ห่าวตี้หลุนถีบประตูดังปังด้วยความโมโห เมิ่งอันหลานนั่งอยู่หน้ากระจกให้หว่านเอ๋อหวีผม ก็ส่งสายตาให้หว่านเอ๋อออกไปก่อน ห่าวตี้หลุนเข้าไปกระชากแขนนาง
" อยากมีลูกกับข้าถึงกับต้องทำแบบนี้เลยรึเจ้าจงใจทำให้ข้าอับอายใช่ไหม"
" อาย อายทำไม ก็มีแต่คนในครอบครัวทั้งนั้น แล้วที่ข้าพูดมันผิดตรงไหน ขาของท่านเดินไม่ได้มาสองปีเป็นธรรมดาที่จะส่งผลกับ ตรงนั้น"
นางก้มมองต่ำ เขาผลักนางออกอย่างรังเกียจ
" ของข้าใช้การได้ดีหรือไม่เจ้าย่อมรู้ดี เจ้าเองก็ติดใจมันจนร้องครางไม่หยุดไม่ใช่รึ"
เขาพูดแล้วเดินเข้าหานาง นางถอยหนีจนชิดมุมแล้วแสยะยิ้ม
" ข้าก็แกล้งร้องไปอย่างงั้นเองแหละ เป็นกำลังใจให้ท่าน ไม่อยากทำให้ท่านต้องเสียหน้า"
" เจ้า นี่เจ้า"
นางผลักเขาออกแล้วเดินไปนั่งจิบชา
" ข้าว่าท่านควรเอาเวลาที่โต้เถียงกับข้าไปหางานทำดีกว่า ขาของท่านก็เดินได้มาเกือบปีแล้วเหตุใดยังลอยชายไปมาอยู่อีกไม่คิดจะหาเงินเข้าจวนบ้าง น้องสาวของท่าน แม่ของท่าน ล้วนแต่ใช้จ่ายเงินราวกับใบไม้ เสื้อผ้าเครื่องประดับซื้อได้ทุกวัน นี่ถ้าไม่มีสมบัติเดิมป่านนี้จวนจระกูลห่าวคงเหลือเเต่ชื่อ หรือว่าท่านคิดจะให้บิดาของท่านที่อยู่ชายแดนเลี้ยงดูไปจนตาย จิ๊จิ๊ ช่างเป็นลูกกตัญญูจริงๆ บิดาของท่านเป็นเพียงนายกองเล็กๆเงินเดือนนิดเดียว ส่งกลับมาเดือนนึงแทบไม่พอจ่ายเงินเดือนบ่าวรับใช้ "
ห่าวตี้หลุนได้แต่อ้าปากเถียงนางไม่ออกเพราะที่นางพูดมาล้วนเป็นเรื่องจริง พอเขาเดินได้ก็เอาแต่หมกมุ่นอยู่กับเรื่องของหลี่หรูอี้จนลืมคิดเรื่องนี้ไป
" แล้วเจ้าเล่าดีกว่าข้าตรงไหน ท่านย่าซื้อตัวเจ้าด้วยสินสอดมากมายเพื่อให้มาแต่งงานกับข้า หลายปีมานี้เจ้ายังกินใช้ของตระกูลห่าวหมดไปตั้งเท่าไหร่"
นางลุกขึ้นเดินไปจ้องหน้าเขา
" ไม่ต้องห่วง ทั้งเงินสินสอดและค่าใช้จ่ายตลอดสามปีที่ข้าอยู่ที่จวนนี้ข้าจะจ่ายคืนให้ครบไม่ขาดแม้แต่นิดเดียว"
พูดจบก็เดินออกไป ห่าวตี้หลุนรู้สึกวูบโหวงแปลกๆกับคำพูดของนาง
เมิ่งอันหลานกับหว่านเอ๋อเดินเล่นในตลาดพากันแวะร้านนั้นร้านนี้ ดูของขวัญไปให้ฮูหยินผู้เฒ่าในวันเกิดที่ใกล้จะมาถึง เลือกของได้แล้วระหว่างรอห่อ สายตาก็เห็นเกี๊ยวร้อนๆก็นึกอยากกิน
" หว่านเอ๋อเจ้ารอเอาของนะ ข้าจะไปซื้อเกี๊ยวที่ร้านนั้น"
" เจ้าค่ะฮูหยินเดี๋ยวข้าตามไป"
เมิ่งอันหลานเดินไปที่ร้านเกี๊ยวไม่คิดว่าจะเจอห่าวตี้หลุนกับหลี่หรูอี้ หลี่หรูอี้ควงแขนห่าวตี้หลุนส่งสายตาเยาะเย้ยมาให้
" พี่อันหลาน ท่านก็อยากกินเกี๊ยวเหมือนกันเหรอ"
" ข้าไม่มีน้องสาว อีกอย่างหน้าตาของเจ้าก็ดูแก่กว่าข้ามาก หากถามใครก็ต้องคิดว่าเจ้าอายุมากกว่าแน่"
" เจ้า "
" พ่อค้าข้าเอาไส้หมูกับไส้ผักอย่างละสี่"
" ได้ๆ"
กรี๊ดด ว้ายยยย
" หนีเร็ว"
" วิ่งเร็วมีนักฆ่ามาจากไหนไม่รู้"
เสียงชาวบ้านกรีดร้องตะโกนบอกมีนักฆ่าแต่ละคนพากันวิ่งหนีกระเจิดกระเจิง กลุ่มนักฆ่ามาเร็วมาก เมิ่งอันหลานไม่ทันได้วิ่งหนีก็ถูกพวกมันรายล้อม หันไปดูห่าวตี้หลุนที่จูงมือหลี่หรูอี้วิ่งหนี นางก็ยอมรับชะตากรรม ฉึก คมดาบแทงเข้าที่ท้องของนางก่อนสติจะดับไป นางเห็นภาพเลือนลางของบุรุษชุดน้ำเงินเข้ามาต่อสู้กับพวกนักฆ่า
เมิ่งอันหลานลืมตาขึ้นมาพบว่าตัวเองอยู่ในห้องนอน จมูกได้กลิ่นยาสมุนไพรอบอวล
" ฮูหยิน ท่านฟื้นแล้ว"
" หว่านเอ๋อ ข้ามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง"
" คนของทางการพามาส่งเจ้าค่ะ รู้สึกว่าจะเป็นองครักษ์ ยังเป็นคนช่วยชีวิตฮูหยินด้วยนะเจ้าคะ "
" องครักษ์เหรอ เขาได้บอกชื่อใหม"
" ไม่ได้บอกเจ้าค่ะ ข้าถามก็ไม่บอกไม่พูดอะไรเลยสักคำ อ้อนี่เจ้าค่ะ ตอนเขาอุ้มฮูหยินมาส่งเผลอทำตกไว้ ข้าเลยเก็บมา"
หว่านเอ๋อส่งป้ายหยกให้เมิ่งอันหลาน นางรับมาดูแล้วขมวดคิ้ว ป้ายหยกบอกตำแหน่งองครักษ์ ป้ายแบบนี้น่าจะเป็นหัวหน้าองครักษ์ ไว้นางหายดีก่อนจะเอาป้ายไปคืนและขอบคุณเขาด้วย
" หลานเอ๋อเจ้าฟื้นแล้ว ดีจริงๆ ยังเจ็บตรงไหนอยู่ไหม เจ็บแผลมากหรือเปล่า นางฟื้นแล้วพวกเจ้ารีบไปตามหมอมาดูเร็ว"
ฮูหยินผู้เฒ่ารีบเข้ามาดูเมิ่งอันหลานใกล้ๆด้วยความห่วงใย แล้วสั่งให้บ่าวรับใช้ไปตามหมอมา
" ท่านย่า ข้าไม่เป็นอะไรแล้วเจ้าค่ะ "
" โทษหลานชั่วคนนั้น แทนที่จะปกป้องภรรยาตัวเองกับไปปกป้องนังหญิงหน้าด้านคนนั้น ไม่ต้องห่วงนะ ย่าลงโทษให้เขาคุกเข่าสำนึกผิดในห้องบรรพชนแล้ว แล้วยังสั่งห้ามไม่ให้เขาไปหาผู้หญิงคนนั้นอีกหากเขากล้าขัดคำสั่ง ข้าจะตัดขาดกับเขา"
หลายวันผ่านไปเมิ่งอันหลานอาการดีขึ้นจึงออกมาเดินเล่นในสวน บ่าวรับใช้ชายคนหนึ่งเข้ามาหาพร้อมยื่นของบางอย่างให้
" มีจดหมายถึงฮูหยินขอรับ"
เมิ่งอันหลานรับจดหมายมาเปิดอ่าน
" พี่สาว ตอนนี้ข้าสอบผ่านแล้วได้รับการแต่งตั้งเป็นขุนนางทำงานในวังหลวง ต่อไปข้าจะมีเงินแล้ว พี่สาวอดทนอีกนิดนะ ข้าจะเก็บเงินไปคืนตระกูลห่าวให้ครบจำนวนที่เขาให้เป็นค่าสินสอดในครานั้น ท่านจะได้หลุดพ้นเป็นอิสระจากสามีพิการนั่นเสียที หลายปีมานี้ท่านคงลำบากมากใช่ไหม รอข้าเก็บเงินก่อนนะ ข้าต้องช่วยท่านออกมาจากตระกูลห่าวแน่นอน ถึงข้าอยู่ไกลถึงเมืองหลวง แต่ข้าก็รับรู้ข่าวว่าตอนนี้ชายคนนั้นเดินได้แล้ว แทนที่จะดีกับท่าน กับทรยศท่านไปหารักแรกของเขา ข้าแทบทนไม่ไหวอยากจะไปฉีกเนื้อมันเสียเดี๋ยวนี้ รอข้านะอีกไม่นานข้าจะกลับไปรับท่านออกจากจวนตระกูลห่าวอย่างสมศักดิ์ศรี พี่สาวอย่าเสียใจกับผู้ชายแบบนั้นเลย มันไม่คุ้มค่าหรอก ไม่ต้องห่วง ข้าอยู่ที่นี่มองหาสามีใหม่ให้ท่านทุกวัน ไว้ข้าจะพาเขากลับไปรับท่านด้วยกันนะ รักษาสุขภาพด้วย "
เมิ่งสิงโจว
เมิ่งอันหลานอ่านจดหมายไปก็ยิ้มไป น้องชายของนางอยู่ไกลถึงเมืองหลวงยังรับรู้เรื่องราวของนาง ยังจะมองหาสามีใหม่ให้นางอีก ช่างเป็นน้องชายที่ดีจริงๆ ได้รู้ว่าเขาสอบผ่านได้เข้ารับตำแหน่งขุนนางทำงานอยู่ในวังหลวงนางก็ดีใจมากแล้ว เรื่องเงินสินสอดที่นางต้องการคืนตระกูลห่าว เพราะไม่อยากมีอะไรติดค้างกัน ไม่ให้ใครมาพูดอะไรได้ โดยเฉพาะห่าวตี้หลุน ที่ดูแคลนนางหาว่านางกินฟรีอยู่ฟรี หึ เขาลืมไปแล้วกระมัง ว่าตอนที่เขาพิการเดินไม่ได้ นางทุ่มเทแรงกายแรงใจดูแลเขาเหนื่อยยากแค่ไหน เขาไม่เห็นค่าก็ช่างเถอะ นางเองก็ทำเพื่อเงินจริงๆ หากไม่แต่งงานไม่มีค่าสินสอดตอนนั้นก็คงไม่มีเงินทุนให้เมิ่งสิงโจวเดินทางไปสอบบัณฑิตที่เมืองหลวง และไม่มีเงินใช้หนี้ให้บิดา ไม่มีเงินให้บิดาของนางเปิดโรงเตี๊ยมจนเจริญรุ่งเรืองอย่างทุกวันนี้
ระหว่างเดินกลับห้อง ห่าวตี้หลุนก็เดินสวนมา
" เจ้าหายดีแล้วรึ ถึงได้ออกมาตากลม"
" ข้าตายยาก ทำให้ท่านผิดหวังแล้ว"
" เจ้า ข้าถามดีๆทำไมต้องประชดด้วย"
" ถ้าท่านคิดว่าข้าประชด งั้นก็เอาตามที่ท่านเข้าใจนั่นแหละ "
" เจ้า ข้าไม่อยากเถียงกับเจ้า เดี๋ยวข้าจะออกไปตลาดเจ้าอยากได้อะไรหรือไม่"
เมิ่งอันหลานจ้องมองหน้าห่าวตี้หลุน ไปตลาดหรือจวนตระกูลหลี่กันแน่ คงอยากกลบเกลื่อนความผิดสินะเลยหาข้ออ้างว่าไปตลาด
" ท่านย่าไม่อยู่ไปถือศีลที่วัดโหย่วกวงตั้งเป็นเดือน สะดวกทางท่านแล้ว จะไปหาหลี่หรูอี้ก็ไปเถอะไม่ต้องมาบอกว่าไปตลาดหรอก "
" ฮูหยิน จวนตระกูลหลี่ก็อยู่ใกล้ตลาดนะเจ้าคะ คุณชายบอกจะไปตลาดก็ไม่ผิดนะ"
" อือ จริงของเจ้า"
" เจ้า นี่พวกเจ้า ช่างเถอะ ข้าจะไปตลาดจริงๆเลยถามเผื่อเจ้าอยากได้อะไร แต่เจตนาดีของข้ากลับกลายเป็นเข้าใจผิด ได้ งั้นข้าจะไปหาหลี่หรูอี้อย่างที่พวกเจ้าว่า"
" จะเป็นหรือไม่ไม่สำคัญ ในเมื่อข้าลืมท่านไปแล้ว ข้าไม่อยากรื้อฟื้นอีก ว่ากันว่าคนเรามักจะเลือกลืมความทรงจำที่เจ็บปวด แสดงว่าข้ากับท่านคงมีเรื่องราวไม่ดีเกิดขึ้น ข้าถึงได้ลืมท่านที่เป็นสามี ในเมื่อข้าลืมท่านแล้วท่านก็ลืมข้าไปเถอะ"" ไม่ หลานเอ๋อข้าจะลืมเจ้าได้ยังไง ในชีวิตนี้ข้ารักเจ้าคนเดียว และมีเจ้าเป็นภรรยาของข้าแค่คนเดียวเท่านั้น"หว่านเอ๋อเดินเข้ามาพร้อมถ้วยน้ำแกงบำรุงนางมัวแต่ตุ๋นน้ำแกงอยู่ เลยปล่อยให้เมิ่งอันหลานอยู่คนเดียว ไม่รู้ว่าจางฮั่นแอบเข้ามาตอนไหน" หลานเอ๋อเขาทำอะไรเจ้ารึเปล่า นี่ท่านเข้ามาทำไม"" ทำไมถึงคิดว่าข้าจะทำอะไรนาง นางเป็นภรรยาของข้านะ"" คนอย่างท่านเชื่อถือไม่ได้หรอก ปากบอกว่ารัก แต่ทุกครั้งที่นางมีอันตรายท่านไม่เคยช่วยนางเลย ตรงกันข้ามกับไปอยู่กับหญิงอื่น"" ข้า ข้าไม่ได้ตั้งใจให้เป็นแบบนั้น หากย้อนเวลาได้ข้าจะไม่"" เวลามันย้อนคืนไม่ได้หรอก"หว่านเอ๋อพูดแทรก"หลานเอ๋อ เจ้าอยากให้ข้าเล่าเรื่องของเจ้ากับเขาไหม"เมิ่งอันหลานมองหน้าจางฮั่นก่อนจะพยักหน้า ตลอดการเล่าของหว่านเอ๋อจางฮั่นมองเมิ่งอันหลานตลอดเวลา นางมีสีหน้าเรียบเฉยไม่แสดงอารมณ์ความรู้สึกใดๆเขาเห็นแบ
ยามเซิน จางฮั่นกับเจียเหรินก็มาถึงบ้านพักบนยอดเขา มองดูสมุนไพรที่วางตากอยู่น่าจะใช่ที่นี่ไม่ผิดแน่ มีคนออกมาเลือกเก็บสมุนไพรที่ตากอยู่ใส่ตะกร้า เจียเหรินรีบเข้าไปถามทันที" รบกวนสอบถามหน่อย ที่นี่คือบ้านพักของหมอซูใช่หรือไม่"เชี่ยนฝูกับหม่าหยูมองหน้ากัน ก่อนที่หม่าหยูจะถามกลับ" ใช่ ท่านมาหาอาจารย์รึ "" เปล่าข้ามาหาหว่านเอ๋อ"" ส่วนข้ามาหาหลานเอ๋อ"" เชี่ยนฝู หม่าหยู ได้หรือยัง ทำไมออกมานานจัง"ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยเจียเหรินรีบหันควับกลับไปดู แล้วก็ได้พบกับคนที่เขาคิดถึงอยู่ทุกวัน" หว่านเอ๋อ"หว่านเอ๋อขมวดคิ้วมองเจียเหริน เขามาที่นี่ได้ยังไง มองเลยไปข้างหลังยังมีจางฮั่นอีกคน นี่มันวันอะไรกันเนี่ย ทั้งห่าวตี้หลุนทั้งจางฮั่นถึงได้มาที่นี่พร้อมกัน นางถอนหายใจหนักๆ ห่าวตี้หลุนไม่เท่าไหร่เพราะเมิ่งอันหลานบอกว่าไม่ได้รักเขาแค่สงสาร ยังไงเรื่องของนางกับเขาก็จบแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่จะเริ่มต้นใหม่ แต่จางฮั่น เมิ่งอันหลานรักเขาหากได้พบกันอีกครั้งไม่รู้ว่านางจะเป็นเช่นไรเชี่ยนฝูกับหม่าหยูถืออ่างน้ำแช่ว่านสมุนไพรเข้าไปวางลง เมิ่งอันหลานก็เอามือเอาเท้าลงแช่ " หือ พวกเจ้ามองข้าทำไมไม่ต้องกลัวข้า
เมิ่งอันหลานขมวดคิ้ว ชายผู้นี้ดูหน้าคุ้นๆแต่นางก็ไม่เคยรู้จักเขามาก่อน" ท่านพูดเพ้อเจ้ออะไร ข้าไม่เคยรู้จักท่านหว่านเอ๋อเราไปกันเถอะ"เมิ่งอันหลานจูงมือหว่านเอ๋อเดินออกมา แต่ห่าวตี้หลุนก็รีบมาขวางหน้า ยังคุกเข่าลง" หลานเอ๋อข้ารู้ว่าเจ้าโกรธข้าอยู่ แต่อย่าพูดแบบนี้เลย อย่าบอกว่าเราไม่รู้จักกัน อย่าบอกว่าเจ้าไม่รู้จักข้า เราเป็นสามีภรรยากันนะ"ภาพในหัวฉายขึ้นมา เป็นภาพที่นางใส่ชุดเจ้าสาวสีแดงทำพิธีกราบไหว้ฟ้าดิน มีชายตรงหน้าเป็นเจ้าบ่าว แต่แล้วภาพก็ตัดมาที่หย่งคัง นางสะบัดหัวไล่ความมึนงง" ไม่ ท่านไม่ใช่สามีข้า"" หลานเอ๋อ ข้าห่าวตี้หลุนเป็นสามีของเจ้า"" ไม่ ท่านไม่ใช่ อย่าเข้ามาใกล้ข้า"หย่งคังกับเมิ่งสิงโจวรีบเดินเข้ามา หย่งคังดึงเมิ่งอันหลานมาโอบกอด นางกอดซบเขาพูดเสียงออดอ้อน" สามี เขาทำให้ข้ากลัว"" ไม่ต้องกลัวข้าอยู่นี่ ข้าจะพาเจ้ากลับไปพัก"ห่าวตี้หลุนมองภาพที่ทั้งคู่กอดกัน นางเรียกชายคนนั้นว่าสามี นี่มันเรื่องอะไรกัน" เจ้า เจ้าเป็นใครปล่อยนางเดี๋ยวนี้นะ"หย่งคังจ้องหน้าห่าวตี้หลุนสายตาดุดัน ก่อนจะอุ้มเมิ่งอันหลานออกไป ห่าวตี้หลุนจะตามแต่ถูกเมิ่งสิงโจวขวางเอาไว้" ท่านคือห่าว
" สามี ข้าเจ็บ"เขาเดินเข้าไปลูบผมนางเบาๆ" วันนี้พอแค่นี้ก่อน พรุ่งนี้พวกข้าจะมานวดให้ศิษย์พี่ใหม่"พอเอามือเอาเท้าออกจากอ่างว่านยาสมุนไพร นางรู้สึกเบามือเบาเท้ามาก" เป็นอย่างไร"" ไม่เจ็บแล้ว"หย่งคังอุ้มนางขึ้นมาพาเดินกลับไปห้องพักเมิ่งสิงโจวจะตามแต่หว่านเอ๋อขวางเอาไว้"ข้ารู้ว่าเจ้าทั้งห่วงและหวงพี่สาวเจ้ามาก ข้าเองก็ห่วงนางเหมือนกัน แต่ตอนนี้ข้าอยากให้นางมีความสุข แม้ระยะเวลาสั้นๆ ไว้ให้นางหายดีก่อนถึงเวลานั้นค่อยบอกความจริงกับนางก็ยังไม่สาย"เมิ่งสิงโจวครุ่นคิดนัก เว่ยหลงมาตบไหล่"ข้าก็คิดเช่นเดียวกันกับแม่นางหว่าน เจ้าไม่เห็นรึว่าพี่สาวของเจ้าเวลาอยู่กับคุณชายของเรา นางดูยิ้มแย้มมีชีวิตชีวาแค่ไหนแต่ละวันเรียกหาแต่ สามี สามี"เมิ่งสิงโจวถอนหายใจ ตั้งแต่เมิ่งอันหลานฟื้นขึ้นมานางก็เอาแต่ติดหย่งคังแจ คำก็สามี สองคำก็สามี สามีกำมะลอหน่ะสิ ไหนบอกว่าความทรงจำของนางหยุดลงเมื่อสามปีก่อนไง ตอนนั้นนางมีอะไรก็ อาโจว อาโจว นางไม่เคยรู้จักพบเจอหย่งคังมาก่อน เขาไม่เข้าใจว่าพอนางฟื้นมา ทำไมถึงได้เข้าใจว่าหย่งคังเป็นสามีไปได้ ทำไมไม่คิดถึงห่าวตี้หลุนสามีคนแรกของนาง " คุณชายเรามาถึงแล้ว เขาที
กลับเข้าห้องไปหย่งคังเห็นเมิ่งอันหลานนั่งก้มหน้าอยู่ เขารีบเขาไปดูนาง" เจ้าเป็นอะไร หรือว่าเจ็บปวดตรงไหน"เห็นนางเอาแต่ก้มหน้าไม่พูดจาเขาไม่รู้จะทำยังไง จึงโอบกอดนางจับหัวนางมาซบไหล่" หลานเอ๋อ หลานเอ๋อ"" ท่านไปไหนมา"" ข้า ข้าไป ไปปลดทุกข์มา"" ข้ารอท่านตั้งนาน"" รอข้า"ไม่ใช่ว่านางหลับไปแล้วเหรอเมื่อกี้ข้าฝันร้าย ฝันว่าท่านทิ้งข้าไป ข้าเห็นท่านใส่อาภรณ์สีทองปักลายมังกร กำลังเดินขึ้นไปนั่งบนแท่นสูง ระหว่างทางมีสตรีนางหนึ่งเข้ามาเดินเคียงคู่ท่าน ท่านเดินไปกับนางไม่หันหลังกลับมามองข้าเลย พอข้าจะตามก็มีชายหลายคนใส่ชุดแบบเดียวกันมาขวางทางข้า ไม่ยอมให้ข้าตามท่านได้ พอตื่นขึ้นมาข้าก็ไม่เห็นท่านนอนอยู่ข้างๆ ข้าคิดว่าท่านทิ้งข้าไปแล้ว"หย่งคังเช็ดน้ำตาที่อาบแก้มให้นาง แล้วดึงนางมาสวมกอด" แค่ฝันเท่านั้นอย่าคิดมาก ข้าอยู่ที่นี่แล้วไม่ได้ทิ้งเจ้าไปไหน ข้าจะกอดเจ้านอนทั้งคืนอย่าได้กลัว"ยามเฉิน หว่านเอ๋อเดินมาตามเมิ่งอันหลานไปกินข้าว พอเปิดประตูเข้าไปก็ตกใจที่เห็นหย่งคังกับเมิ่งอันหลานนอนกอดกันอยู่ นางไม่รู้จะทำยังไง พอดีเมิ่งสิงโจวเดินตามมาพอเห็นภาพตรงหน้าก็รีบเข้าไปปลุกทั้งสองให้ตื่น แล้ว
จางฮั่นลาออกจากหน่วยอินทรียกตำแหน่งหัวหน้าให้เจียเหริน เพราะเรื่องฝีมือความเฉลียวฉลาด เจียเหรินเหมาะสมกว่าคนอื่นแต่เจียเหรินปฏิเสธ บอกว่าจะลาออกเหมือนกันเพื่อไปตามหาหว่านเอ๋อ เซิ่งเทียนจึงรับตำแหน่งหัวหน้าชั่วคราว จนกว่าจะมีการคัดเลือกคนใหม่ในเวลานี้จางฮั่นกับเจียเหรินกำลังปิ้งปลาอยู่ในป่า พวกเขากำลังจะเดินทางไปเขาไท่ซานตามหาคนรัก เพราะจางฮั่นคิดว่าเมิ่งอันหลานน่าจะถูกส่งตัวไปให้หมอเทวดาซูอาจารย์ของนางรักษาอยู่ที่นั่น ส่วนเจียเหรินคิดว่าเมิ่งอันหลานอยู่ที่ไหนหว่านเอ๋อก็ต้องอยู่ที่นั่นด้วยสายลมพัดโชยกิ่งไผ่ลู่ไหวโอนเอียง ผ้าม่านหน้าต่างปลิวสะบัดตามแรงลม หย่งคังลุกออกไปดู เห็นลมพัดแรงขึ้น สงสัยฝนจะตกเขาปิดหน้าต่าง คนอื่นลงเขาไปเก็บสมุนไพรกันหมด วันก่อนเขาลื่นตกเขาได้รับบาดเจ็บยังเดินกระเผลกอยู่ เลยต้องรับหน้าที่เฝ้าเมิ่งอันหลานเมิ่งอันหลานลืมตาขึ้นมามองไปรอบตัว ก่อนจะหยุดมองชายตรงหน้า ที่กำลังจ้องมองนางอยู่เหมือนกัน ต่างคนต่างจ้องมองกันไม่มีใครพูดจา ก่อนที่หย่งคังจะพูดออกมาก่อน" ตื่นแล้วเหรอ"เมิ่งอันหลานค่อยๆลุกขึ้น หย่งคังเข้าช่วยพยุงนาง ทั้งสองสบตาในระยะใกล้ยังไม่ทันตั้งตัวก็ถูกน