Home / รักโบราณ / วาสนารักดวงใจท่านแม่ทัพ / ตอนที่ 4 .1 ฮูหยินผู้เฒ่าเฉิน

Share

ตอนที่ 4 .1 ฮูหยินผู้เฒ่าเฉิน

Author: Deeda k.
last update Last Updated: 2025-05-09 15:16:22

ตอนที่ 4 .1 ฮูหยินผู้เฒ่าเฉิน

นับแต่วันที่ได้รับราชโองการสมรสพระราชทานก็ผ่านมาเจ็ดวันแล้ว ทำให้ในสกุลจางต่างวุ่นวายเรื่องการเชื้อเชิญเหล่าผู้อาวุโสของตระกูลมาร่วมงาน

ญาติสายรอง สายสามที่แยกไปตั้งหลักปักฐานต่างเมืองก็ถูกเชิญกลับมาร่วมพิธีมงคลสมรสสำคัญในครั้งนี้ด้วย

สีหน้าเหล่าญาติพี่น้องย่อมแตกต่างกันออกไป บ้างยินดีราวกับรับโชคใหญ่ หวังพึ่งพาเกาะเกี่ยวบารมีหลานเขยที่มีบรรดาศักดิ์ขั้นปั๋ว บ้างก็มี

สีหน้าย่ำแย่

โดยเฉพาะระดับผู้อาวุโสซึ่งถือกฎตระกูล หัวคิ้วผู้เฒ่าขมวดมุ่นคล้ายวิตกกังวลตลอดเวลา แววตาผิดหวังท้อแท้ ท่าทางห่อเหี่ยวหดหู่ นึกขุ่นเคืองฝ่าบาทที่ตัดสินพระทัยโดยไม่ปรึกษาสักคำ

พลันนึกคิดในใจว่าอย่างไรจางห้าวก็ดำรงตำแหน่งเป็นถึงรองเจ้ากรมพิธีการขั้นสี่ แม้จะมีอำนาจไม่มากเท่าเจ้ากรมทั้งหกหรือผู้บัญชาการสามสำนัก

แต่ก็นับได้ว่ามีผลงานอยู่ไม่น้อยเลย ถือได้ว่าเป็นความภาคภูมิใจสูงสุดของตระกูลจาง แต่กลับมิใช่ขุนนางคนสำคัญพอให้ฝ่าบาทตรึกตรอง

ใส่ใจ

“ฝ่าบาททรงคิดอะไรอยู่ในใจกันแน่” ผู้อาวุโสเฒ่าผมขาวโพลน

ถือไม้เท้านั่งบ่นประโยคนี้ตั้งแต่บ่ายยันเย็น แววตาเป็นประกายกร้าวขึ้นทุกคราด้วยความไม่พอใจ

ตระกูลขุนนางพลเรือนตบแต่งขุนนางฝ่ายทหาร เนิ่นนานแล้วแคว้นสือจ้าวไม่เคยมีประวัติศาสตร์เขียนระบุการดองญาติข้ามฝักฝ่าย

มาก่อน คราวนี้สกุลจางกลับต้องเกิดเรื่องเช่นนี้ นับว่าเป็นเรื่องที่ทางสกุลจางไม่ชอบใจเอาเสียเลย

จางห้าวสบตาฮูหยินผู้เฒ่า ผู้เป็นมารดานับครั้งไม่ถ้วน ความรู้สึกสองแม่ลูกเจือความทอดถอนใจและจนปัญญา ใครไหนเล่าอ่านพระทัยโอรสสวรรค์กระจ่างแจ้ง

อีกประการฮ่องเต้ศักดิ์สูงเกินกว่าที่ขุนนางขั้นสี่จะกล้าตั้งคำถาม

ว่าเหตุใดพระองค์ถึงเลือกสกุลจาง ไม่เลือกสกุลสูงกว่านี้ตบแต่งกับแม่ทัพปั๋วเฉิน

“ผู้คุมกฎโปรดระงับโทสะเจ้าค่ะ” ฮูหยินผู้เฒ่าจางเอ่ยโน้มน้าว

“มาถึงขั้นนี้แล้วมัวตีอกชกหัวถามหาเหตุผลคงไม่เหมาะ”

ใบหน้าเหี่ยวย่นมีรอยยิ้มสุภาพปรากฏ

“ผู้น้อยเห็นว่าจวนของเราควรน้อมรับราชโองการ แล้วเร่งมือเตรียมงานมงคลเถิดเจ้าค่ะ”

ท่าทีหนักแน่นของนาง ทำให้ผู้ร่วมหารือในโถงรับรองจวนหลักคล้อยตามโดยง่าย

ผู้อาวุโสเฒ่าถอนหายใจแผ่วเบา ผงกศีรษะเห็นพ้องคำกล่าวของ

ฮูหยินผู้เฒ่า ราชโองการก็ประกาศแล้วจะหาหนทางใดมาแก้ไขได้เล่า แต่ก็ขอบ่นไปตามประสาคนแก่เท่านั้น

“ทางนั้นส่งสามหนังสือมาหรือยัง”

“เรียนผู้คุมกฎ ทางฮูหยินผู้เฒ่าของจวนปั๋วเฉินส่งเทียบมาแจ้งว่า จะมายื่นสามหนังสือด้วยตนเองเจ้าค่ะ”

ฮูหยินใหญ่ซุนฮุ่ยนั่งนิ่งรับฟังอยู่นาน ก่อนตอบผู้ถามประโยคหนึ่ง

จึงหันมาสบตาสามีเพียงแวบเดียว แล้วกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงอ่อนระโหย

“ได้ข่าวว่าฮองเฮาพระราชทานชุดมงคลสมรสแก่บ่าวสาว ทางนั้นจึงจะนำมามอบให้พร้อมกันเจ้าค่ะ น่าแปลกยิ่งนักที่ฮูหยินผู้เฒ่าจวนปั๋วเฉินมาเยือนด้วยตัวเอง เหมือนอยากจะมากดหัวสกุลจางอย่างไรอย่างนั้น”

มารดาของเจ้าบ่าวมียศถาบรรดาศักดิ์สูงขั้นกว่าตระกูลจาง กระทั่ง

ผู้อาวุโสเฒ่าของตระกูลฝ่ายหญิงยังต้องค้อมศีรษะคารวะนาง

สิ้นคำของฮูหยินใหญ่ซุนฮุ่ย ทุกคนในที่ประชุมหารือมีความคิด

พลุ่งพล่านดุจมรสุมทันตา การที่ฮูหยินผู้เฒ่าปั๋วเฉินมาเยือนสกุลจางนั้น

ล้วนมีนัยแฝงทั้งสิ้น หน้าที่เหล่านี้เป็นของแม่สื่อ ไฉนนางถึงอยากมาเอง เห็นทีตระกูลจางต้องเตรียมตั้งรับกันยกใหญ่เสียแล้ว

ผู้อาวุโสเฒ่าถอนหายใจ อย่างไรก็ยากจะหนีพ้น ก็แค่คารวะต่อสตรีที่มีครอบครัวถือครองบรรดาศักดิ์ปั๋วสักทีสองที คงไม่เสียเกียรติเท่าใดกระมัง

“อาหลันเล่า นางเตรียมตัวเตรียมใจไปถึงไหนแล้ว”

จางห้าวไร้คำตอบ เจ็ดวันมานี้เขายุ่งหัวหมุน จนลืมถามไถ่ถึงบุตรสาวไปเสียสนิท หลังมีราชโองการมาถึงจวน จางหลันก็เอาแต่ร้องไห้สะอึกสะอื้นตัวโยนจนเป็นลม ตัดพ้อบิดาร่วมสองชั่วยาม

เมื่อไม่เป็นผลจึงวิ่งไปเรือนท้ายจวน วิงวอนท่านย่าให้ยื่นมือช่วยเหลือ ท้ายสุดล้วนไม่สำเร็จ จางห้าวตัดสินใจแล้วที่จะมอบภาระหนักอึ้งให้อาหลันเป็นคนแบกรับ ท่านย่าเองก็เห็นพ้อง

ในเมื่ออาอวี้เพิ่งอายุแค่สิบสี่ปียังไม่พ้นวัยปักปิ่น หนำซ้ำยังคบหาอยู่กับกัวจิ้นเต๋อ บุรุษหนุ่มอนาคตไกลจากตระกูลบัณฑิตใหญ่ ซึ่งครองตำแหน่งมหาราชครูสั่งสอนเหล่าองค์ชาย

มองปราดเดียวผู้เป็นบิดาก็เห็นเส้นทางรุ่งโรจน์ของบุตรสาวคนรองเจิดจรัสเป็นดวงดาวบนท้องฟ้าแล้วจึงหมดห่วง

เหลือเพียงแต่อาหลันนี่ล่ะ ที่ชะตาชีวิตครึ่งผีครึ่งคน อายุสิบห้า

ปักปิ่นตั้งแต่ปีที่แล้วแต่ไร้เงาแม่สื่อมาสู่ขอ นางโชคร้ายเรื่องชาติกำเนิดที่มีมารดาเป็นเพียงอนุ ทำให้เหล่าตระกูลสูงส่งไม่อยากเปิดประตูจวนต้อนรับ หากลอดประตูข้าง แต่งเข้านั่งศักดิ์ฐานะอนุก็ว่าไปอย่าง เพราะบุตรีของอนุหรือจะสู้บุตรีของฮูหยิน

“พักนี้ไม่เห็นอาหลันโวยวายอันใด คงทำใจได้แล้วเจ้าค่ะ”

ฮูหยินใหญ่ซุนฮุ่ยยื่นหน้าตอบแทนสามีที่อึกอักอ้ำอึ้งไม่ปริปากตอบ

ผู้อาวุโสเสียที

“ดี เช่นนั้นก็เตรียมสินสอดให้อาหลัน เอาที่เหมาะสมกับบรรดาศักดิ์ปั๋วเฉินฮูหยินก็แล้วกัน” ผู้อาวุโสเฒ่ารู้สึกเหนื่อยล้า จึงโบกมือยุติการหารือเพียงเท่านี้

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • วาสนารักดวงใจท่านแม่ทัพ   ตอนพิเศษ 2.2

    ตอนพิเศษ 2.2ส่วนคุณหนูรองจางเหม่ยอวี้ ดูเหมือนว่าจะมีนิสัยตรงกันข้ามกับพี่สาว หยิ่งผยองเงียบขรึมพูดน้อย ดื้อรั้นเอาแต่ใจ รักความสงบเงียบ ไม่ค่อยสุงสิงเข้าสังคม แต่นับเป็นคนมีวาสนาดี เพราะคบหาอยู่กับคุณชายกัว ชาวเมืองครหาไว้อย่างนั้นแต่เพราะแม่ทัพปั๋วเฉินชิงซงอยู่ท่ามกลางสมรภูมิรบมาทั้งชีวิตย่อมเข้าใจเรื่องที่ว่า ‘การศึกไม่เคยหน่ายอุบาย’ ฉะนั้นเสียงนกกาสุนัขหมาป่าเห่าหอนที่ชาวเมืองคอยเต้าข่าว เขาไม่คิดเชื่อ ต้องพิสูจน์ด้วยตัวเองชายหนุ่มต้องการดูเนื้อแท้ของสองตัวเลือก เพราะพวกนางหนึ่งในนี้จะต้องกลายเป็นสตรีที่เคียงข้างกายเขาไปตลอดชีวิต ในใจเขาจึงคิดไว้ว่านางต้องอ่อนโยนรู้กาลเทศะ ละเอียดลออเคร่งครัดจนไร้ช่องโหว่ อีกทั้งยังต้องฉลาดหัวไว ใจเยือกเย็น รู้เท่าทันเล่ห์อุบายต่ำทรามนานา เพราะจะได้สามารถเอาตัวรอดจากภัยอันตรายที่ซุ่มซ่อน ในขณะที่แม่ทัพเช่นเขาออกศึกไม่พำนักอยู่จวนทาสอัปลักษณ์หลังค่อมเดินลัดเลาะมาถึงระเบียงทางเดินดักรอคุณหนูรอง ส่วนคุณหนูใหญ่ยังคงอยู่แต่ในเรือนนอนไม่ได้ออกไปไหน“โอ๊ย! เดินอย่างไรไม่ดูตาม้าตาเรือ” จื่อผิงเอะอะโวยวายขึ้นหลังมีทาสชายหลังค่อมถอยมาชนปึก!ทาสอัปลักษณ

  • วาสนารักดวงใจท่านแม่ทัพ   ตอนพิเศษ 2.1

    ตอนพิเศษ 2.1“เจ้าว่าอะไรนะ”ขุนนางฝ่ายบู๋ลำดับศักดิ์ปั๋ว ตระกูลเฉินนามชิงซง หรือแม่ทัพกองทัพจูเชว่คุ้มครองแดนใต้เงยหน้าขึ้นจากรายงานทางการทหาร หว่างคิ้วยับย่นฉับพลัน อดย้อนถามอย่างตกใจไม่ได้ หลังฟังคำบอกเล่าจากปากลูกน้องคนสนิท“เมื่อครู่ใครมาเข้าพบท่านแม่ แล้วชี้นำให้ท่านแม่ทำอะไรนะ...เปลี่ยนตัวเจ้าสาวพระราชทานอย่างนั้นหรือ” น้ำเสียงของแม่ทัพหนุ่มเปี่ยมด้วยความสนอกสนใจ ความรู้สึกหลายอย่างเกิดขึ้น ทั้งสับสนสงสัย ทั้งตะลึงและประหลาดใจ ก่อนตบท้ายด้วยขุ่นเคือง หากสิ่งที่ได้ฟังมาเป็นความจริง‘ตระกูลจางคิดจะสลับตัวเจ้าสาว’รองผู้บัญชาการกองทัพจูเชว่เผิงเสียนจือ ลอบกลืนน้ำลายด้วยความประหม่า อดคิดในใจไม่ได้ว่าท่านแม่ทัพจะเพิกเฉย ไม่นึกยี่หระเสียอีก เขามารายงานตามปกติประจำวันไม่ได้เน้นเสียง หรือจงใจให้เจ้านายหันเหสนใจเรื่องดังกล่าวแต่งคนไหนก็เหมือนกันมิใช่รึ อย่างไรก็ไม่ได้แต่งด้วยความรัก รองแม่ทัพหนุ่มชะงักพักหนึ่งหยุดไปประมาณห้าอึดใจ จึงเริ่มเล่าวกเรื่องเมื่อครู่อีกครั้ง“ฮูหยินผู้เฒ่าโมโหไม่น้อยเลยขอรับ” คนรายงานตามจริงถอนใจเศร้าๆ หลายครา นึกสงสารชะตากรรมคุณหนูรองที่มีแม่เลี้ยงเฉกเช่นอ

  • วาสนารักดวงใจท่านแม่ทัพ   ตอนพิเศษ 1.2

    ตอนพิเศษ 1.2ชายหนุ่มกำลังจะโผกายสวมกอดภรรยา ทว่านางบีบจมูกและย่นหว่างคิ้ว เขาจึงเข้าใจทันทีว่า มันเป็นเพราะกลิ่นกายตนที่ทำให้อีกฝ่ายอาเจียนมากมายขนาดนั้น จึงไม่กล้าผลีผลามเข้าใกล้อย่างคราแรก ๆ อีกทว่าในจังหวะแห่งความปลื้มปีตินั้นเอง อยู่ ๆ รองแม่ทัพเผิงวิ่งเข้ามาขัด พร้อมรายงานด่วนทางการทหาร บอกแก่เขาว่ามีข้าศึกโจมตี ทำให้แม่ทัพหนุ่มจำต้องโบกมืออำลาภรรยาที่กำลังแพ้ท้องอย่าหนักหน่วงด้วยความห่วงอาลัยยิ่ง“พี่จะรีบกลับมา น้องหญิงรอพี่ก่อนนะ” เขากล่าวคำลาด้วยใจที่ย่ำแย่ มองใบหน้าฮูหยินคนงามที่มองเขาตอบด้วยสายตาอย่างยากจะคาดเดาออกในวันนั้นจางเหม่ยอวี้ไม่มีคำลาใด ๆ หรืออวยพรให้เขาชนะศึก การกระทำที่นิ่งเฉยของนาง ทำเอาแม่ทัพผู้เด็ดเดี่ยวใจสั่นไหว เสมือนมีมือที่มองไม่เห็นมาบีบหัวใจจนปวดหนึบนับจากวันอำลา เฉินชิงซงรู้สึกเดียวดายเปล่าเปลี่ยวยิ่งนัก เขาเอาแต่คิดถึงใบหน้าหวานของภรรยาตลอดทั้งวันทั้งคืน ความห่วงหาอาทรแผ่ซ่านทุกห้วงอณู ศึกก็ต้องรบ ทว่าหัวใจหดหู่ทำให้ส่งผลกระทบต่อการวางแผนกลศึก กระทั่งเหล่านายกอง รวมถึงรองแม่ทัพต่างวิตกว่าสุขภาพของท่านแม่ทัพจะย่ำแย่ จึงแนะนำให้เขาเขีย

  • วาสนารักดวงใจท่านแม่ทัพ   ตอนพิเศษ 1.1

    ตอนพิเศษ 1.1หลังจากเข้าพิธีสมรสได้หนึ่งเดือน เฉินชิงซงต้องวุ่นวายกับการโยกย้ายจวน เดินทางจากเมืองหลวงลงแดนใต้ กว่าจะถึงเมืองชายแดนจูเชว่ต้องใช้เวลาไปอีกหนึ่งเดือนครึ่ง ระยะนี้เขากับฮูหยินตัวน้อยจึงมิได้สานสัมพันธ์แนบแน่นกันเลยวันนี้ตั้งใจแน่วแน่ จะร่วมคืนวสันต์แสนหวานกับผู้เป็นภรรยา แค่คิดเรื่องสัปดน หัวใจก็เต้นโครมครามยากระงับไหว เลือดลมสูบฉีดจนใบหน้าคมคายแดงซ่าน ดวงตาคมทอประกายวาบวาม มิต่างอันใดกับทะเลยามราตรีที่เต็มไปด้วยคลื่นใต้น้ำ“อวี้เอ๋อร์ เจ้ากำลังรอเหมือนพี่อยู่หรือไม่นะ” แม่ทัพหนุ่มรำพึงรำพันด้วยความสุขล้น สองมือเร่งหยิบรายงานทางการทหารที่กองพะเนินมาเปิดอ่าน เขาต้องประทับตราลงนามให้เสร็จแล้วรีบกลับจวนเฉินชิงซงใจเริ่มคุ้นชินกับการมีจางเหม่ยอวี้อยู่ข้างกาย ไม่ว่าตอนตื่นลืมตาช่วงเช้า รับสำรับมื้อแรกช่วงสาย ปิ่นโตมื้อกลางวัน และสำรับเย็นที่เรือนท่านแม่ก่อนปิดท้ายวันด้วยการเข้านอนทว่าพอถึงเวลาค่ำคืนของสามีภรรยา เขากับนางกลับทำเพียงแค่โอบกอด แล้วพากันสู่นิทรามิได้ลึกซึ้งเหมือนเช่นคืนเข้าหอแต่ในคืนนี้เฉินชิงซงตั้งใจเป็นมั่นเป็นเหมาะว่า เขาจะต้องร่วมหอกับภรรยาตัวน้อยให้จงไ

  • วาสนารักดวงใจท่านแม่ทัพ   บทส่งท้าย บทสรุปของคำว่าครอบครัว(3)

    บทส่งท้าย บทสรุปของคำว่าครอบครัว(3) จากประโยคนี้ของสามี จางเหม่ยอวี้ถึงกับโผเข้าไปสวมกอดเขาเอาไว้ บุรุษผู้นี้ช่างดีต่อนางยิ่งนัก นางทำตัวร้ายกาจ วางแผนสังหารคนขนาดนี้ แต่เขาก็ยังเลือกที่จะอยู่เคียงข้างและปกป้องนาง เช่นนี้แล้วนางจะไม่เปิดรับเขาเข้ามาอยู่ในใจได้อย่างไร“ท่านพี่ขอบคุณท่านมาก ขอบคุณ”“ไม่ต้องขอบคุณแล้ว เราเป็นสามีภรรยากัน ไม่มีเรื่องที่ต้องเกรงใจ”เฉินชิงซงยิ้มให้กับภรรยา หลังจากนี้เขาหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะไม่มีเรื่องใดผ่านเข้ามาทำให้ภรรยาของเขาต้องเคร่งเครียดและเสียน้ำตาอีกแล้วจวนปั๋วเฉินแห่งแดนใต้จูเชว่หนึ่งปีแล้ว หลังจากโยกย้ายครอบครัวมาอยู่แดนใต้ เริ่มแรกก็ยุ่งเหยิงวุ่นวายยกใหญ่ จางเหม่ยอวี้สตรีเมืองหลวงผู้เพียบพร้อมจรรยามารยาทงดงาม ไม่คุ้นชินกับชาวบ้านชนบทที่พูดจาเสียงดัง ท่าทางกร่างจัด ไม่เคารพธรรมเนียมปฏิบัติ หลักการข้อไหนก็ไม่ยึดถือจางเหม่ยอวี้โชคดีที่มีสามีคอยแนะนำ มีแม่สามีสอนสั่ง ประเพณีที่นี่เป็นเช่นไร พึงศึกษาอยู่ไม่นานนักก็สามารถปรับตัวได้ทางด้านจื่อผิงออกเรือนแต่งเป็นอนุให้รองแม่ทัพเผิง ไม่รู้ไปต้องตาพึงใจกันตอนไหน จื่อผิงอยู่ชนชั้นทาสมาตั้งแต่เกิด

  • วาสนารักดวงใจท่านแม่ทัพ   บทส่งท้าย บทสรุปของคำว่าครอบครัว(2)

    บทส่งท้าย บทสรุปของคำว่าครอบครัว(2)เตียง ทั้งสองแลกเปลี่ยนจุมพิตกันอย่างยาววนาน ก่อนจะเริ่มเพิ่มความเร่าร้อนขึ้น ด้วยการสอดประสานกายเป็นหนึ่งเดียวกัน เช้าวันรุ่งขึ้น สองสามีภรรยาเดินทางไปยังกองบัญชาการแห่งทัพจูเชว่ ซึ่งจางเหม่ยอวี้ได้พบกับจือหมิ่น น้องสาวของจือลิ่ว อดีตคนสนิทของอนุหลินจริง ๆ ทันทีที่จือหมิ่นเห็นว่าคนที่ก้าวเข้ามายังห้องที่นางถูกควบคุมตัวไว้เป็นใครก็มีสีหน้าซีดเผือด แข้งขาของเจ้าตัวพลันอ่อนแรง ล้มลงไปนั่งกองกับพื้น ปากคอสั่นจนหาเสียงตนเองไม่พบ“ดูท่าเจ้าคงจดจำนางได้สินะ”เฉินชิงซงมองอีกฝ่ายอย่างจับผิด และคนตรงหน้าก็ยิ่งตัวสั่นกว่าเดิม เมื่อมองไปยังจางเหม่ยอวี้ที่จ้องมองมาอย่างไม่วางตา“คุณหนูรอง”“เจ้ารู้จักข้าด้วย ทั้งที่เราไม่เคยพบกันแท้ ๆ” จางเหม่ยอวี้กล่าวเหมือนนึกทึ่ง พลางเดินเข้าไปนั่งอยู่ต่อหน้าอีกฝ่ายที่คุกเข่าอยู่บนพื้นด้วยร่างกายที่สั่นเทาจากนั้นเฉินชิงซงก็เริ่มสอบถามเรื่องราวต่าง ๆ และแม้ว่าเขาจะไม่ได้ใช้วิธีทรมานใด ๆ เพื่อให้จือหมิ่นยอมพูดความจริง หญิงสาวตรงหน้าที่มีความผิดบาปฝังมาในใจเนิ่นนานแล้วก็สารภาพออกมาอย่างหมดเปลือกและแล้วเรื่องราวตลอ

  • วาสนารักดวงใจท่านแม่ทัพ   บทส่งท้าย บทสรุปของคำว่าครอบครัว(1)

    บทส่งท้าย บทสรุปของคำว่าครอบครัว(1)“นี่ข้าวของของข้า เจ้ากล้าดีอย่างไรถึงโยกย้ายมันโดยพลการ!”ภายในจวนปั๋วเฉินเกิดความวุ่นวายขึ้น เสียงแว้ด ๆ ที่ดังอยู่ผู้เดียวจะเป็นใครได้ หากไม่ใช่น้องสาวของรองแม่ทัพเผิงชิ่นหลิงถลึงตามองจางเหม่ยอวี้ ดวงตาวาววับแทบลุกเป็นไฟ นางจะไม่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟได้อย่างไร จู่ ๆ ภรรยาของแม่ทัพที่เพิ่งตบแต่งได้ไม่นานก็ทำท่าวางอำนาจ ฉวยโอกาสตอนนางออกไปเที่ยวใช้ทาสมาเก็บข้าวของในเรือนรับรองใส่หีบ“เพราะข้าเป็นฮูหยินของจวนเฉินอย่างไรเล่า เจ้าเล่า! มีสิทธิ์อันใดอาศัยที่นี่ กาฝากรึ” จางเหม่ยอวี้ตอกกลับได้อย่างแสบทรวง “อีกประการข้าถามท่านพี่กับท่านแม่แล้ว พวกเขาไม่ได้เต็มใจต้อนรับเจ้า เพียงแต่ยังเกรงใจท่านรองแม่ทัพเผิงเท่านั้น”“นี่เจ้า!” เผิงชิ่นหลิงกรีดร้องด้วยความเดือดดาล นางชี้นิ้วใส่เฉินเย๋ปั๋วฟูเหรินอย่างไร้มารยาทยิ่งจางเหม่ยอวี้ที่ดำรงตำแหน่งภรรยาของจวนแม่ทัพไม่มีท่าทีโกรธเกรี้ยว นอกเสียจากเหยียดยิ้มชั่วร้ายให้กับท่าทางของสตรีที่ทำตัวไม่ต่างกับหนูสกปรกตัวหนึ่ง“ท่านรองแม่ทัพเคลื่อนกำลังพลกลับจูเชว่ตั้งแต่ราชโองการออกมาแล้ว เจ้ายังหน้าด้านอยู่จวนเฉินอีกรึ”“เจ้

  • วาสนารักดวงใจท่านแม่ทัพ   บทที่ 15สุขทุกข์ร่วมแบ่งเบา

    บทที่ 15สุขทุกข์ร่วมแบ่งเบาเฉินชิงซงเห็นภรรยามีท่าทีไม่สบายใจมาหลายวันแล้ว อีกทั้งหลายครั้งนางก็เหมือนจะเหม่อลอย เวลาเขาสนทนาด้วยบางทีก็ตอบช้าไปกว่าทุกครั้งคล้ายมีเรื่องครุ่นกังวล“น้องหญิง เจ้ากังวลเรื่องใดหรือ เหตุใดพักนี้เจ้าจึงเหม่อลอยพิกล”แม่ทัพหนุ่มเอ่ยถามออกมาด้วยความห่วงใย ฝ่ายผู้เป็นภรรยาทำสีหน้าไม่ถูก ที่ผ่านมานางถูกสอนสั่งให้เอาใจใส่สามี เมื่ออีกฝ่ายพูดออกมาเช่นนี้จึงรู้สึกไม่สบายใจ กังวลไปว่าตนเองบกพร่องในหน้าที่ฮูหยินของเขาหรือไม่“ขออภัยเจ้าค่ะท่านพี่”“ไม่มีเรื่องใดต้องขอโทษ เจ้าไม่สบายใจ พี่ควรช่วยเจ้าแบ่งเบา มีอะไรก็ว่ามาเถิด เราสองคนเป็นสามีภรรยากันแล้วนะ”เขาเว้นคำพลางมองลึกเข้าไปในดวงตาที่หม่นแสงของภรรยา ฉวยจับมือเล็กไว้มั่น แม้แต่งงานกันได้ไม่นาน แต่เขาก็เอื้ออาทรในตัวของจางเหม่ยอวี้อย่างยิ่ง จึงไม่ต้องการเห็นนางมีเรื่องหม่นหมองในใจ“จำไว้...ไม่มีเรื่องใดที่บอกกล่าวพี่ไม่ได้”แววตาของสามีที่ทอดมองมาอ่อนโยนยิ่งนัก หญิงสาวเห็นแล้วก็รู้สึกซาบซึ้งในใจ เฉินชิงซงอาจเป็นคนเย็นชาพูดน้อย แต่แท้จริงกลับใส่ใจทุกเรื่องของนาง ขนาดเขาออกไปตรวจค่ายทหารทุกวัน และเจอนางไม่

  • วาสนารักดวงใจท่านแม่ทัพ   ตอนที่14.2 มดปลวกรวมตัว(2)

    ตอนที่14.2 มดปลวกรวมตัว(2)ฉางทิงกับบ่าวฉกรรจ์อีกสามคนฉุดกระชากลากถูคนร้ายไปตามระเบียงไม่คิดไว้ไมตรีทะนุถนอมอันใด ฟู่หว่ากรีดร้องจนสุดเสียงก็ไม่มีใครยื่นมือเข้าช่วยฮูหยินผู้เฒ่ายืนทอดสายตามองฟู่หว่า เด็กสาวที่นางเลี้ยงดูมากับมือทว่ากลับหลงเดินทางผิดถูกคนเลวหลอกใช้“ท่านแม่ อากาศเย็นแล้ว กลับเข้าห้องเถอะเจ้าค่ะ” จางเหม่ยอวี้ปั้นหน้าแย้มยิ้มระรื่น ทำเป็นมองไม่เห็นแม่สามีที่กำลังตรอมตรม“อือ รบกวนเจ้าแล้ว” หรูหรั่นเซียงถอนหายใจ ล้วงผ้าเช็ดหน้าซับหยดน้ำตา แล้วให้ลูกสะใภ้ประคองเข้าห้องนอน“แม่ขอโทษนะที่ตัดวาสนาของเจ้ากับคุณชายกัว”“อย่าคิดมากเลยเจ้าค่ะ เรื่องมันผ่านไปแล้ว” จางเหม่ยอวี้สั่นศีรษะพร้อมกับส่งยิ้มให้กับแม่สามีอย่างจริงใจ “ลูกรู้สึกว่าตนเองนั้นช่างโชคดีนัก ที่วันนั้นท่านแม่เลือกให้ลูกมาเป็นสะใภ้”“ไม่เคืองจริงหรือ” แม่สามีเย้าลูกสะใภ้ โดยที่มีจินหรงมามาอมยิ้มปลื้มปริ่มเดิมตามหลัง“ความจริงครั้งแรกก็รู้สึกโกรธเคืองไม่น้อยเจ้าค่ะ เพราะลูกฝึกฝนจรรยาฮูหยินเรือนหลังจวนขุนนางฝ่ายบุ๋นอย่างลำบากมานาน” ลูกสะใภ้หัวเราะเบาๆ อย่างเหนียมอายแม่สามีพยักหน้าเล็กน้อยอย่างเข้าอกเข้าใจ จรรยาสตรี

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status