ระหว่างทางชีวินไม่ค่อยเป็นอันขับรถนักเมื่อสายตาคอยเอาแต่จ้องมองเข้าไปภายในรถคันข้างหน้าที่มีเตวิชญ์ขับนำอยู่ก่อน ยิ่งพอรถของเตวิชญ์สามารถขับผ่านสัญญาณไฟจราจรไปได้ก่อนที่จะต้องติดไฟแดงเหมือนรถของเขา หัวคิ้วเข้มที่ขมวดยุ่งตั้งแต่ตอนแรกก็ยิ่งผูกเข้ากันเป็นปมยิ่งขึ้นอย่างไม่รู้ตัว
"ดูพี่ต้าสิคะรีบขับพาไพน์เฉียดไฟแดงไปก่อนแบบนั้น สงสัยคงกลัวว่าพี่ชินจะตามทันแล้วไม่มีเวลาได้อยู่กับไพน์"
"ไอ้ต้ามันขับรถบ้าอะไรของมัน วิ่งเฉียดไฟแดงไปแบบนี้ไม่รู้หรือไงว่าอันตราย"
ชีวินยังตีโพยตีพายโวยวายเรื่องการขับรถของเตวิชญ์ต่อ วินาทีนั้นยอมรับว่าเขาใจหายวาบราวกับคนขวัญอ่อน หากว่าเกิดอะไรกับคนในรถคันนั้นขึ้นมา มีหวังเขาคงจะถูกผู้เป็นบิดาและแม่ของผู้หญิงคนนั้นเอาสืบสาวเอาเรื่องเข้าแน่ๆ จนกระทั่งสัญญาณไฟเขียวปรากฏขึ้นมา คันเร่งของรถบีเอ็มดับเบิลยูก็ถูกเหยียบเร่งตามไปติดๆ หากแต่ว่าเขาขับตามไปไม่ทัน จนไปถึงที่จอดรถในห้าง จึงได้เอาโทรศัพท์มือถือออกมากดโทรหาเตวิชญ์ทันที หากแต่ไม่มีคนรับ
"ไอ้ต้ามันไม่ยอมรับโทรศัพท์ อินลองโทรหามันดูให้หน่อยสิครับ"
พอบอกอินทุอรเสร็จ ตัวเองก็เปลี่ยนมากดโทรออกหาภัทรพิชา แต่กลายเป็นว่าทั้งภัทรพิชาและเตวิชญ์กลับไม่มีใครยอมรับสายกันเลยสักคน ทำเอาชีวินหน้าเครียด ไม่รู้ว่าควรจะโกรธเพื่อนหรือว่าโกรธภัทรพิชาดีที่เป็นสาเหตุของความหงุดหงิดนี้
"พี่ต้าไม่รับเลยค่ะ ยายไพน์ก็ด้วย สงสัยในห้างคงจะเสียงดังจนไม่ได้ยิน อินว่าเราลองค่อยเดินเข้าไปหาสองคนนั้นข้างในดูดีไหมคะ ไปตรงร้านขายชุดนักศึกษา พี่ต้าคงจะพาไพน์ไปที่นั้นแน่"
และเป็นอย่างที่อินทุอรว่าตามนั้นจริงๆ พอเดินมาจนถึงร้านขายชุดนักศึกษา ก็เห็นว่าภัทรพิชาและเตวิชญ์นั้นพากันเดินคุยกันหัวเราะน้อยๆออกมาจากร้านด้วยท่าทางที่ดูสนิทสนมขึ้น แถมในมือยังถือถุงใส่ของออกมาด้วย หากให้เดาต่อก็คงจะเป็นชุดนักศึกษาที่พึ่งซื้อ
"นั่นไงคะ พากันมาซื้อชุดจริงๆด้วย"
อินทุอรบอกกับชีวินด้วยความโล่งใจ เพราะเห็นใบหน้าของชีวินที่ดูเหมือนจะเครียดๆตอนที่ยังเดินตามหาเตวิชญ์กับภัทรพิชายังไม่เจอนั้นก็ทำเอาเธอกระวนกระวายไปด้วย ไม่รู้ว่าชีวินแอบกังวลเกินไปหรือเปล่า เตวิชญ์ก็เพื่อนสนิทเขาเองแท้ๆ ส่วนภัทรพิชาก็โตจนสามารถดูแลตัวเองได้ สองคนนั้นคงไม่พากันเดินหลงไปไหนไกลหรอก
"อ้าว มาถึงกันแล้วเหรอวะ พอดีเห็นว่ามึงกับยายอินยังไม่ตามมาสักที กูก็เลยพาไพน์มาเลือกชุดก่อน พึ่งเสร็จพอดีเลยว่ะ"
ชีวินไม่ได้มองหน้าเตวิชญ์ หากแต่เลือกที่จะจ้องมองเธอราวกับว่าอยากจะกินเลือดกินเนื้อ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้พูดอะไรออกมา หากแต่สายตาคู่นั้นทำให้ภัทรพิชากำลังรู้สึกกลัว
"มึงขับรถอะไรของมึงวะไอ้ต้า ใบขับขี่มึงจ่ายซื้อมาหรือไงถึงได้เกือบผ่าไฟแดง"
"ผ่าบ้าอะไร รถกูขับพ้นไปก่อนสัญญาณไฟเหลืองดับอีกไอ้ชิน"
"ก็นั่นแหละ ทำแบบนั้นเกิดมีรถอีกคันที่ก็เกิดคิดเหมือนมึงขับสวนมา ไม่ชนกันตายห่าเลยหรือไง ทีหลังมึงอย่าทำอะไรบ้าๆแบบนี้อีก เกิดเรื่องอะไรขึ้นมากูขี้เกียจมีปัญหากับเมียใหม่พ่อกู"
ชีวินยืนใส่เตวิชญ์ฉอดๆราวกับกำลังเดือดดาลหนักหนา จนทำให้ทั้งสามคนเข้าใจตรงกันได้ว่าที่เขาเป็นเดือนเป็นร้อนแบบนี้ก็เพราะกลัวว่าหากเกิดอะไรขึ้นกับภัทรพิชาขึ้นมา ชีวินก็จะต้องมีปัญหากับผู้เป็นมารดาของภัทรพิชาแน่ๆ เพราะเขาเป็นคนพามา
ทั้งสี่คนพากันไปนั่งกินข้าวในร้านอาหารญี่ปุ่นตามอย่างที่อินทุอรเสนอ เสร็จแล้วเตวิชญ์ก็ถามความเห็นจากทุกคนว่าอยากจะไปดูหนังกันต่อหรือเปล่า แต่ว่าชีวินปฏิเสธ บอกว่าอยากรีบพาภัทรพิชาไปส่งบ้านให้จบๆ ขี้เกียจมาตอบคำถามจากของเธอที่ซึ่งเขาคงจะต้องถูกถามแน่ๆถ้าพากันกลับดึก
"เสียดายจังเลยค่ะพี่ไพน์กับพี่ชินรีบกลับ"
"เอาไว้ถ้าอินอยากมา คราวหน้าไว้พี่พามาดูกันแค่สองคนนะครับ"
"พูดจริงนะคะ"
อยู่ๆอินทุอรก็เดินเข้ามากอดซบไปที่หน้าอกชีวินจนภัทรพิชาหน้าเหวอ เธอไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ของทั้งสองคนนั้นพัฒนากันไปถึงขั้นไหนแล้ว แต่ถ้าให้เดามันคงจะไม่อยู่ในขั้นธรรมดา ไม่เช่นนั้นอินทุอรคงไม่กล้าเดินเข้าไปกอดเขาง่ายๆต่อหน้าเธอและเตวิชญ์แบบนี้หรอก ถึงแม้ว่าภายในอาคารจอดรถจะไม่ค่อยมีผู้คน แต่หากเป็นคนที่ไม่ได้มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งต่อกัน ใครจะไปกล้าทำอะไรแบบนี้ได้ จากนี้เธอจะทำอย่างไรดี เธอไม่อยากยืนอยู่ตรงนี้คั้นกลางความสัมพันธ์ของเพื่อนเลย
"เสียดายจัง พี่ยังคุยกับไพน์ไม่จุใจเลย จะเป็นอะไรไหมครับถ้าเกิดว่าพี่อยากจะขอคอนแทคของไพน์เอาไว้"
"เออะ คือว่า"
เพราะมัวแต่อึกอัก ไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงกลัวที่จะพูดคำว่า 'ค่ะ' ออกไป สายตาของชีวินที่มองมาทำให้เธอรู้สึกกลัวราวกับว่าถ้าเธอตอบรับแล้วมันจะมีปัญหาบางอย่างตามมาภายหลัง จนกระทั่งอินทุอรตอบกลับเตวิชญ์ออกไป
"เดี๋ยวอินแชร์ให้เองแหละค่ะพี่ต้าไม่ต้องกลัว ให้ไปแล้วจะเอาไปคุยกับยายไพน์จนถึงเช้าเลยก็ได้"
"ดีมากน้องรัก"
อินทุอรยิ้มขำให้กับท่าทีเขินอายของญาติรุ่นพี่ ไม่บ่อยนักที่เตวิชญ์จะมีท่าทีเขินสาวจนหูแดงแบบนี้ ปกติเห็นควงมาแต่ละคน ต่อให้สวยขนาดไหนก็ทำอะไรเตวิชญ์ไม่ได้ สงสัยว่าครั้งนี้ภัทรพิชาน่าจะถูกสเปกญาติผู้พี่ของเธอจริงๆ
"ถึงบ้านพี่ขอโทรหานะครับ"
ภัทรพิชายิ้มให้เตวิชญ์เบาๆแล้วจึงยกมือขึ้นโบกลาอินทุอร ชีวินยื่นมือไปรับถุงกระดาษสองใบที่เตวิชญ์ส่งมาให้ ซึ่งน่าจะเป็นชุดนักศึกษาของภัทรพิชาที่พึ่งซื้อมา แล้วจึงเดินเข้าไปหาอินทุอรใกล้ๆ ใบหน้าหล่อเอียงเข้าไปใกล้หญิงสาวนิดๆ จากนั้นจึงยกฝ่ามือตัวเองสอดเข้าไปที่ข้างเอวหญิงสาวแล้วกระซิบบอกด้วยท่าทีที่แสนจะอ้อยอิ่ง
"พี่ไปนะครับน้องอิน เอาไว้เจอกัน"
"ขับรถดีๆนะคะ ถึงบ้านแล้วโทรบอกอินด้วยก็ได้"
พอขึ้นรถได้ชีวินก็ขับพาเธอมุ่งหน้าออกสู่ถนนใหญ่ด้วยความเร็ว มือเล็กจับกระชับสายเข็มขัดให้แน่นขึ้นพร้อมทั้งหันไปมองคนข้างๆ ใบหน้าของชีวินช่างดูเงียบขรึมและปราศจากถ้อยคำพูดจาใดๆ
"คุณชิน ไพน์ว่าคุณขับเร็วเกินไปแล้วนะคะ"
"เธอกลัวเหรอ"
"ค่ะ"
"กลัวอะไร กลัวตาย หรือว่ากลัวว่าจะไม่ได้มีโอกาสได้หว่านเสน่ห์ใส่ไอ้ต้าได้อีก"
"เป็นบ้าอะไรของคุณอีกแล้ว งั้นช่วยจอดรถให้ไพน์หน่อยได้ไหมคะ ไพน์จะลง"
ยิ่งพูดชีวินก็ยิ่งขับเร็วขึ้น เขาเลือกที่จะเงียบไม่ตอบกลับถ้อยคำใดๆกับเธออีกอย่างกับว่ากำลังใช้สมาธิในการขับรถ จนเธอได้แต่หลับตาลงและภาวนาให้ถึงที่หมายโดยเร็ว และในที่สุดรถของชีวินก็ได้จอดลง ภัทรพิชาค่อยๆลืมตาขึ้นมองและเป่าลมออกจากปากด้วยความโล่งใจ แต่พอมองสำรวจไปรอบๆกลับกลายเป็นว่าที่นี่ไม่ใช่บ้าน หากแต่มันเป็นที่อื่น
"นี่คุณพาไพน์มาที่ไหน"
"ลงมา"
"ไม่ค่ะ ไพน์ไม่ลง"
"กลัวฉันพามาฆ่าทิ้งหรือไง ฉันไม่เอาอนาคตตัวเองมาทำเรื่องไร้สาระแบบนั้นหรอก จะยอมลงมาดีๆหรือต้องให้ฉันลากตัวเธอออกมา"
พอเดินลงจากรถลงมาชีวินก็ตรงเข้ามาดึงแขนให้เธอเดินตามเขาเข้าไปในที่แห่งหนึ่งซึ่งมีลักษณะคล้ายกับคอนโดมิเนียมทั่วไป มือเขาข้างหนึ่งถือถุงกระดาษ ส่วนอีกข้างก็ดึงข้อมือของเธอเอาไว้ จนกระทั่งพาเธอเข้ามาหยุดยืนอยู่ที่ตรงหน้าลิฟท์ ทันใดนั้นถังขยะที่อยู่ใกล้มือก็ถูกเปิดออก ตามด้วยถุงชุดนักศึกษาสองถุงที่เตวิชญ์เป็นคนซื้อให้นั้นถูกยัดลงไปนอนในถังขยะเป็นที่เรียบร้อย"คุณชินนี่คุณทำบ้าอะไร นั่นมันที่พี่ต้าพึ่งซื้อให้ใหม่นะคะ"ด้วยความโมโหจึงทำให้ภัทรพิชาเสียงดังใส่เขา นาทีนี้เธอไม่กลัวเขาแล้ว ถ้าหากว่าชีวินจะกลายเป็นคนนิสัยเสียขึ้นมา อยู่ๆก็มาบังคับให้เธอไปซื้อชุดใหม่ พอมีคนซื้อให้ก็ปาทิ้งขว้างแบบไม่มีเหตุผล"แล้วไง อยากใส่นักหรือไงชุดที่ไอ้ต้าซื้อให้""ก็คุณเป็นคนที่อยากให้ไพน์ไปซื้อใหม่ชุดเองไม่ใช่หรือไง พี่ต้าก็อุตส่าห์ซื้อให้แล้ว อยู่ดีๆจะมาเอาชุดไปเฉยๆแบบนี้คุณบ้าไปแล้วเหรอคะ""ไม่ได้บ้า แต่แค่ไม่อยากให้เธอใส่ เรื่องชุดฉันเป็นคนบอกว่าให้เธอเปลี่ยน เพราะฉะนั้นฉันก็ต้องเป็นคนซื้อ ถามหน่อยซิว่ามันเกี่ยวอะไรกับไอ้ต้า ใครบอกให้มันเป็นคนเสนอหน้ามาซื้อชุดให้เธอ ไหนจะเรื่องที่เธอนั่งรถมากับไอ้ต้าสอง
ระหว่างทางชีวินไม่ค่อยเป็นอันขับรถนักเมื่อสายตาคอยเอาแต่จ้องมองเข้าไปภายในรถคันข้างหน้าที่มีเตวิชญ์ขับนำอยู่ก่อน ยิ่งพอรถของเตวิชญ์สามารถขับผ่านสัญญาณไฟจราจรไปได้ก่อนที่จะต้องติดไฟแดงเหมือนรถของเขา หัวคิ้วเข้มที่ขมวดยุ่งตั้งแต่ตอนแรกก็ยิ่งผูกเข้ากันเป็นปมยิ่งขึ้นอย่างไม่รู้ตัว "ดูพี่ต้าสิคะรีบขับพาไพน์เฉียดไฟแดงไปก่อนแบบนั้น สงสัยคงกลัวว่าพี่ชินจะตามทันแล้วไม่มีเวลาได้อยู่กับไพน์" "ไอ้ต้ามันขับรถบ้าอะไรของมัน วิ่งเฉียดไฟแดงไปแบบนี้ไม่รู้หรือไงว่าอันตราย"ชีวินยังตีโพยตีพายโวยวายเรื่องการขับรถของเตวิชญ์ต่อ วินาทีนั้นยอมรับว่าเขาใจหายวาบราวกับคนขวัญอ่อน หากว่าเกิดอะไรกับคนในรถคันนั้นขึ้นมา มีหวังเขาคงจะถูกผู้เป็นบิดาและแม่ของผู้หญิงคนนั้นเอาสืบสาวเอาเรื่องเข้าแน่ๆ จนกระทั่งสัญญาณไฟเขียวปรากฏขึ้นมา คันเร่งของรถบีเอ็มดับเบิลยูก็ถูกเหยียบเร่งตามไปติดๆ หากแต่ว่าเขาขับตามไปไม่ทัน จนไปถึงที่จอดรถในห้าง จึงได้เอาโทรศัพท์มือถือออกมากดโทรหาเตวิชญ์ทันที หากแต่ไม่มีคนรับ"ไอ้ต้ามันไม่ยอมรับโทรศัพท์ อินลองโทรหามันดูให้หน่อยสิครับ"พอบอกอินทุอรเสร็จ ตัวเองก็เปลี่ยนมากดโทรออกหาภัทรพิชา แต่กลายเป็นว
หลังจากเรียนเสร็จอินทุอรก็ขยั้นขยอให้เธอไปดูหนังพร้อมตัวเองและเตวิชญ์ ภัทรพิชาได้แต่อยากปฏิเสธให้มันจบๆ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะปฏิเสธอย่างไร จะให้บอกเพื่อนไปตรงๆเลยก็ไม่ได้ว่าตัวเธอเองก็กำลังถูกชีวินส่งข้อความมาตามตัวอยู่เหมือนกัน"นะไพน์ ไปดูหนังเป็นเพื่อนฉันกับพี่ต้าหน่อย อุตส่าห์โทรไปชวนพี่ชินเมื่อกี้ แต่พี่ชินดันบอกว่าติดธุระ ไปด้วยไม่ได้สะงั้น เซ็งจัง""เออะ อิน คือว่าฉัน..""แกห้ามปฏิเสธพี่ฉันนะไพน์ บอกไว้ก่อน รู้ไหมว่าพี่ต้าปกติมีแต่สาวๆพากันวิ่งเข้าหา ฉันก็พึ่งเห็นมีวันนี้นี่แหละที่ว่าคุณพี่ชายเทพบุตรสุดหล่อของฉันอยากจะจีบสาว"ภัทรพิชาฟังอินทุอรสาธยายความฮอตของญาติหนุ่มตัวเองแบบคิดว่าน่าจะเชื่อได้ เตวิชญ์ถือว่าเป็นคนที่หน้าตาและบุคลิกดีมากๆคนหนึ่ง การที่อินทุอรบอกว่าเขามีสาวๆวิ่งเข้าหามากมายนั้นมันคงไม่เกินจริงแน่นอน แต่ทำไมเรื่องอะไรแบบนี้มันต้องมาเกิดกับเธอ เตวิชญ์เป็นเพื่อนกับชีวิน ส่วนอินทุอรก็เป็นเพื่อนของเธอ ทุกอย่างมันดูยุ่งเหยิงวุ่นวายไปหมด"นี่ยายอิน เราเล่นมาพูดแบบนี้ต่อหน้าไพน์พี่ก็เขินแย่สิ""เขินทำไมล่ะคะพี่ต้า อยากจีบก็บอกว่าอยากจีบสิคะ เอาให้มันแมนๆหน่อย ยอมรับตรงๆไปเล
ภัทรพิชาถูกสั่งให้ขึ้นรถมากับคนที่ชวลิตบอกว่าไม่ยอมให้เธอติดรถมามหาวิทยาลัยด้วย รถของชีวินจอดรออยู่ห่างออกจากบ้านมาไม่ไกลเท่าไหร่ หากแต่เป็นเธอเองที่ไม่ทันได้สังเกตเพราะว่าเอาแต่คิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างตัวเองและเขา จนกระทั่งเดินเลยผ่านจึงถูกเขาเรียกและบังคับให้เธอต้องขึ้นรถมาเก๋งบีเอ็มดับเบิลยูสีดำเทาขับพาเธอทะยานสู่ท้องถนนในตอนเช้า ทุกอย่างดูเร่งรีบและยืดยาดในเวลาเดียวกัน จากที่นั่งเงียบมากันตลอดทาง อยู่ๆมือข้างที่ว่างอยู่ก็วางแหมะลงมาบนต้นขาขาวที่โผล่พ้นกระโปรงนักศึกษาของเธอออกมาในตอนที่รถจอดติดอยู่บนทางด่วน"คุณชิน"ชีวินหันมามองหน้าเธอแล้วยิ้มกึ่งเยาะที่ริมฝีปาก ภัทรพิชาจะรีบปัดมือใหญ่ที่กำลังลูบไล้บนต้นขาของตัวเองให้พ้นไปแต่เจ้าของมันกลับไม่ยินยอม"จับไม่ได้หรือไง""จับทำไมคะ"ภัทรพิชาหน้ายุ่งเพราะรู้ว่าชีวินกำลังจงใจแกล้งยั่วเธออยู่ ถึงแม้ว่าเธอจะแอบชอบเขาอยู่จนยอมให้เกิดเรื่องราวลึกซึ้งเกินเลยขึ้นก็จริง แต่ก็ไม่ได้หมายความชีวินจะทำอะไรกับเธอยังไงตอนไหนก็ได้"อยากจับ เห็นเธอใส่กระโปรงเสียสั้น เวลานั่งทีกระโปรงก็ถลกขึ้นมาจนเห็นขาขาวๆ ฉันก็เลยนึกว่าเธออยากจะใส่มายั่วฉัน""ไ
ภัทรพิชาตื่นขึ้นมาในตอนเกือบหกโมงเช้าเพื่อที่จะไปเตรียมตัวอาบน้ำไปเรียนด้วยอาการงัวเงียเพราะว่านอนไม่เต็มตื่น เมื่อคืนหลังจากที่เอาเปรียบเธอจนพอใจชีวินก็กลับออกไปในตอนตีสี่กว่าๆ ด้วยความเหนื่อยอ่อน ภัทรพิชาจึงทำได้แค่เพียงขยับเปลือกตา พยายามลืมตาขึ้นมาดูตอนที่ชีวินลุกขึ้นไปจากเตียงเท่านั้น และตัวเขาเองก็ไม่ได้หันกลับมามองเธอเลยเช่นกันหลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้วก็เดินหอบกระเป๋าลงไปข้างล่าง หางตาเหลือบไปเห็นแม่ของเธอกำลังจัดโต๊ะเตรียมอาหารเช้าเดินเข้าออกครัวอยู่ไวๆ ภัทรพิชาจึงเดินลงไปเห็นชวลิตนั่งอ่านหนังสือพิมพ์และยกกาแฟขึ้นจิบ ก่อนที่สายตาจะมองเลื่อนขยับไปเห็นว่าบนโต๊ะอาหารก็มีชีวินนั่งรออยู่ด้วยและเขากำลังมองมาทางเธอ"แต่งตัวเสร็จแล้วเหรอไพน์ มากินข้าวต้มหมูสับก่อนสิ แม่ตั้งโต๊ะเสร็จแล้วพอดี"ภัทรพิชาเดินตามหลังแม่ไปยังโต๊ะอาหารด้วยความรู้สึกหลากหลาย ชวลิตวางหนังสือพิมพ์ลงแล้วมองเธอลอดผ่านแว่นตามาพร้อมกับยิ้มให้ ในขณะที่ชีวินกลับทำหน้าตึงแล้วตามมาด้วยถ้อยคำถากถางตามแบบฉบับเขา"นี่ลูกสาวคนใหม่ของพ่อเขาชอบตื่นสายแล้วปล่อยให้คนอื่นนั่งรอบนโต๊ะอาหารแบบนี้ประจำเลยเหรอครับ""รอเรออะไรกั
ทันทีที่ถูกฉุดมาให้ลุกขึ้นนั่ง ชุดนอนกระโปรงสายเดี่ยวตัวบางถูกถอดออกจากทางศรีษะ เพียงแค่เสี้ยววินาทีที่เผลอสบตา ริมฝีปากของชีวินก็ตรงเข้ามาครอบลงบนริมฝีปากหวานทันควัน ลิ้นชื้นสอดมุดเข้าไปในโพรงปากนุ่มทันที เขาไม่มีรอจังหวะ ในขณะที่มืออีกข้างหนึ่งของเขาควานบีบคลึงไปบนเต้างามและบนสะโพกกลมกลึง ภัทรพิชายอมปล่อยให้ชีวินสัมผัสทุกอย่างบนร่างกายเธอได้ตามอย่างแต่ใจด้วยการตอบสนองเป็นท่าทางที่แสนจะเงอะงะ ปราศจากความรู้สึกต่อต้าน สองกายกอดรัดฟัดเหวี่ยงเข้าหาในขณะที่คนหนึ่งเปลือยเปล่าแล้ว หากแต่อีกคนยังคงอยู่ในชุดนักศึกษาครบชุด"ถอดเสื้อให้ฉัน"แม้ว่าจะรสจูบของเขาจะมีรสชาติมึนเมาจนเธอสมองเบลอ ลมหายใจคล้ายขาดห้วงจนเกือบจะหายใจหายคอไม่ทัน แต่ภัทรพิชาก็ยังคงพอมีสติหลงเหลืออยู่บ้างไม่มากก็น้อย สองมือสั่นเทารีบยกขึ้นไปแกะกระดุมเสื้อทีละเม็ดอย่างยากลำบาก เหตุผลก็เป็นเพราะว่ารสจูบที่ชักจะร้อนแรงมากขึ้นไปเรื่อยๆเมื่อชีวินตั้งใจจูบเอาแบบไม่มีความปราณียิ่งทำให้เธอสติหลุด"กระดุมแค่ไม่กี่เม็ด เธอจะใช้เวลาแกะจนถึงพรุ่งนี้เลยไหมไพน์ ชักช้า เอามือออก งั้นกระดุมเสื้อไม่ต้องละ เปลี่ยนเป็นมาถอดเข็มขัดกับกางเกงให้ฉ