"คุณชาย คุณหนู ได้จองไว้รึไม่ขอรับ" คนของร้านโรงเตี๊ยมหลังใหญ่ออกมาดูแลต้อนรับตรงด้านหน้าอย่างดีเมื่อเห็นรถม้ามาจอด คนผู้นี้คือ บัณฑิตมู่ฮ่าวอี้รูปงามนั้นเอง มองจากรถม้าที่หรูคราแรกก็นึกในใจอยู่ว่าเป็นคุณชายจากตะกูลใด
"จอง"
ฮ่าวอี้เอ่ยตอบเพียงสั้น ๆ พร้อมกับชูป้ายให้กับเสี่ยวเอ้อร์ดู ก่อนจะแวะไปหาน้องสาวที่รักตนได้ให้คนของตัวเองมาจองห้องที่ดีที่สุดไว้ก่อนแล้ว ที่ทำเช่นนี้ก็เพื่อปลอบประโลมใจน้องน้อยของเขาที่พึ่งผ่านเหตุการณ์เลวร้ายมา กลัวนางจะเศร้าเสียใจมากนัก เหตุไฉนไม่เพียงไม่เสียใจตอนนี้กลับร่าเริงสดใสเป็นยิ่งนัก ฟู่หลางเทียน นะ! หากว่าไม่นับว่ากำลังจะมาเป็นพี่เขยของตนคงต้องบุกไป ประดาบกันซักตั้งหนึ่งเชียวล่ะ ถึงแม้นฮ่าวอี้จะเกิดในตระกูลบัณฑิตและเขาเองก็เป็นบัณฑิตหนุ่มผู้เก่งกาจในยุคนี้ ที่หาใครเทียบได้ยากแต่ฝั่งมารดานั้นก็เป็นถึงตระกูลทหารใหญ่จึงได้ทั้งบู๋ทั้งบุ้นมาตั้งแต่เด็ก ข้อนี้ถือว่าตนได้เปรียบบุรุษรุ่นเดียวกันอยู่มาก
เสี่ยวเอ้อร์เดินนำทั้งสองเดินเข้ามานั่งในห้องเป็นที่เรียบร้อย ห้องที่ฮ่าวอี้จองไว้อยู่ชั้นสามของร้าน ด้านหน้าโล่งด้านข้างมีฉากกั้นระหว่างห้องถัดไปมิดชิด ด้านในตกแต่งหรูหรา คนด้านบนสามารถมองดูลานด้านในได้ชัดเจนกว่ามุมอื่น ๆ ของร้าน ซึ่งกลางลานร้านมีเหล่าสตรีกำลังร่ายรำอย่างอ่อนช้อย สลับกับการขึ้นโต้กลอนกันของเหล่าบัณฑิต ทำให้บรรยากาศเป็นที่พอใจและรื่นรมย์สำหรับคนที่เข้ามาเป็นยิ่งนัก
"สมชื่อโรงเตี๊ยมใหญ่ของเมืองจริง ๆ อาหารอร่อย ดนตรีไพเราะ แถมสตรีงดงาม ต้องขอบคุณคุณชายมู่เจ้าค่ะที่พาออกมาเปิดโลก"
เสี่ยวฟางเอ่ยเย้าแหย่ออกมาพลางใช้นิ้วชี้ไปตามแต่ละตำแหน่งที่ตนเอ่ยถึงด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ซึ่งรอยยิ้มนี้ของนางฮ่าวอี้ชื่นชอบเป็นยิ่งนัก เขาถึงกับยกคำกล่าวที่ว่าน้องน้อยเขายิ้มคราใดนภาสว่างไสวก็มิปานให้แก่นาง ไม่นับรวมคู่หมั้นของตนซึ่งนางงดงามและ ฮึฮึ ฮ่าวอี้ก้มหน้าที่แดงก่ำลงเล็กน้อยในใจก็นึกถึงยามที่นางปรนเปรอตนบนเตียงเรื่องนี้ไม่มีผู้ใดได้ล่วงรู้หมั้นกันแล้วก็ต้องเป็นของกันและกันอยู่ดีเป็นนางที่กล่าวแก่เขา สตรีเช่นนางก๋ากั๋นไม่มีผู้ใดเทียมจริง ๆ สินะ คุณหนูตระกูลฟู่
"เช่นนั้นตอบแทนข้าเป็น อืม เจ้ากินหมดนี่ก็แล้วกัน อ่ะ"
"พี่ฮ่าวอี้เห็นข้าตระกละเช่นนั้นเลยรึ ถึงข้าจะชอบกินแต่หมดนี่คงตายกันพอดีสิเจ้าคะ"
เสี่ยวฟางเอ่ยอย่างตกใจ ก่อนจะกวาดสายตามองดูอาหารและของว่างที่อยู่ด้านหน้าตนเวลานี้ สั่งมาเยอะขนาดนี้ถึงนางจะชอบกินขนาดไหนเกรงว่าจะหมดหรอกนะ นี่ยังมิทันได้พร่องลงเลยด้วยซ้ำ
"ฮ่า ฮ่า ฮ่า ข้าล้อเล่นน่า ไม่หมดก็ไม่หมด รู้เสียบ้างเจ้ามากับผู้ใดเช่นไรข้าย่อมจ่ายให้เจ้าได้สบาย"
"พ่อบุญทุ่มเสียด้วย พี่ฮ่าวอี้นี้ดีต่อข้าจริง ๆ ขอบคุณนะเจ้าคะ "
เสียวฟางเอื้อมมือไปจับแขนเป็นการออดอ้อนขอบคุณมู่ฮ่าวอี้อย่างที่เคยทำ ในใจล้วนบริสุทธิ์ด้วยเห็นเขาเป็นดั่งพี่ชายแท้ ๆ ของตน
แต่กับคนที่ยืนเป็นตอไม้ใหญ่อยู่ด้านหน้าไม่เป็นเช่นนั้น เมื่อเสี่ยวเอ้อนำอาหารมาให้แขกด้านในทั้งสอง ทำให้ฟู่หลางเทียนได้เห็นจังหวะการกอดอ้อนอ้อนของนางกับว่าที่น้องเขยตน ยิ่งกระตุ้นอารมณ์ให้อารมณ์ในกายกระพือพัดขึ้นไปอีก
หน็อย! แอบมาพลอดรักกันลับหลังน้องข้าอยู่นี่เองรึ หลิวฟางอี้ สตรีไร้ยางอาย! นี่มันชักจะมากไปเสียแล้ว หากไม่เกรงว่าน้องจะเสียใจเห็นทีคงเข้าไปชกสั่งสอนเจ้าบัณฑิตนี่ซักทีสองทีเสียกระมัง ความคิดสะดุดลงเมื่อเสี่ยวเอ้อร์เดินออกมาพร้อมกับประตูที่ปิดลง
"เอ่อ นายท่าน ท่านรู้จักคนด้านในรึขอรับ กฎของร้านหากจะเข้าไปต้องได้รับอนุญาตก่อนนะขอรับ
ฟู่หลางเทียนมองดูเสี่ยวเอ้อร์น้อยตรงหน้าเล็กน้อย เด็กหนุ่มนี้ดูท่าพึ่งเข้ามาเริ่มงานกระมัง หากข้าจะเข้าไปผู้ใดจะขวางเขาได้เกรงว่าจะไม่มี โรงเตี๊ยมแห่งนี้ตนรึก็เป็นเจ้าของอยู่เกินกว่าครึ่ง
"เสี่ยวเอ้อร์ ข้ามีงานให้เจ้าเจ้าทำค่าตอบแทนดี สนใจรึไม่"
"งานอะไรรึนายท่าน"
"แค่จะให้เจ้าไปทำธุระที่จวนตระกูลฟู่ของข้าให้เล็กน้อย"
จวนตระกูลฟู่! พลันเสี่ยวเอ้อร์บุรุษหนุ่มน้อยก็ตาโต รีบเอ่ยขอโทษขอโพยผู้เป็นนายเสียยกใหญ่
"เสี่ยวเอ่อมีตาหามีแววไม่ นายท่านโปรดให้อภัยข้าน้อยด้วยขอรับ”
เสี่ยวเอ้อร์น้อยละล้ำละลักบอกเสียงตะกุกตะกัก นี่พึ่งได้เริ่มทำงานจะตกงานแล้วรึนี่ข้า
"เอาล่ะๆ ข้าไม่ใช่คนมากความ เจ้าไปที่จวนตระกูลฟู่ ไปหาคุณหนูรอง บอกแก่นางว่า ฮวาซินน้องรักเจ้าไม่สบายหนักมู่ฮ่าวอี้กำลังมา เจ้าเร่งไปเลยนะ อ่ะนี่ของเจ้า"
"ของข้ารึนายท่าน โอ้โห เช่นนั้นข้าไปเดี๋ยวนี้ "
เสี่ยวเอ้อร์น้อยเมื่อเห็นพวงเงินที่วางลงในมือก็ตาลุกวาว รีบเดินออกไปเพื่อทำตามที่บุรุษรูปงามตรงหน้าสั่งอย่างรวดเร็ว
หลางเทียนมือผลักเปิดประตูก้าวเข้าไปในห้องอย่างตั้งใจ เมื่อเห็นภาพสตรีร่างอวบกำลังกอดแขนคู่หมั้นของน้องสาวตนอยู่ก็ได้แต่สูดหายใจลึก ๆ ดูสิขนาดเขามายืนอยู่ตรงนี้ชายหญิงคู่นี้ก็ยังไม่รู้ตัว
"อื้ม อ้าวมู่ฮ่าวอี้"
"พี่หลางเทียน"
ฮ่าวอี้หันมาหาเสียงทักทายก็เห็นหลางเทียนยืนอยู่ จึงรีบลุกขึ้นพร้อมกับปลดแขนของน้องสาวออกไว้รู้สึกขนลุกหนาว ๆ ร้อน ๆ กับสายตาคมที่จ้องมายังตนและเสี่ยวฟางเช่นไรไม่รู้
"อ้าว นี่มันคุณหนูหลิวนี่ พวกเจ้ามาเปิดโรงเตี๊ยมกันสองต่อสองเกรงว่าจะดูไม่เหมาะเท่าไหร่กระมัง เช่นนั้นให้ข้านั่งด้วยดีรึไม่ พอดีแวะทักทายแขกมาสักพักข้าชักเมื่อยแล้วเช่นกัน"
ฟู่หลางเทียนนั่งลงรินชาใส่จอกแล้วยกขึ้นดื่มคล้ายว่าเหน็ดเหนื่อยกระหายเสียยิ่งนัก
ด้านเสี่ยวฟางเมื่อเห็นหน้าหล่อเหลาของคนที่นางนึกเกลียดก็ขยับเข้าไปหลบด้านหลังของพี่ชายทันที
"เอ่อ พวกเราแค่ออกมาทานของอร่อยหนะพี่ฟู่ เอ่อข้าเลี้ยงปลอบใจนาง เอ่อ"
"ปลอบใจนาง เฮอะ! ดีจริง ๆ มู่ฮ่าวอี้ น้องข้าป่วยนอนซมอยู่ที่จวนแต่เจ้ากับพาสตรีอื่นออกมาตะลอนเที่ยวอย่างนั้นรึ"
ฮ่าวอี้เมื่อได้ยินว่าฮวาซินไม่สบายก็เกิดร้อนรนในใจ นางไม่สบายใยเขาจึงไม่รู้
"ขะข้าไม่รู้เลยพี่ฟู่ เช่นนั้นข้าจะไปดูนางเสียหน่อย"
"พี่ฮ่าวอี้"
พูดจบฮ่าวอี้ก็หุนหันเดินออกไปทันที ลืมว่าตนมีหลิวฟางอี้มาด้วยเสียสนิท
หลิวฟางอี้เมื่อเห็นฮ่าวอี้ก้าวออกไปก็ก้าวตามไปทันที ก่อนจะโดนมือใหญ่ดังคีมเหล็กคว้าหมับจับแขนนางไว้ก่อนจะดึงให้เข้ามาปะทะในอ้อมกอดตามอารมณ์ของเจ้าของร่างใหญ่
"นี่ปล่อยข้านะ!!"
เสี่ยวฟางเมื่อโดนกอดไว้ทั้งตัวก็ดีดดิ้นสุดแรง แม้นนางจะรูปร่างอวบอิ่มแต่เมื่อเทียบกับแรงบุรุษแล้วเกรงว่าแรงคงเท่ามดเองกระมัง ดูอย่างตอนนี้ที่นางดีดดิ้นเขายังไม่สะทกสะเทือนเลยซักนิด
"ทำไม ดิ้นต่อสิ"
"ปล่อยข้านะ ฟู่หลางเทียนคนเลว หากไม่ปล่อยข้าจะร้องให้คนช่วยจริงด้วย ปล่อยนะ" เมื่อดิ้นเช่นไรก็ไม่เป็นผลแถมยังโดนรัดแน่นขึ้นเสียยิ่งกว่าเก่าเสียอีก
อึก! หลางเทียนกลืนน้ำลาย เมื่อเห็นนางดื้อดึงไม่อยู่นิ่งจึงแกล้งรัดร่างนุ่มนิ่มนี้เข้าไปอีก ทำให้แขนแกร่งที่กอดอยู่ใต้ฐานปทุนถันอวบคู่งามดันให้หน้าอกของนางเด่นขึ้นจากชายขอบอาภรณ์ตัวสวย เนินอกขาวอวบความใหญ่โตไม่ต้องให้เอ่ยถึง ฟู่หลางเทียนได้ยลและสัมผัสมากับตัวว่าทั้งใหญ่และนุ่มมากแค่ไหน และตอนนี้แก่นกายที่โดนบั้นท้ายส่ายปัดป่ายไปมาโดนก็เริ่มจะร้อนดุจไฟขึ้นมาน้อย ๆ
"บอกให้ปล่อยไงละคนบ้า ปล่อยนะ" เสี่ยวฟางบิดตัวและข้อมือไปมาพยายามขัดขืนดีดดิ้นออกจากอ้อมกอดแกร่ง แต่เหมือนยิ่งดิ้นยิ่งรัดและยิ่งขยับก็เริ่มรับรู้ได้ถึงแท่นแข็ง ๆ ที่กำลังทิ่มนางอยู่ทางด้านหลัง ได้แต่ขมวดคิ้วสงสัย แต่หาได้สนใจไม่สิ่งที่สนใจคือทำยังไงก็ได้ให้หลุดจากอ้อมกอดนี่ไปให้ได้เสียก่อน
"นี่ปล่อยนะ หยุดหยาบคายกับข้าเสียที ปล่อย ฮึ่ย!" เสี่ยวฟางที่เริ่มโมโหแล้วในตอนนี้ ได้แต่กระแทกลมหายใจร้อน ๆ ออกมาอย่างระบายอารมณ์ที่ตนทำอะไรบุรุษตรงหน้าไม่ได้
"หึ หยาบคายรึ เช่นไรกัน ฮึ" หลางเทียนเมื่อเห็นนางนิ่งแล้วก็โฉบใบหน้าลงมาแกล้งคลอเคลียกับแก้มใสของนาง จงใจพ่นลมหายใจร้อน ๆ รดไปยังผิวอ่อนบริเวณลำคอระหงอย่างนึกกลั่นแกล้ง
เสี่ยวฟางตาโตตกใจกับการกระทำของฟู่หลางเทียนอยู่ไม่น้อย ได้แต่ย่นคอหลบลมหายใจร้อน ๆ นั่นไปมา ใจดวงน้อยเต้นระรัวดังกลองศึก ตัวแข็งนิ่งค้างไปชั่วขณะ
“ข้ากับเสี่ยวฟางเอ่อเราทั้งคู่รักกันขอรับ ข้าจะให้แม่สื่อมาสู่ขอกับนายท่านหลิวในวันพรุ่งขอรับ”“เฮ้ย! บ๊ะ! ฟู่หลางเทียนเจ้าลูกบ้า! หน้าที่หาแม่สื่อมันเป็นของข้าต่างหากเล่า นี่เจ้าใจร้อนจัดหาเองเลยรึ ห๊า!” ฟู่ตี้เหรินตบเข่าฉาดใหญ่ก่อนจะลุกขึ้นชี้หน้าบุตรชายแสร้งโมโห‘บ๊ะ!ไอ้เจ้าลูกคนนี้ครั้งนั้นทำเป็นปฏิเสธยัยหนูหลิว มาครานี้มันจัดแจงเองเสียเสร็จสรรพ ไม่ได้การล่ะ! กลับไปข้าต้องไปจัดเตรียมสินสอดให้เสียยิ่งใหญ่ ตระกูลฟู่จะมีงานมงคลจะให้น้อยหน้าไม่ได้’“โธ่ท่านพ่อ” ฟู่หลางเทียนแสร้งโอดโอย“ฮ่า ๆ ดี ๆ ดียิ่งนักเสี่ยวฟางเราในที่สุดก็จะเป็นฝั่งเป็นฝาเสียที เฒ่าฟู่ข้ากับเจ้าในที่สุดก็ได้เกี่ยวดองกันแล้วสิ” หลิวตงหยางเอ่ยอย่างปลื้มปิติ ลูกเขยคนนี้ทำสิ่งต่าง ๆ มากมายแม้ไม่มีสินสอดสักตำลึงตนก็ย่อมเห็นดีเห็นงาม“ฮ่า ๆ นั่นสิ ๆ ข้าต้องรีบกลับไปเตรียมสินสอดเสียก่อนนะเฒ่าหลิว จะให้น้อยหน้าไม่ได้ ๆ” ฟู่ตี้เหรินลุกขึ้นเตรียมกลับจวนอย่างตื่นเต้น“ไม่รีบ ๆ เฒ่าฟู่ ฮ่า ๆ ”ฟู่หลางเทียนและเสี่ยวฟางมองภาพครอบครัวที่ชื่นมื่นยินดีกับพวกตนด้วยแววตาเปี่ยมล้นด้วยความสุข มือใหญ่โอบรั้งดึงเอาร่างอวบเข้ามากอดแนบอก
เช้าตรู่ยามยามเฉิน [07.00 น.] คนทั้งสองตระกูลได้มารวมกันที่ว่าการอำเภอพร้อมพยานทั้งหมดที่ฟู่หลางเทียนติดตามหามาได้จนครบถ้วนไม่ต้องหล่น ส่วนอีกฝั่งเป็นคนจากตระกูลเจียงและตระกูลฟ่าน และรอเพียงไม่นานผู้ว่าการศาลต้าหลี่ก็นั่งประจำตำแหน่ง“เอ้าล่ะ ไหนคุณชายฟู่เจ้าลองว่ามาเหตุใดจึงกล่าวหาว่าการปล้นในครานั้นเป็นฝีมือของคนตระกูลเจียง!”“ข้าล้วนสืบจนแน่ชัด” ฟู่หลางเทียนลุกขึ้นมายืนตรงกลาง ก่อนจะเอ่ยต่อ“ข้าสงสัยว่าสินค้าจำนวนไม่น้อยและเงินจำนวนมากหายไป ทำไมคนตระกูลเจียงถึงไม่เดือดร้อนเท่าที่ควร ข้าจึงให้คนของข้าไล่กว้านซื้อผ้าไหมทั้งเจียงซีและแคว้นโดยรอบมาไว้เองเสียหมดเพื่อปั่นราคาผ้าไหมให้แพงขึ้นบีบให้...คนร้ายนำของกลางออกมาขาย”เอือก! ที่แท้พ่อค้าที่ต้องการผ้าไหมจำนวนมากและซื้อในราคาแพงคือ ฟู่หลางเทียนรึนี่ เฮอะ! เล่นกันเช่นนี้เลยรึ เหงื่อกาฬเจียงจื่อหยวนและขุนนางฟ่านเริ่มไหลแตกพลั่ก ๆ อย่างนึกหวั่นใจ ไม่นึกว่าไอ้หนูหน้าอ่อนนี้จะใช้วิธีเช่นนี้มาล่อพวกตน“และข้าพบว่าผ้าไหมที่ตระกูลเจียงนำมาขายให้ข้านั้น เท่ากับสินค้าที่ถูกปล้นไปไม่ขาดไม่เกิน! ขอรับ” ฟู่หลางเทียนพูดจบก็แสยะยิ้มร้ายอย่างน่
หลิวฟางอี้ได้ฟังก็ได้แต่อ้าปากค้างอย่างตกตะลึง ให้ตายเถอะนางช่างไม่ชินกับคุณชายฟู่ในครั้งนี้เอาเสียเลย“ดูท่านสิ! ชักเหลวไหลไปใหญ่”“เจ้าไม่ต้องห่วงข้าได้ให้คนไปลอบสืบมาแล้วล่ะ สินค้าในครานั้นที่ถูกปล้นไปล้วนเป็นคนในปล้นกันเอง และข้าได้ซื้อกลับมาไว้เองเสียหมดแล้ว วันพรุ่งไปที่ว่าการอำเภอกัน พรุ่งนี้ข้าจะทำให้ตระกูลเจียงหายไปจากเจียงซี พ่อค้าชั่วช้าเช่นนี้สมควรได้รับโทษให้สาสม”“ฮื้อ! เช่นไรกันเจ้าคะ”“ไว้เจ้ารอดูพรุ่งนี้ก็แล้วกันขอแค่เชื่อมั่นในข้า ข้าจะทวงคืนความยุติธรรมให้เจ้าและนายท่านหลิวเอง” ฟู่หลางเทียนที่แอบสืบเรื่องนี้มานานในที่สุดความจริงก็ได้กระจ่าง“ขะข้าไม่รู้จะตอบแทนท่านเช่นไร” หลิวฟางอี้มองฟู่หลางเทียนอย่างนึกขอบคุณ“ทุกอย่างล้วนทดแทนที่ข้าทำไม่ดีกับเจ้า เฮ้อ! ช่วยพ่อตานับว่าเป็นเรื่องที่ควรทำมิใช่รึ ฮ่า ๆ”“ฟู่หลางเทียนท่านคิดไปเองเก่งเสียจริง อ๊ะ!” ยังพูดมิทันจบปากบางก็ถูกปากหนาปิดประทับ ก่อนที่หลางเทียนจะค่อย ๆ อ้อยอิ่งถอนออกอย่างนึกเสียดาย“พี่หลาง เสี่ยวฟาง ต่อไปเรียกข้าพี่หลางเด็กดี” หลางเทียนมองใบหน้าอิ่มเอิบเนียนใสของสตรีตรงหนาด้วยแววตาเอ็นดูระคนรักใคร่‘อันตรายน
หลิวเสี่ยวฟางเดินสำรวจดูห้องใหญ่ไปมาก่อนจะก้มลงเก็บข้าวของที่กระจัดกระจายให้กลับเข้าที่เพื่อรอเวลา เสียงแว่วขับเพลงทุ่มเบา ๆ ดังเล็ดลอดออกมาจากห้องอาบน้ำให้ได้ยิน ทำเอาหลิวฟางอี้ส่ายหน้าน้อย ๆ อย่างนึกหมั่นไส้ คุณชายฟู่ช่างดูแตกต่างจากเมื่อก่อนเสียสิ้นเชิงสินะด้านในอ่างอาบน้ำไม้เนื้อดีมีร่างแกร่งของบุรุษแช่กายอยู่ภายใน มือแกร่งตั้งใจถูไถ อาบน้ำอย่างพิถีพิถันกว่าทุกครา นึกอยากเรียกเจียวมิ่งเข้ามาขัดตัวให้เสียจริงเชียว มือใหญ่จับผ้าถูไปมาตามมัดกล้ามเนื้อหนั่นแน่นจนมั่นใจว่าสะอาดทุกซอกทุกมุมแล้ว จึงลุกก้าวออกจากอ่างสวมเพียงอาภรณ์ชุดคลุมเดินออกมาใช่! เขาชินแต่มีคนคอยเตรียมไว้ให้ไปเสียหมดจนลืมไปเสียสนิทยังดีหน่อยที่เจียวมิ่งยังทิ้งเสื้อชุดคลุมไว้ด้านในอยู่บ้าง“สูด ฮืม!”“อ๊ะ!” หลิวฟางอี้ตกใจที่ฟู่หลางเทียนเข้ามาสวมกอดจากด้านหลังโดยไม่ให้ซุ่มให้เสียง ทำเอานางที่เก็บของที่กระจายเกลื่อนเต็มพื้นอยู่ต้องตกใจ“อื้ม ตัวเจ้าหอมข้าชอบยิ่งนัก ชักอดใจไม่ไหวเสียแล้วสิ วันพรุ่งข้าให้ท่านพ่อจัดหาแม่สื่อไปสู่ขอเจ้าเลยดีรึไม่ หื้ม” ฟู่หลางเทียนคิดเช่นนั้นจริง ๆ เขาอยากไปขอหมั้นนางให้เป็นทางการเสียทีหลัง
“ฮึก ฮือ ขะข้าทนไม่ไหว ข้าไม่อาจแสร้งว่าไม่รู้สึกกับท่านได้ ฮึก ฮื้อ ทั้ง ๆ ที่ขะข้า อยากจะลืมท่านไปเสียสิ้น ฮือ ฮึก ๆ” ยิ่งได้ฟังสิ่งที่หลิวฟางอี้เอื้อนเอ่ย ฟู่หลางเทียนคล้ายกับปลาได้น้ำในหน้าแล้ง ใจแกร่งสั่งไหวเบ่งบานอย่างดีใจด้วยความหวัง ใจที่หนักอึ้งหมดอาลัยกับทุกสิ่งโปร่งโล่งอย่างอัศจรรย์ ใบหนาคมคายเผยยิ้มกว้างออกมาด้วยนัยน์ตาแดงก่ำน้อย ๆ อย่างปิติดีใจอย่างเหลือล้น“เสี่ยวฟาง! ข้าได้ยินแล้วข้าช่าง ๆ ดีใจยิ่งนัก เด็กดีข้าคิดถึงเจ้า คิดถึงเหลือเกิน” ฟู่หลางเทียนคลายอ้อมกอดเพื่อจะได้พินิจจ้องมองใบหน้านางได้อย่างเต็มรัก มือหนาสั่นน้อย ๆ ค่อย ๆ ยกขึ้นลูบไล้กอบกุมที่กรอบหน้าของนางอย่างทะนุถนอม นิ้วแกร่งเกลี่ยเช็ดน้ำตาออกอย่างแผ่วเบา ก่อนจะค่อย ๆ จรดฝังริมฝีปากหนาลงช้า ๆ กับริมฝีปากบางนุ่นแผ่วเบา เพียงเท่านี้คล้ายมีกระแสดึงดูด จูบที่เพียงแผ่วเบาราวผีเสื้อโบยเมื่อครู่ เริ่มจะดุดันวาบหวามขึ้นอย่างดูดดื่ม ลิ้นหนาสอดแทรกความดูดดึงทุกซอกทุกมุมทั่วปากเล็กอย่างเต็มรักก่อนจะค่อย ๆ ถอนจุมพิตออกอย่างเชื่องช้าอ้อยอิ่งอย่างนึกตัดใจ หากไม่แล้วฟู่หลางเทียนกลัวห้ามใจตนเองไม่ได้ เขาไม่อยากหักหาญน
ยามซวี [20.00 น.]ในที่สุดหลิวฟางอี้ก็ไม่อาจหลอกตัวเองได้อีกต่อไปว่านางไม่รู้สึกใด ๆ กับฟู่หลางเทียน ร่างอวบอิ่มภายใต้ชุดคลุมเดินตรงเข้าไปยังเรือนที่ป้ายเขียนด้วยอักษรจีนโบราณ[เรือนซูเมิ่ง ตระกูลฟู่]หลิวฟางอี้เงยหน้าขึ้นมองป้ายชื่อเรือน ก่อนจะหยุดแล้วสูดหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อเรียกกำลังใจ เมื่อเรียกกำลังให้ตัวเองแล้วนางทำใจอยู่พักใหญ่ เท้าเล็กค่อย ๆ ก้าวเดินไปตามทางเดินที่ประตูจวนเปิดอ้าไว้คล้ายกับรู้ว่านางจะมาอย่างไรอย่างนั้น“คุณหนู! เจียวมิ่งรู้อยู่แล้วว่าท่านจะมา” เจียวมิ่งถลาวิ่งเข้ามาหานางด้วยความดีใจ“อืม” หลิวฟางอี้เพียงขานรับเล็กน้อยอย่างสงวนท่าที“คุณชายอยู่ในนี้ขอรับ เชิญขอรับ”พรึบ!“อ๊ะ” หลิวฟางอี้ตกใจที่หลังจากนางก้าวเข้าไปในห้องเจียวมิ่งก็ปิดประตูลงทันที และทันทีที่ก้าวเข้ามาในห้องพลันจมูกนางก็ได้กลิ่นเหม็นแรงของเหล้าคละคลุ้งไปทั่วทั้งห้อง จนหลิวฟางอี้อดที่จะยกมือขึ้นมาปัดไล่กลิ่นพร้อมทั้งยกมืออีกข้างขึ้นปิดจมูกเพื่อบรรเทากลิ่นเหม็นแรงฉุนที่ลอยตีปะทะคลุ้งไปทั่วเสียไม่ได้ ดวงตากลมโตพยายามมองฝ่าความมืดสลัวเพื่อมองหาเป้าหมายที่ทำให้นางต้องถ่อมาหาถึงที่ตึก ตึก ตึก! ฟู่หลาง