ホーム / รักโบราณ / ยอดบุปผาโฉมสะคราญ / บทที่ 13 เข้าร่วมค่ายทหาร

共有

บทที่ 13 เข้าร่วมค่ายทหาร

last update 最終更新日: 2025-04-21 15:04:23

หลายวันต่อมาก็มีราชโองการจากราชสำนักออกประกาศเปิดรับสมัครสตรี ที่มีความสามารถจากทั่วทั้งแคว้นฟงหลิง เข้ามาเป็นทหารหญิงในค่ายทหาร ซึ่งถือเป็นครั้งแรก การเปิดรับสตรีเข้าค่ายทหารมี กฎระเบียบระบุเอาไว้ว่า หญิงสาวที่จะเข้าร่วมต้องยังไม่แต่งงาน มีอายุไม่เกินยี่สิบปี เมื่อพวกนางผ่านการคัดเลือกรอบแรกแล้ว จะต้องเข้าไปฝึกในค่ายทหารหญิงที่จัดเตรียมให้สตรีโดยเฉพาะ

เมื่อฝึกฝนจนผ่านทุกด่านได้แล้ว ก็จะได้รับพระราชทานตำแหน่งในราชสำนักหรือเข้าร่วมกองทัพแห่งแคว้นออกรบกับบุรุษได้

ต่างมีเสียงวิพากวิจารณ์กันไปต่างๆ นาๆ ว่าเป็นผู้หญิงจะไหวหรือ อีกทั้งการฝึกก็เหมือนกับบุรษทุกอย่าง ที่สำคัญแม่ทัพใหญ่จางและรองแม่ทัพเซียว ก็มาคุมการฝึกซ้อมด้วยตนเอง การฝึกทหารหญิงค่อนข้างเข้มงวดไม่ต่างจากบุรุษเลยด้วยซ้ำ

เจี่ยงหร่านในร่างจางเหมี่ยวลี่ตื่นตั้งแต่เช้าตรู่ นางแต่งกายอย่างทะมัดทะแมง จัดการรวบผมขึ้นเป็นทรงหางม้า ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังสถานที่รับสมัครทหารหญิงในทันที เมื่อมาถึงก็พบกับหญิงสาวมากมายที่มาสมัคร พวกนางล้วนไม่ได้มีหน้าตางดงาม แต่ร่างกายกลับกำยำบึกบึนกว่าสตรีน้อยใหญ่ในเมืองหลวง อีกทั้งยังดูมีพละกำลังมากมายอีกด้วย

เหล่าหญิงสาวที่มาร่วมสมัครต่างมองดูจางเหมี่ยวลี่เป็นตาเดียว ด้วยเพราะนางงดงามสะดุดตา ผิวพรรณก็ขาวเนียนละเอียด รูปร่างบางระหง หากเข้าค่ายทหารไม่เกินสามวันคงร้องไห้โฮกลับบ้านไปเป็นแน่

แต่จางเหมี่ยวลี่ไม่ได้สนใจ ร่างเดิมของนางตอนเป็นเจียงหร่านก็ผอมเพรียวเช่นกัน แต่กลับมีพละกำลังมากมาย อีกทั้งร่างนี้ก็ฝึกยุทธ์มาตั้งแต่วัยเยาว์มีพื้นฐานที่ดีีเช่นนี้แล้ว ย่อมอดทนต่อแรงกดดันได้อยู่แล้ว

ไม่เป็นไร เพียงแค่เริ่มต้นใหม่เท่านั้นเอง

การคัดเลือกรอบแรกนั้นมิได้มีอะไรมาก แต่จะเป็นขั้นตอนที่สองและสามที่ค่อนข้างละเอียด ขั้นตอนที่สองคือการตรวจร่างกาย หากร่างกายมีจุดบกพร่องก็จะไม่สามารถผ่านการคัดเลือกได้ จะมีหมอหลวงหญิงมาตรวจอย่างละเอียด เรื่องนี้นางค่อนข้างรับมือได้สบายอยู่แล้ว

คนที่ผ่านการคัดเลือกข้อสองนั้นมีไม่น้อยเลย อีกทั้งมียังมีแม่นางน้อยผู้หนึ่งอายุราวสิบหกปี หน้าตานับว่าพอใช้ได้ ร่างกายก็เพรียวบางไม่ต่างจากนาง สาวน้อยถือทวนเอาไว้ในมือ ใบหน้ายิ้มแย้มเป็นมิตรกับทุกคน เจี่ยงหร่านที่เห็นดังนั้นก็ลอบอุทานในใจว่าอาวุธในมือนางนับว่าเป็นอาวุธที่ดีจริงๆ

สตรีที่จับดาบถือทวนมักจะองอาจสง่างามเสมอ

เมื่อผ่านด่านสองแล้ว ทหารหญิงที่ผ่านการคัดเลือกก็จะได้เข้าพัก ในห้องพักรวมกันห้องละห้าคน นับว่าเป็นโชคดีที่เจี่ยงหร่านได้พักกับแม่นางน้อยที่ถือทวนมาด้วยผู้นั้น นางมีนามว่าโจวลี่ มาจากหมู่บ้านชนบทนอกเมือง เพราะบิดามารดาฐานะยากจน นางที่เป็นบุตรสาวคนเดียวจึงตั้งใจมาที่ค่ายทหารเพื่อจะได้มีเบี้ยหวัดไปเลี้ยงดูบิดามารดา

ส่วนหญิงสาวอีกคนหนึ่งรูปร่างแข็งแรงกำยำไม่น้อย มีนามว่าอากัว เป็นบุตรสาวนายกองผู้หนึ่งที่มิได้มีตำแหน่งใหญ่โตอันใดในกองทัพ เหตุด้วยนางมีรูปร่างสูงใหญ่เหมือนบุรุษ จึงไม่มีบุรุษใดอยากแต่งงานด้วย บิดาของนางจึงส่งนางมาเป็นทหารเพื่อจะได้มีเงินเลี้ยงชีพตนเอง

ส่วนคนอื่นๆ นั้นมิได้สนทนาใดๆ กับเจี่ยงหร่านมากนัก ออกจะไม่สนใจนางเสียด้วยซ้ำ และยังเอ่ยวาจาเหน็บแนมว่านางงดงามปานนี้ คงไม่ใช่ว่าฝึกได้สองวันก็หนีกลับบ้านไปแล้ว

เจี่ยงหร่านไม่ใส่ใจแม้แต่นิดเดียว เมื่อนางจัดที่นอนและทุกอย่างเรียบร้อยก็เปลี่ยนชุดที่ค่ายทหารมอบให้และออกมารวมตัวกับทุกคนที่ลานฝึก

ก่อนหน้าที่จะมาสมัครทหาร กว่านางจะสลัดจางฮูหยินได้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย มารดาเอาแต่ร่ำร้องว่าไม่อยากให้นางต้องไปลำบาก กว่านางจะออกมาได้ก็เหนื่อยไม่ใช่น้อย

ยามนี้ผู้ที่คุมการฝึกมีทหารที่เป็นหัวหน้าอยู่สามคน และคนที่นั่งดูอยู่บนหอสังเกตการณ์มีสองคน คนหนึ่งคือแม่ทัพใหญ่จางบิดาของนางและอีกคนก็คือเซียวจิ้งนั่นเอง แม่ทัพใหญ่จางมองนางด้วยสายตาที่อ่อนโยนและห่วงใยในคราวเดียวกัน แต่เซียวจิ้งกลับมองนางราวกับต้องการจะจับผิดอยู่ตลอดเวลา

"นับเป็นพระกรุณาของฝ่าบาทที่เปิดรับทหารหญิง พวกเจ้าทุกคนรู้ใช่หรือไม่ว่า การเข้าค่ายทหารแล้วย่อมไม่สะดวกสบาย การฝึกจะไม่ต่างจากบุรุษเลยแม้แต่น้อย หากพวกเจ้าอดทนฝึกฝนจนผ่านไปถึงด่านสุดท้ายได้แล้ว ก็จะได้เข้าไปเป็นทหารหญิงของราชสำนัก จะมีเกียรติและอำนาจไม่น้อยเลย"

บรรดาสตรีทั้งหลายที่ได้ยินเช่นนั้น ก็ยิ้มออกมาด้วยความตื่นเต้นดีใจ ต่างจากเจี่ยงหร่านที่ไม่ได้มีท่าทีดีใจอันใด

พูดจาสวยหรู มีเกียรติมีอำนาจเช่นนั้นหรือ นั่นเป็นเรื่องหลังจากที่สามารถรอดชีวิตกลับมาจากสงครามได้ต่างหาก

ทหารคืออันใด ทหารก็คือคนที่อยู่ในสนามรบ ผ่านสมรภูมิคมหอกคมดาบ ใช้ชีวิตอยู่กลางดินกินกลางทราย บางคนเป็นทหารมาครึ่งชีวิตยังไม่มีตำแหน่งเลยด้วยซ้ำ

การอยู่ในสนามรบเท่ากับเอาขาก้าวเข้าไปในปรโลกก้าวหนึ่งเสมอ

นี่คือเหตุผลที่เจี่ยงหร่านขอเวลาเซียวจิ้งให้นานหน่อย หากว่าวันที่นางต้องแก้แค้นฉู่อี้เฉินและฟ่านเหยา และสุดท้ายไม่สามารถมีชีวิตรอดกลับมาได้ เขาจะได้มีเวลามองหาหญิงสาวคนใหม่มาแต่งงานด้วย

คนที่ดีเช่นเซียวจิ้ง ควรจะได้พบเจอคนที่ดีกว่านี้

ด้วยเพราะนางรู้ว่าการใช้ร่างของคนอื่นแก้แค้นเรื่องของตนเองนั้นมิใช่เรื่องดี แต่นางก็ไม่มีทางเลือก นี่เป็นหนทางสุดท้ายแล้วที่นางจะทำได้

นางต้องทำให้ตนเองผ่านการฝึกฝนและก้าวไปอยู่ในจุดที่สามารถออกรบได้ แล้วนางจึงจะสามารถสังหารคนชั่วพวกนั้นได้

ที่สำคัญการได้เข้ามาอยู่ในค่ายทหารก็เพื่อจะสามารถรับรู้ข่าวคราวของสงครามในต่างแคว้นได้ เผื่อว่านางอาจจะสอดแนมเรื่องต่างๆ ของฉู่อี้เฉิน แม้จะเป็นเรื่องน้อยนิดแต่ก็นับว่าสำคัญสำหรับนาง

เจี่ยงหร่านในร่างจางเหมี่ยวลี่ถอนหายใจออกมายาวเหยียดและไม่เอ่ยสิ่งใดอีก ก่อนจะแยกย้ายกันกลับที่พัก เพราะวันพรุ่งนี้จะต้องเริ่มการฝึกแล้ว

คืนนั้นนางนอนหลับไม่ค่อยสนิทนัก กว่าจะหลับได้ก็เกือบค่อนคืนไปแล้ว เมื่อตื่นเช้าขึ้นมาก็รู้สึกเพลียเล็กน้อย

การฝึกในวันแรกคือการวิ่งรอบค่ายทหารที่มีพื้นที่ใหญ่มากหลายสิบรอบเพื่อปรับสภาพร่างกาย ไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่า เจี่ยงหร่านเหนื่อยล้าเป็นอันมาก เพราะร่างนี้มิได้เคยฝึกอย่างเคี่ยวกรำเช่นร่างเดิมของนาง หลังจากวิ่งครบรอบเจี่ยงหร่านก็ถึงกับทิ้งกายนั่งพิงกำแพงค่ายทหารอย่างอ่อนแรงก่อนจะยกน้ำขึ้นดื่ม

ให้ตายเถอะ! ทั้งง่วงทั้งเหนื่อย แต่อย่างไรก็ต้องสู้

เซียวจิ้งที่ยืนอยู่บนหอสังเกตการณ์มองดูจางเหมี่ยวลี่ด้วยแววตาที่เรียบเฉย เขากำลังสงสัยว่านางคิดจะเล่นสนุกอันใดและที่สำคัญ เขากำลังนั่งนับวันรอวันที่จางเหมี่ยวลี่บอกว่า อยากกลับจวนตระกูลจางใจจะขาดแล้ว!

この本を無料で読み続ける
コードをスキャンしてアプリをダウンロード

関連チャプター

  • ยอดบุปผาโฉมสะคราญ   บทที่ 14 หาเรื่อง

    เพียงแค่การฝึกในวันแรกนั้น ผู้หญิงหลายคนก็ถึงกับเป็นลมล้มพับไปหลายต่อหลายครั้ง เจี่ยงหร่านยกน้ำขึ้นดื่ม ก่อนจะมองดูเหล่าสตรีร่างกายบึกบึนหลายคนที่ถูกหามกลับไปที่ห้องพัก แม้ร่างกายจะใหญ่โตแต่เพราะไม่เคยผ่านการฝึกเช่นนี้มาก่อน จึงทำให้ร่างกายรับไม่ไหว เรื่องนี้นางเองเข้าใจดี เพราะก่อนหน้านี้ตอนที่ยังอยู่ในร่างเดิม เจี่ยงหร่านก็ผ่านการฝึกอย่างหนักเช่นเดียวกัน ซ้ำยังต้องฝึกร่วมกับบุรุษอีกด้วยเจี่ยงหร่านหันไปมองโจวลี่และอากัวที่เดินมาทิ้งตัวลงนั่งข้างกายนาง คนทั้งสองยิ้มซื่อๆ ให้นาง ใบหน้าดูเหนื่อยล้าไม่ต่างจากนางมากนัก อากัวหันมามองจางเหมี่ยวลี่ แล้วชมเชยเป็นการใหญ่"เจ้าใช้ได้นี่ ครั้งแรกข้าเห็นเจ้าบอบบาง ได้ยินว่าเป็นบุตรสาวของท่านแม่ทัพใหญ่ด้วย คาดไม่ถึงว่าจะแข็งแรงขนาดนี้"โจวลี่ที่ได้ยินอากัวเอ่ยเช่นนั้นก็พยักหน้า ก่อนเสริมขึ้นว่า"นั่นสิ ปกติพวกคุณหนูในเมืองหลวงน่ะ บอบบางราวกับต้นหลิว แต่เจ้าเป็นข้อยกเว้น"เจี่ยงหร่านในร่างของจางเหมี่ยวลี่ได้ยินก็คลี่ยิ้มน้อยๆ ก่อนจะยกมือขึ้นเช็ดเหงื่อที่ผุดซึมออกตามใบหน้า พร้อมกับสนทนากับโจวลี่และอากัวอย่างสนิทสนม เซียวจิ้งที่มองดูอยู่บนหอสังเกตกา

    最終更新日 : 2025-04-21
  • ยอดบุปผาโฉมสะคราญ   บทที่ 15 อาหารมื้อค่ำ

    ข่าวที่สตรีนางนั้นถูกไล่ออกจากค่ายทหารสร้างความฮือฮาไม่น้อยเลยทีเดียว แต่ทุกคนก็เห็นกับตาว่านางรังแกคนอื่นก่อน เรื่องนี้จึงไม่มีใครกล้ากล่าวโทษจางเหมี่ยวลี่ว่านางใช้อำนาจในทางมิชอบอีกช่วงเย็น เจี่ยงหร่านถูกลงโทษไม่ให้กินอาหารเย็น นางเองก็หิวอยู่บ้าง แต่ในเมื่อมีคำสั่งมาแล้วนางก็ไม่อยากขัดคำสั่ง จึงออกมายืนรับลมเล่นมองดูสิ่งต่างๆรอบตัวเมื่อครู่นี้ตอนที่ยังอยู่ในห้องพัก โจวลี่และอากัวลอบนำอาหารแห้งมาให้นาง แต่นางบอกไปว่าไม่เป็นอะไรนางทนได้ พวกเขาทั้งสองมองนางด้วยแววตาที่เห็นอกเห็นใจค่ำคืนนี้อากาศค่อนข้างเย็นสบาย เจี่ยงหร่านหย่อนกายลงนั่งที่ใต้ต้นไม้ นางเอนกายพิงต้นไม้พลางชันเข่าขึ้นมา ก่อนจะเงยหน้ามองดูดวงจันทร์ลอยเด่นอยู่บนท้องฟ้านางคิดถึงท่านพ่อท่านแม่เหลือเกิน แต่ยามนี้แคว้นซ่งไม่มีพื้นที่ให้นางเยียบย่างเข้าไปได้อีกแล้วหญิงสาวถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยล้า การต้องมาอยู่ในร่างนี้เท่ากับต้องเริ่มต้นใหม่ทั้งหมด ไม่รู้ว่าเมื่อใดที่นางจะได้ก้าวเข้าสู่สมรภูมิสงคราม ใช้ดาบปลิดชีพคนชั่วช้าเช่นฉู่อี้เฉินได้"เพิ่งจะเข้าค่ายทหารมาได้เพียงไม่กี่วัน เจ้าก็ถอนหายใจเสียแล้วหรือ"เสียงของบุรุษที

    最終更新日 : 2025-04-21
  • ยอดบุปผาโฉมสะคราญ   บทที่ 16 ยันต์ปริศนา

    เช้าวันต่อมา ทุกคนตื่นตั้งแต่เช้าเพื่อมาฝึกร่างกายวิ่งรอบค่ายทหารกันเหมือนเดิม ครูฝึกทหารแจ้งไว้ว่า อีกไม่กี่วันจะให้พวกนางเดินทางออกจากค่าย มุ่งหน้าสู่ภูเขาที่นอกเมือง เพื่อทำการฝึกนอกสถานที่ ให้คุ้นชินกับสภาพแวดล้อมในป่าครั้งนี้องค์หญิงเซียวหลิงจะติดตามไปด้วย และองค์หญิงเองก็จะเข้าร่วมฝึกกับทุกคนเป็นกรณีพิเศษ เหล่าทหารหญิงในค่ายที่ได้ยินก็ลอบสูดปากอุทานในใจ จะมีองค์หญิงเข้ามาฝึกด้วยเชียวหรือ พวกนางจะต้องหาทางประจบองค์หญิงเข้าไว้ จะได้มีอำนาจวาสนาและอาจจะได้เลื่อนขั้นมีหน้ามีตาเร็ววันเจี่ยงหร่านที่อยู่ในร่างจางเหมี่ยวลี่เมื่อได้ยินว่าจะมีองค์หญิงมาร่วมฝึกด้วย ก็ไม่ได้แสดงท่าทีอะไร คิดเพียงว่าฮ่องเต้คงเห็นว่าองค์หญิงอยู่่ว่างๆ จึงให้มาฝึกร่างกายแก้เบื่อกระมัง?ด้านเซียวจิ้งนั้น วันนี้เขาเดินทางเข้าวังหลวงเพื่อรายงานเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นให้กับฮ่องเต้เซียวหลางได้สดับรับฟัง ฮ่องเต้ยกถ้วยชาขึ้นดื่ม ก่อนจะซักไซ้ด้วยความสนอกสนใจ"เป็นอย่างไรบ้าง พวกนางทำดีหรือไม่ เพราะแคว้นฟงหลิงยังไม่เคยมีทหารหญิงมาก่อน จึงต้องให้เจ้าและแม่ทัพใหญ่จางไปคอยควบคุมการฝึก ได้ยินว่าจางเหมี่ยวลี่คู่หมั้นขอ

    最終更新日 : 2025-04-21
  • ยอดบุปผาโฉมสะคราญ   บทที่ 17 แก้ต่าง

    เจี่ยงหร่านที่เห็นเช่นนั้นก็นิ่วหน้า ดวงตาคู่สวยมองไปเหล่าทหารหญิงที่ยืนอยู่ในมือถือยันต์สาปแช่งไว้ ก่อนจะถอนหายใจออกมาด้วยความเบื่อหน่ายเซียวจิ้งสั่งให้คนนำยันต์สาปแช่งมาให้เขาดู เมื่อพิจารณามองดูแล้วก็พบว่ามันคือยันต์ที่จางเหมี่ยวลี่ชอบใช้เป็นประจำที่เขารู้ก็เพราะตอนที่แอบไปดูชีวิตความเป็นอยู่ของนาง เขาเคยเห็นนางใช้มันมาก่อนเมื่อเห็นดังนั้นชายหนุ่มก็เงยหน้าไปจับจ้องหญิงสาวตรงหน้าด้วยแววตาที่เคร่งขรึม"กฎของค่ายทหารคือห้ามนำของเหล่านี้ติดตัวมา เจ้าแอบฝ่าฝืนเช่นนั้นหรือ"เจี่ยงหร่านที่ได้ยิน ก็จ้องมองเซียวจิ้งอย่างไม่ครั่นคร้าม ก่อนจะเอ่ย"มันไม่ใช่ของข้า"เมื่อนางพูดจบ เหล่าทหารหญิงที่ถือยันต์เมื่อครู่พลันโต้แย้งขึ้นมา"จะไม่ใช่ได้อย่างไร แต่ไหนแต่ไรชื่อเสียงของเจ้าก็ย่ำแย่มาโดยตลอด เจ้าสาปแช่งคนอื่น ทำตัวเป็นปรปักษ์กับสตรีทุกคนในเมืองหลวง เพียงเพราะหึงหวง...."สตรีนางนั้นยังไม่ทันกล่าวจบ ก็ถูกสายตาเย็นชาของเซียวจิ้งปรายตามอง นางจึงเงียบปากลงไปในทันที จางเหมี่ยวลี่มองสตรีนางนั้นก่อนจะแค่นเสียงขึ้นจมูกอย่างไม่พอใจ"มันไม่ใช่ของข้า แล้วอีกอย่างเจ้ากล่าวหาว่าข้าเล่นของใช้ยันต์สาปแช่ง

    最終更新日 : 2025-04-21
  • ยอดบุปผาโฉมสะคราญ   บทที่ 18 เริ่มการฝึกฝน

    หลังจากสถานการณ์คลี่คลาย เหล่าทหารหญิงเหล่านั้นที่กล่าวหาจางเหมี่ยวลี่ก็ก้มหน้างุด ไม่กล้าสู้หน้านางเท่าใดนัก เจี่ยงหร่านไม่ได้สนใจ นางทิ้งกายลงนั่งที่ด้านหน้ากระโจม โจวลี่และอากัวรีบเดินเข้ามานั่งข้างกายนาง ก่อนจะกล่าวด้วยความเป็นห่วง"ไม่เป็นอะไรนะ ข้าสองคนอยู่กับเจ้ามากที่สุด พวกเรารู้ว่าเจ้าไม่ได้ทำแน่"อากัวเอ่ยพร้อมกับยิ้มตาหยี ด้านโจวลี่ก็พยักหน้าเช่นเดียวกัน เจี่ยงหร่านเองเมื่อเห็นเช่นนั้นก็คลี่ยิ้มน้อยๆ"ขอบใจพวกเจ้ามาก พวกเจ้าไปพักผ่อนเถอะพรุ่งนี้ยังต้องฝึกแต่เช้า ข้าจะไปล้างหน้าที่ริมแม่น้ำสักครู่ แล้วจะรีบกลับมา"พูดจบเจี่ยงหร่านก็เดินตรงไปที่ริมแม่น้ำในทันที นางหย่อนกายลงนั่งริมแม่น้ำ แล้วยกมือขึ้นวักน้ำขึ้นมาล้างหน้า น้ำค่อนข้างใสสะอาดเย็นสบาย ในขณะที่นางกำลังจะหันหลังเดินกลับ ก็พบกับเซียวจิ้งที่ยืนอยู่ไม่ไกลนัก ชายหนุ่มจ้องมองนางด้วยแววตาที่คมกริบ"ดึกมากแล้ว ไม่หลับไม่นอนมาทำอะไรที่นี่""แล้วท่านเล่า ดึกมากแล้วไม่หลับไม่นอนมาตามจับผิดทหารใต้บังคับบัญชาทำไมกัน"เจี่ยงหร่านโต้เถียงกับเซียวจิ้งอย่างไม่ใส่ใจ เซียวจิ้งปรายตามองสตรีตรงหน้า รู้สึกว่าระยะหลังมานี้นางมักจะต่อปา

    最終更新日 : 2025-04-21
  • ยอดบุปผาโฉมสะคราญ   บทที่ 19 อันดับหนึ่ง

    การฝึกทหารดำเนินมาร่วมหลายเดือนแล้ว จนกระทั่งวันหนึ่งก็มีครูฝึกทหารแจ้งว่า จะให้พวกนางเข้าร่วมการแข่งขันกับทหารหนุ่ม นั่นคือการต่อสู้ในป่า ครั้งนี้จะมีองค์หญิงเซียวหลิงเข้าร่วมด้วย ยิ่งสร้างความตื่นเต้นให้กับทุกคนเป็นอย่างมากกฎเกณฑ์ในการแข่งขันครั้งนี้คือ จะให้ทุกคนแบ่งออกเป็นกลุ่มละสิบคน กลุ่มใดสามารถผ่านทุกด่านจนสามารถขึ้นไปช่วยตัวประกันที่อยู่บนยอดเขาได้สำเร็จจะได้รับรางวัล หากใครไม่ไหวให้ยกธงสีขาวโบกแสดงว่าเป็นการยอมแพ้ ซึ่งตอนนี้จากการฝึกร่วมหนึ่งเดือนทหารที่ถูกคัดออกไปหลายร้อยคนแล้ว เวลานี้ในค่ายทหารจึงเหลือทหารหญิงไม่ถึงหนึ่งร้อยคนที่ยังมีความอดทนต่อการฝึกในค่ายทหาร ต่างจากทหารชายที่ยังคงอดทนฝึกร่างกายได้อย่างราบรื่นในการแข่งขันครั้งนี้ ก่อนหน้านี้เซียวจิ้งมิไ่ด้คาดหวังว่าทหารหญิงที่ฝึกใหม่จะเป็นฝ่ายชนะทหารหนุ่มได้ มิใช่ว่าเขาดูแคลนสตรี เพียงแต่คิดว่าครั้งนี้อยากให้พวกนางออกมาหาประสบการณ์มากหน่อยก็เท่านั้นเอง ไม่ว่าจะแพ้ชนะ จะทำได้หรือไม่ได้ล้วนเป็นประสบการณ์ที่ต้องเรียนรู้กฎระเบียบที่สำคัญในการฝึกครั้งนี้ คือห้ามทำร้ายฝ่ายตรงข้ามจนบาดเจ็บเป็นอันขาด ทหารหญิงและทหารชายสองกลุ

    最終更新日 : 2025-04-21
  • ยอดบุปผาโฉมสะคราญ   บทที่ 20 รับเป็นศิษย์ทีเถิด

    ยามนี้ข่าวที่จางเหมี่ยวลี่ชนะการประลองเป็นที่โจษจันไปทั่วทั้งค่ายทหาร ทุกคนที่เคยดูถูกดูแคลนนางถึงกับต้องมองนางใหม่อีกครั้ง ไม่เว้นแม้แต่องค์หญิงเซียวหลิงนับตั้งแต่วันนั้น เซียวหลิงมักจะวนเวียนอยู่ใกล้ๆ จางเหมี่ยวลี่ไม่ยอมลดละ เป้าหมายคืออยากให้รับตนเองเป็นลูกศิษย์เจี่ยงหร่านในร่างของจางเหมี่ยวลี่รู้สึกปวดหัวเป็นอย่างยิ่ง แม่นางน้อยท่านนี้เป็นถึงเชื้อพระวงศ์ผู้สูงศักดิ์ วันๆ เอาแต่มาตามติดนางราวกับหางน้อยๆ ปากก็บอกว่า ท่านอาจารย์ได้โปรดรับศิษย์ผู้นี้ด้วย วันนี้ก็เช่นกัน เซียวหลิงจู่ๆ ก็มาอยู่ร่วมกับนางกับโจวลี่และอากัว จนสหายทั้งสองคนของนางทำตัวไม่ถูก เจี่ยงหร่านเองทนไม่ไหวแล้ว"องค์หญิงเพคะ พระองค์ทรงเป็นผู้สูงศักดิ์ ทำเช่นนี้หม่อมฉันรับไม่ไหวเพคะ"เซียวหลิงที่ได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มตาโค้ง เอ่ยทันที"ท่านอาจารย์ ศิษย์ทำให้ท่านต้องเป็นกังวลหรือ เช่นนั้นศิษย์จะไปคุกเข่าสำนึกผิดเดี๋ยวนี้"เจี่ยงหร่าน "......"ท้ายที่สุดเรื่องจบลงที่เจี่ยงหร่านยื่นข้อเสนอขอเป็นสหายกับเซียวหลิง และยินดีสอนวรยุทธ์ให้ เซียวหลิงยิ้มจนปากจะฉีกถึงใบหู ถึงกับรีบกลับวังหลวงไปบอกเสด็จพ่อฮ่องเต้ของตน ว่าจะย้ายมาอย

    最終更新日 : 2025-04-21
  • ยอดบุปผาโฉมสะคราญ   บทที่ 21 พิษ

    ยามนี้ในค่ายทหารค่อนข้างวุ่นวายไม่น้อย เซียวจิ้งอุ้มจางเหมี่ยวลี่มาที่โรงหมอในค่ายทหาร หมอในค่ายทหารล้วนเป็นหมอหลวงที่ฮ่องเต้เซียวหลางสั่งให้มาทำงานในค่ายทหารแห่งนี้ เมื่อเห็นเช่นนั้นจึงรีบช่วยกันตรวจดูอาการของจางเหมี่ยวลี่ทันทีเซียวจิ้งก้มมองดูเสื้อผ้าของตนที่มีรอยเลือดประปรายก็นิ่วหน้า ก่อนจะรีบกลับไปเปลี่ยนชุดและกลับมาที่โรงหมอใหม่อีกครั้งด้านแม่ทัพใหญ่จางที่ทราบว่าบุตรสาวล้มป่วยกะทันหันก็รีบเดินทางมาที่ค่ายทหารหญิงด้วยความร้อนใจ รออยู่นานหมอหลวงหญิงก็เดินออกมาจากกระโจมหมอ หมอหญิงผู้นี้เป็นลูกศิษย์อันดับหนึ่งของหัวหน้าหมอหลวงที่องค์ฮ่องเต้ไว้วางใจ นางได้เอ่ยกับแม่ทัพใหญ่จางและเซียวจิ้ง"เชิญท่านทั้งสองเข้าไปสนทนากันสักครู่เถิดเจ้าค่ะ"ด้านเซียวหลิงเมื่อได้ยินดังนั้นก็บอกว่าจะเข้าไปด้วย นางเป็นถึงองค์หญิงยามนี้นางก็เป็นห่วงจางเหมี่ยวลี่มาก หมอหลวงเองก็มิอาจห้ามปรามนางได้เมื่อเข้ามาด้านใน เซียวหลิงก็รีบเข้าไปดูอาการของจางเหมี่ยวลี่ทันที พบว่าหญิงสาวตรงหน้านอนหลับไม่ได้สติใบหน้างดงามดูซีดขาว อีกทั้งภายในห้องยังมีกลิ่นโลหิตคละคลุ้ง เป็นกลิ่นที่ไม่น่าพิศมัยเอาเสียเลยเซียวจิ้งจ้องมอง

    最終更新日 : 2025-04-21

最新チャプター

  • ยอดบุปผาโฉมสะคราญ   ตอนพิเศษ

    หนึ่งปีหลังแต่งงานหลังจากแต่งงานกันหนึ่งปี เซียวจิ้งและเจี่ยงหร่านมีชีวิตหลังแต่งงานที่มีความสุขเป็นอย่างมาก ในทุกๆ วันเขาและนางมักจะมีรอยยิ้มที่แสนอบอุ่นให้แก่กันมีครั้งหนึ่งเซียวจิ้งเปิดไปเจอกล่องที่จางเหมี่ยวลี่เจ้าของร่างเดิมเก็บยันต์และสมุดบันทึกเอาไว้ เจี่ยงหร่านที่มาเห็นก็ถึงกับร้องว่าแย่แล้ว เดิมทีนางคิดจะทิ้งไป แต่ผู้ใดจะรู้ว่าเยว่ซินกลับนำกล่องใบนั้นมาพร้อมสินเดิมของนางด้วย นางรีบเอ่ยปรามไม่ให้เขาดูแต่เซียวจิ้งกลับเปิดอ่านและบอกว่าดีจริง จางเหมี่ยวลี่เขียนท่วงท่าอันเผ็ดร้อนทิ้งไว้ให้เขาอ่านเช่นนี้นับว่าดีมากและยังบอกอีกว่าคืนนี้จะนำท่วงท่าเหล่านั้นมาใช้กับนาง!ให้ตายเถอะ! คนผีทะเล!วันนี้เป็นวันที่เซียวจิ้งพาเจี่ยงหร่านกลับมาที่จวนตระกูลจาง ตั้งแต่แต่งงานกันเขาและนางไม่ได้ยึดถือกฎระเบียบตายตัวใดมากนัก อยากจะกลับจวนตระกูลจางเมื่อใดก็กลับมาได้เสมอแม่ทัพใหญ่จางและจางฮูหยินนั้นดีใจยิ่งนักที่บุตรสาวกลับมาเยี่ยมเยือนตน ยามนี้เซียวหลิงตั้งครรภ์ใกล้จะคลอดเต็มทีแล้ว จางเฉวียนก็คอยดูแลนางเป็นอย่างดี จางฮูหยินนั้นแม้จะดีใจที่ลูกสะใภ้กำลังจะมีหลาน แต่นางกลับไม่สบายใจเรื่องที่จางเหมี

  • ยอดบุปผาโฉมสะคราญ   ตอนจบ

    เมื่อสงครามสงบลงแล้ว กองทัพทั้งหมดต่างยอมศิโรราบขึ้นตรงต่อแคว้นฟงหลิง แคว้นซ่งและแคว้นต้าฉี ผนวกเข้ารวมดินแดนเป็นหนึ่งเดียวกับแคว้นฟงหลิง ส่วนแคว้นฉู่ก็ยินดีสวามิภักดิ์และเปิดการค้าขายเชื่อมต่อทั้งสี่ชายแดน อีกทั้งยังส่งองค์หญิงมาเป็นสนมของฮ่องเต้เซียวหลางเพื่อเชื่อมสัมพันธไมตรีอีกด้วย ผู้คนสามารถเดินทางค้าขายผ่านเมืองต่างๆ ได้โดยไม่ต้องเกรงกลัวสงครามอีกต่อไป แม่ทัพใหญ่จางและจางเฉวียนมุ่งหน้ากลับแคว้นฟงหลิงไปก่อน เพื่อกราบทูลเรื่องน่ายินดีนี้ให้ฝ่าบาททรงทราบ และบอกเซียวจิ้งและจางเหมี่ยวลี่ว่าหลังจากสถาณการณ์ที่นี่สงบเรียบร้อยแล้วก็ให้รีบตามกลับไปในภายหลังในยามนี้ เจี่ยงหร่านกำลังควบม้าเคียงข้างเซียวจิ้ง โดยมีเจี่ยงเฮ่าควบม้าตามหลังพร้อมกับสวีเฉินที่ติดตามมาด้วย เขาบอกว่าจะพานางมาดูสถานที่แห่งหนึ่ง แรกเริ่มเจี่ยงหร่านยังไม่เข้าใจ จนกระทั่งได้เห็นหลุมศพหลายหลุมตรงหน้า นางก็ถึงกับปล่อยโฮออกมาสวีเฉินเป็นคนฝังศพคนในตระกูลเจี่ยง เขาเขียนชื่อและทำสัญลักษณ์เอาไว้ จึงจำได้ว่าหลุมใดคือหลุมศพของแม่ทัพใหญ่เจี่ยง เขาขออภัยเจี่ยงหร่านที่ศพอื่นเขาไม่ได้ทำสัญลักษณ์เอาไว้ เพราเขาไม่เคยเห็นหน้าคนอื

  • ยอดบุปผาโฉมสะคราญ   บทที่ 42 จัดการคน(เคยรัก)ที่แสนชั่วช้า

    กองทัพแคว้นซ่งพ่ายแพ้อย่างราบคาบ บรรดาเหล่าทหารที่ไม่ถูกฆ่าตายล้วนถูกจับเป็นเชลย แม้แต่ฉู่อี้เฉินยามนี้ก็ถูกลากตัวมาขังเอาไว้ในคุกที่เมืองสืออี้ชายแดนแคว้นฟงหลิง เขาตะโกนอย่างบ้าคลั่ง ไม่คาดคิดว่าตนเองจะพ่ายแพ้ได้เช่นนี้เจี่ยงหร่านรีบเข้าไปประคองเซียวจิ้งที่ร่างกายเต็มไปด้วยคราบโลหิตของผู้อื่น เขาหันมายิ้มให้นางอย่างภูมิอกภูมิใจ"ฝีมือยิงธนูของเจ้ายอดเยี่ยมมาก"เจี่ยงหร่านส่งยิ้มให้เซียวจิ้ง นางใช้มือเช็ดเหงื่อบนใบหน้าให้เขาอย่างอ่อนโยน ก่อนหน้านี้นางและเขาวางแผนเอาไว้ว่า เขาจะออกไปรบ ส่วนนางคอยดูสถานการณ์อยู่ด้านบน คอยหาจุดพลิกผันของฉู่อี้เฉินจากนั้นก็จัดการทันที หากผู้นำทัพล้ม แน่นอนว่าทั้งกองทัพย่อมย่อยยับไม่มีชิ้นดีเมื่อกลับเข้ามาในเมืองแล้ว นางก็ไปเปลี่ยนเสื้อผ้า และสั่งให้คนจัดการดูแลทหารที่ได้รับบาดเจ็บให้ดี แล้วเดินเข้ามาหาเซียวจิ้งที่นั่งอยู่ในห้องพัก ชายหนุ่มเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว เขาได้รับบาดเจ็บที่แขนเล็กน้อยเท่านั้น"เซียวจิ้ง ท่านไหวหรือไม่"เซียวจิ้งได้ยินเช่นนั้นก็หัวเราะออกมา"ย่อมต้องไหวอยู่แล้ว เราออกไปดูสถานการณ์ข้างนอกกันเถิด""อืม"เจี่ยงหร่านพยักหน้าเดิน

  • ยอดบุปผาโฉมสะคราญ   บทที่ 41 กลยุทธ์ลดทอนกำลังทหาร

    นับตั้งแต่เกิดเรื่องขึ้นกับบิดา ฟ่านเหยาไม่เคยนอนหลับสนิทได้เลยสักคืน ทุกครั้งที่นางหลับตาลงมักจะฝันเห็นว่าบิดาร้องขอความช่วยเหลือจากนาง ได้ยินเสียงฟ่านเยียนญาติผู้พี่ กำลังดิ้นรนด้วยความทุกข์ทรมาน พร้อมกับร่ำร้องขอให้นางช่วย นานวันเข้าฟ่านเหยาร่างกายก็ย่ำแย่ลง จากที่เคยงดงามเฉิดฉาย แต่เวลานี้ใบหน้าซูบตอบผอมแห้งราวกับคนป่วยหนักที่น่ากลัวกว่านั้นก็คือ นางฝันเห็นเจี่ยงหร่าน ฝันว่าสตรีผู้นั้นเดินเข้ามาบีบปลายคางของนางและกระซิบว่า บุตรของนางยามนี้กำลังไปคอยรับใช้บุตรเจี่ยงหร่านในปรโลกแล้ว และยังบอกอีกว่านับแต่นี้นางอย่าได้ฝันว่าจะสามารถตั้งครรภ์ได้อีกชั่วชีวิต!ครั้งแรกฝันเช่นนี้ฟ่านเหยาด่าทอสาปแช่งเจี่ยงหร่านอย่างเกลียดชัง แต่เมื่อนานวันเข้าความกลัวเริ่มกัดกินจิตใจของนาง ฟ่านเหยาหวาดระแวงไม่กล้าอยู่คนเดียวต้องใช้ชีวิตอยู่บนความทุกข์ราวกับคนตายทั้งเป็นระยะหลังมานี้ไม่รู้เพราะเหตุใด นางกับฉู่อี้เฉินจากแต่ก่อนที่เคยรักกันหวานซึ้ง ตอนนี้กลับทะเลาะกันทุกวัน เขาเอาแต่ตะโกนเรียกหาเจี่ยงหร่านนางแพศยานั่น อีกทั้งยังถามนางว่าตระกูลฟ่านคิดไม่ซื่อกับเขาจริงหรือไม่ เขาถามนางซ้ำๆ อยู่เช่นนั้นราวกับค

  • ยอดบุปผาโฉมสะคราญ   บทที่ 40 หลุมศพ

    หลังจากที่จัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เซียวจิ้งและเจี่ยงหรานรวมถึงเจี่ยงเฮ่าก็เร่งเดินทางข้ามเขตชายแดนในทันที เจี่ยงเฮ่านั้นก่อนหน้านี้เจี่ยงหร่านไม่อยากให้เขาติดตามมาด้วย เพราะเกรงว่าจะเกิดอันตรายที่คาดไม่ถึง ทว่าเจี่ยงเฮ่ากลับลอบปะปนมากับกองทัพทหาร ด้วยเวลานี้อาการบาดเจ็บที่ขาของเขาเริ่มดีขึ้นบ้างแล้ว แต่เพราะเดินทางมาไกลจึงทำให้อาการกำเริบขึ้น แต่ก็ไม่ได้ร้ายแรงเท่าใดนักเจี่ยงหร่านในเวลานี้กำลังยืนอยู่บนหอสังเกตการณ์ ดวงตาคู่สวยจ้องมองไปยังเบื้องหน้าด้วยแววตาที่ราบเรียบ สายลมพัดเข้ามาปะทะใบหน้าของนางเป็นระยะตอนนี้นางสังหารพวกมันไปสองคนแล้ว หากบอกว่าการที่ฟ่านเยียนตายคือพายุลูกแรกที่สร้างผลกระทบต่อแคว้นซ่ง การตายของราชครูฟ่านก็เปรียบได้กับคลื่นยักษ์ที่สาดซัดเข้าสู่แคว้นซ่ง คนสำคัญที่เป็นคนคอยชี้แนะฉู่อี้เฉินและสนับสนุนเขายามนี้ตายแล้ว ย่อมทำให้เหล่าบรรดาแม่ทัพทหารแคว้นซ่งและขุนนางในราชสำนักหวาดหวั่นพรั่นพรึงไม่น้อยและยังส่งผลทำให้บัลลังก์มังกรของฉู่อี้เฉินสั่นคลอนเป็นอย่างยิ่งในขณะที่นางกำลังคิดไปเรื่อยเปื่อย ฉับพลันก็มีซาลาเปาลูกหนึ่งยื่นมาตรงหน้าของนาง เมื่อนางหันไปมองก็ยิ้มออก

  • ยอดบุปผาโฉมสะคราญ   บทที่ 39 ส่งมอบของขวัญ

    ราชครูฟ่านถูกจับตัวเอาไว้ เหล่าผู้ติดตามก็ถูกรวบตัวไว้ทั้งหมดเช่นเดียวกัน พวกเขาบางส่วนที่คิดขัดขืนล้วนถูกทุบตีจนไร้ทางสู้ ราชครูฟ่านเงยหน้ามามองเจี่ยงหร่านในร่างของจางเหมี่ยวลี่ ด่าทอด้วยความโกรธเกรี้ยว"นังแพศยา เป็นเจ้าใช่หรือไม่ที่สังหารหลานชายของข้า วันนี้ข้าจะฆ่าเจ้าเอง"เมื่อถูกจับได้แล้วก็ย่อมไม่จำเป็นต้องรักษาท่าทีอีกต่อไป เขาพ่นคำหยาบสารพัด ด่าทอทุกคนไม่เหลือท่าทีของราชครูผู้สูงส่ง เช่นในกาลก่อนอีกแล้ว เจี่ยงหร่านยิ้มตาหยี กล่าวกับเขาด้วยน้ำเสียงที่เยาะหยัน"ใจเย็นๆ สิราชครูฟ่าน ท่านทำแบบนี้เท่ากับไม่รักษาหน้าตาของตนเลย ท่านเป็นถึงราชครูฟ่านผู้ขาวสะอาดดุจเทพเซียนของแคว้นซ่งเชียวนะ ทำเช่นนี้น่าอับอายจริงเชียว"ราชครูฟ่านเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ชะงักไปครู่หนึ่ง นางรู้ได้อย่างไรว่ายามอยู่ที่แคว้นซ่ง เขาได้รับฉายาว่าบัณฑิตผู้สูงส่งขาวสะอาดดุจเทพเซียนด้วยเหตุนี้ราชครูฟ่านจ้องมองดูหญิงสาวตรงหน้าด้วยแววตาที่วูบไหว ทว่านางกลับยิ้มให้เขาอย่างอ่อนโยนอ่อนโยนเสียจนน่าขนลุก!คนทั้งหมดถูกจับตัวเอาไว้ ส่วนหลี่ฟางนั้นยามนี้ถูกพาตัวมาไต่สวนในวังหลวง อย่างไรนางก็ได้ชื่อว่าเป็นพระชายาเอกของชินอ

  • ยอดบุปผาโฉมสะคราญ   บทที่ 38 หลอกล่อปลามาติดแห

    หลายวันต่อมา ฮ่องเต้เซียวหลางก็มีรับสั่งให้คณะทูตของแคว้นซ่งเข้าเฝ้า จัดงานเลี้ยงฉลองต้อนรับอย่างสมเกียรติ และยังให้ขุนนางชั้นสูงรวมถึงบุตรสาวและฮูหยินเอกเข้าร่วมงานเลี้ยงในครั้งนี้ได้ แน่นอนว่าเจี่ยงหร่านเองก็ต้องร่วมงานเลี้ยงในครั้งนี้ด้วยเช่นเดียวกันเจี่ยงหร่านวันนี้สวมชุดขุนนางหญิง ที่ทางราชสำนักเพิ่งตัดส่งมาให้เข้าร่วมงานตามตำแหน่งทางการทหารของนาง หญิงสาวเดินเข้ามาในงานเลี้ยงด้วยท่าทีองอาจผึ่งผาย เซียวหลิงที่เห็นเช่นนั้นก็รีบเข้ามาทักทายนาง ก่อนจะดึงนางให้ไปลองชิมขนมที่ตนเพิ่งทำขึ้นมาใหม่ เจี่ยงหร่านอยู่สนทนากับเซียวหลิงได้ไม่นาน ก็ต้องกลับมานั่งประจำตำแหน่งที่เดิมของตน ไม่นานนัก ขันทีก็ประกาศว่าฮ่องเต้เซียวหลางเสด็จมาถึงแล้ว ทุกคนจึงรีบลุกขึ้นและอยู่ในความสงบฮ่องเต้เซียวหลางเดินเข้ามาพร้อมกับฮองเฮาของตน ส่วนเซียวจิ้งนั้นยามเดินอยู่ด้านหลังพร้อมกับบิดาและมารดาเลี้ยง ทั้งยังมีเซียวกั๋วมาร่วมงานด้วย อย่างไรเสียก็เป็นถึงเชื้อพระวงศ์ แม้ในยามปกติจะไม่ลงรอยกันมากเพียงใด แต่เมื่อมีคนต่างแคว้นเข้ามา ย่อมต้องแสดงออกว่าพี่น้องรักใคร่กันดีเพื่อไม่ให้ศัตรูมองเห็นจุดอ่อนได้"ทุกคนลุกขึ้นเถ

  • ยอดบุปผาโฉมสะคราญ   บทที่ 37 ตลบหลัง

    ด้านเจี่ยงหร่านที่ได้รับทราบว่าผู้นำคณะทูตเดินทางมาสวามิภักดิ์ในครั้งนี้ก็คือราชครูฟ่านบิดาของฟ่านเหยา ถ้วยชาในมือถูกกำเอาไว้แน่น นางสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะเดินออกจากเรือนมุ่งหน้าไปที่รถม้า นางบอกเยว่ซินว่าจะไปที่หอสุราจิ๋นฮวา อีกทั้งยังไม่ให้เยว่ซินตามไปด้วยเมื่อมาถึงนางมุ่งขึ้นไปบนชั้นสอง ลุงหม่าเองระยะหลังมานี้ เริ่มจะคุ้นเคยกับเจี่ยงหรานมากขึ้น เมื่อนางมาถึงเขามักจะจัดห้องที่ด่ีที่สุดให้ และสั่งให้คนนำสุราชั้นดีส่งให้นางอย่างรู้งานวันนี้เซียวจิ้งเองก็มิได้มีงานเร่งด่วน เมื่อได้ยินว่าเจี่ยงหร่านต้องการพบเขา และรออยู่ชั้นสองของเหลาสุรา ชายหนุ่มก็รีบตรงมาหานางทันที เมื่อมาถึงก็พบว่า ในห้องมีเจี่ยงเฮ่าอยู่ด้วย เจี่ยงเฮ่ายิ้มให้เซียวจิ้งอย่างนอบน้อม เซียวจิ้งเองก็ยิ้มตอบอย่างมีมารยาท แล้วเดินเข้ามานั่งลงข้างกายของเจี่ยงหร่านและถามขึ้นมา"เจ้ามาหาข้ามีเรื่องใดหรือ ให้คนส่งจดหมายมาก็ได้ ข้าจะรีบไปหาเจ้าเอง"เจี่ยงหร่านเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มออกมาได้ แล้วพูดว่า"เซียวจิ้ง ที่ข้ามาพบท่านครั้งนี้เพราะมีเรื่องที่อยากขอร้องท่านเรื่องหนึ่ง เรื่องนี้ข้าคิดไตร่ตรองมาทั้งคืนแล้ว"เซียวจิ้ง

  • ยอดบุปผาโฉมสะคราญ   บทที่ 36 คณะทูต

    เซียวจิ้งเอื้อมมือมาเช็ดน้ำตาให้เจี่ยงหร่าน อย่างแผ่วเบา เอ่ยกับนางว่า"อาหร่าน เจ้าอย่าให้ความเกลียดชังกัดกินจิตใจเจ้าจนทุกข์ทรมานเลยนะ"เจี่ยงหร่านในร่างของจางเหมี่ยวลี่เงยหน้าขึ้นมามองเซียวจิ้งครู่หนึ่ง ก่อนจะปรับสีหน้าให้เป็นปกติ เมื่อครู่เพราะนางถูกความโกรธแค้นครอบงำจิตใจมากเกินไป จึงทำให้ควบคุมอารมณ์ตนเองไม่ได้หญิงสาวพยายามสูดลมหายใจเข้าลึกๆ"ทำไมหรือสหายเซียว ท่านกลัวข้าถลำลึกเช่นนั้นหรือ""ข้ากลัวเจ้าไม่มีความสุข ข้าอยากเห็นเจ้ามีสุขไร้ทุกข์กังวล"เจี่ยงหร่านเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็พลันชะงักไปอึดใจ คลี่ยิ้มออกมาเล็กน้อย ไม่รู้เพราะเหตุใด ยามที่นางกำลังจะถลำลึกจนถูกความแค้นกัดกินครอบงำจิตใจ ทว่าเซียวจิ้งกลับสามารถดึงนางขึ้นมาจากหลุมดำภายในจิตใจได้ทุกครั้งเขาเหมือนแสงสว่างที่ส่องประกายเจิดจ้าและงดงามยิ่งนักเมื่อเห็นว่าเจี่ยงหร่านมีสีหน้าดีขึ้นมากแล้ว เขาจึงพูดขึ้นมาทันที"แม้นางจะตั้งครรภ์ แต่ได้ยินว่าระยะหลังมานี้สุขภาพไม่สู้ดีเท่าใดนัก มักจะอารมณ์เสียจนเจ็บป่วยอยู่บ่อยครั้ง แต่นางมีโทสะเรื่องใดนัั้นคนของข้ายังสืบได้ไม่แน่ชัด"เจี่ยงหร่านเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็เพียงยิ้มน้อยๆ"สหา

無料で面白い小説を探して読んでみましょう
GoodNovel アプリで人気小説に無料で!お好きな本をダウンロードして、いつでもどこでも読みましょう!
アプリで無料で本を読む
コードをスキャンしてアプリで読む
DMCA.com Protection Status