“ว๊าย ไอ้พี่เอริคบ้า ตื่นเดี๋ยวนี้เลยนะไหนบอกจะไม่ทำอะไรไง”
เกวลินโวยวายเมื่อตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าตัวเองนอนอยู่ในอ้อมอกเขา “เกลเสียงดังอะไรแต่เช้า พี่ยังง่วงอยู่เลย” “ไม่ต้องนอนแล้ว นี่หมายความว่าไงพี่แอบเอาหมอนออกตอนเกลหลับหรอ” เอริคลืมตาตื่นขึ้นมามองหน้าหญิงสาวที่ตอนนี้มองเขาตาเขียวปั๊ด “คิดดีๆว่าใครเป็นคนถีบหมอนลงไปข้างล่าง” “พี่จะหาว่าเกลเป็นคนทำหรอ” “อือ…ฮึ” “ไอ้คนเห็นแก่ตัว”เธอทุบที่อกเขารัวๆ “เกลพี่เจ็บ”เขาจับข้อมือทั้งสองข้างของเธอไว้เพื่อให้เธอหยุดทุบเขา “หันมองข้างๆสิว่าใครเป็นคนขยับหาใคร” เกวลินมองไปรอบๆเตียงก็พบว่าตัวเองเป็นฝ่ายข้ามฝั่งมาหาเอริคเอง จึงได้แต่ถอนหายใจให้กับความโก๊ะของตัวเอง “อีกอย่างพี่ก็ไม่ได้ทำอะไรเกินเลยด้วย แค่กอด เกลก็นอนกอดพี่ทั้งคืนเหมือนกันพี่ยังไม่ว่าอะไรเลย” เกวลินหน้าแดงด้วยความเขิน ไม่รู้จะทำตัวยังไงจึงรีบลุกขึ้นไปสูดอากาศที่ระเบียง “ไม่คุยด้วยแล้วไปดีกว่า” “ยัยบ๊องเอ๊ย น่ารักชิบ”เอริคยิ้มให้กับความโก๊ะของเธอ ก่อนจะเดินตามเกวลินออกไปสูดอากาศข้างนอก เขาเดินมาสวมกอดเธอจากด้านหลังและเอาคางเกยไหล่เธอไว้ “สดชื่นจัง หอมมากด้วย”เขามองวิวด้านนอกสลับกับดมผมเธอ “ปล่อยเดี๋ยวนี้เลย ไอ้คนฉวยโอกาส” “ฉวยโอกาสที่ไหน กอดคู่หมั้นตัวเองผิดด้วยหรอ” “หยุดพูดเลย หมั้นกันมาเกือบสิบปีไม่เห็นจะเคยใส่ใจกันเลยสักนิด ทีนี้มาอยากกอดอยากหอม”เธอบ่นเขา “ก็ตอนนั้นยังเด็ก ตอนนี้โตแล้วเปลี่ยนใจไม่ได้หรอ” “อยู่ใกล้ใครก็ชอบคนนั้น เปลี่ยนใจง่ายจังนะคะพ่อคาสโนว่า” “ใครเปลี่ยนใจง่าย” “ก็ใครล่ะควงสาวไม่ซ้ำหน้า ล่าสุดเห็นว่าควงนางแบบชื่ออะไรนะ นิต้าใช่มั้ย” เอริคจับเกวลินให้หันหน้ามาหาเขาและใช้มือสองข้างโอบเอวเธอไว้ “ไปได้ข่าวพวกนี้มาจากไหน”เขาถามเธอด้วยความสงสัย “ลงข่าวซุบซิบบ่อยขนาดนั้น ถ้าไม่รู้สิแปลก” “อ่านแค่ข่าวก็เชื่อหรอ” “อือฮึ เชื่อสิคะมีอะไรให้ไม่เชื่อ” “พี่ไม่เคยมีแฟน ไม่เคยคบกับใคร ที่เห็นก็แค่ควงออกงานตามมารยาทเท่านั้น” “ฟังดูดีจัง ควงตามมารยาท แล้วที่ทำกับเกลแบบนี้ก็เพราะหน้าที่ด้วยรึป่าวหรือทำตามคำสั่งคุณป้า” “เกลพี่จริงจังนะ ไม่ได้ทำตามคำสั่งใครทั้งนั้น ทำตามใจตัวเอง ให้พี่ทำยังไงเกลถึงจะเชื่อใจพี่” “ไม่ต้องทำอะไรหรอกค่ะ ทำตัวเหมือนเดิมเหมือนที่พี่เคยทำนั่นแหละ” “เกลไม่เอา อย่าพูดแบบนี้ ระหว่างเราพี่จริงจังนะ ไอ้สัญญาหกเดือนบ้าบอนั่นพี่ยกเลิก พี่ไม่ยอมปล่อยเกลไปแน่นอน” “ไว้ให้ครบหกเดือนก่อนค่อยว่ากันเถอะค่ะ ตอนนี้แค่สามเดือน อะไรๆมันก็เปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา”เกวลินตอบเขาตรงๆเพราะยังไม่มั่นใจในตัวชายหนุ่ม เธอไม่เชื่อว่าจากคนที่ไม่ชอบหน้ากันมานานอยู่ดีๆจะเปลี่ยนใจได้ในเวลาแค่สามเดือน “ได้จากนี้พี่จะทำให้เกลเห็นว่าพี่จริงจังแค่ไหน เตรียมตัวตั้งรับไว้ให้ดีแล้วกัน” เมื่อได้ยินคำพูดของเอริคเกวลินก็หัวใจพองโต ใจเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ แต่เธอพยายามเก็บซ่อนความรู้สึกของตัวเองเอาไว้ไม่แสดงออกให้เขาเห็นว่าเธอเองก็เริ่มมีความรู้สึกดีๆให้เขาแล้วเช่นกัน เธออยากให้เวลาตัวเองและเอริคได้พิสูจน์ว่าความรู้สึกที่เกิดขึ้นมันเกิดขึ้นชั่วคราวด้วยความหลง หรือจะสามารถพัฒนาไปเป็นความรักได้ ผิดกับเอริคที่ค่อนข้างมั่นใจในตัวเองแล้วว่าความรู้สึกที่เกิดขึ้นคือความรัก เพราะเขาไม่เคยมีความรู้สึกแบบนี้กับใครมาก่อน นับวันยิ่งโหยหา อยากอยู่ใกล้ อยากเห็นหน้าตลอดเวลา “เกลพี่ชอบเกลนะ เกลให้โอกาสพี่ได้พิสูจน์ความรักที่พี่มีต่อเกลได้มั้ย” “เกลบอกอยู่นี่ไงคะว่าครบสัญญาหกเดือนเราค่อยมาคุยกันใหม่” “ระหว่างนี้พี่จะรุกจีบเกลเต็มที่แล้ว หวังว่าเกลจะให้ความร่วมมือกับพี่นะ” “ให้ความร่วมมืออะไรคะ”เกวลินถามด้วยความงง “ป๊าว”เอริคได้แต่คิดในใจว่าก็ให้ความร่วมมือเวลาที่เขากอด จูบเธอไง “ไม่มีอะไรแล้วก็ไปอาบน้ำแต่งตัวค่ะ เกลหิวแล้วทานข้าวเสร็จจะได้กลับบ้านกัน อ้อ เกลลืมบอกอีกอย่างในระหว่างที่ยังไม่ครบกำหนดหกเดือนนี้ พี่ไม่ต้องบอกแม่กับคุณป้านะคะพวกท่านจะได้ไม่ต้องหวังลมๆแล้งๆ เผื่อครบกำหนดหกเดือนแล้วไม่เป็นไปตามหวังพวกท่านจะได้ไม่เสียใจ” “ก็ได้ เกลว่าไงพี่ก็ว่างั้น”เอริคยอมตกปากรับคำ ทั้งที่ในใจอยากจะโทรบอกแม่ตั้งแต่วันนี้ว่าให้ไปสู่ขอเกวลินให้หน่อย …ตู๊ด…ตู๊ด…ตู๊ด… เสียงโทรศัพท์ของเอริคดังขึ้นขณะที่ทั้งคู่ทานอาหารเช้ากันอยู่ “ครับแม่” “เป็นยังไงบ้างลูกสนุกมั้ย” “ก็ดีครับ”เขาตอบแม่ด้วยท่าทางยิ้มแย้มมีความสุข ทำให้ผู้เป็นแม่พลอยชื่นใจไปด้วย “หนูเกลล่ะไปไหน อยู่ด้วยกันรึป่าว” เอริคไม่ตอบแต่ยื่นโทรศัพท์ไปให้เกวลินคุย “ค่ะคุณป้า” “หนูเกลชอบที่พักที่ป้าจองให้มั้ยลูก” “ชอบมากค่ะคุณป้า สวยมากๆเลยค่ะ ถ้าคุณป้ากับคุณแม่กลับมาเกลจะพามาพักค่ะ สวยมากจริงๆนะคะ เมื่อเช้ามีทะเลหมอกด้วยค่ะ”เกวลินตอบป้า แอนนาด้วยใบหน้ายิ้มแย้มมีความสุข เพราะเธอชอบที่นี่มากจริงๆ “ป้าเห็นพวกเราชอบป้าก็ดีใจ พี่เค้าไม่ได้ทำเรื่องอะไรกวนใจหนูใช่มั้ย” “จะว่าไม่ก็จะหาว่าโกหก กวนใจนิดหน่อยแต่เกลจัดการได้สบายมากค่ะ คุณป้าไม่ต้องเป็นห่วง”เธอทำทีเป็นฟ้องคุณป้า เพราะอยากให้เขาโดนแม่ดุ “เจ้าลูกคนนี้นี่ไปกวนใจอะไรน้องห๊ะ” “ที่บอกก็ดีนี้มีความสุขเพราะได้แกล้งน้องใช่มั้ย” “แม่ครับอย่าไปเชื่อเกลให้มากนักเลยครับ เธอก็พูดไปเรื่อย หลานสาวคนนี้ของคุณแม่เก่งจะตาย เมื่อกี้ยังบอกอยู่ไม่ใช่หรอว่าจัดการได้สบายมาก”เขาคุยกับแม่พลางหันไปคาดโทษเกวลินที่ทำให้เขาโดนแม่ดุ แต่เกวลินไม่มีสีหน้ากลัวเลยแม้แต่น้อย ซ้ำยังยิ้มเยาะเขาอีกด้วย “แม่ดูสิครับว่าหลานสาวคนโปรดกำลังยิ้มเยาะผมอยู่”เอริคกลับกล้องไปหาเกวลิน แต่เธอไหวตัวทันรีบทำหน้าตาหน้าสงสารทันที “พอเลยๆ ไม่ต้องมาโกหกแม่แล้ว แค่นี้แหละ ดูแลน้องดีๆ” “ครับแม่” เมื่อวางสายจากแอนนา เอริคก็ลุกขึ้นไปจัดการกับยัยตัวแสบที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามทันที “สนุกมั้ย ปั่นหัวคนแก่เล่น” “เกลพูดความจริงก็พี่สร้างปัญหาให้เกลจริงๆ” “ไหนพี่สร้างปัญหายังไงเล่ามาซิ” เกวลินไม่ยอมตอบเขาเพราะปัญาที่เขาสร้างคือการกอด จูบ เธอจนทำให้เธอหวั่นไหว แบบนี้เธอจะกล้าบอกเขาได้ยังไง “ไม่บอก” ….ฟอด…. เอริคก้มลงไปหอมแก้มเธอฟอดใหญ่เป็นการลงโทษยัยตัวแสบของเขาก่อนจะเดินอมยิ้มอย่างอารมณ์ดีไปเก็บของเตรียมตัวกลับบ้าน “ไอ้คนฉวยโอกาส ฝากไว้ก่อนเถอะ” “รีบมาเอาคืนก็แล้วกัน อย่าให้รอนาน อิ่มยังกลับบ้านกันได้แล้ว” เกวลินที่ทำอะไรเขาไม่ได้เพราะตอนนี้ตัวเองเสียเปรียบอยู่ ได้แต่เดินหน้างอตามเขาออกไปเอริค : หนุ่มลูกครึ่งไทย-อังกฤษ หน้าตาหล่อเหลา ตาคม คิ้วเข้ม จมูกโด่งเป็นสัน สูง 190 เซนติเมตร นักธุรกิจหนุ่มหล่อไฟแรงมาดนิ่ง ประธานบริษัทของธุรกิจทางด้าน IT วัย 31 ปีพึ่งได้รับรางวัลนักธุรกิจดีเด่นแห่งปีไปหมาดๆ เอริคไม่เคยครบใครจริงจังเลยซักคน แม้ว่าจะมีข่าวซุบซิบกับดาราและสาวๆในแวดวงไฮโซอยู่เรื่อยๆก็ตาม หากแต่เป็นสาวๆที่เป็นฝ่ายเข้าหาเขาเอง เพราะความหล่อและความรวยของเขา แต่เขาไม่เคยคิดจะมีความรักเพราะเขาถือว่าความรักเป็นอุปสรรคต่อความสำเร็จในหน้าที่การงานของเขาเกวลิน (เกล) : สาวน้อยแสนสวย ตาโตสูง 165 เซนติเมตรวัย 23 ปี ภายนอกดูขี้เล่น ซุกซน แต่จริงๆแล้วเป็นคนหวงตัว จิตใจดี โอบอ้อมอารีย์กับทุกคน เธอเป็นสาวนักเรียนนอก พึ่งเรียนจบและเดินทางกลับประเทศเมื่อเดือนที่แล้ว เป็นลูกสาวของเพื่อนรักแม่เอริค และเป็นคู่หมั้นในวัยเด็กของ เอริค เป็นว่าที่สะใภ้ที่แม่พระเอกหมายตาไว้ เพราะความสวย น่ารัก สดใสและนิสัยที่ดี ทำงานเก่ง คนแบบนี้ถึงจะเอาผู้ชายอย่างเอริคอยู่คุณนายแอนนา : แม่ของเอริควัย 55 ปี ใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ที่อังกฤษกับสามี ชีวิตดีมีความสุขทุกอย่าง มีเรื่องเดียวที่ทำให้เธอเป็นกังวลคือเรื
“นายครับ คืนนี้มีงานประมูลเพชรการกุศลสนใจจะเข้าร่วมมั้ยครับ”เจมส์ผู้ช่วยส่วนตัวถามเอริค“ไปสิ”เอริคตอบเสียงเรียบ“คุณนิต้าที่กำลังเป็นข่าวกับนายอยู่ตอนนี้ก็ไปร่วมงานนี้ด้วยนะครับ ผมเกรงว่าคุณแอนนาจะไม่พอใจเอานะครับ”“ดี งั้นนัดนิต้าให้เข้างานพร้อมกัน”“นายถ้าเป็นข่าวจะเป็นเรื่องใหญ่เอานะครับ เดี๋ยวคุณแอนนาจะไม่พอใจนะครับ”“นั่นแหละสิิ่งที่ผมต้องการ แม่จะได้เลิกจับคู่ผมกับยายหมูอ้วนซักที”“คุณเกวลินเธอไม่อ้วนแล้วนะครับนาย รูปที่คุณแอนนาส่งมาให้ล่าสุดเธอสวยมากๆเลยนะครับ”“นายชอบก็จีบเอาสิ”เอริคก็ยังตอบลูกน้องแบบไม่สนใจใยดีอะไร“แต่เธอเป็นคู่หมั้นนายนะครับ”“คู่หมั้นที่แม่เลือกเองน่ะสิ ผมไม่ได้เห็นด้วยซักหน่อย”ในวัยเด็กแอนนาแม่ของเอริคและแม่ของเกวลินเป็นเพื่อนรักกัน สองครอบครัวหมั้นหมายลูกๆให้กันตั้งแต่พวกเขายังเป็นเด็ก ในตอนนั้นเอริคไม่เคยเห็นด้วยกับการหมั้นหมายนี้เลย เพราะเขาไม่ชอบ เกวลินเป็นที่สุด เด็กอะไรกินเก่งแถมยังขี้แยอีกต่างหาก พวกเขาเจอกันล่าสุดตอนเอริคอายุ 21 ปีซึ่งในตอนนั้นเกวลินอายุเพียง 13 ขวบภาพจำของเขาที่มีต่อเธอจึงไม่ค่อยดีนัก ยิ่งพอรู้ว่าจนถึงตอนนี้แม่ของเขาก็ยังไม่ละค
“นายครับ อาทิตย์หน้าคุณเกวลินจะกลับมาแล้วนะครับ คุณแอนนากำชับว่านายต้องไปรับเธอด้วยตัวเองนะครับ”“เออ รู้แล้ว ตกลงเป็นลูกน้องใครกันแน่วะ แม่หรือผม”“ลูกน้องนายสิครับ”“อืม รู้ตัวก็ดีนึกว่าโดนแม่ซื้อตัวไปแล้วหายใจเข้า หายใจออกก็มีแต่คุณแอนนา”เอริคนึกย้อนไปเมื่อหลายอาทิตย์ก่อนที่ผู้เป็นแม่ยื่นข้อเสนอให้เขาใช้เวลากับเกวลินครึ่งปี หากครบกำหนดแล้วทั้งคู่ไม่รักไม่ชอบกันจริง เธอจะไม่บังคับเขาอีกต่อไป และมีข้อแม้ว่าระหว่างที่เกวลินอยู่ที่บ้านเขา ห้ามทำตัวไม่ดีกับน้อง ต้องให้เกียรติเธอทั้งที่บ้านและที่ทำงาน เอริคเองก็ยอมรับเงื่อนไขทั้งหมดอย่างว่าง่าย เพราะเขาคิดว่ายังไงก็ไม่มีทางตดหลุมรักยัยเด็กอ้วนขี้แยคนนั้นแน่นอน“หึ ใครจะไปรักเธอลงยัยเกวลิน”เอริคพึมพำกับตัวเอง“นายว่าอะไรนะครับ”เจมส์ถามเขาเพราะได้ยินไม่ถนัด“ป่าว ไม่มีอะไร ไปทำงานต่อได้แล้ว”“ครับ”เจมส์รับคำก่อนจะขอตัวเดินออกจากห้องไปภาพจำของเอริคที่มีต่อเกวลินคือเป็นยัยเด็กอ้วน กินเก่ง ขี้แยสุดๆ ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่เขาไม่ชอบเอามากๆ จนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่เข้าใจเลยว่าทำไมผู้ใหญ่ถึงจับคู่ให้เขากับเธอ ทั้งที่ดูไม่มีอะไรเข้ากันได้เลย อี
“นายครับผมเอากระเป๋าคุณเกวลินไปเก็บข้างบนเรียบร้อยแล้วถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอตัวก่อนนะครับ”เจมส์แจ้งผู้เป็นนายที่ตอนนี้นั่งเล่นที่โซฟากับเกวลินอยู่“อืม ขอบใจ หิวยังไปกินข้าวจะได้พักผ่อน”เขาตอบรับลูกน้องสั้นๆก่อนหันไปตามเกวลินที่นั่งอยู่ที่โซฟาฝั่งตรงข้าม“ก็ดีเหมือนกันค่ะ”เอริคเดินนำเกวลินมาที่โต๊ะอาหาร “นั่งสิ”เขาผายมือเชิญเธอนั่งก่อนที่ตัวเองจะเดินไปนั่งที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้าม“ป้าพิศ ตักข้าวครับ อ้อลืมแนะนำนี่ป้าพิศแม่บ้านของที่นี่ ส่วนนี่เกวลิน…”“สวัสดีค่ะ เรียกเกลเฉยๆก็ได้นะคะ”เธอทักทายแม่บ้านด้วยรอยยิ้มและท่าทางเป็นกันเอง“สวัสดีค่ะคุณเกล คุณเกลสวยมากๆเลยนะคะ สมกับเป็นคู่หมั้นของคุณเอริคเลยค่ะ เหมาะสมกันยังกับกิ่งทองใบหยก”ป้าพิศพูดตามภาพที่เห็น“ป้าพิศ”เอริคปราม“ค่ะๆไม่พูดแล้วค่ะ เชิญคุณๆทานข้าวตามสบายเลยค่ะ ป้าขอตัวก่อน”ป้าพิศพูดด้วยรอยยิ้มก่อนเดินออกไป“คุณป้าเค้าไปไหนคะ”เกวลินถามด้วยความสงสัยหลังเห็นป้าพิศถือกระเป๋าเดินออกจากบ้านไป“กลับบ้าน”“ห๊ะ กลับบ้าน!!!”เกวลินอุทานด้วยความตกใจ“เสียงดังทำไม นี่มันทุ่มนึงแล้วก็ต้องกลับมั้ย?”“แล้วปกติบ้านหลังนี้พี่เอริคอยู่กับใครคะ”“คนเ
หลังเดินออกมาจากร้านเสื้อผ้าเอริคก็ตัดสินใจถามเกวลินอีกครั้ง“อยากกินอะไร”“……”เกวลินไม่ตอบ“เกลพี่ถามว่าอยากกินอะไร อย่าดื้อ”เขาทำเสียงดุเธอ เธอไม่ตอบแต่ชี้ไปที่ร้านสเต๊ก ก่อนจะเดินนำหน้าเขาเข้าไปในร้าน เอริคได้แต่ถอนหายใจให้กับความดื้อรั้นของเธอ เกวลินจากที่น้อยใจอยู่เมื่ออาหารเข้าปากก็ยิ้มแย้มแจ่มใสเปลี่ยนไปเป็นคนละคนกับก่อนหน้านี้เลย เอริคที่นั่งสังเกตุอาการของเธออยู่ก็พลอยโล่งใจไปด้วยที่บรรยากาศไม่แย่อย่างที่คิด“เอาของหวานมั้ย”“ได้หรอคะ”เกวลินถามเขาด้วยน้ำเสียงดีใจเอริคไม่ตอบแต่ยักคิ้วให้เธอเป็นการตอบรับแทน“เกลอยากกินบิงซูได้มั้ยคะ ไม่ได้กินนานมากแล้ว”“ไปสิ”เขาตอบรับแบบไม่ต้องคิดตลอดเย็นวันนั้นเขาตามใจเธอทุกอย่าง อยากทำอะไรหรือทานอะไรก็ไม่ขัดสักคำ จนกลับมาถึงบ้าน “ขอบคุณนะคะสำหรับวันนี้”“เป็นสิ่งที่ควรทำอยู่แล้ว ไม่ต้องขอบคุณ”“เอ่อ…เกลว่าเรามาทำข้อตกลงในการอยู่ร่วมกันดีมั้ยคะ หกเดือนนี้เราจะได้อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข”เกวลินตัดสินใจบอกชายหนุ่มหลังจากคิดเรื่องนี้มาทั้งคืน“ในฐานะที่พี่เอริคเป็นเจ้าของบ้านเกลให้พี่บอกเงื่อนไขของพี่ก่อนเลยค่ะ”เกวลินบอกชายหนุ่มหลังจากที่วิ่
“ยัยเกลมาได้ไง ไหนว่าจะกลับอาทิตย์หน้าไง”เจนหันไปกอดเพื่อนรักด้วยความดีใจ“เลื่อนไฟล์ทน่ะ ก็เลยมาเซอร์ไพร์ส คิดถึงแกมากๆเลย”“คิดถึงเหมือนกัน ไปหาที่นั่งในสวนกัน เดี๋ยวทำของอร่อยไปให้ทาน”ร้านเบอเกอรี่ของเจนเป็นร้านที่ร่มรื่นมากบรรยากาศภายในร้านเต็มไปด้วยต้นไม้และดอกไม้นานาพันธุ์ มองไปทางไหนก็สดชื่นสบายตา “เจนแล้วตอนนี้แกพักที่ไหน”“นี่ไงบ้านชั้น”เจนชี้ไปที่บ้านสีขาวที่อยู่ติดกับร้าน“บ้านน่ารักจัง เดี๋ยววันหลังแวะมาเล่นด้วยบ่อยๆ”“ว่าแต่แกเถอะไปอยู่ที่บ้านพี่เค้าเป็นไงบ้าง พี่เขาน่ากลัวรึป่าว”“แกก็พูดไปเรื่อยคนนะไม่ใช่ผี ชั้นว่าโอเคกว่าที่คิดไว้ตอนแรกเยอะเลย”“ยังไงไหนเล่าซิ”“ก็ตอนแรกที่ชั้นเล่าให้แกฟังว่าเค้าดูไม่น่าคบ ใจร้าย เอาแต่ใจ แต่พอเจอกันจริงๆก็ไม่เป็นแบบนั้นนะ ไม่รู้สิอธิบายเป็นคำพูดไม่ถูก”“แกคงไม่ได้ตกหลุมรักเค้าแล้วนะ”เจนแซวเพื่อน เกวลินตีแขนเพื่อนรักเบาๆ“บ้า!!! พึ่งเจอกันได้สามวันเอง ชั้นใจง่ายขนาดนั้นหรอ อีกอย่างที่มาก็เพื่อให้แม่กับคุณป้าแอนนาสบายใจแค่นั้น อย่างอื่นไม่ได้คิด”“ชั้นจะคอยดู หนุ่มหล่อสาวสวยอยู่บ้านหลังเดียวกัน เดี๋ยวผีก็ผลักเข้าสักวัน แต่แกระวังไว้หน
ชายหนุ่มคนที่วางยาสองสาวเมื่อเห็นพวกเธอลุกออกจากโต๊ะก็ชวนเพื่อนเดินตามพวกเธอมาไม่ห่าง “ให้พี่ไปส่งมั้ยจ๊ะคนสวย ดูท่าจะกลับเองไม่ไหวแล้ว”เขาเดินมาหาสองสาวที่ตอนนี้เริ่มมึนหัวจากฤทธิ์ยา ทันทีที่พวกเขากำลังจะเดินเข้าไปประคองสองสาวก็มีมือของเอริคและเจมส์ผลักพวกเขาออกทันที ก่อนจะเข้าไปประคองพวกเธอไว้แทน เอริคดึงเกวลินเข้ามาไว้ในอ้อมอก ส่วนเจมส์ก็ทำหน้าที่ประคองเจนไว้แบบงงๆ“พวกมึงเป็นใครวะมายุ่งเรื่องของผัวเมียเค้าทำไม”“ผัวเมียหรอ กูคู่หมั้นเธอโว้ย ส่วนมึงจะให้กูแจ้งตำรวจข้อหาวางยามั้ย ถ้าไม่อยากเดือดร้อนรีบไสหัวไปซะ ไม่งั้น…”สิ้นคำพูดของเอริคการ์ดของร้านก็เดินตรงเข้ามาหาคนที่วางยาเกวลิน “ทางนี้ฝากด้วย”เขาหันไปบอกการ์ดอีกครั้ง“ครับคุณเอริค”“พี่เอริค เกลมึนหัว”“สมควร!!!”“นายครับผู้หญิงคนนี้ผมต้องไปส่งที่ไหน”“เดี๋ยวส่งที่อยู่ให้ในกระเป๋าน่าจะมีกุญแจบ้านอยู่ ถ้าไม่มีก็นอนบ้านนายไปก่อน”“เอ่อ นาย นายครับ เฮ้อ…เวรกรรมอะไรของเราวะเนี่ยต้องมาดูแลคนไม่รู้จักกันเนี่ย คุณครับไปขึ้นรถผมพาไปส่งบ้าน”ทางด้านของเกวลินตอนนี้แทบเดินไม่ไหวมีแต่บ่นว่ามึนหัว จนเอริคทนไม่ไหวอุ้มร่างบางขึ้นรีบเดินกลับร
เจนเมื่อรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาในตอนเช้าก็ต้องแปลกใจที่ตัวเองมานอนอยู่ที่บ้าน และที่สำคัญเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ด้วย เธอจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนได้เพียงเลือนลางเท่านั้น พยายามนึกทบทวนและเดินลงมาหาน้ำดื่ม หางตาก็ไปสะดุดกับชายแปลกหน้าที่นอนอยู่บนโซฟาบ้านตน “อ๊าย แกเป็นใครเข้ามาในบ้านชั้นได้ยังไง”เจมส์สะดุ้งตื่นเพราะเสียงร้องของหญิงสาว ก่อนจะรีบอธิบายเรื่องราวทั้งหมดให้เธอฟัง“ผมเป็นผู้ช่วยคุณเอริค ที่พาคุณมาส่งบ้านเมื่อคืนไงครับ คุณพอจะจำได้มั้ย”เจนพยายามนึกภาพตามก็เห็นว่าเป็นความจริงตามที่เขาพูด “แล้วทำไมเสื้อผ้าชั้นถึงได้….”“เมื่อคืนคุณอ้วกผมก็เลยจำเป็นต้องเช็ดตัว เปลี่ยนเสื้อผ้าให้”“อีตาบ้า!! นายฉวยโอกาสหรอ”“ป่าวนะครับตอนเปลี่ยนผมก็ไม่ได้มอง หรือจะให้ผมปล่อยให้คุณนอนจมกองอ้วกแบบนั้น ก็เลยต้องอยู่รออธิบายให้คุณฟังนี่ไงครับ ทำคุณบูชาโทษแท้ๆ”เจมส์บ่น“แล้วชั้นจะมั่นใจได้ยังไงว่าคุณไม่ได้ล่วงเกินชั้น”“แล้วคุณเจ็บปวดตรงไหนมั้ยล่ะครับ ถ้าไม่มั่นใจไปตรวจที่โรงพยาบาลตอนนี้เลยก็ได้”เขาพูดพลางจะดึงแขนเธอให้ไปด้วยกัน“ไม่ต้อง ชั้นจะลองเชื่อคุณดูซักครั้ง ยังไงก็ขอบคุณคุณด้วยแล้วกันที่มาส
“ว๊าย ไอ้พี่เอริคบ้า ตื่นเดี๋ยวนี้เลยนะไหนบอกจะไม่ทำอะไรไง”เกวลินโวยวายเมื่อตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าตัวเองนอนอยู่ในอ้อมอกเขา“เกลเสียงดังอะไรแต่เช้า พี่ยังง่วงอยู่เลย”“ไม่ต้องนอนแล้ว นี่หมายความว่าไงพี่แอบเอาหมอนออกตอนเกลหลับหรอ”เอริคลืมตาตื่นขึ้นมามองหน้าหญิงสาวที่ตอนนี้มองเขาตาเขียวปั๊ด “คิดดีๆว่าใครเป็นคนถีบหมอนลงไปข้างล่าง”“พี่จะหาว่าเกลเป็นคนทำหรอ”“อือ…ฮึ”“ไอ้คนเห็นแก่ตัว”เธอทุบที่อกเขารัวๆ“เกลพี่เจ็บ”เขาจับข้อมือทั้งสองข้างของเธอไว้เพื่อให้เธอหยุดทุบเขา“หันมองข้างๆสิว่าใครเป็นคนขยับหาใคร” เกวลินมองไปรอบๆเตียงก็พบว่าตัวเองเป็นฝ่ายข้ามฝั่งมาหาเอริคเอง จึงได้แต่ถอนหายใจให้กับความโก๊ะของตัวเอง “อีกอย่างพี่ก็ไม่ได้ทำอะไรเกินเลยด้วย แค่กอด เกลก็นอนกอดพี่ทั้งคืนเหมือนกันพี่ยังไม่ว่าอะไรเลย”เกวลินหน้าแดงด้วยความเขิน ไม่รู้จะทำตัวยังไงจึงรีบลุกขึ้นไปสูดอากาศที่ระเบียง“ไม่คุยด้วยแล้วไปดีกว่า”“ยัยบ๊องเอ๊ย น่ารักชิบ”เอริคยิ้มให้กับความโก๊ะของเธอ ก่อนจะเดินตามเกวลินออกไปสูดอากาศข้างนอก เขาเดินมาสวมกอดเธอจากด้านหลังและเอาคางเกยไหล่เธอไว้“สดชื่นจัง หอมมากด้วย”เขามองวิวด้านนอกสลับ
เอริคและเกวลินแวะเที่ยวอีกหลายที่ ก่อนที่จะเดินทางไปถึงโรงแรมที่แอนนาแม่ของเอริคจองไว้ให้ในช่วงเย็น โรงแรมแห่งนี้บรรยากาศดีมากรายล้อมด้วยภูเขา มองไปทางไหนก็เขียวชะอุ่ม สบายตาไปหมด ที่พักแห่งนี้เป็นวิลล่าที่อยู่ท่ามกลางธรรมชาติ มีห้องพักอยู่ไม่มากนัก แต่ละห้องมีความเป็นส่วนตัวมาก“โห สวยมาก”เกวลินถึงกับพูดออกมาด้วยความตื่นตาตื่นใจ ห้องพักมีขนาดใหญ่มาก วิวดีมองออกไปข้างนอกเห็นภูเขาเขียวชะอุ่ม ระเบียงห้องใหญ่มากและยังมีสระว่ายน้ำขนาดเล็กท่ามกลางธรรมชาติอีกด้วย เกวลินมัวแต่ดื่มด่ำกับบรรยากาศจนลืมคิดไปว่าห้องนี้มีเพียงหนึ่งห้องนอนเท่านั้น“แม่นะแม่ร้ายจริงๆ”เอริคพึมพำเมื่อเดินสำรวจรอบห้องแล้วพบว่าบรรยากาศเหมาะสำหรับให้คู่รักมาพักผ่อนกัน“พี่เอริคดูสิคะข้างนอกสวยมากเลย”เกวลินดึงแขนชายหนุ่มให้ออกไปดูวิวตรงระเบียง“สวยมั้ยคะ”“อืม สวย สวยมาก”เอริคตอบเธอโดยไม่ได้มองวิวเลยแม้แต่น้อย แต่สายตากลับจ้องมาที่เกวลิน อย่างเดียว“คืนนี้เราสั่งอาหารมาทานที่ห้องนะคะเกลไม่อยากออกไปไหนแล้ว”“ได้”“เกลไปเดินดูข้างในก่อนดีกว่า”“มีเตียงเดียวอีกแล้ว คุณป้านะคุณป้า”เธอบ่นพึมพำเมื่อเดินมาถึงห้องนอน เกวลินใจ
“ปวดหัวจัง”เกวลินบ่นหลังจากลืมตาตื่นขึ้นมาในตอนเช้า“เอ๊ะ ไม่ใช่หมอนข้าง”เธอเอามือลูบคลำไปทั่วแผงอกแกร่งของเอริค และเงยหน้าขึ้นมองคนตัวโตที่นอนหลับตาพริ้มอยู่ หมอนที่เธอกอดทั้งคืนคือตัวเขา ยิ่งคิดก็ยิ่งเขินทำตัวไม่ถูกจะมุดตัวลงไปใต้ผ้าห่ม“จะหลบไปไหน ยัยตัวแสบ”เอริคที่รู้สึกตัวตั้งแต่เธอดิ้นยุกยิกเรียกให้หยุด เกวลินยื่นหน้าออกมาจากผ้าห่มพร้อมรอยยิ้มแห้ง“เมื่อคืนเราไม่ได้…เอ่อ…มีอะไรกันใช่มั้ยคะ”“ไม่มี”“เฮ้อ ค่อยยังชั่วนึกว่าเมาแล้วเผลอ…”“แค่จูบ”เขาตอบเธอเสียงนิ่ง“ห๊ะ!!!อะไรนะคะ อีกแล้วหรอเนี่ยยัยเกล ไม่น่าดื่มเยอะเลย”เธอบ่นตัวเอง“อีกแล้ว”เขาเลิกคิ้วถามเธอด้วยความสงสัย“กับใคร”“ไอ้พี่เอริคบ้า”เธอทุบไปที่อกแกร่งของเขา“จะใครล่ะที่ขโมยจูบแรกของเกลไป อุตส่าห์เก็บรักษามาตั้งนาน”“คืนนั้นรู้เหรอว่าเกิดอะไรขึ้น”“เอ่อ..จำได้ลางๆค่ะ”“แต่ไม่คิดจะรับผิดชอบ”“รับผิดชอบอะไรคะ เกลเป็นผู้หญิงเกลเสียหายนะ พี่ต้องรับผิดชอบเกลสิถึงจะถูก”“ใครเริ่มก่อนจำได้มั้ย”เขาถามพร้อมกับยื่นหน้าเข้าไปใกล้ทำทีจะจูบเธอเพื่อระลึกความหลัง“พอแล้วค่ะ เกลจำได้”“งั้น วันนี้ก็รับผิดชอบ”“ให้รับผิดชอบอะไร”“พาเที่
เกวลินพอเจอฤทธิ์แอลกอฮอล์บวกกับเพลงที่ชอบก็เต้นอย่างสนุก จนเอริคที่ยืนอยู่ข้างๆเกิดอาการหวง ขยับเข้าไปโอบเอวเธอไว้ เกวลินที่สติเหลืออยู่แทบไม่ถึงครึ่ง เมื่อเห็นชายหนุ่มโอบเอวก็ไม่ได้ว่าอะไร ซ้ำยังยกแขนมาคล้องคอเขาให้เต้นไปด้วยกัน กลับกลายเป็นเอริคเองที่ตกใจกับการกระทำของเธอแทน“เกลทำอะไร”เขากระซิบข้างหูเธอ“ชวนพี่เต้น”“เกลเอามือออกยืนเต้นดีๆ”“ก็เกลอยากเห็นพี่เต้นนี่คะ”“ไม่เต้น หันไปเต้นดีๆ ถ้าไม่ปล่อยพี่พากลับแล้วนะ”“ไม่กลับ กำลังสนุก”“งั้นก็หันกลับไปเต้นดีๆ อย่าดื้อ”“โอเคๆ เต้นกับคนแก่ไม่สนุกละ”เธอบ่นเขา“เกล เดี๋ยวจะโดน”เธอไม่สนใจคำพูดเขาซักนิดหันกลับไปเต้นต่ออย่างสนุก ปล่อยให้เอริคยืนใจเต้นรัวข้างๆเธอ เกวลินไม่เคยทำแบบนี้กับใครเลย คงเป็นเพราะสบายใจ อุ่นใจและเชื่อใจที่เป็นเขาถึงได้ปล่อยตัวปล่อยใจขนาดนี้“ยัยเด็กแสบใครใช้ให้มาเต้นยั่วแบบนี้”เขาบ่นพึมพำเบาๆ เพราะการกระทำของเธอทำให้เขาคลั่งแทบอยากจะพาเธอกลับไปจัดการที่ห้องตอนนี้เลยแต่ก็ทำไม่ได้ ได้แต่ยืนข่มใจให้เย็นลง“พี่เอริค…เกล…มึนหัว”เธอหันไปบอกชายหนุ่มหลังจากดื่มไปหลายแก้วจนเริ่มทรงตัวไม่อยู่“ใครให้ดื่มเยอะขนาดนี้ กลั
“พี่เอริควันนี้หลังเลิกงานเกลจะไปเยี่ยมพี่เกตุนะคะ”“ไปสิพี่ไปด้วย”หลังเลิกงานทั้งคู่ไปเลือกซื้อของใช้สำหรับเด็กอ่อนก่อนเดินทางไปเยี่ยมเกตุที่โรงพยาบาล“คุณลูกค้าต้องการของใช้แบบไหนคะ”พนักงานขายเดินมาถามทั้งคู่เพราะเห็นท่าทางเก้ๆกังๆของพวกเขาจึงคิดว่าน่าจะเป็นพ่อแม่มือใหม่“ของใช้สำหรับเด็กแรกเกิดค่ะ เด็กต้องใช้อะไรบ้างเอามาให้หมดเลยค่ะ”เกวลินตอบพนักงานสาว“เป็นพ่อแม่มือใหม่สินะคะ น่ารักจังเลยนะคะมาช่วยกันเลือกของให้ลูกด้วย”พนักงานสาวพูดกับทั้งสองคนด้วยรอยยิ้ม“ไม่ใช่นะคะ คือซื้อไปให้หลายค่ะ”เกวลินรีบปฏิเสธทันที ผิดกับเอริคที่ยืนนิ่งเงียบไม่พูดไม่จา…โรงพยาบาล ห้องพักผู้ป่วย…“น่ารักน่าชังจังเลยเจ้าตัวเล็ก”เกวลินหมั่นเขี้ยวเจ้าตัวน้อยในอ้อมอกตัวเอง“พี่เอริคอยากลองอุ้มมั้ยคะ”“อุ้มไม่เป็น”“มาเกลช่วย”เธอพาเจ้าตัวเล็กเดินไปหาเอริคที่นั่งอยู่บนโซฟา โดยไม่สนใจเลยว่าคนตัวโตจะทำสีหน้าดุเธอแค่ไหน“เกล ไม่เอา”เขาปฏิเสธหญิงสาวแต่มือก็ยื่นไปรับลูกชายของเกตุและทำตามคำบอกของเกวลิน อย่างว่าง่าย จนคนอื่นๆหลุดขำกับท่าทางเก้ๆกังๆของเขา เขามองเจ้าตัวเล็กในอ้อมแขน ในหัวพลันคิดว่าถ้าเป็นลูกของเขากับคนท
…ก๊อก ก๊อก ก๊อก…“พี่เอริคเกลเข้าไปได้มั้ยคะ”“อืม”เอริคตอบรับสั้นๆ“เราจะกลับบ้านกันตอนไหนหรอคะ”“รีบ?”เขาละสายตาจากเอกสารตรงหน้าหันไปหาเธอ“ป่าวค่ะ แค่เห็นว่าจะหกโมงเย็นแล้ว”เธอตอบเขาเสียงอ่อย“ขอเคลียร์งานก่อน ถ้าหิวขนมอยู่ตรงนั้นทานได้”เขาบอกเธอก่อนจะก้มหน้าทำงานต่อเกวลินนั่งมองเขาพลางคิดถึงคำพูดของป้าแอนนาที่บอกว่าเอริคเป็นคนบ้างานมากจนบางทีลืมกินข้าว จนทำให้เป็นโรคกระเพราะ แต่ท่าทางจริงจังของเขาก็ทำให้เธอเผลอมองอยู่นาน เพราะเธอรู้สึกว่าท่าทีแบบนี้ดูมีเสน่ห์มากบวกกับความหล่อของเขายิ่งชวนหลงใหล“บ้าจริง ยัยเกลคิดอะไรของแก”เกวลินพยายามสลัดความคิดฟุ้งซ่านของตัวเองทิ้ง ก่อนจะนั่งเล่นมือถือรอเขาจนเผลอหลับไปเอริคเคลียร์งานเสร็จเหลือบมองนาฬิกาเห็นว่าเป็นเวลาจวนจะหนึ่งทุ่มแล้วจึงชวนเกวลินกลับบ้าน“เกลกลับได้แล้ว”เขาเรียกเธอมือก็เก็บเอกสารไปด้วย โดยไม่ได้มองหญิงสาวด้วยซ้ำ แต่เมื่อไม่มีเสียงตอบรับจากคนตัวเล็กเขาจึงหันไปมองพบว่าเธอหลับอยู่ เอริคเดินไปนั่งตรงหน้าเธอและมองใบหน้าสวยละมุนของเธอ“ยัยลูกเป็ดขี้เหร่โตมาสวยได้ขนาดนี้เลยหรอ”เขาพึมพำเบาๆ เป็นจังหวะเดียวกันกับที่เกวลินลืมตาตื่นขึ้นม
วันนี้เป็นวันจันทร์และเป็นวันแรกที่เกวลินต้องไปทำงานในฐานะเลขาของเอริค เธอตื่นเต้นและประหม่าพอสมควร หลังแต่งตัวเสร็จเธอเดินมาคุยกับตัวเองหน้ากระจกบานใหญ่เพื่อเรียกกำลังใจให้ตัวเอง“สู้ๆยัยเกล แกมันคนเก่ง ทำได้อยู่แล้ว”วันนี้เกวลินแต่งตัวนานกว่าปกติเพราะมัวแต่ตรวจเช็คความเรียบร้อยจึงไม่ได้ลงมาทำข้าวเช้าให้ เอริคทาน เมื่อเช็คความเรียบร้อยทั้งเสื้อผ้า หน้า ผมจนมั่นใจแล้ว เธอจึงรีบลงมาข้างล่างก็เห็นเอริคนั่งรอที่โซฟาอยู่ก่อนแล้ว วันนี้เกวลินมาในลุคชุดสูทแขนยาวกระโปรงสั้น สไตล์เกาหลี ดูเรียบหรูและน่ารักในคราวเดียวกัน เอริคที่นั่งรออยู่ถึงตะลึงในความสวยของหญิงสาวไปพักใหญ่ เขาคิดในใจว่าบทจะแต่งตัวเป็นทางการก็ดูดีไม่เบา“พี่เอริคไปกันได้รึยังคะ”“ไปสิ”เขาตอบกลับเธอด้วยสีหน้าเรียบเฉยทั้งที่ภายในใจตื่นเต้นไม้แพ้เกวลินเลย“วันนี้เกลขอโทษนะคะ ไม่ได้ลงมาทำอาหารเช้าให้ทานเลย ตื่นเต้นนิดหน่อยค่ะ”“ตื่นเต้นทำไม แค่มาทำงาน”“ก็เกลตื่นเต้นนี่คะ”“กลัวทำไม่ได้”เขาเลิกคิ้วถามเธอ“ป่าวซักหน่อย คนอย่างเกวลินไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้”“ดี จะคอยดู ถ้าไม่ไหวก็บอกจะได้ส่งกลับบ้าน”“ไม่มีทาง”เธอตอบเขาด้วยน้ำเ
เจนเมื่อรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาในตอนเช้าก็ต้องแปลกใจที่ตัวเองมานอนอยู่ที่บ้าน และที่สำคัญเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ด้วย เธอจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนได้เพียงเลือนลางเท่านั้น พยายามนึกทบทวนและเดินลงมาหาน้ำดื่ม หางตาก็ไปสะดุดกับชายแปลกหน้าที่นอนอยู่บนโซฟาบ้านตน “อ๊าย แกเป็นใครเข้ามาในบ้านชั้นได้ยังไง”เจมส์สะดุ้งตื่นเพราะเสียงร้องของหญิงสาว ก่อนจะรีบอธิบายเรื่องราวทั้งหมดให้เธอฟัง“ผมเป็นผู้ช่วยคุณเอริค ที่พาคุณมาส่งบ้านเมื่อคืนไงครับ คุณพอจะจำได้มั้ย”เจนพยายามนึกภาพตามก็เห็นว่าเป็นความจริงตามที่เขาพูด “แล้วทำไมเสื้อผ้าชั้นถึงได้….”“เมื่อคืนคุณอ้วกผมก็เลยจำเป็นต้องเช็ดตัว เปลี่ยนเสื้อผ้าให้”“อีตาบ้า!! นายฉวยโอกาสหรอ”“ป่าวนะครับตอนเปลี่ยนผมก็ไม่ได้มอง หรือจะให้ผมปล่อยให้คุณนอนจมกองอ้วกแบบนั้น ก็เลยต้องอยู่รออธิบายให้คุณฟังนี่ไงครับ ทำคุณบูชาโทษแท้ๆ”เจมส์บ่น“แล้วชั้นจะมั่นใจได้ยังไงว่าคุณไม่ได้ล่วงเกินชั้น”“แล้วคุณเจ็บปวดตรงไหนมั้ยล่ะครับ ถ้าไม่มั่นใจไปตรวจที่โรงพยาบาลตอนนี้เลยก็ได้”เขาพูดพลางจะดึงแขนเธอให้ไปด้วยกัน“ไม่ต้อง ชั้นจะลองเชื่อคุณดูซักครั้ง ยังไงก็ขอบคุณคุณด้วยแล้วกันที่มาส
ชายหนุ่มคนที่วางยาสองสาวเมื่อเห็นพวกเธอลุกออกจากโต๊ะก็ชวนเพื่อนเดินตามพวกเธอมาไม่ห่าง “ให้พี่ไปส่งมั้ยจ๊ะคนสวย ดูท่าจะกลับเองไม่ไหวแล้ว”เขาเดินมาหาสองสาวที่ตอนนี้เริ่มมึนหัวจากฤทธิ์ยา ทันทีที่พวกเขากำลังจะเดินเข้าไปประคองสองสาวก็มีมือของเอริคและเจมส์ผลักพวกเขาออกทันที ก่อนจะเข้าไปประคองพวกเธอไว้แทน เอริคดึงเกวลินเข้ามาไว้ในอ้อมอก ส่วนเจมส์ก็ทำหน้าที่ประคองเจนไว้แบบงงๆ“พวกมึงเป็นใครวะมายุ่งเรื่องของผัวเมียเค้าทำไม”“ผัวเมียหรอ กูคู่หมั้นเธอโว้ย ส่วนมึงจะให้กูแจ้งตำรวจข้อหาวางยามั้ย ถ้าไม่อยากเดือดร้อนรีบไสหัวไปซะ ไม่งั้น…”สิ้นคำพูดของเอริคการ์ดของร้านก็เดินตรงเข้ามาหาคนที่วางยาเกวลิน “ทางนี้ฝากด้วย”เขาหันไปบอกการ์ดอีกครั้ง“ครับคุณเอริค”“พี่เอริค เกลมึนหัว”“สมควร!!!”“นายครับผู้หญิงคนนี้ผมต้องไปส่งที่ไหน”“เดี๋ยวส่งที่อยู่ให้ในกระเป๋าน่าจะมีกุญแจบ้านอยู่ ถ้าไม่มีก็นอนบ้านนายไปก่อน”“เอ่อ นาย นายครับ เฮ้อ…เวรกรรมอะไรของเราวะเนี่ยต้องมาดูแลคนไม่รู้จักกันเนี่ย คุณครับไปขึ้นรถผมพาไปส่งบ้าน”ทางด้านของเกวลินตอนนี้แทบเดินไม่ไหวมีแต่บ่นว่ามึนหัว จนเอริคทนไม่ไหวอุ้มร่างบางขึ้นรีบเดินกลับร