“ใจเย็น ๆ ก่อนเถอะหลิงเออร์”
“จะให้ลูกใจเย็นอย่างไรกันท่านแม่!” ฮั่วหลิงเฟยกระทืบเท้าด้วยความโกรธ ใบหน้าคนงามบิดเบี้ยวไม่สู้ดี เหอฮูหยินเห็นสภาพของบุตรสาวโศกเศร้าเสียใจเช่นนี้แล้ว คนเป็นมารดาเช่นนางปวดใจยิ่งนัก “ถึงอย่างไรเรื่องนี้ย่อมต้องมีทางแก้ไขแน่” “แก้ไขหรือ…” ฮั่วหลิงเฟยหันมามองมารดาผ่านม่านน้ำตา “เรื่องนี้จะแก้ไขได้อย่างไรกัน” เห็นได้ชัดว่าฮั่วซูเม่ยจงใจแย่งชิงวาสนาของนาง! ตั้งแต่เกิดมาฮั่วหลิงเฟยถูกเลี้ยงดูมาอย่างตามอกตามใจ ขอเพียงเอ่ยปากชี้นิ้วอยากได้อะไรย่อมได้ ภายในใจของนางในตอนนี้ย่อมเต็มไปด้วยความโกรธแค้นทั้งสิ้น “ขอแม่คิดก่อนหลิงเออร์” ฮั่วฮูหยินพลางโอบไหล่บุตรสาวไว้หลวม ๆ ท่าทางของนางราวกับคิดไม่ตก หากเป็นบุตรชายสักตระกูลไม่ว่านางเอ่ยปากญาติฝั่งใดย่อมมีผู้ช่วยเหลือได้แน่ทว่าคนผู้นี้กับมีฐานะเป็นถึงชินอ๋อง นางมองไม่เห็นหนทางเลย ฮั่วหลิงเฟยมองมารดานิ่ง ๆ ด้วยความคาดหวัง ตอนนี้ภายในใจของนางร้อนรุ่มราวกับถูกไฟสุมอยู่ในอก เกรงว่าวาสนาที่นางกำลังตั้งตาเฝ้ารอคอยมาตลอดหลายปีจะถูกช่วงชิงไปในชั่วพริบตาแก้ไขไม่ทัน นางโมโหมากจริง ๆ แล้วยิ่งแม่สื่อมากมายผู้นั้นเล่นป่าวประกาศไปทั่ว ไม่ว่านางจะย่างกรายไปที่ใดย่อมได้ยินผู้คนนินทาว่าเซียนหยางชินอ๋องทำคุณหนูจวนสกูลฮั่วตั้งครรภ์แล้วไม่รับผิดชอบ! ฮั่วฮูหยินถอนหายใจเฮือกใหญ่ “หากบุตรในครรภ์ฮั่วซูเม่ยเป็นบุตรของชินอ๋องจริง ๆ ละก็…” “เหอะ!” ฮั่วหลิงเฟยแค่นเสียง “หากนางท้องได้เช่นนั้นข้าก็ทำแท้งได้เช่นกัน” !!!! พอฮั่วฮูหยินได้ยินแล้วชะงักตัวแข็งทื่อพลางยกมือทาบอกด้วยความตกใจ“หลิ...หลิงเออร์” เกรงว่าการกระทำเช่นนี้คงโหดร้ายเกินไปแล้วกระมังและถึงนางจะโมโหมากเพียงใดแต่การลงมือฆ่าคนนั้นไม่เคยอยู่ในความคิดของฮั่วฮูหยินมาก่อน “ท่านแม่ต้องช่วยลูกนะเจ้าค่ะ!” ฮั่วฮูหยินพูดไม่ออกจะปฏิเสธก็ไม่ได้ “เรื่องนี้แม่ไม่ค่อยเห็นด้วยเลย” “ลูกมีเพียงท่านแม่เท่านั้นที่เข้าใจ” สายตามองฮั่วหลิงเฟย ทอดมองมารดาด้วยความสงสาร หยาดน้ำตาเม็ดใสพลันไหลอาบแก้มนวล “หลิงเออร์ไม่ว่าเจ้าอยากได้สิ่งใดแม่ล้วนจัดการหามาให้ได้ทั้งสิ้นเพียงแต่…แต่เรื่องนี้แม่ว่ามันรุนแรงเกินไปจริง ๆ” “ท่านแม่!” ฮั่วหลิงเฟยกัดฟันกรอดเมื่อถูกขัดใจ “ช่างเถอะ! หากท่านแม่ไม่ช่วยเช่นนั้นข้าจะเป็นผู้ลงมือแน่” ฮั่วฮูหยินเห็นท่าทางแน่วแน่ของบุตรสาวแล้วก็อดหวั่นเกรงไม่ได้ “ไม่! ไม่หลิงเออร์! เรื่องเช่นนี้จะทำให้เจ้าแปดเปื้อนมีมลทินได้ แม่จะเป็นผู้ลงมีจัดการเอง” นางมีเพียงฮั่วหลิงเฟยเป็นบุตรสาวแต่เพียงผู้เดียว และยิ่งหากมีเรื่องอันตรายอันใดนางก็อยากจะเผชิญหน้าแทนบุตรสาว ใบหน้าของฮั่วหลิงเฟยระบายยิ้มกว้าง “ข้ารักท่านแม่ที่สุด มีเพียงท่านที่เข้าใจข้า!” น้ำเสียงหวานของนางเอ่ยขึ้นอย่างออดอ้อน “แม่ก็มีเพียงเจ้าเป็นบุตรสาวแต่เพียงผู้เดียวหลิงเออร์” ฮั่วฮูหยินถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างหนักอึ้ง นี่เท่ากับว่าหากนางพลาดพลั้งจากสังหารหนึ่งคนจะกลายเป็นสองคนทันที ทว่าเพื่อความสบายใจของบุตรสาวแล้วไม่ว่าเรื่องอันใดนางย่อมพร้อมแลก หลังจากทานมื้อเช้าเสร็จสิ้น ฮั่วซูเม่ยยังคงนั่งเล่นอยู่กับ ฮูหยินผู้เฒ่าต่อคล้ายกับความหนักอึ้งภายในใจของนางคลายลงไม่น้อยเมื่อได้พูดคุยกับผู้อื่นบ้าง มือเหี่ยวย่นของหญิงชรายกมือขึ้นลูบเรือนผมของเด็กสาวตรงหน้าอย่างเบามือ “เป็นมารดาผู้อื่นแล้วไฉนถึงยังทำตัวเป็นเด็กอยู่ได้” “ท่านย่าไม่รักข้าแล้วอย่างงั้นหรือ” ฮั่วซูเม่ยนอนหนุนตักของหญิงชราเอ่ยขึ้นน้ำเสียงง่วงงุน เจ้าเด็กผู้นี้ทำให้นางขี้เกียจมากจริง ๆ พอหนังท้องตึงหนังตาก็เริ่มหย่อนคล้อยทันที ฮูหยินผู้น้ำส่งเสียงหัวเราะเล็กน้อย “เหอะ! หากข้าไม่รักเจ้าแล้วคงไล่ตะเพิดให้หนีไปแล้ว!” ฮั่วซูเม่ยหัวเราะคิกคักชอบใจ “เกรงว่าทั่วจวนสกุลฮั่วคงมีเพียงท่านย่าเท่านั้นที่ดีต่อข้า” สายตาของหญิงชราทอดมองเห็นสาวตรงหน้าด้วยความเอ็นดูไม่น้อย อาจเป็นเพราะตอนที่นางเกิดออกมานั้นฮูหยินผู้เฒ่ายังแข็งแรงพอโอบอุ้มอยู่นานจนกระทั่งพอหนึ่งปีถึงปล่อยให้สะใภ้จัดการดูแล บรรยากาศช่วงยามสายมีลมโชยมาเบา ๆ ทำให้เย็นสบายจนเคลิบเคลิ้มไม่น้อย นางลืมตาขึ้นถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะพยุงตักลุกขึ้นจากตักฮูหยินผู้เฒ่า “ข้ารบกวนเวลาพักผ่อนของคนแก่มานานแล้ว” ฮูหยินผู้เฒ่าขมวดคิ้วมุ่น “เจ้าเด็กนี่!” ฮั่วซูเม่ยปิดปากพลางหัวเราะคิกคัก “หากถือว่ายังมีแรงเอ่ยปากด่าข้าได้นับว่ายังไม่แก่!” ทันใดจู่ ๆ ก็มีสาวใช้ผู้หนึ่งวิ่งหน้าตั้งมาทางนี้ด้วยความเร่งรีบซ้ำยังรอพูดมาตลอดทั้งทางอย่างไรมารยาทอีก “แขกเจ้าค่ะ! “มีแขกมาพบคุณหนูใหญ่ค่ะ!” “คุณหนูใหญ่เจ้าค่ะ!” “เพ่ย! ผู้คนจวนนี้ไร้มารยาทไปหมดแล้วอย่างงั้นหรือ” ฮูหยินผู้เฒ่ามองเห็นแล้วอดด่าทอไม่ได้จริง ๆ “มีเรื่องคอขาดบาดตายอย่างไรกันถึงได้เร่งรีบปานนี้” ฮั่วซูเม่ยก็ได้แต่มองตาปริบ ๆ แขกหรือ? ทั้งชีวิตของนางไม่คบหาสมาคมกับผู้ใด..เช่นนั้นอาจจะไม่ใช่นางกระมัง “ฮั่วฮูหยินให้เจ้ามาตามข้าหรือ” นางถามออกไป “ไม่ใช่เจ้าค่ะ!” สาวใช้ผู้นั้นปฏิเสธทันที นางพลันหอบหายใจจนตาเหลือก “เป็นชินอ๋องที่มาขอพบคุณหนูใหญ่เจ้าค่ะ!” พอได้ยินชื่อเสียงเรียงนามนี้ฮั่วซูเม่ยเบิดตากว้างทันที เกรงว่านางคงกำลังหูฝาดฟังผิดอยู่ใช่หรือไม่ ก่อนจะนึกอันใดบางอย่างในใจใบหน้าจึงระบายยิ้มออกมาอย่างปิดไม่ปิด ฮูหยินผู้เฒ่าได้ยินแล้วก็เกือบหลงลืมไปสนิทจึงเอ่ยปากถาม “พ่อของเจ้าก้อนในเจ้าหรอกหรือ” “คนทั่วทั้งเมืองหลวงรู้แล้วมีเพียงท่านย่าที่ไม่รู้?” “ฮั่วซูเม่ย!” “ก็ได้ ๆ บุตรของข้ากำลังจะมีพ่อแล้ว” ฮั่วซูเม่ยเห็นท่าทางของหญิงชราแล้วจริงหยุดหยอกล้อพูดออกมาอย่างจริงจัง “เจ้าไม่ต้องกำพร้าแล้ว” ส่วนประโยคหลังนั้น นางหลุมตาต่ำพลางพูดกับหน้าท้องที่นูนออกมาของตนเอง ฮูหยินผู้เฒ่าถอนหายใจเฮือกใหญ่ “เช่นนั้นก็รีบไปเถอะ” “กล้าดีอย่างไรไล่ข้า!” “รีบออกก่อนที่มารดาจะตีเจ้า!” ฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยเสียงแข็ง เด็กสาวตรงหน้าเอาแต่พร่ำพูดไปเรื่อยจนนางเริ่มงุนงงว่าเรื่องใดเรื่องจริงหรือเรื่องใดเรื่องเท็จ แม้จะมีเรื่องทำให้นางหงุนหงิดใจอยู่บ้าง แต่อารมณ์ของนางก็เบิกบานไม่น้อย ฮั่วซูเม่ยพูดคุยอยู่สองสามประโยคก่อนจะขอตัวจากไป พอรู้ตัวอีกทีเซียนหยางก็มาอยู่ที่จวนสกุลฮั่วเสียแล้ว อารมณ์ของเขาในวันนี้ค่อนข้างขุ่นมัวไม่สู้ดีนัก เซียนหยางนั่งรอคนผู้หนึ่งอยู่นานสองนานครู่หนึ่งก่อนจะได้ยินเสียงฝีเท้าเดินมาแต่ไกล สายตาคมกริบปรายไปมองทันที ไฉนสตรีผู้นั้นถึงเอาแต่เดินเชื่องช้าจนความอดทนของเขาสิ้นสุดลง เซียหยางชินอ๋องลุกขึ้นพุ่งตัวเดินไปหานางทันที “ชักช้า!” น้ำเสียงทุ้มเต็มไปด้วยความไม่พอใจ แท้จริงแล้วข้าตั้งใจต่างหาก! ใบหน้าของฮั่วซูเม่ยระบายยิ้มกว้างทักทายบุรุษตรงหน้า “หากจะให้ข้ายอบกายทำความเคารพชินอ๋องในยามนี้เกรงว่าคงจะไม่สะดวกนัก…เช่นนั้น” ดวงตาเมล็ดชิ่งของนางจดจ้องบุรุษตรงหน้าอย่างเจ้าเล่ห์ ฮั่วซูเม่ยโน้มใบหน้าเข้าไปไกลก่อนจะจุมพิตลงบนแก้มสากของอีกฝ่ายแทน “แบบนี้ได้หรือไม่เพคะ” !!! เพียงชั่วพริบตาความโกรธจองเซียนหยางชินอ๋องคับอกแทบปะทุออกมา “สตรีหน้าด้าน!” สายตาคมกริบจ้องมองสตรีตรงหน้าด้วยความเกรี้ยวโกรธ “โกรธข้าหรือ” ฮั่วซูเม่ยถามมองตาปริบ ๆ ยิ่งเห็นท่าทางโมโหของบุรุษตรงหน้านั้นนางแทบจะกลั้นหัวเราะเอาไว้ไม่อยู่แต่ต้องสำรวมท่าทางไว้บ้าง เกรงว่าเขาจะอดทนไม่ได้จนพลั้งมือสังหารจริง ๆ เซียนหยางกัดฟันพูด “ข้าไม่เอาเจ้าไว้แน่!” “ท่าไหนดีเพคะชินอ๋อง” นางหัวเราะคิกคัก เอียงคอถามฮั่วซูเม่ยกะพริบตามองบุรุษตรงหน้าปริบ ๆ โดยไร้ความเกรงกลัวในขณะที่โทสะของเซียนหยางชินอ๋องนั้นเพิ่มขึ้นจนคับอก สายตาคมกริบเพ่งมองสตรีเบื้องหน้าอย่างแข็งกร้าว มุมปากหนาพลันหยักยกขึ้นจากนั้นจึงยกมือขึ้นบีบลำคอนางทันทีอึก!“คิดว่าข้าไม่กล้าสังหารเจ้าหรือ” นัยน์ของเซียนหยางในยามนี้มิต่างจากสัตว์ป่าดุร้ายตนหนึ่งคนที่อวดดีเช่นนี้สมควรถูกสั่งสอนดวงตาจองนางเบิกโพลงกว้างด้วยความตกใจจนสีหน้าซีดเผือดลงทันที และด้วยสัญชาตญาณนางยกมือโอบกอดหน้าท้องของตนเองไว้ทว่ากับมิได้ขัดขืน“……”ฝ่ามือหนายิ่งออกแรงกดบีบมากเรื่อย ๆ เมื่อสตรีผู้นี้ยังเอาแต่จ้องเขม็งไม่ปริปากส่งเสียงวิงวอนเซียนหยางชินอ๋องเองก็อยากจะรู้เช่นกันว่านางจะอดทนไปได้ถึงเมื่อไหร่ “หึ! ใจกล้าอวดดีไม่น้อย”“เซียนหยางชินอ๋องเพคะ!”“……”เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่เหลียวหลังมาตามเสียงจากนั้นจึงผ่อนแรงลงปล่อยมือออกจากลำคอของนาง“แค่ก ๆ แค่ก!” ทันทีที่เป็นอิสระฮั่วซูเม่ยสำลักน้ำลายสูดอากาศหายใจจนหน้าดำหน้าแดงไปหมด ทว่าสายตาของยังคงจดจ้องบุรุษตรงหน้าไม่วางตา“เกรงว่าสวรรค์คงยังไม่รับคนบาปเช่นเจ้า”มุมปากของนางยกยิ้มเยาะ “บาปหรือ?...แล้วผู้ที่คิดสังหาร
เซียนหยางยกยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์สตรีผู้นี้ยามนอนหลับช่างไม่ต่างจากเด็กน้อยผู้หนึ่งต่างกันลิบลับกับตอนตื่นขึ้นช่างเป็นสตรีที่ไม่ควรจะเข้าใกล้จริง ๆ“ตายแล้วหรือ!” น้ำเสียงทุ้มเอ่ยออกมาอย่างแข็งกร้าวเขาพลางเดินไปตรงหน้าหยุดลงอยู่ข้าง ๆ เตียงจากนั้นจึงโน้มใบหน้าก้มมองใกล้ จู่ ๆ ภายในใจของเซียนหยางชินอ๋องก็รู้สึกพึงพอใจอยู่มากริมฝีปากอวบอิ่มจมูกรั้นจิ้มลิ้มหรือแพขนตางอนยาวนางเป็นตุ๊กตาผ้างั้นหรือ?ฮั่วซูเม่ยหลับสนิท แม้จะมีเสียงรบกวนทว่านางยังคงไม่ตื่นขึ้นมาดูเพียงส่งเสียงสะลึมสะลือราวกับละเมอเท่านั้น “อือ…”“…..”เซียนหยางเบิกตากว้างตัวแข็งทื่อ ก่อนจะฉุดคิดไว้ตอนนี้ตนกำลังทำอันใดอยู่จึงดีดตัวยืนเหยียดหลังตรงพลางกระแอมไอเล็กน้อย “เจ้าไม่คิดจะตื่นจริง ๆ หรือ!”น้ำเสียงทุ้มเอ่ยดังจากคราวก่อนทว่าไม่ถึงกลับดังเกินไปที่จะปลุกคนทั้งจวนตื่นขึ้นมาได้นางยังคงนอนหลับอย่างสบายใจเรื่องเกิดเมื่อหลายเดือนก่อนแล้วอายุครรภ์ของนางในตอนนี้อยู่ราว ๆ สักสี่เดือนเศษได้ แต่ทุกวันนี้ฮั่วซูเม่ยกลับมีนิสัยเกียจคร้านยิ่งนั้นเหมือนสตรีที่ใกล้คลอดแล้วยามกินก็กินจนหนังท้องตรึงพอยามหลับก็หลับลึกเสมือนว่าตา
ไม่จู่ ๆ เพราะเหตุใดในยามนี้เขามองนางอยู่ถึงมีภาพเหตุการณ์จากค่ำคืนนั้นทับซ้อนขึ้นมากัน เซียนหยางชินอ๋องไม่พร่ำพูดให้เสียเวลา เขาพลันถอนอาภรณ์กระตุกผ้าคาดเอวออกทันที “ข้ามีเวลาไม่มากนักถอดเสื้อผ้าของเจ้าออกซะ” !!!! สีหน้าของนางย่ำแย่อย่างเห็นได้ชัด ฮั่วซูเม่ยตกใจไม่คิดว่าวิธีพิสูจน์ของบุรุษผู้หรือจะหมายความว่าเช่นนี้ “ข้าท้องอยู่ตาบอดหรือไรกัน!” น้ำเสียงหวานตะโกนตอบ หัวใจดวงน้อยพลันเต้นกระหน่ำไม่เป็นจังหวะ ทว่าฮั่วซูเม่ยกับนั่งแน่นิ่งอยู่ที่เดิมไม่ได้ขยับหรือลุกหนีจากไป สายตาของนางยังคงจับจ้องการกระทำของบุรุษตรงหน้าไม่วางตา เพียงชั่วพริบตาเท่านั้นเซียนหยางพลันเปลือยเปล่าต่อหน้าสตรีผู้นี้โดนไร้ความเขินอาย “นี่อย่างไรข้ากำลังพิสูจน์” ตุบ!! “เจ้าคนลามก!” สุดท้ายแล้วความอดทนของนางก็ขาดผึงลง ฮั่วซูเม่ยคว้าหมอนโยนกระแทกใส่เซียนหยางด้วยความโมโห “ใส่เสื้อผ้าเดี๋ยวนี้!” มุมปากหนาหยักยกขึ้นเล็กน้อย ยิ่งเห็นนางเดือดดาลโมโหแทบกระอักเลือดเช่นนี้เซียนหยางยิ่งนึกสนุก “ไฉนคุณหนูฮั่วยังไม่คุ้นชินอีก” เขาพลางก้าวเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้านาง “ค่ำคืนนั้นทั้งข้าและคุณหนูต่างเปลือยเปล่าทั้งคู่มิใช่
“กรี๊ดดดด….!!!”ฮั่วซูเม่ยหวีดร้องสุดเสียงด้วยความเจ็บปวดเมื่อจู่ ๆ ก็สัมผัสได้ว่ามีสิ่งแปลกปลอมสอดแทรกเข้ามาในกายนางด้วยความคับแน่น“อ๊าาา….” น้ำเสียงทุ้มครางแหบพร่าเซียนหยางชินอ๋องกัดฟันกรอดด้วยความปวดหนึบแก่นกาย ไฉนเลยจะคิดว่านางถึงยังคับแน่นเพียงนี้คำตอบภายในใจของเขากระจ่างแจ้งแล้วน้ำเสียงหวานสั่นเครือ “หยุ…หยุดก่อน”สองมือของนางออกแรงดันสะโพกของบุรุษผู้นี้เอาไว้ไม่ให้ขยับ ฮั่วซูเม่ยหอบหายใจเฮือกอีกใจหนึ่งก็นึกหวาดกลัวว่าบุตรในครรภ์จะปลอดภัยหรือเซียนหยางเข้าใจว่านางหมายความว่าอย่างไรจึงยังคงแน่นิ่ง“เจ้ารัดข้าแทบหายใจไม่ออก”ภายในโพลงสวาทอุ่นร้อนบีบรัดแก่นกายของเขาแน่นจนแทบตบะแตก เซียนหยางกัดฟันครั้งแล้วครั้งเล่าอดทนรอคอยให้สตรีใต้ร่างปรับตัวได้อีกสักนิดเขาเองก็เกรงว่าหากรุนแรงไปคงกระทบต่อเด็กในครรภ์ใบหน้าคนงามบิดเบี้ยวเหยเกด้วยความเจ็บปวดจนน้ำตาเล็ด ตั้งแต่วันนั้นนางก็ไม่ได้ร่วมรักกับผู้ใดอีกเลยฮั่วซูเม่ยนึกแล้วก็โมโหบุรุษผู้นี้คอยดูเถอะหากโอกาสมาถึงเมื่อไหร่นางเอาคืนแน่!“ข้าจะทำเบา ๆ” น้ำเสียงทุ้มแหบพร่ากระซิบกระซาบข้างใบหูขาวเนียนหลังจากนั้นจึงขบกัดเล็กน้อยฮั่วซูเม่ยผ
ฮั่วซูเม่ยเดินมาถึงเรือนส่วนหน้าแล้ว สายตาของนางทอดมองเข้าไปข้างในด้วยความแข็งกร้าว มุมปากหยักยิ้มเยาะเล็กน้อย “หากข้าไม่ได้ยินเสียงของพวกบ่าวรับใช้ซุบซิบนินทาเกรงว่าคงไม่มีผู้ใดปริปากบอกข้ากระมังว่ามีบุรุษมาสู่ขอน้องรองแล้วเสียงหัวเราะที่สะท้อนออกมาอย่างสนุกสนานนั้น ทำให้นางทำใจปล่อยผ่านไปไม่ได้จริง ๆ“พี่ใหญ่!”“ซูเออร์!”การปรากฏตัวอย่างกะทันหันของฮั่วซูเม่ยทำให้ผู้คนทั่วทั้งเรือนต่างยกมือทาบอกร้องออกมาด้วยความตกใจไม่น้อย เกรงว่านางคงไม่ได้มาที่นี้เพื่ออาละวาดใช่หรือไม่ใบหน้าของฮั่วซูเม่ยระบายยิ้มกว้าง “ไฉนถึงใจราวกับเห็นผีกันเล่า”“เอ่อ…” ภายในใจของฮั่วหลิงเฟยร้อนรนเกรงว่าสตรีตรงหน้านี้กำลังจะอาละวาดก่อเรื่องแน่ “หลิงเออร์คิดว่าพี่ใหญ่คงกำลังพักผ่อนจึงไม่อยากรบกวน”“รบกวนหรือ” ฮั่วซูเม่ยเลิกคิ้วถามกลับดวงตาเมล็ดซิ่งหลุมตาต่ำก้มมองหน้าท้องของต้นเอง “เรื่องยินดีปรีดาเช่นนี้ไม่นับว่าเป็นการรบกวน”นางหาได้ตาบอดหรือโง่งม…เพียงแค่ปรายตามองแวบหนึ่งก็รู้ว่าคนพวกนี้ต้องการจะกีดกันนางให้ออกห่างจากฮั่วหลิงเฟยจวนสกุลฮั่วนับได้ว่าเป็นจวนสกุลขุนนางสืบทอดกันมารุ่นต่อรุ่น จนกระทั่งภายหลังที่
“ถอยออกไปให้ห่างก่อนที่ข้าจะโมโห”เซียนหยางชินอ๋องเพ่งมองสตรีใต้ร่าง ดวงตาสีดำคมกริบในยามนี้ดูลุ่มลึกยากจะคาดเดาได้ว่ากำลังคิดสิ่งใดอยู่ฤทธิ์ของสุราแรงที่ดื่มเข้านั้นยิ่งทำให้เขาขาดสติ แล้วยิ่งมีสตรีงามอยู่ตรงหน้าอีกเขาเองก็หาใช่ก้อนหินแข็งทื่อ“ดอกไม้งามอยู่ในมือแล้วไฉนถึงต้องปล่อยไปโดยไม่ทันได้สูดดมเล่า” น้ำเสียงทุ้มแหบพร่าเอ่ยกระซิบข้างใบหูของนาง พร้อมกันโน้มใบหน้าสูดดมความหอมจากซอกคอพอได้ยินประโยคนี้พร้อมกับการกระทำที่ล่วงเกิน ฮั่วซูเม่ยไม่อาจสามารถอดทนใจเย็นได้อีกเลย“เจ้าคนมักมาก!”ตุบ!! ตุบ!นางเองก็พอมีแรงอยู่บ้างจึงทำการทุบตีบุรุษร่างโตตรงหน้าที่คร่อมทาบทับไว้ก่อนที่จะอาศัยจังหวะที่บุรุษผู้นั้นงุนงงลุกขึ้นจากเตียงอย่างรวดเร็ว“ข้าน่าจะปล่อยให้เจ้าตายอยู่ในนี้ผู้เดียว”สถานที่แห่งนี้แม้ภายนอกบรรยากาศจะหนาวเหน็บเย็นสะท้านเข้ากระดูกแล้วอย่างไร ทว่าภายในกลับร้อนระอุราวกับกำลังถูกแผดเผาให้มอดไหม้นั่นคือโรงเตี๊ยมไป๋ชานและนางคือนายหญิงของที่นี่ทุกอย่างไม่ว่าเรื่องใดล้วนอยู่ภายใต้การควบคุมของนางฮั่วซูเม่ยปรายตามองบุรุษผู้นั้นความเกรี้ยวกราด แม้ภายในห้องจะมืดสนิททว่ายังคงมีแสงจั
เช้าวันรุ่งขึ้นฮั่วซูเม่ยตื่นขึ้นมาด้วยความเกียจคร้านปนเหนื่อยล้าไปทั่วทั้งร่าง นางสวมใส่อาภรณ์สีฉูดฉาดปักลวดลายเล็กน้อยประดับอย่างประณีตอีกทั้งยังรวบเกล้าผมขึ้นเป็นมวยสูงเฉกเช่นกับสตรีออกเรือนแล้วฮั่วซูเม่ยปล่อยให้พวกสาวใช้จัดการได้อย่างตามใจ เพียงแต่การแต่งแต้มใบหน้านั้นนางเป็นคนลงมือจัดการเองอารมณ์วันนี้ของนางเบิกบานอย่างเห็นได้ชัดพวกสาวใช้ที่อยู่บริเวณในห้องนั้นเห็นท่าทางของคุณใหญ่แล้วก็ต่างพากันกลืนน้ำลายอึกใหญ่ด้วยความเกรงกลัว ไม่บ่อยครั้งนักที่จะเห็นคุณหนูใหญ่อารมณ์ดีเช่นนี้“มีเรื่องยินดีอันใดหรือเจ้าค่ะ” สาวใช้ผู้หญิงใจกล้าเปิดปากถามออกไปฮั่วซูเม่นเหลียวมอง “ข้ายิ้มไม่ได้หรือ” นางเอียงคอเลิกคิ้วถามก่อนจะยกมือลูบท้องของตนเอง “หากมารดาอารมณ์ดีบุตรในท้องก็อารมณ์ดีด้วยมิใช่หรือ”“เจ้าค่ะ!” สาวใช้ผู้นั้นพยักหน้าหงึก ๆ เห็นด้วย ถึงแม้ภายในใจจะรู้แล้วว่าเป็นเรื่องอันใดก็ตาม นางพอปะติดปะต่อได้ว่าคงเป็นเหตุการณ์ที่คุณใหญ่ยกเลิกงานหมั้นหมายจองคุณหนูรองเป็นแน่แม้ทั้งคู่จะเป็นพี่น้องร่วมบิดากันแล้วอย่างไรคุณหนูใหญ่ดันเกิดก่อนคุณหนูรองที่มีมารดาเป็นฮูหยินเอกมีผู้ใดบ้างจะพึงพอใจยอมรั
“กรี๊ดดดด….!!!”ฮั่วซูเม่ยหวีดร้องสุดเสียงด้วยความเจ็บปวดเมื่อจู่ ๆ ก็สัมผัสได้ว่ามีสิ่งแปลกปลอมสอดแทรกเข้ามาในกายนางด้วยความคับแน่น“อ๊าาา….” น้ำเสียงทุ้มครางแหบพร่าเซียนหยางชินอ๋องกัดฟันกรอดด้วยความปวดหนึบแก่นกาย ไฉนเลยจะคิดว่านางถึงยังคับแน่นเพียงนี้คำตอบภายในใจของเขากระจ่างแจ้งแล้วน้ำเสียงหวานสั่นเครือ “หยุ…หยุดก่อน”สองมือของนางออกแรงดันสะโพกของบุรุษผู้นี้เอาไว้ไม่ให้ขยับ ฮั่วซูเม่ยหอบหายใจเฮือกอีกใจหนึ่งก็นึกหวาดกลัวว่าบุตรในครรภ์จะปลอดภัยหรือเซียนหยางเข้าใจว่านางหมายความว่าอย่างไรจึงยังคงแน่นิ่ง“เจ้ารัดข้าแทบหายใจไม่ออก”ภายในโพลงสวาทอุ่นร้อนบีบรัดแก่นกายของเขาแน่นจนแทบตบะแตก เซียนหยางกัดฟันครั้งแล้วครั้งเล่าอดทนรอคอยให้สตรีใต้ร่างปรับตัวได้อีกสักนิดเขาเองก็เกรงว่าหากรุนแรงไปคงกระทบต่อเด็กในครรภ์ใบหน้าคนงามบิดเบี้ยวเหยเกด้วยความเจ็บปวดจนน้ำตาเล็ด ตั้งแต่วันนั้นนางก็ไม่ได้ร่วมรักกับผู้ใดอีกเลยฮั่วซูเม่ยนึกแล้วก็โมโหบุรุษผู้นี้คอยดูเถอะหากโอกาสมาถึงเมื่อไหร่นางเอาคืนแน่!“ข้าจะทำเบา ๆ” น้ำเสียงทุ้มแหบพร่ากระซิบกระซาบข้างใบหูขาวเนียนหลังจากนั้นจึงขบกัดเล็กน้อยฮั่วซูเม่ยผ
ไม่จู่ ๆ เพราะเหตุใดในยามนี้เขามองนางอยู่ถึงมีภาพเหตุการณ์จากค่ำคืนนั้นทับซ้อนขึ้นมากัน เซียนหยางชินอ๋องไม่พร่ำพูดให้เสียเวลา เขาพลันถอนอาภรณ์กระตุกผ้าคาดเอวออกทันที “ข้ามีเวลาไม่มากนักถอดเสื้อผ้าของเจ้าออกซะ” !!!! สีหน้าของนางย่ำแย่อย่างเห็นได้ชัด ฮั่วซูเม่ยตกใจไม่คิดว่าวิธีพิสูจน์ของบุรุษผู้หรือจะหมายความว่าเช่นนี้ “ข้าท้องอยู่ตาบอดหรือไรกัน!” น้ำเสียงหวานตะโกนตอบ หัวใจดวงน้อยพลันเต้นกระหน่ำไม่เป็นจังหวะ ทว่าฮั่วซูเม่ยกับนั่งแน่นิ่งอยู่ที่เดิมไม่ได้ขยับหรือลุกหนีจากไป สายตาของนางยังคงจับจ้องการกระทำของบุรุษตรงหน้าไม่วางตา เพียงชั่วพริบตาเท่านั้นเซียนหยางพลันเปลือยเปล่าต่อหน้าสตรีผู้นี้โดนไร้ความเขินอาย “นี่อย่างไรข้ากำลังพิสูจน์” ตุบ!! “เจ้าคนลามก!” สุดท้ายแล้วความอดทนของนางก็ขาดผึงลง ฮั่วซูเม่ยคว้าหมอนโยนกระแทกใส่เซียนหยางด้วยความโมโห “ใส่เสื้อผ้าเดี๋ยวนี้!” มุมปากหนาหยักยกขึ้นเล็กน้อย ยิ่งเห็นนางเดือดดาลโมโหแทบกระอักเลือดเช่นนี้เซียนหยางยิ่งนึกสนุก “ไฉนคุณหนูฮั่วยังไม่คุ้นชินอีก” เขาพลางก้าวเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้านาง “ค่ำคืนนั้นทั้งข้าและคุณหนูต่างเปลือยเปล่าทั้งคู่มิใช่
เซียนหยางยกยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์สตรีผู้นี้ยามนอนหลับช่างไม่ต่างจากเด็กน้อยผู้หนึ่งต่างกันลิบลับกับตอนตื่นขึ้นช่างเป็นสตรีที่ไม่ควรจะเข้าใกล้จริง ๆ“ตายแล้วหรือ!” น้ำเสียงทุ้มเอ่ยออกมาอย่างแข็งกร้าวเขาพลางเดินไปตรงหน้าหยุดลงอยู่ข้าง ๆ เตียงจากนั้นจึงโน้มใบหน้าก้มมองใกล้ จู่ ๆ ภายในใจของเซียนหยางชินอ๋องก็รู้สึกพึงพอใจอยู่มากริมฝีปากอวบอิ่มจมูกรั้นจิ้มลิ้มหรือแพขนตางอนยาวนางเป็นตุ๊กตาผ้างั้นหรือ?ฮั่วซูเม่ยหลับสนิท แม้จะมีเสียงรบกวนทว่านางยังคงไม่ตื่นขึ้นมาดูเพียงส่งเสียงสะลึมสะลือราวกับละเมอเท่านั้น “อือ…”“…..”เซียนหยางเบิกตากว้างตัวแข็งทื่อ ก่อนจะฉุดคิดไว้ตอนนี้ตนกำลังทำอันใดอยู่จึงดีดตัวยืนเหยียดหลังตรงพลางกระแอมไอเล็กน้อย “เจ้าไม่คิดจะตื่นจริง ๆ หรือ!”น้ำเสียงทุ้มเอ่ยดังจากคราวก่อนทว่าไม่ถึงกลับดังเกินไปที่จะปลุกคนทั้งจวนตื่นขึ้นมาได้นางยังคงนอนหลับอย่างสบายใจเรื่องเกิดเมื่อหลายเดือนก่อนแล้วอายุครรภ์ของนางในตอนนี้อยู่ราว ๆ สักสี่เดือนเศษได้ แต่ทุกวันนี้ฮั่วซูเม่ยกลับมีนิสัยเกียจคร้านยิ่งนั้นเหมือนสตรีที่ใกล้คลอดแล้วยามกินก็กินจนหนังท้องตรึงพอยามหลับก็หลับลึกเสมือนว่าตา
ฮั่วซูเม่ยกะพริบตามองบุรุษตรงหน้าปริบ ๆ โดยไร้ความเกรงกลัวในขณะที่โทสะของเซียนหยางชินอ๋องนั้นเพิ่มขึ้นจนคับอก สายตาคมกริบเพ่งมองสตรีเบื้องหน้าอย่างแข็งกร้าว มุมปากหนาพลันหยักยกขึ้นจากนั้นจึงยกมือขึ้นบีบลำคอนางทันทีอึก!“คิดว่าข้าไม่กล้าสังหารเจ้าหรือ” นัยน์ของเซียนหยางในยามนี้มิต่างจากสัตว์ป่าดุร้ายตนหนึ่งคนที่อวดดีเช่นนี้สมควรถูกสั่งสอนดวงตาจองนางเบิกโพลงกว้างด้วยความตกใจจนสีหน้าซีดเผือดลงทันที และด้วยสัญชาตญาณนางยกมือโอบกอดหน้าท้องของตนเองไว้ทว่ากับมิได้ขัดขืน“……”ฝ่ามือหนายิ่งออกแรงกดบีบมากเรื่อย ๆ เมื่อสตรีผู้นี้ยังเอาแต่จ้องเขม็งไม่ปริปากส่งเสียงวิงวอนเซียนหยางชินอ๋องเองก็อยากจะรู้เช่นกันว่านางจะอดทนไปได้ถึงเมื่อไหร่ “หึ! ใจกล้าอวดดีไม่น้อย”“เซียนหยางชินอ๋องเพคะ!”“……”เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่เหลียวหลังมาตามเสียงจากนั้นจึงผ่อนแรงลงปล่อยมือออกจากลำคอของนาง“แค่ก ๆ แค่ก!” ทันทีที่เป็นอิสระฮั่วซูเม่ยสำลักน้ำลายสูดอากาศหายใจจนหน้าดำหน้าแดงไปหมด ทว่าสายตาของยังคงจดจ้องบุรุษตรงหน้าไม่วางตา“เกรงว่าสวรรค์คงยังไม่รับคนบาปเช่นเจ้า”มุมปากของนางยกยิ้มเยาะ “บาปหรือ?...แล้วผู้ที่คิดสังหาร
“ใจเย็น ๆ ก่อนเถอะหลิงเออร์”“จะให้ลูกใจเย็นอย่างไรกันท่านแม่!” ฮั่วหลิงเฟยกระทืบเท้าด้วยความโกรธ ใบหน้าคนงามบิดเบี้ยวไม่สู้ดีเหอฮูหยินเห็นสภาพของบุตรสาวโศกเศร้าเสียใจเช่นนี้แล้ว คนเป็นมารดาเช่นนางปวดใจยิ่งนัก “ถึงอย่างไรเรื่องนี้ย่อมต้องมีทางแก้ไขแน่”“แก้ไขหรือ…” ฮั่วหลิงเฟยหันมามองมารดาผ่านม่านน้ำตา “เรื่องนี้จะแก้ไขได้อย่างไรกัน”เห็นได้ชัดว่าฮั่วซูเม่ยจงใจแย่งชิงวาสนาของนาง!ตั้งแต่เกิดมาฮั่วหลิงเฟยถูกเลี้ยงดูมาอย่างตามอกตามใจ ขอเพียงเอ่ยปากชี้นิ้วอยากได้อะไรย่อมได้ ภายในใจของนางในตอนนี้ย่อมเต็มไปด้วยความโกรธแค้นทั้งสิ้น“ขอแม่คิดก่อนหลิงเออร์” ฮั่วฮูหยินพลางโอบไหล่บุตรสาวไว้หลวม ๆ ท่าทางของนางราวกับคิดไม่ตกหากเป็นบุตรชายสักตระกูลไม่ว่านางเอ่ยปากญาติฝั่งใดย่อมมีผู้ช่วยเหลือได้แน่ทว่าคนผู้นี้กับมีฐานะเป็นถึงชินอ๋อง นางมองไม่เห็นหนทางเลยฮั่วหลิงเฟยมองมารดานิ่ง ๆ ด้วยความคาดหวังตอนนี้ภายในใจของนางร้อนรุ่มราวกับถูกไฟสุมอยู่ในอก เกรงว่าวาสนาที่นางกำลังตั้งตาเฝ้ารอคอยมาตลอดหลายปีจะถูกช่วงชิงไปในชั่วพริบตาแก้ไขไม่ทันนางโมโหมากจริง ๆแล้วยิ่งแม่สื่อมากมายผู้นั้นเล่นป่าวประกาศไปทั่ว
เช้าวันรุ่งขึ้นฮั่วซูเม่ยตื่นขึ้นมาด้วยความเกียจคร้านปนเหนื่อยล้าไปทั่วทั้งร่าง นางสวมใส่อาภรณ์สีฉูดฉาดปักลวดลายเล็กน้อยประดับอย่างประณีตอีกทั้งยังรวบเกล้าผมขึ้นเป็นมวยสูงเฉกเช่นกับสตรีออกเรือนแล้วฮั่วซูเม่ยปล่อยให้พวกสาวใช้จัดการได้อย่างตามใจ เพียงแต่การแต่งแต้มใบหน้านั้นนางเป็นคนลงมือจัดการเองอารมณ์วันนี้ของนางเบิกบานอย่างเห็นได้ชัดพวกสาวใช้ที่อยู่บริเวณในห้องนั้นเห็นท่าทางของคุณใหญ่แล้วก็ต่างพากันกลืนน้ำลายอึกใหญ่ด้วยความเกรงกลัว ไม่บ่อยครั้งนักที่จะเห็นคุณหนูใหญ่อารมณ์ดีเช่นนี้“มีเรื่องยินดีอันใดหรือเจ้าค่ะ” สาวใช้ผู้หญิงใจกล้าเปิดปากถามออกไปฮั่วซูเม่นเหลียวมอง “ข้ายิ้มไม่ได้หรือ” นางเอียงคอเลิกคิ้วถามก่อนจะยกมือลูบท้องของตนเอง “หากมารดาอารมณ์ดีบุตรในท้องก็อารมณ์ดีด้วยมิใช่หรือ”“เจ้าค่ะ!” สาวใช้ผู้นั้นพยักหน้าหงึก ๆ เห็นด้วย ถึงแม้ภายในใจจะรู้แล้วว่าเป็นเรื่องอันใดก็ตาม นางพอปะติดปะต่อได้ว่าคงเป็นเหตุการณ์ที่คุณใหญ่ยกเลิกงานหมั้นหมายจองคุณหนูรองเป็นแน่แม้ทั้งคู่จะเป็นพี่น้องร่วมบิดากันแล้วอย่างไรคุณหนูใหญ่ดันเกิดก่อนคุณหนูรองที่มีมารดาเป็นฮูหยินเอกมีผู้ใดบ้างจะพึงพอใจยอมรั
“ถอยออกไปให้ห่างก่อนที่ข้าจะโมโห”เซียนหยางชินอ๋องเพ่งมองสตรีใต้ร่าง ดวงตาสีดำคมกริบในยามนี้ดูลุ่มลึกยากจะคาดเดาได้ว่ากำลังคิดสิ่งใดอยู่ฤทธิ์ของสุราแรงที่ดื่มเข้านั้นยิ่งทำให้เขาขาดสติ แล้วยิ่งมีสตรีงามอยู่ตรงหน้าอีกเขาเองก็หาใช่ก้อนหินแข็งทื่อ“ดอกไม้งามอยู่ในมือแล้วไฉนถึงต้องปล่อยไปโดยไม่ทันได้สูดดมเล่า” น้ำเสียงทุ้มแหบพร่าเอ่ยกระซิบข้างใบหูของนาง พร้อมกันโน้มใบหน้าสูดดมความหอมจากซอกคอพอได้ยินประโยคนี้พร้อมกับการกระทำที่ล่วงเกิน ฮั่วซูเม่ยไม่อาจสามารถอดทนใจเย็นได้อีกเลย“เจ้าคนมักมาก!”ตุบ!! ตุบ!นางเองก็พอมีแรงอยู่บ้างจึงทำการทุบตีบุรุษร่างโตตรงหน้าที่คร่อมทาบทับไว้ก่อนที่จะอาศัยจังหวะที่บุรุษผู้นั้นงุนงงลุกขึ้นจากเตียงอย่างรวดเร็ว“ข้าน่าจะปล่อยให้เจ้าตายอยู่ในนี้ผู้เดียว”สถานที่แห่งนี้แม้ภายนอกบรรยากาศจะหนาวเหน็บเย็นสะท้านเข้ากระดูกแล้วอย่างไร ทว่าภายในกลับร้อนระอุราวกับกำลังถูกแผดเผาให้มอดไหม้นั่นคือโรงเตี๊ยมไป๋ชานและนางคือนายหญิงของที่นี่ทุกอย่างไม่ว่าเรื่องใดล้วนอยู่ภายใต้การควบคุมของนางฮั่วซูเม่ยปรายตามองบุรุษผู้นั้นความเกรี้ยวกราด แม้ภายในห้องจะมืดสนิททว่ายังคงมีแสงจั
ฮั่วซูเม่ยเดินมาถึงเรือนส่วนหน้าแล้ว สายตาของนางทอดมองเข้าไปข้างในด้วยความแข็งกร้าว มุมปากหยักยิ้มเยาะเล็กน้อย “หากข้าไม่ได้ยินเสียงของพวกบ่าวรับใช้ซุบซิบนินทาเกรงว่าคงไม่มีผู้ใดปริปากบอกข้ากระมังว่ามีบุรุษมาสู่ขอน้องรองแล้วเสียงหัวเราะที่สะท้อนออกมาอย่างสนุกสนานนั้น ทำให้นางทำใจปล่อยผ่านไปไม่ได้จริง ๆ“พี่ใหญ่!”“ซูเออร์!”การปรากฏตัวอย่างกะทันหันของฮั่วซูเม่ยทำให้ผู้คนทั่วทั้งเรือนต่างยกมือทาบอกร้องออกมาด้วยความตกใจไม่น้อย เกรงว่านางคงไม่ได้มาที่นี้เพื่ออาละวาดใช่หรือไม่ใบหน้าของฮั่วซูเม่ยระบายยิ้มกว้าง “ไฉนถึงใจราวกับเห็นผีกันเล่า”“เอ่อ…” ภายในใจของฮั่วหลิงเฟยร้อนรนเกรงว่าสตรีตรงหน้านี้กำลังจะอาละวาดก่อเรื่องแน่ “หลิงเออร์คิดว่าพี่ใหญ่คงกำลังพักผ่อนจึงไม่อยากรบกวน”“รบกวนหรือ” ฮั่วซูเม่ยเลิกคิ้วถามกลับดวงตาเมล็ดซิ่งหลุมตาต่ำก้มมองหน้าท้องของต้นเอง “เรื่องยินดีปรีดาเช่นนี้ไม่นับว่าเป็นการรบกวน”นางหาได้ตาบอดหรือโง่งม…เพียงแค่ปรายตามองแวบหนึ่งก็รู้ว่าคนพวกนี้ต้องการจะกีดกันนางให้ออกห่างจากฮั่วหลิงเฟยจวนสกุลฮั่วนับได้ว่าเป็นจวนสกุลขุนนางสืบทอดกันมารุ่นต่อรุ่น จนกระทั่งภายหลังที่