LOGIN“องค์จักรพรรดิ ท่านทรงมอบพระราชโองการสมรสพระราชทานให้กระหม่อมแต่งงานกับหว่านเอ๋อร์มิได้หรือขอรับ?”เผยอวี้วิงวอนอย่างปวดร้าวเซียวหลินเทียนกล่าวอย่างจนใจ “เรื่องนี้พี่หญิงหลิงหลิงของเจ้าลั่นวาจาไว้แล้วว่าห้ามก้าวก่าย!”“เผยอวี้ นางพูดถูกแล้ว ชีวิตวันหน้าคือหว่านเอ๋อร์ที่ต้องอยู่ร่วมกับคนตระกูลเผย หากท่านแม่และท่านย่าของเจ้ายังมิยอมรับนาง หว่านเอ๋อร์แต่งเข้าไปก็คงมีแต่ความทุกข์ใจ!”“เจ้าเป็นพี่น้องของข้า ข้าย่อมอยากเห็นเจ้ามีความสุข และข้าก็มิอยากให้เจ้ากลับบ้านไปแล้วต้องจมอยู่ท่ามกลางศึกพวกนางทุกวัน!”วาจาของเซียวหลินเทียนล้วนเป็นความจริง ไหนเลยเผยอวี้จะมิเข้าใจหลักการที่ว่าครอบครัวปรองดองนำมาซึ่งความเจริญทว่าจะให้เขาตัดใจจากหว่านเอ๋อร์เพื่อตามใจท่านแม่และท่านย่า เขาทำมิได้“เอาเช่นนี้เถิด รอให้กลับไปแล้วเจ้าลองเกลี้ยกล่อมท่านแม่ของเจ้าดูอีกครั้ง หากนางยอมเปลี่ยนท่าที ข้าจะประทานสมรสให้พวกเจ้าเอง!”เซียวหลินเทียนพูดปลอบโยนเผยอวี้กำหมัดแน่นด้วยความคับแค้นใจ รู้สึกไร้เรี่ยวแรงและจนปัญญายามเผชิญหน้าศัตรูเขามิเคยหวาดหวั่น ทว่าสิ่งที่ต้องเผชิญหาใช่ศัตรูไม่ แต่เป็นท่านแม่และท่าน
หลิงอวี๋และหลิงหว่านแยกตัวไปจัดเตรียมสำรับมื้อค่ำ เผยอวี้ได้แต่เหม่อมองแผ่นหลังของหลิงหว่านที่เดินจากไป ในใจเต็มไปด้วยความรู้สึกหลากหลายที่ยากจะอธิบายหลิงหว่านยังจดจำความแค้นเคืองที่มารดาและท่านย่าของเขาเคยคัดค้านมิให้นางแต่งเข้าตระกูลเผยอยู่หรือไม่?ที่นางแสดงท่าทีห่างเหินเย็นชาประหนึ่งคนแปลกหน้าเช่นนี้ เป็นเพราะนางมิอยากจะข้องแวะกับเขาอีกแล้วหรือ?“เผยอวี้ เข้ามา!”เซียวหลินเทียนเดินนำเข้าไปในห้อง เมื่อสัมผัสได้ว่าเผยอวี้มิได้ตามเข้ามา จึงเอ่ยเรียกขึ้นเผยอวี้รีบก้าวตามเข้าไป ทันใดนั้นก็เห็นจั่วชิวเดินนำอยู่ด้านหน้า ส่วนเซียวหลินเทียนเดินตามหลังเผยอวี้ชะงักไปเล็กน้อย ตามกฎแล้วจั่วชิวเป็นเพียงองครักษ์เงา ย่อมมิอาจเดินนำหน้าผู้เป็นนายได้ทว่าเพียงชั่วพริบตาเผยอวี้ก็เข้าใจสถานการณ์ ดวงตาของเซียวหลินเทียนมองมิเห็น จั่วชิวซึ่งมีหน้าที่ดูแลจึงต้องเดินนำหน้าเพื่อคอยบอกทิศทางขอเพียงเซียวหลินเทียนใช้หูฟังเสียงฝีเท้าและเดินตามการนำทางของเขา ก็จะมิเดินพลาดเป้าเช่นนี้แล้ว จั่วชิวก็เปรียบเสมือนดวงตาของเซียวหลินเทียนนั่นเองเมื่อคิดได้ดังนั้น เผยอวี้ก็อดรู้สึกปวดร้าวและสะท้อนใจมิได้
เผยอวี้ยังมิทราบเรื่องที่หลิงอวี๋จะเดินทางไปยังแคว้นซิงลั่ว แคว้นซิงลั่วนี่มันคือสิ่งใดกัน เขามิเคยได้ยินชื่อมาก่อนเลย“ลู่ปิน เรื่องราวเป็นมาอย่างไรกันแน่? ไฉนจู่ ๆ จึงมีแคว้นซิงลั่วโผล่ขึ้นมาได้?”ลู่ปินจึงอธิบายเรื่องราวของแคว้นซิงลั่ว รวมถึงความแค้นระหว่างตำหนักเสวียนเทียนและสำนักเซียนแพทย์ให้ทั้งสองฟังอย่างใจเย็นเผยอวี้จึงได้เข้าใจถึงสาเหตุที่หลิงอวี๋ต้องเดินทางไปแคว้นซิงลั่วเขากล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ฮองเฮาเสด็จไปที่ใด พวกข้าก็จะติดตามไปที่นั่น ต่อให้หนทางยากลำบากเพียงใด พวกเราจะช่วยฮองเฮารักษาองค์จักรพรรดิให้หายดีให้จงได้!”ลู่หนานเองก็กล่าวเสริม “ท่านแม่ทัพเผยพูดถูกแล้วขอรับ คลื่นลมมรสุมลูกใหญ่พวกเราก็ฝ่าฟันกันมาแล้ว ต่อให้ต้องเผชิญอุปสรรคมากกว่านี้ พวกเราก็ไม่มีวันยอมแพ้!”ภายใต้การนำทางของลู่ปิน ทั้งสองก็ได้มาถึงที่พักของเซียวหลินเทียนซึ่งอยู่ที่ห้องปรุงโอสถเซียวหลินเทียนได้รับข่าวล่วงหน้าแล้ว จึงเดินออกมาต้อนรับเมื่อเผยอวี้ได้เห็นหน้าเซียวหลินเทียน ความรู้สึกหลากหลายก็เข้ามาในจิตใจชั่วขณะในคราที่ต่อสู้กับหลงหมิง เซียวหลินเทียนทุ่มเทสุดกำลังจนเผยอวี้และคนอื่น
สีหน้าของหลิงหว่านฉายแววตื่นเต้นระคนตระหนก และทำตัวมิถูกอยู่บ้างหลิงอวี๋รั้งมือนางไว้ พลางยิ้มกล่าวว่า “เขายังมามิถึง แต่ภายในวันสองวันนี้คงจะถึงแล้ว!”“หว่านเอ๋อร์ ความหมายของพี่เขยเจ้าคือ เรามิรู้ว่าจะต้องรั้งอยู่ในแดนเทพอีกนานเพียงใด เผยอวี้เดินทางมาครานี้ พี่เขยเจ้าจึงอยากจะจัดงานแต่งของพวกเจ้าให้เสร็จสิ้นเสีย!”“เจ้าสมัครใจหรือไม่?”หลิงหว่านชะงักงัน นางทรุดกายลงนั่ง ครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนจะยิ้มขมขื่นกล่าวว่า “พี่หญิงหลิงหลิง ข้ามิอยากแต่งเจ้าค่ะ!”“ท่านก็ทราบ มารดาของเขาคัดค้านเรื่องที่ข้าจะแต่งเข้าตระกูลเผยมาโดยตลอด หากพวกเรากระทำการมัดมือชกเช่นนี้ หากนางล่วงรู้เข้า คงคิดว่าข้าล่อลวงเผยอวี้เป็นแน่!”“อีกทั้งท่านพ่อท่านแม่ของข้าก็มิได้อยู่ที่นี่ ข้ามิอยากแต่งงานอย่างฉุกละหุกเช่นนี้เจ้าค่ะ!”ท่าทีของหลิงหว่านเป็นไปตามที่หลิงอวี๋คาดการณ์ไว้ นางจึงรีบเอ่ยปลอบโยน “หากมิสมัครใจก็มิต้องฝืนใจ ข้าจะไปบอกพี่เขยเจ้าให้เอง จะมิเอ่ยถึงเรื่องนี้อีก!”หลิงหว่านพยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม “ติดตามพวกท่านออกมาครานี้ ข้าได้เรียนรู้สิ่งต่าง ๆ มากมาย ได้เปิดหูเปิดตากว้างไกลยิ่งนัก!”“พี่หญิงหลิงหล
ฮูหยินหยางดูเหมือนจะล่วงรู้ความคิดของหลิงอวี๋ นางจึงยิ้มบาง ๆ แล้วกล่าวว่า “เมื่อก่อนหม่อมฉันคิดไว้ว่า รอให้ชิงเสวียนออกเรือนไปแล้ว หม่อมฉันกับลุงซินจะออกเดินทางไปยังป่าหมื่นอสูรด้วยกัน!”“ในเมื่อยามนี้หม่อมฉันกับหยางหนานสิ้นเรื่องหมางใจต่อกันแล้ว มีเขาคอยช่วยดูแลชิงเสวียน หม่อมฉันกับลุงซินจากไปก็คงหมดห่วงเสียที!”“ฮองเฮาหลิง เรื่องนี้หม่อมฉันตัดสินใจเด็ดขาดแล้ว ต่อให้มีท่านไปด้วยหรือไม่ หม่อมฉันก็จะไปอยู่ดี ท่านมิต้องเกลี้ยกล่อมข้าหรอก!”หลิงอวี๋ยังมิทันได้เอ่ยปาก หยางรั่วหลานที่เดินเข้ามาได้ยินบทสนทนาพอดีก็โพล่งขึ้นมาว่า “ท่านแม่ ข้าจะไปด้วยเจ้าค่ะ!”“ท่านห้ามปฏิเสธนะเจ้าคะ หากให้ข้ายืนมองท่านกับลุงซินไปเสี่ยงอันตราย มิสู้ฆ่าข้าให้ตายเสียยังดีกว่า!”หยางรั่วหลานได้รับการเลี้ยงดูฟูมฟักจากฮูหยินหยางมาตั้งแต่เล็ก แม้มิใช่บุตรแท้ ๆ แต่ในใจของนาง ฮูหยินหยางก็คือมารดาจะให้นางทนดูมารดาไปเสี่ยงอันตรายในป่าหมื่นอสูร นางจะยอมได้อย่างไรกัน!ฮูหยินหยางทำตัวมิถูก ทั้งขบขันทั้งระอาใจ เดิมทีนางตั้งใจจะแอบจากไปเงียบ ๆ กับลุงซิน นึกมิถึงว่าจะถูกหยางรั่วหลานได้ยินเข้า“ท่านแม่ อย่างไรท่านก็ห้
หลิงอวี๋ชะงักไปเล็กน้อย เผยอวี้มาที่นี่ด้วยตัวเองงั้นหรือ?เซียวหลินเทียนเอ่ยขึ้นว่า “อาอวี๋ เจ้าลองถามหลิงหว่านดูเถิด หากนางสมัครใจ รอให้เผยอวี้มาถึง เราก็จัดพิธีสมรสให้พวกเขาที่ปากั๋วโจวนี่เลย!”“หากต้องรั้งอยู่ที่แดนเทพอีกสักปีครึ่งปี ก็มิรู้ว่าต้องรออีกนานเพียงใดกว่าจะได้กลับไปแต่งงาน!”“พวกเราอยู่ในแดนเทพที่เต็มไปด้วยภยันตรายรอบด้าน การพลัดพรากแต่ละครั้งอาจเป็นการลาจากชั่วชีวิต ข้ามิอยากให้ใครต้องมีเรื่องติดค้างในใจให้เสียดายอีก!”หลิงอวี๋หวนนึกถึงท่าทีของมารดาเผยอวี้ตอนกลับไปฉินตะวันตกคราวนั้น ก็รู้สึกว่ามิน่าจะเป็นเรื่องดีนักการจัดงานแต่งงานลับหลังบิดามารดาและผู้อาวุโสเช่นนี้ เท่ากับเป็นการมัดมือชกหากฮูหยินเผยล่วงรู้เข้า มีแต่จะยิ่งชิงชังหลิงหว่านมากขึ้น“ข้าจะลองถามนางดู!”หลิงอวี๋เองก็สุดจะรู้ว่าหลิงหว่านจะยินยอมหรือไม่ จึงทำได้เพียงรับปากไปเช่นนั้นเมื่อทั้งสองกลับมาถึงยอดเขาเกาหลิ่ง หลิงอวี๋ก็มิรอช้า นางให้เซียวหลินเทียนไปพักผ่อนก่อน ส่วนตนก็รีบไปรักษาอาการให้ฟางเจ๋อฟางเจ๋อซาบซึ้งใจยิ่งนัก หลิงอวี๋ออกไปวิ่งเต้นธุระมาทั้งวัน ครั้นกลับมายังมิทันได้พักผ่อน ก็รีบร้อ







