แดดยามสายริมโลเคชันที่ทีมโปรดิวเซอร์เช่ากองถ่ายไว้ยังแรงจนใครหลายคนต้องหาหมวกหรือร่มบัง ทีมงานจับจังหวะไฟ มุมกล้อง คนแต่งหน้าแต่งตัวเดินวุ่นไปมา เสียงเรียกชื่อศิลปินดังก้องเป็นระยะ
มาคินยืนก้มเช็กสคริปต์เอ็มวีกับพี่โปเต้ ข้างตัวคือร้อยดาวที่เพิ่งเปลี่ยนชุดจากห้องคอสตูมออกมา เป็นชุดแนววินเทจพริ้ว ๆ ดูสดใส สะดุดตา ทั้งคู่มีฉากหวานกันในเอ็มวีครั้งนี้ด้วย
“เอ้า พักก่อนนะมาคิน ร้อยดาวอีกสิบห้านาทีไฟพร้อม เดี๋ยวเข้าซีนโซนสวน” เสียงพี่โปเต้ตะโกนสั่ง
ทั้งคู่พยักหน้ารับก่อนร้อยดาวจะหันไปหยิบขวดน้ำใกล้กองสัมภาระ บรรยากาศเหมือนจะปกติดีถ้าไม่ได้มีสายตาเจือความเกลียดชังลอบมองอยู่ไม่ห่าง
ในมุมเงาที่มีพุ่มไม้พรางสายตาทีมงาน “ยิปซี” สวมหมวกแก๊ปใบใหญ่ ผ้าปิดปาก เสื้อคลุมตัวยาว ทั้งหมดพรางตัวเธอได้ดีพอให้ไม่มีใครสังเกต เธอยืนบีบมือแน่นจนเล็บจิกฝ่ามือ ดวงตาภายใต้หมวกแก๊ปฉายความคลั่งแค้น
“นังร้อยดาว ทำเป็นนางเอกน่าสงสารต่อหน้า แต่ลับหลังแย่งทุกอย่างไปหมด”
เสียงพึมพำลอดไรฟันแห้งแล้งภาพมาคินที่คอยกางร่มให้ร้อยดาว เติมลิปให้ตอนทีมช่างแต่งหน้าเผลอหรือแค่จับแก้มกันเล่น ก็ยิ่งทิ่มแทงหัวใจยิปซี
เธอค่อย ๆ ดึงขวดน้ำขนาดเล็กที่แอบซ่อนไว้ในกระเป๋าผ้าออกมา ภายในมีของเหลวใสขุ่นนิด ๆ คล้ายจะเป็นน้ำเปล่า แต่หากได้กลิ่นจะเจือแอลกอฮอล์บางอย่าง
ยิปซีกำมันแน่นในมือเธอเลื่อนสายตาไปมองโซนพักของร้อยดาวที่ตอนนี้วางกระเป๋า ขวดน้ำยังเปิดฝาไว้แล้ววิ่งไปคุยกับอ๊อฟ ก๊อปเปอร์ ที่เพิ่งมาถึงกอง
“เหมาะนักมัวแต่หัวเราะอยู่ได้” เธอค่อย ๆ ย่องอ้อมไปทางด้านหลังโต๊ะ
เสียงรองเท้าส้นเตี้ยก้าวย่ำบนพื้นดินอย่างระมัดระวัง เธอก้มตัว เทของเหลวใส่ลงในขวดน้ำร้อยดาวนิดเดียว จากนั้นใช้ผ้าเช็ดปากขวดแบบไม่ให้มีคราบ
“กินเข้าไปสิจะได้หมดบทนางเอก” ยิปซีซ่อนรอยยิ้มร้าย รอยยิ้มที่บิดเบี้ยวด้วยความสะใจ ทันใดนั้น
“เธอเป็นใครน่ะ” เสียงของสตาฟกองถ่ายผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นเพราะเห็นเงาคนเดินวนผิดปกติ ยิปซีสะดุ้งมือแทบทำขวดหล่น
เธอรีบดึงผ้าปิดปากให้แน่นแล้วก้มหน้าเดินหนีสตาฟสาวรีบตามมาแต่ไม่ทัน คนแปลกหน้าในชุดคลุมหายวับไปทางท้ายรถทีมขนไฟ
ยิปซีหอบหายใจแรง ดวงตาเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง
เธอหันกลับไปมองกองถ่ายอีกที มาคินกำลังหัวเราะให้ร้อยดาวที่วิ่งกลับไปหยิบขวดน้ำบนโต๊ะ
ร้อยดาวจับขวดน้ำจะเปิดฝา ดวงตาเธอเห็นคราบน้ำบางอย่างที่คอขวด ร้อยดาวชะงักไปนิด
“แปลกจัง” เธอพึมพำ มาคินที่เดินมาพอดีคว้าขวดไปดมแล้วขมวดคิ้วทันที
“เธอใส่อะไรลงไปหรือเปล่า ทำไมมันเหม็นแอลกอฮอล์” ร้อยดาวยกมือปิดจมูก
“ฉันเปล่านะ ฉันวางไว้แค่แป๊บเดียวเอง”
ร้อยดาวชะงักค้างตอนจะดื่มน้ำที่ฝาเหมือนมีคราบ มาคินรีบคว้าไปดม กลิ่นแอลกอฮอล์จาง ๆ ทำให้เขานิ่วหน้า ก่อนจะหันไปเรียกพี่โปเต้ทันที
“พี่โปเต้ ดูนี่หน่อยครับไม่ใช่น้ำเปล่าแล้ว”
โปเต้ที่กำลังเช็กมอนิเตอร์จังหวะไฟหันขวับมา พอได้กลิ่นก็หน้าเปลี่ยน สีหน้าคนเป็นโปรดิวเซอร์ที่อยู่ในวงการมานาน ดูออกทันทีว่านี่ไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ
“เดี๋ยวเถอะ นี่กองถ่ายนะ ใครมันบ้าเล่นอะไรสกปรกแบบนี้”
โปเต้หันไปสั่งสตาฟในทันที
“เช็กกล้องวงจรปิดแถวโต๊ะพักน้ำเลย ขอดูย้อนหลังตั้งแต่วางขวดน้ำจนถึงตอนนี้ ใครเข้าใกล้ตรงนี้บ้าง”
ร้อยดาวยืนกอดแขนตัวเองแน่น สีหน้าเธอซีดเล็กน้อย ไม่ได้กลัวจนตัวสั่นแต่แววตาเริ่มระแวง มาคินเห็นแบบนั้นเลยวางมือบนไหล่เธอ กดเบา ๆ เหมือนจะปลอบ
“ต่อไปเธออย่าเผลอวางอะไรทิ้งไว้มั่ว ๆ เข้าใจไหม” เขาโน้มหน้าเข้ามาใกล้ จนเสียงเบาลงข้างหู
“อยู่กับฉันตลอด อยากดื่มอะไรจะให้ฉันเปิดให้เอง” ร้อยดาวเหลือบมองเขา เธอพยายามหัวเราะกลบความเครียดแต่ก็ฝืนไม่ขึ้น
“พูดเหมือนฉันเป็นเด็กห้าขวบเลย”
“ไม่สนใจหรอก จะอายุเท่าไหร่ ถ้ายังมีคนคิดจะทำอะไรแบบนี้ เธอก็เป็นแค่คนตัวเล็กสำหรับฉันอยู่ดี” โปเต้หันมามองสองคน กอดอกแล้วถอนหายใจหนัก ๆ
“นี่แหละปัญหาที่ฉันกลัวพวกแกสองคนรู้ใช่มั้ยว่าถ้ากระแสมันแรงขึ้น คนก็จะหมั่นไส้มากขึ้น เรื่องดี ๆ ในเน็ตถูกเอาไปบิดเป็นข่าวลือได้หมด”
“พี่จะห้ามพวกหนูคบกันเหรอ” ร้อยดาวเงยหน้าถามเสียงเบาโปเต้ส่ายหน้า ยิ้มบาง ๆ เหมือนพี่ชายที่ทั้งห่วงและหวง
“ห้ามไปก็เท่านั้น ถ้าจะรักกันก็ดูแลกันให้รอดละกัน อย่าให้เรื่องส่วนตัวพังงาน อย่าให้ใครใช้เรื่องนี้โจมตีแกสองคนได้ เข้าใจมั้ย” มาคินพยักหน้าหนักแน่น ร้อยดาวก็รับคำเสียงเบา
ช่วงนั้นเอง อ๊อฟกับก๊อปเปอร์ที่เพิ่งเดินมาพร้อมข้าวกล่องเห็นบรรยากาศตึง ๆ เลยโผล่หัวเข้ามาแซว
“โห…ประชุมดราม่าอะไรกัน หรือกำลังซ้อมฉากทะเลาะในเอ็มวีครับ" อ๊อฟหัวเราะแห้ง ๆ ก๊อปเปอร์ก็ขำตาม แต่พอเห็นหน้าร้อยดาวซีดก็ดึงข้าวกล่องกลับทันที มาคินหันไปบ่นพวกเพื่อน
“ไม่ตลก พวกแกมาก็ดีแล้ว อยู่แถวนี้อย่าไปไหน แอบมีคนบ้าเข้ามาในกองด้วย”
“เฮ้ย! ของจริงเหรอวะ" ก๊อปเปอร์ร้อง
“โห ใครมันกล้าวะ กองถ่ายคนเป็นสิบ” โปเต้ตบไหล่สองหนุ่มเสียงดัง
“ฉันอยากให้ทุกคนช่วยกันสอดส่อง ไม่ใช่แค่ดูแลตัวเองนะ ดูเพื่อน ดูพี่ ดูน้อง ด้วยเข้าใจมั้ย” ทุกคนพยักหน้ารับ
ร้อยดาวหันไปก้มหน้าดื่มน้ำขวดใหม่ที่มาคินเปิดให้กับมือ เธอดูดน้ำเข้าไปอึกใหญ่ เหมือนจะล้างความหวาดระแวงในใจออกไปบ้าง มาคินเห็นเธอหลุบตามองขวด เขาเลยพูดเบา ๆ ใกล้หูอีกครั้ง
“เธอไม่ต้องกลัว ฉันอยู่ตรงนี้ ถ้ามีใครกล้าเข้ามาทำอีก ฉันไม่ปล่อยไว้แน่”
“แล้วถ้าเขาทำร้ายเธอแทนล่ะ่” เธอเงยหน้าถามเสียงจริงจัง
“ก็ให้มันรู้ไปว่าจะมีใครหน้าไหนกล้าฉันบอกแล้วไง เธออยู่ตรงนี้กับฉันก็พอ” โปเต้ที่ฟังอยู่ยิ้มขำ ๆ แล้วแกล้งตีมาคิน
“พอได้ละพระเอกไปอีกห้านาทีเข้าซีน กล้องกับไฟพร้อมแล้ว เดี๋ยวอารมณ์มันจะเป็นละครน้ำเน่าแทนเอ็มวี" อ๊อฟแซวต่อทันที
“เออ ๆ พอได้แล้ว พอเถอะพ่อคนปกป้องโถ่เอ้ย ใส่ชุดหล่อเท่แต่ปากยังจะหวานอีก"
บรรยากาศที่ตึงเครียดเมื่อกี้คลายลงเพราะเสียงหัวเราะของทีมงาน มาคินยักไหล่ใส่พี่ ๆ น้อง ๆ แล้วโอบร้อยดาวไว้หลวม ๆ ด้านข้าง
“จะพูดอะไรก็พูดไปเถอะ ขอแค่เธอปลอดภัยก็พอแล้ว”
หลังเหตุชุลมุนกลางกองถ่าย ทีมงานกำลังวุ่นวายกับการช่วยร้อยดาวที่เพิ่งถูกวางยาในเครื่องดื่มแต่รอดได้เพราะทีมงานคนหนึ่งไหวตัวทัน เหล่านักร้องหลักอย่างมาคิน อ๊อฟ ก๊อปเปอร์ พี่โปเต้และทีมตากล้อง กำลังประคองร้อยดาวไปพักในรถตู้ พื้นที่ถ่ายเอ็มวีถูกปิดชั่วคราวทันที
ในขณะที่ฝั่งหนึ่งกำลังโกลาหล ยิปซีในชุดพรางตัว เสื้อฮู้ดสีดำ หมวกปีกกว้าง และแมสก์สีเข้ม กำลังย่อตัวซ่อนอยู่หลังฉากพร็อพพุ่มไม้ข้างกองถ่าย ใบหน้าสวยที่เคยแต่งมาแน่นจนใครจำไม่ได้ ตอนนี้มีเหงื่อซึมเปื้อนเครื่องสำอางเป็นรอยยับ ๆ
“โธ่เว้ยจะพลาดอะไรตอนนี้ แกน่าจะนอนยาวไปแล้วสิร้อยดาว"
เธอกัดริมฝีปากแน่น สายตาเหลือบมองลอดช่องผ้าใบเห็นมาคินเดินวนไปวนมาเหมือนคนจะคลั่ง สั่งทีมงานสลับกันตรวจทุกคน ใบหน้าของเขาเวลาห่วงร้อยดาว มันยิ่งทำให้ยิปซีขบกรามแน่นขึ้นกว่าเดิม
“แค่เธอหายไปสักคน จะได้รู้กันไปว่าระหว่างฉันกับเธอ ใครกันแน่ที่คู่ควร"
เสียงโทรศัพท์เธอดังสั่นในกระเป๋าฮู้ด ยิปซีรีบกดปิดเสียง จนหน้าจอสว่างขึ้นโชว์ชื่อ “สงคราม” เจ้าของค่ายที่เธอยังอยากยื้ออยู่ในอำนาจ
เธอลังเลจะรับหรือไม่รับ ก่อนจะเงยหน้ามองออกไปข้างนอกอีกที เห็นร่างพี่โปเต้เดินมาตรวจรอบพื้นที่ ทีมการ์ดเริ่มเดินปิดทางออกยิบย่อยรอบสวนกองถ่าย
" พวกแกจะต้องไม่จับฉันได้เด็ดขาด" เธอค่อย ๆ ก้มตัวลง แล้วมุดช่องผ้าใบหลังพร็อพ พยายามจะเลี่ยงออกไปทางประตูพนักงานของรีสอร์ตที่ไม่มีใครจับตา ทว่า…
เสียงย่ำเท้าของทีมการ์ดสองคนเดินสวนเข้ามาพอดี ยิปซีแทบหยุดหายใจ ต้องก้มตัวแนบกำแพงไม้ชั่วครู่ หอบลมหายใจช้า ๆ รอจนคนเดินผ่านไป
---
สองนาทีกดดันเกือบถูกจับได้ ข้างนอก มาคินตะโกนเสียงลั่นด้วยความโกรธ
“ใครมันเล่นสกปรกกับร้อยดาว ถ้าฉันรู้ว่าใครทำ มันหนีฉันไม่รอดแน่” เสียงเขาทำให้ยิปซีที่หลบซ่อนอยู่หลับตาแน่น เธอไม่ได้กลัวแค่โดนจับ แต่กลัวว่าสงครามจะตัดเธอออกจากเกมจริง ๆ
“ได้! ครั้งนี้พลาด ครั้งหน้าฉันจะทำให้พวกแกเห็น ว่าใครกันแน่ที่อยู่เหนือกว่า” เธอกระชับกระเป๋าใบเล็กแน่น ก่อนจะอาศัยจังหวะที่การ์ดหันหลัง ค่อย ๆ ย่องลอดแนวรั้วไม้เล็ก ๆ ออกไปทางด้านหลังของรีสอร์ตที่มีรถพนักงานจอดไว้ห่าง ๆ
เสียงหมาเฝ้ารีสอร์ตเห่าไล่หลัง ทำให้เธอต้องหันไปมองแวบหนึ่ง เห็นเพียงกองถ่ายที่กำลังวุ่นวาย ห่างออกไป มาคินยังยืนโวยอยู่ข้างรถที่พักของร้อยดาว ทีมพี่โปเต้กับอ๊อฟ ก๊อปเปอร์ ยืนล้อมดูแลพี่สาวคนสำคัญของค่าย
ยิปซีกลืนก้อนสะอื้นลงคอ กัดฟันกรอด ดึงแมสก์ลงครึ่งหน้าให้ได้หายใจเต็มปอด
“ยังเกมฉันยังไม่จบแกกับฉันร้อยดาว รอดู”
กำลังใจจากครอบครัวหลังจากนั่งพักได้ไม่นาน เสียงประตูข้างเวทีก็เปิดออกอย่างเบา ๆ แม่ของร้อยดาวเดินนำเข้ามาก่อน ตามด้วยพ่อแม่ของมาคิน ทุกคนยิ้มให้กันด้วยความเก้อเขินปนอบอุ่น“แม่” ร้อยดาวร้องเรียกเสียงเบา ลุกไปกอดแม่ตัวเองแน่น แม่ลูบหัวลูกสาวเบา ๆ เห็นใบหน้าเหนื่อยล้าก็ถอนหายใจอย่างโล่งใจ“ลูกทำได้ดีแล้วนะ แม่อยู่ตรงนี้แล้ว ไม่ต้องกลัวแล้วนะ” มาคินเดินไปยกมือไหว้พ่อแม่ตัวเอง ก่อนจะหันมายกมือไหว้แม่ร้อยดาวด้วย ร้อยดาวยกมือไหว้พ่อแม่มาคินเช่นกัน“ขอบคุณนะคะ ที่มาดูพวกเราด้วยตัวเอง” ร้อยดาวก้มศีรษะบอกแม่มาคินด้วย รอยยิ้มบนหน้าทุกคนเหมือนเชื่อมกันไว้แน่นกว่าเดิมในอ้อมแขนพ่อของมาคินมี เจ้ามะยม หมาตัวน้อยหูตั้ง ๆ ใส่ผ้าพันคอสีเหลือง ส่วนเจ้าก้อนทองนั่งอยู่บนตักแม่ร้อยดาว ขนฟูจมอยู่ในตะกร้าใส่ของกิน พร้อมเสียงเห่าเมื่อเจอหน้าร้อยดาวทันที“ดูสิ ๆ พาเด็ก ๆ มาด้วย เผื่อจะให้กำลังใจพวกแก” แม่มาคินพูดขำ ๆ แล้วอุ้มเจ้ามะยมเดินวนไปรอบ ๆเจ้าก้อนทองกระโดดออกจากตะกร้า พุงเล็ก ๆ ชะโงกดมถุงขนมบนโต๊ะ ทำเอาอ๊อฟกับก๊อปเปอร์หัวเราะแล้วแหย่มันเล่น“โอ๊ย ก้อนทองนี่กินเก่งเหมือนแม่มันเลย" ก๊อปเปอร์แซวแล้วโดนร
วันแถลงข่าวเปิดตัว 1st Anniversary คู่วงจิ้น Kin&Daoจัดที่โถงใหญ่ของค่าย ศิลปินรุ่นพี่รุ่นน้องยืนออรอให้กำลังใจอยู่รอบนอกมาคินใส่สูทสีเบจ เนี้ยบแต่ดูอบอุ่น ร้อยดาวอยู่ในเดรสยาวลูกไม้สีขาวอมชมพู รวบผมหลวม ๆ ให้ดูน่ารักแต่สง่าสองคนเดินจับมือออกมาหน้าแบ็กดรอปพร้อมกัน ท่ามกลางแฟลชกล้องจากนักข่าวและเสียงกรี๊ดของเอฟซีที่ตามมาตั้งแต่เช้าหลังตอบคำถามเรื่องอัลบั้มใหม่ โปรเจกต์เพลง และเซอร์ไพรส์เวทีใหญ่ ร้อยดาวหันมามองกลุ่มแม่ ๆ เอฟซีที่ยืนรวมกันตรงแถวหน้า เธอจับไมค์แน่นแล้วพูดด้วยน้ำเสียงชัดเจน สั่นนิด ๆ เพราะตื้นตัน“ขอบคุณนะคะ ที่รักกันมาตลอดปีที่ผ่านมา ขอบคุณที่อยู่ข้างเราตั้งแต่ตอนที่เรายังไม่มีอะไรเลย จนถึงวันที่มีเวทีเป็นของตัวเองแบบนี้” เธอยกมือไหว้แฟนคลับทุกบ้าน เสียงกล้องยังดังไม่หยุด แต่ทุกคนจะได้ยินถ้อยคำที่ออกจากใจเธอชัดเจน“หนูขออ้อนแม่ ๆ ทุกบ้านเลยนะคะ วันจริงอย่าลืมพากันมาดูพวกเราด้วยนะ มาเจอกันหน้างานอีกครั้ง จะมีที่ว่างตรงนี้ให้แม่ ๆ เสมอค่ะ” เสียงกรี๊ดแทบแตกฮอลล์ มาคินหันมามองแฟนสาวแล้วส่ายหน้าน้อย ๆ ก่อนหัวเราะออกมา“ถ้าใครไม่ได้มานะ ดาวจะน้อยใจจริง ๆ ด้วย”หลังจบช่วงตอบ
วันซ้อมใหญ่เปิดเวที 1 ปีคู่จิ้นฮอลล์คอนเสิร์ตขนาดกลาง ถูกจัดไฟรันระบบเต็มสูบเป็นรอบ ซ้อมใหญ่ โปสเตอร์ข้างเวทีติดป้ายชัดเจน “1st Year Anniversary คู่จิ้นรักร้อยดาว x มาคิน”ร้อยดาวสวมเสื้อยืดคอกลมกับกางเกงยีนส์ขาสั้นง่าย ๆแต่บนเวที เธอเหมือนคนละคน จับไมค์ด้วยมือที่เคยสั่นแต่วันนี้กลับมั่นคงเสียงหัวเราะของทีมซาวด์ ทีมแดนซ์ ทีมไฟดังระหว่างพักเบรก โปเต้ยืนกอดอกดูงานเงียบ ๆ ส่วนสงครามนั่งหลังบอร์ดควบคุมไฟด้วยแววตาเหมือนพ่อที่ภาคภูมิใจในลูกศิษย์มาคินยืนอยู่ข้างเธอในชุดสบาย ๆ เหมือนกัน เขาหันมาดึงสายกีตาร์ปรับจูนให้แฟนสาวเอง มือเขากับมือเธอสอดกันแว็บหนึ่ง“พร้อมมั้ยดาว” เสียงมาคินทุ้มนุ่ม ไม่ได้ถามแบบโปรดิวเซอร์ แต่ถามในฐานะคนที่อยู่ข้างเธอทุกครั้งร้อยดาวพยักหน้า เหงื่อผุดเต็มหน้าผากแต่รอยยิ้มกลับสดใส เธอยกไมค์ขึ้น ร้องท่อนฮุคเพลงเก่าที่เธอเคยเขียนไว้ ครั้งนี้ เธอร้องในชื่อของเธอจริง ๆเสียงกลองซ้อมรัวตามจังหวะเบา ๆ พวกเด็กฝึกงานที่ยืนดูกันอยู่ตรงขอบเวทีโห่เชียร์กันเบา ๆ อ๊อฟกับก๊อปเปอร์ที่มาซ้อมแดนซ์เซ็ตใหญ่ทีหลังยังส่งเสียงแซว“พี่ดาวแม่งอย่างเท่! ฮู้วววว”“พี่มาคินอย่าเขินดิ๊! หยิกแก
นามแฝงในเพลงมือของสงครามที่ยื่นให้ร้อยดาวเดินเข้ามาในห้องโปรดิวเซอร์ของค่ายที่เธอคุ้นเคยดี แต่วันนี้บรรยากาศกลับอึดอัดจนลมหายใจแทบขาดห้วงโปเต้นั่งข้างเฮียสงครามเหมือนมือขวาที่เฝ้ารอดูว่าบทสนทนานี้จะไปจบตรงไหนบนโต๊ะไม้สีเข้ม เอกสารหลายแผ่นถูกเรียงอย่างเป็นระเบียบ ไฟสปอตไลท์ในห้องประชุมสว่างพอจะเห็นเงาหน้าร้อยดาวที่ซีดเผือดและมือเล็กที่กำชายเสื้อแน่น สงครามวางปากกาลงบนแฟ้มเสียงเบา ดวงตาคมใต้แสงไฟสบตาเธอโดยไม่กระพริบ“ฉันได้ยินมาว่ามีคนกำลังจะเอาเพลงเก่ามาขายซ้ำ ใช่เพลงเดียวกับที่เธอเคยเขียนไว้หรือเปล่า เพลงที่เธอใช้นามแฝงตอนนั้น” เสียงเขาราบเรียบ เหมือนครูใหญ่เรียกเด็กนักเรียนมาคุย แต่ในความนิ่งนั้นกลับกดดันเหมือนมีหินก้อนใหญ่ทับอกร้อยดาว ร้อยดาวหลบตา ปลายนิ้วเธอขยำชายกางเกงจนยับยู่ยี่ เธอพยายามจะตอบ แต่เสียงที่เปล่งออกมากลับแหบแห้ง“ค่ะ” เพียงคำเดียวก็พอให้โปเต้ที่นั่งฟังอยู่ข้าง ๆ เห็นร่องรอยเจ็บเก่าที่เธอเก็บไว้มานานสงครามพยักหน้าช้า ๆ เขาเอื้อมมือไปเปิดแฟ้มเอกสาร เผยให้เห็นสำเนาสัญญาเก่าที่มีตราประทับชื่อกันจ์ชัดเจน“ฉันรู้ตั้งแต่วันแรกแล้วว่ากันจ์มันทำอะไรไว้”“มันไม่ใช่แค่เพล
อดีตของร้อยดาวเบื้องหลังเพลงที่ไม่มีชื่อเธอเสียงลมจากแอร์ตัวเก่าดังหึ่ง ๆ ในห้องซ้อมส่วนตัวที่ร้อยดาวใช้ฝึกทุกวัน คืนนี้เธอนั่งอยู่ตรงมุมเดิมที่ใกล้เปียโนไฟฟ้ามากที่สุด มือบางยังคงถือโน้ตเพลงเก่าแผ่นเดิมไว้แน่น ปลายนิ้วที่เคยแต่งทำนองนั้นสั่นเล็กน้อยเหมือนกำลังรื้อความทรงจำที่เธอพยายามลืมมาตลอดร้อยดาวถอนหายใจ ลมหายใจร้อนวาบเพราะเพิ่งร้องเพลงใหม่กับมาคินจนคอแห้ง แต่สิ่งที่ติดอยู่ในหัวเธอกลับไม่ใช่เพลงใหม่ ไม่ใช่ท่อนฮุคหวาน ๆ ที่เขาเพิ่งชมว่าเพราะที่สุดตั้งแต่แต่งมา กลับเป็นประโยคท่อนหนึ่งในสมุดโน้ตแผ่นนี้ที่เธอแต่งมันด้วยลายมือสั่น ๆ ในวันที่ยังอายุไม่ถึงยี่สิบ“ฉันยังจำเนื้อเพลงได้ทุกคำเลยมาคิน แต่ฉันไม่มีสิทธิ์ร้องมัน" เสียงเธอเบาราวกับกลัวว่าลมแอร์จะพัดมันหายไปมาคินหันมามองแฟนสาวตรงหน้า เขานั่งพิงขอบเปียโน ปล่อยให้เสียงกีตาร์โปร่งที่เพิ่งวางไว้เงียบสนิทแสงไฟสีส้มอ่อนสะท้อนในดวงตาเขาอย่างระมัดระวังเขารู้ดีว่าร้อยดาวรักทุกคำ ทุกท่อน ทุกเมโลดี้ในสมุดโน้ตนั้นมากแค่ไหน เขาเคยเห็นเธอลงแรง แก้คำ แก้คอร์ดซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ไม่เคยเห็นเธอพูดถึงมันด้วยแววตาเจ็บเท่านี้มาก่อน“ทำไมล่ะดาว นั
ถูกมือกาวย้อนกลับ1645 คำทางเข้าคอนโดของยิปซี ค่อนข้างมืด ไม่มีผู้คนมากนัก“เฮ้ แม่นางเอก เงินฉันอยู่ไหน”เสียงแห้ง ๆ ของเด็กผู้ชายวัยรุ่นที่โผล่มาจากเงามืดหลังรถตู้จอดส่งของ ผมมันเยิ้มกลิ่นกาวและบุหรี่คลุ้งลอยปะทะ จับคอเสื้อยิปซีทันทีที่เธอเดินเลี่ยงออกมาจากฝูงแฟนคลับ ไฟลานจอดรถสว่างเป็นจุด ๆ แต่กลับไม่มีใครสังเกตว่ามีคนกำลังลงไม้ลงมือ“อย่ามาโวย แกยังไม่ได้ทำงานให้ฉันด้วยซ้ำ จะเอาเงินส่วนที่เหลือไปทำเหี้ยอะไร”ยิปซีแหวเสียงสูง ใบหน้าแต่งจัดแต่เหงื่อซึม เธอใส่ชุดเดรสรัดรูปคลุมด้วยโค้ทยาว พยายามแกะมือมันออกแต่โดนบีบแน่นกว่าเดิม“ฉันติดคุกเพราะแกนะเว้ย แกเป็นคนจ้าง ถ้าฉันไม่ได้ตังค์ แกก็อย่าหวังจะได้อยู่ดี ๆ”เสียงเด็กกาวกระแทกพร้อมฟันเหลือง มันหัวเราะหยันเธอเบี่ยงหน้าเลี่ยงกลิ่นกาวที่พ่นรดอยู่ใกล้“อย่ามาขู่ฉันนะ ไอ้ขี้ยา”ยิปซีฟาดเล็บเข้าหน้ามันเต็มแรง เสียงเพี้ยะสะท้อนในลานจอด รถขนเครื่องเสียงสั่นเบา ๆ เหมือนร่วมเป็นพยาน“อีดอก” เด็กกาวสบถลั่น ผลักเธอไปกระแทกผนังคอนกรีตด้านหลังเวที เศษกระดาษโปสเตอร์คอนร่วงปลิวลงเท้าเธอ“สภาพแกตอนนี้ก็เหมือนหมาข้างถนนแล้วล่ะ ยัยนางเอกตกกระป๋อง”เด็