แชร์

ตอนที่ 10.1 สุราราคะ

ผู้เขียน: Deeda k.
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-05-09 15:21:22

ตอนที่ 10.1 สุราราคะ

ขันทีน้อยจากไปราวหนึ่งเค่อ ภายในห้องหอตกอยู่ในความเงียบชนิดที่เข็มตกพื้นยังดังสะท้อนกึกก้อง บรรยากาศอบอวลไปด้วยความสิ้นหวังและความหวาดหวั่นจนสามนายบ่าวหายใจติดขัด

จางเหม่ยอวี้ลนลานทำอะไรไม่ถูก กลอกดวงตาไปมาระหว่าง

ใช้ความคิด และตอนนี้นางรู้สึกได้ถึงความไม่สบายตัวหลังดื่มสุราจอกนั้น

ยิ่งเวลาล่วงผ่านไปก็ยิ่งอึดอัดร้อนรุ่มอย่างแปลกประหลาด หญิงสาวพยายามสูดลมหายใจเข้าปอด จนสาวใช้ที่อยู่ด้วยกันหน้าถอดสี กังวลไปกับอาการของนายสาว

จางเหม่ยอวี้เหงื่อไหลออกมาเต็มใบหน้า นางนั่งซึมกะทือเบื้อใบ้คล้ายนักโทษรอเวลาขึ้นลานประหาร หัวใจเย็นเยียบไปทั้งดวง พลันความคิดหนึ่งปรากฏขึ้นในใจ ด้วยคิดไปว่าสุรามงคลพระราชทานที่เพิ่งดื่มไปไม่นานต้องมีอะไรบางอย่างผิดปกติอย่างแน่นอน

บิดานางเผลอล่วงเกินเชื้อพระวงศ์องค์ใดกันหรือ ไฉนฝ่าบาทกับฮองเฮาถึงประทานยาพิษแก่นางในวันสมรสเช่นนี้

หลังจากครุ่นคิดอยู่นานกลับหาข้อสรุปไม่เจอ ความกลัวที่ฝังลึกในจิตใต้สำนึกกำลังแผ่ซ่านกระจายไปทั่ว มือเล็กสั่นไหวไม่หยุด

“ฮะ...ฮูหยินเจ้าคะ ระ...เราไปตามหมอดีหรือไม่” อาหู่ละล่ำละลักเสียงสั่น นางรู้สึกหวาดกลัวไม่น้อย ส่วนจื่อผิงดวงตาแดงก่ำ พยายาม

อดกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหล นี่เป็นข้อดีข้อเสียของสองสาวใช้ คนสนิทของ

จางเหม่ยอวี้

อาหู่ฉลาดมีไหวพริบรู้ประสารู้กาลเทศะ แต่อ่อนไหวตามแรงอารมณ์ จื่อผิงเด็ดเดี่ยวหลักแหลมกล้าแกร่ง แต่ความอดทนต่ำ ทว่าทุกสถานการณ์ที่เผชิญมักเป็นจื่อผิงที่ไม่ลนลาน แต่ถ้าหากสติขาดผึงเมื่อใดนางก็เป็นคนเอาเรื่อง บุกทะลวงไม่สนหน้าไหนทั้งสิ้น

“อาหู่ เจ้าคิดอะไรตื้นเขินเกินไปแล้ว” จื่อผิงย่นคิ้ว หลับตาระงับความเดือดดาลแล้วถอนใจ พร้อมกับกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงขรึม

“จะบอกท่านหมอว่าอย่าไร ฝ่าบาทวางยาพิษในสุรามงคลที่มอบแก่เฉินเย๋ปั๋วฟูเหริน[1]อย่างนั้นหรือ หากข่าวนี้หลุดออกไป หมอที่ไหนจะกล้า

เข้ามาทำการรักษากันเล่า” จื่อผิงเสียงสั่นเครือ ทำเป็นแข็งใจกลั้นน้ำตาไว้ ทั้งที่นางเองก็อยากกรีดร้องด้วยความสงสารนายสาว

จางเหม่ยอวี้พยักหน้าเห็นพ้อง ก่อนจะถอนใจแล้วพูดอย่างอารมณ์ดี ทั้งที่แท้จริงแล้วนางเองก็รู้สึกหวาดกลัว จนขวัญผวาอยู่ไม่น้อย ทว่าได้พยายามฝืนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เป็นนานกว่าหัวใจที่เต้นไม่เป็นส่ำจะสงบ

“อาหู่ไม่ต้องวิตก ผ่านมาหนึ่งเค่อแล้ว ข้ายังไม่เป็นอะไร แปลว่าในสุรานั่น อาจไม่มียาพิษเจือปน” หญิงสาวฝืนยิ้มนิดๆ ทว่ารอยยิ้มนั้นกลับส่งไปไม่ถึงแววตา

“จะ...จริงหรือเจ้าคะ แต่ข้าว่าท่านมีอาการไม่สู้ดีเลย”

“จริงสิ” จางเหม่ยอวี้รู้ดีว่าไม่อาจปิดปังสิ่งที่เกิดขึ้นกับร่างกายได้ทั้งหมด แต่คำยืนยันนั่นก็คงพอทำให้สาวใช้ขี้ตื่นกลัวคลายความกังวลลง

ได้บ้างกระมัง

“ไม่เป็นอะไรแน่นะเจ้าคะ”

“ข้าไม่เป็นอะไรแล้วจริงๆ พวกเจ้าอย่าได้ห่วงเลย”

เมื่อได้รับคำตอบอันหนักแน่น จื่อผิงก็ถอนหายใจอย่างเหน็ดเหนื่อยใจที่คอยลุ้นระทึกไปด้วยค่อยสงบลง หัวสมองขบคิดไปไกล ว่า หากฮ่องเต้ประทานความตายแก่เจ้านายแล้ว มดปลวกเช่นนางจะไปร้องขอความยุติธรรมจากไหน

ศาลเจ้าเมือง ศาลอาญา ศาลยุติธรรม ล้วนอยู่ใต้บัญชาฝ่าบาทหมดสิ้น ดูท่าแล้วจื่อผิงกับอาหู่คงจำต้องตายตามนายไปติดตามรับใช้ในเมืองผี เรื่องตายพวกนางไม่กลัว แต่สิ่งที่ห่วงกังวลยิ่งกว่า คือชีวิตของผู้เป็นนายที่พวกนางนั้นรักนักหนา

“เช่นนั้น ฮูหยินพักผ่อนก่อนเถอะเจ้าค่ะ งานเลี้ยงคงอีกนานกว่าจะแล้วเสร็จ”

จื่อผิงทำเป็นใจหนักแน่นเดินไปจัดผ้าปูเตียงให้เรียบตึง ในใจเป็นห่วงเจ้านายตัวน้อยจนแทบบ้า ตั้งแต่เช้ามืดยันตอนนี้เกือบเย็นย่ำยังไม่ได้พักสายตาหรือกระทั่งหยุดนิ่ง ๆ เลย

“ทะ...ทำไมหน้าแดง และ…และเหงื่อออกท่วมตัวแบบนี้เล่าเจ้าคะ”

อาหู่เห็นอาการผิดปกติของนายสาวที่ไม่อาจปกปิดได้มิด

“อากาศไม่ได้ร้อนอบอ้าวอันใดเลย”

ตรงกันข้ามสายลมพัดโชยเย็นเยือก เพราะท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นสีส้มในยามพลบค่ำแล้ว อีกประการเรือนหอแห่งนี้มีต้นไม้ปกคลุมไปทั่ว ทุกที่ล้วนมีร่มเงาไม้เป็นสถานที่หลบร้อนและบังแดดบังฝน

จางเหม่ยอวี้ยกหลังมือปาดเช็ดเม็ดเหงื่อที่ผุดพรายขึ้นมาบนหน้าผากไม่หยุด นางรู้สึกเช่นเดียวกับคำบอกเล่าของสาวใช้คนสนิท มากไปกว่านั้นอาการที่นางฝืนทนได้ในช่วงแรกกลับยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น ความร้อนค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นจากภายใน และกระจายไปทั่วร่างกายแล้วตอนนี้ โดยเฉพาะตรงท้องน้อยที่เหมือนมีบางอย่างว่ายวนอยู่ในนั้น ลำคอแห้งผากคล้ายกลายเป็นผุยผง กระหายน้ำจนต้องกลืนน้ำลายบ่อยขึ้น

‘เกิดอะไรขึ้นกับข้า!’ จางเหม่ยอวี้ร้องถามตนเองในใจ ยามนี้นางรู้สึกเร่าร้อนมากกว่าเดิม ราวกับมีเปลวเพลิงสุมในช่องท้อง แม้แต่ยอดปทุมถันก็เหมือนจะแข็งขึงเป็นตุ่มไต

“ดื่มก่อนเจ้าค่ะ” จื่อผิงไม่พูดพร่ำทำเพลง รินน้ำเปล่ายื่นส่งให้เจ้านายทันควัน นางหันสบตากับอาหู่ แล้วอุทานพร้อมกันอย่างไม่ได้

นัดหมาย

“อย่าบอกนะว่า...มิใช่สุราเจือยาพิษแต่เป็น...สุราราคะ!” จื่อผิงว่องไวกว่าอาหู่ที่ยืนตกตะลึงอึ้งงัน “บ่าวจะไปเตรียมน้ำแช่ตัวเจ้าค่ะ”

“สะ...สุราราคะอย่างนั้นหรือ!” จางเหม่ยอวี้ตาเบิกกว้าง นางไม่คิดเลยว่าเรื่องพรรค์นี้จะมาถึงตัว

สุราราคะไม่ใช่ยาพิษ เช่นนั้นจึงไม่มียาใดมาถอนพิษได้ หากเป็นสุราที่มาจากหอนางโลมวิธีแก้ย่อมไม่ยุ่งยาก หากเป็นชายก็แค่เพียงหาที่ระบายปลดปล่อย เป็นหญิงก็ให้แช่ตัวในน้ำเย็น หรือไม่ก็ดื่มยานอนหลับให้หลับไปเสีย

ทว่าสุราราคะที่มาจากในรั้วในวัง สองสาวใช้ไม่รู้วิธีบรรเทาฤทธิ์เดชของมันเลยแม้แต่น้อย

“อาหู่! เจ้าหาวิธีต้มยาในโรงครัวได้หรือไม่” จื่อผิงร้อนใจไปหมด ยิ่งเห็นเจ้านายหนีบขาเข้าหากัน มือไม้ลูบคลำตัวเองแล้วรู้สึกเลือดพุ่งขึ้นสมอง

“ข้าจะไปดูลาดเลาเดี๋ยวนี้” อาหู่รีบตอบ อกสั่นขวัญแขวนจนมือไม้เย็น. หากแขกเหรื่อรู้เรื่องเจ้าสาวในงานต้องยาปลุกกำหนัดขึ้นมาจะเป็น

เช่นไร ยิ่งนางคิดใจก็ยิ่งเต้นแรงไม่หยุด

“ข้าจะรีบกลับมา” อาหู่กล่าวเสียงสั่นก่อนเร่งรีบเปิดประตู

ทว่าเมื่อเลื่อนบานประตูออกไปอาหู่ก็ต้องตกใจอุทานดังลั่น เมื่อมีบุรุษรูปร่างสูงใหญ่ปรากฏกายตรงหน้าห้อง

“ท่านปั๋ว!” เฉินชิงซงมีเผิงเสียนจือประคับประคองมาส่งถึงเรือนหอ ชายหนุ่มงอตัวยืนตัวตรงไม่ได้ สีหน้าแดงเถือกลามไปถึงลำคอ ท่าทางเหมือนอดกลั้นสุดชีวิต ซ้ำยังกัดริมฝีปากจนเลือดซิบ

[1] ฝ่ายหญิงได้บรรดาศักดิ์ตามสามี หากสามีเป็นปั๋ว ภรรยาจะเป็น ปั๋วฟูเหริน (สามีสกุลเฉิน ในเรื่องจึงใช้ว่า เฉินเย๋ปั๋วฟูเหริน)

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • วาสนารักดวงใจท่านแม่ทัพ   ตอนพิเศษ 2.2

    ตอนพิเศษ 2.2ส่วนคุณหนูรองจางเหม่ยอวี้ ดูเหมือนว่าจะมีนิสัยตรงกันข้ามกับพี่สาว หยิ่งผยองเงียบขรึมพูดน้อย ดื้อรั้นเอาแต่ใจ รักความสงบเงียบ ไม่ค่อยสุงสิงเข้าสังคม แต่นับเป็นคนมีวาสนาดี เพราะคบหาอยู่กับคุณชายกัว ชาวเมืองครหาไว้อย่างนั้นแต่เพราะแม่ทัพปั๋วเฉินชิงซงอยู่ท่ามกลางสมรภูมิรบมาทั้งชีวิตย่อมเข้าใจเรื่องที่ว่า ‘การศึกไม่เคยหน่ายอุบาย’ ฉะนั้นเสียงนกกาสุนัขหมาป่าเห่าหอนที่ชาวเมืองคอยเต้าข่าว เขาไม่คิดเชื่อ ต้องพิสูจน์ด้วยตัวเองชายหนุ่มต้องการดูเนื้อแท้ของสองตัวเลือก เพราะพวกนางหนึ่งในนี้จะต้องกลายเป็นสตรีที่เคียงข้างกายเขาไปตลอดชีวิต ในใจเขาจึงคิดไว้ว่านางต้องอ่อนโยนรู้กาลเทศะ ละเอียดลออเคร่งครัดจนไร้ช่องโหว่ อีกทั้งยังต้องฉลาดหัวไว ใจเยือกเย็น รู้เท่าทันเล่ห์อุบายต่ำทรามนานา เพราะจะได้สามารถเอาตัวรอดจากภัยอันตรายที่ซุ่มซ่อน ในขณะที่แม่ทัพเช่นเขาออกศึกไม่พำนักอยู่จวนทาสอัปลักษณ์หลังค่อมเดินลัดเลาะมาถึงระเบียงทางเดินดักรอคุณหนูรอง ส่วนคุณหนูใหญ่ยังคงอยู่แต่ในเรือนนอนไม่ได้ออกไปไหน“โอ๊ย! เดินอย่างไรไม่ดูตาม้าตาเรือ” จื่อผิงเอะอะโวยวายขึ้นหลังมีทาสชายหลังค่อมถอยมาชนปึก!ทาสอัปลักษณ

  • วาสนารักดวงใจท่านแม่ทัพ   ตอนพิเศษ 2.1

    ตอนพิเศษ 2.1“เจ้าว่าอะไรนะ”ขุนนางฝ่ายบู๋ลำดับศักดิ์ปั๋ว ตระกูลเฉินนามชิงซง หรือแม่ทัพกองทัพจูเชว่คุ้มครองแดนใต้เงยหน้าขึ้นจากรายงานทางการทหาร หว่างคิ้วยับย่นฉับพลัน อดย้อนถามอย่างตกใจไม่ได้ หลังฟังคำบอกเล่าจากปากลูกน้องคนสนิท“เมื่อครู่ใครมาเข้าพบท่านแม่ แล้วชี้นำให้ท่านแม่ทำอะไรนะ...เปลี่ยนตัวเจ้าสาวพระราชทานอย่างนั้นหรือ” น้ำเสียงของแม่ทัพหนุ่มเปี่ยมด้วยความสนอกสนใจ ความรู้สึกหลายอย่างเกิดขึ้น ทั้งสับสนสงสัย ทั้งตะลึงและประหลาดใจ ก่อนตบท้ายด้วยขุ่นเคือง หากสิ่งที่ได้ฟังมาเป็นความจริง‘ตระกูลจางคิดจะสลับตัวเจ้าสาว’รองผู้บัญชาการกองทัพจูเชว่เผิงเสียนจือ ลอบกลืนน้ำลายด้วยความประหม่า อดคิดในใจไม่ได้ว่าท่านแม่ทัพจะเพิกเฉย ไม่นึกยี่หระเสียอีก เขามารายงานตามปกติประจำวันไม่ได้เน้นเสียง หรือจงใจให้เจ้านายหันเหสนใจเรื่องดังกล่าวแต่งคนไหนก็เหมือนกันมิใช่รึ อย่างไรก็ไม่ได้แต่งด้วยความรัก รองแม่ทัพหนุ่มชะงักพักหนึ่งหยุดไปประมาณห้าอึดใจ จึงเริ่มเล่าวกเรื่องเมื่อครู่อีกครั้ง“ฮูหยินผู้เฒ่าโมโหไม่น้อยเลยขอรับ” คนรายงานตามจริงถอนใจเศร้าๆ หลายครา นึกสงสารชะตากรรมคุณหนูรองที่มีแม่เลี้ยงเฉกเช่นอ

  • วาสนารักดวงใจท่านแม่ทัพ   ตอนพิเศษ 1.2

    ตอนพิเศษ 1.2ชายหนุ่มกำลังจะโผกายสวมกอดภรรยา ทว่านางบีบจมูกและย่นหว่างคิ้ว เขาจึงเข้าใจทันทีว่า มันเป็นเพราะกลิ่นกายตนที่ทำให้อีกฝ่ายอาเจียนมากมายขนาดนั้น จึงไม่กล้าผลีผลามเข้าใกล้อย่างคราแรก ๆ อีกทว่าในจังหวะแห่งความปลื้มปีตินั้นเอง อยู่ ๆ รองแม่ทัพเผิงวิ่งเข้ามาขัด พร้อมรายงานด่วนทางการทหาร บอกแก่เขาว่ามีข้าศึกโจมตี ทำให้แม่ทัพหนุ่มจำต้องโบกมืออำลาภรรยาที่กำลังแพ้ท้องอย่าหนักหน่วงด้วยความห่วงอาลัยยิ่ง“พี่จะรีบกลับมา น้องหญิงรอพี่ก่อนนะ” เขากล่าวคำลาด้วยใจที่ย่ำแย่ มองใบหน้าฮูหยินคนงามที่มองเขาตอบด้วยสายตาอย่างยากจะคาดเดาออกในวันนั้นจางเหม่ยอวี้ไม่มีคำลาใด ๆ หรืออวยพรให้เขาชนะศึก การกระทำที่นิ่งเฉยของนาง ทำเอาแม่ทัพผู้เด็ดเดี่ยวใจสั่นไหว เสมือนมีมือที่มองไม่เห็นมาบีบหัวใจจนปวดหนึบนับจากวันอำลา เฉินชิงซงรู้สึกเดียวดายเปล่าเปลี่ยวยิ่งนัก เขาเอาแต่คิดถึงใบหน้าหวานของภรรยาตลอดทั้งวันทั้งคืน ความห่วงหาอาทรแผ่ซ่านทุกห้วงอณู ศึกก็ต้องรบ ทว่าหัวใจหดหู่ทำให้ส่งผลกระทบต่อการวางแผนกลศึก กระทั่งเหล่านายกอง รวมถึงรองแม่ทัพต่างวิตกว่าสุขภาพของท่านแม่ทัพจะย่ำแย่ จึงแนะนำให้เขาเขีย

  • วาสนารักดวงใจท่านแม่ทัพ   ตอนพิเศษ 1.1

    ตอนพิเศษ 1.1หลังจากเข้าพิธีสมรสได้หนึ่งเดือน เฉินชิงซงต้องวุ่นวายกับการโยกย้ายจวน เดินทางจากเมืองหลวงลงแดนใต้ กว่าจะถึงเมืองชายแดนจูเชว่ต้องใช้เวลาไปอีกหนึ่งเดือนครึ่ง ระยะนี้เขากับฮูหยินตัวน้อยจึงมิได้สานสัมพันธ์แนบแน่นกันเลยวันนี้ตั้งใจแน่วแน่ จะร่วมคืนวสันต์แสนหวานกับผู้เป็นภรรยา แค่คิดเรื่องสัปดน หัวใจก็เต้นโครมครามยากระงับไหว เลือดลมสูบฉีดจนใบหน้าคมคายแดงซ่าน ดวงตาคมทอประกายวาบวาม มิต่างอันใดกับทะเลยามราตรีที่เต็มไปด้วยคลื่นใต้น้ำ“อวี้เอ๋อร์ เจ้ากำลังรอเหมือนพี่อยู่หรือไม่นะ” แม่ทัพหนุ่มรำพึงรำพันด้วยความสุขล้น สองมือเร่งหยิบรายงานทางการทหารที่กองพะเนินมาเปิดอ่าน เขาต้องประทับตราลงนามให้เสร็จแล้วรีบกลับจวนเฉินชิงซงใจเริ่มคุ้นชินกับการมีจางเหม่ยอวี้อยู่ข้างกาย ไม่ว่าตอนตื่นลืมตาช่วงเช้า รับสำรับมื้อแรกช่วงสาย ปิ่นโตมื้อกลางวัน และสำรับเย็นที่เรือนท่านแม่ก่อนปิดท้ายวันด้วยการเข้านอนทว่าพอถึงเวลาค่ำคืนของสามีภรรยา เขากับนางกลับทำเพียงแค่โอบกอด แล้วพากันสู่นิทรามิได้ลึกซึ้งเหมือนเช่นคืนเข้าหอแต่ในคืนนี้เฉินชิงซงตั้งใจเป็นมั่นเป็นเหมาะว่า เขาจะต้องร่วมหอกับภรรยาตัวน้อยให้จงไ

  • วาสนารักดวงใจท่านแม่ทัพ   บทส่งท้าย บทสรุปของคำว่าครอบครัว(3)

    บทส่งท้าย บทสรุปของคำว่าครอบครัว(3) จากประโยคนี้ของสามี จางเหม่ยอวี้ถึงกับโผเข้าไปสวมกอดเขาเอาไว้ บุรุษผู้นี้ช่างดีต่อนางยิ่งนัก นางทำตัวร้ายกาจ วางแผนสังหารคนขนาดนี้ แต่เขาก็ยังเลือกที่จะอยู่เคียงข้างและปกป้องนาง เช่นนี้แล้วนางจะไม่เปิดรับเขาเข้ามาอยู่ในใจได้อย่างไร“ท่านพี่ขอบคุณท่านมาก ขอบคุณ”“ไม่ต้องขอบคุณแล้ว เราเป็นสามีภรรยากัน ไม่มีเรื่องที่ต้องเกรงใจ”เฉินชิงซงยิ้มให้กับภรรยา หลังจากนี้เขาหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะไม่มีเรื่องใดผ่านเข้ามาทำให้ภรรยาของเขาต้องเคร่งเครียดและเสียน้ำตาอีกแล้วจวนปั๋วเฉินแห่งแดนใต้จูเชว่หนึ่งปีแล้ว หลังจากโยกย้ายครอบครัวมาอยู่แดนใต้ เริ่มแรกก็ยุ่งเหยิงวุ่นวายยกใหญ่ จางเหม่ยอวี้สตรีเมืองหลวงผู้เพียบพร้อมจรรยามารยาทงดงาม ไม่คุ้นชินกับชาวบ้านชนบทที่พูดจาเสียงดัง ท่าทางกร่างจัด ไม่เคารพธรรมเนียมปฏิบัติ หลักการข้อไหนก็ไม่ยึดถือจางเหม่ยอวี้โชคดีที่มีสามีคอยแนะนำ มีแม่สามีสอนสั่ง ประเพณีที่นี่เป็นเช่นไร พึงศึกษาอยู่ไม่นานนักก็สามารถปรับตัวได้ทางด้านจื่อผิงออกเรือนแต่งเป็นอนุให้รองแม่ทัพเผิง ไม่รู้ไปต้องตาพึงใจกันตอนไหน จื่อผิงอยู่ชนชั้นทาสมาตั้งแต่เกิด

  • วาสนารักดวงใจท่านแม่ทัพ   บทส่งท้าย บทสรุปของคำว่าครอบครัว(2)

    บทส่งท้าย บทสรุปของคำว่าครอบครัว(2)เตียง ทั้งสองแลกเปลี่ยนจุมพิตกันอย่างยาววนาน ก่อนจะเริ่มเพิ่มความเร่าร้อนขึ้น ด้วยการสอดประสานกายเป็นหนึ่งเดียวกัน เช้าวันรุ่งขึ้น สองสามีภรรยาเดินทางไปยังกองบัญชาการแห่งทัพจูเชว่ ซึ่งจางเหม่ยอวี้ได้พบกับจือหมิ่น น้องสาวของจือลิ่ว อดีตคนสนิทของอนุหลินจริง ๆ ทันทีที่จือหมิ่นเห็นว่าคนที่ก้าวเข้ามายังห้องที่นางถูกควบคุมตัวไว้เป็นใครก็มีสีหน้าซีดเผือด แข้งขาของเจ้าตัวพลันอ่อนแรง ล้มลงไปนั่งกองกับพื้น ปากคอสั่นจนหาเสียงตนเองไม่พบ“ดูท่าเจ้าคงจดจำนางได้สินะ”เฉินชิงซงมองอีกฝ่ายอย่างจับผิด และคนตรงหน้าก็ยิ่งตัวสั่นกว่าเดิม เมื่อมองไปยังจางเหม่ยอวี้ที่จ้องมองมาอย่างไม่วางตา“คุณหนูรอง”“เจ้ารู้จักข้าด้วย ทั้งที่เราไม่เคยพบกันแท้ ๆ” จางเหม่ยอวี้กล่าวเหมือนนึกทึ่ง พลางเดินเข้าไปนั่งอยู่ต่อหน้าอีกฝ่ายที่คุกเข่าอยู่บนพื้นด้วยร่างกายที่สั่นเทาจากนั้นเฉินชิงซงก็เริ่มสอบถามเรื่องราวต่าง ๆ และแม้ว่าเขาจะไม่ได้ใช้วิธีทรมานใด ๆ เพื่อให้จือหมิ่นยอมพูดความจริง หญิงสาวตรงหน้าที่มีความผิดบาปฝังมาในใจเนิ่นนานแล้วก็สารภาพออกมาอย่างหมดเปลือกและแล้วเรื่องราวตลอ

  • วาสนารักดวงใจท่านแม่ทัพ   บทส่งท้าย บทสรุปของคำว่าครอบครัว(1)

    บทส่งท้าย บทสรุปของคำว่าครอบครัว(1)“นี่ข้าวของของข้า เจ้ากล้าดีอย่างไรถึงโยกย้ายมันโดยพลการ!”ภายในจวนปั๋วเฉินเกิดความวุ่นวายขึ้น เสียงแว้ด ๆ ที่ดังอยู่ผู้เดียวจะเป็นใครได้ หากไม่ใช่น้องสาวของรองแม่ทัพเผิงชิ่นหลิงถลึงตามองจางเหม่ยอวี้ ดวงตาวาววับแทบลุกเป็นไฟ นางจะไม่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟได้อย่างไร จู่ ๆ ภรรยาของแม่ทัพที่เพิ่งตบแต่งได้ไม่นานก็ทำท่าวางอำนาจ ฉวยโอกาสตอนนางออกไปเที่ยวใช้ทาสมาเก็บข้าวของในเรือนรับรองใส่หีบ“เพราะข้าเป็นฮูหยินของจวนเฉินอย่างไรเล่า เจ้าเล่า! มีสิทธิ์อันใดอาศัยที่นี่ กาฝากรึ” จางเหม่ยอวี้ตอกกลับได้อย่างแสบทรวง “อีกประการข้าถามท่านพี่กับท่านแม่แล้ว พวกเขาไม่ได้เต็มใจต้อนรับเจ้า เพียงแต่ยังเกรงใจท่านรองแม่ทัพเผิงเท่านั้น”“นี่เจ้า!” เผิงชิ่นหลิงกรีดร้องด้วยความเดือดดาล นางชี้นิ้วใส่เฉินเย๋ปั๋วฟูเหรินอย่างไร้มารยาทยิ่งจางเหม่ยอวี้ที่ดำรงตำแหน่งภรรยาของจวนแม่ทัพไม่มีท่าทีโกรธเกรี้ยว นอกเสียจากเหยียดยิ้มชั่วร้ายให้กับท่าทางของสตรีที่ทำตัวไม่ต่างกับหนูสกปรกตัวหนึ่ง“ท่านรองแม่ทัพเคลื่อนกำลังพลกลับจูเชว่ตั้งแต่ราชโองการออกมาแล้ว เจ้ายังหน้าด้านอยู่จวนเฉินอีกรึ”“เจ้

  • วาสนารักดวงใจท่านแม่ทัพ   บทที่ 15สุขทุกข์ร่วมแบ่งเบา

    บทที่ 15สุขทุกข์ร่วมแบ่งเบาเฉินชิงซงเห็นภรรยามีท่าทีไม่สบายใจมาหลายวันแล้ว อีกทั้งหลายครั้งนางก็เหมือนจะเหม่อลอย เวลาเขาสนทนาด้วยบางทีก็ตอบช้าไปกว่าทุกครั้งคล้ายมีเรื่องครุ่นกังวล“น้องหญิง เจ้ากังวลเรื่องใดหรือ เหตุใดพักนี้เจ้าจึงเหม่อลอยพิกล”แม่ทัพหนุ่มเอ่ยถามออกมาด้วยความห่วงใย ฝ่ายผู้เป็นภรรยาทำสีหน้าไม่ถูก ที่ผ่านมานางถูกสอนสั่งให้เอาใจใส่สามี เมื่ออีกฝ่ายพูดออกมาเช่นนี้จึงรู้สึกไม่สบายใจ กังวลไปว่าตนเองบกพร่องในหน้าที่ฮูหยินของเขาหรือไม่“ขออภัยเจ้าค่ะท่านพี่”“ไม่มีเรื่องใดต้องขอโทษ เจ้าไม่สบายใจ พี่ควรช่วยเจ้าแบ่งเบา มีอะไรก็ว่ามาเถิด เราสองคนเป็นสามีภรรยากันแล้วนะ”เขาเว้นคำพลางมองลึกเข้าไปในดวงตาที่หม่นแสงของภรรยา ฉวยจับมือเล็กไว้มั่น แม้แต่งงานกันได้ไม่นาน แต่เขาก็เอื้ออาทรในตัวของจางเหม่ยอวี้อย่างยิ่ง จึงไม่ต้องการเห็นนางมีเรื่องหม่นหมองในใจ“จำไว้...ไม่มีเรื่องใดที่บอกกล่าวพี่ไม่ได้”แววตาของสามีที่ทอดมองมาอ่อนโยนยิ่งนัก หญิงสาวเห็นแล้วก็รู้สึกซาบซึ้งในใจ เฉินชิงซงอาจเป็นคนเย็นชาพูดน้อย แต่แท้จริงกลับใส่ใจทุกเรื่องของนาง ขนาดเขาออกไปตรวจค่ายทหารทุกวัน และเจอนางไม่

  • วาสนารักดวงใจท่านแม่ทัพ   ตอนที่14.2 มดปลวกรวมตัว(2)

    ตอนที่14.2 มดปลวกรวมตัว(2)ฉางทิงกับบ่าวฉกรรจ์อีกสามคนฉุดกระชากลากถูคนร้ายไปตามระเบียงไม่คิดไว้ไมตรีทะนุถนอมอันใด ฟู่หว่ากรีดร้องจนสุดเสียงก็ไม่มีใครยื่นมือเข้าช่วยฮูหยินผู้เฒ่ายืนทอดสายตามองฟู่หว่า เด็กสาวที่นางเลี้ยงดูมากับมือทว่ากลับหลงเดินทางผิดถูกคนเลวหลอกใช้“ท่านแม่ อากาศเย็นแล้ว กลับเข้าห้องเถอะเจ้าค่ะ” จางเหม่ยอวี้ปั้นหน้าแย้มยิ้มระรื่น ทำเป็นมองไม่เห็นแม่สามีที่กำลังตรอมตรม“อือ รบกวนเจ้าแล้ว” หรูหรั่นเซียงถอนหายใจ ล้วงผ้าเช็ดหน้าซับหยดน้ำตา แล้วให้ลูกสะใภ้ประคองเข้าห้องนอน“แม่ขอโทษนะที่ตัดวาสนาของเจ้ากับคุณชายกัว”“อย่าคิดมากเลยเจ้าค่ะ เรื่องมันผ่านไปแล้ว” จางเหม่ยอวี้สั่นศีรษะพร้อมกับส่งยิ้มให้กับแม่สามีอย่างจริงใจ “ลูกรู้สึกว่าตนเองนั้นช่างโชคดีนัก ที่วันนั้นท่านแม่เลือกให้ลูกมาเป็นสะใภ้”“ไม่เคืองจริงหรือ” แม่สามีเย้าลูกสะใภ้ โดยที่มีจินหรงมามาอมยิ้มปลื้มปริ่มเดิมตามหลัง“ความจริงครั้งแรกก็รู้สึกโกรธเคืองไม่น้อยเจ้าค่ะ เพราะลูกฝึกฝนจรรยาฮูหยินเรือนหลังจวนขุนนางฝ่ายบุ๋นอย่างลำบากมานาน” ลูกสะใภ้หัวเราะเบาๆ อย่างเหนียมอายแม่สามีพยักหน้าเล็กน้อยอย่างเข้าอกเข้าใจ จรรยาสตรี

สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status