Share

บทที่ 14 โดดเดี่ยว

last update Huling Na-update: 2025-02-07 14:06:51

ตำหนักเล็กหลังเรือนบัดนี้ดูแคบลงถนัดตาเมื่อมีข้าวของเครื่องใช้ของลี่อินเข้ามาเพิ่มเติม หากแต่นั่นก็ทำให้ปิงเซียงรู้สึกอุ่นใจที่บัดนี้จะมีเจ้านายคอยปกป้องและดูแลท่านหญิงตัวน้อยของนางแล้ว

                    “ปิงเซียง เจ้าไปตามช่างฝีมือมาซ่อมแซมตำหนัก และไปหาสาวใช้มาเพิ่มอีก เราคงต้องอยู่จวนอ๋องอีกนานกว่าข้าจะคิดหาวิธีได้”

                    “เพคะพระชายา”

          ลี่อินใช้สินเดิมของตนในการปรับปรุงตำหนักหลังเล็กนี้เสียใหม่

แม้ตำหนักหลังนี้จะหนาวเหน็บ หากแต่เมื่อกำจัดต้นไม้ที่ขึ้นรกทั่วตำหนักออก ปล่อยให้แสงอาทิตย์สาดส่องเข้ามาบ้างอากาศรอบตำหนักก็อบอุ่นขึ้นไม่น้อย ลี่อินยังสั่งให้คนสวนปลูกดอกไม้ไว้หน้าจวนจะได้ทำให้ตำหนักที่ดูน่ากลัวหลังนี้มีสีสันมากขึ้น อี้หนิงเด็กหน้อยวัยขวบเศษชื่นชอบดอกไม้ไม่น้อยแววตาเศร้าหมองของนางกลับดุสดใสขึ้น เด็กน้อยที่พึ่งหัดเดินคลานเล่นไปทั่วล้านหน้าตำหนัก ทำเอาปิงเซียงต้องคอยเดินตามจนเหนื่อยล้า ลี่อินนั่งมองหลานรักที่ร้องอ้อแอ้อย่างอารมณ์ดีในใจของนางก็อบอุ่นหัวใจขึ้น

          ด้านหยางหมิงที่ยุ่งอยู่กับการฝึกทหารในกองทัพชานเมือง เมื่อกลับเข้าจวนก็พบว่าเสวี่ยหนิงย้ายของเข้าตำหนักตะวันออกเรียบร้อยแล้ว ตำหนักที่ร้างเจ้าของมาสองปี บัดนี้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง

                    “ท่านอ๋อง!” เสวี่ยหนิงตกใจ เมื่อเห็นหยางหมิงจ้องมองนางอยู่หน้าตำหนัก

                    “ข้าเห็นพระชายากำลังปักผ้าอยู่เลยไม่กล้าเรียก” หยางหมิงคลี่ยิ้มก่อนเดินเข้าไปนั่งข้างนาง

                    “หม่อมฉันปักสายคาดเอวในพระองค์ ดูสิเพคะสวยหรือไม่”

                    “ข้าไม่ค่อยรู้เรื่องความประณีตของงานปัก แต่หากเป็นเจ้าทำทุกอย่างสวยหมดสำหรับข้า”  แววตาอบอุ่นส่งไปยังเสวี่ยหนิง

                    “ท่านอ๋องกล่าวชมเกินไปแล้ว” เสวี่ยหนิงก้มหน้าด้วยความเขินอาย

                    “พรุ่งนี้ต้องเข้าไปถวายพระพรฝ่าบาทกับฮองเฮา เจ้าเตรียมตัวให้ดีเถอะ” หยางหมิงยื่นมือสัมผัสสายคาดเอวในมือนาง พลางโน้มตัวเข้าใกล้นางมากขึ้น

                    “แล้วพระชายาเอกล่ะเพคะ” เสวี่ยหนิงเอ่ยถาม

                    “บอกเจ้าแล้ว ให้เรียนนางตามศักดิ์เดิมพระชายาของข้ามีเพียงเจ้าคนเดียว” หยางหมิงทำหน้าดุ

                    “ขออภัยเพคะ หม่อมฉันเข้าใจแล้ว” แม้ใบหน้าที่สื่อออกมาจะเศร้าสร้อยเพราะรู้สึกผิดหากแต่ในกลับยิ้มดีใจ นางที่ต่ำศักดิ์บัดนี้สามารถเอาชนะลี่อินผู้เปรียบเสมือนดวงใจของฮองเฮาได้แล้ว

                    “แล้วองค์หญิงสามจะทำเช่นไร หากพระชายารัชทายาทพบนางเข้า”

                    “นั่นเป็นสิ่งที่พี่สาวนางทำไว้ ก็ให้นางหาวิธีเอง” หยางหมิง

กลับมานั่งตัวตรง เขาไม่ชอบใจที่ต้องกล่าวถึงเรื่องในอดีต

          ชินอ๋องออกจากตำหนักตะวันออก ก็มุ่งหน้าไปยังตำหนักเล็กหลังจวน อย่างไรเสียก็ควรบอกนางด้วยตัวเองไม่เช่นนั้นจะถูกหาว่าเป็นคนเลือกที่รัก มักที่ชังเอาได้

          เมื่อเข้าเขตตำหนักเล็กกลับได้ยินเสียงหัวเราะลอยมาแต่ไกล แลสวนของตำหนักก็ดูมีชีวิตชีวาไม่ต่างจากตำหนักตะวันออก แต่หากดูเรียบง่าย มองดูผ่อนคลายมากกว่า ดอกไม้ราคาไม่แพงถูกวางไว้อย่างเป็นระเบียบ ทำให้พวกมันดูสวยงามไม่แพ้พืชพันธุ์ราคาแพงในตำหนักเสวี่ยหนิง

          อี้เฉาที่มองเห็นท่านอ๋องกำลังเดินมาจึงรีบเข้าไปแจ้งลี่อินให้เตรียมรับมือ

                    “พระชายา ท่านอ๋องเสด็จมาเพคะ”

          ลี่อินที่กำลังป้อนขนมอี้หนิงอยู่หยุดชะงักในทันที นางรู้เพียงว่าตั้งแต่วันที่นางย้ายออกจากตำหนักตะวันออก เขาก็ออกไปตรวจกองทัพชานเมือง ไม่รู้ว่าบัดนี้เขากลับมาแล้ว

                    “ปิงเซียง พาอี้หนิงไปเล่นในห้องนางก่อน” ลี่อินกล่าวพลางยื่นเด็กน้อยให้ปิงเซียงรับไป

          เพียงครู่คล้อยหลังที่นางกำนัลถอยออกจากห้องโถง หยางหมิงก็ก้าวเข้าธรณีประตูมา

                    “ถวายพระพรท่านอ๋อง” ลี่อินใบหน้าไร้อารมณ์ยอบกายถวายพระพร

                    “องค์หญิงสามตามสบาย”

“ที่นี่ดูน่าอยู่ขึ้นนี่”

หยางหมิงมองดูรอบ ๆ ตำหนักที่บัดนี้สะอาดหมดจด หน้าต่างถูกซ่อมแซมเสียใหม่ เครื่องเรือนราคาแพงลายเรียบง่ายถูกจัดวางประดับตำหนักให้ดูโอ่อ่า

          “ขอบพระทัยที่ทรงชมเพคะ ท่านอ๋องจะดื่มชาหรือไม่” ลี่อินทำหน้าที่เจ้าของตำหนักที่ดี

          “ไม่ต้อง ข้าแวะมาบอกเจ้าแล้วก็จะกลับ วันพรุ่งยามเหม่าเจ้ากับเสวี่ยหนิงต้องเข้าวังพร้อมข้า เพื่อถวายพระพรฝ่าบาทกับฮองเฮา”

กล่าวจบหยางหมิงก็หันหลังกลับ หากแต่เขาหยุดเดินก่อนจะมีคุณธรรมเตือนนาง

          “พรุ่งนี้เจ้าอาจจะต้องเผชิญหน้ากับรัชทายาทและพระชายา จงเตรียมตัวให้พร้อม”

          “ขอบพระทัยที่ทรงเตือนเพคะ” ลี่อินมีสีหน้าเป็นกังวลอยู่บ้าง แม้นางจะไม่ใส่ใจกับคำพูดของผู้อื่น หากแต่เรื่องนี้เกี่ยวพันกับสองแคว้น นางจำเป็นต้องจัดการให้ดี

          ยามเหม่ารถม้าของชินอ๋องรั้งรออยู่หน้าจวน ลี่อินไม่กล้าเชื่องช้าเร่ง

อี้เฉาแต่งกายให้นางอย่างรีบเร่ง แม้สาวใช้ข้างกายจะไม่ชื่นชอบชุดที่นางใส่นักแต่ลี่อินกลับไม่สนใจ ก่อนจะเร่งฝีเท้าออกจากตำหนักเล็ก

          หากจะออกจากจวนทางประตูใหญ่อย่างไรเสียก็ต้องผ่านตำหนักท่านอ๋อง ประจวบเหมาะกับหยางหมิงอ๋องออกมาจากตำหนักพอดิบพอดี

นั่นทำให้ลี่อินแปลกใจไม่น้อยที่เขาออกมาจากตำหนักของตน แทนที่จะเป็นตำหนักของเสวี่ยหนิง

                    “คารวะท่านอ๋องเพคะ” ลี่อินกล่าวทักทาย

          หยางหมิงหันมองสตรีเบื้องหน้า ชุดต้าสิ่วซานเรียบง่ายที่นางสวมใส่กลับทำให้สตรีผู้นี้ดูโดดเด่น ชุดสีไข่มุกปักลายดอกโบตั๋นทำให้นางดูบริสุทธิ์เหนือสตรีใดในใต้หล้า ผมที่รวบไว้ด้านหลังอย่างเรียบง่ายบ่งบอกถึงความอ่อนเยาว์ของนาง สายตาหยางหมิงจับจ้องใบหน้างามที่ยังก้มคารวะ ขนตางอนยาวรับกับดวงตากลมโต จมูกได้รูปทำให้ริมฝีมากชมพูระเรื่อนั้นดูน่าหลงใหลยิ่งนัก หยางหมิงตกอยู่ในภวังค์อย่างอยากจะถอนตัว

                    “หม่อมฉันลุกขึ้นได้หรือยัง” ลี่อินที่ยอบกายนานจนปวดขา กล่าวขึ้น

                    “อือ ลุกขึ้นได้” หยางหมิงกระแอมไล่ความน่าขายหน้า ก่อนจะทำเมินเฉยเดินนำหน้านางออกจากจวน

                    “ท่านอ๋องเพคะ” เสียงหวานของเสวี่ยหนิงดังขึ้น ทำให้ลี่อินที่กำลังจะขึ้นรถม้าอดหันกลับไปมองไม่ได้

          เสวี่ยหนิงที่อ่อนหวานในสายตาของหยางหมิงสวมต้าสิ่วซานสีแดงฉานลายหงส์สีทอง ผมที่เกล้าขึ้นเป็นมวยอย่างประณีต ถูกปักด้วยปิ่นทองมากมาย นั่นกลับไม่ได้ทำให้หยางหมิงมองแล้วสบายตากลับกันเขาชอบชุดที่เรียบง่ายของลี่อินเสียมากกว่า

                    “ขออภัยเพคะ หม่อมฉันมาถึงช้า” เสวี่ยหนิงแย้มยิ้มเมื่อเห็นว่าอาภรณ์ของตนอยู่เหนือลี่อินหลายเท่า

                    “ยังไม่สายพระชายาไม่ต้องขอโทษ ขึ้นรถม้าก่อนเถิด”

                    “อือ”

เสวี่ยหนิงพยักหน้าตอบ ก่อนจะเบียดลี่อินให้ถอยห่างพลางยื่นมือให้หยางหมิงประคองนางขึ้นรถม้า

หยางหมิงปรายตามองลี่อินที่ถอยหลีกทางให้เสวี่ยหนิงครู่หนึ่ง ก่อนจะดึงสายตากลับแล้วขึ้นรถม้าตามเสวี่ยหนิงไป

          “ให้กระหม่อมช่วยไหมพ่ะย่ะค่ะ” เย่จินที่มองดูสถานการณ์อันน่ากระอักกระอ่วนเอ่ยถามลี่อินที่ยังคงยืนอยู่หน้ารถม้า

          “อือ”

เย่จินยื่นแขนให้ลี่อินจับเป็นที่ยึดไม่ให้ตกจากรถม้า ก่อนที่ลี่อินจะปล่อยแขนของเขาเมื่อยืนมั่นคงในรถม้าได้ กระนั้นนางกลับได้รับสายตาไม่พอใจของหยางหมิงที่ส่งมาหานาง โดยที่นางเองก็ไม่รู้ว่าเขาจะเคืองนางเรื่องใดกัน

Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App

Kaugnay na kabanata

  • ลิขิตรัก ตำหนักอ๋อง   บทที่ 15 ตัดพ้อ

    หยางหมิงแปลกใจไม่น้อย เหตุใดนานเพียงนี้แล้วรถม้ายังไม่พาลี่อินกลับมาอีก “เย่จิน” หยางหมิงหันไปหาองครักษ์ข้างกาย “กระหม่อมจะไปถามพ่อบ้านเดี๋ยวนี้พ่ะย่ะค่ะ” ......เพียงครู่เย่จินก็กลับมาพร้อมสีหน้าเป็นกังวล “ทูลท่านอ๋อง พ่อบ้านลืมทำตามรับสั่ง ไม่ได้บอกให้รถม้าไปรับองค์หญิงพ่ะย่ะค่ะ” “ลืมหรือ? เป็นพ่อบ้านทำงานบกพร่องถึงเพียงนี้ได้อย่างไร เอาตัวไปลงโทษ แล้วไล่ออกซะ” หยางหมิงกล่าวอย่างเดือดดาลก่อนหันหลังกลับออกจากจวน รถม้าจวนอ๋องวิ่งสุดกำลังโดยมีเย่จินเป็นผู้บังคับ หยางหมิงมองผ่านสายฝนหาร่างบางของลี่อินที่อาจจะกำลังเดินทางกลับจวน “หยุดรถ ตรงนั้น!” ชินอ๋องร้องสั่งเย่จิน ก่อนพุ่งลงจากรถม้าอย่างรวดเร็ว ด้านลี่อินที่เดินฝ่าฝนเร่งรีบกลับจวน ผ่านถนนที่มืดมิดอย่างยากลำบากความหวาดกลัวเกาะกุมหัวใจ ทำให้ร่างบางหวาดระแวงทุกฝีก้าวที่ก้าวเดิน ร่มที่ถือมาไม่ได้ช่วยกันสายฝนที่กระหน่ำลงมาได้เลย อาภรณ์ผืนบางเปียกโชกแนบร่างบางจนน่าอาย ลี่อินเร่งฝีเท้าไม่หยุดหย่อนก่อนจะรู้สึกว่าแ

    Huling Na-update : 2025-02-08
  • ลิขิตรัก ตำหนักอ๋อง   บทที่ 16 จวนโหว

    “หากเจ้ายังป่วยอยู่ เช่นนั้นวันพรุ่งงานเลี้ยงน้ำชาจวนโหวเจ้าก็ไม่ต้องไปก็ได้” หยางหมิงเมื่อเห็นว่าเด็กน้อยหลับไปจากเสียงกล่อมจึงเอ่ยขึ้น ลี่อินหยุดชะงักในทันที นางจำได้ว่าพระชายารัชทายาทเป็นบุตรีของท่านโหวแม่ทัพใหญ่แคว้นฉี การกระทำของพี่สาวนางนอกจากจะขัดแย้งกับชินอ๋องแล้ว ยังทำให้จวนโหวไม่พอใจเพราะเหตุการณ์ครานั้นทำให้พระชายารัชทายาทเสียใจจนตกเลือด “หม่อมฉันจะไปเพคะ” แววตามุ่งมั่นของนางแม้ร่างกายยังป่วยอยู่ทำให้หยางหมิงไม่กล้าขัด “เช่นนั้นพรุ่งนี้ยามอู่รถม้าจะรอที่หน้าจวน” “อือ” ลี่อินพยักหน้ารับ หยางหมิงออกตรวจกองทัพแต่จิตใจกลับฟุ้งซ่าน ตั้งแต่ที่ลี่อินถูกทิ้งให้เดินกลับจวนครานั้น แต่นางกลับไม่โวยวายให้เป็นเรื่องราวใหญ่โต ทำให้เขาเองเริ่มมองว่านางแตกต่างจากเหมายหลิงอยู่บ้าง “เจ้าว่าองค์หญิงสามเป็นคนเช่นไร” ชินอ๋องที่ควรมีสมาธิกับการอ่านสาส์นกองทัพ กลับเอ่ยถามเย่จินไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย “ท่านอ๋องตรัสว่าอย่างไรนะพ่ะย่ะค่ะ” เย่จินคิดว่าตนหูฝาด แต่หยางหมิงกลับ

    Huling Na-update : 2025-02-08
  • ลิขิตรัก ตำหนักอ๋อง   บทที่ 17 ท่านโหวน้อย

    “เช่นนั้นองค์หญิงสามต้องการคุยกับกระหม่อมเรื่องใด หรือเรื่องที่กระหม่อมเรียกท่านว่าพระชายาเมื่อครู่หรือ” จื้อหาวสงสัย “ไม่” ลี่อินส่ายหน้า “ข้าเพียงอยากจะขอโทษจวนโหวในสิ่งที่องค์หญิงใหญ่กระทำต่อพระชายารัชทายาท ข้ารู้ว่าเรื่องนี้เกินจะให้อภัยเพียงร้องขอท่านและจวนโหวอย่าได้มองอี้หนิงเป็นศัตรู นางเป็นเพียงเด็กคนหนึ่งที่เกิดมา ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับความผิดของมารดา” “ข้านึกว่าอยากให้จวนโหวยกโทษให้องค์หญิงใหญ่เสียอีก” “จวนโหวทำได้หรือ?” ลี่อินหยั่งเชิง ในใจนางมีคำตอบอยู่แล้ว จื้อหาวไม่ตอบคำถามนี้ของนาง เขาเพียงจ้องมองนางและส่ายหน้า “หากแต่ข้าสามารถรับปากองค์หญิงได้ จวนโหวแยกแยะผิดชอบชั่วดีได้ หลานสาวของท่านเป็นผู้บริสุทธิ์สำหรับจวนโหวเช่นกัน” “ขอบคุณท่านโหวน้อย” ลี่อินยอบกายขอบคุณโดยไม่ถือศักดิ์ “เช่นนั้นในอนาคตหากโหวน้อยมีสิ่งใดให้ลี่อินช่วยเหลือ อย่าได้เกรงใจ ข้ารับปากจะช่วยเต็มที่” จื้อหาวเลิกคิ้ว เขาสงสัยว่าสตรีบอบบางอย่างนางจ

    Huling Na-update : 2025-02-08
  • ลิขิตรัก ตำหนักอ๋อง   บทที่ 18 หาเลี้ยงครอบครัว

    รถม้าหยุดลงหน้าจวนอ๋อง หยางหมิงลงจากรถม้าได้ก็ไม่รีรอผู้ใดเดินจ้ำอ้าวเข้าตำหนักตนไป ทำให้เสวี่ยหนิงที่รอท่านอ๋องช่วยประคองลงรถม้าเช่นที่เคย ต้องหน้างอเรียกหาสาวใช้แทน ต่างจากลี่อินที่ไม่ได้สนใจท่าทีของหยางหมิง ตอนนี้นางเพียงอยากพักผ่อนแล้วค่อยตื่นขึ้นมาหาหนทางทำเงินในภายหลัง ดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าแล้ว ภายในตำหนักเล็กนางกำนัลเริ่มจุดไฟให้แสงสว่าง ลี่อินที่ผล็อยหลับเพราะอาการป่วยปรือตาขึ้นมองสิ่งต่าง ๆ รอบตัวอีกครั้ง พร้อมกันนั้นเสียงกระดิ่งในข้อเท้าเด็กน้อยดังเป็นจังหวะการก้าวเดินตรงมาที่ลี่อิน ก่อนจะยื่นมือน้อย ๆ ของนาง เป็นสัญญาณให้ผู้เป็นน้าที่นั่งอยู่เป็นเตียงอุ้มตนไว้ “อี้หนิงคิดถึงน้าแล้วหรือ ทำไมดูหนักขึ้นอีกแล้ว” เสียงหวานเย้าหยอกเด็กน้อยมัดแกะในอ้อมแขน “พระชายา เครื่องเสวยพร้อมแล้วเพคะ” อี้เฉาทูลแจ้ง เมื่ออุ้มอี้หนิงนั่งลงบนโต๊ะอาหาร เด็กน้อยก็รีบคว้าน่องไก่ขึ้นมากัดด้วยใบหน้าชอบอกชอบใจ ทำให้ลี่อินยิ้มตาหยีมองดูนางกินอย่างเอ็นดูอาหารบนโต๊ะมีสามสี่อย่าง เพราะเป็นคำสั่งของลี่อินเองที่ให้ทำอาหารแค่พอกิน ด้วยค่าใช้จ่ายในตำหน

    Huling Na-update : 2025-02-09
  • ลิขิตรัก ตำหนักอ๋อง   บทที่ 19 ขอหย่าหรือ

    ลี่อินใบหน้าเปื้อนยิ้มนั่งรถม้ากลับจวนอย่างอารมณ์ดี เมื่อมีทำเลที่ดีแล้วต่อไปก็หาวัตถุดิบ ซึ่งหากขอความช่วยเหลือจากร้านท่านลุงสามที่อยู่แคว้นฉีก็ง่ายแล้ว หากนางไม่คิดพึ่งพาตระกูลฝั่งมารดามิเช่นนั้นฮองเฮาต้องเป็นห่วงแน่ “แล้วต่อไปต้องทำเช่นไรต่อเพคะ” อี้เฉาสงสัย “ต้องซื้อดอกไม้จากชาวบ้าน เช่นนั้นต้องออกจากซู่โจวก่อน ชานเมืองราคาสินค้าจะถูกกว่าในเมืองหลวง” ลี่อินกล่าวพลางครุ่นคิด “แต่ก่อนอื่นต้องไปตำหนักท่านอ๋องเสียก่อน” นี่ต่างหากที่ทำให้นางกังวล ลี่อินกลับถึงจวนก็เป็นยามโหย่วเสียแล้ว ด้วยความร้อนใจนางยังไม่ทันกลับตำหนักเล็กก็ขอพบหยางหมิงเสียก่อน “ท่านอ๋องอยู่หรือไม่” เมื่อเห็นเย่จินยืนอยู่หน้าห้องบรรทมจึงเอ่ยถามขึ้น ด้วยเกรงว่านางจะก่อกวนในเวลาที่ไม่เหมาะสม “อยู่พ่ะย่ะค่ะ” “แล้วข้า.......” ลี่อินกระอักกระอ่วน ได้แต่ชี้มือเข้าไปให้ห้องบรรทม “ไม่มีผู้ใดอยู่ด้านในนอกจากท่านอ๋อง องค์หญิงสามไม่ต้องกังวล” เย่จินเห็นท่าทีของนางก็เดาได้ว่าองค์หญ

    Huling Na-update : 2025-02-09
  • ลิขิตรัก ตำหนักอ๋อง   บทที่ 20 บังเอิญ

    รถม้าพร้อมคนของสำนักคุ้มภัยออกเดินทางตั้งแต่ยามเหม่า อี้หนิงยังคงหลับอยู่ในอ้อมแขนของลี่อิน สองข้างทางเริ่มไม่มีบ้านเรือนผู้คน ทิวทัศน์กลับถูกแทนที่ด้วยเหล่าแมกไม้ ลี่อินเร่งเดินทางให้ถึงก่อนค่ำจึงไม่ยอมหยุดพัก ทำให้อี้หนิงเหนื่อยล้าร้องงอแงตลอดเส้นทาง จนกระทั่งยามเซินรถม้าจึงเข้าเขตจิงโจว สองข้างทางมีบ้านเรือนกลับมาแทนที่เหล่าแมกไม้อีกครั้ง รถม้าหยุดลงหน้าโรงเตี๊ยมเจิงไห่ “พระชายาพรุ่งนี้จะไปที่ไหนก่อนดีเพคะ” อี้เฉาทูลถาม พลางใช้น้ำอุ่นแช่เท้าให้ลี่อิน “บอกแล้วอยู่นอกเมืองให้เรียกคุณหนูแทน” ลี่อินที่ห่วงเรื่องความปลอดภัย ด้วยแคว้นเว่ยมีกบฏหลายกลุ่มที่ยังจ้องก่อความวุ่นวายอยู่ “เจ้าค่ะ” อี้เฉารับคำ “พรุ่งนี้ไปดูสวนดอกไม้นอกก่อน แลค่อยไปหาช่างฝีมือที่โรงไม้ในเมือง” ลี่อินไล่เรียงสิ่งที่ต้องทำ หากนางต้องการทำแป้งผัดหน้า แลสีผัดแก้ม จำเป็นต้องมีดอกไม้ และตลับแสนประณีตให้ดูน่าสนใจ “พรุ่งนี้ให้ปิงเซียงพาอี้หนิงเที่ยวเล่นในเมือง แลให้คนของสำนักคุ้มภัยส่วนหนึ่งคอยติดตาม”

    Huling Na-update : 2025-02-09
  • ลิขิตรัก ตำหนักอ๋อง   บทที่ 21 หมื่นบุปผา

    กว่าครึ่งเดือนที่ลี่อินจัดการโรงเรือนประทินโฉมให้เรียบร้อย ตอนนี้นางมีสินค้าในมือแล้วเหลือเพียงกลับไปเปิดร้านที่ซู่โจวก็เท่านั้น “ท่านอ๋อง หม่อมฉันมาทูลลาเพคะ วันนี้เราจะเดินทางกลับเมืองซู่โจวแล้ว” ลี่อินเข้ามาบอกลาอีกฝ่ายถึงในกระโจม “ข้าจะให้องครักษ์คุ้มกันกลับ” บุรุษที่ยืนมองแผนที่กล่าวเสียงเรียบ “หม่อมฉันมีคนของสำนักคุ้มภัยอยู่แล้ว” “คนพวกนั้นหากเจอกบฏเผยอี้คงตายตั้งแต่ดาบแรก ปกป้องเจ้าไม่ได้หรอก มีแต่คุณหนูไม่รู้จักโลกเท่านั้นแหละที่ยังคงเชื่อมั่นสำนักคุ้มภัยอยู่” คำกล่าวดูแคลนของหยางหมิงไม่เกินจริง นางรู้สึกว่าสำนักคุ้มภัยเพียงรู้วรยุทธ์เล็กน้อย หากแต่ยังไม่สามารถสู้ทหารกองทัพมังกรดำได้เลย ทำให้นางอดเสียดายเงินค่าจ้างร้อยตำลึงนั่นไม่ได้ “เช่นนั้นก็รบกวนท่านอ๋องแล้ว” ลี่อินยอบกายก่อนถอยออกไป จวนอ๋องยังดูโออ่าเช่นเคย เสวี่ยหนิงดูแลจวนได้ดีไม่น้อยหากไม่นับของใช้แสนแพงที่ใช้ประโยชน์อันใดไม่ได้วางระเกะระกะทั่วจวน หากแต่ว่าชินอ๋องก็มิปริปากบ่นให้นางสักคำ อี้

    Huling Na-update : 2025-02-10
  • ลิขิตรัก ตำหนักอ๋อง   บทที่ 22 ซักไซ้

    ร้านประทินโฉมหมื่นบุปผาแม้เปิดกิจการวันแรกกลับมีลูกค้าไม่น้อย ด้วยแป้งผัดหน้าที่เรียบเนียนกว่า ผงสีปัดแก้มที่สีสวยกว่า แลมีเหล่าสาวงามคอยแนะนำ ทำให้เหล่าคุณหนูแม้แต่ฮูหยินหลายท่านกว้านซื้อไปหลายชิ้น อีกทั้งร้านผ้าที่อยู่ติดกับร้านประทินโฉมยังพลอยขายดิบขายดีไปด้วย ทำเอาเถ้าแก่ร้านยิ้มหน้าบาน ลี่อินกลับจวนด้วยร่างกายที่ปวดเหมื่อย หน้าตาดูอิดโรยไม่น้อยโดยมีอี้เฉาที่คอยช่วยงานเดิมตามหลัง “เดี๋ยวถึงตำหนักหม่อมฉันนวดให้นะเพคะ” “อือ เจ้ารู้ใจข้าที่สุดแล้ว” ใบหน้าออดอ้อนเหมือนเด็กหันไปมองนางกำนัลที่เดินคามหลัง ลี่อินเดินผ่านตำหนักอ๋องที่บัดนี้ห้องโถงถูกเปิดอยู่ บ่งบอกถึงเจ้าของตำหนักกลับมาแล้ว“ท่านอ๋องดื่มน้ำซุปนี่ก่อนเพคะ หม่อมฉันกำชับให้โรงครัวทำให้อย่างดี มันช่วยบำรุงกำลังให้หายเหนื่อยได้” เสียงหวานของเสวี่ยหนิงลอยมาตามลม จนทำให้ลี่อินต้องหยุดมอง ภาพสตรีกิริยาอ่อนหวานที่กำลังป้อนซุปให้หยางหมิงจนเกินพอดี หากผู้ใดที่ไม่รู้อาจจะคิดว่าชินอ๋องพิการแขนขาจนช่วยเหลือตนเองไม่ได้ ต้องให้ภรรยาป้อนแม้กระทั่งอาหารให้ เสวี่

    Huling Na-update : 2025-02-10

Pinakabagong kabanata

  • ลิขิตรัก ตำหนักอ๋อง   ตอนพิเศษ ชีวิตเรียบง่าย

    สายลมฤดูใบไม้ผลิพัดปลิวไหว ม่านรถม้าสะบัดไปมาตามแรงลม เด็กชายวัยสองขวบเล่นซนบนรถม้าโดยไม่เหน็ดเหนื่อย “ถานจุนเฟิง หยุดเล่นได้แล้วตอนนี้จะถึงจวนแล้ว” ลี่อินที่กำลังอ่านบัญชีร้านกล่าวกับโอรสของตน “จุนเฟิงมาหาพ่อ ท่านแม่กำลังคร่ำเคร่ง” หยางหมิงเรียกลูกชายมาหา บัดนี้เขาสิ้นคราบชิงอ๋องผู้บ้าคลั่ง กลายเป็นพ่อค้าธรรมดาเท่านั้น “จื้อหาวบอกว่า ดินแดนทางตอนเหนือของแคว้นหานมีดอกไม้กลิ่นหอมมากมาย แลไข่มุกก็ราคาถูกฮูหยินสนใจหรือไม่” หยางหมิงเอ่ยถึงสหายเก่าที่หลังจากสำนึกตนมาสองปี จึงติดต่อหาเขาอีกครั้ง “สนใจสิเพคะ ท่านพี่แจ้งโหวน้อยด้วยว่าหลังจากงานเฉลิมฉลองการก่อตั้งแคว้นเว่ย เราจะเดินทางไปเจรจาราคาอีกครั้ง” ลี่อินยิ้มกว้างนางดีใจทุกครั้งหากสามารถหาวัตถุดิบราคาถูกและดีได้ “ของขวัญอี้หนิงครบสี่ปีจะให้สิ่งใดนางดีเพคะ” ลี่อินขอความเห็นกับหยางหมิง “เช่นนั้นมอบร้านขายอัญมณีในเมืองเถียนชิง พร้อมกับเงินอีกหมื่นตำลึงให้นางดีหรือไม่ โตขึ้นมานางจะได้เป็นสตรีที่ร่ำรวยที่สุดในแค้นฉี ไม่มีผู

  • ลิขิตรัก ตำหนักอ๋อง   ตอนพิเศษ อวดชายา

    ใกล้พิธีอภิเษกสมรสของฉินตงหยาง หยางหมิงพาลี่อิงเข้าวังหลวงเพื่อขอพระราชทานอนุญาตร่วมพิธีอภิเษกสมรส “ทูลเสด็จพ่อ เสด็จแม่ กระหม่อมและพระชายามาขอให้ทั้งสองพระองค์พระราชทานอนุญาตเข้าร่วมงานอภิเษกสมรสของรัชทายาทแคว้นหานพ่ะย่ะค่ะ” “กำลังตั้งครรภ์จะเดินทางไกลได้อย่างไร ให้เพียงหยางหมิงไปก็พอ ส่วนลี่อินพักอยู่ที่จวนเถอะ” ฮองเฮากล่าวแย้งทั้งที่ยังปักผ้าอยู่ “ทูลฮองเฮา รัชทายาทแคว้นหานเป็นสหายของหม่อมฉันจึงจำเป็นต้องไปร่วมยินดีเพคะ” ลี่อินไม่ยินยอมทำตาม “เจ้าไปรังแต่จะเป็นภาระ เดินเหินลำบากอยู่จวนดีแล้ว” “หม่อมฉันยังคล่องแคล่ว ครรภ์ยังอ่อนไม่ได้เป็นภาระแต่อย่างใด” นางโต้แย้งทุกคำห้ามของมารดาสวามี หยางหมิงกับฮ่องเต้ทำได้เพียงนั่งดื่มน้ำชาอย่างเงียบเชียบ ไม่กล้าเอ่ยสิ่งใดกระหว่างที่สตรีทั้งสองกำลังโต้แย้งกัน “นี่ เหตุใดถึงมิยอมเชื่อฟังเอาซะเลยเจ้าเป็นลูกสะใภ้สมควรเชื่อฟังแม่สามีมิใช่หรือ” อวิ๋นซินจ้องมองลี่อินด้วยสายตาตำหนิ หากแต่ลูกสะใภ้ผู้นี้กลับ

  • ลิขิตรัก ตำหนักอ๋อง   บทที่ 52 รักแรก

    ม้าศึกคู่กายชินอ๋องหยุดนิ่งหน้าจวนอ๋อง บุรุษบนหลังม้าไม่รีรอมุ่งหน้าไปตำหนักตะวันออกด้วยความร้อนใจ ทว่าภายในตำหนักกลับไม่มีผู้ใดอยู่ทำให้แน่ใจแล้วว่าลี่อินหนีเขาไปจริง ร่างทั้งร่างของหยางหมิงหนักอึ้งจนมิอาจย่างก้าวได้ หัวใจทั้งดวงเต้นช้าลงเรื่อย ๆ น้ำตาไหลพรั่งพรูออกมาที่เจ้าของร่างไม่รู้ตัว ภพของลี่อินในเวลาโกรธ เวลาร้องไห้ หัวเราะ แข็งกร้าว ผุดขึ้นในหัวเขาซ้ำไปซ้ำมา “ไปแค้วนฉี!” คำสั่งเดียวของหยางหมิง ทำทั้งกองทัพต้องเดินทางอีกครั้ง ประชาชนต่างงุนงง กองทัพที่กลับเข้าเมืองเพียงหนึ่งชั่วยาม บัดนี้กลับเดินทัพอีกครั้งมีเหตุใดสำคัญจนมิหยุดพัก การเดินทางโดยไม่หยุดพักทำเหล่าทหารอ่อนล้าไม่น้อย หากแต่มิมีใครกล้าปริปากบ่น กองกำลังเรือนหมื่นเหยียบเข้าใกล้เมืองเถียนชิง “ท่านอ๋อง สายสืบแคว้นหานแจ้งข่าวว่ารัชทายาทตงหยางจะเข้าพิธีอภิเษกสมรสอีกสิบห้าวันข้างหน้าพ่ะย่ะค่ะ” เย่จินรายงาน ม้าศึกของหยางหมิงหยุดชะงักทันที เขาหวาดกลัวว่าสิ่งที่ตนคาดเดาจะเป็นจริง “ข่าวนี้แคว้นฉีรู้เรื่องหรือไม่” มือหนากำบังเหียนแน่นจนเ

  • ลิขิตรัก ตำหนักอ๋อง   บทที่ 51 ผิดสัญญา

    หิมะในเมืองเหออันสงบลง คนเจ็บป่วยเพราะภัยหนาวไม่มีแล้ว หน้าที่ของลี่อินในเมืองเหออันจึงสิ้นสุดลง นางไม่มีความจำเป็นที่จะรั้งอยู่ที่เหออันอีก จึงคิดขอกลับเมืองหลวงเพราะเป็นห่วงร้านประทินโฉมอีกทั้งเรื่องในจวนไม่มีผู้ใดคอยจัดการ “ท่านอ๋อง ข้าจะกลับซู่โจวก่อนได้หรือไม่” ลี่อินยืนอยู่หน้าโต๊ะทรงอักษร สีหน้าจริงจังจ้องบุรุษที่ยังอ่านสาน์สของทัพอยู่ “รอกลับพร้อมข้า” เสียงเอาแต่ใจดังขึ้น “กว่าท่านอ๋องจะเสด็จกลับ ก็อีกครึ่งเดือน หม่อมฉันเป็นกังวลเรื่องร้านหมื่นบุปผา อีกทั้งกิจการของจวนอ๋องก็ไม่ได้ตรวจบัญชีมาแรมเดือน” “แต่หากเจ้าแอบหนีหลับแคว้นฉีเล่า” ครานี้หยางหมิงยอมเงยหน้าจากสาน์สกองทัพ มองมายังนางด้วยแววตาเศร้าสร้อย “หม่อมฉันจะหนีไปทำไมกัน” ลี่อินท้อใจที่จะอธิบาย “ก็เจ้าไม่มีใจให้ข้า หากครบสองเดือนสัญญาระหว่างข้ากับฮ่องเต้แคว้นฉีก็ถือว่าเป็นโมฆะ” น้ำเสียงเศร้าหมองนั้นลี่อินไม่ได้ตอบกลับ ยิ่งทำให้หยางหมิงรู้สึกหวาดหวั่น หากแต่นางกลับเดินไปหยุดเบื้องหน้าเขาพลางยอบก

  • ลิขิตรัก ตำหนักอ๋อง   บทที่ 50 เหน็บหนาว

    ตงหยางมิอาจรั้งอยู่ในแคว้นอื่นได้นาน ยิ่งเป็นชายแดนแล้วความอึดอัดยิ่งเพิ่มมากขึ้น ก่อนหิมะจะตกหนักอีกครั้งจึงจำต้องบอกลาลี่อิน “ข้ายังยืนกรานคำเดิม หากเจ้ามิอยากอยู่กับชินอ๋องแล้ว ไปหาข้าที่แคว้นหาน แม้ไม่อาจห่วงใยในฐานะคนรักแต่ข้ายังห่วงใยเจ้าในฐานะสหายเสมอ” ตงหยางยื่นหยกประจำตัวกลับให้นางเช่นเดิม “ขอบพระทัยรัชทายาท” ลี่อินยอบกายกล่าวลา ก่อนรถม้าจะเคลื่อนตัวออกจากประตูเมืองไป หยางหมิงยิ้มพอใจเมื่อเห็นบุรุษอื่นที่นางห่วงใยจากไปเสียที แม้เป็นเพียงสหายแต่เขาก็ยอมรับไม่ได้เช่นเดิม “รัชทายาทยังคงตัดใจจากเจ้าไม่ได้” หยางหมิงมองหยกในมือลี่อิน “สักวันเขาจะเจอสตรีที่ตนรักเพคะ” ลี่อินกล่าวพลางหันกายเข้าเมืองไป “เหมือนข้าที่เจอแล้ว” หยางหมิงเดินตามนาง “ใครกันหรือเพคะ” “เจ้าไง อาอิน” ลี่อินหน้าแดงเมื่อเขาบอกชื่อสตรีในดวงใจ ก่อนก้มหน้ารีบเดินหนีเข้าโรงหมอไป ทำให้ชินอ๋องยิ้มอย่างมีหวังว่าภายในสองเดือนนางต้องยินยอมอยู่ข้างกายเขาเป็นแน่

  • ลิขิตรัก ตำหนักอ๋อง   บทที่ 49 เดินทางขึ้นเหนือ

    “เราต้องกลับแคว้นเว่ยพรุ่งนี้” น้ำเสียงเคร่งเครียดเอ่ยขึ้น “มีอะไรหรือไม่เพคะ” “เมืองอันเหอมีพายุหิมะถล่ม ราษฎรขาดแคลนเสบียง กองทัพที่นั่นมิอาจรับมือได้ข้าต้องรีบไปจัดการ “แล้วเหตุใดหม่อมฉันต้องไปด้วย ท่านอ๋องเดินทางลำพังจะไม่เร็วกว่าหรือ หม่อมฉันจะไปรอพระองค์ที่จวนพร้อมอี้หนิง” “ข้าจะไม่ไปไหนหากไม่มีเจ้า” หยางหมิงแววตาจริงจังจ้องนางอยู่เช่นนั้น “หากแต่อี้หนิงยังเด็กหากเผชิญหิมะ...” “นางจะอยู่ที่แคว้นฉี” หยางหมิงกล่าวขัด “ท่านอ๋องตรัสว่าอย่างไรนะเพคะ?”ลี่อินไม่อยากเชื่อว่าหยางหมิงจะยินยอมให้อี้หนิงที่มีสายเลือดของตระกูลถานอยู่ที่แคว้นฉี “นางอยู่ที่นี่จะมีความสุขกว่า ไม่ต้องถูกสายตาดูแคลนของผู้อื่นจ้องมองเช่นที่อยู่ในแคว้นเว่ย ที่นั่นไม่สามารถให้ความรักกับนางได้ต่างจากไทเฮาเสวี่ยฉีที่มอบความรักให้กับเด็กคนนั้นได้ไม่สิ้นสุด”คำพูดของหยางหมิง ทำให้นางรู้ว่าบุรุษผู้นี้ห่วงใยผู้อื่นมากกว่าที่เขาแสดงออก คลื่นความสุขจึงก่อตัวขึ้นภายในใจของนางอ

  • ลิขิตรัก ตำหนักอ๋อง   บทที่ 48 ข้อแลกเปลี่ยน

    กบฏยอมจำนน เจ๋อหานเสด็จประทับบนบัลลังก์มังกร ขุนนางประกาศโองการ“ด้วยโองการสวรรค์ ฮ่องเต้เจ๋อหานขึ้นครองบัลลังก์ ราษฎรเป็นสุขไร้ทุกข์นิรันดร์ เริ่มต้นศักราชหย่งฉีนับแต่นี้” สิ้นคำประกาศ เหล่าขุนนางคุกเข่ากราบถวายบังคม “น้อมรับบัญชาฝ่าบาท ขอพระองค์ทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่น หมื่นปี” “ขุนนางทุกท่านลุกขึ้นเถิด ราชโองการแรกของข้า อภัยโทษทหารที่ร่วมก่อกบฏ ส่งไปชายแดนทำดีไถ่โทษ แม่ทัพอู๋ไท่และรองแม่ทัพ ปลดออกจากตำแหน่ง ยึดทรัพย์กึ่งหนึ่ง เนรเทศไปดินแดนรกร้าง ไม่เอาความคนในตระกูล องค์ชายจี้หานให้ไว้ทุกข์ยี่สิบปีเฝ้าสุสานฮ่องเต้หย่งเฮ่า” “น้อมรับราชโองการ” หยางหมิงยืนข้างลี่อิน มองดูเหตุการณ์สำคัญของแคว้นฉีโดยไม่คิดก้าวก่าย ส่วนลี่อินเงยหน้ามอกบุรุษที่ตัวสูงกว่าสายตาเต็มไปด้วยคำถามมากมาย “ชินอ๋องถานหยางหมิง ขอบใจที่ตอบรับสาน์สขอความช่วยเหลือจากเรา” พระราชดำรัสของฮ่องเต้ ทำผู้คนในท้องพระโรงหรือแม้แต่ลี่อินต่างสับสน เหตุเพราะว่าการขอความช่วยเหลือจากแคว้นเว่ยไม่ได้มีการหารือในหมู่ขุนนางหรือแม่ทัพ “แคว้นฉี เป็นบ้านเกิดของพระชายา

  • ลิขิตรัก ตำหนักอ๋อง   บทที่ 47 ชิงบัลลังก์

    พิธีราชาภิเษกจัดขึ้นตามกำหนดเดิม ลานหน้าท้องพระโรงถูกตระเตรียมสำหรับราชพิธี เหล่าขุนนางยังคงเข้าร่วมพระราชพิธีโดยมิหวาดหวั่นการชิงบัลลังก์ขององค์ชายสี่จี้หาน รัชทายาทซ่งเจ๋อหานสวมชุดมังกรพิธีการ ก้าวเดินอย่างมั่นคงมุ่งตรงสู่ท้องพระโรง เหล่าข้าราชบริพารค่อมกายเคารพฮ่องเต้พระองค์ใหม่ เครื่องประโคมบรรเลงตามจังหวะการเสด็จของฮ่องเต้ ไทเฮายืนอยู่เหนือบันไดท้องพระโรง พร้อมเหล่าเชื้อพระวงศ์เพื่อรอรับเสด็จฮ่องเต้พระองค์ใหม่ ฮ่องเต้เจ๋อหานคุกเข่าถวายพระพรพระราชมารดาก่อนจะนำเสด็จเข้าสู่ท้องพระโรง หากแต่ประตูวังกลับมีกองกำลังของอู๋ไท๋บุกเข้ามาล้อมรอบลานพิธี “องค์ชายเจ๋อหานจะเสด็จไปที่ใดพ่ะย่ะค่ะ” แม่ทัพหลวงอู๋ไท่ลงจากม้าศึกชี้ดาบตรงมายังว่าที่ฮ่องเต้ของแคว้น “บังอาจ เจ้าเป็นขุนนางของราชสำนัก กล้าดีอย่างไรไม่เรียกฮ่องเต้ตามธรรมเนียม แลยังถือดาบต่อหน้าพระพักตร์อีก” มหาราชครูหลานต่อว่าอย่างมิเกรงกลัว “หึ! ตาเฒ่าหลานซื่อ ใครนับหลานชายเจ้าเป็นกษัตริย์กัน ทั้งอ่อนแอ ขลาดกลัวใช้แต่การเจรจาต่อรองไม่เห็นความสำคัญของการรบ แล้วเช่นนี้จะปก

  • ลิขิตรัก ตำหนักอ๋อง   บทที่ 46 ฮ่องเต้แคว้นฉีสิ้นพระชนม์

    เสวี่ยหนิงถูกส่งกลับแคว้นฉี ฮองเฮาเสวี่ยฉีนำเหล่าขุนนางบีบบังคับฝ่าบาทให้สั่งประหารเสวี่ยหนิง จนฮ่องเต้ที่ไร้ทางเลือกสั่งประหารธิดาของตนเองเพื่อความมั่นคงของราชวงศ์ สนมคนโปรดถูกเนรเทศไปชายแดน ส่วนซิ่วหรูถูกสั่งกักบริเวณในตำหนักนานสองปี โหวน้อยหวงจื้อหาวแม้มิได้มีเจตนาทำร้ายเหมยหลิง หากแต่มอบยาสวาทมิรู้จบเพราะสงสารน้องสาว ถูกส่งไปต่างแคว้นทำหน้าที่ทูตเจรจาการค้าเพื่อประโยชน์ของแคว้นเว่ย ลี่อินกลับมาใช้ชีวิตอย่างสงบสุขอีกครั้ง บัดนี้ทุกอย่างจบสิ้น นางย้ายกลับมาอยู่ตำหนักพระชายาพร้อมอี้หนิง เด็กน้อยที่ได้วิ่งเล่นในตำหนักกว้างยิ้มอย่างพอใจ “ชอบ” อี้หนิงที่พึ่งฝึกพูดเปล่งเสียงบอก “อี้เออร์ชอบก็ดีแล้ว” ลี่อินลูบศีรษะทุยนั้นอย่างรักใคร่ หากแต่ความสุขกลับอยู่ได้ไม่นาน เมื่อม้าเร็วจากแคว้นฉีขอเข้าเฝ้า “ทูลองค์หญิงสาม บัดนี้ฮ่องเต้สิ้นพระชนม์แล้ว ฮองเฮาทูลเสด็จพระองค์กลับไปสักการะพระศพพ่ะย่ะค่ะ” ลี่อินแม้รู้ว่าบิดาป่วยมานาน หากแต่เมื่อได้ยินว่าฝ่าบาทจากไปแล้ว สติของนางขาวโพลนทันที เสียงสุดท้ายที่นางได้ยินกลับเป็นเสี

Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status