Share

บทที่ 12 ทำข้อตกลง

last update Terakhir Diperbarui: 2025-04-21 15:04:05

หลังจากเทศกาลโคมไฟผ่านพ้นไป เซียวจิ้งได้แต่คิดในใจว่าเขาจะต้องมองจางเหมี่ยวลี่ใหม่แล้ว

ตั้งแต่นางฟื้นจากความตายก็เปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคน เขาไม่เชื่อเรื่องที่ว่าจะมีผีหรือวิญญาณมาสิงร่างนาง และไม่เชื่อว่าคนเราจะเปลี่ยนไปได้เพียงชั่วข้ามคืน

นี่คือปริศนาที่ทำให้เขาสงสัย เพราะนางคือหญิงสาวที่ต้องแต่งเข้ามาเป็นภรรยาของเขา หากวันดีคืนดีนิสัยเดิมของนางกลับมา เขาคงปวดหัวไม่น้อยเพราะฉะนั้น เขาจึงอยากจับตาดูนาง ดูว่าทุกสิ่งที่เป็นไปในยามนี้เป็นเพราะนางเสแสร้งแกล้งทำหรือไม่

เมื่องานสมรสพระราชทานยังไม่ได้กำหนดวัน เสด็จลุงเห็นใจที่เขาต้องแต่งงานทั้งที่ไม่เต็มใจ จึงถือเอาฤกษ์สะดวก แม่ทัพใหญ่จางเองก็ไม่อยากจะเร่งรัดเขา จึงรอเพียงวันใดที่เขาพร้อมแล้วค่อยแต่งก็ย่อมได้

เมื่อคิดถึงเรื่องที่นางขอเลื่อนการแต่งงาน ในใจของเซียวจิ้งคิดว่า ถือเป็นเรื่องที่ดีไม่น้อย ระหว่างที่เลื่อนงานออกไปนั้นเขาจะได้จับตาดูความเป็นไปของนางได้ยาวนานขึ้น

วันเวลาล่วงเลยมา จนถึงวันที่ใกล้จะเปิดรับสมัครทหารหญิง เจี่ยงหร่านในจางเหมี่ยวลี่นำเรื่องนี้ไปบอกกับบิดาของตน แม่ทัพใหญ่จางนั้นนอกจากจะไม่คัดค้านแล้วยังสนับสนุน เพียงแต่ว่านางใกล้แต่งงานแล้วเขาจึงคิดว่าอย่างไรเรื่องนี้ควรปรึกษาหารือกับเซียวจิ้งเสียก่อน

ส่วนจางฮูหยินนั้น แม้ไม่เห็นด้วยแต่กลับไม่กล้าเอ่ยปากทักท้วง และในความคิดของจางเฉวียนคิดว่าน้องสาวคงอยากเข้าค่ายทหารเพียงเพราะอยากให้เซียวจิ้งประทับใจ หากนางฝึกไม่ผ่านย่อมถูกคัดออกมาเอง

ยิ่งใกล้วันเปิดรับสมัคร เจี่ยงหร่านก็ยิ่งอยู่ไม่เป็นสุข เป้าหมายของนางยังไม่อาจทำได้สำเร็จ นางเองจึงยังไม่อยากผูกชีิวิตตนเองเอาไว้กับบุรุษใดทั้งสิ้น

เมื่อคิดได้เช่นนั้นนางจึงมารอพบเซียวจิ้งที่เหลาสุราจิ๋นฮวา เดิมทีคิดจะไปหาเขาที่ตำหนักชินอ๋องก็คิดว่าคงจะไม่เหมาะสมเท่าใดนัก

หลังจากที่ได้มาอยู่ในร่างนี้ นางก็ได้พบว่าแท้จริงแล้วเขาคือบุตรชายของชินอ๋อง มีฐานะเป็นซื่อจื่อผู้สูงศักดิ์ และยังเป็นหลานชายคนโปรดของฮ่องเต้ ตอนแรกนางคิดว่าเขาเป็นเพียงบุตรชายจากตระกูลแม่ทัพแล้วมีความดีความชอบเพียงเท่านั้น คาดไม่ถึงว่าจะเป็นถึงเชื้อพระวงศ์

ท่านลุงหม่าที่เห็นว่าจางเหมี่ยวลี่มาที่เหลาสุราอีกแล้ว เขาก็ถึงกับปาดเหงื่อ ภาวนาว่าวันนี้อย่าให้สตรีนางใดโผล่หน้ามาเลย ไม่อย่างนั้นเกรงว่าเหลาสุราอาจจะเหลือเพียงแค่ชื่อเท่านั้น

เจี่ยงหร่านคงไม่คาดคิดว่า นางจะกลายเป็นตัวอันตรายในสายตาของทุกคนขนาดนี้

นั่งรออยู่นานแล้วก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงาของเซียวจิ้ง เจี่ยงหร่านจึงเดินไปถามท่านลุงหม่าทันที

"ท่านลุง ไม่ทราบว่าเมื่อใดท่านพี่จิ้งจะมาหรือเจ้าคะ ข้ามีเรื่องอยากจะพูดคุยกับเขา"

ท่านลุงหม่าสะดุ้งโหยง ทุกครั้งที่พบกับแม่นางน้อยท่านนี้ นางมักจะเรียกเขาว่าตาแก่น่ารำคาญหรือไม่ก็ตาแก่หัวล้าน แต่วันนี้กลับเรียกเขาว่าท่านลุง  พูดจาดีผิดวิสัย ในใจคิดจะเผาเหลาสุราหรือไม่นะ!

ด้านเจี่ยงหร่านนั้นมิได้คิดก่อเรื่องนอกจากการอยากพบเซียวจิ้ง ท่านลุงหม่าสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วตอบไปว่า

"คือว่า ตอนนี้ซื่อจื่อกำลังพักอยู่ที่ด้านบนชั้นสาม ข้าจะรีบให้คนไปเชิญมาขอรับ"

"บอกเขาว่าข้ารอที่ห้องรับรองชั้นสอง อ้อ ขอสุราแรงมาหนึ่งกา ข้าเปรี้ยวปากยิ่งนัก"

พูดจบนางก็เดินขึ้นไปรอที่ห้องเดิม ท่านลุงหม่าแม้ในใจจะสงสัยแต่ก็สั่งให้คนนำสุราไปให้นาง เมื่อสุรามาถึงแล้ว เจี่ยงหร่านก็เทใส่จอกและยกขึ้นดื่มพบว่า รสชาติสุราของที่นี่ดีและถูกปากนางไม่น้อย

ด้านข้างกาสุรามีถั่วอยู่ในจาน นางยื่นมือไปหยิบถั่วขึ้นมากินก่อนจะอ้าปากกัดเปลือกและถ่มถุยเปลือกไปที่พื้น เป็นจังหวะเดียวกับที่เซียวจิ้งเดินเข้ามาพอดี

ภาพสตรีใบหน้างดงาม มือหนึ่งถือจอกสุรา มือหนึ่งถือถั่ว อีกทั้งยังถ่มถุยเปลือกลงไปที่พื้น มันทำให้เซียวจิ้งถึงกับพูดไม่ออก

เจี่ยงหร่านที่เห็นว่าเซียวจิ้งมาถึงแล้ว นางก็ดีใจเป็นอย่างมาก รีบเดินเข้าไปหาหมายจะดึงตัวเขาให้นั่งลง แต่ว่าเซียวจิ้งกลับเบี่ยงกายหลบเลี่ยงและนั่งลงที่โต๊ะริมหน้าต่างแทน อีกทั้งยังปรายตามองเปลือกถั่วที่นางถ่มถุยทิ้งไว้ ด้วยแววตาที่รังเกียจอย่างไม่ปิดบัง

"จางเหมี่ยวลี่ ไม่เจอกันเพียงไม่นาน นอกจากสมองเจ้าจะมีปัญหาแล้ว ยังสกปรกอีกด้วย สตรีที่ใดกันถุยเปลือกถั่วเช่นนี้"

เจี่ยงหร่านจิ๊ปากคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย

"ท่านนี่ขี้บ่นเสียจริง ข้าไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าท่านจะพูดมากเช่นนี้"

"มาหาข้ามีเรื่องอันใด"

เขาเข้าบทสนทนาทันที เพราะไม่อยากจะอยู่กับแม่นางน้อยที่สกปรกเช่นนี้นานๆ

เจี่ยงหร่านยกจอกสุราขึ้นดื่ม กล่าวขึ้นมา

"เรื่องเดิม ข้าจะสมัครเข้าค่ายทหาร ท่านคิดได้หรือยังว่าจะเลื่อนงานแต่งได้นานเท่าใด"

เซียวจิ้งเมื่อได้ยินเช่นนั้น ก็จ้องมองจางเหมี่ยวลี่ แล้วซักไซ้

"เจ้ายังไม่ล้มเลิกความคิดอีกหรือ"

"ไม่มีทาง ข้าตั้งใจดีแล้ว"

"ข้าไม่เห็นด้วย"

เจี่ยงหร่านถอนหายใจดังๆ ออกมา คิดเอาไว้แล้วว่าเขาจะต้องพูดเช่นนี้ แต่นางจะไม่ละความพยายามหรอก

"นี่ท่านพี่จิ้ง ท่านคิดดูให้ดีนะ เกิดว่าระหว่างที่ข้าเข้าค่ายทหารแล้วท่านเจอสตรีที่งดงามก็สามารถยกเลิกงานแต่งได้”

"สมรสพระราชทานไม่อาจยกเลิกได้!"

"หากว่าคนสองคนไม่ได้มีใจชอบพอกัน ฮ่องเต้คงไม่บังคับกระมัง อีกอย่างท่านก็เป็นหลานชายคนโปรด ฮ่องเต้ย่อมตามใจท่าน"

"เหลวไหลสิ้นดี เจ้าหยุดกล่าววาจาเหลวไหลได้แล้ว กลับไปซะ"

เจี่ยงหร่านจ้องมองเซียวจิ้งแวบหนึ่ง ก่อนจะบ่นพึมพำ

"โน่นก็ไม่ดีนี่ก็ไม่ได้ น่าเบื่อเสียจริง"

เซียวจิ้งที่ได้ยินเช่นนั้นก็ส่งเสียงเหอะ ออกมา

"เหตุใดจึงอยากเข้าค่ายทหาร หรือว่าคิดจะทำให้ข้าชอบเจ้าจึงลงแรงเช่นนี้ ข้าบอกเอาไว้ตรงนี้เลยว่าไม่มีประโยชน์"

"เลิกหลงตนเองสักทีเถอะท่านพี่จิ้ง ข้าเบื่อจะฟังท่านพูดเรื่องพวกนี้แล้ว ข้าแค่รู้สึกอยากจะทำตัวให้มีประโยชน์บ้าง ไม่มีเหตุผลอื่นใดทั้งนั้น หากท่านไม่สนับสนุนก็ไม่เป็นไร ข้าจะหาทางเอง!"

กล่าวจบนางก็ทำท่าจะลุกหนี ทว่าเซียวจิ้งกลับพูดขึ้นมาเสียก่อน

"หนึ่งปี"

"หือ"

"หนึ่งปีเท่านั้น หากไม่ได้เรื่องได้ราวและสร้างปัญหาในค่ายทหาร ข้าจะเป็นคนไล่เจ้าออกไปเอง สมรสพระราชทานเลื่อนเวลาออกไปได้แต่ไม่อาจยกเลิก เจ้ากับข้าชะตาฟ้าลิขิตเอาไว้แล้วว่าไม่อาจหนีการแต่งงานได้ เพราะอย่างนั้นเจ้าจงช่วยทำให้ข้าปวดหัวน้อยลงหน่อยเถิด"

เมื่อได้ยินดังนั้น เจี่ยงหร่านก็ยิ้มจนนัยน์ตาโค้งเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยว หนึ่งปีนับว่าเพียงพอแล้ว เพียงพอแล้วจริงๆ

เมื่อคิดได้เช่นนั้น นางจึงตอบกลับทันควัน

"ท่านทำถูกแล้ว สหาย… เอ่อท่านพี่จิ้ง ท่านทำถูกแล้ว มาดื่มสุราด้วยกันสักจอกดีหรือไม่ ฉลองให้กับการค้าครั้งนี้ของเรา"

"ไร้สาระ"

"สักจอกเถอะน่า!"

เจี่ยงหร่านเดินเข้าไปหาเซียวจิ้งพร้อมถือกาสุราและจอกสุราเอาไว้ในมือ แต่นางกลับสะดุดลื่นเปลือกถั่วที่ตัวเองถ่มไว้ที่พื้น กาในมือจึงส่ายอย่างรุนแรง ฝากาสุราเปิดออก สุราในมือสาดกระเด็นไปโดนใบหน้าของเซียวจิ้งเข้าเต็มๆ

เซียวจิ้งยกมือขึ้นเช็ดใบหน้าตน กลิ่นสุราคละคลุ้งไปทั่วทั้งเรือนร่างเขา ที่สำคัญเขาเพิ่งอาบน้ำมาด้วย

เจี่ยงหร่านที่ได้เห็นเช่นนั้น ก็ตกใจรีบขอโทษทันที

"ขออภัยด้วยข้าไม่ได้ตั้งใจ มารดามันเถอะ กาสุราบัดซบ เวรเอ๊ย! เวรจริงๆ กาสุราสารเลว ข้าจะทำโทษมันเอง"

เอ่ยจบนางก็โยนกาสุราขึ้นก่อนจะยกเท้าเตะมันกระเด็นออกไปที่นอกหน้าต่างราวกับกาสุรานั้นเป็นลูกหนังก็ไม่ปาน

เซียวจิ้ง "...."

ให้ตายเถอะ โชคดีที่นางเตะเป็นกาสุราไม่ใช่หน้าเขา!

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • ยอดบุปผาโฉมสะคราญ   ตอนพิเศษ

    หนึ่งปีหลังแต่งงานหลังจากแต่งงานกันหนึ่งปี เซียวจิ้งและเจี่ยงหร่านมีชีวิตหลังแต่งงานที่มีความสุขเป็นอย่างมาก ในทุกๆ วันเขาและนางมักจะมีรอยยิ้มที่แสนอบอุ่นให้แก่กันมีครั้งหนึ่งเซียวจิ้งเปิดไปเจอกล่องที่จางเหมี่ยวลี่เจ้าของร่างเดิมเก็บยันต์และสมุดบันทึกเอาไว้ เจี่ยงหร่านที่มาเห็นก็ถึงกับร้องว่าแย่แล้ว เดิมทีนางคิดจะทิ้งไป แต่ผู้ใดจะรู้ว่าเยว่ซินกลับนำกล่องใบนั้นมาพร้อมสินเดิมของนางด้วย นางรีบเอ่ยปรามไม่ให้เขาดูแต่เซียวจิ้งกลับเปิดอ่านและบอกว่าดีจริง จางเหมี่ยวลี่เขียนท่วงท่าอันเผ็ดร้อนทิ้งไว้ให้เขาอ่านเช่นนี้นับว่าดีมากและยังบอกอีกว่าคืนนี้จะนำท่วงท่าเหล่านั้นมาใช้กับนาง!ให้ตายเถอะ! คนผีทะเล!วันนี้เป็นวันที่เซียวจิ้งพาเจี่ยงหร่านกลับมาที่จวนตระกูลจาง ตั้งแต่แต่งงานกันเขาและนางไม่ได้ยึดถือกฎระเบียบตายตัวใดมากนัก อยากจะกลับจวนตระกูลจางเมื่อใดก็กลับมาได้เสมอแม่ทัพใหญ่จางและจางฮูหยินนั้นดีใจยิ่งนักที่บุตรสาวกลับมาเยี่ยมเยือนตน ยามนี้เซียวหลิงตั้งครรภ์ใกล้จะคลอดเต็มทีแล้ว จางเฉวียนก็คอยดูแลนางเป็นอย่างดี จางฮูหยินนั้นแม้จะดีใจที่ลูกสะใภ้กำลังจะมีหลาน แต่นางกลับไม่สบายใจเรื่องที่จางเหมี

  • ยอดบุปผาโฉมสะคราญ   ตอนจบ

    เมื่อสงครามสงบลงแล้ว กองทัพทั้งหมดต่างยอมศิโรราบขึ้นตรงต่อแคว้นฟงหลิง แคว้นซ่งและแคว้นต้าฉี ผนวกเข้ารวมดินแดนเป็นหนึ่งเดียวกับแคว้นฟงหลิง ส่วนแคว้นฉู่ก็ยินดีสวามิภักดิ์และเปิดการค้าขายเชื่อมต่อทั้งสี่ชายแดน อีกทั้งยังส่งองค์หญิงมาเป็นสนมของฮ่องเต้เซียวหลางเพื่อเชื่อมสัมพันธไมตรีอีกด้วย ผู้คนสามารถเดินทางค้าขายผ่านเมืองต่างๆ ได้โดยไม่ต้องเกรงกลัวสงครามอีกต่อไป แม่ทัพใหญ่จางและจางเฉวียนมุ่งหน้ากลับแคว้นฟงหลิงไปก่อน เพื่อกราบทูลเรื่องน่ายินดีนี้ให้ฝ่าบาททรงทราบ และบอกเซียวจิ้งและจางเหมี่ยวลี่ว่าหลังจากสถาณการณ์ที่นี่สงบเรียบร้อยแล้วก็ให้รีบตามกลับไปในภายหลังในยามนี้ เจี่ยงหร่านกำลังควบม้าเคียงข้างเซียวจิ้ง โดยมีเจี่ยงเฮ่าควบม้าตามหลังพร้อมกับสวีเฉินที่ติดตามมาด้วย เขาบอกว่าจะพานางมาดูสถานที่แห่งหนึ่ง แรกเริ่มเจี่ยงหร่านยังไม่เข้าใจ จนกระทั่งได้เห็นหลุมศพหลายหลุมตรงหน้า นางก็ถึงกับปล่อยโฮออกมาสวีเฉินเป็นคนฝังศพคนในตระกูลเจี่ยง เขาเขียนชื่อและทำสัญลักษณ์เอาไว้ จึงจำได้ว่าหลุมใดคือหลุมศพของแม่ทัพใหญ่เจี่ยง เขาขออภัยเจี่ยงหร่านที่ศพอื่นเขาไม่ได้ทำสัญลักษณ์เอาไว้ เพราเขาไม่เคยเห็นหน้าคนอื

  • ยอดบุปผาโฉมสะคราญ   บทที่ 42 จัดการคน(เคยรัก)ที่แสนชั่วช้า

    กองทัพแคว้นซ่งพ่ายแพ้อย่างราบคาบ บรรดาเหล่าทหารที่ไม่ถูกฆ่าตายล้วนถูกจับเป็นเชลย แม้แต่ฉู่อี้เฉินยามนี้ก็ถูกลากตัวมาขังเอาไว้ในคุกที่เมืองสืออี้ชายแดนแคว้นฟงหลิง เขาตะโกนอย่างบ้าคลั่ง ไม่คาดคิดว่าตนเองจะพ่ายแพ้ได้เช่นนี้เจี่ยงหร่านรีบเข้าไปประคองเซียวจิ้งที่ร่างกายเต็มไปด้วยคราบโลหิตของผู้อื่น เขาหันมายิ้มให้นางอย่างภูมิอกภูมิใจ"ฝีมือยิงธนูของเจ้ายอดเยี่ยมมาก"เจี่ยงหร่านส่งยิ้มให้เซียวจิ้ง นางใช้มือเช็ดเหงื่อบนใบหน้าให้เขาอย่างอ่อนโยน ก่อนหน้านี้นางและเขาวางแผนเอาไว้ว่า เขาจะออกไปรบ ส่วนนางคอยดูสถานการณ์อยู่ด้านบน คอยหาจุดพลิกผันของฉู่อี้เฉินจากนั้นก็จัดการทันที หากผู้นำทัพล้ม แน่นอนว่าทั้งกองทัพย่อมย่อยยับไม่มีชิ้นดีเมื่อกลับเข้ามาในเมืองแล้ว นางก็ไปเปลี่ยนเสื้อผ้า และสั่งให้คนจัดการดูแลทหารที่ได้รับบาดเจ็บให้ดี แล้วเดินเข้ามาหาเซียวจิ้งที่นั่งอยู่ในห้องพัก ชายหนุ่มเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว เขาได้รับบาดเจ็บที่แขนเล็กน้อยเท่านั้น"เซียวจิ้ง ท่านไหวหรือไม่"เซียวจิ้งได้ยินเช่นนั้นก็หัวเราะออกมา"ย่อมต้องไหวอยู่แล้ว เราออกไปดูสถานการณ์ข้างนอกกันเถิด""อืม"เจี่ยงหร่านพยักหน้าเดิน

  • ยอดบุปผาโฉมสะคราญ   บทที่ 41 กลยุทธ์ลดทอนกำลังทหาร

    นับตั้งแต่เกิดเรื่องขึ้นกับบิดา ฟ่านเหยาไม่เคยนอนหลับสนิทได้เลยสักคืน ทุกครั้งที่นางหลับตาลงมักจะฝันเห็นว่าบิดาร้องขอความช่วยเหลือจากนาง ได้ยินเสียงฟ่านเยียนญาติผู้พี่ กำลังดิ้นรนด้วยความทุกข์ทรมาน พร้อมกับร่ำร้องขอให้นางช่วย นานวันเข้าฟ่านเหยาร่างกายก็ย่ำแย่ลง จากที่เคยงดงามเฉิดฉาย แต่เวลานี้ใบหน้าซูบตอบผอมแห้งราวกับคนป่วยหนักที่น่ากลัวกว่านั้นก็คือ นางฝันเห็นเจี่ยงหร่าน ฝันว่าสตรีผู้นั้นเดินเข้ามาบีบปลายคางของนางและกระซิบว่า บุตรของนางยามนี้กำลังไปคอยรับใช้บุตรเจี่ยงหร่านในปรโลกแล้ว และยังบอกอีกว่านับแต่นี้นางอย่าได้ฝันว่าจะสามารถตั้งครรภ์ได้อีกชั่วชีวิต!ครั้งแรกฝันเช่นนี้ฟ่านเหยาด่าทอสาปแช่งเจี่ยงหร่านอย่างเกลียดชัง แต่เมื่อนานวันเข้าความกลัวเริ่มกัดกินจิตใจของนาง ฟ่านเหยาหวาดระแวงไม่กล้าอยู่คนเดียวต้องใช้ชีวิตอยู่บนความทุกข์ราวกับคนตายทั้งเป็นระยะหลังมานี้ไม่รู้เพราะเหตุใด นางกับฉู่อี้เฉินจากแต่ก่อนที่เคยรักกันหวานซึ้ง ตอนนี้กลับทะเลาะกันทุกวัน เขาเอาแต่ตะโกนเรียกหาเจี่ยงหร่านนางแพศยานั่น อีกทั้งยังถามนางว่าตระกูลฟ่านคิดไม่ซื่อกับเขาจริงหรือไม่ เขาถามนางซ้ำๆ อยู่เช่นนั้นราวกับค

  • ยอดบุปผาโฉมสะคราญ   บทที่ 40 หลุมศพ

    หลังจากที่จัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เซียวจิ้งและเจี่ยงหรานรวมถึงเจี่ยงเฮ่าก็เร่งเดินทางข้ามเขตชายแดนในทันที เจี่ยงเฮ่านั้นก่อนหน้านี้เจี่ยงหร่านไม่อยากให้เขาติดตามมาด้วย เพราะเกรงว่าจะเกิดอันตรายที่คาดไม่ถึง ทว่าเจี่ยงเฮ่ากลับลอบปะปนมากับกองทัพทหาร ด้วยเวลานี้อาการบาดเจ็บที่ขาของเขาเริ่มดีขึ้นบ้างแล้ว แต่เพราะเดินทางมาไกลจึงทำให้อาการกำเริบขึ้น แต่ก็ไม่ได้ร้ายแรงเท่าใดนักเจี่ยงหร่านในเวลานี้กำลังยืนอยู่บนหอสังเกตการณ์ ดวงตาคู่สวยจ้องมองไปยังเบื้องหน้าด้วยแววตาที่ราบเรียบ สายลมพัดเข้ามาปะทะใบหน้าของนางเป็นระยะตอนนี้นางสังหารพวกมันไปสองคนแล้ว หากบอกว่าการที่ฟ่านเยียนตายคือพายุลูกแรกที่สร้างผลกระทบต่อแคว้นซ่ง การตายของราชครูฟ่านก็เปรียบได้กับคลื่นยักษ์ที่สาดซัดเข้าสู่แคว้นซ่ง คนสำคัญที่เป็นคนคอยชี้แนะฉู่อี้เฉินและสนับสนุนเขายามนี้ตายแล้ว ย่อมทำให้เหล่าบรรดาแม่ทัพทหารแคว้นซ่งและขุนนางในราชสำนักหวาดหวั่นพรั่นพรึงไม่น้อยและยังส่งผลทำให้บัลลังก์มังกรของฉู่อี้เฉินสั่นคลอนเป็นอย่างยิ่งในขณะที่นางกำลังคิดไปเรื่อยเปื่อย ฉับพลันก็มีซาลาเปาลูกหนึ่งยื่นมาตรงหน้าของนาง เมื่อนางหันไปมองก็ยิ้มออก

  • ยอดบุปผาโฉมสะคราญ   บทที่ 39 ส่งมอบของขวัญ

    ราชครูฟ่านถูกจับตัวเอาไว้ เหล่าผู้ติดตามก็ถูกรวบตัวไว้ทั้งหมดเช่นเดียวกัน พวกเขาบางส่วนที่คิดขัดขืนล้วนถูกทุบตีจนไร้ทางสู้ ราชครูฟ่านเงยหน้ามามองเจี่ยงหร่านในร่างของจางเหมี่ยวลี่ ด่าทอด้วยความโกรธเกรี้ยว"นังแพศยา เป็นเจ้าใช่หรือไม่ที่สังหารหลานชายของข้า วันนี้ข้าจะฆ่าเจ้าเอง"เมื่อถูกจับได้แล้วก็ย่อมไม่จำเป็นต้องรักษาท่าทีอีกต่อไป เขาพ่นคำหยาบสารพัด ด่าทอทุกคนไม่เหลือท่าทีของราชครูผู้สูงส่ง เช่นในกาลก่อนอีกแล้ว เจี่ยงหร่านยิ้มตาหยี กล่าวกับเขาด้วยน้ำเสียงที่เยาะหยัน"ใจเย็นๆ สิราชครูฟ่าน ท่านทำแบบนี้เท่ากับไม่รักษาหน้าตาของตนเลย ท่านเป็นถึงราชครูฟ่านผู้ขาวสะอาดดุจเทพเซียนของแคว้นซ่งเชียวนะ ทำเช่นนี้น่าอับอายจริงเชียว"ราชครูฟ่านเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ชะงักไปครู่หนึ่ง นางรู้ได้อย่างไรว่ายามอยู่ที่แคว้นซ่ง เขาได้รับฉายาว่าบัณฑิตผู้สูงส่งขาวสะอาดดุจเทพเซียนด้วยเหตุนี้ราชครูฟ่านจ้องมองดูหญิงสาวตรงหน้าด้วยแววตาที่วูบไหว ทว่านางกลับยิ้มให้เขาอย่างอ่อนโยนอ่อนโยนเสียจนน่าขนลุก!คนทั้งหมดถูกจับตัวเอาไว้ ส่วนหลี่ฟางนั้นยามนี้ถูกพาตัวมาไต่สวนในวังหลวง อย่างไรนางก็ได้ชื่อว่าเป็นพระชายาเอกของชินอ

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status