หลินฉิงเฉิงกับหลินฉางหยูจำต้องลงจากรถม้าไปเข้าร่วมกับรุ่นพี่ที่สอบผ่านตามธรรมเนียม เพราะเมืองไห่ตงเป็นเมืองเล็ก ๆ เจ้าเมืองจึงจัดให้มีการฉลองเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อเชิดชูบัณฑิตของเมืองที่สอบผ่านได้เป็นจวี่เหริน
ขบวนรถม้าบ้านหลินเดินทางไปยังจวนในอำเภอเพื่อนำของฝากไปให้กับบ่าวทั้งสี่คน ก่อนที่จะนำของฝากอีกส่วนหนึ่งไปให้กับหวังไห่และคนอื่น ๆ ที่ร้านค้าต่อ วันนี้ลูกค้าก็ยังคงมีจำนวนมากเหมือนเช่นทุกครั้ง พวกเขาจึงเข้าประตูด้านข้างร้านแทนที่จะเข้าด้านหน้า หลังจากส่งของฝากให้และสั่งความกับหวังไห่เสร็จ จ้าวหลงขับรถม้าไปยังจวนเพื่อรอนายน้อยทั้งสอง ส่วนเหิงอันโหวเปลี่ยนไปนั่งรถม้าที่ชุนจินขับเพื่อกลับไปรอหลินฉิงเฉิงกับหลินฉิงหยางที่หมู่บ้านต้าไห่
ก่อนเข้าบ้านที่ต้าไห่ หลินฉางหยูแวะส่งข่าวดีให้ผู้ใหญ่บ้านหลี่ทราบว่าลูกชายทั้งสองของเขาสอบผ่านได้เป็นจวี่เหรินแล้ว พวกเขาจะจัดงานเลี้ยงพรุ่งนี้ช่วงเย็น เขาจึงขอให้ผู้ใหญ่บ้านช่วยประกาศให้ชาวบ้านทราบเพื่อมาร่วมสนุกกัน
เหิงอันโหวมองดูหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่เ
หนึ่งชั่วยามต่อมา จ้าวหลงพาหลินฉิงเฉิงกับหลินฉิงหยางกลับมาจากอำเภอ พวกเขารีบเข้าไปกินข้าวเที่ยงที่เลยเวลามามากแล้ว เหิงอันโหวที่ไม่รู้จะทำสิ่งใดพอเห็นลูกศิษย์ตัวน้อยทั้งสองมาถึงก็ดีใจนัก หลังอาหารเขาจึงชวนเด็ก ๆ ขึ้นเขาไปหาของป่าเพื่อผ่อนคลายหลังการสอบหลินฉิงอันเป็นห่วงน้อง ๆ นางจึงชวนจ้าวหลงขึ้นเขาไปด้วยกัน หลินอ้ายเห็นว่ามีผู้ใหญ่ไปด้วยนางจึงไม่คิดมากอันใด ส่วนหลินฉางหยูก็ไปช่วยงานภรรยาทำผลไม้แช่อิ่มกับเหล่าบ่าวไพร่ที่เหลือระหว่างทางขึ้นเขา เหิงอันโหวยังสอนวิธีดูสมุนไพรมีค่าต่าง ๆ ให้กับลูกศิษย์ตัวน้อยของเขาพร้อมรอยยิ้ม พวกเขาไม่ได้เดินทางเร็วนักแต่คอยมองหาของป่าและสมุนไพรไปพลาง ๆ หลินฉิงอันมองเหิงอันโหวอย่างสงสัยในใจ นางพอจะรู้ว่าเฒ่าชราคนนี้มีความรู้ในตำราและวรยุทธ์สูงส่ง แต่คราวนี้เขากลับยังมีความรู้เกี่ยวกับสมุนไพรและของป่าไม่น้อยด้วย หลินฉิงอันได้แต่คิดว่าเขาเป็นใครมาจากไหน เหตุใดจึงรอบรู้ยิ่งกว่าใครที่นางเคยรู้จักมาก่อนในภพนี้เสียอีกทั้งห้าคนเดินไปจนกระทั่งถึงป่าผลไม้ซึ
เมื่อกลับไปถึงบ้าน หลินฉิงอันไปปรึกษากับหลินฉางหยูว่านางจะหาผลไม้เพิ่มได้จากที่ใดก่อนจะถึงหน้าหนาว เพราะอย่างน้อยหากหาได้ทัน นางก็สามารถเตรียมผลไม้แช่อิ่มเป็นเสบียงหน้าหนาวได้จำนวนมาก เหิงอันโหวที่ได้ยินเข้าก็ไปนั่งฟังว่าหลินฉางหยูจะแก้ปัญหานี้อย่างไร“ลูกต้องการผลไม้แบบใดบ้างเล่า อันเออร์”“อืม… ข้าอยากได้ผลไม้รสเปรี้ยวที่ชาวบ้านไม่กินกันเหมือนที่เราเก็บมาได้เจ้าค่ะ เพราะหากนำผลไม้รสหวานมาทำก็คงได้ไม่คุ้มเสียเป็นแน่”“เช่นนั้นเราคงต้องไปสอบถามตามหมู่บ้านอื่นกระมังลูก พ่อไม่แน่ใจว่าจะมีชาวบ้านคนไหนเคยพบผลไม้แบบนี้บ้างหรือเปล่า”“เหตุใดพวกเจ้าไม่ลองเดินทางไปทางใต้สักหน่อยเล่า แถวนั้นข้าคิดว่าน่าจะมีผลไม้พวกนี้อยู่เป็นจำนวนมาก”“ท่านปู่รู้หรือเจ้าคะ ว่าผลไม้พวกนี้มีมากแถบใด”“ก็พอรู้อยู่บ้างล่ะนะ เพียงแต่ว่าจะมีคนเก็บมาขายพวกเจ้
หมู่บ้านทางตะวันออกนั้นอยู่ไม่ห่างจากหมู่บ้านก่อนหน้ามากนัก พวกเขาไปถึงก่อนเวลาอาหารเที่ยงเกือบครึ่งชั่วยาม หลินฉางหยูถามทางไปบ้านผู้ใหญ่เช่นก่อนหน้านี้ เมื่อไปถึงแล้วจึงได้เข้าไปสอบถามจนได้ความว่าที่หมู่บ้านนี้มีผลไม้บางชนิดในสี่ชนิดที่พวกเขานำมาเท่านั้น แต่ด้วยระยะทางที่ไม่ไกลนัก ทั้งสองจึงทำสัญญาซื้อขายและจ่ายเงินมัดจำ 3 ตำลึงเช่นเดียวกับหมู่บ้านเย่หยา โดยพวกเขานัดรับสินค้าในอีก 4 วันถัดไป เนื่องจากกลัวว่าหากผลไม้จากหมู่บ้านเย่หยามีจำนวนมากเกินไป พวกเขาคงขนกลับไม่ไหวเป็นแน่หลินฉางหยูเห็นว่าตอนนี้เลยเวลาเที่ยงไปนิดหน่อยแล้ว เขาจึงชวนลูกสาวกลับไปยังหมู่บ้านต้าไห่ก่อน เพราะวันนี้พวกเขาลืมนำเสบียงอาหารขึ้นรถม้ามาด้วย พรุ่งนี้พวกเขายังสามารถเดินทางไปยังหมู่บ้านอื่นได้อีกหลินฉิงอันไม่คัดค้านความคิดพ่อของนาง ทั้งที่จริงแล้วนางยังไม่รู้สึกหิวเลยแม้แต่น้อย เพียงแต่อย่างไรพวกเขาก็รับซื้อผลไม้ได้สองหมู่บ้านแล้ว หลินฉิงอันจึงไม่กังวลเรื่องผลไม้มากนักเมื่อกลับถึงหมู่บ้านต้าไห่ในเวลาปลายย
หลังอาหารเช้าวันต่อมา หลินฉิงอันเรียกเฉินกังมาคุยเรื่องการสร้างอุปกรณ์สำหรับเคี่ยวผลไม้แช่อิ่มแทนการใช้แรงงานคน เพราะการเคี่ยวนั้นต้องใช้เวลาและเสียแรงกายไปมาก นางต้องการให้เครื่องมือนี้ช่วยผ่อนแรงเพื่อให้คนทำสามารถใช้กำลังของตนเองน้อยที่สุด“คุณหนูต้องการให้ข้าสร้างเป็นถังขนาดใหญ่พร้อมไม้พายลดแรงในการเคี่ยวหรือไม่ขอรับ”“อ่า… เจ้าสามารถทำเช่นนั้นได้หรือ?”“ได้ขอรับ เพียงแต่ข้าน้อยไม่มีฝีมือในการตีเหล็ก เรื่องนี้คุณหนูไม่ลองคุยกับพี่ชายเฉียนซื่อดูเล่าขอรับ เขาเก่งทางด้านการตีเหล็กมากเลยนะขอรับ”“โอ้ ข้าลืมนึกถึงเขาไปเลย เช่นนั้นเจ้าไปเรียกเขามาสักหน่อยเถอะ เราจะได้สรุปกันว่าการสร้างเครื่องเช่นนี้จะต้องใช้เงินมากเพียงใด”“คุณหนูรอสักครู่ ข้าน้อยจะไปตามเขามาให้ขอรับ”ระหว่างที่รอทั้งสองคนกลับมา หลินฉิงอันก็นึกถึงเครื่องกวนในภพก่อนขึ้น
หลังจากได้ที่ดินมารวมถึงทำรั้วและปรับพื้นที่แล้ว หลินฉางหยูยังจ้างนายช่างหวังมาควบคุมการก่อสร้างที่พักสองชั้นเพิ่มอีกสองหลังโดยเกณฑ์คนในหมู่บ้านมารับจ้างทำงานครั้งนี้แทบจะหมดทั้งหมู่บ้าน ทำให้การสร้างที่พักทั้งสองหลังรวมถึงห้องน้ำอีกนับสิบห้องสร้างเสร็จในเวลาเพียงไม่ถึงหนึ่งเดือนเมื่อที่พักเสร็จเรียบร้อย หลินฉิงอันกับหลินฉางหยูก็ไปซื้อทาสพร้อมกับโจวซานในอำเภอมาเพิ่มอีก 20 คน เป็นชาย 10 คนและหญิง 10 คน พวกเขามีหน้าที่ดูแลโกดังเก็บผลไม้ใหม่ที่สร้างขึ้นมาหลังจากที่พักเสร็จสิ้น โรงงานของหลินฉิงอันก็สร้างเสร็จแล้วเช่นเดียวกัน ต้องขอบคุณชาวบ้านจำนวนมากที่มาร่วมแรงร่วมใจกันสร้างในครั้งนี้ ทำให้ทุกอย่างเสร็จสิ้นในเวลาอันรวดเร็วกลางเดือนก่อนที่ทุกอย่างจะเสร็จ หลินฉิงอันก็ได้รับจดหมายและตั๋วแลกเงินหนึ่งพันตำลึงจากทหารส่งสาร นางจึงต้องเร่งทำทุกอย่างเพื่อจะส่งผลไม้แช่อิ่มจำนวนมากไปยังชายแดนให้กับเหิงจิ้งกั๋ว ด้านเหิงอันโหวที่ได้รับจดหมายตอบรับจากหลานชายก็ยิ่งเอาแต่ยิ้มกรุ้มกริ่มอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน เขาหมายมั่นปั้นมือว
ก่อนออกเดินทางไปค้าขายยังต่างเมืองหนึ่งวัน หลินฉิงอันบอกแผนการเดินทางของนางให้ทุกคนทราบ แต่เหิงอันโหวกลับแนะนำเส้นทางใหม่ให้นางแทน“ปู่ว่าเจ้าควรเดินทางไปเมืองเจิ้นเป่ย เมืองอันหรงและเมืองสงหยา เพียงแค่สามเมืองนี้ก็เพียงพอจะทำกำไรให้กับเจ้าได้แล้วนะฉิงอัน”“เหตุใดท่านปู่จึงคิดว่าเมืองเหล่านี้จะทำให้ข้าได้กำไรเล่าเจ้าคะ”“เพราะสามเมืองนี้เป็นหัวเมืองใหญ่กว่าเมืองไห่ตงของเจ้าถึงสามเท่าอย่างไรเล่า เมืองพวกนี้เล็กกว่าเทศมณฑลเพียงเล็กน้อยเท่านั้น”“เมืองเหล่านี้ระยะทางห่างไกลจากที่นี่มากไหมเจ้าคะท่านปู่”“หากเจ้าออกจากไห่ตงไปทางตะวันออกเฉียงใต้สัก 10 วัน เจ้าก็จะไปถึงเมืองเจิ้นเป่ย จากเมืองเจิ้นเป่ยเดินทางไปยังตะวันตกอีก 15 วัน เจ้าจะไปถึงเมืองอันหรง และจากเมืองอันหรงไปยังเมืองสงหยาทางเหนือ ใช้เวลาเพียง 10 วันเท่านั้น”“เหตุใดระยะทางระหว่
หวังไห่รู้ข่าวเรื่องการออกไปทำการค้าต่างเมืองของหลินฉิงอัน เขาจึงไม่ได้บอกปัญหาที่เกิดในร้านค้าระหว่างที่นางไม่อยู่ให้ใครฟัง หวังไห่ทำได้เพียงประคับประคองร้านค้าให้เปิดต่อไปได้เท่านั้น แต่น่าเสียดายที่ชาวบ้านต่างหวาดกลัวอันธพาลที่มาคอยรังควานอยู่หน้าร้านขายผลไม้แช่อิ่ม การค้าของหวังไห่จึงซบเซาลงไปเป็นอย่างมาก อีกทั้งเค้าไม่รู้ว่าใครเป็นคนบงการเรื่องนี้ด้วย เขาจึงไม่กล้าแจ้งทางการเพราะกลัวว่าจะไปเตะเหล็กร้อนได้วันนี้อันธพาลเหล่านั้นยังคงรบกวนชาวบ้านที่จะเข้าร้านของเขาเช่นเคย พอเห็นว่าเริ่มไม่มีใครกล้ามาแถวนี้แล้ว พวกมันกลับเข้ามาทำลายข้าวของในร้าน ทั้งที่ปกติพวกมันไม่เคยทำเช่นนี้มาก่อน“หยุดนะ!!! หากพวกเจ้ายังไม่ยอมหยุด ข้าจะแจ้งทางการให้มาจัดการพวกเจ้า”“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ถ้ากล้าก็ไปแจ้งเลยสิ เจ้ามัวรออะไรอยู่ เฮอะ แค่ร้านค้าของชาวบ้านธรรมดา ๆ เจ้าหน้าที่คนไหนจะกล้ามายุ่งเรื่องของนายท่านของข้ากัน”“ได้ ข้าจะดูสิว่านายของพวกเจ้าใ
“พี่ชายหวัง ท่านนั่งลงก่อนเถอะเจ้าค่ะ ค่อยคุยกัน”“คารวะคุณหนูขอรับ”ทั้งสามนั่งลงก่อนที่หลินฉิงอันจะพยักหน้าให้หวังไห่เล่าเรื่องราวที่เขามาหานางในวันนี้ จ้าวหลงเองก็ตั้งใจฟังด้วยเช่นเดียวกันหวังไห่เริ่มเล่าเรื่องราวตั้งแต่แรกเริ่มและการวิเคราะห์เหตุการณ์ของเขาให้ทั้งสองคนรับฟัง เหิงอันโหวที่สอนเด็ก ๆ อยู่ได้ยินเรื่องราวทุกอย่างก็โกรธจนหนวดกระดิก เขาบอกให้เด็ก ๆ อ่านตำรารอไปก่อน แล้วเดินออกมาที่ห้องโถงด้วยใบหน้าบอกบุญไม่รับสักเท่าไหร่ หลังจากนั่งลงแล้ว เหิงอันโหวก็สอบถามเรื่องราวอย่างละเอียดกับหวังไห่อีกครั้ง“ฮึ ช่างบังอาจนัก เป็นเพียงคนรู้จักของเจ้าเมืองแล้วจะทำลายร้านค้าของคนอื่นเช่นนี้ได้อย่างไร พวกเจ้ามีใครบาดเจ็บหรือไม่”“ไม่ขอรับ นายท่านผู้เฒ่า ข้าให้พวกเขาหลบซ่อนตัวอยู่หลังร้านขอรับ”“อืม… เรื่องนี้พวกเจ้าไม่ต้องกังวล พรุ่งนี้ข้า
หลังผ่านงานหมั้นของหลินฉิงอันไป ชาวบ้านในหมู่บ้านที่เข้าไปในเมืองก็กระจายข่าวดีนี้ให้ญาติมิตรที่เข้ามาซื้อสิ่งของกันในช่วงหน้าหนาวฟังกัน กระทั่งข่าวแพร่ไปถึงเจ้าเมืองเติ้ง เขายังไม่ได้นำของขวัญไปอวยพรปีใหม่เหิงอันโหวเลย พอได้ยินข่าวว่าหลินฉิงอันขุนนางขั้นสี่ได้หมั้นหมายกับแม่ทัพเหิงซึ่งเป็นหลานชายคนเดียวของเหิงอันโหวก็ยิ่งอยากไปเยี่ยมเยียนพวกเขาที่บ้านฮูหยินของเจ้าเมืองเติ้งเองก็อยากสร้างสัมพันธ์กับครอบครัวหลินเช่นกัน นางคิดว่าหากทั้งสองครอบครัวสนิทสนมกันแล้ว สามีของนางคงได้รับประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อย“ท่านพี่ หรือเราจะเตรียมของขวัญไปมอบให้ท่านโหวกับครอบครัวหลินดีเจ้าคะ”“ความคิดเจ้าไม่เลว เช่นนั้นก็สั่งพ่อบ้านหาสิ่งของมีค่าไปมอบให้พวกเขาวันพรุ่งนี้กันดีหรือไม่ เจ้าเองก็ช่วยสานสัมพันธ์กับฮูหยินหลินแทนข้าด้วยก็แล้วกันนะ”“ได้เจ้าค่ะ ข้าเองก็อยากรู้จักนางเช่นกัน ข้าอยากรู้ว่าเหตุใดลูก ๆ ของนางจึงต่างมีความสามารถกันมากตั้งแต่
ชาวบ้านที่ให้ผู้อาวุโสของตนมาทาบทามหลินฉิงอันเป็นต้องหน้าเสียไปตาม ๆ กัน เมื่อเหิงอันโหวเอ่ยปากขอหมั้นด้วยตัวเอง พวกเขามีหรือจะกล้าต่อกรกับคนใหญ่คนโตเช่นนี้ ถึงแม้จะเสียดายการหมั้นหมายครั้งนี้มากก็ตาม แต่พวกเขาก็ยังต้องเจียมเนื้อเจียมตัวอย่างที่เหิงอันโหวบอกก่อนหน้านี้ว่าหลินฉิงอันเป็นถึงขุนนางขั้นสี่ พวกเขาที่เป็นชาวบ้านคงไม่อาจเอื้อมหมายเด็ดดอกฟ้ากันได้อีกไม่นานนักรถม้าทั้งสิบคันของจวนโหวก็มาจอดเรียงรายกันที่ด้านข้างลานหน้าเรือนหลัก จากนั้นองครักษ์และบ่าวของจวนโหวทยอยยกหีบใบใหญ่หลายหีบลงมาจากรถม้า ชาวบ้านต่างมองหีบทั้งหลายตาโต พวกเขาไม่คิดมาก่อนว่าเหิงอันโหวจะเตรียมการเกี่ยวกับของหมั้นมามากมายถึงเพียงนี้ ยิ่งคิดพวกเขาก็ยิ่งละอายใจที่หาญกล้าไปขอหลินฉิงอันหมั้นหมายก่อนหน้านี้พ่อบ้านใหญ่เห็นพวกเขาวางหีบเรียงรายกันอย่างเป็นระเบียบ เขาก็สั่งให้คนเปิดหีบทีละใบเพื่ออ่านรายการของหมั้นที่ยาวเป็นหางว่าวเพราะมีหีบทั้งหมดถึงหนึ่งร้อยแปดใบตามเลขมงคลครอบครัวหลินตอนนี้อ้าปากค้างกันไปหมดเมื่
พ่อบ้านใหญ่เห็นว่าทุกคนเตรียมตัวพร้อมสำหรับเริ่มพิธีการปักปิ่นแล้ว เขาเริ่มเอ่ยลำดับขั้นตอนการทำพิธีตั้งแต่เริ่มต้นทันที“ขอเชิญขุนนางขั้นสี่หลินฉิงอัน เข้าประจำตำแหน่งเพื่อเริ่มพิธีการขอรับ”หลินฉิงอันพยักหน้ายิ้มรับคำพ่อบ้านใหญ่ ก่อนที่นางจะเดินไปยังตำแหน่งประธานของงานในวันนี้ซึ่งอยู่หน้าห้องโถงเรือนหลัก บรรดาชาวบ้านที่นั่งกันอยู่ที่โต๊ะตรงลานหน้าบ้านล้วนมองเห็นพิธีการกันอย่างทั่วถึง“ขอเชิญท่านเหิงอันโหวสวมเสื้อคลุมให้คุณหนูหลินขอรับ”เมื่อประโยคนี้สิ้นสุดลง เหล่าชาวบ้านต่างฮือฮากันขึ้นมาทันที พวกเขาไม่รู้ว่าตำแหน่งโหวนี้ยิ่งใหญ่เพียงใด แต่จากเสื้อผ้าอาภรณ์ของเหิงอันโหวแล้ว พวกเขาก็คิดว่าจะต้องไม่ใช่ขุนนางธรรมดาเป็นแน่หลินฉางหยู หลินอ้าย หลินฉิงเฉิงและหลินฉิงหยางเองก็ตกใจไม่น้อย พวกเขาไม่รู้มาก่อนว่าอาจารย์ปู่จะเป็นถึงท่านโหวของแคว้นเลยทีเดียว ส่วนหลินฉิงอันนั้นนางเดาได้มานานแล้วว่าท่านปู่ผู้นี้จะต
งานเลี้ยงปีใหม่ผ่านไปอย่างสนุกสนาน ยิ่งกับการกินหมูกระทะในครั้งนี้นั้นทำให้ทุกคนต่างติดอกติดใจ หลินฉิงอันจึงมอบเตาและกระทะให้กับบ่าวและครอบครัวท่านลุงของนางเป็นของขวัญด้วยก่อนงานเลี้ยงจะสิ้นสุดลง หลินฉิงอันก็นำหยกพกมอบให้กับบ่าวทั้งหมดรวมทั้งคนในครอบครัวของนางเอง ส่วนของบ้านท่านลุงนั้นนางไม่ได้ทำให้ เพราะนางอยากให้พวกเขาออกแบบลวดลายบนหยกด้วยตนเอง หลินฉิงอันยังมอบเงินให้ครอบครัวท่านลุง 500 ตำลึงเพื่อนำไปทำหยกพกเช่นกัน คราแรกท่านลุงของนางไม่ยอมรับเงินจำนวนนี้ แต่ด้วยเหตุผลและการคะยั้นคะยอของคนในครอบครัวทำให้เขาต้องยิ้มรับมาอย่างจนใจ เขายังสัญญากับครอบครัวน้องสาวด้วยว่าจะนำเงินนี้ไปใช้จ่ายตามที่หลานสาวของเขาต้องการเหิงอันโหวกับคนในจวนโหวที่มาต่างยอมรับนับถือในความใจกว้างของครอบครัวหลินฉิงอัน น้อยนักที่พวกเขาจะเห็นครอบครัวชาวบ้านยอมจ่ายเงินจำนวนมากออกไปอย่างไม่เสียดายเช่นนี้ ยิ่งพ่อบ้านคนสนิทของเหิงอันโหวที่มาเพราะอยากเห็นหน้าว่าที่หลานสะใภ้ของท่านโหวด้วยแล้ว เขาก็ยิ่งยอมรับในความมีน้ำใจของครอบครัวว่าที่นายหญิ
ก่อนเที่ยงวัน หวังไห่ หลี่หมิง เหมยลี่และอิงฮวาก็เดินทางมาถึงเรือนหลัก พวกเขารีบเข้าไปคารวะเหล่านายท่านที่กำลังรออยู่“คาราวะนายท่าน นายหญิง คุณหนูใหญ่ขอรับ/เจ้าค่ะ”“พวกเจ้าตามสบายเถอะ ก่อนมาที่นี่ พวกเจ้าปิดร้านกันดีแล้วหรือยัง”“เรียบร้อยดีขอรับคุณหนูใหญ่ นี่เป็นสมุดบัญชีทั้งสองเล่ม ข้าน้อยนำมาให้ท่านตรวจสอบด้วยขอรับ”หลินฉิงอันยื่นมือไปรับสมุดบัญชีทั้งสองเล่มมาวางเอาไว้ที่โต๊ะด้านข้าง ก่อนจะบอกให้พวกเขานำสัมภาระไปเก็บที่เรือนพักในที่ดินอีกฝั่งหนึ่ง เพราะที่นั่นยังมีเรือนพักว่างอีกมากนักหวังไห่กับคนอื่น ๆ ขอตัวลาเหล่านายท่านก่อนจะออกไปขับรถม้าไปยังที่ดินอีกฝั่งหนึ่งเพื่อเก็บข้าวของที่นำมาด้วย โดยมีโจวซานทำหน้าที่พ่อบ้านเดินตามรถม้าของพวกเขาไปยังเรือนพักตั้งแต่เริ่มเข้าสู่หน้าหนาวเต็มตัว บ้านหลินก็หยุดการรับซื้อผลไม้ทั้งหมดและให้บ่าวช่วยกันแช่อิ่มผลไม้ที่เหลื
หลังจากองครักษ์ทั้งแปดนำสิ่งของต่าง ๆ ที่หลินฉิงอันสั่งคนจัดเตรียมเอาไว้ขึ้นเกวียนครบแล้ว พวกเขาก็ใช้ม้าหกตัวในการลากเกวียน ส่วนม้าอีกสองตัวนั้นวิ่งขนาบข้างคอยคุ้มกันสิ่งของบนเกวียนใหญ่ก่อนที่ขบวนขององครักษ์จิงหยานจะออกเดินทาง เหิงอันโหวได้ฝากจดหมายให้พวกเขานำไปส่งหลานชายด้วย หลินฉิงอันเองก็ฝากจดหมายไปเช่นกัน นางยังแนบแบบเกือกม้าและอานทั้งหมดให้ไปด้วย เพราะนางเห็นว่าสิ่งของพวกนี้น่าจะเป็นประโยชน์กับกองทัพของเหิงจิ้งกั๋ว“พวกเจ้าออกเดินทางได้แล้ว ประเดี๋ยวหิมะจะตกลงมาเสียก่อน”“ขอรับนายท่านผู้เฒ่า” องครักษ์ทั้งแปดรีบรับคำเหิงอันโหว“ขอให้พวกพี่ชายเดินทางปลอดภัยเจ้าค่ะ อย่าลืมว่าถ้าหิมะตกให้เปลี่ยนล้อเป็นแบบลากเลื่อนด้วยนะเจ้าคะ จะได้เดินทางสะดวก”“ขอรับคุณหนูหลิน ขอบคุณสำหรับเสบียงระหว่างเดินทางด้วยขอรับ”เหิงอันโหวกลัวว่าพวกเขาจะออกเดินทางสายไปมากกว่
อีกสองสัปดาห์จะเข้าหน้าหนาวอย่างเต็มตัวแล้ว หลินฉิงอันนึกถึงอากาศที่หนาวเย็นในปีที่แล้วขึ้นมา นางจึงคิดที่จะสร้างเกือกม้าและอานม้า รวมทั้งชุดม้า ลา สำหรับให้พวกมันใส่เพื่อป้องกันความหนาวเย็นด้วยหลินฉิงอันใช้เวลาว่างถึงสามวันวาดแบบออกมาเท่าที่นางจำได้ จากนั้นจึงนำแบบไปปรึกษากับเฉียนซื่อและเฉินกังก่อนให้พวกเขานำเงินไปสั่งทำที่ร้านตีเหล็กในเมือง นางไม่รู้ว่าราคาจะแพงมากหรือไม่จึงให้เงินพวกเขาไป 100 ตำลึงเผื่อเอาไว้ก่อน ส่วนหนังสัตว์ที่นางต้องการนำมาให้ท่านแม่กับพี่สาวหลิงฟางเย็บให้นั้นก็สั่งให้พวกเขาซื้อมาด้วยจำนวนมาก นางให้เงินพวกเขาไปอีก 100 ตำลึงเช่นกันจะได้ไม่เสียเวลากลับมานำเงินไปซื้อของหลายครั้งหลินอ้ายไม่ได้ทักท้วงอะไรที่เห็นหลินฉิงอันใช้เงินจำนวนมากในครั้งนี้ นางรู้ดีว่าบุตรสาวทำสิ่งใดก็ล้วนแล้วแต่เพื่อประโยชน์ของคนในบ้านทั้งนั้น เรื่องชุดในบ้านที่นางเองจะมอบให้บ่าวรับใช้ก็เสร็จครบทั้งหมดแล้ว หลินอ้ายนึกถึงเสื้อคลุมกันหนาวขึ้นมาได้ นางจึงคิดจะส่งโจวซานไปสอบถามราคาที่ร้านค้าดูก่อน หากราคาแพงเกินไป นางค
สองวันต่อมา หลินฉิงอันเข้าเมืองกับชุนจินเพื่อไปรับหยกพกที่นางสั่งทำไว้ก่อนหน้านี้ หลินฉิงอันจ่ายเงินที่เหลือก่อนจะรับหยกพกมาตรวจสอบดู รูปแบบหยกที่สลักออกมาทำได้อย่างสวยงามตามที่นางวาดภาพเอาไว้ให้ช่างแกะสลัก ซึ่งหลินฉิงอันให้ช่างแกะสลักเป็นรูปผลไม้ต่าง ๆ รอบตัวหยก ตรงกลางมีคำว่า “林” สลักเอาไว้อย่างสวยงาม หยกพกของบ่าวทั้งหมดเหมือนกัน ส่วนหยกพกอีกห้าอันสำหรับคนในครอบครัวนั้น หลินฉิงอันใช้รูปเมฆมงคลและศาลากลางน้ำหลังเล็กโดยตรงกลางสลักคำว่า “หลิน” เช่นกัน เพิ่มเติมเพียงด้านหลังจะมีชื่อเจ้าของหยกแต่ละอันสลักเอาไว้ สีของหยกยังเป็นหยกมันแพะสีขาวนวล แตกต่างจากสีหยกของบ่าวในเรือนที่เป็นหยกสีเขียวธรรมดาหลังจากรับของมาทั้งหมดแล้ว หลินฉิงอันนำถุงหยกทั้งสองถุงเก็บเอาไว้ในรถม้าอย่างดี ก่อนที่นางจะไปยังร้านขายของชำเพื่อซื้อเครื่องปรุงรสเพิ่มเติม รวมทั้งข้าวสาร อาหารแห้ง ถั่วเขียว ถั่วเหลืองเพิ่มด้วย ถึงแม้เมื่อวานทางร้านจะนำไปส่งที่บ้านนางจำนวนมาก แต่หลินฉิงอันก็ยังคงเผื่อเหลือเอาไว้อีกนิดหน่อย นางรู้ดีว่าการเ
คืนนั้นหลินฉิงอันใช้เวลาครึ่งค่อนคืนเพื่อเขียนรายการสิ่งของจำเป็น เสบียงอาหารที่จะต้องซื้อในปีนี้ให้พอเพียงกับคนจำนวนมากที่เพิ่มขึ้นในครอบครัว นางคิดด้วยว่าปีที่แล้วนางชวนครอบครัวกินหม้อไฟไปแล้ว ปีนี้นางอยากให้พวกเขาได้ลองกินหมูกระทะดูบ้าง หลินฉิงอันจึงร่างแบบหม้อสำหรับทำหมูกระทะตามความทรงจำในภพก่อนออกมา ด้วยคนจำนวนมากในบ้าน หลินฉิงอันคิดจะสั่งทำหม้อสัก 50 ใบเผื่อเอาไว้ก่อน ส่วนเตานั้นนางก็จะต้องซื้อเพิ่มมาด้วยเพื่อให้พอเพียงสำหรับวางหม้อหมูกระทะที่นางต้องการหลังอาหารเช้าวันต่อมา หลินฉิงอันอ่านรายการสิ่งของจำเป็นต่าง ๆ พร้อมกับเสบียงอาหารจำนวนมากให้หลินอ้ายและหลินฉางหยูฟังเป็นเวลานาน หลินอ้ายและหลินฉางหยูยังบอกรายการสิ่งของเพิ่มเติมสำหรับการนำมาเป็นเสบียงอาหารในปีนี้ด้วย พวกเขาคิดว่าคนจำนวนมากจะต้องได้กินอิ่มนอนหลับในขณะที่อยู่ร่วมกันกับพวกเขาที่หมู่บ้านหลินฉิงอันไม่ได้ปฏิเสธรายการต่าง ๆ ที่พ่อและแม่นางเสนอ หลินฉิงอันทำเพียงแค่เพิ่มรายการต่าง ๆ เข้าไปในกระดาษเท่านั้น“ลูกค