคนเดียวอีกนั้นเอง พอมาถึงที่ทำนาเกลือทั้งสามหนุ่มตกตะลึงกับผลงานของตัวเองจากที่มองไปจนสุดลูกหูลูกตามีแต่เกลือสีขาวจนเต็มไปหมด สามคนสูดลมหายใจจนสุดก่อนจะหันหน้ามองกันและยิ้มด้วยความภาคภูมิใจในที่สุดก็สำเร็จ"ขอบใจน้องสะใภ้ยิ่งนัก" องค์ชายสองตรัสขึ้นหลังจากมองดูนาเกลือจนพอใจ"เอาละทุกคนเอาที่คาดแจกจ่ายให้กับคนงานกวาดเอาไว้เป็นกองๆ ให้คนลำเลียงเข้าไปเก็บที่โรงเรือนใหญ่เพื่อจะบรรจุใส่ชะรอมใหญ่รอส่งออกขายต่อไปทั่วทุกเมืองได้เลย" นางบอกหัวหนัาทหารที่คอยดูแลนาเกลือ"อย่าลืมเอาจัดส่งเข้าวังให้องค์ฮ้องเต้ได้เห็นว่าแคล้นของเราก็สามารถผลิตเกลือใช้เองแล้วนะเพคะองค์ชายจะได้ไม่ต้องนำเข้าให้เสียตำลึงทองมากมาย ตอนนี้ให้ราชสำนักจัดการขายให้ราษฎรของค์ฮ้องเต้ได้เลยเพคะองค์ชาย" เพราะองค์ชายสองเป็นคนผูกขาดและขายเกลือแต่เพียงผู้เดียวโดยคนในราชสำนักของฮ้องเต้ลงมาดูแลด้วยอีกทาง วันนั้นทั้งวันทั้งสี่คนก็อยู่ที่นาเกลือจนถึงมื้อเที่ยงเซี่ยเสี่
เรื่องราวของเมืองจี่เป่ยถูกจัดการเสร็จสิ้นภายในสองอาทิตย์นายอำเภอลู่ฟงถูกชาวบ้านข้วางปาผักเน่าไข่เน่าอยู่หนึ่งอาทิตย์เต็มทุกคนต่างพากันสาปแช่งเขาสารพัดที่อยากจะทำ แล้วผู้ตรวจการจากเมืองเหลียวเดินทางมาถึงพร้อมทั้งหลักฐานหลายอย่างตระกูลลู่สิ้นสลายไปเพราะหลานชายคนโปรดชาวเมืองเหลียวโกรธแค้นบุกเข้าทำร้ายปู่กับย่าของลู่ฟงจนตายคาจวนอย่างอนาถที่ส่งเสริมหลานชายในทางที่ผิด บิดาถูกตรวจสอบจากจดหมายที่ท่านอ๋องส่งไปถึงพี่ชาย จัดการบิดาของลู่ฟงถูกปลดจากตำแหน่งขุนนางใหญ่พบหลักฐานมัดตัวต้องโทษประหาร แต่ฝั่งฮูหยินเอกไม่ได้รู้เรื่องด้วยได้จึงลงโทษผู้เป็นบิดาโทษคือประหารและไม่ให้ลูกหลานตระกูลลู่รับราชการอีกชั่วเก้าโครต ฮูหยินเอกขายกิจการพาลูกๆทุกคนย้ายไปที่เมืองอื่นกับครอบครัวเก่า ตอนนี้ในเมืองจี่เป่ยติดป้ายรับสมัครสอบนายอำเภอคนใหม่ในอีกหนึ่งเดือน ให้ทุกคนที่อยากจะสอบเป็นนายอำเภอให้ตั้งใจอ่านหนังสือเพื่อเตรียมตัวสอบที่จะมีขึ้นในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้าส่วนท่านอ๋องนั้นตามเกี้ยวพระชายาทุกวันแต่ยังไม่สำเร็จแต่ชายหนุ่มก็ไม่เคยท้อถอยเพราะหลงรักพระชายาของตัวเองจนถอนตัวไม่ขึ้น โดนนางสั่งสอนด่าทอชายหนุ่มกับย