LOGINหลังจากการเผชิญหน้ากับเอกณัฐที่กลางไร่ชา ความเงียบก็เข้ามาครอบคลุมทั้งสองคน ลูกหยีแสดงออกถึงความไม่พอใจกับชีวิตที่ถูกบังคับ กำลังหายใจลึกเธอรู้สึกว่าตัวเองเริ่มสับสนไม่รู้จะทำอะไรต่อ แต่สิ่งหนึ่งที่ชัดเจนคือเธอไม่อยากกลับไปใช้ชีวิตในฐานะภรรยาที่เธอไม่ได้เลือกเอง
ในที่สุดลูกหยีหันมองไปที่ไร่ชาอันกว้างใหญ่ที่ยืดไปสุดสายตา เธอคุ้นเคยกับไร่ชาแห่งนี้ เพราะตอนเด็ก ๆ เธอเคยมาที่นี่กับพ่อบ่อยครั้ง มันเป็นสถานที่ที่ให้ความรู้สึกสงบ แต่วันนี้มันกลับให้ความรู้สึกแตกต่างออกไป
“ถ้าลุงไม่อยากให้หนูหนี หนูมีข้อเสนอ” ลูกหยีพูดขึ้นมาท่ามกลางความเงียบ เอกณัฐหันมามองเธอด้วยความสงสัย
“ข้อเสนออะไร” เขาถามเสียงแข็ง แต่ก็กำลังสงสัยในคำพูดของเธอ เขาอยากรู้ว่าเธอจะมาไม้ไหน เพราะตั้งแต่เด็กที่เขารู้จักลูกหยีเป็นเด็กฉลาดแต่เจ้าเล่ห์พอตัว
ลูกหยีหยุดครู่หนึ่งเพื่อรวบรวมความคิด ก่อนจะพูดออกมาอย่างด้วยท่าทางจริงจัง
“หนูจะไม่หนีอีก แต่หนูไม่อยากเป็นแค่ภรรยาที่เป็นเพียงตัวแทนพี่ลูกเกด หนูจะอยู่กับลุง หนูอยากรับจ้างทำงานในไร่ชา ลุงให้หนูทำงานที่นี่ได้ไหม”
เอกณัฐจ้องเธอด้วยสายตาที่ไม่เชื่อหูตนเอง คำพูดของลูกหยีทำให้เขาประหลาดใจ เธอที่เคยถูกมองว่าเป็นคนที่ขี้เล่นและไม่ค่อยรับผิดชอบ กลับมาขอทำงานในไร่ของเขา
“เธอจะทำงานที่นี่ ทั้งที่เธอไม่เคยทำงานหนักมาก่อน” เอกณัฐถามเสียงเย็น พลางมองเธอจากหัวจรดเท้าอย่างกับว่ากำลังประเมินคุณภาพสินค้า “ฉันคิดว่าเธอเหมาะกับการใช้ชีวิตสบายๆ ในเมืองใหญ่มากกว่า”
ลูกหยีสบตากับเขาโดยไม่หลบ เธอรู้ว่าคำพูดของเอกณัฐเป็นการท้าทายความตั้งใจของเธอ
“ใช่ หนูอาจจะไม่เคยทำงานหนักแบบนี้มาก่อน แต่ถ้าลุงไม่อยากให้หนูเป็นภาระ ลุงควรจะให้หนูได้ทำงานช่วยลุง หนูไม่ได้ชอบชีวิตในเมืองเสียหน่อย หนูจะพิสูจน์ตัวเอง หนูจะทำงานในไร่ชาเหมือนพวกคนงาน หนูจะรับผิดชอบตัวเองให้ลุงดู”
เอกณัฐมองลูกหยีด้วยความสนใจ เขารู้สึกถึงความจริงจังในน้ำเสียงและแววตาของเธอ แม้ว่าเธอจะดูดื้อรั้นและไม่เคยสนใจเรื่องไร่ชามาก่อน แต่ดูเหมือนว่าครั้งนี้เธอมีความตั้งใจจริง
“แล้วทำไมเธอถึงอยากทำงานในไร่ชา เธอแค่อยากหนีจากหน้าที่ของการเป็นภรรยาใช่ไหม” เอกณัฐถามท้าทาย
ลูกหยีถอนหายใจแล้วตอบด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ แต่หนักแน่น
“หนูไม่อยากเป็นภรรยาที่ถูกบังคับ หนูไม่ต้องการเป็นแค่ตัวแทนพี่สาว หรือแค่ผู้หญิงที่ลุงไม่ชอบ หนูยังไม่พร้อมที่จะเข้าหอกับลุง แต่หนูก็ไม่มีที่ไป ลุงให้หนูอยู่ด้วยเฉยๆ เป็นสามีภรรยาในนามได้ไหม”
เอกณัฐเงียบไปครู่หนึ่ง เขาไม่เคยเห็นด้านนี้ของลูกหยีมาก่อน ความกล้าหาญและความตั้งใจที่จะพิสูจน์ตัวเองทำให้เขารู้สึกประหลาดใจ เขาถอนหายใจกับความคิดของเธอที่เอาแต่ว่าตัวเองเป็นตัวแทนพี่สาว
“ถ้าเธออยากทำงานที่นี่จริง ๆ ฉันจะให้เธอเริ่มตั้งแต่พรุ่งนี้ เธอจะได้รู้ว่าการทำงานในไร่ชาไม่ใช่เรื่องง่าย” เอกณัฐพูดด้วยน้ำเสียงที่ยังคงแฝงความท้าทาย
ลูกหยี พยักหน้า ยิ้มบาง ๆ อย่างมั่นใจ
“ขอบคุณค่ะลุง หนูจะไม่ทำให้ผิดหวัง“
เช้าวันรุ่งขึ้น ลูกหยีตื่นแต่เช้าตามเวลาของคนงานในไร่ชา เธอสวมเสื้อผ้าธรรมดา ๆ สำหรับทำงานกลางแจ้ง ผมยาวสลวยถูกรวบไว้ลวก ๆ เพื่อความสะดวกในการทำงาน เธอมองดูตัวเองในกระจกและรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ ที่เกิดขึ้นในใจ
เมื่อเธอเดินลงมาที่ไร่ชา คนงานหลายคนมองเธอด้วยความสงสัยและแปลกใจ พวกเขารู้ว่าลูกหยีเป็นภรรยาของเจ้านาย และไม่เคยคิดว่าเธอจะลงมาทำงานแบบนี้ แต่ลูกหยีไม่ได้สนใจสายตาของคนอื่น เธอเพียงแค่ตั้งใจทำงานให้ดีที่สุด
เอกณัฐยืนอยู่ไม่ไกล เขาจับตามองลูกหยีอย่างเงียบ ๆ แม้ว่าเขาจะไม่พูดอะไร แต่ในใจเขาก็ยังคงสงสัยว่าเธอจะทำงานได้จริง ๆ หรือไม่
ลูกหยีถูกมอบหมายให้เริ่มงานด้วยการเก็บใบชา ซึ่งเป็นงานที่ต้องใช้ความระมัดระวังและความอดทนในการคัดเลือกใบชาที่สมบูรณ์แบบ เธอทำงานหนักตั้งแต่เช้าจนถึงบ่าย แม้ว่าเธอจะรู้สึกเหนื่อยและปวดหลัง แต่เธอก็ไม่ยอมแพ้
หลังจากวันแรกของการทำงานในไร่ชา ลูกหยี กลับมาที่บ้านพักด้วยความเหนื่อยล้าจากการเก็บใบชาแต่ในใจเธอรู้สึกพอใจที่ได้ทำบางสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อน มันเป็นการท้าทายตัวเอง งานในไร่ชาไม่ง่ายอย่างที่เธอคิด แต่เธอก็ภูมิใจที่ได้ลองทำอะไรใหม่ ๆ
เมื่อเธอเดินเข้ามาในบ้าน เธอก็พบว่าเอกณัฐ กำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะในครัวเล็ก ๆ ใบหน้าเขาเรียบเฉยเหมือนเคย เขาเงยหน้าขึ้นมองเธอขณะที่เธอเดินเข้ามา
“วันนี้เธอทำได้ดี” เขาพูดเรียบ ๆ แต่น้ำเสียงแสดงถึงการยอมรับในความพยายามของเธอ
“แต่การทำงานในไร่ชาไม่ใช่สิ่งเดียวที่เธอต้องรับผิดชอบในฐานะภรรยา”
ลูกหยีที่ยังคงหอบเล็กน้อยจากความเหนื่อยล้าของวัน แอบขมวดคิ้วเล็กน้อย เธอไม่แน่ใจว่าสิ่งที่เอกณัฐกำลังจะพูดต่อไปคืออะไร
“แล้วลุงอยากให้หนูทำอะไรอีก” เธอถาม ขณะที่นั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้าม
เอกณัฐมองเธอครู่หนึ่งก่อนจะพูดอย่างตรงไปตรงมา
“ในฐานะภรรยา เธอควรดูแลบ้าน ดูแลฉัน นอกจากทำงานในไร่ชาแล้ว เธอต้องทำอาหารให้ฉันกินด้วย”
คำพูดของเขาทำให้ลูกหยีเบิกตากว้าง เธอไม่คิดว่าเอกณัฐจะเรียกร้องหน้าที่แบบนี้จากเธอ แต่เมื่อคิดอีกที เธอก็เข้าใจดีว่า ในอดีตภรรยามักจะต้องทำหน้าที่เหล่านี้ให้กับสามี
“หนูทำงานทั้งวันจนเหนื่อยแทบตาย แล้วลุงยังอยากให้หนูทำกับข้าวอีกเหรอ” เธอถามด้วยเสียงประชด แต่ก็ไม่รุนแรงมาก
เอกณัฐพยักหน้าให้เบาๆ “ใช่ ฉันคาดหวังให้ภรรยาของฉันทำแบบนั้น ทุกคนที่นี่มีหน้าที่ของตัวเอง และเธอก็เป็นส่วนหนึ่งของที่นี่ เธอต้องเรียนรู้ที่จะดูแลบ้านและครอบครัว ไม่ใช่แค่ตัวเอง”
คำพูดนั้นทำให้ลูกหยีรู้สึกหงุดหงิดในตอนแรก แต่เธอก็รู้ว่าสิ่งที่เอกณัฐมันเป็นเรื่องจริง แม้ว่าเขาจะไม่ได้แสดงออกอย่างชัดเจน แต่เธอก็รู้สึกถึงความหวังดีของเขาที่อยากให้เธอมีรับผิดชอบมากขึ้น ไม่ใช่แค่ในไร่ชา แต่ในบ้านด้วย
“หนูทำอาหารไม่เก่ง” ลูกหยีพูดขึ้นอย่างอายๆ
เอกณัฐมองเธอนิ่ง ก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงท้าทาย
“งั้นก็ต้องหัดทำ เธอเป็นภรรยาแล้ว เธอต้องหัดทำอาหารให้ฉันกิน”
หลังจากที่วันนี้ทั้งวันเต็มไปด้วยความท้าทายทั้งจากงานในไร่ชาและการเรียนรู้การทำอาหารจากเอกณัฐ ลูกหยี รู้สึกเหนื่อยล้าทั้งร่างกายและจิตใจ เธอใช้พลังงานไปเยอะมาก แต่เธอก็ภาคภูมิใจในความสำเร็จเล็ก ๆ ของตัวเอง และก็ทำให้เธอรู้สึกพอใจ แม้จะต้องพบกับความยากลำบาก แต่เธอก็รู้ดีว่าเธอกำลังค่อย ๆ ปรับตัวเข้ากับชีวิตที่ไร่ชาได้ ค่ำวันนั้น หลังจัดการเรื่องในครัวเสร็จ เมื่อเธอเดินกลับเข้าห้องนอน เธอพบว่าเอกณัฐนั่งอ่านเอกสารอยู่ที่โต๊ะเล็ก ๆ ใกล้เตียง เขายังคงดูเคร่งขรึมและสงบเงียบเหมือนเคย แต่บรรยากาศในห้องตอนนี้กลับทำให้ลูกหยีรู้สึกแปลก ๆ นี่เป็นครั้งแรกที่เธอต้องร่วมอยู่ในห้องเดียวกันกับเขาตอนที่สติครบถ้วน ไม่มีความเมาหรือความโกรธเป็นตัวขวางกั้น ที่ผ่านมานอกจากวันที่เธอเมาแล้ว ส่วนมากเอกณัฐก็จะไปทำงานต่อที่ห้องทำงานกลับมาอีกทีเธอก็หลับไปแล้ว ตอนนี้วันนี้เธอมีสติเต็มที่และเอกณัฐที่ปกติเวลานี้จะต้องอยู่ที่ห้องทำงาน แต่ตอนนี้เขากลับยังอยู่ที่นี่ สำหรับลูกหยีความตึงเครียดและความอึดอัดค่อย ๆ แทรกเข้ามาในอากาศเธอยืนอยู่ที่ประตูครู่หนึ่ง ไม่รู้จะทำตัวอย่างไร ใจเธอเต้นแรงขึ้นโดยไม่รู้ตัว “นั่งสิ” เ
หลังจากการสนทนานั้น ลูกหยีตัดสินใจรับความท้าทาย แม้ว่าภายในใจจะไม่ค่อยเต็มใจนัก แต่เธอรู้ดีว่าถ้าเธอจะอยู่ที่นี่และใช้ชีวิตในฐานะภรรยาของเอกณัฐ เธอก็ต้องเรียนรู้ที่จะรับผิดชอบในหน้าที่ของตัวเอง เธอไม่ต้องการถูกมองว่าเป็นภาระหรือผู้หญิงที่ไร้ประโยชน์ วันต่อมาหลังจากกลับมาจากทำงานในไร่ชา ลูกหยีก็ตรงเข้าไปในครัวทันที เธอมองดูเครื่องครัวและวัตถุดิบที่มีอยู่เพื่อที่จะเตรียมประกอบอาหาร ตอนนี้ลูกหยีทั้งรู้สึกตื่นเต้นและกังวลไปพร้อมกัน เพราะแม้ว่าเธอจะเคยทำอาหารบ้างแต่เธอก็ไม่เคยทำให้ใครกินแบบนี้ ถึงแม้ว่าเอกณัฐจะไม่ได้อยู่ใกล้ ๆ ในตอนนี้ แต่เขาก็เฝ้าดูเธออยู่เงียบ ๆ จากห้องนั่งเล่น เขาอยากรู้ว่าเธอจะทำได้ดีแค่ไหน ความคาดหวังในตัวเธอที่เขามีไม่ได้สูงมาก แต่เขาต้องการให้เธอพยายามจริง ๆ แค่นั้น ส่วนเรื่องการพัฒนาฝีมือเขารู้ว่าสำหรับเด็กรุ่นใหม่อย่างลูกหยีมันต้องค่อยเป็นค่อยไป ลูกหยีเริ่มทำอาหารอย่างตั้งใจ เธอเลือกทำเมนูง่ายๆ จากวัตถุดิบที่มีอยู่ เธอเลือกที่จะทำไข่เจียวและต้มจืด ที่เธอพอจะมีความถนัดอยู่บ้างและรู้ว่ามันต้องใส่อะไรลงไปบ้าง แม้ว่าในระหว่างการทำ เธอจะมีปัญหาเล็ก ๆ น้อย ๆ ในการหา
หลังจากการเผชิญหน้ากับเอกณัฐที่กลางไร่ชา ความเงียบก็เข้ามาครอบคลุมทั้งสองคน ลูกหยีแสดงออกถึงความไม่พอใจกับชีวิตที่ถูกบังคับ กำลังหายใจลึกเธอรู้สึกว่าตัวเองเริ่มสับสนไม่รู้จะทำอะไรต่อ แต่สิ่งหนึ่งที่ชัดเจนคือเธอไม่อยากกลับไปใช้ชีวิตในฐานะภรรยาที่เธอไม่ได้เลือกเอง ในที่สุดลูกหยีหันมองไปที่ไร่ชาอันกว้างใหญ่ที่ยืดไปสุดสายตา เธอคุ้นเคยกับไร่ชาแห่งนี้ เพราะตอนเด็ก ๆ เธอเคยมาที่นี่กับพ่อบ่อยครั้ง มันเป็นสถานที่ที่ให้ความรู้สึกสงบ แต่วันนี้มันกลับให้ความรู้สึกแตกต่างออกไป“ถ้าลุงไม่อยากให้หนูหนี หนูมีข้อเสนอ” ลูกหยีพูดขึ้นมาท่ามกลางความเงียบ เอกณัฐหันมามองเธอด้วยความสงสัย“ข้อเสนออะไร” เขาถามเสียงแข็ง แต่ก็กำลังสงสัยในคำพูดของเธอ เขาอยากรู้ว่าเธอจะมาไม้ไหน เพราะตั้งแต่เด็กที่เขารู้จักลูกหยีเป็นเด็กฉลาดแต่เจ้าเล่ห์พอตัว ลูกหยีหยุดครู่หนึ่งเพื่อรวบรวมความคิด ก่อนจะพูดออกมาอย่างด้วยท่าทางจริงจัง“หนูจะไม่หนีอีก แต่หนูไม่อยากเป็นแค่ภรรยาที่เป็นเพียงตัวแทนพี่ลูกเกด หนูจะอยู่กับลุง หนูอยากรับจ้างทำงานในไร่ชา ลุงให้หนูทำงานที่นี่ได้ไหม” เอกณัฐจ้องเธอด้วยสายตาที่
หลังจากที่ลูกหยีหลับสนิท เอกณัฐยืนมองดูเธอครู่หนึ่ง เขารู้สึกถึงความอ่อนล้าและความวุ่นวายทางอารมณ์ที่เกิดขึ้นในคืนแรกของชีวิตแต่งงาน เขาไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขาและลูกหยีจะเป็นอย่างไรต่อไป แต่ที่แน่ ๆ คือพวกเขาทั้งคู่ยังไม่พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับชีวิตแต่งงานจริง ๆ “บางที การที่เธอเมาอาจจะเป็นทางออกที่ดีกว่าก็ได้” เขาคิดในใจขณะมองดูเธอหลับสนิทบนโซฟาก่อนที่จะตัดสินใจช้อนเอาร่างบางมาไว้ในอ้อมแขน แล้วออกแรงอุ้มเธอให้มานอนบนเตียงให้สบายก่อนที่จะห่มผ้าให้ และนอนลงเคียงข้างกันเพื่อพักผ่อนจากเรื่องเครียดๆ มาทั้งวัน คืนแรกของการแต่งงานผ่านพ้นไปโดยที่บ่าวสาวไม่ได้เข้าหอกันจริง ๆ เพราะความเมาของลูกหยี รุ่งเช้าหลังคืนแต่งงานที่วุ่นวาย เอกณัฐตื่นขึ้นมาแต่เช้าตรู่ตามปกติเหมือนทุกวัน เขาเป็นคนที่รักษาระเบียบและมีวินัยในชีวิตประจำวันอย่างเคร่งครัด การดูแลไร่ชาขนาดใหญ่ของเขาที่เชียงใหม่ต้องใช้เวลาและความทุ่มเทเป็นอย่างมาก แต่ในวันนี้ความคิดของเขากลับถูกครอบงำด้วยเรื่องเมื่อคืนและสถานการณ์การแต่งงานที่ยุ่งเหยิง เขาคาดหวังว่าลูกหยีจะตื่นมาและพวกเขาจะเริ่มพูดคุยกันถึงชีวิตแต่งงานที่เพิ่งเริ่มต้
หลังจากงานแต่งเสร็จสิ้น บ่าวสาวเดินทางไปยังไร่ชาของเอกณัฐที่เชียงใหม่ บ้านหลังใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางเนินเขาและไร่ชาสีเขียวขจี ลูกหยีนั่งอยู่ในรถ เธอจ้องมองไร่ชาและบ้านหลังใหญ่ตรงหน้า ความรู้สึกหวาดหวั่นเกิดขึ้นเมื่อเธอตระหนักว่านี่คือสถานที่ที่เธอจะต้องใช้ชีวิตต่อจากนี้ “ตั้งแต่วันนี้ไป ที่นี่จะเป็นบ้านของเธอ” เอกณัฐกล่าวขณะที่เขาพาเธอเข้าไปในบ้าน บรรยากาศภายในบ้านเงียบสงบและเย็นชาเหมือนตัวเขา ทุกสิ่งทุกอย่างดูเป็นระเบียบเรียบร้อย แต่ไร้ความอบอุ่น ลูกหยีเดินตามเอกณัฐเข้าไปในห้องนอนใหญ่ที่ถูกจัดเตรียมไว้ “เธอจะพักที่นี่ ฉันจะไปเคลียร์งานที่ห้องทำงานอีกห้อง” เอกณัฐพูดด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ และไม่รอคำตอบใด ๆ ก่อนจะหันหลังออกจากห้อง ปล่อยให้ลูกหยียืนอยู่คนเดียวความรู้สึกเหงาและโดดเดี่ยวท่วมท้น ลูกหยีเดินไปที่เตียงแล้วทรุดตัวลงนั่ง เธอหันไปมองกระจก เธอเห็นเงาของตัวเองในชุดเจ้าสาวที่ยังไม่ถอดออก “นี่คือชีวิตแต่งงานของฉันเหรอ” เธอถามตัวเองเบา ๆ น้ำตาค่อย ๆ ไหลรินออกมาโดยไม่รู้ตัว เธอพยายามกักเก็บมันไว้ แต่ความรู้สึกกดดัน ความผิดหวัง และความเหงากลับพุ่งเข้ามาอย่างหนัก หลังจากวันที่
ภายในงานที่เต็มไปด้วยแขกจำนวนมาก เสียงดนตรีไทยกลับมาบรรเลงอีกครั้ง ท่ามกลางเสียงซุบซิบของแขกผู้ร่วมงานที่ยังคงไม่หายจากความตกใจ พิธีการถูกจัดการขึ้นใหม่อย่างเร่งด่วน ทุกอย่างดูเหมือนจะเป็นปกติภายนอก แต่ภายในใจของเจ้าบ่าวและเจ้าสาวต่างเต็มไปด้วยความสับสนและกดดัน ลูกหยี ในชุดเจ้าสาวสีขาวงดงามที่เคยถูกเตรียมไว้ให้พี่สาวของเธอ เดินออกมาจากห้องด้วยท่าทีที่มั่นใจในสายตาของคนอื่น แต่ในใจกลับรู้สึกเหมือนกำลังตกอยู่ในฝันร้ายที่ไม่อาจหลีกหนีได้ เมื่อเธอเดินเข้ามาในบริเวณพิธี สายตาของทุกคนต่างจับจ้องไปที่เธอ“เปลี่ยนเจ้าสาวเหรอ” เสียงซุบซิบเบาๆ จากแขกเริ่มดังขึ้นขณะที่พวกเขาสังเกตเห็นความแตกต่างระหว่างลูกหยีกับลูกเกด ทั้งสองสาวมีบุคลิกที่ต่างกันจนใคร ๆ ก็มองเห็นได้ชัดเจน เอกณัฐยืนอยู่ตรงหน้าเธอในชุดสูทสีขาวเรียบง่าย เขามองเธอด้วยสายตาที่นิ่งขรึมและไม่แสดงความรู้สึกใดๆ แม้ว่าข้างในเขาจะยังคงไม่สามารถลืมความจริงที่ว่าเจ้าสาวตัวจริงหนีไปก็ตาม“ฉันไม่เคยคิดว่ามันจะมาถึงจุดนี้” เอกณัฐคิดในใจ เขามองลูกหยีที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขา หญิงสาวที่เขาไม่เคยคิดว่าจะเอามาเป็นภรรยาของเขา







