Home / โรแมนติก / รักกล้วยกล้วย / ตอนที่ 6  จัดการเรื่องลูกก่อน  ส่วนแม่ค่อยว่ากัน

Share

ตอนที่ 6  จัดการเรื่องลูกก่อน  ส่วนแม่ค่อยว่ากัน

Author: Sitha
last update Last Updated: 2025-09-16 16:05:34

 

น้องบัววิ่งเข้าไปหลบหลังแม่แล้วค่อยๆ โผล่หน้ามามองคนเป็นพ่อ  หลังจากที่เห็นกันมาหลายครั้งแล้วเธอจึงไม่ตกใจมาก  แต่ก็ยังมีท่าทีระแวงอยู่

หิรัญย่อตัวลงนั่งลงบนส้นเท้าตัวเองเพื่อให้ใบหน้าตัวเองอยู่ในระดับสายตาของเด็กหญิง 

“น้องบัวคะพ่อมาหาค่ะลูก  หนูออกมาหาพ่อได้ไหมคะ” 

“พ่อ...”  เด็กหญิงทวนคำ  “พ่อมาทำไมคะ”  เพราะว่าเธอจำได้ว่าคนที่แม่เคยแนะนำว่าเป็น “คุณพ่อ” ช่วยเธอและแม่ไม่ให้คุณยายตีเมื่อเช้าวันนี้  เด็กหญิงจึงลดท่าทีไม่เป็นมิตรลงไปบ้างถ้าเทียบกับปฏิกิริยาของเธอในวันวาน

“พ่อมาหาหนูไงคะลูก”  หิรัญใจชื้นขึ้นเมื่อเด็กหญิงยอมพูดกับเขาบ้าง  ดีกว่าท่าทางปฏิเสธเด็ดขาดแบบเมื่อวาน

“น้องบัวออกไปบอกลุงลมให้ย่างหมูได้แล้วลูก  เดี๋ยวแม่ตามออกไปนะคะ”  กัทลีออกคำสั่งเบี่ยงเบนความสนใจของลูก  ทำให้เด็กหญิงทำท่านึกออกว่าเธอกำลังจะออกไปหากลุ่มเพื่อนๆ ของแม่ 

“ค่ะแม่”  เมื่อมารดาพยักหน้าให้เด็กหญิงก็เลยเลิกสนใจ ‘คุณพ่อ’  และวิ่งตื๋อออกไปอย่างรวดเร็ว

กัทลีมองตามหลังลูกจากนั้นกลับมามองอีกคนที่ยังอยู่ที่เดิม  “เรื่องเมื่อเช้าขอบคุณมากแต่เมื่อไหร่คุณจะกลับไปสักทีฮะหิน” 

“วันนี้กล้วยจะฉลองกับเพื่อนเก่าไม่ใช่เหรอ  เพื่อนคุณก็เพื่อนผมทำไมผมจะอยู่ด้วยไม่ได้” 

“ใช่  ฉันฉลองกับเพื่อนๆ เนื่องในโอกาสที่ได้เป็นโสดอีกครั้งแบบเป็นทางการ  ซึ่งเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับคุณ”  เรื่องความหน้ามึนใครๆ ก็ต้องยกให้เขาอยู่แล้ว  กัทลีเริ่มหงุดหงิด

“จะไม่เกี่ยวได้ยังไง  ถ้าผมไม่ใจเร็วเออออกับคุณยอมไปเซ็นใบหย่าให้ง่ายๆ  คุณจะได้ฉลองเหรอไม่รู้ล่ะยังไงวันนี้ผมก็จะอยู่ด้วย”  

หิรัญเลิกเถียงกับเธอ  เขาหันหลังกลับเดินตามไปสมทบกับลูกและกลุ่มเพื่อนด้านนอก  กัทลีสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ  ข่มความโมโหลง  ตอนนั้นเองที่สองสาวในครัวออกมาสมทบ

“หน้าด้านจริงจริง  ผัวเก่าใคร”  สไบนางเอ่ยลอยๆ 

“เออนั่นสิ  ฉันว่าตอนนี้ไอ้หินมันเริ่มคิดแล้วล่ะว่าไม่น่ายอมหย่าให้แกง่ายๆ นะกล้วย” ราณีเสริม

“จะว่าง่ายก็คงไม่ง่ายเท่าไหร่หรอกแก  ฉันรอมันกลับมาหย่าให้ตั้งเจ็ดปีเชียวนะ” 

“โคตรเห็นแก่ตัวน่ะเอาจริง   จะไปสำเริงสำราญไปเป็นหนุ่มโสดแต่แรกก็ไม่ควรจะผูกมัดใครไว้ด้วยทะเบียนสมรส  ฉันไม่อยากเชื่อเลยว่ามันจะเป็นได้ขนาดนั้นพูดเรื่องนี้แล้วโมโห  อยากลาออกจากความเป็นเพื่อนมัน”  สไบนางโมโหแทนเพื่อน

“เอาละเครื่องด่าเริ่มวอร์มแล้ว  แกหยุดก่อนบีเดี๋ยวงานกร่อย”  ราณียังไม่อยากให้เสียบรรยากาศ

“เออ ฉันรู้น่าว่าวันนี้เราเลี้ยงส่งไอ้กล้วยมัน  เดี๋ยวมันต้องย้ายไปรับตำแหน่งอีกที่แล้ว”  พูดถึงตรงนี้สไบนางหันมาถามกัทลี

“แล้วตกลงแกจะฝากน้องบัวอยู่กับปู่ย่าเรียนที่นี่ให้จบเทอมใช่ไหม” 

“ใช่  ย้ายกลางเทอมมันยุ่งน่ะ  เหลืออีกแค่ไม่ถึงเดือนจะสอบแล้วด้วย  ฉันจะย้ายไปทำงานที่ใหม่ก่อนแล้ววันหยุดค่อยมารับลูกไปอยู่ด้วยกัน” 

เพราะว่ากัทลีเป็นข้าราชการท้องถิ่นในตำแหน่งนักวิชาการศึกษา  จำเป็นต้องย้ายไปรับตำแหน่งอีกหน่วยซึ่งเธอมองว่าดีกว่าอยู่ที่นี่เพราะอยากย้ายไปให้ไกลจากมารดาและคนในครอบครัวเดิมทั้งหมด  อีกส่วนคือเธอเกรงใจปู่ย่าของน้องบัวที่ท่านต้องคอยมาเป็นกันชนให้เสมอ

“จะว่าไปก็ดีนะ  ให้แกย้ายไปก่อนจะได้มีเวลาเตรียมบ้าน  เตรียมอะไรๆ ให้น้องบัวไม่ต้องรีบ”  ราณีออกความเห็น

“ใช่  ฉันก็ว่างั้นล่ะ  เราออกไปกันเถอะหิวแล้ว” ว่าแล้วสามสาวก็ช่วยกันยกของกินเล่นที่ช่วยกันทำเมื่อครู่ออกไปด้านนอก

หลังจากงานเลี้ยงที่บ้านของกัทลีวันนั้นจบลง  หิรัญก็ถูกนางจันทร์‍หอมผู้เป็นมารดาใช้ไปโน่นมานี่จนไม่มีเวลาไปหาลูก  แถมบางครั้งนายเหมผู้เป็นบิดาเองก็ช่วยหางานเพิ่มให้เขาด้วยอีกคน

“ปกติใครเก็บค่าเช่าแผง  ค่าเช่าที่พวกนี้เหรอฮะแม่”   

นางจันทร์‍หอมเป็นเจ้าของตลาดสดใหญ่ในตัวเมืองหนึ่งแห่ง  และเปิดตลาดนัดช่วงเย็นอีกสามแห่งเวียนไปแห่งละสองวันบ้าง สามวันบ้างจนครบเจ็ดวันพอดี  นางใช้ลูกชายให้ไปด้วยกันจนหิรัญเริ่มบ่นในวันที่เจ็ด

“จะได้รู้ไงว่าเงินหายาก  ช่วงที่แกตกงานเป็นปีแล้วขอเงินพ่อแม่น่ะมันก็ได้มาจากการที่แม่ต้องเดินตะลอนๆ เก็บค่าแผงส่งให้นี่ล่ะ” 

“ผมรู้แล้วฮะแม่”  หิรัญทำเสียงจริงจัง 

“ใช่มะ  รู้แล้วก็ทำตัวดีๆ มาช่วยพ่อแม่ทำงานได้แล้วเจ้าหินเอ้ย”  นางจันทร์‍หอมตื้นตันใจที่เพียงไม่กี่วันที่ให้ลูกชายมาทำงานเอง  เขาก็รู้ว่ากว่าจะได้เงินมาพ่อแม่เหน็ดเหนื่อยแค่ไหน

“ฮะ  ผมรู้แล้วว่าแม่เก็บเงินค่าแผงวันนึงได้เป็นหมื่นๆ อาทิตย์นึงแสนกว่า  เยอะกว่าผมทำงานทั้งเดือนอีก  ดังนั้นผมไม่ไปไหนแล้วจะเกาะพ่อแม่กินอยู่ที่นี่ล่ะ”  หิรัญพูดหน้าตาเฉยแล้วรีบหลบฝ่ามือพิฆาตจากมารดาอย่างรู้ทัน

“ไอ้หิน  ไอ้ลูกเวร  กลับมาให้ตีเดี๋ยวนี้นะ” 

“ทะเลาะอะไรกันแม่ลูก”  นายเหมเข้ามา ชายวัยกลางคนสวนทางกับบุตรชายที่ผิวปากอย่างอารมณ์ดีเดินออกไปนอกบ้าน  เขาจึงเรียกชายหนุ่มไว้ก่อน

“หินอย่าเพิ่งไป  เดี๋ยวไปทำธุระในเมืองให้พ่อที” 

“ไปไหนอีกล่ะพ่อ  ผมก็เพิ่งกลับมาจากในเมืองเนี่ย”  ในเมืองกับบ้านเขาห่างกันสี่สิบกว่าเกือบห้าสิบกิโลเมตร  แล้วพ่อคิดว่ามันขับรถไปแค่ห้านาทีหรืออย่างไร

นายเหมโยนกระดาษในมือให้บุตรชายรับไว้  หิรัญรับมาดูอย่างงงๆ  “อะไรพ่อ  รายการเฟอร์นิเจอร์นี่นาพ่อจะแต่งห้องใหม่เหรอ  แต่งให้ใคร” 

เนื่องจากในรายการแบบที่นายเหมเลือกไว้ล้วนเป็นเฟอร์นิเจอร์แนวเจ้าหญิง  โทนสีพาสเทลทั้งหมดหิรัญจึงแน่ใจว่าไม่ใช่ของเขาและของห้องพ่อแม่แน่ๆ

“พ่อจะแต่งห้องใหม่ให้ยายหนูบัว  แกจะต้องมาอยู่บ้านเราสักเดือนนึงช่วงรอสอบก่อนปิดเทอม  เอ็งจะไปทำให้ลูกไหมล่ะถ้าไม่อยากไปเดี๋ยวให้ไอ้ฝ้ายไปแทนก็ได้” 

“ไปๆ พ่อ  แล้วหมายความว่าไงที่พ่อบอกว่าน้องบัวจะย้ายมาอยู่ที่นี่เดือนนึง  กล้วยมาด้วยไหมพ่อ” 

นางจันทร์‍หอมส่ายหน้าไปมาที่ลูกชายไม่รู้อะไรเลย 

“กล้วยต้องย้ายไปรับตำแหน่งใหม่ที่ตัวเมืองมะรืนนี้  พรุ่งนี้ย้ายของไปแต่น้องบัวยังย้ายโรงเรียนไม่ได้เพราะรอสอบก่อน  พ่อแม่เลยให้น้องบัวมาอยู่ที่นี่กับปู่ย่าจนกว่าจะสอบเสร็จแล้วแม่เขาจะมารับไปช่วงวันหยุด”

“แล้วกล้วยจะไปอยู่คนเดียวเหรอแม่  อยู่บ้านไหนมีบ้านแล้วเหรอ  อยู่ยังไงเป็นผู้หญิงไปคนเดียว” หิรัญขมวดคิ้ว

“ห่วงอะไรตอนนี้ล่ะ  กล้วยอยู่ได้มาตั้งนานแล้วตั้งแต่ตอนที่ถูกผัวทิ้งไปเจ็ดแปดปีน่ะ” มารดาค่อนขอด

“โธ่แม่  ผมสำนึกไม่ทันแล้ว”  หิรัญกอดเอวมารดา  “เดี๋ยวผมไปดูของให้น้องบัวก่อน  ลูกจะได้ดีใจเนอะแม่ว่าพ่อทำให้” ว่ากันเป็นเรื่องๆ  จัดห้องให้ลูกก่อนส่วนเรื่องกัทลีค่อยว่ากัน  หิรัญคิดในใจ

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • รักกล้วยกล้วย   ตอนพิเศษ 3: ทายาทแห่งฟาร์มบัวชมพู

    วันเปิดตัวผลิตภัณฑ์แปรรูปล็อตแรกของ ฟาร์มบัวชมพู ตรงกับช่วงปลายฤดูร้อนของปีที่น้องบัวเรียนจบมหาวิทยาลัยหลังจากใช้เวลากว่าสี่ปีในคณะวิทยาศาสตร์การเกษตร จากมหาวิทยาลัยชั้นนำด้านเกษตรกรรมแบบยั่งยืนบัวชมพูกลับมาบ้านด้วยความตั้งใจเต็มเปี่ยม และมุ่งมั่นจะต่อยอดฟาร์มของครอบครัว ไม่ใช่แค่เป็นพื้นที่ปลูกพืชเท่านั้น แต่ยังเป็นแหล่งเรียนรู้ งานวิจัย และแหล่งสร้างผลิตภัณฑ์ที่มีเอกลักษณ์งานเปิดตัวผลิตภัณฑ์พร้อมผู้บริหารรุ่นใหม่ถูกจัดขึ้นที่ลานหน้าคาเฟฟาร์ม ซึ่งถูกรีโนเวตให้มีมุมจัดแสดงสินค้าทางการเกษตรของครอบครัว โต๊ะไม้ไผ่ถูกเรียงเป็นวงล้อมสนามหญ้า มีซุ้มเม‍ล่อน น้ำผลไม้เย็น แยมผลไม้โฮมเมดจากสวน และขนมพื้นบ้านที่กัทลีเป็นคนคิดสูตรบัวชมพูในวัยยี่สิบสองปีเต็ม วันนี้จากเด็กหญิงตัวเล็กเธอกลายเป็นสาวเต็มตัว หญิงสาวสวมเสื้อเชิ้ตผ้าฝ้ายปักมือกับกางเกงยีนเอวสูง ผูกผ้าโพกหัวลายดอกไม้ เธอดูมีความเรียบง่ายแต่สดใส มีสไตล์เป็นของตัวเอง มีแววของความเป็นหญิงสาววัยทำงานที่มีความมั่นใจเต็มเปี่ยม ในมือของเธอมีแผ่นพับสรุปเรื่องราวของฟาร์มซึ่งเธอเขียนเองตั้งแต่หน้าแรกจนถึงภาพประกอบเสียงพิธีกรประกาศเปิดงานอย่างเป

  • รักกล้วยกล้วย   ตอนพิเศษ 2: ความรักในหัวใจพ่อ

    เมื่อเข้าสู่หน้าหนาวของปีถัดมา ท้องฟ้าในตอนเช้าอากาศดูปลอดโปร่ง ที่มียังคงมีหมอกบางคลุมยอดเขาในตอนเช้าตรู่ทำให้รู้สึกสดชื่น แสงแดดอ่อนของฤดูหนาวแตะผิวแปลงสตรอว์เบอรี่ที่ปลูกอยู่ด้านหลังโรงเรือนเม‍ล่อนของฟาร์มบัวชมพูจนเกิดเป็นประกายสีเงินระยิบระยับบนใบไม้หิรัญในชุดเสื้อแขนยาวพับข้อศอกสีเขียวเข้ม เดินถือกล่องพลาสติกขนาดกลางมาหาลูก‍สาวที่นั่งแกว่งขาบนแคร่ไม้ใต้ต้นมะขามเทศ“หัวหน้าทีมตรวจผลผลิต พร้อมยังครับ” เขาถามพลางยื่นกล่องให้เด็กหญิงบัวชมพูวัยสิบขวบ เงยหน้าจากสมุดบันทึกแล้วลุกขึ้นยืนทันที“พร้อมแล้วค่ะคุณพ่อ แต่คุณพ่อพูดผิดนะคะ คุณพ่อต้องเรียกหนูอย่างเป็นทางการว่าหัวหน้าบัวค่ะ”ชายหนุ่มหัวเราะเสียงดัง ก่อนจะยืดตัวตรงแล้วทำท่าเคารพแบบทหาร“รับทราบค่ะ หัวหน้าบัว” เสียงหัวเราะของทั้งสองคนลอยไปตามลมหนาว ขณะพ่อกับลูก‍สาวเดินเข้าไปในแปลงสตรอว์เบอรี่ที่กำลังให้ผล เป็นรุ่นแรกที่หิรัญขยายแปลงออกไปอย่างเต็มพื้นที่หลังจากที่เขาทดลองปลูกมาสองปี ใบของสตรอว์เบอรี่สีเขียวเข้มตัดกับผลสีขาวและแดงคละกันไป ทำให้บรรยากาศโดยรอบดูสดชื่นและเต็มไปด้วยชีวิตชีวา“คุณพ่อดูสิคะ ลูกนี้แดงจัดเลยต้อ

  • รักกล้วยกล้วย   ตอนพิเศษ 1: งานแต่งของพ่อกับแม่

    ฤดูหนาวปีนั้น ทุ่งดอกไม้หลังฟาร์มบานสะพรั่งพอดีกับวันสำคัญที่ทุกคนรอคอย“งานแต่งของพ่อจ๋ากับแม่จ๋า” คือชื่องานที่น้องบัวตั้งไว้เอง แม้จะไม่ได้จัดอย่างใหญ่โตเหมือนในละคร แต่ก็เป็นงานแต่งที่อบอุ่นและเต็มไปด้วยรอยยิ้มจากคนที่ผ่านเรื่องราวมาด้วยกันจริง ๆหิรัญและกัทลีเลือกจัดงานในสวนข้างโรงเรือนเม‍ล่อน ใต้ร่มไม้ที่เด็กหญิงเคยนั่งมองผีเสื้อยักษ์ในวัยเจ็ดขวบ โต๊ะเก้าอี้ไม้ถูกจัดเรียงล้อมรอบลานดินกลางสวน ตกแต่งด้วยซุ้มดอกไม้เป็นระยะ หลักๆ คือทานตะวัน ดอกดาวเรือง และอ่างบัววางตกแต่งปลูกบัวที่บานชูช่อพอดีในวันงาน ซึ่งทั้งปู่เหมกับหลานสาวช่วยกันปลูกไว้ตั้งแต่ต้นฤดูฝนและกะเวลาไว้พอดีเป๊ะเพื่อนของหิรัญมาหลายคน ทั้งเพื่อนมหาวิทยาลัยและเพื่อนร่วมงานสมัยก่อน บางคนมองไม่เชื่อว่าชายผู้เคยเอาแน่เอานอนไม่ได้ในเรื่องชีวิตครอบครัว จะยืนอยู่ตรงนี้พร้อมภรรยาและลูก‍สาววัยสิบขวบได้อย่างมั่นคง “กล้วยนี่เพื่อนสนิทผมสมัยเรียนมหาวิทยาลัย นี่บอม ธนัชส่วนนั่นไอ้ผามันชื่อจริงว่าภูผา สองคนนี้เป็นเพื่อนอยู่ห้องเดียวกัน หอเดียวกันมาตลอดตั้งแต่ปีหนึ่งยันปีสี่” “สวัสดีค่ะ ยินดีที่รู้จักคุณ

  • รักกล้วยกล้วย   ตอนที่ 33 (จบ)  รักกล้วยกล้วยที่ไม่ได้แปลว่ารักง่ายง่าย

    ช่วงต้นฤดูร้อนท้องฟ้าของปีต่อมา อาจจะเป็นปีแรกที่กัทลีเห็นว่าฟ้าเป็นสีฟ้าสดใสตามที่มันควรจะเป็น สายลมอบอุ่นจากทุ่งกว้างพัดเอากลิ่นหอมของดินและหญ้าโชยเข้ามาจนถึงระเบียงของบ้านแม้ว่าบ้านใหม่จะอยู่ห่างจากฟาร์มไกลกว่าบ้านน็อกดาวน์หลังเดิม แต่ความรู้สึกและกิจวัตรประจำวันของสมาชิกในบ้านยังคงไม่เปลี่ยนไป บัวชมพูนั่งระบายสีสมุดภาพเล่มใหม่บนโต๊ะกลางบ้านขณะที่หิรัญกำลังตัดแต่งต้นสตรอว์เบอรี่ที่ให้ผลแล้วในหน้าหนาวที่ผ่านมา ปีนี้เขาทดลองผลิตไหลเองโดยทำแปลงปลูกแบบยกพื้นที่บ้าน เพื่อเตรียมความพร้อมให้ต้นแม่สมบูรณ์พอจะผลิตไหลซึ่งส่วนมากต้นจะเริ่มมีไหลในช่วงก่อนเข้าฤดูฝน และนำไปปลูกเป็นต้นใหม่ในช่วงเดือนตุลาคมกัทลีมองสองพ่อลูกที่ต่างทำงานของตัวเอง จากนั้นเธอเข้าครัวไปเตรียมอาหารว่างไว้ให้ลูกและสามีโดยไม่รู้ตัวว่ารอยยิ้มของเธอมีมากกว่าทุกครั้งในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเสียงเรียกหาแม่ของเด็กหญิงดังขึ้นเบาๆ เธอชูภาพที่ระบายสีเสร็จแล้วขึ้นมาให้แม่ดู ระหว่างที่หญิงสาวยกของว่างออกมาให้ลูก"แม่ขา ดูสิหนูวาดครอบครัวของเรามีแม่มีพ่อแล้วก็น้องบัวอยู่ในฟาร์ม พร้อมกับพวกน้องเต่า น้องทานตะวันด้วยนะแม่"

  • รักกล้วยกล้วย   ตอนที่  32   จดหมายฉบับสุดท้ายถึงอดีต

    เช้านี้ หิรัญมีแพลนจะพาลูก‍สาวออกไปดูแปลงทานตะวันรอบใหม่ซึ่งจะปลูกที่หน้าฟาร์ม เขาอยากให้กัทลีไปด้วยแต่เธอปฏิเสธโดยการบอกว่าขอเวลาเคลียร์อะไรที่คั่งค้างที่บ้าน“กล้วยไม่ไปด้วยกันแน่นะ น้องบัวลองถามคุณแม่ดูอีกทีดีไหมคะลูก” หิรัญถามขณะที่สวมหมวกให้ลูก‍สาว ปีนี้น้องบัวโตขึ้นมากเกือบสองปีจากวันที่เขากลับมาที่นี่ จากเด็กหญิงวัยเจ็ดขวบตัวเล็กๆ ที่ไม่ไว้ใจพ่อแบบเขา กลายเป็นเด็กหญิงวัยเก้าขวบที่สูงขึ้นมากและแน่นอนตอนนี้เธอสนิทกับพ่อมากเช่นกันจากเด็กหญิงขี้อายที่เคยเขินเวลาคุณพ่อเข้าใกล้ หรือเคยพูดเพียงเบาๆ ว่า “คุณลุง” ในตอนแรก ตอนนี้น้องบัวกลายเป็นคนที่คอยดึงแขนพ่อไปดูดอกไม้ คอยบอกว่า“คุณพ่อถ่ายรูปหนูตรงนี้นะคะ” และคอยเล่าเรื่องราวในโรงเรียนให้ฟังทุกเย็น เด็กหญิงมีความมั่นใจมากขึ้น กล้าคิดกล้าแสดงออก และรู้ว่าตัวเองมีครอบครัวที่มั่นคงหนุนหลังเสมอกัทลีมองเห็นได้เลยว่าความเปลี่ยนแปลงในใจลูกไม่ได้มาจากคำพูด แต่เกิดจากความสม่ำเสมอของหิรัญที่อยู่ตรงนี้ในทุกเช้าเย็น“แม่ขา ไม่ไปด้วยกันเหรอคะแม่” ลูก‍สาวก็ช่างเชื่อฟังคุณพ่อดีจริงๆ บอกให้ทำอะไรก็ทำ กัทลีมองอย่างเอ็นดูแต่เธอก็ยืนยันคำตอบ

  • รักกล้วยกล้วย   ตอนที่  31  ความฝันในสวนเม‍ล่อน

    หนึ่งปีผ่านไป ฤดูปลูกเม‍ล่อนเวียนกลับมาอีกครั้ง พร้อมกับการเปลี่ยนแปลงมากมายที่เกิดขึ้นภายในฟาร์มแห่งนี้ โรงเรือนที่เคยมีเพียงต้นเม‍ล่อนแปลงเล็กๆ ปลูกไว้ทดลอง กลายเป็นโรงเรือนขนาดกลางที่มีระบบน้ำหยดและแสงไฟอัตโนมัติ แปลงผักแนวยาวเพิ่มขึ้นอีกหลายแปลงหิรัญวางระบบบริหารจัดการภายในฟาร์มอย่างเป็นสัดส่วน และมีการวางแผนรายได้รายจ่ายรายเดือนอย่างจริงจังในสวนอีกมุมหนึ่ง แปลงดอกไม้หลากสีเริ่มผลิบานไล่จากดอกดาวเรือง ทานตะวัน ไปจนถึงโบตั๋นที่เริ่มอวดกลีบอ่อนชั้นแรก ทั้งหมดนี้เกิดจากความฝันเล็กๆ ของเด็กหญิงบัวชมพูที่เคยขอให้พ่อปลูกทุ่งดอกไม้เอาไว้ให้เธอวิ่งเล่นและถ่ายรูป หิรัญไม่เคยลืมคำขอของลูก‍สาว และในที่สุดมันก็กลายเป็นจริง“หินพรุ่งนี้จะมีสองคณะที่ขอเข้าชมนะ คุณเตรียมไกด์ไว้แล้วหรือยัง” กัทลีถามถึงงานในวันรุ่งขึ้น “เรียบร้อย ชุดแรกอบต.บ้านนา ผมให้ไอ้สิงห์ดูแล ส่วนชุดที่สองโรงเรียนดงอรัญผมจะดูแลเอง” หิรัญเดินมานั่งโต๊ะเดียวกับที่กัทลีเช็กงานอยู่ ฟาร์มแห่งนี้เริ่มมีผู้คนมาเยี่ยมชมมากขึ้นในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ และเมื่อธุรกิจใหญ่ขึ้นชายหนุ่มก็ดันให้คนที่เริ่มก่อร่างสร้างตัวมาด้วยกั

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status