ตอนที่
10
แตกต่างและเหมือนจะแตกแยก
ห้องประชุมเล็ก ๆ เต็มไปด้วยเอกสารตัวเลขและสีสันสดใสปรายฟ้า วาดภาพกิจกรรมเวิร์คชอปศิลปะรีไซเคิลอย่างกระตือรือร้น
“เราจะจัดเวิร์คชอปทุกวันศุกร์ค่ะ มีสอนทำโมบายจากขวดพลาสติก มีทำกระถางต้นไม้จากรถยนต์เก่า แล้วก็มีประกวดไอเดียแต่งสวนจิ๋วด้วย” ปรายฟ้าพรีเซนด้วยแววตาเป็นประกาย
“รับรองว่านักศึกษาสนุกแน่ ๆ ค่ะ”
ภาคภูมิวางเครื่องคิดเลขบนโต๊ะเสียงเบา ๆ แต่สะท้อนความจริงจัง
“งบประมาณที่เรามีจำกัดนะ กิจกรรมที่คุณเสนอมันใช้งบสูงเกินไปมาก” เขาชี้ไปที่ตารางงบประมาณ “ค่าวัสดุ ค่าวิทยากร และค่าอีกหลายอย่าง สองเดือนงบก็หมดแล้วครับ”
“แต่มันจะดึงดูดคนได้เยอะนะคะ” ปรายฟ้ายืนกราน
“แค่ปลูกต้นไม้อย่างเดียวใครเขาจะอยากมาดู”
“งบประมาณต้องสมเหตุสมผลครับ” ภาคภูมิสวนกลับ
“ถ้าเราจัดกิจกรรมใหญ่เดือนละครั้ง แต่มีคุณภาพดีเยี่ยมไม่ดีกว่าหรือครับ”
การถกเถียงเรื่องตัวเลขกับความสร้างสรรค์ยังคงดำเนินไปอย่างไม่มีทีท่าว่าจะจบลงง่าย ๆ ณัฐพลที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ได้แต่ถอนหายใจ ส่วนกัสก็แอบจดเอาไว้เงียบ ๆ สุดท้ายทั้งคู่ก็ต้องยอมประนีประนอมกัน
“เฮ้อ!!! ในที่สุดก็จบลงได้สักที” ปรายฟ้าบ่นอุบเมื่อการประชุมจบลง
“คุยกับเขาเนี่ยเหมือนคุยกับเครื่องคิดเลข”
ภาคภูมิได้ยินเข้าก็เหลือบมองเล็กน้อย แต่ไม่ได้ตอบโต้อะไร แค่ยักไหล่เบา ๆ แล้วเดินออกไป
ภารกิจต่อไปคือการออกแบบป้ายรณรงค์สำหรับโปรเจกต์ ภาคภูมิยื่นร่างข้อความสั้น ๆ ที่เน้นกระชับและข้อมูลเป๊ะ ๆ ให้ปรายฟ้าดู “ข้อความต้องตรงประเด็น เข้าใจง่าย และระบุผลประโยชน์ที่ชัดเจนครับ”
ปรายฟ้ารับมาดูแล้วส่ายหน้า “โห!!! นี่ป้ายรณรงค์หรือรายงานวิชาการ มันต้องมีความน่าสนใจกว่านี้” เธอหยิบปากกาเมจิกสี ๆ ขึ้นมาแล้วร่างภาพต้นไม้ที่มีใบหน้ายิ้มแย้ม พร้อมข้อความที่น่าสนใจมากขึ้น
“เราต้องใช้ฟอนต์น่ารัก ๆ มีรูปการ์ตูแล้วก็คำพูดที่ชวนให้อยากทำตาม”
“มันดูไม่เป็นทางการ มันเหมือนเด็กมากไป” ภาคภูมิค้านขึ้นมาหน้านิ่ง ๆ
“นี่มันโปรเจกต์มหาวิทยาลัยไม่ใช่โครงการวิจัย” ปรายฟ้าเถียงภาคภูมิขึ้นมาแล้วก็มองหน้าเขาอย่างไม่เข้าใจ
สุดท้ายทั้งสองก็ต้องมานั่งทำงานในห้องเพื่อปรับแก้ป้ายด้วยกัน ปรายฟ้าวาดรูปและลงสี ส่วนภาคภูมิคอยดูเรื่องขนาดตัวอักษรและความถูกต้องของข้อมูล พวกเขาโต้เถียงกันบ้าง แต่ก็มีจังหวะที่มือเผลอโดนกัน หรือไหล่ชนกันโดยไม่ตั้งใจ เมื่อปรายฟ้าเผลอหัวเราะเสียงดังภาคภูมิก็แอบอมยิ้มเล็ก ๆ
ในขณะที่ภาคภูมิและปรายฟ้ากำลังง่วนอยู่กับการออกแบบป้าย ชัยชัยกับมีนาก็เดินผ่านมาพอดีตามมาด้วยณัฐพลและกัสที่เดินคุยกันเบา ๆ
“โอ๊ยตายแล้ว!!! ดูนั่นสิชัย” มีนาแซวเสียงดังขึ้นมา
“หนุ่มวิศวะกับสาวนิเทศ นั่งทำงานด้วยกันใกล้กันขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย”
“ก็ดีนี่นา มีนาจะได้ซึมความอัจฉริยะของเพื่อนฉันบ้าง” ชัยวัฒน์พูดจายียวนขึ้นมาแล้วก็มองไปที่เพื่อนของเขา
“นี่นายจะหาว่าเพื่อนของฉันไม่ฉลาดหรือไง” มีนาเอ่ยขึ้นมาอย่างไม่ค่อยพอใจ เธอเท้าสะเอวใส่ชัยวัฒน์
“เปล่าซะหน่อย ฉันแค่พูดตามความจริง” ชัยวัฒน์รีบโบกมือปฏิเสธรัว ๆ
“ก็ดูสิไอ้ภูมิ นั่งทำงานเงียบ ๆ ส่วนเพื่อนของเธอหัวเราะคิกคัก นี่แหละความแตกต่างที่ลงตัวไง” เขาพยายามแก้ตัวแต่ก็ยังแอบแซวไม่เลิก
ปรายฟ้าหน้าหงิก “นี่สองคนนั้นอ่ะ ถ้าไม่มีอะไรทำก็มาช่วยฉันทำงานนี่”
“ถ้าแกว่างมากก็ไปช่วยทำป้ายไหมชัย”
“ไม่เป็นไรครับเพื่อน ขออยู่เป็นกำลังใจห่าง ๆ อย่างห่วง ๆ ดีกว่า” ชัยวัฒน์พูดแล้วก็โบกมือส่วนมีนาก็ทำเป็นไม่ได้ยิน
ในขณะนั้นเองณัฐพลกับกัสที่กำลังมองปรายฟ้ากับภาคภูมิไปแล้วก็เล่นมือถือไป
“นี่วันนี้กัสมีเรียนต่ออีกหรือเปล่า” ณัฐพลถามเสียงเบา ๆ
“ไม่มีอ่ะ แต่ว่าจะไปห้องสมุดอ่ะ จะไปหาข้อมูลให้ปราย” กัสตอบพลางก้มลงเก็บปากกาที่เผลอทำตกใต้โต๊ะ
“อ้าวเหรอ” ณัฐพลรีบก้มลงไปช่วยเก็บปากกาให้กัส มือของทั้งคู่เผลอแตะกันเบา ๆ ใต้โต๊ะ ทำให้กัสเงยหน้าขึ้นสบตากับณัฐพลที่ยิ้มให้เล็กน้อย
“พอดีเลยพลว่าจะไปหาหนังสือเหมือนกัน งั้นไปพร้อมกันเลยไหม จะได้มีเพื่อน”
กัสยิ้มหวาน “ดีเลย ไปพร้อมกันจะได้ช่วยกันดูข้อมูลด้วย”
“สองคนนั้นน่ะ ดูท่าทางแล้วจะไม่ยอมกันง่าย ๆ นะ แต่ก็ดูเหมาะสมกันดียังไงก็ไม่รู้” กัสพูดพลางเหลือบมองไปที่ปรายฟ้ากับภาคภูมิที่ยังคงวุ่นวายอยู่กับป้ายรณรงค์
ณัฐพลยิ้มตาม “นั่นน่ะสิ คงเป็นคู่ที่หาความสงบได้ยาก ถ้ารักกันคงบันเทิงแน่นอน” เขาพูดพลางหัวเราะเบา ๆ แต่สายตากลับจับจ้องอยู่ที่รอยยิ้มของกัสที่กำลังมองปรายฟ้าอย่างอ่อนโยนและเขาก็ไม่รู้เลยว่ากัสก็แอบมองเขากลับเหมือนกัน
บ่ายวันนั้นปรายฟ้ากำลังช่วยเพื่อน ๆ จัดเตรียมอุปกรณ์สำหรับเวิร์คชอปศิลปะรีไซเคิล เธอหัวเราะร่าเริงเมื่อกัสทำกาวหกใส่เสื้อ ณัฐพล เข้ามาช่วยจัดเรียงขวดพลาสติกอย่างขะมักเขม้น เขาเหลือบมองกัสเป็นระยะ ๆ
เมื่อกัสเผลอทำของหล่น เขาก็รีบก้มลงเก็บให้แทบจะพร้อมกัน มือของทั้งคู่เผลอแตะกันโดยไม่ได้ตั้งใจ ณัฐพลรีบชักมือกลับเล็กน้อย ใบหน้ามีรอยยิ้มเขิน ๆ
“ขอบใจนะ” กัสบอกกับณัฐพล
“ไม่เป็นไร ทีหลังระวังหน่อยสิ” ณัฐพลพูดแล้วทั้งคู่ก็กลับไปจัดของต่อในความเงียบ แต่แววตาที่แอบชำเลืองมองกันเป็นระยะๆ ก็บ่งบอกว่าความรู้สึกดี ๆ เล็ก ๆ กำลังเติบโตขึ้นระหว่างพวกเขา
ภาคภูมิ ที่กำลังเดินสำรวจระบบน้ำหยดอัตโนมัติอยู่ไม่ไกล เผลอหันไปมองกลุ่มของปรายฟ้า เขาเห็นเธอหัวเราะอย่างสดใส ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม ดวงตาเป็นประกายอย่างมีความสุข เขายืนมองอยู่นานกว่าที่คิด แววตาที่เคยนิ่งเรียบกลับอ่อนโยนลงเล็กน้อย เขายอมรับในใจว่าเธอไม่ได้แย่อย่างที่คิดจริง ๆ เธอมักจะนำพาพลังงานบางอย่างที่สดใสมาให้เสมอ ทำให้เขายิ้มตามโดยไม่รู้ตัว
ส่วนปรายฟ้าขณะกำลังก้มลงเก็บเศษผ้าสี ๆ เธอก็เงยหน้าขึ้นมาพอดีและเห็นภาคภูมิยืนมองอยู่ไกลๆ แผ่นหลังของเขาดูตั้งใจกับการทำงาน เธอมองตามการเคลื่อนไหวของเขาที่ดูจริงจังและมุ่งมั่น และแอบรู้สึกว่าเขาดูดีในแบบของเขาเอง มุมก้มหน้าก้มตาทำงานนั้นดูมีเสน่ห์อย่างประหลาด
ปรายฟ้าเผลอยิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนจะรีบหันกลับไปสนใจงานตรงหน้า เมื่อรู้ตัวว่าภาคภูมิเองก็หันมามองทางเธอ
แม้จะยังคงมีความแตกต่างกันแต่ในใจของทั้งภาคภูมิและปรายฟ้า ก็เริ่มมีมุมเล็กๆ ที่เก็บภาพของอีกฝ่ายเอาไว้และเริ่มมองเห็นอีกฝ่ายในมุมที่อ่อนโยนขึ้นอย่างไม่รู้ตัว เช่นเดียวกับณัฐพลและกัสที่ค่อย ๆ สร้างความสัมพันธ์ที่ค่อยเป็นค่อยไปในแบบของพวกเขาเอง
ตอนที่14ตัวแปรความรู้สึก ช่วงบ่ายที่คณะนิเทศศาสตร์เสียงหัวเราะสดใสของปรายฟ้าดังคลอเคลียไปกับเสียงของรุ่นพี่ภูมิพัฒน์ รุ่นพี่สุดฮอตจากภาควิชาศิลปะการแสดงที่แอบชอบปรายฟ้ามานาน เขากำลังยืนเท้าแขนกับโต๊ะที่ปรายฟ้านั่งทำงานใต้ร่มไม้พลางยื่นถุงขนมให้กับเธอ“ปรายฟ้าเหนื่อยไหมครับ พักกินขนมก่อนนะ นี่ขนมร้านโปรดพี่เลยนะ” ภูมิพัฒน์พูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล รอยยิ้มละลายใจสาวทำให้เพื่อน ๆ ที่อยู่บริเวณนั้นแอบมองกันเป็นตาเดียว“โอ๊ย!!! พี่พัฒน์ขอบคุณมากเลยค่ะ ไม่น่าลำบากเลย” ปรายฟ้ารับถุงขนมมาด้วยรอยยิ้มสดใส“ไม่ลำบากเลยครับ ถ้าเป็นปรายฟ้าพี่เต็มใจเสมอ” ภูมิพัฒน์พูดพลางยื่นมือไปปัดเศษผมที่ปรกหน้าปรายฟ้าอย่างอ่อนโยน“ว่าแต่ช่วงนี้เห็นปรายฟ้าทำงานโปรเจกต์หนักจังพักผ่อนบ้างนะพี่เป็นห่วง”ในจังหวะนั้นเอง ภาคภูมิที่เดินถือเอกสารเข้ามาในห้องทำงานพอดี สายตาของเขาเหลือบไปเห็นภาพตรงหน้าเข้า สายตาที่เคยเรียบเฉยตอนนี้มีความไม่พอใจเล็กน้ย เขากระแอมเบา ๆ เพื่อให้ภูมิพัฒน์และปรายฟ้าหันมามองเขา“เอกสาร” ภาคภูมิพูดเสียงเรียบ ๆ พร้อมกับวางเอกสารบนโต๊ะแรงกว่าปกติเล็กน้อย“โอเค” ปรายฟ้าตอบภาคภูมิพร้อมกับหันไปมองเล็ก
ตอนที่ 13 วันหยุดแต่ไม่หยุดใกล้กันเช้าวันเสาร์ที่เงียบสงบผิดปกติของมหาวิทยาลัย ปรายฟ้าลากสังขารมายังห้องทำงานโปรเจกต์ ใบหน้ายังคงงัวเงียเล็กน้อย แต่พอเห็นกองเอกสารและอุปกรณ์วางรออยู่บนโต๊ะก็ต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่“โอ๊ยวันหยุดทั้งทีทำไมไม่หยุดพักนะ” เธอพึมพำกับตัวเองไม่นานนักประตูห้องก็เปิดออกภาคภูมิเดินเข้ามาพร้อมกองเอกสารอีกปึกใหญ่ ใบหน้าของเขายังคงเรียบเฉยตามปกติ แต่ในมือมีแก้วกาแฟร้อนๆ ส่งกลิ่นหอมกรุ่น“มาเช้าเหมือนกันนะครับ” ภาคภูมิพูดขึ้นเบาๆ วางแก้วกาแฟลงบนโต๊ะ“ก็งานมันเยอะนี่นา” ปรายฟ้าตอบ“แถมยังต้องเตรียมงานสำหรับกิจกรรมใหญ่เดือนหน้าอีก”บรรยากาศในห้องเงียบกว่าปกติ มีเพียงเสียงพลิกกระดาษและเสียงกดปากกาเบา ๆ ปรายฟ้า รู้สึกได้ว่ามันไม่เหมือนตอนที่เพื่อน ๆ อยู่กันพร้อมหน้า เธอเงยหน้าขึ้นมองภาคภูมิที่กำลังก้มหน้าก้มตาอ่านเอกสารอย่างตั้งใจ“นี่ นายไม่เบื่อบ้างเหรอ” ปรายฟ้าเอ่ยขึ้น“ทำแต่งานทำแต่ตัวเลข”ภาคภูมิเงยหน้าขึ้นมอง “ไม่เบื่อ”“โหชีวิต” ปรายฟ้าส่ายหน้า“ฉันล่ะเบื่อแทน”“แล้วปกตินายทำอะไรตอนวันหยุด” ภาคภูมิถามกลับอย่างไม่คิดอะไร“ก็ดูหนัง ฟังเพลง ไปเที่ยวกับเพื่อน ช็อปป
ตอนที่12กิจกรรมที่วุ่นวายแต่สนุก เช้าวันเสาร์แสงแดดลอดผ่านผ้าม่านเข้ามาปลุก ปรายฟ้าให้ตื่นขึ้นมาพร้อมกับอาการปวดหัวตุบ ๆ เธอพยายามลืมตาก่อนจะบ่นพึมพำกับตัวเอง“โอ๊ย ปวดหัวจัง” เธอพลิกตัวไปมาบนเตียงอย่างหงุดหงิด ภาพเหตุการณ์เมื่อคืนที่ผับค่อย ๆ ฉายชัดขึ้นในหัว โดยเฉพาะภาพที่ภาคภูมิกับหญิงสาวคนนั้นที่เข้ามาเกาะแกะ ความรู้สึกไม่ชอบใจยังคงคุกรุ่นอยู่ในใจอย่างประหลาดมือถือของเธอสั่นครืด ชื่อมีนาเด้งขึ้นมาบนหน้าจอ“ฮัลโหล” ปรายฟ้ารับสายด้วยเสียงงัวเงีย“ปรายแกตื่นยังเนี่ย ปวดหัวเหมือนกันเลยใช่ไหม” เสียงมีนาเจื้อยแจ้วมาตามสาย“เมื่อคืนสนุกมากเลยนะ โดยเฉพาะตอนที่แกทำหน้าบูดใส่ใครบางคนน่ะ”ปรายฟ้าถอนหายใจ “พอเลยมีนา ไม่ต้องมาแซวเลย” ปรายฟ้าพูดพร้อมลุกขึ้นไปหยิบน้ำมาดื่ม“แล้วไอ้สองคนนั้นล่ะ กัสกับพลกลับถึงหอกันหรือเปล่า”“ถึงดิ เห็นพลดูแลกัสดี๊ดี พาไปส่งถึงหอเลยนะแก น่ารักอ่ะ” มีนาพูดด้วยน้ำเสียงชวนฝัน“นี่แหละนะ คู่แท้ไม่ต้องพูดเยอะ แค่มองตาก็รู้ใจ”ปรายฟ้ากรอกตา”เพ้อเจ้อ ไปหาอะไรกินแก้แฮงค์ดีกว่า ฉันหิวจะตายอยู่แล้วเนี่ย”“เออ ๆ เดี๋ยวไปหาที่ห้อง ขออาบน้ำแต่งตัวก่อนไว้ไปหา” มีนาบอกกับปรา
ตอนที่11เจอกันบ่อยไปไหม เสียงจอแจในโรงอาหารอื้ออึง ปรายฟ้ากำลังหอบถาดข้าวแกงเดินหาที่นั่ง แต่ไม่มีโต๊ะว่างเลยสักโต๊ะ เหลือเพียงมุมเล็ก ๆ ที่มีภาคภูมินั่งอยู่คนเดียว ทำให้เธอตัดสินใจเดินตรงเข้าไปทันที“ขอนั่งด้วยคนนะ” ปรายฟ้าพูดขึ้นเบา ๆ พลางมองหากัสและมีนาที่กำลังซื้ออาหารเพราะเธอจะได้เรียกเพื่อนของเธอมานั่งด้วยภาคภูมิพยักหน้าเล็กน้อย แล้วก้มหน้ากินข้าวต่อเหมือนไม่ใส่ใจปรายฟ้านั่งลงตรงข้ามกับเขา วางจานข้าวลงบนโต๊ะพลางชำเลืองมองภาคภูมิที่ดูจริงจังแม้กระทั่งตอนกินข้าว เธอเห็นกัสและมีนากำลังเดินถือจานข้าวมาทางนี้พอดี จึงรีบกวักมือเรียกอย่างร่าเริง“นี่กัส มีนา มานั่งนี่สิ โต๊ะนี่ว่างไกัสกับมีนาหันมามองก่อนที่สายตาจะไปหยุดที่ภาคภูมิที่นั่งอยู่กับปรายฟ้า ทั้งคู่มองหน้ากันแล้วก็ยิ้มกรุ้มกริ่มเดินตรงมาที่โต๊ะ“โอ๊ย!!! ตายแล้วปรายฟ้า มานั่งกินข้าวกับนายภาคภูมิได้ไงเนี่ย” มีนากระซิบกัสแต่เสียงดังพอให้ทั้งโต๊ะได้ยิน“นั่นสิ ฉันว่าแล้วเชียวทำไม ปรายฟ้าถึงชอบโรงอาหารเวลานี้” กัสแซวต่อพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรายฟ้าหน้าแดงเล็กน้อย “พวกแกสองคนนี่ก็นะ ฉันแค่ไม่มีที่นั่งเฉย ๆ หรือพวกแกจะไม่นั่งล่
ตอนที่10แตกต่างและเหมือนจะแตกแยก ห้องประชุมเล็ก ๆ เต็มไปด้วยเอกสารตัวเลขและสีสันสดใสปรายฟ้า วาดภาพกิจกรรมเวิร์คชอปศิลปะรีไซเคิลอย่างกระตือรือร้น“เราจะจัดเวิร์คชอปทุกวันศุกร์ค่ะ มีสอนทำโมบายจากขวดพลาสติก มีทำกระถางต้นไม้จากรถยนต์เก่า แล้วก็มีประกวดไอเดียแต่งสวนจิ๋วด้วย” ปรายฟ้าพรีเซนด้วยแววตาเป็นประกาย“รับรองว่านักศึกษาสนุกแน่ ๆ ค่ะ” ภาคภูมิวางเครื่องคิดเลขบนโต๊ะเสียงเบา ๆ แต่สะท้อนความจริงจัง“งบประมาณที่เรามีจำกัดนะ กิจกรรมที่คุณเสนอมันใช้งบสูงเกินไปมาก” เขาชี้ไปที่ตารางงบประมาณ “ค่าวัสดุ ค่าวิทยากร และค่าอีกหลายอย่าง สองเดือนงบก็หมดแล้วครับ”“แต่มันจะดึงดูดคนได้เยอะนะคะ” ปรายฟ้ายืนกราน“แค่ปลูกต้นไม้อย่างเดียวใครเขาจะอยากมาดู” “งบประมาณต้องสมเหตุสมผลครับ” ภาคภูมิสวนกลับ“ถ้าเราจัดกิจกรรมใหญ่เดือนละครั้ง แต่มีคุณภาพดีเยี่ยมไม่ดีกว่าหรือครับ”การถกเถียงเรื่องตัวเลขกับความสร้างสรรค์ยังคงดำเนินไปอย่างไม่มีทีท่าว่าจะจบลงง่าย ๆ ณัฐพลที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ได้แต่ถอนหายใจ ส่วนกัสก็แอบจดเอาไว้เงียบ ๆ สุดท้ายทั้งคู่ก็ต้องยอมประนีประนอมกัน“เฮ้อ!!! ในที่สุดก็จบลงได้สักที” ปรายฟ้าบ่นอุบเมื่อก
ตอนที่9เริ่มต้นปวดหัวอีกครั้ง ห้องประชุมที่เดิมเพิ่มเติมคือความอึดอัดที่มากขึ้นกว่าเดิม ภาคภูมินั่งตัวตรงเป๊ะพร้อมกับแผนงานที่ดูเป็นระเบียบสุด ๆ“สำหรับโปรเจกต์มหาวิทยาลัยสีเขียวนี้ ผมเสนอแผนงานที่เน้นความยั่งยืนและวัดผลได้จริงครับ” ภาคภูมิเริ่มต้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ“เราจะเริ่มจากการวางโครงสร้างพื้นฐาน การจัดระบบเพื่อลดการใช้ทรัพยากร”ปรายฟ้าที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามทำหน้านิ่ง ๆ ยิ้มเย็นเยือก เมื่อภาคภูมิเสนอจบเธอก็ลุกขึ้นมาพร้อมรอยยิ้มสดใสกว่าเดิม“ถ้าพูดถึงมหาวิทยาลัยสีเขียว มันควรจะมีมากกว่าแค่การปลูกต้นไม้นะคะ เราควรสร้างมุมผ่านคลายสีเขียวที่มีต้นไม้ตั้งเป็นแนว หรือว่าเวิร์คชอปศิลปะรีไซเคิล เพื่อให้นักศึกษารู้สึกสนใจในโปรเจกต์นี้”“ความงามมันก็ต้องสิ้นเปลืองงบมากขึ้น” ภาคภูมิโต้กลับทันควัน“แต่ถ้าไม่สวย ไม่น่าสนใจใครจะอยากสนใจโปรเจกต์นี้” ปรายฟ้าย้อนถามกลับอย่างไม่ลดละ“เอาล่ะ ๆ พอแค่นั้นก่อน” อาจารย์โบกมือเป็นสัญญาณหยุดศึก“พวกคุณต้องแบ่งงานกัน”ปรายฟ้ากับภาคภูมิหันมามองหน้ากัน ต่างฝ่ายต่างจ้องอีกฝ่ายอย่างไม่มีใครยอมใคร“ฉันขอรับผิดชอบส่วนของกิจกรรมและประชาสัมพันธ์ทั้งหมดค่ะ”ปร