Share

บทที่ 11 งานโคมไฟ

last update Terakhir Diperbarui: 2025-04-21 15:03:44

เมื่อลงมาจากรถม้าแล้ว เจี่ยงหร่านในร่างของจางเหมี่ยวลี่ก็มองดูบริเวณโดยรอบครู่หนึ่ง ที่แคว้นซ่งของนางก็มีงานเทศกาลเช่นนี้เหมือนกัน อีกทั้งยังจัดได้ยิ่งใหญ่ไม่ต่างจากแคว้นฟงหลิงเลยแม้แต่น้อย ผู้คนล้วนออกมาเที่ยวชมงานกันอย่างคึกคักสนุกนาน

มีครั้งหนึ่งนางไม่ได้มีงานให้ต้องจัดการในค่ายทหาร นางจึงอยากจะชวนฉู่อี้เฉินไปด้วยกัน แต่เขาอ้างว่ามีเรื่องด่วนให้ต้องจัดการ นางจึงไม่ได้เอ่ยสิ่งใด เพียงออกไปเที่ยวคนเดียว นางเดินเที่ยวเล่นจนรู้สึกว่าเบื่อแล้ว จึงคิดจะกลับ แต่ระหว่างทางกลับได้พบกับฉู่อี้เฉินและฟ่านเหยากำลังเดินเที่ยวชมงานด้วยกัน

ยามนั้นนางไม่ได้คิดสิ่งใดมากมายนัก อีกทั้งฉู่อี้เฉินยังบอกว่าเดิมทีสะสางงานเสร็จเรียบร้อยแล้ว และไปหานางที่จวน แต่บ่าวที่จวนบอกว่านางมาเดินเที่ยวงานเขาจึงออกมาตามหา ประจวบเหมาะกับที่พบเจอฟ่านเหยาพอดี จึงถามว่าเจอนางหรือไม่ คนทั้งสองจึงมาเดินตามหานาง

จางเหมี่ยวลี่รู้สึกเย้ยหยันตนเองอยู่ในใจ นางช่างโง่เง่าไร้เดียงสายิ่งนัก ไม่ประสาเรื่องชายหญิง หลงเชื่อชายโฉดหญิงชั่วอย่างหมดใจ

นางกับฟ่านเหยาที่ผ่านมานับว่าเป็นสหายที่ดีต่อกัน ฟ่านเหยามักจะแนะนำเรื่องเครื่องประทินโฉมที่ดีให้กับนาง คอยอยู่เป็นเพื่อนคุยกับนาง เพราะนางไม่มีสหายเป็นสตรีเท่าใดนัก เพราะอยู่แต่ในค่ายทหาร อีกทั้งนางยังไม่มีความเป็นผู้หญิง ฝึกทหารจนกลิ่นเหงื่อเต็มกายไปหมด เหล่าคุณหนูที่รักสวยรักงามจึงไม่อยากคบหากับนาง นางจึงมีฟ่านเหยาเป็นสหายที่แสนดีเพียงคนเดียว

สหายที่แสนดีเช่นนั้นหรือ มันก็แค่ละครฉากหนึ่งก็เท่านั้น ทั้งฉู่อี้เฉินและฟ่านเหยาล้วนเห็นนางเป็นเพียงหินรองเท้าที่ใช้เหยียบย่ำขึ้นสู่ตำแหน่งที่พวกเขาปรารถนา

เซียวจิ้งเห็นว่าอยู่ๆ จางเหมี่ยวลี่ก็เงียบไป อีกทั้งยังมีอาการเหม่อลอย เขาจึงเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์

"จะเดินชมงานหรือไม่ หากไม่เดินก็กลับ"

เสียงของเซียวจิ้งปลุกให้เจี่ยงหร่านหลุดจากความทรงจำในอดีต นางหันมามองเขา ก่อนจะโต้ตอบ

"ท่านจะกลับไปก่อนเลยก็ได้นะ ข้าเดินเที่ยวคนเดียวได้ ไหนๆ ท่านก็ไม่ได้อยากจะมาเดินกับข้าอยู่แล้ว เช่นนั้นท่านก็กลับไปเถอะ"

นางบอกด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย ไม่ได้มีท่าทางโกธรเคืองเลยแม้แต่น้อย เซียวจิ้งที่ได้ยินเช่นนั้นก็แค่นเสียงในลำคอออกมา น้ำเสียงเยาะๆ

"ข้าไม่กล้าหรอก เกิดเจ้าโมโหแล้วไปเผาร้านโคมไฟจนหมด ข้างไม่มีปัญญาตามชดใช้"

เจี่ยงหร่านเม้มริมฝีปากแน่น เจ้าของร่างเดิมสร้างเรื่องปวดหัวให้นางมากมายจริงๆ เพราะอย่างนี้จึงไม่มีใครเชื่อหรือใส่ใจในคำพูดของนางสักคนเดียว เจี่ยงหร่านคร้านจะสนใจท่าทางไร้อารมณ์ของเซียวจิ้ง จึงเดินชมงานต่อโดยไม่สนใจเขา นางเดินมาหยุดอยู่ที่บริวเวณที่มีคนลอยโคมในแม่น้ำมากมาย นางนำโคมไฟที่ซื้อมาเมื่อไม่กี่วันก่อนติดมือมาด้วยสองสามอัน ก่อนจะอธิษฐานและปล่อยโคมลงน้ำไปอย่างไม่เร็วไม่ช้า เซียวจิ้งมองดูนางก่อนจะซักไซ้ขึ้นมา

"เจ้าจะลอยทำไมสองอันสามอัน หรือว่าว่างมากจนไม่รู้จะเอาเงินไปทำสิ่งใด"

เจี่ยงหร่านเงยหน้ามามองเซียวจิ้ง

"ข้าขอถามท่านสักคำ ในเมื่อท่านไม่ชอบหน้าข้าแล้วจะดันทุรังมากับข้าด้วยเหตุใดกัน ย้อนแย้งเสียจริง ท่านว่าข้าว่างมาก แต่ข้าว่าท่านต่างหากที่ว่าง ไม่ชอบข้าแท้ๆ แต่กลับยังมาตามอยู่ได้"

"ผู้ใดตามเจ้ากัน"

"ไม่เถียงกับท่านแล้ว เถียงไปก็ไม่ชนะ ข้าจะไปหาของอร่อยกิน"

เอ่ยจบนางก็เดินไปหยุดที่ร้านขายบัวลอย เจ้าของร้านที่เห็นเซียวจิ้งและจางเหมี่ยวลี่จึงแย้มยิ้มบอกว่าบัวลอยถ้วยนี้ หากกินด้วยกันจะเป็นคู่รักกันตลอดกาล ทว่าจางเหมี่ยวลี่เมื่อได้ฟังจบก็รีบจ้วงตักบัวลอยกินจนหมดและยิื่นถ้วยคืนให้เจ้าของร้าน เซียวจิ้งแค่นเสียงคล้ายแดกดัน

ทำอย่างกับเขาอยากจะกินกับนางอย่างนั้นล่ะ!

ภายในงานมีการทายโคมไฟ และการจุดพลุพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าช่างดูงดงามไม่น้อยเลย แต่ทว่าเจี่ยงหร่านมิได้ตื่นเต้นเท่าใดนัก ยามอยู่ที่แคว้นซ่งนางเห็นของเหล่านี้จนเคยชิน จึงไม่ได้นับว่าเป็นของแปลกใหม่อะไรเลย

คนสองคนเดินด้วยกันแต่เหมือนยืนอยู่กันละฟากถนน เซียวจิ้งมีใบหน้าเรียบเฉย เจี่ยงหร่านก็ไม่รู้จะสนทนาอันใดกับเขา ก็รู้สึกอึดอัดใจไม่น้อย แต่ก่อนนางและเขาไม่เคยเงียบใส่กันเช่นนี้เลย

ระหว่างที่เดินอยู่นั้น ก็พบกับจางเฉวียนที่กำลังเดินมาพร้อมโคมไฟรูปปลาอันใหญ่ เมื่อเห็นเซียวจิ้งและจางเหมี่ยวลี่จึงเข้ามาทักทาย ก่อนจะเดินไปพร้อมกันทั้งสามคน เซียวจิ้งเป็นคนลากจางเฉวียนให้เดินไปด้วยกัน เพราะเขารู้สึกกระอักกระอ่วนยามที่ต้องอยู่กับจางเหมี่ยวลี่ตามลำพัง

หญิงสาวแวะชิมขนมและอาหารทุกร้าน พร้อมกับวิจารณ์ในใจว่ารสชาติดีไม่ต่างจากแคว้นซ่งเลย แต่ออกจะจืดไปหน่อย เพราะที่แคว้นซ่งนิยมกินอาหารรสเผ็ดและจัดจ้าน

ระหว่างที่นางเดินไปเรื่อยๆ ก็มีคนมองมาที่นางด้วยแววตาที่ทั้งสงสัยและอิจฉาริษยา เจี่ยงหร่านพอจะเข้าใจอยู่บ้าง เพราะบุรุษที่เดินข้างนางทั้งหล่อเหลาและรูปงามราวกับเทพเซียน สตรีน้อยใหญ่ต่างแอบมองอย่างเคลิบเคลิ้ม

เมื่อเดินทั่วทั้งงานจนเบื่อแล้ว คนทั้งสามก็เดินกลับมาที่รถม้า เจี่ยงหร่านในร่างจางเหมี่ยวลี่เมื่อเห็นว่าไหนๆ พี่ชายก็มาแล้ว นางกลับพร้อมจางเฉวียนย่อมสะดวกกว่า เซียวจิ้งเองก็ไม่คัดค้าน เพราะเขาเองก็เบื่อเต็มทนแล้วเช่นกัน

ในขณะที่จางเหมี่ยวลี่กำลังจะเดินไปที่รถม้า ก็มีบุรุษผู้หนึ่งเอ่ยขึ้นมาเสียก่อน

"พี่ใหญ่ ท่านก็มาเที่ยวงานด้วยหรือ ให้ตายเถอะพาสาวงามมาด้วยหรือนี่"

เซียวจิ้งที่ได้ยินเช่นนั้นแววตาก็ฉายแววเย็นเยียบ คนผู้นี้คือเซียวกั๋วน้องชายต่างมารดาของเขานั่นเอง

เซียวกั๋วมาพร้อมกับบ่าวไพร่หลายคน เขาเดินตรงเข้ามาหาเซียวจิ้งก่อนจะหันมาส่งสายตาหวานล้ำให้กับจางเหมี่ยวลี่

เขารู้สึกอิจฉาเซียวจิ้งที่ได้ทั้งตำแหน่งซื่อจื่อและสาวงามไปครอง ไม่เพียงเท่านั้นยังมีอำนาจอยู่ในกองทัพทหารอีกด้วย แต่เขาที่เป็นบุตรชายของเสด็จพ่อเหมือนกันเหตุใดจึงเทียบพี่ชายไม่ได้

เซียวกั๋วจึงมีความคิดว่า หากเขาแย่งของทุกอย่างที่เป็นของเซียวจิ้งมาเป็นของตนเองได้ คงจะสาแก่ใจมิใช่น้อย

ด้านเซียวจิ้งนั้นไม่กล่าวอะไรให้มากความ จางเฉวียนก็มองเซียวกั๋วด้วยแววตาที่เฉยเมย

เจี่ยงหร่านพินิจมองบุรุษตรงหน้าปราดหนึ่ง ฟังจากการเรียกขานเมื่อครู่แล้วคงจะเป็นน้องชายของเซียวจิ้ง แต่กลับไม่มีสง่าราศี แตกต่างจากเซียวจิ้งเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังดูเป็นคนประเภทหมอนปักลาย

ตั้งแต่ที่สิ้นชีพในชีวิตที่แล้วนั้น สายตาในการใช้มองดูคนของนางก็นับว่าดีขึ้นเป็นอย่างมาก น่าเสียดายที่ยามมีชีวิตอยู่ในร่างเดิมนางมองฉู่อี้เฉินไม่ออกเช่นยามนี้

เมื่อเห็นว่าไม่ใช่เรื่องของนาง เจี่ยงหร่านจึงชวนจางเฉวียนกลับจวน แต่ทว่าเซียวกั๋วกลับก้าวเข้ามาหานาง ก่อนจะคว้าข้อมือของนางเอาไว้โดยไม่สนใจสายตาของเซียวจิ้งเลยแม้แต่น้อย จางเฉวียนจ้องมองเซียวกั๋วด้วยแววตาเกรี้ยวกราด ในขณะที่เซียวจิ้งรีบเอ่ยกับน้องชายอย่างไม่พอใจ

"เซียวกั๋ว อย่าล่วงเกินคุณหนูจาง!"

เซียวกั๋วหันไปแสยะยิ้มให้เซียวจิ้ง ทำไม่รู้ไม่ชี้

"อ้าว ข้าได้ยินว่าท่านไม่ชอบนางไม่ใช่หรือ เหตุใดจึงมาบอกให้ข้าปล่อยนางเล่า ในเมื่อท่านไม่ชอบก็ยกให้ข้าก็ได้"

"เซียวกั๋ว!"

เจี่ยงหร่านปรายตามองมือของเซียวกั๋วที่จับมือของนางไม่ยอมปล่อย แววตาก็ฉายแววรังเกียจขึ้นมาอย่างไม่ปิดบัง ความไม่พอใจเริ่มมีมากขึ้นเรื่อยๆ ยังไม่ทันที่เซียวจิ้งจะก้าวเข้ามาดึงเซียวกั๋วออก นางก็สะบัดมือของเซียวกั๋วที่จับมือนางออกอย่างรวดเร็ว ก่อนจะบิดข้อมือของเขาสุดแรง แล้วยกเข่ากระทุ้งเข้าไปที่หน้าท้องของเซียวกั๋วจนเขาจุกจนร้องไม่ออกใบหน้าดำคล้ำจนแทบจะกลายเป็นสีเขียว ก่อนจะถูกเจี่ยงหร่านยกเท้าถีบซ้ำจนล้มลงไปนอนโอดครวญอยู่กับพื้น เจี่ยงหร่านยกมือขึ้นปัดๆไปมาตามกระโปรง แล้วเอ่ยขึ้นมาอย่างไม่สะทกสะท้าน

"มัวเสียเวลาพูดคุยทำไมกัน ทุบตีสั่งสอนเลยก็สิ้นเรื่อง เสียเวลา!"

เซียวจิ้งกับจางเฉวียนต่างหันมามองหน้ากันโดยไม่ได้นัดหมายในทันที

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • ยอดบุปผาโฉมสะคราญ   ตอนพิเศษ

    หนึ่งปีหลังแต่งงานหลังจากแต่งงานกันหนึ่งปี เซียวจิ้งและเจี่ยงหร่านมีชีวิตหลังแต่งงานที่มีความสุขเป็นอย่างมาก ในทุกๆ วันเขาและนางมักจะมีรอยยิ้มที่แสนอบอุ่นให้แก่กันมีครั้งหนึ่งเซียวจิ้งเปิดไปเจอกล่องที่จางเหมี่ยวลี่เจ้าของร่างเดิมเก็บยันต์และสมุดบันทึกเอาไว้ เจี่ยงหร่านที่มาเห็นก็ถึงกับร้องว่าแย่แล้ว เดิมทีนางคิดจะทิ้งไป แต่ผู้ใดจะรู้ว่าเยว่ซินกลับนำกล่องใบนั้นมาพร้อมสินเดิมของนางด้วย นางรีบเอ่ยปรามไม่ให้เขาดูแต่เซียวจิ้งกลับเปิดอ่านและบอกว่าดีจริง จางเหมี่ยวลี่เขียนท่วงท่าอันเผ็ดร้อนทิ้งไว้ให้เขาอ่านเช่นนี้นับว่าดีมากและยังบอกอีกว่าคืนนี้จะนำท่วงท่าเหล่านั้นมาใช้กับนาง!ให้ตายเถอะ! คนผีทะเล!วันนี้เป็นวันที่เซียวจิ้งพาเจี่ยงหร่านกลับมาที่จวนตระกูลจาง ตั้งแต่แต่งงานกันเขาและนางไม่ได้ยึดถือกฎระเบียบตายตัวใดมากนัก อยากจะกลับจวนตระกูลจางเมื่อใดก็กลับมาได้เสมอแม่ทัพใหญ่จางและจางฮูหยินนั้นดีใจยิ่งนักที่บุตรสาวกลับมาเยี่ยมเยือนตน ยามนี้เซียวหลิงตั้งครรภ์ใกล้จะคลอดเต็มทีแล้ว จางเฉวียนก็คอยดูแลนางเป็นอย่างดี จางฮูหยินนั้นแม้จะดีใจที่ลูกสะใภ้กำลังจะมีหลาน แต่นางกลับไม่สบายใจเรื่องที่จางเหมี

  • ยอดบุปผาโฉมสะคราญ   ตอนจบ

    เมื่อสงครามสงบลงแล้ว กองทัพทั้งหมดต่างยอมศิโรราบขึ้นตรงต่อแคว้นฟงหลิง แคว้นซ่งและแคว้นต้าฉี ผนวกเข้ารวมดินแดนเป็นหนึ่งเดียวกับแคว้นฟงหลิง ส่วนแคว้นฉู่ก็ยินดีสวามิภักดิ์และเปิดการค้าขายเชื่อมต่อทั้งสี่ชายแดน อีกทั้งยังส่งองค์หญิงมาเป็นสนมของฮ่องเต้เซียวหลางเพื่อเชื่อมสัมพันธไมตรีอีกด้วย ผู้คนสามารถเดินทางค้าขายผ่านเมืองต่างๆ ได้โดยไม่ต้องเกรงกลัวสงครามอีกต่อไป แม่ทัพใหญ่จางและจางเฉวียนมุ่งหน้ากลับแคว้นฟงหลิงไปก่อน เพื่อกราบทูลเรื่องน่ายินดีนี้ให้ฝ่าบาททรงทราบ และบอกเซียวจิ้งและจางเหมี่ยวลี่ว่าหลังจากสถาณการณ์ที่นี่สงบเรียบร้อยแล้วก็ให้รีบตามกลับไปในภายหลังในยามนี้ เจี่ยงหร่านกำลังควบม้าเคียงข้างเซียวจิ้ง โดยมีเจี่ยงเฮ่าควบม้าตามหลังพร้อมกับสวีเฉินที่ติดตามมาด้วย เขาบอกว่าจะพานางมาดูสถานที่แห่งหนึ่ง แรกเริ่มเจี่ยงหร่านยังไม่เข้าใจ จนกระทั่งได้เห็นหลุมศพหลายหลุมตรงหน้า นางก็ถึงกับปล่อยโฮออกมาสวีเฉินเป็นคนฝังศพคนในตระกูลเจี่ยง เขาเขียนชื่อและทำสัญลักษณ์เอาไว้ จึงจำได้ว่าหลุมใดคือหลุมศพของแม่ทัพใหญ่เจี่ยง เขาขออภัยเจี่ยงหร่านที่ศพอื่นเขาไม่ได้ทำสัญลักษณ์เอาไว้ เพราเขาไม่เคยเห็นหน้าคนอื

  • ยอดบุปผาโฉมสะคราญ   บทที่ 42 จัดการคน(เคยรัก)ที่แสนชั่วช้า

    กองทัพแคว้นซ่งพ่ายแพ้อย่างราบคาบ บรรดาเหล่าทหารที่ไม่ถูกฆ่าตายล้วนถูกจับเป็นเชลย แม้แต่ฉู่อี้เฉินยามนี้ก็ถูกลากตัวมาขังเอาไว้ในคุกที่เมืองสืออี้ชายแดนแคว้นฟงหลิง เขาตะโกนอย่างบ้าคลั่ง ไม่คาดคิดว่าตนเองจะพ่ายแพ้ได้เช่นนี้เจี่ยงหร่านรีบเข้าไปประคองเซียวจิ้งที่ร่างกายเต็มไปด้วยคราบโลหิตของผู้อื่น เขาหันมายิ้มให้นางอย่างภูมิอกภูมิใจ"ฝีมือยิงธนูของเจ้ายอดเยี่ยมมาก"เจี่ยงหร่านส่งยิ้มให้เซียวจิ้ง นางใช้มือเช็ดเหงื่อบนใบหน้าให้เขาอย่างอ่อนโยน ก่อนหน้านี้นางและเขาวางแผนเอาไว้ว่า เขาจะออกไปรบ ส่วนนางคอยดูสถานการณ์อยู่ด้านบน คอยหาจุดพลิกผันของฉู่อี้เฉินจากนั้นก็จัดการทันที หากผู้นำทัพล้ม แน่นอนว่าทั้งกองทัพย่อมย่อยยับไม่มีชิ้นดีเมื่อกลับเข้ามาในเมืองแล้ว นางก็ไปเปลี่ยนเสื้อผ้า และสั่งให้คนจัดการดูแลทหารที่ได้รับบาดเจ็บให้ดี แล้วเดินเข้ามาหาเซียวจิ้งที่นั่งอยู่ในห้องพัก ชายหนุ่มเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว เขาได้รับบาดเจ็บที่แขนเล็กน้อยเท่านั้น"เซียวจิ้ง ท่านไหวหรือไม่"เซียวจิ้งได้ยินเช่นนั้นก็หัวเราะออกมา"ย่อมต้องไหวอยู่แล้ว เราออกไปดูสถานการณ์ข้างนอกกันเถิด""อืม"เจี่ยงหร่านพยักหน้าเดิน

  • ยอดบุปผาโฉมสะคราญ   บทที่ 41 กลยุทธ์ลดทอนกำลังทหาร

    นับตั้งแต่เกิดเรื่องขึ้นกับบิดา ฟ่านเหยาไม่เคยนอนหลับสนิทได้เลยสักคืน ทุกครั้งที่นางหลับตาลงมักจะฝันเห็นว่าบิดาร้องขอความช่วยเหลือจากนาง ได้ยินเสียงฟ่านเยียนญาติผู้พี่ กำลังดิ้นรนด้วยความทุกข์ทรมาน พร้อมกับร่ำร้องขอให้นางช่วย นานวันเข้าฟ่านเหยาร่างกายก็ย่ำแย่ลง จากที่เคยงดงามเฉิดฉาย แต่เวลานี้ใบหน้าซูบตอบผอมแห้งราวกับคนป่วยหนักที่น่ากลัวกว่านั้นก็คือ นางฝันเห็นเจี่ยงหร่าน ฝันว่าสตรีผู้นั้นเดินเข้ามาบีบปลายคางของนางและกระซิบว่า บุตรของนางยามนี้กำลังไปคอยรับใช้บุตรเจี่ยงหร่านในปรโลกแล้ว และยังบอกอีกว่านับแต่นี้นางอย่าได้ฝันว่าจะสามารถตั้งครรภ์ได้อีกชั่วชีวิต!ครั้งแรกฝันเช่นนี้ฟ่านเหยาด่าทอสาปแช่งเจี่ยงหร่านอย่างเกลียดชัง แต่เมื่อนานวันเข้าความกลัวเริ่มกัดกินจิตใจของนาง ฟ่านเหยาหวาดระแวงไม่กล้าอยู่คนเดียวต้องใช้ชีวิตอยู่บนความทุกข์ราวกับคนตายทั้งเป็นระยะหลังมานี้ไม่รู้เพราะเหตุใด นางกับฉู่อี้เฉินจากแต่ก่อนที่เคยรักกันหวานซึ้ง ตอนนี้กลับทะเลาะกันทุกวัน เขาเอาแต่ตะโกนเรียกหาเจี่ยงหร่านนางแพศยานั่น อีกทั้งยังถามนางว่าตระกูลฟ่านคิดไม่ซื่อกับเขาจริงหรือไม่ เขาถามนางซ้ำๆ อยู่เช่นนั้นราวกับค

  • ยอดบุปผาโฉมสะคราญ   บทที่ 40 หลุมศพ

    หลังจากที่จัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เซียวจิ้งและเจี่ยงหรานรวมถึงเจี่ยงเฮ่าก็เร่งเดินทางข้ามเขตชายแดนในทันที เจี่ยงเฮ่านั้นก่อนหน้านี้เจี่ยงหร่านไม่อยากให้เขาติดตามมาด้วย เพราะเกรงว่าจะเกิดอันตรายที่คาดไม่ถึง ทว่าเจี่ยงเฮ่ากลับลอบปะปนมากับกองทัพทหาร ด้วยเวลานี้อาการบาดเจ็บที่ขาของเขาเริ่มดีขึ้นบ้างแล้ว แต่เพราะเดินทางมาไกลจึงทำให้อาการกำเริบขึ้น แต่ก็ไม่ได้ร้ายแรงเท่าใดนักเจี่ยงหร่านในเวลานี้กำลังยืนอยู่บนหอสังเกตการณ์ ดวงตาคู่สวยจ้องมองไปยังเบื้องหน้าด้วยแววตาที่ราบเรียบ สายลมพัดเข้ามาปะทะใบหน้าของนางเป็นระยะตอนนี้นางสังหารพวกมันไปสองคนแล้ว หากบอกว่าการที่ฟ่านเยียนตายคือพายุลูกแรกที่สร้างผลกระทบต่อแคว้นซ่ง การตายของราชครูฟ่านก็เปรียบได้กับคลื่นยักษ์ที่สาดซัดเข้าสู่แคว้นซ่ง คนสำคัญที่เป็นคนคอยชี้แนะฉู่อี้เฉินและสนับสนุนเขายามนี้ตายแล้ว ย่อมทำให้เหล่าบรรดาแม่ทัพทหารแคว้นซ่งและขุนนางในราชสำนักหวาดหวั่นพรั่นพรึงไม่น้อยและยังส่งผลทำให้บัลลังก์มังกรของฉู่อี้เฉินสั่นคลอนเป็นอย่างยิ่งในขณะที่นางกำลังคิดไปเรื่อยเปื่อย ฉับพลันก็มีซาลาเปาลูกหนึ่งยื่นมาตรงหน้าของนาง เมื่อนางหันไปมองก็ยิ้มออก

  • ยอดบุปผาโฉมสะคราญ   บทที่ 39 ส่งมอบของขวัญ

    ราชครูฟ่านถูกจับตัวเอาไว้ เหล่าผู้ติดตามก็ถูกรวบตัวไว้ทั้งหมดเช่นเดียวกัน พวกเขาบางส่วนที่คิดขัดขืนล้วนถูกทุบตีจนไร้ทางสู้ ราชครูฟ่านเงยหน้ามามองเจี่ยงหร่านในร่างของจางเหมี่ยวลี่ ด่าทอด้วยความโกรธเกรี้ยว"นังแพศยา เป็นเจ้าใช่หรือไม่ที่สังหารหลานชายของข้า วันนี้ข้าจะฆ่าเจ้าเอง"เมื่อถูกจับได้แล้วก็ย่อมไม่จำเป็นต้องรักษาท่าทีอีกต่อไป เขาพ่นคำหยาบสารพัด ด่าทอทุกคนไม่เหลือท่าทีของราชครูผู้สูงส่ง เช่นในกาลก่อนอีกแล้ว เจี่ยงหร่านยิ้มตาหยี กล่าวกับเขาด้วยน้ำเสียงที่เยาะหยัน"ใจเย็นๆ สิราชครูฟ่าน ท่านทำแบบนี้เท่ากับไม่รักษาหน้าตาของตนเลย ท่านเป็นถึงราชครูฟ่านผู้ขาวสะอาดดุจเทพเซียนของแคว้นซ่งเชียวนะ ทำเช่นนี้น่าอับอายจริงเชียว"ราชครูฟ่านเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ชะงักไปครู่หนึ่ง นางรู้ได้อย่างไรว่ายามอยู่ที่แคว้นซ่ง เขาได้รับฉายาว่าบัณฑิตผู้สูงส่งขาวสะอาดดุจเทพเซียนด้วยเหตุนี้ราชครูฟ่านจ้องมองดูหญิงสาวตรงหน้าด้วยแววตาที่วูบไหว ทว่านางกลับยิ้มให้เขาอย่างอ่อนโยนอ่อนโยนเสียจนน่าขนลุก!คนทั้งหมดถูกจับตัวเอาไว้ ส่วนหลี่ฟางนั้นยามนี้ถูกพาตัวมาไต่สวนในวังหลวง อย่างไรนางก็ได้ชื่อว่าเป็นพระชายาเอกของชินอ

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status