LOGINตลอดเกือบทั้งสัปดาห์ที่ฉันกลับบ้าน ปัทม์ส่งไลน์มาหาฉันตลอด บางทีฉันก็ลองแกล้งไม่ตอบไลน์ ทั้งๆ ที่ก็ยิ้มได้ทุกครั้งที่มีเสียงเตือนเด้งขึ้นมา ปัทม์ก็จะเปลี่ยนเป็นโทรมาหาแทน แต่ฉันก็ไม่ได้รับสายเพราะอยู่ต่อหน้าพ่อแม่ แม่มองแล้วแซวว่าฉันมีหนุ่มๆ โทรหาแล้วไม่กล้ารับ ฉันลุกขึ้นห้องยิ้มๆ
โทรมาทำไม : DooDao
Pat MK : หมูน้อยไม่อ่านไลน์
เมื่อกี๊ไม่ว่าง : DooDao
ใครหมูน้อย : DooDao
Pat MK : เหมือนดาวไง
ล้อเราว่าอ้วนเหรอ : DooDao
Pat MK : เปล่า อยากเรียก
Pat MK : น่ารักดี
สนิทกันเหรอ : DooDao
มาตั้งฉายาให้ : DooDao
Pat MK : ก็อยากเรียกอ่ะ
Pat MK : ตั้งฉายาให้เราบ้างสิ
คาสโนว่าหน้าหยก : DooDao
Pat MK : ไม่เอา
หนุ่มเจ้าชู้ : DooDao
Pat MK : เลิกเจ้าชู้แล้ว
แค่นี้แหละ : DooDao
Pat MK : คุยกันก่อน
จะเก็บของกลับ : DooDao
Pat MK : งั้นบายครับ
ฉันยิ้มไปพิมพ์ไป ตั้งแต่เริ่มเปิดใจก็รู้สึกดีกับปัทม์ขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ยั้งใจไว้ส่วนหนึ่ง เผื่อปัทม์จะล้มเลิกความพยายามขึ้นมากลางครัน คนเราจะเปลี่ยนแปลงตัวเองง่ายๆ ในแค่ไม่กี่วันคงเป็นไปไม่ได้ คงต้องดูในระยะยาว
*********************
เปิดเทอมซัมเมอร์วันแรก ปัทม์มารอรับฉันที่หน้าห้อง ไม่ยอมให้ฉันขับรถไปเอง ฉันก็ไม่ได้ปฏิเสธ ยอมนั่งรถไปเรียนพร้อมกันกับปัทม์
เราเดินออกจากรถขึ้นไปเรียนที่ตึกคณะสังคมฯ พร้อมกัน นักศึกษาที่ลงเรียนซัมเมอร์เหมือนพวกเรามองมาที่ฉันกับปัทม์ แน่ล่ะ! คงพากันคิดว่าอีอ้วนที่ไหนเดินคู่กันมากับเดือนมหา’ลัยปีล่าสุด
เหมือนปัทม์รู้ทันความคิดฉัน ดึงหนังสือในมือฉันไปถือให้ แล้วเดินข้างๆ กันไป คนแถวนั้นเริ่มซุบซิบกันใหญ่
ปัทม์เลือกลงวันจันทร์สองวิชา ช่วงสิบโมง และบ่ายโมง ส่วนอีกสามวิชาเรียนช่วงบ่าย วันอังคาร พุธ พฤหัสบดี วันละหนึ่งวิชา ว่างศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์
วันนี้เป็นวันจันทร์ฉันต้องทนนั่งเรียนท่ามกลางสายตาที่มองมาอย่างกดดันตั้งสองวิชา ฉันเลือกนั่งแถวหน้าสุดเพราะอยากใกล้กับหน้าจอให้มากที่สุด ปัทม์นั่งลงข้างๆ เอาหนังสือของฉันขึ้นมาวางให้ตรงหน้า
สักพักก็มีสาวสวยเดินมาขอเบอร์ปัทม์ ปัทม์ยิ้มให้แล้วปฏิเสธอย่างสุภาพจนเธอเดินสะบัดก้นหนีไป ปัทม์มองมาทางฉันแล้วยิ้มกว้าง ฉันกลั้นยิ้ม ทำหน้านิ่งๆ ไม่แสดงอาการให้รู้ว่าดีใจ เคยเห็นแต่ปัทม์เสียงเข้มเวลาปฏิเสธสาวๆ หรือคู่ควงเก่าที่แวะมาที่ห้อง ไม่เคยปฏิเสธด้วยท่าทีสุภาพแบบนี้
พอถึงเวลาเรียน ปัทม์ดูตั้งใจเรียนมาก ไม่คุยกับฉันเลย ตั้งใจจดเลกเชอร์และมียกมือถามอาจารย์ในจุดที่ไม่เข้าใจ ฉันยิ้มมองไปที่ปัทม์ ปัทม์หันมามองที่ฉันแวบหนึ่งแล้วส่งยิ้มมาให้
พออาจารย์เลิกคลาส ฉันกับปัทม์ก็เก็บของเตรียมตัวไปพักทานข้าวก่อนจะขึ้นมาเรียนในอีกวิชาที่ตึกเดิมอีกครั้ง
“ปัทม์ ไปทานข้าวกับพวกเราไหม” สาวสวยต่างคณะสามสี่คนเดินมาชวนเดือนมหา’ลัยข้างๆ ฉัน
“พอดีเราจะไปทานกับเหมือนดาวน่ะ” ปัทม์ปฏิเสธเสียงนุ่ม
“ไปกับพวกเราเถอะ ชวนยัยอ้วนนี่ไปด้วยก็ได้” สาวคนหนึ่งพูดขึ้น แทงจึ๊กมาในหัวใจ สรรพนามนี้ได้ยินบ่อยแต่ก็ไม่เคยชินกับการดูถูกแบบนี้สักที
“เราขอตัวนะ” ปัทม์ยิ้มให้สาวๆ พวกนั้นแล้วหันมามองที่ฉัน จับแขนดึงให้เดินตามไป
“หมูน้อย เค้าหิวแล้ว ไปกินข้าวกัน เค้าเลี้ยงเอง” ปัทม์พูดเสียงออดอ้อน เรียกฉายาที่ตั้งให้ฉัน แล้วแทนตัวเองว่าเค้า ฉันนี่ขนลุกซู่ สาวๆ พวกนั้นตาค้าง มองหน้ากันเลิ่กลั่กที่ผู้ชายเลือกสาวร่างหนาอย่างฉัน
พอเดินออกมานอกห้องเรียนฉันก็ดึงแขนออกมา เขินก็เขิน สะใจพวกนั้นก็สะใจ
“อย่าเรียกเราแบบนี้ต่อหน้าใครอีก แล้วไม่ต้องแทนตัวเองซะน่าขนลุกแบบนั้น” ฉันบอกปัทม์ที่เดินไปยิ้มไป
“อืม เราแค่อยากให้พวกนั้นรู้ว่าเหมือนดาวสำคัญกับเรามากกว่าสาวๆ พวกนั่นเยอะ” ปัทม์พูดอมยิ้ม แล้วเดินไปที่รถเพื่อออกไปทานข้าวข้างนอก
ฉันเลือกนั่งทานก๋วยเตี๋ยวที่ร้านข้างทาง ถามปัทม์ว่ากินได้ไหม ปัทม์บอกว่ากินได้ เคยมากินบ่อย แต่ไม่เคยกินอาหารอีสานเหมือนวันนั้นเลยทำตัวไม่ค่อยถูก ฉันยิ้มที่ปัทม์เอ่ยถึงตอนที่ฉันพาไปกินอาหารอีสาน
ฉันมองไปฝั่งตรงข้ามที่เป็นร้านกาแฟ ปัทม์เห็นฉันมองเลยหันไปมองตาม ฉันเห็นนวพลยืนอยู่ริม ฟุตบาธ สักพักก็มีรถเก๋งสีดำมาจอดเทียบแล้วนวพลก็ขึ้นรถไปด้วยสีหน้าไม่เต็มใจนัก ฉันมองตามอย่างเป็นห่วงในฐานะเพื่อน
ปัทม์เลื่อนชามก๋วยเตี๋ยวที่ยกมาเสิร์ฟให้ฉัน แล้วเทน้ำอัดลมใส่แก้วเลื่อนมาให้ด้วยใบหน้าที่นิ่งๆ ดูเครียดๆ ฉันกินก๋วยเตี๋ยวตรงหน้า คีบลูกชิ้นกินเป็นอันดับแรก ไม่ชอบเอาของโปรดไว้กินทีหลังเหมือนคนทั่วไปทำ ปัทม์ก้มหน้าก้มตากินไม่ชวนคุยเหมือนปกติ
พอขึ้นรถปัทม์ที่เงียบมาตลอดก็พูดขึ้นมา
“อาลัยอาวรณ์กันดีเนาะ”
“ห๊ะ!” ฉันงง
“มองตามกันตาละห้อย” ปัทม์พูดขึ้นมาเสียงเรียบๆ ฉันพอนึกออกแล้วว่าเขาเป็นอะไร
“เราเป็นห่วงพล เห็นขึ้นรถไปสีหน้าไม่ดีเลย” ฉันตอบตามความจริง
“....” ปัทม์เงียบไม่พูด ฉันคิดว่าเรื่องแค่นี้ ฉันไม่ได้ทำผิดอะไร ไม่จำเป็นต้องง้อ
‘งี่เง่า’
“เราหึงหมูน้อยนะ” ปัทม์พูดเสียงอ่อน หลังจากเราเงียบมาสักพัก
“บอกว่าอย่าเรียกแบบนี้” ฉันพูด
“เหมือนดาวบอกอย่าเรียกต่อหน้าคนอื่น ตอนนี้มีแค่เรา” ปัทม์เถียง ฉันขี้เกียจตอบโต้เลยปล่อยเลยตามเลย
“เรากลัวเธอจะกลับไปคบกับมัน” ปัทม์พูด
“เราเป็นคนเจ็บแล้วจำ เราใจแข็งพอที่จะไม่ดึงตัวเองเข้าไปอยู่ในจุดที่ทำให้เราเจ็บปวด ดังนั้นคนที่จะมาเป็นแฟนเราต้องเป็นที่เรามั่นใจว่าจะไม่ทำให้เราเสียใจ เพราะถ้าพลาดแค่ครั้งเดียว ก็คือจบ เราเป็นประเภทที่ไม่ให้โอกาสใครมาทำร้ายเราเป็นครั้งที่สอง” ฉันพูดให้ปัทม์รู้ บอกเป็นนัยๆ ว่า ถ้าปัทม์จะคบฉัน เขาต้องเลิกเจ้าชู้เหมือนที่เคยเป็นมาตลอด
“ได้ยินแบบนี้แล้ว ถอยตอนนี้ยังทันนะ” ฉันบอก
“ไม่ถอยหรอก ก็ ‘รัก’ไปแล้วนี่” ปัทม์บอก
‘เดี๋ยวนะ รัก! รักเหรอ?’
‘ปัทม์บอกว่ารักเรา’
‘เดือนมหา’ลัยบอกว่ารักเรา’ (*////*)
*********************
พอเรียนเสร็จวิชาสุดท้ายของวัน เราก็ตรงกลับคอนโดทันที ปัทม์เดินไปส่งฉันที่หน้าห้อง
“ไม่ต้องเข้าไปหรอก เราอยากพัก” ฉันออกตัวไว้ก่อน เพราะปัทม์เหมือนจะตามเข้าไป
“ดักไว้ตลอด”
“ให้เรามีพื้นที่หายใจบ้าง เราก็ให้ปัทม์มีพื้นที่ของปัทม์ ห่างกันบ้างจะได้มีเวลาให้ตัวเองมากขึ้น” ฉันบอกปัทม์ไปตามตรง ตรงกว่านี้คงต้องพูดว่า ‘อึดอัด’
“อืม เข้าใจล่ะ ต่างคนต่างเว้นช่องว่างให้กันได้หายใจ” ปัทม์บอก
“อืม”
“งั้นตอนเย็นเจอกันนะหมูน้อย เดี๋ยวมารับไปทานข้าว” ปัทม์พูด มองหน้าฉัน ถอยหลังกลับห้อง โบกมือยิ้ม
ฉันนึกอยากแกล้งปัทม์ เลยนึกฉายาให้เขาบ้าง
“ค่ะ แล้วเจอกันนะ แมวเหมียว”
สิ้นเสียงฉันปัทม์สะดุดขาตัวเองเซๆ ชนกับประตูห้อง ฉันยิ้มตอบแล้วปิดประตูล็อกห้อง ยืนพิงประตูไว้
เรียกเขาเอง แล้วเขินเอง ใจเต้นแปลกๆ รู้สึกหัวใจกระชุ่มกระชวย สักพักก็มีเสียงไลน์เด้งขึ้นมา
Pat MK : หมูน้อยครับ
ว่า? : DooDao
Pat MK : ตะกี๊
Pat MK : หมูน้อยเรียกเรา
Pat MK : ว่าแมวเหมียวเหรอ
เปล่า : DooDao
พอดีเห็นแมวเดินผ่าน : DooDao
Pat MK : เราชอบนะ
Pat MK : เรียกบ่อยๆ เลยได้รึเปล่า
*********************
สอบเสร็จวันสุดท้าย ผมออกจากห้องสอบด้วยความมั่นใจ ยังไงซะคะแนนผมยืนไว้ที่เกรดบีเป็นอย่างต่ำแล้วทั้งห้าวิชาเหมือนดาวเดินออกมาจากห้องสอบก่อนผม นั่งรออยู่ที่ระเบียงหน้าห้อง แล้วลุกเดินไปด้วยกัน ตอนนี้เพื่อนๆ ที่เรียนซัมเมอร์ด้วยกัน รู้แล้วว่าผมจีบเหมือนดาวอยู่ บรรดาสาวๆ ที่ไม่ค่อยเข้ามาเหมือนแต่ก่อน เพราะผมออกตัวแรงว่าชัดเจนกับเหมือนดาวคนเดียวเรานั่งเล่นข้างตึกคณะสังคมฯ สักพัก ยังไม่อยากกลับคอนโดตอนนี้“สอบเสร็จแล้ว ไปเที่ยวไหนกันดี” ผมถาม“เราว่าจะกลับบ้าน อีกตั้งสองสัปดาห์กว่าจะเปิดเทอมอีกรอบ” เหมือนดาวบอก“ไม่กลับมาลงทะเบียนเรียนล่วงหน้าสักอาทิตย์หนึ่งเหรอ?” ผมถาม อยากห้ามไม่ให้กลับด้วยซ้ำ“ไม่อ่ะ ลงที่บ้านก็ได้”“ไม่รอฟังผลสอบด้วยกันเหรอ?”“ไม่อ่ะ รอดูเกรดทีเดียวเลย”“ไม่กลับไม่ได้เหรอ?”“เราคิดถึงพ่อแม่ ยังไงก็ต้องกลับ” เหมือนดาวบอก“แล้วหมูน้อยไม่คิดถึงเราเหรอ?” ผมทำเสียงอ้อน เหมือนดาวหันซ้ายหันขวาแล้วตีแขนผมดังเพี้ยะ“บอกว่าอย่าเรียกแบบนี้ต่อหน้าคนอื่น” เหมือนดาวกระซิบพูดเบาๆ หน้าแดงด้วยความเขินอายตอนนี้โต๊ะข้างๆ มองเรากันใหญ่ มีหัวเราะคิกคักในความอ้อน(ว่าที่)แฟนของผม แล้วมองเหม
ฉันนอนอยู่บนโซฟาในห้องนอนของปัทม์ เล่นโทรศัพท์ในมือ ยังไม่อยากนอนหลับตอนนี้ กลัวปัทม์จะเกิดหายใจลำบากตอนกลางดึกแล้วฉันไม่รู้ตัวปัทม์กินยาแก้แพ้แล้วนอนหลับไปนานแล้ว ฉันวางมือถือลงมองใบหน้าหล่อเหลานั้นไม่วางตา เดือนมหา’ลัยสุดหล่อบ้านรวย นอนห่างจากฉันแค่ไม่กี่ก้าวตอนนี้หัวใจฉันหวั่นไหวกับปัทม์จนกลัวว่าจะหลงรักเขาจนหมดหัวใจ แล้วจะเจ็บในภายหลัง‘แต่เขาดีขึ้นมาก’‘แต่แค่สามเดือน มันน้อยไป’‘แต่เขาชัดเจนเปิดตัวกับครอบครัวเลยนะ’ความคิดด้านบวกด้านลบของฉันกำลังต่อสู้กัน ถ้าใช้สมองคิด ฉันเลือกที่จะเผื่อใจไว้รักตัวเอง และระวังใจจากคนคนนี้ แต่ถ้าใช้หัวใจถาม ฉันคิดว่าตอนนี้ รักปัทม์แล้วแน่นอนปัทม์ขยับตัวไปมานอนกระสับกระส่าย ฉันเลยลุกเดินไปนั่งขอบเตียง สะกิดไหล่ปัทม์ถามว่าเป็นอย่างไรบ้าง“ปัทม์ หายใจไม่สะดวกเหรอ”“เปล่า เราคันหลัง” ปัทม์พูดอย่างคนที่สะลึมสะลือฉันลุกไปหยิบคารามายด์ จับปัทม์พลิกนอนคว่ำ แล้วเลิกเสื้อขึ้นทาคารามายด์ที่หลังให้ ก่อนจะดึงเสื้อลงแล้วปล่อยให้นอนคว่ำอยู่แบบนั้นสักพักฉันเดินกลับไปนอนที่โซฟา ตั้งนาฬิกาปลุกแบบตั้งสั่นอย่างเดียวให้ปลุกทุก30นาทีเพื่อตื่นขึ้นมาดูปัทม์แล้วยัดไ
ปัทม์ตั้งใจเรียนขึ้นมาก ตั้งแต่ฉันยอมเปิดใจก็ทำตัวดีเป็นคนละคน ฉันเองตอนแรกไม่ได้คาดหวังอะไร แต่พอมาเจอการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นของปัทม์ ฉันก็ดีใจที่ทำให้คนคนหนึ่งอยากทำดีเพื่อฉันตลอดเวลาที่เรียนด้วยกัน ฉันได้เห็นปัทม์พัฒนาตัวเองมากขึ้น และมั่นใจเรื่องความเจ้าชู้และสาวๆ ที่ยังไม่มีให้เห็น เพราะปัทม์ประกาศชัดเจนว่ากำลังดูใจกับฉันอยู่ ถึงยังไม่ได้เป็นแฟน แต่ก็ไม่อยากให้ฉันเข้าใจผิดส่วนปัทม์เองก็คงเห็นฉันในอีกหลายๆ มุม โดยเฉพาะเวอร์ชั่นใจร้ายในเวลาที่ปัทม์ขี้เกียจอ่านหนังสือ“ปัทม์ถ้าไม่อ่าน เราจะกลับห้องแล้วนะ”“หมูน้อย เราเหนื่อยแล้ว ขอพักแป๊บนึงสิ” ปัทม์งอแง ฉันอนุญาตให้เรียกฉายานี้เฉพาะตอนไม่มีคนเท่านั้น ส่วนฉายาของปัทม์ฉันแค่แกล้งเรียกเล่นๆ ไปแค่ครั้งเดียว แต่ดูเหมือนปัทม์จะชอบมาก“อีกสองสัปดาห์ก็จะสอบแล้วนะ” ฉันเตือน“เราพอเข้าใจบ้างแล้ว นะ ขอพักก่อน” ปัทม์ขอร้องเสียงอ่อย“อืม พักก็พัก งั้นเรากลับห้องนะ” ฉันทำท่าจะลุกขึ้น“หมูน้อย อย่าพึ่งกลับสิ”“เราให้ปัทม์อ่านแค่วิชาละครึ่งชั่วโมง พักหนึ่งชั่วโมง แต่นี่เล่นแค่อ่านสิบนาที แล้วขอพัก คิดว่าจะทำข้อสอบได้ไหม” ฉันดุปัทม์“เรามั่น
ผ่านไปสองสัปดาห์แล้วที่ฉันกับปัทม์ใช้เวลาเรียนร่วมกัน วันนี้วันพฤหัสบดีฉันมีเรียนบ่าย แต่ฉันต้องออกไปหาซื้อของมาทำงานกลุ่ม ปัทม์พาขับรถออกมาหาซื้อของแต่เช้าฉันมองไปข้างทางเจอนวพลที่หน้าหอพักของเขากำลังเดินขึ้นรถเก๋งคันเดิมด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนักฉันรู้ว่าเขาไม่ได้ลงเรียนซัมเมอร์แต่เขาทำไมไม่กลับบ้านต่างจังหวัด ปัทม์ก็เห็นนวพลเหมือนที่ฉันเห็น แล้วก็ถามขึ้นมา“ห่วงมันเหรอ?”“อืม”“พรุ่งนี้เราพามาหามันดีไหม?”“ก็ดีนะ” ฉันบอก“....”ปัทม์เงียบ รึว่าเมื่อกี๊เขาประชดเหรอ“ปัทม์ หิวรึยัง?”“....” ปัทม์ยังเงียบ“แวะซื้อน้ำเต้าหู้หน้าตลาดให้หน่อยสิ เราอยากกิน”“....” ปัทม์เงียบ แต่ก็เลี้ยวแวะจอดแล้วลงไปซื้อให้ น้ำเต้าหู้สี่ถุง ปาท่องโก๋แบบมีไส้นมอีก6ชิ้นปัทม์ขับรถต่อ ฉันเอาหลอดเจาะถุงน้ำเต้าหู้ดูดกินแล้วกัดปาท่องโก๋ไปหนึ่งชิ้นสลับกัดดูน้ำเต้าหู้ในมือจนหมด แล้วเจาะถุงที่สองยื่นใส่ปากคนที่ขับรถอยู่“อ้าปากสิ” ฉันบอกปัทม์ ปัทม์ไม่พูดแต่ก็ยอมอ้าปากคาบหลอดแล้วดูดไปอึกใหญ่ๆ ฉันป้อนปาท่องโก๋ปัทม์ ปัทม์ก็อ้าปากกัดเคี้ยวอย่างเงียบๆฉันป้อนปัทม์จนน้ำเต้าหู้ถุงแรกหมดไปและปาท่องโก๋หมดไปสองชิ้น“เงียบจัง”
ตลอดเกือบทั้งสัปดาห์ที่ฉันกลับบ้าน ปัทม์ส่งไลน์มาหาฉันตลอด บางทีฉันก็ลองแกล้งไม่ตอบไลน์ ทั้งๆ ที่ก็ยิ้มได้ทุกครั้งที่มีเสียงเตือนเด้งขึ้นมา ปัทม์ก็จะเปลี่ยนเป็นโทรมาหาแทน แต่ฉันก็ไม่ได้รับสายเพราะอยู่ต่อหน้าพ่อแม่ แม่มองแล้วแซวว่าฉันมีหนุ่มๆ โทรหาแล้วไม่กล้ารับ ฉันลุกขึ้นห้องยิ้มๆโทรมาทำไม : DooDaoPat MK : หมูน้อยไม่อ่านไลน์เมื่อกี๊ไม่ว่าง : DooDaoใครหมูน้อย : DooDaoPat MK : เหมือนดาวไงล้อเราว่าอ้วนเหรอ : DooDaoPat MK : เปล่า อยากเรียกPat MK : น่ารักดีสนิทกันเหรอ : DooDaoมาตั้งฉายาให้ : DooDaoPat MK : ก็อยากเรียกอ่ะPat MK : ตั้งฉายาให้เราบ้างสิคาสโนว่าหน้าหยก : DooDaoPat MK : ไม่เอาหนุ่มเจ้าชู้ : DooDaoPat MK : เลิกเจ้าชู้แล้วแค่นี้แหละ : DooDaoPat MK : คุยกันก่อนจะเก็บของกลับ : DooDaoPat MK : งั้นบายครับฉันยิ้มไปพิมพ์ไป ตั้งแต่เริ่มเปิดใจก็รู้สึกดีกับปัทม์ขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ยั้งใจไว้ส่วนหนึ่ง เผื่อปัทม์จะล้มเลิกความพยายามขึ้นมากลางครัน คนเราจะเปลี่ยนแปลงตัวเองง่ายๆ ในแค่ไม่กี่วันคงเป็นไปไม่ได้ คงต้องดูในระยะยาว*********************เปิดเทอมซัมเมอร์วันแรก ปัทม์มารอ
“พี่จะทำอะไรผม” ผมถอยออกจากอีกฝ่ายที่กำลังเดินก้าวมาหาพร้อมกับหยิบอะไรบางอย่างจากด้านหลัง“กูจะสั่งสอนให้มึงรู้ ว่าการยุ่งกับคนมีเจ้าของมึงต้องเจอกับอะไร” พี่ชายของนนท์พูดแล้วหยิบมือถือขึ้นมา ผมโล่งใจที่มันไม่ใช่อาวุธ นาฟเปิดกล้องโหมดถ่ายวีดีโอ ตั้งมือถือตั้งพิงไว้ที่โต๊ะเขียนหนังสือผมเคยเห็นวีดีโอซ้อมคนบ่อยๆ ไม่คิดว่าวันนี้จะเจอกับตัวเอง“พี่อย่าทำอะไรนะ นี่มันห้องผม ผมแจ้งความข้อหาทำร้ายร่างกายและบุกรุกได้นะ”“แล้วไง” นาฟพูดพลางถอดเสื้อสูทออก พาดไว้ที่เก้าอี้ ปลดกระดุมข้อมือเตรียมพร้อม“ผมก็สู้คนนะ อย่าคิดว่าผมไม่กล้า” ผมพูดความจริง แต่ในใจแอบคิดว่าถ้าสู้กันจริงๆ จะตายรึเปล่า นาฟตัวสูงใหญ่ มีกล้ามเนื้อที่ดูแข็งแรง ผมว่าอัดผมหมัดเดียวก็คงจะน็อค“ก็ดี กูชอบคนสู้ กูไม่ชอบทำคนฝ่ายเดียว” นาฟพูดแล้วแสยะยิ้มน่ากลัว เดินเข้ามาหาผม จังหวะนี้ผมตัดสินใจป้องกันตัวสวนหมัดไปก่อนทีหนึ่งผลั่ก!! หมัดผมก็หนักไม่ใช่เล่น ผมมั่นใจเพราะตอนนี้นาฟถึงกับหน้าหันไปอีกทางจากแรงต่อยของผม“มึงเริ่มก่อนนะ” นาฟหันกลับมา แล้วต่อยเข้าที่ท้องผม ผมถึงกับจุกนอนลงไปกองที่พื้น ‘แรงเยอะฉิบหาย’นาฟถอดเสื้อออก ผมมองกล้าม







