สายลับสาวตอบกลับขณะเหลือบมองอาหารในจานก่อนทำให้โมนิกาเบิกตากว้างด้วยการสาธยายต่อ
“นี่เป็นไข่ทอดกรอบเสิร์ฟกับหน่อไม้ฝรั่งและพาร์เมซาน เป็นจานที่ใช้วัตถุดิบอิตาเลี่ยนคลาสสิคสามอย่างค่ะ เนยพาร์เมซานนี่เอามาตีกับนมแบบแคปปูชิโน หน่อไม้ฝรั่งก็เอามาบดเป็นปูเร่ ส่วนไข่ไก่ฟองใหญ่ ๆ นี่เป็นของอิตาลี่แท้ ๆ ต้องต้มแล้วทอด ทำให้กรอบด้วยเกล็ดขนมปัง พอตัดผ่านไข่ขาวก็จะพบกับไข่แดงเป็นยางมะตูม เป็นเทคนิคที่ทำยากมาก ๆ เลยค่ะ คุณโมนิกา”
จบคำพูดยืดยาวโฮเวิร์ดก็ปรบมือลั่น เขายกแก้วไวน์ขึ้นจิบก่อนพูดอย่างอารมณ์ดี
“ยอดเยี่ยม! ซอนญ่า...ฉันไม่นึกเลยนะว่าเจ้าแดนมันจะพบกับแม่ศรีเรือนเข้าให้แล้วคงไม่ต้องสาธยายล่ะว่าสาวยูทาห์มีเสน่ห์ดึงดูดลูกชายฉันตรงไหน”
“ที่สำคัญเธอเป็นผู้หญิงที่สวยมากครับพ่อ”
คิลเลียนหันมาสำทับทว่านั่นทำให้พี่ชายของเขาเกิดอาการกระตุกขึ้นมาเล็กน้อย โดยปกติน้องชายของเขาไม่ใคร่ออกปากชื่นชมใครต่อหน้าแม้แต่คู่หมั้นของเขาเอง อลินทิราเป็นคนแรกที่ทำให้คิลเลียนหลุดคำเหล่านั้นออกมา แดเนียลยิ้มกลบเกลื่อนความรู้สึกก่อนพูด
“ผมก็ไม่เคยรู้เหมือนกันครับพ่อว่าซอนญ่าจะทำอาหารอิตาเลี่ยนเป็นเหมือนกัน”
“ก็ลูกชายแม่มัวแต่ขลุกอยู่ในห้องทดลองมากกว่าอยู่ข้างนอกนี่จ๊ะ”
ยูจีเนียกระเซ้าทว่าก็ทำให้คิลเลียนรีบเอ่ยถามในทันที
“แดน...พี่ยังไม่ได้บอกพวกเราเลยนะครับว่าการทดลองหาอะตอมของธาตุชนิดใหม่ไปถึงไหนแล้ว”
เรากำลังอยู่ในขั้นตอนสุดท้าย” แดเนียลตอบสั้น ๆ ทว่าน้ำเสียงอันราบเรียบกลับกระตุกความรู้สึกของคนที่เขากอบกุมมือไว้อย่างรุนแรง อลินทิรามองเห็นแววตาทั้งอยากรู้และแฝงไว้ด้วยความภาคภูมิใจของทั้งโฮเวิร์ด ยูจีเนียรวมทั้งคิลเลียนแล้วให้นึกสะท้อนใจ
“ถ้าอย่างนั้นก็หมายความว่าพี่กำลังจะค้นพบมันแล้วอย่างนั้นใช่ไหม?”
“ฉันกำลังเข้าไปใกล้มันมากขึ้นทุกที”
“และวันหนึ่งพวกเราก็จะได้ร่วมภาคภูมิใจกับนักนิวเคลียร์ฟิสิกส์ในตระกูลไพรซ์ที่เป็นผู้ค้นพบธาตุชนิดใหม่ของโลก”
มารดาของแดเนียลกล่าวสำทับพร้อมยกแก้วไวน์แสดงความยินดี สายลับสาวสัมผัสได้ถึงความเย็นเยือกที่ถ่ายเทมาจากมือหนาแกร่ง ทุกคนในครอบครัวของเขารู้เรื่องนี้ในขณะที่หญิงสาวรู้สึกแปลกแยกในทันทีที่ได้ยินคำสนทนาเหล่านั้น หากแต่เธอก็ต้องกลืนก้อนแข็งที่วิ่งขึ้นมาจุกลำคอกลับเข้าไปและต้องปรับสีหน้าให้เป็นปกติทั้ง ๆ ที่คนนั่งใกล้ชิดสีหน้าไม่บอกอารมณ์ใด ๆ แดเนียลเป็นคนค่อนข้างจริงจังทั้งคำพูดและการแสดงออก อลินทิราสังเกตุเห็นได้จากการพูดคุยระหว่างคนในครอบครัวซึ่งก็รวมถึงโมนิกาที่แสดงความไม่ชอบใจเธออีกด้วย
ส่วนโฮเวิร์ดเป็นคนค่อนข้างเปิดเผยและยูจีเนียก็แสดงความมีไมตรีต่อคนที่เธอคิดว่าเป็นเพื่อนรู้ใจของบุตรชายคนโตอย่างไม่ตะขิดตะขวง และสำหรับคิลเลียน น้องชายซึ่งเป็นนายทหารหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาไม่แพ้พี่ชายก็ดูเป็นสุภาพบุรุษทั้งบุคลิกท่าทีก็เป็นคนจริงจังไม่ผิดไปจากแดเนียลสักเท่าไหร่หากมองผิวเผิน
หลังมื้อเย็นในห้องอาหารบนดาดฟ้าเรือยอชต์ที่เคลื่อนตัวแล่นล่องออกจากท่าเมืองลา สเปเซีย ทุกคนก็มารวมตัวกันภายในห้องรับแขกอันกว้างขวางและทันสมัย ไพรซ์ เป็นเรอยอชต์ขนาดใหญ่ที่หรูหราสมราคาความเป็นเรือสำราญส่วนตัวของตระกูลอันมั่งคั่งและเก่าแก่ตระกูลหนึ่งของอเมริกา
“เราต้องจ่ายไปมากกว่าหนึ่งร้อยล้านดอลลาห์จ้างโคเดคาซา บริษัทผลิตเรือยักษ์ใหญ่ของอิตาลีสร้างเรือลำนี้ขึ้นมาจ้ะ”
ยูจีเนียอธิบายให้อลินทิราที่นั่งอยู่เคียงข้างแดเนียลฟังในขณะที่โฮเวิร์ดนั่งละเลียดไวน์ชั้นดีอยู่ใกล้ ๆ นี่ดูจะเป็นช่วงเวลาพักผ่อนของครอบครัวท่ามกลางบรรยากาศท้องทะเลอันบริสุทธิ์และเพลงคลาสสิคขับกล่อมภายในห้องรับแขกแม้ว่าคิลเลียนและโมนิกาจะขอปลีกตัวกลับไปที่ห้องเสียก่อน อลินทิราพยักหน้าแสดงความเห็นด้วยกับมารดาของแดเนียล
“ค่ะ...คุณแม่ ไพรซ์เป็นเรือยอชต์ที่ใหญ่โตและทันสมัยมากจริง ๆ “
“แม่กับโฮเวิร์ดมีความคิดตรงกันนั่นก็คือการพักผ่อนอย่างสงบในบั้นปลายของชีวิต เราไม่ต้องกังวลอะไรอีกแล้วในเมื่ออาณาจักรไพรซ์ คอร์ปอเรชั่นก็อยู่ภายใต้การดูแลของแดเนียล ส่วนคิลเลี่ยนก็เป็นนักบินฝีมือฉกาจของกองทัพ และเอเดรียน...ถึงเขาจะวุ่นวายอยู่กับการเป็นหุ้นส่วนใหญ่ของเหมืองถ่านหินในเวสต์ เวอร์จิเนีย แต่แม่ก็ภาคภูมิใจในตัวเขามาก”
“พวกเขามีคุณแม่ที่เป็นผู้หญิงสุดวิเศษต่างหากล่ะคะ”
“ตอนนี้พ่อกำลังรอคอยงานในขั้นตอนสุดท้ายของแดเนียล อืม...พ่อคงจะคุยเรื่องนี้กับแฟนแกได้ซีนะ?”
โฮเวิร์ดแทรกขึ้นก่อนวางแก้วไวน์ลงบนโต๊ะและมองมายังหนุ่มสาวทั้งสองที่นั่งชิดกัน
“ผมไม่ได้ปิดบังอะไรเธอเกี่ยวกับเรื่องนี้ครับพ่อ”
“แดเนียล...ฉันรักคุณค่ะ ฉันกลัวเหลือเกินว่าคุณจะไม่กลับมาหาฉันอีก”“ผมต้องกลับมาที่รัก” เขาก้มลงจูบบนเปลือดกตาของหญิงสาวที่ตัวเธอสั่นสะทานขึ้นมาราวกับยังหวาดหวั่น “ยอดดวงใจของผม คุณไม่รู้หรอกว่าผมกลัวมากแค่ไหนถ้ามาถึงที่นี่แล้วไม่พบคุณ”“บ้าน...เป็นที่สุดท้ายสำหรับฉันค่ะ จารชนที่แต่นี้ไปจะเป็นแค่คนธรรมดา แดนคะ...มาเต้นรำกันเถอะค่ะ ฟังซีคะ ต้นหญ้าและขุนเขากำลังร้องเพลง”ร่างอรชรผละห่างจากชายหนุ่มและเริ่มร่ายรำด้วยท่าทางอย่างบัลเล่ต์รีน่าท่ามกลางทุ่งหญ้าส่ายไหวอาบแสงสีเงิน แดเนียลยืนล้วงกระเป๋าและอมยิ้มอยู่ข้าง ๆ ม้าพันธุ์เทอโรเบรดด้วยความรู้สึกสุขใจ ดวงตาสีน้ำเงินอมม่วงลึกล้ำจับจ้องอยู่ที่ร่างแน่งน้อยที่กำลังเริงระบำกลางที่ราบทุ่งหญ้าพลิ้วไหว เขารักอลินทิรามากเกินกว่าจะใช้ชีวิตอยู่ได้ตามลำพังและมองเห็นความวาดหวังถึงชีวิตครอบครัวอันอบอุ่นในกาลเบื้องหน้า นี่อาจเป็นสิ่งที่เขาตามหามาตลอดชีวิตก็เป็นได้ศาลาที่ว่าการกรุงออสโลว์ ประเทศนอรเวย์เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นทำให้ร่างบอบบางในชุดราตรีสีฟ้าครามซึ่งนั่งอย่างสงบบนเบาะหลังรถเอสยูวีคันใหญ่รีบหยิบขึ้นมากดรับสาย“สวัสดีจ้ะ ซอนญ่า”“ค่ะ...แม่”
“แดน...ที่ผ่านมาคุณไม่คิดบ้างหรือคะว่าฉันเคยทำอะไรแย่ ๆ กับคุณบ้าง อย่างเช่นวางยาคุณ หรือตั้งใจจะเอาคืนให้คุณเจ็บแสบ”“อะไร ๆ อาจแย่กว่านี้ถ้าผมไม่ได้รู้จักคุณ...ออโซลย่า”หญิงสาวเอียงคอเพื่อมองใบหน้าคร้ามคมที่ลดจมูกลงมาเคลียบนแก้มนุ่ม“คุณคงยังไม่ลืมเธอซีนะคะ”“ผมไม่เคยลืมสายลับสาวแสนสวยที่เก่งกาจถึงขนาดถอดรหัสผ่านประตูนิรภัยของผมได้ และยิ่งกว่านั้นเสน่ห์ของเธอก็มัดใจผมไว้จนดิ้นไม่หลุด”“ตั้งแต่เมื่อไหร่กันคะแดน...ฉันน่ะไม่เห็นว่าคุณจะพูดดีกับฉันสักหน” อลินทิราอดที่จะตั้งคำถามกับคนที่เธอรักไม่ได้แม้เวลานั้นจะล่วงเลยมาแล้วก็ตาม“อืม...คงตั้งแต่พบกันครั้งแรกในแคนยอน แลนด์ ผู้หญิงอะไรเจ้าเล่ห์ชะมัดทั้งที่รู้ว่าสู้ผมไม่ได้”“ฉันอยากจะฆ่าคุณ” เธอย่นจมูก “ทึ้งคุณให้หลุดเป็นชิ้น ไม่เคยมีใครตามติดและต้อนฉันจนมุมได้เหมือนคุณ”“ตอนแรกคุณจินตนาการว่าผมเป็นคนแบบไหนกัน ซอนญ่า” ชายหนุ่มจุดความอบอุ่นในกายหญิงสาวด้วยการขบเม้มเบา ๆ ที่ใบหูเล็กบาง“ตอนที่ฉันจะรับงานนี้ ฉันแทบไม่สนใจข้อมูลเจ้าของชิปนั่นเลยสักนิดเดียว ฉันคิดเอาเองว่า แดเนียล ไพรซ์ คงเป็นผู้ชายที่น่าเบื่อ เขาคงเป็นนักวิทยาศาสตร์สติเฟื่อง
“แม่ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขค่ะ ท่านยังปลูกผักและเดินเป็นระยะไกล ๆ ได้ ถึงท่านจะอยู่คนเดียวแต่ก็ไม่เหงา เพราะว่าเจ้าอิงลิชกับเจ้ามูนวอล์คเกอร์นี่ล่ะค่ะ”หญิงสาวหันกลับไปยังม้าสองตัวที่ยื่นหน้าเข้ามาให้เธอลูบไล้แผงคอของพวกมันเล่น พวกมันดูคุ้นเคยและทำราวกับคิดถึงนายของมัน“ตัวนี้เป็นม้าอิงลิช เทอโรเบรดค่ะ มันเป็นม้าฝีเท้าดี ฉันตั้งชื่อมันว่าอิงลิช” อลินทิราบอกพลางลูบไล้ไปบนหัวของม้าตัวใหญ่สีน้ำตาลเข้มซึ่งเรือนขนบนหลังและหางมีสีดำเป็นมันวาว มันดูบึกบึนแข็งแรงทว่าก็เชื่องอย่างไม่น่าเชื่อ“ผมเคยอ่านประวัติของม้าพันธุ์ผสมพวกนี้ ตอนศตวรรษที่สิบเจ็ดนักล่าอาณานิคมพยายามพัฒนาสายพันธุ์ม้าอเมริกันใหม่ ๆ ก็เลยผสมพันธุ์ม้าพื้นเมืองกับม้าแคนาดา มันขึ้นชื่อเรื่องของความแข็งแรง พอหลังจากนั้นก็ผสมกับม้าพันธุ์อิงลิชเทอโรเบรดอย่างเจ้าอิงลิชของคุณนี่ไง”แดเนียลเสริมแต่ยังไม่สัมผัสตัวของมันเหมือนหญิงสาว“และนี่...เจ้ามูนวอล์คเกอร์ค่ะ มันเป็นม้าป่าพันธุ์สเปน เรียกได้อีกอย่างว่าซัลเฟอร์ เป็นม้าของรัฐยูทาห์ค่ะ แม่เป็นคนตั้งชื่อให้เพราะตอนพามาเลี้ยงใหม่ ๆ มันหายไปตอนคืนจันทร์เต็มดวง เราคิดว่ามันคงถูกขโมยหรือไม่ก
“ที่ผมมาที่นี่ก็เพื่อจะขอคุณแต่งงาน แต่ผมยังไม่ได้พบแม่บุญธรรมของคุณ ไม่รู้ท่านจะว่ายังไงบ้าง”“ฉันจะว่ายังไงได้ล่ะคะ”เสียงของหญิงสูงวัยที่แทรกขึ้นมาทำให้สองหนุ่มสาวหันไปมองที่ประตูพร้อมกัน“แม่!” อลินทิราอุทานออกมา เธอลืมตัวจะผละห่างจากชายหนุ่มทว่าแดเนียลยังกอบกุมมือเรียวบางไว้แน่น ดาเลียซึ่งยืนอยู่ที่ประตูยิ้มกับผู้มาใหม่ นางมองเขาด้วยสายตาบอกความประหลาดใจหากก็เต็มไปด้วยความตื้นตัน“สวัสดีค่ะ...ฉันคือดาเลีย เฮอเกรล ฉันเป็นแม่บุญธรรมของอัลลี่เองค่ะ”ดาเลียแนะนำตัวในขณะที่ชายหนุ่มคลายมือจากหญิงสาว“สวัสดีครับคุณแม่ ผม แดเนียล ไพรซ์”“แม่กลับมาตอนไหนคะ ทำไมหนูไม่ได้ยินเสียงเลย”ร่างบางถามแก้เก้อ เธอดูเงอะงะไม่รู้ว่าจะยิ้มหรือจะแสดงท่าทางอย่างไรต่อหน้าแม่บุญธรรมในสถานการณ์ไม่คาดฝันเช่นนี้“แม่ลืมของที่จะเอาไปฝากลุงเคิร์คน่ะจ้ะ เลยกลับมาและก็ทันได้ยินว่า คุณแดเนียลจะขอหนูแต่งงาน นี่เป็นความจริงหรือจ๊ะ?”“เป็นความจริงครับคุณแม่”ชายหนุ่มเดินเข้าไปหาหญิงสูงวัย นางจ้องมองเขาไม่วาง แดเนียล ไพรซ์ เป็นผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่หน้าตาหล่อเหลาและมีเสน่ห์ดึงดูด เขาทำให้ดาเลียพรึงเพริศราวถูกสะกดด้วยนัย
แดเนียลอธิบายในขณะที่อาการตื่นกลัวของอีกฝ่ายเริ่มคลายลง อลินทิราเห็นแววตาคู่นั้นหม่นแสงเมื่อเขาพูดต่อไป“เธอแอบจัดตั้งมูลนิธิในนาม ไพรซ์ คอร์ป เพื่อซออนเนต และถ่ายโอนเงินเป็นท่อน้ำเลี้ยงเพื่อองค์กรของตัวเอง พอเออร์วิ่งรายงานเรื่องนี้พร้อมทั้งยืนยันด้วยเอกสาร ผมก็เริ่มส่งคคนตามประกบจนเมื่อสองสัปดาห์ที่แล้ว ผมได้ข้อมูลว่าโมนิกานัดพบกับ อลัน ทีทอน เจ้าพ่อค้าอาวุธสงครามของยุโรป...ผมตามเธอไปพร้อมกับตำรวจและหน่วยสวาทติดอาวุธครบมือ”“ตำรวจคงจับเธอได้แล้วใช่ไหมคะ แดเนียล?”หญิงสาวถามอย่างกระตือรือร้น ความตื่นเต้นประดังอยู่ในอกแทบระเบิดด้วยอยากรู้วาระสุดท้ายของนายใหญ่แห่งไซออนเนต ทว่าแดเนียลกลับยิ้มขื่นและตอบว่า“โมนิกาเป็นคนเก่ง เธอเป็นอัจฉริยะ แต่...” ชายหนุ่มหยุดคำพูดจนอีกฝ่ายต้องเอ่ยถาม“เธอหนีไปได้ใช่ไหมคะ?”ร่างสูงส่ายหน้าและสูดลมหายใจลึก “โมนิกา...ถูกเจ้าหน้าที่หน่วยเฉพาะกิจ...วิสามัญ”“พระเจ้า!”“เราจัดพิธีศพให้เธอและฝังเธอไว้ในสุสานของตระกูล เมื่อไม่มีนายใหญ่ ไซออนเนตก็ถึงจุดจบ”“บางที...อาจจะไม่” อลินทิราขืนตัวออกจากแขนแกร่ง ดวงตาคู่สวยรื้นน้ำและแดงก่ำ“อาจเป็นจุดจบของไซออนเนต แต่คุณ
“ตอนผมไปโรงพยาบาลและพบหมอที่รักษาคุณ เขาบอกว่าภรรยาของผมอาการดีขึ้นมากและได้รับอนุญาตให้กลับบ้านได้ หมอกำชับผมให้ดูแลคุณเป็นพิเศษ ผมคิดว่าจะไม่ถามอะไรต่อจนคุณหมอเข้ามาแสดงความยินดีที่ผมจะได้เป็นพ่อคน เพราะภรรยาของผมตั้งครรภ์ได้สองเดือนแล้ว”หญิงสาวพูดอะไรไม่ออก เธอรับฟังทุกอย่างแต่เหมือนยังมีสิ่งค้างคาใจ“แดนคะ...ฉันไม่ได้ตั้งใจจะหนีหรือปกปิดเรื่องนี้ แต่ฉันไม่แน่ใจว่าคุณกลับไปแคลิฟอเนียเป็นเพราะคุณต้องรีบกลับไปหาโมนิกาหรือเปล่า”“ใช่...โมนิกาเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ผมต้องรีบกลับไปที่นั่น”ชายหนุ่มตอบอย่างไม่ลังเลและทำให้ใบหน้าของอีกฝ่ายหมองลงอย่างเหนได้ชัด กระทั่งเขาพูดต่อทั้งที่กอดเธอไว้แน่น“ตอนที่คุณยังไม่ฟื้นหลังจากหมอผ่าตัดเอากระสุนฝังในออก ผมได้รับโทรศัพท์จากเออร์วิ่ง เขาเป็นนักสืบเอกชนฝีมือดีที่ผมจ้างมาสืบเรื่องนี้ เออร์วิ่งให้ผมรีบกลับไปที่ซานตาโมนิกาด่วนเพราะเขามีข้อมูลบางอย่างให้ผมดู มันเป็นข้อมูลความผิดปกติทางด้านการเงินของบริษัท ตอนแรกที่เขาเข้ามาสืบเรื่องชิปที่หายไป เขารู้แค่ว่ามันเชื่อมโยงกับองค์กรลับไซออนเนต แต่การล้วงข้อมูลลึกเข้าไปเรื่อย ๆ ทำให้เออร์วิ่งพบกับสิ่งที่น่าต