เข้าสู่ระบบ
“คุณ กุลวดี วิเศษชัย เชิญเข้าห้องตรวจค่ะ”
เสียงจากพยาบาลหน้าห้องตรวจทำให้เจ้าของชื่อที่นั่งรออยู่ ลุกเดินห้องตรวจด้านในทันที จากสภาพที่เพิ่งตื่นและรีบจัดแจงตัวเองแบบเร่งรีบ อาบน้ำชำระร่างกายภายนอกอย่างสะอาดหมดจด แต่ด้านในเธอต้องพึ่งหมอและมาที่โรงพยาบาล
สิ่งที่ทำให้เธอกังวลใจเป็นที่สุดในตอนนี้คือ “การตั้งครรภ์” เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผู้ชายที่อยู่บนเตียงกับเธอเมื่อคืนเป็นใคร เขาได้ป้องกันหรือไม่เธอไม่มีโอกาสได้รู้ด้วยซ้ำ ไม่มีเวลาแม้แต่จะมานั่งเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น สิ่งที่ทำได้ตอนนี้คือปรึกษาคุณหมอและป้องกันเท่านั้น
หญิงสาวแจ้งเจ้าหน้าที่พยาบาลขอเอกสารยืนยันผลการตรวจไว้เป็นหลักฐาน ซึ่งไม่รู้ว่าอนาคตจะเกิดอะไรขึ้นกับเธอ และนี่เป็นสิ่งเดียวเท่านั้นที่เธอทำได้ในวันนี้
กุลวดี นั่งทบทวนความจำเหตุการณ์ในเย็นของเมื่อวาน หลังจากมีสายเข้าจากเจ้าหน้าที่ของโรงแรมโทรแจ้งเรื่อง “นางแก้วตา” ผู้เป็นแม่ถูกแขกที่เข้าพักในโรงแรมกักตัวไว้ข้อหาลักทรัพย์ หญิงสาวรีบตรงดิ่งมาทันทีหลังเลิกเรียน เจอผู้เป็นแม่นั่งรออยู่ที่ห้องรับรองของโรงแรมพร้อมเจ้าทุกข์ และเพื่อนหญิงวัยกลางคนของนางอีกหนึ่งราย สิ่งที่คิดในใจคือแม่ของเธอมาทำอะไรที่โรงแรมหรูแห่งนี้ ซึ่งปกติแล้วสถานที่สิงสถิตของหล่อนคือบ่อนการพนัน แสดงว่าตั้งใจเข้ามาลักขโมยของที่นี่อย่างแน่นอน
หลังจากตกลงพูดคุยและได้ข้อสรุปคือ เจ้าทุกข์ไม่เอาความเพราะเป็นครั้งแรก อะไรมันจะง่ายขนาดนั้น หล่อนคิดในใจ และหลังจากนั้นความจำก็เลือนรางขาดหายไป คลับคล้ายคลับคลานึกยังไงก็นึกไม่ออก
หญิงสาวถูกนางแก้วตาผู้เป็นแม่หลอกไป และวางยาใส่ในแก้วน้ำดื่ม เพื่อส่งเธอให้กับ “เสี่ยประพันธ์” เจ้าหนี้ของหล่อนในบ่อนการพนัน
แก้วตาและหญิงวัยกลางคนผู้สมรู้ร่วมคิด พยุงร่างที่อ่อนระทวยแทบยืนไม่อยู่ของลูกสาวที่ยังอยู่ในชุดนักศึกษา พร้อมกระเป๋าสะพายใบเล็กของเธอที่ใส่เสื้อผ้าสำหรับเปลี่ยนชุดทำงานต่อที่ร้านอาหาร
“ห้อง 68 นี้แหละที่เสี่ยบอกไว้” สองหญิงกระซิบกระซาบ
วางร่างอันอ่อนระทวยของหญิงสาวลงบนเตียงนอนนุ่มในห้องของโรงแรมสุดหรู
“มายด์นอนพักรออยู่นี่ก่อนนะ เดี๋ยวแม่ไปขอยากับพนักงานมาให้”
กุลวดีที่ได้ยินเสียงพูดอยู่ไม่ห่างหู พยายามคว้ามือของผู้เป็นแม่ แต่แขนมันอ่อนแรงเหมือนไม่มีกระดูกอยู่ด้านใน ก่อนเสียงฝีเท้าของสองร่างที่พยุงเธอมาจะห่างออกไป ตามด้วยเสียงปิดประตูลงอย่างแผ่วเบา
หญิงสาวหน้าตาจิ้มลิ้มสดใส กวาดสายตาไล่เรียงเบอร์ตามลำดับหมายเลขหน้าห้อง ที่เจ้าของโรงแรมแจ้งไว้ให้เธอมาดูแลลูกค้าในวันนี้ ก่อนเปิดเข้าไปที่ห้อง A68 ที่เสี่ยประพันธ์กำลังนั่งดื่มย้อมใจในห้อง รอหญิงสาวที่แก้วตาจะส่งมาขัดดอกเขาในวันนี้
และอีกมุมเจ้าหน้าที่ชายของโรงแรมสองรายหิ้วปีกกึ่งพยุงร่างชายหนุ่มที่เดินสองถอยหนึ่ง กับสภาพที่ไม่ต้องเดาให้ยากว่าสติที่เหลืออยู่ไม่เต็มร้อย เพราะมันหายไปด้วยฤทธิ์ของไวน์และเครื่องดื่มจำนวนไม่น้อยในงานปาตี้ เดินกลับเข้าห้องพักเบอร์ B68 หลังงานเลี้ยงฉลองปิดโปรเจคที่สร้างกำไรก้อนโตได้ในเดือนนี้
จักรพรรดิ พลิกตัวบนเตียงนุ่มในตอนสาย พร้อมอาการตุบ ๆ ที่หัว ด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่ยังค้างอยู่ ดันตัวลุกนั่งบนเตียงนอน ยกมือขึ้นเสยผมและนวดคลึงขมับไปมาคลายอาการมึนที่ยังหลงเหลืออยู่จากปาตี้เมื่อคืนนี้ ร่างสมส่วนแข็งแรงที่ปราศจากอาภรณ์มีเพียงแค่ผ้าห่มผืนใหญ่ปกคลุมอยู่ตลอดทั้งคืน ก่อนลุกจากที่นอนอาบน้ำคืนความสดชื่นมาสู่ร่างกาย เดินออกมาจากห้องน้ำก็ต้องสะดุดกับบางอย่างที่หล่นอยู่บนพื้นข้างเตียงนอน
“บัตรพนักงาน”
ชายหนุ่มหยิบขึ้นมาอ่านข้อความที่ระบุในบัตรพลางขมวดคิ้ว
“ร้านอาหารใบไม้กลางกรุง” “กุลวดี วิเศษชัย” คือชื่อที่ระบุอยู่ในนั้น แต่ภาพเบลอทำให้มองไม่เห็นใบหน้าของเจ้าของบัตรได้ชัดเจนนัก
นี่คือสมนาคุณจากเพื่อนรัก “พีรภัส” เจ้าของโรงแรมระดับห้าดาวแห่งนี้ ในงานเลี้ยงฉลองปิดโปรเจคที่ร่วมลงทุนและสร้างกำไรก้อนโตร่วมกันอย่างงดงาม
“จักรพรรดิ กิตติณรงค์” หนุ่มเนื้อหอมทายาทนักธุรกิจชื่อดัง “ทวี กิตติณรงค์”
ประธานบริษัทเอเจนซีโฆษณาประชาสัมพันธ์ที่ขึ้นชื่อระดับต้น ๆ ของประเทศ รวมทั้งกิจการส่งออกและนำเข้าชิ้นส่วนยานยนต์เจ้าใหญ่ เจ้าของอสังหาริมทรัพย์หลายแห่งในกลางกรุงและต่างจังหวัด ชายหนุ่มที่เปลี่ยนคู่ควงไม่ซ้ำหน้าและเย็นชากับทุกความสัมพันธ์
โต๊ะอาหารมุมวีไอพีของร้าน “ใบไม้กลางกรุง” ที่ถูกจัดเตรียมไว้อย่างเรียบง่ายแต่หรูหราสำหรับสี่ที่ แจกันลายครามสุดหรูที่ปักประดับด้วยดอกกุหลาบสีหวาน ถูกนำมาวางตรงกลางโต๊ะดูโดดเด่นและสดใส โดยกุลวดีที่เป็นทั้งผู้จัดเตรียมและผู้ร่วมโต๊ะ วันนี้จะมีดินเนอร์ครอบครัวเล็ก ๆ ที่จัดขึ้นตามความประสงค์ของทวี
หลังจากจัดเตรียมทุกอย่างเสร็จสรรพเธอก็สลัดคราบนางซินออก ถอดบัตรพนักงานและเปลี่ยนเป็นชุดลำลองสีหวานน่ารักและเรียบง่าย ปล่อยผมตรงยาวสลวย รับกับดวงตากลมโตที่อยู่ภายใต้แผงขนตางอนดกดำ ที่ส่งประกายแพรวพราวสดใสปนด้วยความเข้มแข็งให้เห็นอยู่เสมอ ใบหน้าเรียวถูกแต่งแต้มไว้อย่างอ่อน ๆ ริมฝีปากบางที่ถูกเคลือบไว้โดยลิปกลอสสีหวาน ทำให้เห็นความสดใสจากใบหน้าสวยชวนมอง
“สวัสดีค่ะคุณอา”
หญิงสาวยกมือไหว้ “ทวี” ที่เดินมาพร้อมกับ “เมยาวี” พี่สาวของเธอ
“วันนี้สวยจังเลยหนูมายด์” ผู้สูงวัยเอ่ยชม
“ขอบคุณค่ะ” ยิ้มสดใส
“คุณอาบอกว่าวันนี้มีดินเนอร์พิเศษมายด์ไม่สวยไม่ได้หรอกค่ะ เดี๋ยวแพ้พี่เมย์ค่ะ”
เธอพูดหยอกผู้อาวุโสอย่างสุภาพ ทวีหัวเราะชอบใจพลางหันมามองหญิงคนรักที่ส่งยิ้มรออยู่แล้วอย่างเอ็นดู
“เชิญทางนี้ค่ะ” เธอผายมือไปที่โต๊ะวีไอพีที่เตรียมไว้ตั้งแต่หัวค่ำ
“สักพักเจ้าเสือก็คงมาถึง” เขาเอ่ยพลางยกข้อมือขึ้นมองหน้าปัดนาฬิกา
“งั้นรับเครื่องดื่มรอก่อนนะคะ”
เธอพูดพร้อมลุกปฏิบัติหน้าที่แม้จะเป็นแขกร่วมโต๊ะตามคำเชิญของทวี แต่ความเคยชินในการทำหน้าที่ก็เกิดขึ้นอัตโนมัติ
ชายหนุ่มหยุดอยู่หน้าร้านกวาดสายตาไปทั่วร้าน นานมากแล้วที่ไม่ได้มาที่นี่ หลังจากที่ “จิดาภา” ผู้เป็นพี่สาวได้เปิดกิจการร้านอาหารแห่งนี้ไว้ ในขณะที่ยังดำรงตำแหน่งรองประธานของบริษัท แต่หลังจากที่เธอแต่งงานก็ย้ายไปอยู่ต่างประเทศกับครอบครัว
มีเพียงผู้จัดการร้านที่เคยเป็นเลขาเก่าของจิดาภา และไว้ใจกันได้บริหารงานให้เป็นอย่างดี ชายหนุ่มสอดส่ายสายตามองพนักงานสาว ๆ แต่ละรายก็ไม่น่าจะใช่เทสของพีรภัสที่เสนอยัดเยียดให้เขาจนถึงห้อง แต่บัตรที่ตกอยู่ในห้องพักเขาคืนนั้น ก็ระบุชัดเจนว่าเป็นพนักงานของที่นี่
กวาดสายตามองหาผู้เป็นบิดา ที่นัดดินเนอร์เนื่องจากจะแจ้งข่าวแก่เขาในวันนี้ สายตาทะลุไปที่โซนวีไอพี ที่ผู้เป็นพ่อโบกมือส่งสัญญาณให้
“สวัสดีค่ะคุณเสือ” เมยาวีเอ่ยทักทาย
“สวัสดีครับ”
ชายหนุ่มก้มศีรษะเล็กน้อย มองเมยาวีและมองเลยไปที่หญิงอ่อนวัยแปลกหน้าที่อยู่ตรงข้ามโต๊ะ
“นี่หนูมายด์น้องสาวคุณเมย์”
ผู้เป็นพ่อแนะนำและผายมือมาทางหญิงสาว
“สวัสดีค่ะ” กุลวดียกมือไหว้และยิ้มน้อย ๆ
“นี่ตาเสือลูกชายของอาเอง”
ชายหนุ่มรับไหว้พร้อมสายตาคมที่มองแค่แวบเดียวก่อนนั่งลงที่เก้าอี้ว่าง ทวีชวนพูดคุยให้บรรยากาศเป็นกันเอง เป็นช่วงเวลาที่ยังไม่ดึกมากผู้คนในร้านไม่พลุกพล่าน บรรยากาศค่อนข้างเงียบสงบมีเสียงเพลงที่เปิดบรรเลงเบา ๆ ปนกับเสียงสนทนาของผู้คนในร้านที่ทำให้ไม่เงียบจนเกินไป
“จริง ๆ วันนี้ไม่มีอะไรมาก พ่อก็แค่อยากกินข้าวร่วมกับครอบครัวแค่นั้นเอง”
พนักงานยกอาหารมาวางที่โต๊ะ
“ที่พ่อจะบอกข่าวดีของพ่อก็คือ”
“พ่อกับคุณเมย์จดทะเบียนกันเรียบร้อยแล้ว”
“และคุณเมย์ก็จะย้ายเข้ามาอยู่ที่บ้าน แกคงไม่มีปัญหานะ”
ชายหนุ่มยิ้มไม่เห็นฟันและยักไหล่ ถึงแม้ผู้เป็นพ่อจะมีสิทธิ์ขาดในการตัดสินใจทุกอย่างในบ้าน แต่ก็ต้องบอกให้เขารับรู้ ถึงแม้จะมีภรรยาใหม่แต่ลูกก็สำคัญกับเขาเสมอเช่นกัน
“อีกอย่างถือเป็นการเลี้ยงฉลองเรียนจบของหนูมายด์ด้วยก็แล้วกัน” หันมามองหญิงอ่อนวัย
“ยินดีด้วยนะ” ชายสูงวัยส่งยิ้มและแสดงความยินดี
“ขอบคุณค่ะ”
ทั้งสี่กินไปคุยไป ทวีวางช้อนและซ่อมหลังจากตักอาหารไปแค่สองสามคำ
“แล้วก็อาบอกไว้ก่อนเลยนะ ห้ามไปทำงานที่อื่น”
“อาจองแล้วต้องช่วยงานอาที่บริษัท และหวังว่าจะไม่ปฏิเสธ”
เขาพูดดัก หญิงสาวได้แต่ยิ้ม
“แกก็เหมือนกันเจ้าเสือ”
“พ่อให้เวลาแกอีกแค่เดือนเดียวเท่านั้น รีบเคลียร์โปรเจคที่เหลือของแกให้จบแล้วมาช่วยงานที่บริษัท”
“ถ้าแกไม่อยากได้ฉันก็จะได้โอนให้การกุศล”
เปิดตายกคิ้วสูงมองหน้าผู้เป็นลูกชาย
“ถ้าจะโอนคุณพ่อโอนไปนานแล้ว”
เขาพูดโดยปราศจากความตื่นเต้นกับคำขู่ของผู้เป็นพ่อ ที่ได้ยินบ่อยทุกพยางค์จนชินและซึมเข้าเป็นเนื้อเดียวกันกับแก้วหูเสียแล้ว พร้อมยกแก้วไวน์ขึ้นจิบอย่างใจเย็น
“แกมันก็เป็นซะอย่างงี้” ส่ายหน้าบ่นพึมพำ
หลังจากจิดาภาย้ายไปอยู่ต่างประเทศ ตำแหน่งรองประธานในธุรกิจนำเข้าและส่องออกก็ว่างเว้นอยู่อย่างนั้น ผู้เป็นพ่อที่หวังจะให้เขามารับตำแหน่งแทนพี่สาว แต่การรอคอยนั้นยังไม่บรรลุผลเสียที
แม้กระทั่งธุรกิจเอเจนซีที่จิดาภาขายกิจการต่อให้ทวี เขาก็ยัดชื่อ จักรพรรดิ เข้าไปดำรงตำแหน่งไว้ แต่ข้ออ้างของชายหนุ่มคือไม่ชอบงานโฆษณาและประชาสัมพันธ์ ทำให้เขาเลือกที่จะทำโปรเจคส่วนตัวด้านอสังหาฯ ร่วมกับพีรภัสเพราะสร้างกำไรได้ก้อนโตมากกว่างานที่ต้องง้องอนลูกค้าตามแบบฉบับของจิดาภา
เมยาวีที่นั่งข้าง ๆ ยิ้มอย่างเข้าใจและรับรู้ความอัดอั้นของผู้ชายตรงหน้า นี่คือเรื่องหลักที่เขาแก้ปัญหาไม่เคยได้สักครั้งกับลูกชายคนนี้ กุลวดี ตวัดสายตาแวบมองใบหน้าคม และหลุบตาลงที่จานข้าว
หลังจากที่ภรรยาของทวีเสียชีวิตไปหลายปี จักรพรรดิถูกเลี้ยงดูโดยพยาบาลที่จ้างมาเป็นพิเศษ ส่วนตัวเขาเองก็ทำแต่งานจนไม่มีเวลาให้ความอบอุ่นแก่ลูกเท่าที่ควร เจ้าเสือของเขากลายเป็นคนรักอิสระและโลกส่วนตัวสูงไม่ชอบให้ใครมาบงการชีวิต ส่วนทวีเองก็ไม่เคยคบหาใครเป็นจริงเป็นจังสักราย เพราะผู้หญิงส่วนใหญ่ที่เข้ามาล้วนมองที่กระเป๋าของเขาเป็นหลักเท่านั้น ไม่เพียงพอที่จะสร้างครอบครัวขึ้นใหม่ได้ จนกระทั่งได้พบกับเมยาวี
กุลวดีช่วยพี่สาวเก็บข้าวของลงกล่องเตรียมย้ายเข้าบ้าน กิตติณรงค์ เป็นคุณผู้หญิงของบ้านอย่างเต็มตัว หญิงสาวลอบมองใบหน้าของผู้เป็นพี่ที่มือเก็บของไป ปากก็สนทนาไปเรื่อย พูดไปยิ้มไป ถึงแม้จะรู้สึกหวิว ๆ ใจหายอย่างบอกไม่ถูกที่ต้องแยกจากกัน
หลังจากที่พ่อจากไปด้วยโรคร้าย พี่สาวของเธอก็รับภาระแทนพ่อทั้งหมดดูแลและส่งเสียเธอด้วยดีเสมอมาจนเรียนจบ โดยที่ผู้เป็นแม่ไม่เคยจะไยดี เมยาวีคือผู้เสียสละและทำทุกอย่างเพื่อน้อง และในวันนี้เธอเจอคนที่ดีที่พร้อมจะสร้างครอบครัวและดูแลเธอได้ คือสิ่งที่กุลวดีควรยินดีเป็นที่สุด สถานีต่อไปก็คือชีวิตของตัวเอง
ร้านอาหารใบไม้กลางกรุง
ชายฉกรรจ์ที่เกาะรั้วด้อม ๆ มอง ๆ อยู่ข้างร้าน ทำให้จักรพรรดิสงสัย เขาเป็นใครกัน หากเป็นญาติหรือคนที่มารอรับพนักงานหลังปิดร้าน ก็ไม่น่าที่จะต้องหลบ ๆ ซ่อน ๆ ขนาดนี้ หรือเป็นพวกหัวขโมยรองัดแงะหลังจากร้านปิด ลักษณะลุกลี้ลุกลนพิกล ทำให้เขาเลือกที่จะนั่งสังเกตอยู่ในรถ หลังจากที่วางแผนว่าจะมานั่งดื่มคนเดียวเงียบ ๆ หลังร้านปิด แต่เปลี่ยนใจหลังจากคำบอกกล่าวของผู้จัดการร้าน ว่ามีการเลี้ยงส่งพนักงานลาออกในวันนี้
กุลวดีที่ทำงานวันสุดท้ายเก็บของใช้ส่วนตัวที่ยังหลงเหลือในร้าน เธอตั้งใจจะหยุดพักให้หายเหนื่อยหลังจากทั้งเรียนและทำงานมายาวนาน ก่อนเข้าไปช่วยงานทวีตามคำขอ และวันนี้เพื่อนพนักงานก็ขอเลี้ยงส่งท้ายการลาออกของเธอหลังจากร้านปิดจนดึกดื่น
เพื่อน ๆ ที่ร่วมงานเลี้ยงหลายคนเริ่มทยอยเดินออกจากร้าน ชายคนเดิมหลบมุมไปที่ข้างต้นไม้และชะเง้อมองมาที่ประตู ขณะที่กุลวดีเดินออกมาพร้อมเพื่อนพนักงาน ที่พูดคุยกันสองสามคำและโบกมือลาก่อนแยกย้ายกัน
หญิงสาวเดินไปอย่างเร่งรีบตามริมฟุตบาท รถเก๋งติดฟิล์มมืดขับมาจอดรับชายปริศนาและจอดนิ่งสักพักก่อนรถจะเคลื่อนตัวออกไปช้า ๆ ตามถนน จักรพรรดิที่เฝ้ามองตามหนุ่มปริศนาเห็นรถเคลื่อนออกไป แสดงว่าไม่ใช่หัวขโมยที่รองัดร้าน เขาคิดในใจ ก่อนจะติดเครื่องยนต์และขับตามออกไปเช่นเดียวกัน
เมื่อถึงปากทางหญิงสาวหยุดยืนตรงป้ายหยุดรถประจำทาง ถนนเส้นนี้ ณ เวลานี้คงหมดเที่ยววิ่งของรถประจำทางแล้ว น่าจะมีแค่แท็กซี่เท่านั้น เธอคิดในใจ
แสงไฟจากเสาไฟฟ้าริมทางทำให้มองเห็นได้อย่างชัดเจน ทันใดนั้นชายฉกรรจ์สองรายจากรถเก๋งคันเดิม เปิดประตูรถและเดินตรงไปที่หญิงสาว ท่าทีย่างสามขุมแบบไม่ต้องเดาก็รู้ว่าไม่ได้มาดี พร้อมกันที่เธอหันมามอง
กุลวดีถอยหลังกรูเตรียมจะวิ่งแต่ก้าวได้ไม่กี่ก้าวเท่านั้น ร่างใหญ่ทั้งสองก็คว้าข้อมือเล็กและฉุดกระชากร่างของเธอ หนึ่งในชายฉกรรจ์ที่ล็อกตัวเธอจากด้านหลัง ถือผ้าบางอย่างในมือและโปะไปที่ใบหน้าของหญิงสาว สักพักร่างที่ดิ้นรนต่อสู้ก็นิ่งสนิท ชายปริศนาหนึ่งในนั้นวิ่งไปเปิดประตูรถและเข้าประจำที่คนขับ อีกคนอุ้มหญิงสาวพาดบ่าแบกเธอตรงไปที่รถ
จักรพรรดิที่เคลื่อนรถตามออกมา หรี่ตาขมวดคิ้วมองภาพชายปริศนาที่อุ้มร่างหญิงสาวพาดบ่าอยู่ข้างหน้า ดูจากชุดยูนิฟอร์มของหญิงสาวที่สวมอยู่ นั่นคือพนักงานของร้านที่เพิ่งเดินออกมาเมื่อสักครู่ ไวเท่าความคิดเขาพุ่งรถออกไปด้วยความเร็ว ปาดหน้าและจอดขวางรถคันนั้นทันที เสียงแตรบวกกับเสียงเบรกดังสนั่น ชายปริศนาหันขวับมามอง
จักรพรรดิเปิดประตูรถและพุ่งเข้าใส่ชายฉกรรจ์ที่อุ้มร่างไร้สติของหญิงสาว อาศัยช่วงที่มันยังไม่ได้ตั้งตัว กระแทกหมัดไปที่ใบหน้าของมัน จนเซถลาและล้มลงกองกับร่างของผู้หญิง ถีบซ้ำเข้าที่ยอดยกร่างนั้นนอนราบไปกับพื้น เขาตามเข้ากระทืบซ้ำแต่มันเบี่ยงตัวหลบหวุดหวิด และรีบลนลานลุกขึ้น
วิ่งตรงไปที่รถพร้อมกับเสียงตะโกนเรียกของคนขับ มันวิ่งล้มลุกคลุกคลานหัวคะมำคว้าประตูรถเปิด ดันร่างตัวเองเข้าไปด้านในทันที รถเคลื่อนถอยหลังด้วยความเร็วบวกกับเสียงเบรกดังสนั่น หลบรถชายหนุ่มที่จอดขวางไว้และขับทะยานหลบหนีไป เขามองตามป้ายทะเบียนที่ห่างออกไปจนลับตา
“คุณ”
ช้อนร่างที่อ่อนปวกเปียกของหญิงสาวแตะที่แก้มเบา ๆ เพื่อเรียกสติ และต้องขมวดคิ้วเมื่อเห็นหน้าผู้หญิงที่อยู่ในวงแขนของเขาตอนนี้
“คุณมายด์” พูดพึมพำเบา ๆ
และต้องชะงักกับชื่อที่ระบุในบัตรพนักงานที่เธอห้อยสายคล้องที่คออยู่ “กุลวดี วิเศษชัย”
ร่างที่ไร้สติดวงตากลมโตที่หลับสนิทโดยไม่รับรู้เรื่องราวใด ๆ อกกระเพื่อมขึ้นลงตามจังหวะหายใจเข้าออกของหญิงสาวนอนอยู่บนโซฟานุ่มภายในบ้านกิตติณรงค์ โดยมีผู้เป็นพี่ เมยาวี ใช้ผ้าชุบน้ำเย็นเช็ดที่ใบหน้าและลำคอ
“ขอบคุณคุณเสือมากนะคะ” เธอเอ่ยขอบคุณอย่างซึ้งใจ ใบหน้ายังเต็มไปด้วยความกังวล
ระหว่างที่รอร่างที่หลับลึกอยู่ให้ได้สติก่อนถามไถ่หาสาเหตุ
กุลวดีรู้สึกตัวในเช้าของวันใหม่ขยับตัวบิดเหยียดร่างกายไปมา รู้สึกเหมือนได้พักผ่อนอย่างยาวนาน แต่ร่างกายยังคงมีความเพลียหลงเหลืออยู่จนอยากนอนต่ออีกสักงีบ วันนี้วันอะไร? ใช่วันทำงานหรือเปล่า? ถามตัวเองทั้งที่ตายังหลับอยู่และเรียบเรียงคำตอบให้ตัวเองลำดับเหตุการณ์ในความจำในขณะที่ยังสะลึมสะลือ ก่อนจะดีดตัวลุกขึ้นนั่งทันทีกับภาพที่พอจะจำได้เลือนรางในเหตุการณ์ของเมื่อวาน“ตื่นแล้วเหรอ?”เสียงทุ้มที่คุ้นเคยดังอยู่ข้างเตียง หันไปมองเจ้าของเสียงและกวาดตาไปทั่วห้องสับสนมึนงงไปชั่วขณะ นี่เธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง? ใครพาเธอมา…เขาเหรอ? เกิดอะไรขึ้นกับเธอ?และสารพัดคำถามในหัวตอนนี้พร้อมกับเสียงเคาะประตู เมยาวีเดินเข้ามาด้านในพร้อมกับถ้วยข้าวต้มที่ส่งกลิ่นหอมโชยเข้าจมูก ตามด้วยร่างของทวี“ตื่นแล้วเหรอ?” ถามคำถามเดียวกันเมยาวีทักทายผู้เป็นน้องสาว ในใจนึกโมโหยัยตัวแสบอยู่ไม่น้อยกับเหตุการณ์ที่จักรพรรดิถ่ายทอดให้ฟังกับการกระทำของเธอ แต่คงไม่มีประโยชน์หากจะตำหนิและดุด่าเรื่องเดิมซ้ำ ๆ ในตอนนี้ ชายหนุ่มรับถ้วยเข้าต้มจากมือของเธอและวางลงตรงโต๊ะข้างหัวเตียง ลุกไปนั่งท
กุลวดีวางสายจากเมยาวีหลังจากโทรนัดผู้เป็นพี่ให้มาหาที่สำนักงานคอนโดเพราะมีข่าวเรื่องแม่จะหาหรือ หลีกเลี่ยงการเข้าไปหาที่กิตติณรงค์เพราะไม่อยากเจอใครบางคนที่นั่น“เก่งส่งถ้าไม่คิดจะจริงจังก็ปล่อยไปข่าวมาบอกว่าตอนนี้แม่กับไอ้เจิดอยู่ในคุก”“ครั้งนี้ไม่ใช่คดีเล่นพนันเหมือนทุกครั้ง เจ้าทุกข์เขาไม่ยอม”พูดเรื่องปวดหัวเดิม ๆ ของผู้เป็นแม่“พี่รู้แล้วล่ะมีคนส่งข่าวมาบอกแล้ว พี่จะจัดการเองมายด์ไม่ต้องกังวลหรอก”ไม่อยากให้ผู้เป็นน้องต้องหนักใจ สังเกตจากสีหน้าและแววตาเรื่องกังวลในใจของเธอคงยังไม่ถูกเคลียร์ ไม่ควรเอาเรื่องไร้สาระที่ไม่มีวันจบสิ้นของผู้เป็นแม่ยัดเข้าไปในหัวให้เธออีก“มายด์มีเรื่องอะไรไม่สบายใจหรือเปล่า?”เธอหมายถึงนอกจากเรื่องของแม่ กุลวดีส่ายหน้าฝืนยิ้มจืด ๆ ให้ผู้เป็นพี่“เปล่า”“มายด์นอนดึกไปหน่อยเลยรู้สึกเพลีย ๆ” โกหกด้วยแววตาหม่นเมยาวีช้อนตามองหน้าคู่สนทนาตรงหน้าที่พยายามยิ้มฝืนซ่อนความรู้สึกข้างในไว้ แต่กระนั้นก็ยังโผล่พ้นมาให้เห็นอยู่ ซึ่งไม่ต่างจากจักรพรรดิแม้แต่น้อยกับภาพที่เมยาวีเห็นและรับรู้ ที่วัน ๆ มีแต่ความขุ่นมัวบึ้งตึงบนใบหน้า โดยเฉพาะเรื่องงานที่มีปัญหาโดนเรียกเ
เหมือนตกจากที่สูงหัวใจกุลวดีหล่นวูบลงรู้สึกชาที่ใบหน้าไปชั่วขณะ ใครกันสาวสวยคนนี้ที่เดินเคียงข้างมากับเขา? ไหนบอกว่าไปรับแขกคนสำคัญ?หรือแขกที่ว่าคือเธอคนนี้?“ไอ้เสือมาพอดี”เสียงทวีปลุกเธอให้ตื่นจากภวังค์ กุลวดีเหมือนถูกตรึงอยู่ชั่วขณะลืมแม้กระทั่งการขยับตัว จักรพรรดิพาสาวงามไปนั่งที่โต๊ะพูดคุยกันสักครู่ ก่อนที่ผู้เป็นพ่อจะส่งสัญญาณให้เดินมาหา เมยาวีที่จูงมือกุลวดีเดินไปพร้อมกันเพื่อทำความรู้จักแขกผู้ใหญ่ในงาน“ขอให้มีความสุขสุขภาพแข็งแรงนะครับคุณทวี”“ขอบคุณครับ” สองผู้สูงวัยยื่นมือสัมผัสกันด้วยรอยยิ้ม “ยินดีที่ได้รู้จักหนุ่มรุ่นใหม่ไฟแรงอย่างคุณจักรพรรดินะครับ ได้เจอตัวจริงเสียที”“ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันครับ” ชายหนุ่มสัมผัสมือเป็นการทักทายอย่างสุภาพ“ไม่ทราบว่าสาวสวยข้างคุณจักรพรรดิคนนี้…”“ใช่ว่าที่สะใภ้ของกิตติณรงค์ไหม๊ครับ?”ชายสูงวัยมองมาที่กุลวดีที่คาดเดาว่าต้องเป็นคนรักของเขาเป็นแน่ หลังจากส่งคำถามมาที่เธอ หญิงสาวที่ถูกเอ๋อกินส่งยิ้มให้ผู้อาวุโสยังคงปั้นหน้าไม่ถูกเพราะในหัวมีเรื่องให้กังวลอยู่ พร้อมสีหน้าผู้ถามที่รอคำตอบจากเธอ“เอ่อ…” ยังตั้งสติอยู่ก่อนจะยกมือไห
จักรพรรดิขับรถด้วยอารมณ์ขุ่นมัวตรงไปดักรอที่คอนโดของเธอทันที นี่เธอจะกล้าเกินไปแล้วที่ปิดโทรศัพท์ท้าทายเขา นั่งรอในห้องรับรองดูซิว่าจะมาถึงกี่โมงนี่ขนาดออกมาพร้อมกันแท้ ๆ อารมณ์หงุดหงิดวิ่งพล่านทั่วตัวแสงไฟหน้ารถสาดส่องตามท้องถนนที่โล่งตาในตอนกลางคืน สองหนุ่มสาวพูดคุยทำลายความเงียบในรถ กวินวัฒน์ที่ดื่มมาบ้างแม้ไม่ได้มากมายก็ระมัดระวังในการขับขี่เป็นพิเศษ คนจรจัดที่หอบหิ้วถุงพลาสติกพะรุงพะรังอยู่ข้างถนนมองเห็นแต่ไกลลิบ ๆ จากแสงไฟของเสาไฟฟ้าข้างทางทันใดทันเขาก็วิ่งข้ามถนนมาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย พร้อมกันกับที่มอเตอร์ไซค์ขับตรงมาด้วยความเร็วสูงหักหลบกะทันหันทำให้เสียหลักล้มไถลไปตามถนน เสียงโลหะครูดกับคอนกรีตดดังสนั่นชวนเสียวฟัน พร้อมกับร่างคนขับที่ไถลไปคนละทางกับรถ และชายคนจรที่หายไปในความมืด“จอดก่อนค่ะคุณกวิน”ตีไฟกะพริบเข้าจอดข้างทางพร้อมโทรแจ้งเหตุ ก่อนรอรถเจ้าหน้าที่มาถึงและนำคนเจ็บส่งโรงพยาบาลจักรพรรดิที่นั่งดื่มย้อมใจรอการกลับมาของใครบางคน ยกมือขึ้นมองหน้าปัดนาฬิกา กดข่มอารมณ์ไว้พร้อมความร้อนวูบวาบที่ใบหน้า แก้วเหล้าในมือแทบแตกเป็นจุณจากการบีบ“ขอบคุณคุณกวินมากนะคะที่มาส่ง”“ยิน
จักรพรรดิที่นั่งจิบกาแฟในห้องรับรองของสำนักงานคอนโดเพียงลำพัง ถึงแม้งานจะล้นตารางแต่ชายหนุ่มก็ปลีกตัวออกมานั่งรอเธอ เพื่อออกไปกินข้าวกลางวันด้วยกัน แต่สุดท้ายเขาก็โดนเธอเทโดยข้ออ้างคือยังติดลูกค้าอยู่ ตั้งแต่เปิดโครงการมาเธอแทบไม่มีเวลาโทรหาเขาเลย ข้อความหวาน ๆ ที่เคยส่งหาเขาเป็นประจำทุกวันก็เริ่มห่างหายไปกุลวดีเปลี่ยนไปมากทั้งสไตล์การแต่งตัวและบุคลิก ดูมีชีวิตชีวาและสดใสตลอดเวลาในการทำงาน เธออาจจะอึดอัดในตำแหน่งเลขาของเขาแต่ไม่กล้าขัดทวี และคงชอบงานในลักษณะนี้มากกว่า ขืนปล่อยไว้แบบนี้คงไม่เป็นผลดีกับเขาแน่“โทษทีให้รอนาย”เสียงพีรภัสปลุกให้ตื่นจากความคิด ทักทายและนั่งลงตรงข้าม สุดท้ายเขาก็กลับมาตายรังกับเพื่อนรัก สองเพื่อนซี้พูดคุยสับเพเหระไปตามเรื่อง นั่งดื่มจนเริ่มได้ที่“นั่นคุณเมย์กับคุณมายด์นี่”พีรภัสเอ่ยขึ้น ชายหนุ่มหันออกไปมองสองพี่น้องสาวสวยเดินเข้ามาในร้านพร้อมกับชายสูงอายุและชายหนุ่มหน้าตาดีทรงสมาร์ท และเลือกนั่งโซนหน้าร้านในขณะที่เขาและพีรภัสนั่งมุมด้านในจักรพรรดิมองภาพข้างหน้าไม่วางตา หนุ่มรูปหล่อที่ดูจะใส่ใจกุลวดีเป็นพิเศษอย่างสุภาพบุรุษ ตั้งแต่เริ่มเดินเข้ามาในร้าน
ชิดสุดารับหน้าที่เป็นศิราณีนั่งฟังเพื่อนระบายความอัดอั้น พร้อมทั้งกระดกเครื่องดื่มแก้วแล้วก็เล่า แต่ไม่คิดจะห้ามเพราะถ้าเมาแล้วจะได้รีบส่งเพื่อนกลับบ้าน เพราะวันนี้เธอมีนัดพิเศษ แต่ดูเหมือนกุลวดีจะไม่มีท่าทีว่าจะกลับและยังดื่มต่อได้อีกหลังจากตารางงานวันนี้เสร็จสิ้นจนมืดค่ำ อภินันท์ที่มีนัดดินเนอร์กับชิดสุดาหลังจากเริ่มสานสัมพันธ์กันตั้งแต่วันที่ไปส่งหญิงสาวที่บ้านในคืนนั้น แต่ฝ่ายสาวยกเลิกนัดเนื่องจากต้องนั่งเฝ้ากุลวดีเพื่อนรักที่เริ่มเมาแอ๋ แต่ยังหัวชนฝาว่าจะไม่ยอมกลับและขอไปค้างกับเธอที่บ้าน ทั้งที่บอกเหตุผลไปแล้วว่าไม่ว่างแต่ดูเหมือนกุลวดีจะฟังไม่เข้าใจเสียแล้ว อภินันท์ครุ่นคิดแผนอยู่ในหัว“ผมขอรบกวนประธานสักเรื่องได้ไหมครับ?”“ผมติดต่อคุณเมย์ไม่ได้”“จะเรียนคุณเมย์ให้ส่งคนไปรับคุณมายด์”“ตอนนี้เมามากและไม่ยอมกลับบ้าน ชิดสุดาคนเดียวน่าจะเอาไม่อยู่ครับ”จักรพรรดิที่หันขวับมองหน้าทันที หมอนี่รู้ได้ยังไงว่าเธอไปไหน พร้อมอภินันท์ที่พอจะรู้ตัวเมื่อถูกมองหน้า“ชิดสุดาโทรบอกผมครับ”นี่คือแผนของอภินันท์เพื่อดึงชิดสุดาออกมาและตัวเองกลับบ้านแต่งตัวเพื่อรอออกไปดินเนอร์ และยิ้มให้กับความชาญฉล






![ความลับประธานหม้าย [20+ Soft BDSM]](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)
