เมื่ออดีตเต็มไปด้วยความแค้นที่ไม่เคยถูกลืมเลือน เส้นทางแห่งการแก้แค้นเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง พร้อมความลับที่ถูกซ่อนเร้นกำลังถูกเปิดเผย ท่ามกลางความรัก ความแค้น และการต่อสู้เพื่อเอาชนะโชคชะตา
View Moreณ.บริเวณทางเดินในวัง ขบวนพระสนมเซี่ยว หรือ เซี่ยวหลาน! กำลังมาเสียงขันทีร้องเสียงดังมาแต่ไกล
“ผู้ใดที่อยู่ด้านหน้าให้หลีกทาง พระสนมเซี่ยวกำลังเสด็จ”
สาวใช้สามคนที่อยู่ด้านหน้า เมื่อได้ยินเช่นนั้นก็นั่งชิดกำแพงหมอบลงกับพื้น เพื่อให้ขบวนพระสนมเซี่ยวผ่านไป ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือเจียงหนิง! ที่แฝงตัวเข้ามาเป็นสาวใช้เพราะนางต้องการหาทางใกล้ชิดพระสนมเซี่ยว เพื่อต้องการแก้แค้นให้กับมารดาของนาง หลังจากนั้นสาวใช้สองคนต่างซุบซิบกันเบา ๆ
“พระสนมเซี่ยวผู้โหดร้ายมาแล้ว”
“หากผู้ใดทำอันใดไม่ถูกใจนาง พระนางจะสั่งฆ่าเสียให้หมด เพราะมีข่าวลือกันมาว่าสาวใช้เข้าไปรับใช้นางหกคนถูกนางสั่งฆ่าไปแล้วสามคน หากรู้เช่นนี้แล้วอย่างได้เข้าไปรับใช้นางเป็นอันขาด”
ไม่ช้าทหารก็วางเกี้ยวพระสนมเซี่ยวลงกับพื้นอย่างช้า ๆ หลังจากนั้นพระสนมเซี่ยวกำลังก้าวเท้าลงจากเกี้ยวเพื่อจะเข้าประตูวัง ทันใดนั้นเองเจียงหนิง ปรายตาเห็นคราบน้ำสกปรกที่ขังนองอยู่บนพื้นประตูทางเข้าวัง เจียงหนิงจึงรีบตัดสินใจลุกขึ้นแล้ววิ่งไปนอนทับน้ำสกปรกนั้นอย่างรวดเร็ว
“พระสนมเซี่ยว! เหยียบบนหลังข้าน้อยได้เลยเพคะ เท้าพระนางจะได้ไม่เปื้อนน้ำสกปรกนี้” เจียงหนิงกล่าวก่อนที่เซี่ยวหลานจะเหยียบบนแผ่นหลังของนาง เมื่อเซี่ยวหลานได้ยินเช่นนั้นก็หัวเราะชอบใจก่อนจะใช้เท้าเหยียบบนแผ่นหลังของเจียงหนิงแล้วก้าวข้ามไปอย่างพึงพอใจ หลังจากนั้นเซี่ยวหลานก็หมุนตัวกลับไปกล่าวกับเจียงหนิงราวกับชมเชย
“เจ้านี่ชั่งเป็นสุนัขที่ตาไวเสียจริง ๆ”
เจียงหนิงได้ยินเช่นนั้นนางจึงรีบลุกนั่งยกมือคำนับผู้หญิงสูงศักดิ์ตรงหน้า ก่อนจะกล่าวตอบ “ขอเพียงพระสนมเซี่ยวพอใจ หากต้องตัดศรีษะก็ยอม นี่คือชะตากรรมของพวกเราที่เป็นข้ารับใช้”
ขณะนั้นสายตาของเซี่ยวหลานจับจ้องไปที่เจียงหนิง เมื่อได้ยินเจียงหนิงกล่าวออกมาเช่นนั้นนางก็หัวเราะเบา ๆ ราวกับชอบใจ “ผู้ใดสอนให้เจ้าคิดเช่นนี้”
“แม่ของข้าเป็นคนสอน ตอนที่ข้าอายุสิบสามปีเพคะ” เจียงหนิงกล่าวตอบอย่างมั่นใจ หลังจากนั้นภาพเหตุการณ์ในอดีตของนางก็ผุดขึ้นในหัวเป็นฉาก ๆ
หลังจากเซี่ยวหลานได้ฟังคำตอบของเจียงหนิงแล้วจึงรู้สึกชอบใจ “เจ้านี่ฉลาดและชั่งดูมีไหวพริบดียิ่งนัก ข้าควรจะมีมดงามเช่นนี้ อยู่ตำหนักเสียบ้างก็คงจะดีมิน้อย งั้นเจ้าเข้ามาทำงานในจวนของข้า”
“ขอบพระทัยเพคะ พระสนมเอกขอบพระทัยในความเมตตาเพคะ” เจียงหนิงได้ยินเช่นนั้นจึงรีบก้มศรีษะต่ำคำนับอย่างรวดเร็ว พลางคิดในใจราวกับรู้สึกโกรธเกี้ยว ในเมื่อพระสนมเซี่ยวไม่ให้ความยุติธรรมให้แก่มดอย่างข้า ข้าจะหาความยุติธรรมให้กับตัวข้าและมารดาข้าเอง ก่อนจะลุกขึ้นเดินตามหลังเซี่ยวหลานและสาวใช้ของนางเข้าไปยังด้านในอย่างเงียบ ๆ
ตำหนังพระสนมเอก
เมื่อเจียงหนิงและสาวใช้อีกสองคนที่อยู่หน้าประตูวังกับนางเมื่อครู่นี้ก็ถูกนำตัวเข้ามายังตำหนักของเซี่ยวหลานด้วย โดยมีเหลี่ยงฉี! ซึ่งมีตำแหน่งเป็นแม่นมคอยสั่งการให้เจียงหนิงและสาวใช้ทุกคนทำตามคำสั่งของนาง หลังจากนั้นเหลี่ยงฉีก็แบ่งงานให้สาวใช้ทั้งสามคนทำในไม่ช้า
“เจ้า! ให้เป็นพี่เลี้ยงเด็ก ส่วนเจ้า! ให้เสิร์ฟชา ส่วนเจ้า! ไปล้างถังด้านนอกทั้งหมดผู้เดียว หากล้างไม่เสร็จก็ห้านกินข้าวเป็นอันขาด” ส่วนเจียงหนิงซึ่งเป็นคนสุดท้ายจึงถูกเหลี่ยงฉีกลั่นแกล้งแต่เพียงผู้เดียว เพราะนางรู้สึกไม่ถูกชะตากับเจียงหนิงจึงสั่งไปเช่นนั้น
หลังจากนั้นเหลี่ยงฉีก็หมุนตัวกลับเข้าไปในห้องโถงใหญ่ที่เซี่ยวหลานประทับอยู่ด้านใน ขณะนั้นเซี่ยวหลานกำลังมองหาเครื่องประดับอันงดงาม เพื่อจะไปงานเลี้ยงวันเกิดของหลี่เจิ่งซึ่งเป็นพระสนมรอง เมื่อเหลี่ยงฉีเดินเข้ามานางจึงหันหน้าไปสั่งการทันที
“แม่นม! เจ้าช่วยไปหาปิ่นปักผมที่งามที่สุดมาให้ข้าด้วย เพราะในงานนี้ข้าจะให้ฮ่องเต้ประทับใจในตัวข้า และข้าต้องงดงามกว่าพระสนมรอง”
“เพคะ” เหลี่ยงฉีได้ยินเช่นนั้นนางจึงตอบรับคำสั่งในทันที
ทว่าในขณะเดียวกันเจียงหนิงซึ่งยืนอยู่หน้าประตูจึงบังเอิญได้ยินนางทั้งสองสนทนากันก่อนจะเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจ หลังจากนั้นเจียงหนิงจึงแสร้งทำของตกอยู่หน้าประตูเพื่อต้องการให้คนด้านในออกมาดู ทว่าแล้วนางก็ทำสำเร็จไม่ช้าเหลี่ยงฉีก็ผลักบานประตูและก้าวเท้าออกมา
“ผู้ใด!” นางกล่าวขณะก้าวเท้าออกมาจากห้องนั้น ทว่านางกับเห็นแผ่นหลังของสาวใช้คนหนึ่งเดินจากไปไว ๆ นางจึงเดินตามหลังสาวใช้ผู้นั้นไปอย่างเงียบ ๆ ก่อนจะถึงหน้าประตูห้องหนึ่งถูกเง้มไว้เพียงเล็กน้อย นางจึงใช้ลูกตาดำกวาดเข้าไปดู
ขณะเดียวกันเจียงหนิงกำลังโชว์ปิ่นปักผมของตนให้เพื่อนสาวใช้ในห้องดู พลางอธิบายความงามของปิ่นนั้นให้เพื่อนสาวใช้ด้วยกันฟังอย่างตั้งใจ
“สวยยิ่งนัก เจ้าได้แต่ใดมา”
“นี่เป็นปิ่นปักผมคริสตัลทั้งอัน ดูสิมันกำลังส่องแสงประกาย หากได้ปักบนศรีษะมันจะยิ่งแวววับเมื่อโดนแสงคงจะสวยงามจับตามาก ๆ หากข้านำปิ่นนี้ไปถวายแด่พระสนมเซี่ยว พระนางคงสนพระทัยเป็นแน่”
“ดี ๆ หากเจ้านำปิ่นนี้ไปถวายแด่พระสนมเซี่ยว พระนางเกิดประทับใจในสิ่งของ ของเจ้าเพียงเท่านี้แม่นมก็ไม่อาจมากลั่นแกล้งเจ้าได้อีกแล้ว หรืออาจไม่แน่เจ้าอาจจะแย่งตำแหน่งคนโปรดของพระสนมเซี่ยว ต่อหน้าฮ่องเต้ก็เป็นได้”
ไม่รอช้าเหลี่ยงฉีที่ยืนเงี่ยหูอยู่นั้น จู่ ๆ ก็เปิดประตูพลวดพลาดเข้ามา เมื่อนางเห็นปิ่นคริสตัลในมือของเจียงหนิง นางก็ไม่พูดพร่ำทำเพลงแต่อย่างใด เหลี่ยงฉีจึงรีบใช้มือคว้าปิ่นปักผมนั้นขึ้นมาดูใกล้ ๆ ก่อนจะกล่าวชื่นชม
“ปิ่นปักผมนี้ชั่งงดงามเสียจริงเชียว หากปิ่นนี้เป็นของข้าคราวนี้ข้าจะได้รับความดีความชอบจากฮ่องเต้เป็นแน่ หรืออาจจะได้เลื่อนขั้นอีก”
ขณะนั้นเจียงหนิงแสร้งยื่อแย่งปิ่นอันนั้นกับเหลี่ยงฉี เพื่อเป็นแผนให้เหลี่ยงฉีเอาปิ่นนั้นไป เพราะเป็นแผนการของนาง หลังจากนั้นเหลี่ยงฉีก็ตบหน้าเจียงหนิงอย่างแรงด้วยโทสะ จนกระทั้งเจียงหนิงล้มลงกับพื้นก่อนจะหันหน้ามากล่าวข่มขู่นาง
“คิดจะอยู่ที่นี่ก็ต้องทำตามความต้องการของเจ้านาย หากเจ้านำเรื่องนี้ไปบอกผู้ใด เจ้าจะต้องเจอดียิ่งกว่านี้เป็นแน่”
ขณะเดียวกันเจียงหนิงเห็นท่าทางของเหลี่ยงฉีเป็นเช่นนั้น นางยิ่งรู้สึกพอใจยิ่งนักเพราะแผนการที่นางคิดจะแก้แค้นให้มารดาของนางกำลังจะเริ่มต้นขึ้น ก่อนจะหันไปกล่าวตอบ
“แม่นม! คิดว่านี้เป็นการเลื่อนตำแหน่งของท่านหรือ? ข้าคิดว่าสิ่งนั้นเป็นเส้นทางสู่ความตายต่างหาก”
“เจ้าหมายถึงอันใดกัน ข้าหรือจะตาย ข้าคิดว่าเจ้าเสียมากกว่าที่สมควรตาย” เหลี่ยงฉีกล่าวด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย พลางหัวเราะชอบใจ ก่อนจะหมุนตัวเดินออกจากห้องนั้นไปราวกับคนอารมณ์ดี
เช้าวันรุ่งขึ้น
ในห้องโถงที่กว้างใหญ่ ซึ่งมีฮ่องเต้และพระสนมหลี่เจิ่งและเหล่าขุนนางต่าง ๆ เข้ามานั่งรอพระสนมเซี่ยวอยู่ครู่ใหญ่ ขณะนั้นหลี่เจิ่งจึงรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย
“พระสนมเซี่ยว! เหตุใดไม่รู้จักเวลาเช่นนี้ ให้ฮ่องเต้ มานั่งรอนานถึงเพียงนี้ได้เช่นไร” หลี่เจิ่งกล่าวไม่ทันจะสิ้นเสียง เซี่ยวหลานก็เดินเข้ามาพอดีด้วยท่าทางงดงาม นางก้าวเดินมาอย่างมั่นใจด้วยปิ่นปักผมที่เหลี่ยงฉีหามาให้ จึงทำให้นางเป็นที่โด่ดเด่นในงานวันนี้ ทุกคนต่างอดไม่ได้ที่จะหันไปชื่นชมนาง
ขณะนั้นฮ่องเต้ที่นั่งอยู่ด้านบนเมื่อเห็นความงามของเซี่ยวหลานก็อดจะชื่นชมนางไม่ได้เช่นกัน
“เจ้าปักปิ่นที่สวยงามอันนี้ยิ่งทำให้เจ้ายิ่งดูสวยงามมากยิ่งขึ้น”
ขณะเดียวกันเมื่อพระสนมหลี่ได้ยินเช่นนั้นต่างรู้สึกไม่พอใจและรู้สึกอิจฉาเซี่ยวหลานเป็นอย่างมาก
“ปิ่นปักผมที่สวยอันนี้เป็นของผู้ใด” ฮ่องเต้กล่าวถามขณะทุกคนนั่งเรียบร้อยแล้ว
เหลี่ยงฉีรีบตอบกลับอย่างรวดเร็ว “ปิ่นปักผมนี้ หม่อมฉันทำขึ้นมาเองเพคะ และพระสนมเซี่ยวก็ชอบมันมากเช่นกันเพคะ” เพื่อจะเอาความดีความชอบเข้าตนเอง
ขณะนั้นเซี่ยวหลานรู้สึกพอพระทัยยิ่งนักที่ตนได้รับคำชมเชยจากฮ่องเต้ จึงกำลังจะกล่าวแต่งตั้งให้เหลี่ยงฉีเลื่อนตำแหน่ง ทว่านางยังไม่ทันจะได้กล่าวต่อ จู่ ๆ บนศรีษะของนางก็มีควันไฟลอยออกมาอย่างต่อเนื่อง เพราะปิ่นปักผมนั้นทำจากคริสตัลเมื่อเจอแสงสว่างมาก ๆ จึงเกิดความร้อน ปะทุขึ้นเป็นเชื้อเพลิงเมื่อทุกคนในห้องนั้นเห็นเหตุการณ์ต่างรู้สึกตกใจยิ่งนัก จึงทำให้เกิดความวุ่นวายมากมายเกิดขึ้น
ขณะเดียวกันเจียงหนิงที่ยืนอยู่ไม่ไกล นางปรายตาเห็นเช่นนั้นก็อยากจะหัวเราะออกมาดัง ๆ ทว่านางกับทำไม่ได้ในขณะนั้น นางจึงรู้สึกกระหยิ่มยิ้มย่องในใจ นี่เพียงจุดเริ่มต้น เหลี่ยงฉี! เจ้าจะต้องได้รับผลกรรมที่ทำกับมารดาข้าในไม่ช้านี้ สายตาของนางราวกับโกรธเกรี้ยวอยู่ไม่น้อย
ในขณะที่ทุกคนกำลังตกใจอยู่นั้นฮ่องเต้จึงสั่งให้ขันทีเอาน้ำมาดับไฟอย่างรวดเร็ว ไม่ช้าขันทีผู้นั้นจึงนำน้ำในแก้วราดบนเส้นผมของเซี่ยวหลาน น้ำนั้นหยดลงมาที่หน้าและชุดของนางจนร่างของนางเปียกปอน ชั่งดูไม่งดงามอีกต่อไป
“เกิดอันใดขึ้นกับหัวของข้า” เซี่ยวหลานกล่าวอย่างตกใจ ขณะที่ควันไฟกำลังจะมอดดับลง
ขณะนั้นหลี่เจิ่งที่ไม่ถูกชะตากับเซี่ยวหลานอยู่ก่อนหน้านี้ก็หัวเราะดังขึ้น ก่อนจะหันหน้าไปกล่าวซ้ำเติม “พระสนมเซี่ยว! ท่านทำเช่นนี้ชั่งดูไม่เหมาะสมยิ่งนัก ท่านรู้หรือไม่ว่าท่านทำให้งานวันเกิดของข้าต้องหยุดชะงักอย่างน่างอับอายเสียจริง ๆ”
ฮ่องเต้ได้ยินเช่นนั้นจึงตรัสออกไปด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “หากจบงานแล้วพระสนมหลี่ตามข้าไปยังสวนข้างตำหนัก ส่วนพระสนมเซี่ยวไม่ต้องตามไปให้กลับไปผักผ่อน”
เมื่อเซี่ยวหลานได้ยินเช่นนั้นนางรีบลุกขึ้นคำนับแล้วก้าวเดินออกไปอย่างเงียบ ๆ ทั้งที่ในใจของนางรู้สึกอับอายอยู่ไม่น้อย
หลังจากนั้นเซี่ยวหลานก็เดินทางมาถึงยังตำหนักของตนด้วยความโกรธ นางรีบเข้าไปอาบน้ำแต่งตัวใหม่อย่างรวดเร็ว ก่อนจะออกมานั่งยังห้องรับรอง โดยมีเจียงหนิงคอยเฝ้ารับใช้อยู่ไม่ห่าง ขณะนั้นเซี่ยวหลานหยิบปิ่นปักผมอันนั้นขึ้นมาจับจ้องด้วยความโกรธเกรี้ยว
เมื่อทหารยามได้ยินเช่นนั้น ก็เริ่มลังเล กลัวว่าตนจะมีความผิดหากขัดขวาง จึงยอมให้เจียงหนิงและไป๋เหม่ยเข้าไปภายในตำหนักของเซี่ยวหลานแผนการของเจียงหนิงเป็นไปตามที่วางไว้ ปิงปิงสามารถสร้างความวุ่นวายและแทรกซึมเข้าไปช่วยเหลือผู้ที่ถูกขังไว้ในตำหนักเซี่ยวหลานได้ แต่เมื่อภารกิจเสร็จสิ้น ปิงปิงก็กลับมายังตำหนักของเจียงหนิงด้วยใบหน้าเศร้าหมองและท่าทางอิดโรยเจียงหนิงรีบก้าวเข้าไปถามด้วยความเป็นห่วง “เจ้าช่วยทุกคนได้หรือไม่? และสถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง?”ปิงปิงก้มหน้าด้วยความโศกเศร้า “สถานการณ์ไม่ค่อยสู้ดีเท่าไรนักเพคะ ข้าเข้าไปช่วยมาได้เพียงสองคนเท่านั้น นอกนั้นถูกฆ่าตายหมดแล้วเพคะ”ไม่นานนัก อาซีและน้องสาวของนางก็เดินเข้ามาภายในห้องด้วยท่าทางอ่อนแรงและซีดเซียว เจียงหนิงรีบสั่งให้สาวใช้ไปนำยามาให้อาซีดื่มเพื่อฟื้นฟูร่างกาย แต่ก็ไม่ทันการณ์ ร่างของอาซีที่อ่อนแอมากอยู่แล้ว ทรุดลงและสิ้นใจต่อหน้าเจียงหนิง น้องสาวของอาซีร้องไห้เสียงดังด้วยความเสียใจที่พี่สาวของตนต้องจากไปเจียงหนิงมองภาพนี้ด้วยความสลดใจ นางรู้สึกเจ็บปวดที่ไม่สามารถช่วยอาซีได้ แม้ว่านางจะพยายามเต็มที่แล้ว ความโศกเศร้าที่เกิดขึ้นทำ
เซี่ยวหลานแสร้งทำเป็นยิ้มเยาะ “ท่านคงพูดล้อเล่นกับข้าใช่หรือไม่เพคะ” นางหันไปมองเจียงหนิงที่ยืนอยู่ไม่ไกล แล้วถามอย่างท้าทาย “เจ้าเห็นว่าข้าเป็นอย่างไรบ้าง?”เจียงหนิงตอบด้วยท่าทางสุภาพ “ในด้านของรูปลักษณ์ ในความงามไม่มีผู้ใดในวังเทียบพระสนมเซี่ยวได้”แม้คำตอบจะฟังดูเป็นการยกย่อง แต่เซี่ยวหลานยังไม่หยุดเยาะเย้ย นางมองเจียงหนิงด้วยสายตาจับผิด “ข้าไม่ได้เจอเจ้าเพียงแค่สิงกว่า เหตุใดเจ้าถึงดูซีดเซียวเช่นนี้เล่า เจ้าเองก็อายุน้อยกว่าข้าตั้งหลายปี ไยหน้าตาถึงดูแก่กว่าข้ามากเช่นนี้เล่า หรือช่วงนี้เจ้ารับใช้ฮ่องเต้มากเกินไปใช่หรือไม่?”คำพูดที่เสียดแทงของเซี่ยวหลานทำให้บรรยากาศอึมขรึม แต่เจียงหนิงกลับยิ้มบาง ๆ นางไม่ตอบคำใด ๆเซี่ยวหลานหันกลับมาหาฮ่องเต้ด้วยรอยยิ้มแฝงนัยยะ “ท่านไปที่ตำหนักข้าจะดีกว่าเพคะ ให้สนมเจียงได้พักผ่อนบ้าง จะได้ไม่ทำงานหนักจนเกินไปเพคะ”ฮ่องเต้พยักหน้าเห็นด้วย “อืม” ก่อนจะก้าวเดินตามเซี่ยวหลานไปอย่างเงียบ ๆ ทิ้งเจียงหนิงไว้เพียงลำพังหลังจากที่ทั้งสองเดินจากไปแล้ว ไป๋เหม่ยก้าวเข้ามาใกล้เจียงหนิงด้วยสีหน้าครุ่นคิด นางกระซิบเบา ๆ “ข้าได้กลิ่นยาจากตัวพระสนมเซี่ยวมาแต่ไกล
“เป็นอย่างไรบ้างเพคะ หม่อมฉันใส่ชุดนี้สวยหรือไม่? นี่คือชุดที่ท่านมอบให้ข้าเมื่อวันก่อน” เซี่ยวหลานกล่าวพร้อมปรายตามองเจียงหนิงที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับฮ่องเต้ฮ่องเต้เงยหน้าขึ้นจากจานอาหารและหันมามองเซี่ยวหลานก่อนจะเอ่ยปากชื่นชม “เจ้าใส่ชุดนี้ช่างดูดียิ่งนัก”เมื่อได้ยินเช่นนั้น เซี่ยวหลานรู้สึกปลื้มใจจนฉีกยิ้มอย่างไม่กระดากอาย นางเต็มไปด้วยความสุขที่ได้รับคำชมจากฮ่องเต้ “ข้ามีชุดนอนที่ใช้เนื้อผ้าน้อยที่สุด จะให้ท่านดูด้วยเพคะ” เซี่ยวหลานกล่าวด้วยน้ำเสียงยั่วยวนฮ่องเต้หัวเราะเบา ๆ และตอบกลับ “เดี๋ยวคืนนี้ข้าจะไปดู”เซี่ยวหลานไม่ยอมหยุดแค่นั้น นางหันมามองฮ่องเต้พร้อมส่งสายตาเย้ายวน “เหตุใดต้องรอให้ถึงค่ำคืนนี้เล่าเพคะ?”ฮ่องเต้หันไปมองเจียงหนิงเพียงชั่วครู่ เมื่อเจียงหนิงเห็นท่าทีเช่นนั้น นางจึงลุกขึ้นทันที “ข้านึกได้ว่ามีธุระที่จะต้องไปทำ ข้าขอตัวก่อนเพคะ” เจียงหนิงลุกขึ้นย่อคำนับต่อหน้าฮ่องเต้ด้วยความสงบขณะที่เจียงหนิงกำลังจะเดินออกจากห้อง เซี่ยวหลานกล่าวด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน “ข้ามาทำให้เจ้าไม่พอใจหรือไม่? เป็นอย่างไรบ้างที่โดนไล่ออกจากห้องเช่นนี้?”เจียงหนิงหันหลังเดินออกไป นางหยุดชั่
หลินมู่อย่างแรงด้วยความโกรธเกรี้ยว “เจ้านี้บังอาจยิ่งนัก ฆ่าลูกข้าถึงสองคน แล้วกล้าใส่ร้ายสนมเจียงอีก! ข้าคิดว่าเจ้าจะดีกว่าทุกคน เห็นหน้าใสซื่อ แต่ไม่คิดว่าจะร้ายกาจถึงเพียงนี้ ทหาร นำตัวนางผู้นี้ไปขังไว้ในห้องเย็น ห้ามมิให้นางออกมาจนกว่านางจะสิ้นชีพ!”หลินมู่ที่ยังตกใจจากการถูกตบ รีบคลานไปเกาะชายเสื้อของฮ่องเต้พลางอ้อนวอน “หากข้าต้องไปอยู่ในห้องเย็น ข้าคงตายแน่ ๆ โปรดเมตตาข้าด้วยเถิด!”ฮ่องเต้กลับมองนางด้วยสายตาเย็นชา “เจ้าเคยบอกว่าเจ้าแข็งแกร่ง ออกรบมานักต่อนัก ไยคราวนี้กลับมาร้องขอความเมตตาเช่นนี้? เจ้าช่างโหดร้ายยิ่งนัก และข้าจะปลดพ่อเจ้าออกจากตำแหน่งในไม่ช้านี้ นำตัวนางออกไป!”หลังจากนั้น ฮ่องเต้หันกลับมาหาเจียงหนิงและกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “เดี๋ยวข้าจะกลับมา ข้าจัดการธุระให้เสร็จสิ้นก่อน ถิงถิง เจ้าดูแลสนมเจียงต่อเถิด”เมื่อฮ่องเต้ก้าวพ้นประตูห้องไป เจียงหนิงพลันลุกขึ้นนั่งด้วยรอยยิ้มพึงพอใจ นางรู้ดีว่าแผนการของตนเองได้ผลอย่างสมบูรณ์เจียงหนิงนั่งเช็ดคราบน้ำตาที่เปื้อนแก้มขณะมองถิงถิงที่ยืนอยู่ตรงหน้า ด้วยความสงสัยในใจ นางจึงเอ่ยถามเบา ๆ “เหตุใดเจ้าจึงช่วยข้าหรือ?”ถิงถิงยิ้ม
ในเช้าวันรุ่งขึ้น เจียงหนิงยืนอยู่บริเวณทางเดินในวังหลวง สายตาของนางจับจ้องไปที่หลินมู่ซึ่งกำลังเดินตรงมาทางนางพร้อมกับท่าทางมุ่งมั่น สาวใช้ของเจียงหนิงที่ยืนอยู่ข้างกายนางเหลือบมองหลินมู่และกล่าวขึ้นด้วยเสียงเบาแฝงความเย้ยหยัน “เมื่อฮ่องเต้กลับจากการล่าสัตว์ในป่าคราวก่อน ก็ไม่เคยเสด็จไปหาสนมหลินอีกเลยเพคะ”เมื่อหลินมู่เดินเข้ามาใกล้ เจียงหนิงและสาวใช้ต่างพูดคุยและจ้องมองหลินมู่ ทำให้หลินมู่รู้สึกถึงความดูถูกที่ซ่อนอยู่ในแววตาของทั้งสอง นางหยุดเดินและเอ่ยถามทันทีด้วยความโกรธเกรี้ยว “พวกเจ้ากำลังนินทาข้าอยู่หรือไม่? หากใช่ก็ระวังปากพวกเจ้าไว้ให้ดี มิฉะนั้น ข้าจะฉีกปากเจ้าเป็นชิ้น ๆ”สาวใช้เจียงหนิงได้ยินดังนั้นก็ทำหน้าตกใจ แต่ยังไม่ทันได้ตอบ เจียงหนิงกลับยิ้มเยาะและกล่าวอย่างเย้ยหยัน “เมื่อคืนเจ้าโกรธเกรี้ยวฮ่องเต้มากมิใช่หรือ จึงหยิบดาบฟาดฟันสิ่งของไปทั่ว? หากเจ้ารู้สึกเบื่อไยไม่รายรำเพลงดาบให้สบายใจเล่า เจ้ามีฝีมือเรื่องเพลงดาบมิใช่หรือ? ข้าอยากชมเป็นขวัญตายิ่งนัก”คำพูดนั้นทำให้หลินมู่โกรธจัด นางกัดฟันแน่นด้วยความเคียดแค้น ก่อนจะเอ่ยเสียงเข้ม “เจ้าบังอาจมากไปแล้ว! เห็นข้าเป็นตัวตลกม
หลินมู่ได้แต่ถอนหายใจเล็กน้อยก่อนตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่นอบน้อม “พระสนมเซี่ยว โปรดระงับโทสะก่อนเพคะ ข้าเองก็ไม่รู้ว่าจะรับมือเช่นไร พระสนมเจียงมีเล่ห์เหลี่ยมกลอุบายมากมาย ข้าตามเกมนางไม่ทันเพคะ”เซี่ยวหลานขมวดคิ้ว ขยับเข้าไปใกล้กว่าเดิม พลางถามเสียงเข้ม “เรื่องอันใดเจ้าสู้นางมิได้หรือ?”เมื่อหลินมู่ได้ยินคำถามนี้ นางก้มหน้าลงเล็กน้อย น้ำเสียงของนางสั่นเทาเล็กน้อยก่อนจะกล่าวตอบ “พระสนมเจียง... ตั้งครรภ์เพคะ”คำตอบนั้นทำให้เซี่ยวหลานตะลึงทันที นางยืนนิ่ง ความคิดวิ่งวุ่นในหัว ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความมั่นใจเมื่อครู่พลันแปรเปลี่ยนเป็นความตกใจ ความรู้สึกสับสนและหวาดกลัวเกาะกุมจิตใจของนาง นี่เป็นเหตุการณ์ที่นางไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้น การที่พระสนมเจียงตั้งครรภ์จะเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งที่นางเคยวางแผนเอาไว้ในตำหนักอันเงียบสงบ ฮ่องเต้ประทับบนบัลลังก์อย่างสง่างาม โดยมีเจียงหนิงนั่งอยู่ข้างกาย ท่าทางของฮ่องเต้ดูอ่อนโยนขึ้นเมื่อพระองค์เหลือบมองสนมที่กำลังตั้งครรภ์ ด้วยสายตาแห่งความห่วงใย“ตอนนี้เจ้ากำลังตั้งครรภ์ ต้องดูแลตนเองให้ดี ยิ่งอาหารการกินก็ต้องดูแลเป็นพิเศษ” ฮ่องเต้กล่าวด้วยน้ำเสียงอบอุ่น แต่ยัง
ฮ่องเต้ฟังแล้วรู้สึกสงสาร “เจ้าอย่าเศร้าไปเลย เรื่องมันผ่านไปนานแล้ว ข้าได้เตรียมแต่สิ่งดี ๆ ไว้ให้เจ้า” พระองค์กล่าวพลางคีบอาหารป้อนให้เจียงหนิง ทำให้หลินมู่ไม่พอใจอย่างยิ่งหลินมู่ลุกขึ้นจากโต๊ะอย่างฉุนเฉียว แต่ในขณะที่นางกำลังจะเดินออกไป นางชนเข้ากับสาวใช้ที่กำลังนำผลไม้เข้ามาถวาย “เจ้าไม่มีตาหรืออย่างไร!” หลินมู่ตวาดด้วยความโกรธเกรี้ยว “ข้าจะลงโทษเจ้า! ไปยืนตรงเป้า แล้ววางแอปเปิ้ลบนศีรษะประเดี๋ยวนี้!”หลินมู่ที่เพิ่งได้รับตำแหน่งสนมเพราะชนะการประลองกับฮ่องเต้ ยืนวางอำนาจอย่างไม่เกรงกลัว เจียงหนิงเห็นเหตุการณ์นั้นก็รีบลุกขึ้นจากโต๊ะอาหาร “สาวใช้นั้นยังเด็ก ยังไม่รู้นิติภาวะ ไยเจ้าต้องแกล้งนางด้วย?”หลินมู่หันมาตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา “รัฐมีกฎหมาย ทหารมีกฎระเบียบ ข้าก็มีสิทธิ์ลงโทษนาง”นางหันไปหาฮ่องเต้ที่นั่งอยู่บนโต๊ะอาหาร “ข้าทำเช่นนี้ผิดหรือไม่เพคะ?”ฮ่องเต้ไม่รู้สึกว่าเป็นเรื่องใหญ่โตนัก “ไม่เป็นไร หลินมู่เก่งเรื่องยิงธนู เจ้าไว้ใจนางได้”หลินมู่ยิ้มอย่างพอใจ ก่อนจะหยิบธนูขึ้นมาเล็งไปยังแอปเปิ้ลบนหัวของสาวใช้ ดอกแรกนางแสร้งยิงพลาดไปทางอื่น ทำให้สาวใช้ตกใจล้มลงกับพื้น “อย่าขยับ!”
หลังจากนั้น ฮ่องเต้กับเจียงหนิงหันกลับมากอดจูบกันอย่างเร่าร้อน ไม่นานเสื้อผ้าของทั้งคู่ก็หลุดล่วงกองอยู่บนพื้น เจียงหนิงรับใช้ฮ่องเต้จนเสร็จสิ้น ก่อนที่นางจะลุกออกจากเตียงอย่างเงียบ ๆ แล้วเดินออกมาจากห้อง ขณะที่นางกำลังจะก้าวพ้นประตูตำหนัก นางกลับพบว่าเซี่ยวหลานยืนรออยู่หน้าประตู ร่างของเซี่ยวหลานที่ยืนสงบเสงี่ยม แต่ในสายตาแฝงด้วยความโทสะทำให้เจียงหนิงรู้สึกตกใจเล็กน้อย“ไยเจ้าถึงยังไม่กลับไปตำหนักของเจ้าเสีย?” เจียงหนิงถามอย่างสงสัยเซี่ยวหลานหันมามองเจียงหนิงด้วยสายตาคมกริบ “เจ้าไยไม่พูดความจริงกับฮ่องเต้?” นางถามด้วยน้ำเสียงที่เจือความข่มขื่นเจียงหนิงแสยะยิ้มเล็กน้อย “เหตุใดข้าต้องทำเช่นนั้น?” นางตอบอย่างเย็นชาทันใดนั้น ขันทีคนหนึ่งก้าวเข้ามาและกล่าวแทรก “พระสนมเจียงได้รับมอบหมายให้ไปรับใช้ฮ่องเต้ในการประพาสป่าคราวนี้พ่ะย่ะค่ะ”เจียงหนิงพยักหน้ารับคำอย่างนอบน้อม แต่ในใจนางกลับเต็มไปด้วยความพึงพอใจ เซี่ยวหลานที่ยืนฟังอยู่นั้น ความโกรธเกรี้ยวในใจยิ่งทวีขึ้น นางมองเจียงหนิงด้วยความคั่งแค้น “เจ้าเป็นคนวางแผนฆ่าพระสนมหลี่และโยนความผิดให้ข้า ก่อนจะเสวยสุขอยู่เพียงผู้เดียว!” เซี่ยวหลานก
เจียงหนิงยิ้มบาง ๆ ก่อนตอบ “เงินทองเป็นของนอกกาย หากเจ้าอยู่ในวังแห่งนี้ เจ้าจะต้องพบเจอกับเรื่องร้ายแรงอีกมากมาย รับมันไว้เถิด และไปใช้ชีวิตที่สงบสุขเสียเถิด”“ท่านแน่ใจนะเพคะ ไม่ต้องการให้ข้าคอยช่วยเหลือท่านอีกหรือ? พระสนมเซี่ยวมีจิตใจโหดร้ายและไม่รักษาคำพูด ข้าเกรงว่า...” สาวใช้กล่าวด้วยความห่วงใยและกลัวเจียงหนิงจะต้องพบเจอกับความเลวร้ายเจียงหนิงยิ้มอย่างอ่อนโยน แต่ในดวงตาของนางเต็มไปด้วยความแน่วแน่ “พระสนมเซี่ยวต้องการกำจัดข้า แต่ข้าจะชิงลงมือเสียก่อน”สาวใช้ส่ายหน้าช้า ๆ ด้วยความกังวล “พระสนมเซี่ยวมีครอบครัวที่โหดเหี้ยม ข้าอยากให้ท่านคิดให้ดี ๆ ก่อน หากไม่เช่นนั้น ข้าขอให้ท่านล้มเลิกความคิดแก้แค้นนี้เถิดเพคะ”เจียงหนิงฟังคำเตือนนั้นด้วยความนิ่งสงบ แต่นางก็ตอบกลับด้วยเสียงที่หนักแน่น “จะให้ข้ายกเลิกได้เช่นไร แม่ของข้าต้องทำงานหนักมาตลอด ไม่เคยได้กินอาหารดี ๆ หรือพักผ่อนเต็มที่ ตั้งแต่ข้าจำความได้ แม่ข้าต้องออกไปทำงานตั้งแต่เช้าจรดค่ำ”ภาพในอดีตลอยขึ้นมาในหัวของเจียงหนิง นางจำได้ดีในวันนั้น นางนำซาลาเปาร้อน ๆ ไปให้แม่ที่ยืนอยู่หน้าวัง ทว่าวันนั้นกลับเป็นวันที่แม่ของนางเสียชีวิต จา
Comments