ตอนที่
10
แตกต่างและเหมือนจะแตกแยก
ห้องประชุมเล็ก ๆ เต็มไปด้วยเอกสารตัวเลขและสีสันสดใส ภาพสะท้อนของสองแนวคิดที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ปรายฟ้าวาดภาพกิจกรรมเวิร์คชอปศิลปะรีไซเคิลอย่างกระตือรือร้นใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่สดใส
“เราจะจัดเวิร์คชอปทุกวันศุกร์ค่ะ มีสอนทำโมบายจากขวดพลาสติก มีทำกระถางต้นไม้จากรถยนต์เก่า แล้วก็มีประกวดไอเดียแต่งสวนจิ๋วด้วย” ปรายฟ้านำเสนอด้วยแววตาเป็นประกาย เสียงสดใสของเธอเต็มไปด้วยพลังและความมั่นใจ
“รับรองว่านักศึกษาสนุกแน่ ๆ ค่ะ”
ภาคภูมิวางเครื่องคิดเลขบนโต๊ะเสียงเบา ๆ น้ำเสียงทุ้มต่ำสะท้อนความจริงจัง ดวงตาของเขาจ้องมาที่ปรายฟ้าสายตาคมกริบฉายแววไม่เห็นด้วยอย่างชัดเจน
“งบประมาณที่เรามีจำกัดนะ กิจกรรมที่คุณเสนอมันใช้งบสูงเกินไปมาก” เขาชี้ไปที่ตารางงบประมาณนิ้วยาวเคาะเบาๆ บนตัวเลขสีแดง ที่ตอกย้ำความจริงที่เธอพยายามจะหลีกเลี่ยง
“ค่าวัสดุ ค่าวิทยากร และค่าอีกหลายอย่าง สองเดือนงบก็หมดแล้วครับ”
“แต่มันจะดึงดูดคนได้เยอะนะคะ ถ้าไม่อลังการแบบนี้ ใครจะสนใจ” ปรายฟ้ายืนกราน น้ำเสียงของเธอเริ่มแข็งขันขึ้นเล็กน้อย
“แค่ปลูกต้นไม้อย่างเดียวใครเขาจะอยากมาดู”
“งบประมาณต้องสมเหตุสมผลครับ” ภาคภูมิสวนกลับน้ำเสียงทุ้มต่ำและเข้มขึ้นกว่าเดิม
“ถ้าเราจัดกิจกรรมใหญ่เดือนละครั้ง แต่มีคุณภาพดีเยี่ยมไม่ดีกว่าหรือครับ เน้นปริมาณแต่ด้อยคุณภาพมันก็ไม่เป็นไปตามหลักการ”
การถกเถียงเรื่องตัวเลขกับความสร้างสรรค์ยังคงดำเนินไปอย่างไม่มีทีท่าว่าจะจบลงง่าย ๆ
ณัฐพลที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ได้แต่ถอนหายใจ ส่วนกัสก็แอบจดเอาไว้เงียบ ๆ แววตาของทั้งคู่สลับมองกันอย่างเอือมระอา ราวกับกำลังบอกกว่า ‘อีกแล้วเหรอ’
สุดท้ายทั้งคู่ก็ต้องยอมประนีประนอมกันเพราะไม่อย่างนั้นเรื่องนี้ก็คงไม่จบอีกเช่นเคย
“เฮ้อ!!! ในที่สุดก็จบลงได้สักที” ปรายฟ้าบ่นอุบเมื่อการประชุมจบลง เธอใช้ฝ่ามือลูบขมับเบา ๆ
“คุยกับเขาเนี่ยเหมือนคุยกับเครื่องคิดเลข”
ภาคภูมิได้ยินเข้าก็เหลือบมองเล็กน้อย มุมปากกระตุกเล็กน้อยแต่ก็เป็นเพียงเสี้ยววินาที บ่งบอกถึงความไม่สบอารมณ์ที่เขาเลือกจะเก็บงำ ก่อนจะยักไหล่เบาๆ แล้วเดินออกไปราวกับอีกฝ่ายเป็นอากาศ
ภารกิจต่อไปคือการออกแบบป้ายรณรงค์สำหรับโปรเจกต์ ภาคภูมิยื่นร่างข้อความสั้น ๆ ที่เน้นกระชับและข้อมูลเป๊ะ ๆ ให้ปรายฟ้าดู “ข้อความต้องตรงประเด็น เข้าใจง่าย และระบุผลประโยชน์ที่ชัดเจนครับ”
ปรายฟ้ารับมาดูแล้วส่ายหน้า ใบหน้าสวยยู่ยี่อย่างเห็นได้ชัด
“โห!!! นี่ป้ายรณรงค์หรือรายงานวิชาการ ทำไมมันน่าเบื่อขนาดนี้ มันต้องมีความน่าสนใจกว่านี้” เธอหยิบปากกาเมจิกสี ๆ ขึ้นมาแล้วร่างภาพต้นไม้ที่มีใบหน้ายิ้มแย้ม พร้อมข้อความที่น่าสนใจมากขึ้น
“เราต้องใช้ฟอนต์น่ารัก ๆ มีรูปการ์ตูแล้วก็คำพูดที่ชวนให้อยากทำตาม แบบนี้สิคนถึงจะอยากอ่าน”
“มันดูไม่เป็นทางการ มันเหมือนเด็กมากไป” ภาคภูมิค้านขึ้นมาหน้านิ่ง ๆ แววตาของเขาแสดงความไม่เห็นด้วยอย่างชัดเจน
“นี่มันโปรเจกต์มหาวิทยาลัยไม่ใช่โครงการวิจัย คุณควรจะแยกแยะได้นะ” ปรายฟ้าเถียงภาคภูมิขึ้นมาแล้วก็มองหน้าเขาอย่างไม่เข้าใจ
สุดท้ายทั้งสองก็ต้องมานั่งทำงานในห้องเพื่อปรับแก้ป้ายด้วยกัน ปรายฟ้าวาดรูปและลงสี ส่วนภาคภูมิคอยดูเรื่องขนาดตัวอักษรและความถูกต้องของข้อมูล พวกเขาโต้เถียงกันบ้างแต่ก็มีจังหวะที่มือเผลอโดนกัน หรือไหล่ชนกันโดยไม่ตั้งใจ เมื่อนั้นความเงียบเล็ก ๆ ก็มักจะเข้ามาปกคลุม เมื่อปรายฟ้าเผลอหัวเราะเสียงดังภาคภูมิก็แอบอมยิ้มเล็ก ๆ เป็นรอยยิ้มบางเบาที่เจ้าตัวอาจไม่รู้ตัว
ในขณะที่ภาคภูมิและปรายฟ้ากำลังง่วนอยู่กับการออกแบบป้าย ชัยชัยกับมีนาก็เดินผ่านมาพอดีตามมาด้วยณัฐพลและกัสที่เดินคุยกันเบา ๆ
“โอ๊ยตายแล้ว!!! ดูนั่นสิชัย” มีนาแซวเสียงดังขึ้นมา รอยยิ้มกรุ้มกริ่มผุดขึ้นที่มุมปาก
“หนุ่มวิศวะกับสาวนิเทศ นั่งทำงานด้วยกันใกล้กันขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย”
“ก็ดีนี่นา มีนาจะได้ซึมความอัจฉริยะของเพื่อนฉันบ้าง” ชัยวัฒน์พูดจายียวนขึ้นมาแล้วก็มองไปที่เพื่อนของเขา
“นี่นายจะหาว่าเพื่อนของฉันไม่ฉลาดหรือไง” มีนาเอ่ยขึ้นมาอย่างไม่ค่อยพอใจ เธอเท้าสะเอวใส่ชัยวัฒน์อย่าเอาเรื่อง
“เปล่าซะหน่อย ฉันแค่พูดตามความจริง” ชัยวัฒน์รีบโบกมือปฏิเสธรัว ๆ ใบหน้าของเขามีรอยยิ้มเจื่อน ๆ
“ก็ดูสิไอ้ภูมิ นั่งทำงานเงียบ ๆ ส่วนเพื่อนของเธอหัวเราะคิกคัก นี่แหละความแตกต่างที่ลงตัวไง” เขาพยายามแก้ตัวแต่ก็ยังแอบแซวไม่เลิก
ปรายฟ้าหน้าหงิก “นี่สองคนนั้นอ่ะ ถ้าว่างมากนักก็มาช่วยฉันทำงานนี่”
“ถ้าแกว่างมากก็ไปช่วยทำป้ายไหมชัย”
“ไม่เป็นไรครับเพื่อน ขออยู่เป็นกำลังใจห่าง ๆ อย่างห่วง ๆ ดีกว่า” ชัยวัฒน์พูดแล้วก็โบกมือส่วนมีนาก็ทำเป็นไม่ได้ยิน หันหน้าหนีอย่างจงใจ
ในขณะนั้นเองณัฐพลกับกัสที่กำลังมองปรายฟ้ากับภาคภูมิพร้อมกับเล่นมือถืออยู่
“นี่วันนี้กัสมีเรียนต่ออีกหรือเปล่า” ณัฐพลถามเสียงเบา ๆ
“ไม่มีอ่ะ แต่ว่าจะไปห้องสมุดอ่ะ จะไปหาข้อมูลให้ปราย” กัสตอบพลางก้มลงเก็บปากกาที่เผลอทำตกใต้โต๊ะ
“อ้าวเหรอ” ณัฐพลรีบก้มลงไปช่วยเก็บปากกาให้กัส มือของทั้งคู่เผลอแตะกันเบา ๆ ใต้โต๊ะ ทำให้กัสเงยหน้าขึ้นสบตากับณัฐพลที่ยิ้มให้เล็กน้อย
“พอดีเลยพลว่าจะไปหาหนังสือเหมือนกัน งั้นไปพร้อมกันเลยไหม จะได้มีเพื่อน”
กัสยิ้มหวาน “ดีเลย ไปพร้อมกันจะได้ช่วยกันดูข้อมูลด้วย”
“สองคนนั้นน่ะ ดูท่าทางแล้วจะไม่ยอมกันง่าย ๆ นะ แต่ก็ดูเหมาะสมกันดียังไงก็ไม่รู้” กัสพูดพลางเหลือบมองไปที่ปรายฟ้ากับภาคภูมิที่ยังคงวุ่นวายอยู่กับป้ายรณรงค์
ณัฐพลยิ้มตาม “นั่นน่ะสิ คงเป็นคู่ที่หาความสงบได้ยาก ถ้ารักกันคงบันเทิงแน่นอน” เขาพูดพลางหัวเราะเบา ๆ แต่สายตากลับจับจ้องอยู่ที่รอยยิ้มของกัสที่กำลังมองปรายฟ้าอย่างอ่อนโยนและเขาไม่รู้เลยว่ากัสก็แอบมองเขากลับเหมือนกัน
ณัฐพลกับกัสเดินออกมาจากห้องประชุม ณัฐพลกับกัสเดินคุยกันไปตลอดทาง บรรยากาศในห้องสมุดเงียบสงบ กัสเริ่มค้นหาหนังสือเกี่ยวกับการรณรงค์สิ่งแวดล้อม ส่วนณัฐพลก็เริ่มค้นหาเรื่องต้นไม้
กัสเผลอทำหนังสือร่วงลงมา ทั้งสองรีบคว้าหนังสือพร้อมกันทำให้มือสัมผัสกันอย่างไม่ได้ตั้งใจ
"ระวังหน่อยสิกัส" เขาพูดพร้อมรอยยิ้มอ่อนโยน "ไม่เป็นไรนะ"
"ไม่เป็นไร ขอบใจนะพล" กัสตอบ ใบหน้าของเธอแดงระเรื่อขึ้นมา
ทั้งสองเลือกที่นั่งข้างหน้าต่าง ณัฐพลตั้งใจอ่านหนังสือที่ค้นมาอย่างขะมักเขม้น กัสแอบเหลือบมองเขาเป็นระยะ เธอมองใบหน้าที่จริงจังกับงานของเขาอย่างตั้งใจ และแอบยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว ณัฐพลเองก็รู้สึกเหมือนมีใครมองอยู่ จึงเงยหน้าขึ้นมาพอดีและสบตากับกัสที่กำลังมองเขาอยู่
"มีอะไรรึเปล่ากัส" ณัฐพลถามด้วยน้ำเสียงที่เป็นมิตร
"เปล่า ไม่มีอะไร แค่มองไปเรื่อย" กัสตอบด้วยท่าทีที่เขินอายเล็กน้อย
ณัฐพลยิ้ม "งั้นตั้งใจอ่านเถอะ" เขาหันกลับไปอ่านหนังสือของเขา แต่เขาก็แอบเหลือบมองเธอกลับเช่นกัน เขาเห็นเธอยิ้มออกมาอย่างสดใสขณะอ่านหนังสือเล่มหนึ่ง ดวงตาของเขาฉายแววอบอุ่นขึ้นอย่างไม่รู้ตัว
บ่ายวันนั้นปรายฟ้ากำลังช่วยเพื่อน ๆ จัดเตรียมอุปกรณ์สำหรับเวิร์คชอปศิลปะรีไซเคิล เธอหัวเราะร่าเริงเมื่อกัสทำกาวหกใส่เสื้อ ณัฐพล เข้ามาช่วยจัดเรียงขวดพลาสติกอย่างขะมักเขม้น เขาเหลือบมองกัสเป็นระยะ ๆ
เมื่อกัสเผลอทำของหล่น เขาก็รีบก้มลงเก็บให้แทบจะพร้อมกัน มือของทั้งคู่เผลอแตะกันโดยไม่ได้ตั้งใจ ณัฐพลรีบชักมือกลับเล็กน้อย ใบหน้ามีรอยยิ้มเขิน ๆ
“ขอบใจนะ” กัสบอกกับณัฐพล
“ไม่เป็นไร ทีหลังระวังหน่อยสิ” ณัฐพลพูดแล้วทั้งคู่ก็กลับไปจัดของต่อในความเงียบ แต่แววตาที่แอบชำเลืองมองกันเป็นระยะๆ ก็บ่งบอกว่าความรู้สึกดี ๆ เล็ก ๆ กำลังเติบโตขึ้นระหว่างพวกเขา
บ่ายวันนั้นปรายฟ้ากำลังช่วยเพื่อนๆ จัดเตรียมอุปกรณ์สำหรับเวิร์คชอปศิลปะรีไซเคิล เธอหัวเราะร่าเริงเมื่อกัสทำกาวหกใส่เสื้อ ณัฐพลเข้ามาช่วยจัดเรียงขวดพลาสติกอย่างขะมักเขม้น เขาเหลือบมองกัสเป็นระยะๆ
เมื่อกัสเผลอทำของหล่น เขาก็รีบก้มลงเก็บให้แทบจะพร้อมกัน ทำให้ใบหน้าเกือบจะชนกันแล้วมือก็จับกันแทนที่จะจับสิ่งของ ณัฐพลรีบชักมือกลับเล็กน้อย ก่อนจะเก็บของให้กับกัส ใบหน้ามีรอยยิ้มเขินๆ
"ขอบใจนะ" กัสบอกกับณัฐพล
"ไม่เป็นไร ทีหลังระวังหน่อยสิ" ณัฐพลพูดแล้วทั้งคู่ก็กลับไปจัดของต่อในความเงียบ แต่แววตาที่แอบชำเลืองมองกันเป็นระยะๆ ก็บ่งบอกว่าความรู้สึกดีๆ เล็กๆ กำลังเติบโตขึ้นระหว่างพวกเขา
ภาคภูมิที่กำลังเดินสำรวจระบบน้ำหยดอัตโนมัติอยู่ไม่ไกล เผลอหันไปมองกลุ่มของปรายฟ้า เขาเห็นเธอหัวเราะอย่างสดใส ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม ดวงตาเป็นประกายอย่างมีความสุข เขายืนมองอยู่นานกว่าที่คิด แววตาที่เคยนิ่งเรียบกลับอ่อนโยนลงเล็กน้อย คล้ายแสงอาทิตย์ยามเช้าที่ละลายน้ำแข็งในใจ
เขาอดคิดไม่ได้ว่าเธอไม่ได้แย่อย่างที่คิดจริงๆ เธอมักจะนำพาพลังงานบางอย่างที่สดใสมาให้เสมอ ทำให้เขายิ้มตามโดยไม่รู้ตัว
ส่วนปรายฟ้าขณะกำลังก้มลงเก็บเศษผ้าสี ๆ เธอก็เงยหน้าขึ้นมาพอดีและเห็นภาคภูมิยืนมองอยู่ไกลๆ แผ่นหลังของเขาดูตั้งใจกับการทำงาน เธอมองตามการเคลื่อนไหวของเขาที่ดูจริงจังและมุ่งมั่น และแอบรู้สึกว่าเขาดูดีในแบบของเขาเอง มุมก้มหน้าก้มตาทำงานนั้นดูมีเสน่ห์อย่างประหลาด
ปรายฟ้าเผลอยิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนจะรีบหันกลับไปสนใจงานตรงหน้า เมื่อรู้ตัวว่าภาคภูมิเองก็หันมามองทางเธอ
แม้จะยังคงมีความแตกต่างกัน ทว่าในใจของทั้งภาคภูมิและปรายฟ้าก็เริ่มมีมุมเล็กๆ ที่เก็บภาพของอีกฝ่ายเอาไว้ และค่อยๆ มองเห็นอีกฝ่ายในมุมที่อ่อนโยนขึ้นอย่างไม่รู้ตัว
ตอนที่95ป้อนนมลูกแล้วอย่าลืมป้อนพ่อนะ (ตอนจบ) “งั้นเราไปป้อนนมพ่อกันดีกว่า”ปรายฟ้าพยักหน้าเบา ๆ ใบหน้าแดงระเรื่อด้วยความเขินอาย ภาคภูมิยิ้มกว้าง ก่อนจะอุ้มปรายฟ้าขึ้นมาแล้วเดินตรงไปยังห้องนอนของทั้งคู่ห้องนอนถูกจัดแสงสลัว ๆ ด้วยโคมไฟข้างเตียง ให้บรรยากาศที่อบอุ่นและโรแมนติก ภาคภูมิวางปรายฟ้าลงบนเตียงอย่างแผ่วเบา ดวงตาของเขายังคงจับจ้องอยู่ที่เธอไม่ละสายตา“วันนี้เมียสวยจังเลย” ภาคภูมิเอ่ยชมด้วยเสียงแหบพร่า พลางเลื่อนมือไปสัมผัสแก้มนวลของปรายฟ้าอย่างอ่อนโยนปรายฟ้าหลับตาพริ้มเมื่อสัมผัสได้ถึงปลายนิ้วที่ลูบไล้ไปมา เธอกระซิบตอบกลับไปว่า“ภูมิก็หล่อค่ะ”ภาคภูมิยิ้มกว้างก่อนจะโน้มตัวลงไปจูบปรายฟ้าอย่างดูดดื่ม จูบของเขาเต็มไปด้วยความรัก ความปรารถนาและความคิดถึงปรายฟ้าตอบรับจูบนั้นด้วยความเต็มใจ เธอสอดมือเข้าไปในเส้นผมของภาคภูมิแล้วดึงรั้งท้ายทอยเขาเข้ามาใกล้ เพื่อให้จูบนั้นลึกซึ้งยิ่งขึ้น ลิ้นร้อนของทั้งคู่เกี่ยวพันกันอย่างเร่าร้อน ราวกับต้องการเติมเต็มช่องว่างที่ขาดหายไปตลอดทั้งวันมือของภาคภูมิเริ่มลูบไล้ไปตามแผ่นหลังของปรายฟ้า ก่อนจะเลื่อนลงไปปลดกระดุมชุดนอนผ้าซาตินที่ปรายฟ้าสวมอยู่
ตอนที่94ป้อนนมลูกแล้วอย่าลืมป้อนพ่อนะ (ตอนจบ) หกเดือนผ่านไปไวเหมือนโกหก ชีวิตของภาคภูมิและปรายฟ้า เปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิงจากคู่รักหนุ่มสาวกลายเป็นพ่อแม่เต็มตัวพร้อมกับสมาชิกใหม่สองคนคือน้องพายุและน้องสายฝนที่เติมเต็มชีวิตคู่ของทั้งสองให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้นทั้งคู่ย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านเดี่ยวหลังใหญ่ใจกลางเมืองซึ่งถูกตกแต่งอย่างสวยงามและอบอุ่น มีพื้นที่กว้างขวางให้เด็ก ๆ ได้วิ่งเล่นและมีสนามหญ้าที่กว้างพอสำหรับเด็กน้อยสองคนภาคภูมิจัดสรรเวลาให้กับการทำงานและครอบครัวอย่างลงตัว ทุกวันหลังกลับจากบริษัท สิ่งแรกที่เขาทำคือตรงดิ่งกลับบ้านเพื่อมาเล่นกับลูก ๆ เสียงหัวเราะสดใสของน้องพายุและน้องสายฝนคือยาชั้นดีที่ช่วยคลายความเหนื่อยล้าจากการทำงานได้เป็นอย่างดีเขามักจะอุ้มลูกน้อยทั้งสองคนขึ้นมาโยนเบา ๆ จนลูก ๆ ส่งเสียงคิกคักด้วยความชอบใจหรือไม่ก็เล่านิทานก่อนนอนให้ฟังจนกระทั่งลูก ๆ เคลิ้มหลับไปในอ้อมแขนปรายฟ้าเองก็ดูสดใสขึ้นมากแม้จะเหนื่อยกับการเลี้ยงลูกแฝดแต่เธอก็มีความสุขกับบทบาทความเป็นแม่ปรายฟ้ามีพี่เลี้ยงสองคนคอยช่วยดูแลลูก ๆ ซึ่งนับว่าเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งเพราะหากไม่มีพี่เลี้ยงช่วย
ตอนที่94คุณพ่อคุณแม่ป้ายแดงเกือบเก้าเดือนที่ปรายฟ้าใช้ชีวิตอย่างมีความสุขในทุกวัน ท้องของเธอโตขึ้นเรื่อย ๆ จนเธอเริ่มรู้สึกหนักตัวและอุ้ยอ้ายไปหมดทุกที่แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังคงมีความสุขในทุกวันที่มีภาคภูมิอยู่เคียงข้างและแล้ววันที่เธอกับภาคภูมิรอคอยก็มาถึงในช่วงกลางดึกปรายฟ้าเริ่มมีอาการปวดท้องอย่างรุนแรงจนภาคภูมิถึงกับตกใจ เขารีบพาเธอไปที่โรงพยาบาลทันทีโดยไม่ลังเล“คุณต้องหายใจเข้าลึก ๆ นะปราย” ภาคภูมิกล่าวกับปรายฟ้าด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความกังวล เขากุมมือของเธอไว้แน่นตลอดเวลาที่อยู่บนรถปรายฟ้ายิ้มทั้งน้ำตา “ปรายไม่เป็นไรค่ะ ปรายทนได้ค่ะ”เมื่อมาถึงโรงพยาบาล ปรายฟ้าก็ถูกนำตัวเข้าไปในห้องคลอดทันที ภาคภูมิกอดเธอไว้แน่นแล้วกระซิบที่ข้างหูของเธอเบา ๆ“ภูมิจะอยู่เคียงข้างปรายเสมอนะครับปรายไม่ต้องกลัวนะ”ปรายฟ้าถูกนำตัวไปที่ห้องผ่าตัดทันทีที่คุณหมอตรวจดูว่าเหมาะสมแก่การผ่าคลอดเอาเด็กน้อยออกมาหลังจากนั้นไม่นานเสียงของเด็กทารกน้อยก็ดังขึ้นมา ภาคภูมิถึงกับน้ำตาคลอเบ้า เขาหันไปมองหน้าปรายฟ้าด้วยความรู้สึกที่เต็มไปด้วยความซาบซึ้งใจ คุณหมออุ้มเด็กน้อยออกมาจากห้องคลอดแล้วกล่าวว่า“คุณได
ตอนที่93เลขาใหม่กับหัวใจที่ว้าวุ่นปรายฟ้าตื่นขึ้นมาในตอนเช้าด้วยความรู้สึกที่สดชื่นแต่เมื่อภาคภูมิออกไปทำงานที่บริษัท เธอก็เริ่มรู้สึกเหงาและเบื่อหน่ายกับการอยู่บ้านเพียงคนเดียวความรู้สึกนี้ทำให้เธอคิดถึงเรื่องต่าง ๆ มากมายและสิ่งที่ทำให้เธอรู้สึกกังวลมากที่สุดก็คือเรื่องของเมย์เลขาคนใหม่ของภาคภูมิเธอพยายามที่จะไล่ความคิดเหล่านี้ออกจากหัว แต่ก็ทำไม่ได้เธอยังคงคิดถึงภาพของเมย์ที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ ภาคภูมิที่ห้องทำงานของเขา ความรู้สึกหึงหวงที่กลับมาอีกครั้งทำให้หัวใจของเธอไม่สงบเธอรู้ดีว่าภาคภูมิเป็นคนดีและไม่คิดอะไรกับใครแต่ความกังวลที่มาพร้อมกับการตั้งครรภ์ก็ทำให้เธอรู้สึกหวั่นไหวและไม่มั่นคง“ยัยปรายหยุดคิดเรื่องไร้สาระได้แล้ว” ปรายฟ้าพูดกับตัวเอง“ภูมิรักเราคนเดียว”แม้จะพูดกับตัวเองแบบนั้นแต่เธอก็ยังคงรู้สึกกังวลอยู่ดี เธอพยายามหาอะไรทำเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของตัวเองแต่ก็ทำไม่ได้เลยในตอนเย็นเมื่อปรายฟ้ากำลังนั่งดูโทรทัศน์อย่างเงียบ ๆ ภาคภูมิก็กลับมาจากบริษัทเขามองดูปรายฟ้าที่นั่งอยู่บนโซฟาด้วยใบหน้าที่อ่อนเพลียแต่ก็ยังคงความสง่างามอยู่ ภาคภูมินั่งลงข้าง ๆ เธอแล้วโอบกอดเธอไว้แน่น
ตอนที่92ท้อง สามเดือนผ่านไปหลังจากงานแต่งงานอันแสนสุขของปรายฟ้าและภาคภูมิ ชีวิตคู่ของพวกเขาราบรื่นและเต็มไปด้วยความรัก แต่ในช่วงสองสามสัปดาห์ที่ผ่านมาปรายฟ้าเริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติในร่างกายของตัวเอง เธอรู้สึกอ่อนเพลียและคลื่นไส้อย่างไม่มีสาเหตุและที่สำคัญที่สุดคือเธอไม่รู้สึกถึงอาการปวดประจำเดือนที่เคยเกิดขึ้นทุกเดือนเลยด้วยความสงสัยและความหวังเล็ก ๆ ในใจ ปรายฟ้าตัดสินใจไปตรวจที่โรงพยาบาลด้วยตัวคนเดียว เมื่อคุณหมอบอกข่าวดีว่าเธอกำลังตั้งครรภ์ได้สามเดือนแล้วปรายฟ้าถึงกับยิ้มทั้งน้ำตาด้วยความรู้สึกที่เต็มไปด้วยความสุขและความยินดี เธอดีใจมากที่ความรักของเธอและภาคภูมิได้มาถึงอีกขั้นที่สำคัญแล้วเมื่อกลับมาถึงคอนโดมิเนียมปรายฟ้าก็รีบวิ่งเข้าไปหาภาคภูมิแล้วกอดเขาไว้แน่น ภาคภูมิสัมผัสได้ถึงความผิดปกติในท่าทางของเธอ“เกิดอะไรขึ้นครับที่รัก” เขาถามด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความกังวลปรายฟ้ายื่นผลตรวจการตั้งครรภ์ให้กับเขา ภาคภูมิถึงกับตกใจ เขามองหน้าปรายฟ้าด้วยความรู้สึกที่เต็มไปด้วยความสงสัย ก่อนที่เขาจะอ่านผลตรวจแล้วยิ้มกว้างออกมาจนแก้มปริ“จริงเหรอครับ” เขาถามด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ“
ตอนที่91เข้าเรือนหอ (18+)ห้องสวีทอีกห้องหนึ่งที่ตกแต่งในโทนสีอบอุ่น ประดับด้วยภาพวาดศิลปะล้ำค่า ชัยวัฒน์พยุงมีนาที่อยู่ในอ้อมกอดเข้ามาในห้องมีนาในชุดเจ้าสาวลูกไม้สีครีมดูงดงามราวกับนางฟ้าที่เพิ่งจุติลงมาจากสรวงสวรรค์ที่ทำให้ชัยวัฒน์แทบคลั่งชัยวัฒน์อดไม่ได้ที่จะก้มลงจูบขมับของเธออย่างแสนรัก และสูดดมกลิ่นหอมจากเส้นผมของเธออย่างลืมตัว “เมียจ๋าหอมชื่นใจที่สุดเลย”“ในที่สุดมีนก็เป็นของชัยอย่างสมบูรณ์แบบแล้วนะมีนเป็นของชัยแล้วจริง ๆ” ชัยวัฒน์กล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่ม มือแกร่งของเขาประคองใบหน้าสวยหวานของเธอขึ้นมาสบตา ดวงตาของเขาฉายแววรักใคร่ลึกซึ้งและปรารถนาอย่างเปิดเผยมีนายิ้มหวานหยาดเยิ้ม เธอยื่นหน้าเข้าไปใกล้กระซิบข้างหูเขา“มีนรอคอยวันนี้มานานแสนนานเหมือนกันอยากจะเป็นของชัยในวันแต่งงานใจจะขาดแล้ว”ชัยวัฒน์อุ้มมีนาขึ้นในอ้อมแขน พาเธอไปยังกลางห้องที่ปูพรมหนานุ่มสีแดงก่ำ เขาวางเธอลงช้า ๆ บนพรม ก่อนจะคุกเข่าลงต่อหน้าเธอ จูบหลังมือเรียวของเธออย่างแผ่วเบาแต่เต็มไปด้วยความรู้สึก“ชัยรักมีน รักหมดหัวใจและอยากให้มีนเป็นของชัยในคืนนี้อยากให้มีนรู้สึกดีที่สุด”มีนาน้ำตาคลอเบ้าด้วยความซาบซึ้ง เ