Share

บทที่ 12

"เจ้าดูที่พื้นสิ มีกู่ฉงที่ข้าบดขยี้อยู่! ถ้าเอามันออกมาไม่ทันเวลา เจ้านายของพวกเจ้าคงตายไปแล้ว!"

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ซูโหยวก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ดังนั้นเขาจึงกลับไปที่ห้องและตรวจดูที่พื้น และเห็นหนอนที่ถูกบดขยี้อยู่จริง เขาใช้ผ้าเช็ดหน้าหยิบซากมันขึ้นมา และถามท่านหมอกู้ที่เพิ่งเย็บแผลให้ท่านอ๋องเสร็จ “ท่านหมอกู้ ท่านคิดว่าสิ่งนี้คือกู่ฉงหรือไม่?”

ดวงตาของท่านหมอกู้สว่างขึ้น เขาตรวจสอบก่อนจะพยักหน้าและพูดว่า "ข้าว่าแล้วทำไมพิษบาดแผลของท่านอ๋องถึงได้แปลกประหลาดยิ่งนัก ไม่ทำลายชีวิต ที่แท้คือพิษกู่ฉงนี่เอง มันไม่ทำลายชีวิต แต่ช่วยให้หนอนตัวนี้ได้เข้าไปข้างในร่างกายนั่นเอง"

หลังจากพูดจบ ท่านหมอกู้ก็อุทานว่า "โอ้! โชคดีจริง ๆ ที่นำสิ่งนี้ออกมาได้ทันเวลา ไม่เช่นนั้นชีวิตของท่านอ๋องอาจจะตกอยู่ในอันตรายได้!"

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ซูโหยวและฟู่เฉินหวนที่อยู่บนเตียงต่างก็ตกใจ

ซูโหยวรู้สึกสับสนอยู่ครู่หนึ่ง ไม่เข้าใจว่า ทำไมนางถึงยื่นมือเข้ามาช่วย แต่เมื่อสักครู่นางถูกตำหนิอย่างไม่เป็นธรรม ดังนั้นเขาจึงรีบบอกให้องครักษ์ตัวลั่วชิงยวนทันที

"ข้าน้อยรีบร้อนจนเกินไป ขอประทานอภัยพระชายาด้วยขอรับ" ท่าทีของซูโหยวสุภาพขึ้นมาก เขาทำความเคารพนาง

ลั่วชิงยวนต้องการเข้าไปด้านในเพื่อหลบฝน

แต่จู่ ๆ ลั่วเยวี่ยอิงที่อยู่ด้านในก็พูดขึ้นว่า "ข้าไม่รู้มาก่อนว่าท่านพี่รู้ทักษะทางการแพทย์ด้วย รู้แม้กระทั่งกู่ฉง ครั้งนี้ต้องขอบคุณท่านพี่จริง ๆ ที่ลงมือได้ทันเวลา!"

เมื่อซูโหยวได้ยินสิ่งนี้ แววตาสงสัยก็ฉายวาบระหว่างคิ้วของเขา เขายกมือขึ้นเพื่อหยุดลั่วชิงยวนที่กำลังจะเข้าประตู

น้ำเสียงของซูโหยวเย็นขึ้นเล็กน้อย "ห้องนี้แออัดแล้วขอรับ พระชายาควรรออยู่ด้านนอก"

มันชัดเจนมากที่เขากำลังระวังนาง แออัดอย่างนั้นหรือ? ห้องกว้างและปราศจากฝูงชนเช่นนี้ จะแออัดได้อย่างไรกัน?

ขณะนี้ฝนตกหนักมาก นางเพียงแค่ต้องการเข้าไปหลบฝนด้านใน และพักเพียงครู่เดียวเท่านั้น!

นางวิงเวียนศีรษะ ทั้งตัวเปียกโชก ใต้ชายคาไม่สามารถบดบังสายฝนที่กระหน่ำลงมาได้ ตะเกียงหลายดวงในจวนก็โดนพายุพัดจนดับไปหมดแล้ว ฟ้าร้องดังสนั่นหวั่นไหว นางไม่สามารถกลับไปที่ห้องได้ ทำได้เพียงกอดร่างที่สั่นเทาซุกตัวอยู่ใต้ชายคา รอให้ฝนซาลงเท่านั้น

เหล่านางรับใช้ทยอยกันเข้ามาท่ามกลางสายฝน นำน้ำแกง ยารักษาโรค และน้ำร้อนสะอาดใส่ถังมาให้

ลั่วชิงยวนยังเห็นนางรับใช้คนหนึ่งถือร่มมา ก่อนที่ร่มในมือของนางถูกลมพัดจนปลิวไป นางรับใช้คนนั้นก็ถูกพัดจนล้มลงท่ามกลางสายฝน เปียกโชกไปทั้งตัว

ของถูกส่งไปที่ห้องทีละชิ้น ลั่วเยวี่ยอิงพูดขึ้นอย่างเป็นห่วง "ข้าสั่งให้คนไปเตรียมข้าวของมาให้ แต่ไม่ทราบว่าจำเป็นจะต้องใช้หรือไม่"

ซูโหยวกล่าวอย่างขอบคุณ "ขอบคุณขอรับคุณหนูรอง ท่านช่างมีน้ำใจยิ่งนัก"

ท่านหมอกู้พยักหน้าและพูดว่า "แม้ว่าสิ่งเหล่านี้จะไม่ได้ใช้ในยามนี้ แต่เราทุกคนสามารถรับรู้ได้ถึงน้ำใจของคุณหนูรองที่มีต่อท่านอ๋อง"

ฟู่เฉินหวนจับมือของลั่วเยวี่ยอิงและพูดเบา ๆ ว่า "ขอบใจเจ้ามาก"

ลั่วเยวี่ยอิงแสดงสีหน้ากังวลและพูดเบา ๆ "ขอเพียงแค่ท่านอ๋องปลอดภัยก็เพียงพอแล้วเพคะ"

ลั่วชิงยวนที่ฟังคำเหล่านี้จากด้านนอกรู้สึกคลื่นไส้ ลั่วเยวี่ยอิงก็เพียงแค่ขยับริมฝีปากของนางเท่านั้น โยนงานให้กลุ่มนางรับใช้ นางไม่ได้ทำอะไรเลยสักนิด ของที่เตรียมมาก็ไม่ได้มีประโยชน์อันใด ยังได้รับคำชมมากมายถึงเพียงนี้

หากมีโอกาส นางจะฉีกหน้ากากของลั่วเยวี่ยอิงออกมาให้ให้พวกเขาดู!

ภายในห้อง ลั่วเยวี่ยอิงยังคงพูดคุยกับฟู่เฉินหวนอย่างกะหนุงกะหนิง ดังนั้นลั่วชิงยวนจึงเดินไปหลบฝนที่โถงทางเดินแทน เพราะไม่ต้องการฟังอีกต่อไป

ทันใดนั้น หอกที่ติดอยู่บนเก้าอี้ตรงโถงทางเดินทำให้นางตกใจเล็กน้อย เข็มทิศในแขนเสื้อสั่นอีกครั้ง คิ้วของนางก็กระตุก

นางหยิบเข็มทิศออกมาดู และเห็นว่าเข็มทิศหมุนอย่างต่อเนื่อง การสั่นสะเทือนมีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ และยังคงมีฟ้าแลบเป็นประกายอยู่ด้านบน

เมื่อมองขึ้นไปบนท้องฟ้ายามค่ำคืนที่ฟ้าร้อง แสงไฟในเมฆเป็นเหมือนดาบยาวที่คมกริบ ห้อยอยู่เหนือห้องของฟู่เฉินหวน ก่อนแวบผ่านไป

นางหลี่ตาลง และความคิดที่แวบเข้ามาในหัวของนางในทันทีคือ การช่วยชีวิตคน!

หากเดาไม่ผิดแล้ว ภายในตำหนักอ๋องจะต้องมีการติดตั้งสายล่อฟ้าเป็นแน่ และทิศทางของสายฟ้าก็คือห้องของฟู่เฉินหวน!

ภายในห้องจะมีของมีคมที่เป็นเหล็กเป็นตัวล่อ

นางรีบเดินไปที่ห้องทันที

ในขณะนั้นเอง นางชะงักเล็กน้อย หากพูดไปตามตรงคงไม่มีใครเชื่อนางแน่ และซูโหยวก็ไม่ให้นางเข้าไปในห้อง!

มีแสงเย็นในดวงตาของนาง

ลั่วชิงยวนเดินมาที่ประตูห้อง ไม่รู้ว่าตอนนี้ท่านหมอกู้รักษาฟู่เฉินหวนถึงไหนแล้ว ลั่วเยวี่ยอิงรออยู่ด้านข้างคนเดียว ลั่วชิงยวนจึงร้องเรียกนาง

ลั่วเยวี่ยอิงผงะเล็กน้อย และรีบเดินออกมาและมองนางด้วยความประหลาดใจ "ท่านพี่ ทำไมท่านยังไม่กลับไปอีกเจ้าคะ? ดูสิตัวท่านเปียกโชกไปหมดแล้ว!"

ลั่วชิงยวนจับมือของนางอย่างกระวนกระวาย "ลั่วเยวี่ยอิง เจ้าเชื่อข้าหรือไม่?"

ดวงตาของลั่วเยวี่ยอิงเป็นประกาย และนางก็ยกยิ้มอย่างอ่อนโยน "แน่นอนสิเพคะ หม่อมฉันเชื่อในตัวท่านพี่"

“ห้องนี้กำลังจะถูกฟ้าผ่า เจ้าช่วยข้าปกป้องท่านอ๋องได้หรือไม่! ข้าไม่อยากให้เขาตาย!” ลั่วชิงยวนพูดอย่างเป็นกังวล พลางเหลือบมองเข้าไปในห้อง

และนางก็เหลือบไปเห็นเครื่องประดับเหล็กบนตู้เตี้ยพอดี นางก็พูดขึ้นว่า "สิ่งนั้น! เจ้าช่วยนำมันออกมาให้ข้าที ได้โปรด! ถ้าข้าเข้าไป ซูโหยวคงจะไล่ข้าออกมาแน่!"

หลังจากได้ยินสิ่งนี้ ลั่วเยวี่ยอิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย พลางมองนางอย่างสงสัย ถึงแม้ว่านางจะไม่รู้ว่าคำพูดนั้นจริงหรือไม่ แต่นางก็ไม่ตระหนี่ที่จะนำของสิ่งนั้นออกมาให้พี่สาวที่แสนซื่อบื้อของนาง

“ได้เจ้าค่ะ เดี๋ยวข้าจะเข้าไปเอามาให้ท่านพี่”

ลั่วเยวี่ยอิงเดินตรงเข้าไปในห้องและหยิบเครื่องประดับเหล็กหนักบนตู้เตี้ยออกมาให้ลั่วชิงยวน "นี่เจ้าค่ะ ท่านพี่"

ลั่วชิงยวนถือมันไว้ในมือ เครื่องประดับชิ้นนี้เป็นพระที่ถือไม้เท้าปราบปีศาจซึ่งใหญ่กว่าตัวรูปปั้นถึงสามเท่า ด้านบนแหลมมาก และเครื่องประดับทั้งหมดก็เต็มไปด้วยรังสีแห่งความชั่วร้าย

เมื่อมองไปที่พระองค์นั้นอีกครั้ง เห็นได้ชัดว่าเป็นพระปีศาจ

"ขอบใจเจ้ามาก!" ลั่วชิงยวนพยักหน้าอย่างตื่นเต้น

ลั่วเยวี่ยอิงยิ้มอย่างอ่อนโยน ในรอยยิ้มนั้นซ่อนความแหลมคมเอาไว้อยู่

ลั่วชิงยวนเดินออกไปพร้อมกับสิ่งของ และลั่วเยวี่ยอิงก็กลับเข้าไปในห้องโดยไม่ได้สนใจมากนัก

ในขณะนั้นเอง มีเสียงฟ้าร้อง และจากนั้นก็มีเสียงคำรามเหมือนสัตว์ร้ายในคืนที่มืดมิดดังขึ้น

เกิดไฟไหม้ในห้องเก็บของที่อยู่ด้านหลังตำหนักอ๋อง เสียงเคลื่อนไหวดังมาก ฝนตกหนักทำให้ไฟที่ไหม้อยู่ดับลงอย่างรวดเร็ว แต่เรือนทั้งหลังก็พังทลายลงมา

คนรับใช้รีบวิ่งเข้ามารายงาน "ท่านอ๋อง! ท่านอ๋อง! ห้องเก็บของในสวนหลังบ้านถูกฟ้าผ่าพ่ะย่ะค่ะ!"

ทุกคนในห้องตกใจเมื่อได้ยินคำพูดนั้น ซูโหยวขมวดคิ้ว "ทำไมอยู่ดี ๆ ถึงโดนฟ้าผ่าลงมาได้ มีใครได้รับบาดเจ็บหรือไม่?"

“ทาสสองคนได้รับบาดเจ็บพ่ะย่ะค่ะ”

“รีบนำตัวไปหาหมอ!” ซูโหยวสั่งทันที

หลังจากได้ยินสิ่งนี้ ลั่วเยวี่ยอิงก็ยกมือขึ้นปิดปากและอุทานว่า "มันเป็นเรื่องจริง..."

ฟู่เฉินหวนขมวดคิ้วและมองไปที่นาง "เจ้าพูดว่าอะไรเป็นความจริง?"

ลั่วเยวี่ยอิงหลบสายตา นางไม่รู้ว่าควรพูดหรือไม่ ลั่วชิงยวนบอกนางเกี่ยวกับเรื่องนี้ ถ้านางบอกท่านอ๋อง ก็เท่ากับว่าลั่วชิงยวนเป็นคนช่วยชีวิตท่านอ๋อง!

นางไม่มีวันยอมให้เป็นแบบนั้น!

ขณะนั้นเอง ซูโหยวพูดขึ้นอย่างสงสัย "เมื่อสักครู่ดูเหมือนว่าคุณหนูรองจะหยิบบางอย่างออกมาจากห้องไปพ่ะย่ะค่ะ"

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ลั่วเยวี่ยอิงก็ฉวยโอกาสจากสถานการณ์นี้และตอบว่า "ใช่เพคะ มันอาจจะเป็นสิ่งที่ล่อสายฟ้า หม่อมฉันเห็นบางอย่างผิดปกติกับสิ่งนั้น จึงได้นำมันออกไป หม่อมฉันไม่คาดคิดว่า เรือนจะถูกสายฟ้าถล่มลงมาจริง ๆ โชคดีที่มันถูกนำออกไปทันเวลา ไม่เช่นนั้น ท่านอ๋องอาจถึงชีวิตได้..."

ใบหน้าของลั่วเยวี่ยอิงเต็มไปด้วยความกังวล และดูเหมือนนางจะกลัวเล็กน้อย

หลายคนในห้องประหลาดใจหลังจากได้ยินสิ่งนี้

ฟู่เฉินหวนถามอย่างสงสัย "เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าสิ่งนั้นล่อสายฟ้า"

ลั่วเยวี่ยอิงตอบอย่างลังเล "หม่อมฉันอ่านเจอในตำราโบราณ และสิ่งนั้นค่อนข้างชั่วร้าย"

ฟู่เฉินจับมือของลั่วเยวี่ยอิงโดยปราศจากความสงสัย และยังพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเป็นทุกข์ "ถ้าเป็นเช่นนั้น เจ้าได้ช่วยชีวิตตัวข้าผู้เป็นอ๋องเอาไว้ ในสถานการณ์นี้ เจ้าจะขอให้ข้าผู้เป็นอ๋องชดเชยให้เจ้าอย่างไรดี..."

ลั่วเยวี่ยอิงฉวยโอกาสจากสถานการณ์นี้โอบกอดฟู่เฉินหวน "สิ่งที่เยวี่ยอิงปรารถนามาทั้งชีวิต ก็คือการที่พระองค์ทรงปลอดภัยเพคะ"

ซูโหยวถอนหายใจจากด้านข้าง "คุณหนูรองไม่เพียงแต่ช่วยชีวิตท่านอ๋องไว้เท่านั้น แต่ยังช่วยชีวิตกระหม่อมและท่านหมอกู้เอาไว้ด้วย หากท่านปรารถนาสิ่งใดก็จงเอ่ยมาได้เลยขอรับ"

ท่านหมอกู้ถอนหายใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า "ข้าได้ยินมานานแล้วว่า คุณหนูรองแห่งจวนอัครเสนาบดีเป็นหญิงที่มีจิตใจดีงาม มีคุณธรรม เป็นผู้รอบรู้เหตุการณ์ และข้าก็ได้มาเห็นกับตาในวันนี้! ท่านรู้แม้กระทั่งสิ่งที่ล่อสายฟ้า! หากท่านเป็นชายจะต้องประสบความสำเร็จได้มากมายแน่ขอรับ!"

ลั่วเยวี่ยอิงผู้ถูกชื่นชมมากมาย นางยิ้มอย่างเขินอาย "ท่านหมอกู้ชื่นชมข้าเกินไปแล้วเจ้าค่ะ"

ขณะนั้นเอง ก็มีเสียงหัวเราะที่ดูถูกเหยียดหยามดังมาจากนอกประตู "ไม่รู้มาก่อนเลยว่าน้องสาวข้ารู้ศาสตร์ฮวงจุ้ยด้วย"
Comments (1)
goodnovel comment avatar
Chutima Jittreethiang
นักเขียนเหมือนลอกข้อสอบกันมาเลยสไตล์พระเอกโง่ๆเชื่อนางร้ายง่ายๆ นางเอกถูกคนรับใช้ทำร้ายก็ไม่เตะกลับ อารมณ์เสีย
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status