“ขอบคุณนะคะคุณลุงที่มาส่ง”
นิศากรบอกขอบคุณคนขับรถก่อนจะเปิดประตูลงมายืนอยู่ข้างนอก เธอมองบ้านของตัวเอง หลังแต่งงานมาเกือบเดือนเธอเพิ่งจะได้กลับมาที่บ้าน เพราะมีเรื่องยุ่งหลายๆ เรื่องให้ต้องจัดการก็เลยผัดมาตลอด แต่ถ้านานไปก็คงไม่ดีเพราะได้ยินว่าอาหารไม่ถูกปากชัยกร พ่อของเธอเลยไม่ค่อยกินอาหารจนร่างกายซูบลง เธอจึงหาเวลามาค้างในวันนี้ด้วยความเป็นห่วง
เมตตาซึ่งเห็นรถและจำได้ว่าเป็นรถของบ้านสามีนิศากร เจ้าตัวก็ละมือจากการกวาดใบไม้เพื่อวิ่งมาช่วยถือกระเป๋า
“คุณไนท์เอามาค่ะ เดี๋ยวป้าถือให้”
“กระเป๋าใบนิดเดียวเองค่ะป้าเมต ไนท์ถือเองได้ค่ะ” หญิงสาวมองดูบ้านที่เงียบเชียบ ชัยกรคงไปทำงาน แต่แม่เลี้ยงกับน้องสาวเธอไม่รู้ “วันนี้ไม่มีใครอยู่เลยเหรอคะ”
“คุณสุออกไปข้างนอกค่ะ แต่คุณมิ้น เมื่อคืนเมากลับมา ตอนนี้ก็คงนอนอยู่ละมั้งคะ” เมตตารายงาน
“ยังไม่ยอมทำงานอีกเหรอคะ”
“เหมือนจะทำๆ บ้างแล้วนะคะ แต่ก็งานในบริษัทคุณชัยเขานั่นแหละ เป็นลูกเลี้ยงเจ้าของ ไปบ้างไม่ไปบ้างก็คงไม่มีคนว่าหรอกค่ะ”
นิศากรฟังแล้วถอนหายใจเบาๆ “คุณพ่อน่ะไม่เท่าไหร่ เพราะยังไงอีกฝ่ายก็ไม่ใช่ลูกแท้ๆ แต่คุณน้าไม่เตือนลูกบ้างเหรอคะ”
“โอ๋กันขนาดนั้น” เมตตากระซิบเสียงเบาลง “นี่ก็ได้ข่าวว่าคั่วกับไฮโซที่เป็นข่าวกับดาราบ่อยๆ ป้าอ่านจากในเพจข่าวซุบซิบดารา เขาว่านางเอกช่องดังหมั่นไส้คุณมิ้นจนแทบทนไม่ไหวแล้ว อาจมีตบล้างน้ำ”
“แต่ก่อนก็เป็นเด็กน่ารักดีนะคะ แต่ทำไมตอนนี้ถึงเป็นแบบนี้ไปได้นะ”
หญิงสาวนึกถึงวันที่ได้พบกับมาริษาเป็นครั้งแรก เจ้าตัวยังเป็นเด็กอายุแค่เจ็ดขวบเอง ส่วนเธอน่ะโตกว่าสามปี ตอนนั้นก็สิบขวบแล้ว แรกๆ ก็เข้ากันได้ดีอยู่หรอก ตอนหลังถึงได้ห่างเหินกันไปเพราะพี่น้องไม่แท้ทำยังไงก็ไม่มีทางสนิทกันเหมือนพี่น้องแท้ๆ หรอก
‘พรุ่งนี้จะกลับไปค้างบ้านใช่ไหม ถ้ากลับไปแล้วถูกใครรังแกก็มาบอกพี่นะ’
‘พี่บุ้งหมายถึงใครคะ’ นิศากรเอียงคอเล็กน้อยตอนถามด้วยความสงสัย
‘ก็แบบแม่เลี้ยง ลูกเลี้ยงพ่อเธอรุมรังแกเธอ’
‘ไม่ต้องห่วงนะคะพี่บุ้ง น้าสุถึงจะไม่ได้รักหรือเอ็นดูอะไรไนท์สักเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ใช่แม่เลี้ยงใจร้ายหรอกค่ะ ส่วนยายมิ้นแต่ก่อนโดนไนท์แกล้งเสียด้วยซ้ำ หรือเพราะโดนแกล้งหรือเปล่าก็ไม่รู้ ตอนหลังๆ ก็ไม่สนิทกันแล้ว’
‘อ้าว’ ภาพแม่เลี้ยงใจร้ายกับน้องเลี้ยงที่ชอบรังแกนิศากรในหัวของบุลินถูกลบหายไปในทันที เขาได้แต่มองภรรยาที่กำลังวาดภาพด้วยสีน้ำเล่นอยู่ในสวนตาปริบๆ
‘สองคนนั้นนิสัยก็ไม่ได้แย่เท่าไหร่นะคะพี่บุ้ง อย่ามองเขาในแง่ร้ายเลยค่ะ’
“กลับมาทำอะไรยะ” น้ำเสียงงัวเงียของมาริษาทำให้ห้วงนึกคิดของนิศากรแตกกระจาย
“ก็กลับมาค้างบ้านบ้าง กลัวเธอเหงา” หญิงสาวเดินไปหาคนที่เพิ่งตื่นนอนซึ่งยืนอยู่ตรงหัวมุมบันไดชั้นล่าง
“บ้าปะ เป็นฉันนะออกไปได้แล้วจะไม่กลับมาหรอก” หาวปากกว้างอย่างไม่เกรงใจใครและรักษาภาพพจน์เลยสักนิด
“ตื่นเพราะหิวใช่ไหม อยากกินอะไรเดี๋ยวพี่ทำให้” นิศากรพยายามเบี่ยงประเด็นด้วยของกินทันที
“ยายโรคจิต” มาริษาจ้องอีกฝ่ายนิ่งด้วยท่าทางเอือมระอา
“ไม่อยากกินของอร่อย”
มาริษาถอนหายใจ “อะไรก็ได้ ทำๆ มาเถอะ หิวจะตายแล้ว”
“งั้นก็มารอที่ห้องครัวเลยก็ได้ พี่ทำแค่แป๊บเดียว”
ดังนั้นมาริษาจึงเดินตามนิศากรไปเพื่อรอกินอาหารในห้องครัว
มานอนค้างหนึ่งคืน ได้เห็นอาการผอมลงเล็กน้อยของชัยกรและรับประทานมื้อเช้ากับครอบครัวเรียบร้อยแล้ว นิศากรก็เดินทางกลับหลังจากผู้เป็นพ่อออกไปทำงาน
“น้องไนท์” เสียงตะโกนเรียกทำให้นิศากรซึ่งกำลังลงสีภาพการ์ตูนในคอมพิวเตอร์วางมือลงจากงาน ก่อนจะเดินออกไปหาปภาดาที่มาหา
“มีอะไรคะพี่ปอนด์”
“เอาไอ้นี่มาให้ดูจ้า”
นิศากรมองอัลบั้มรูปภาพแล้วก็ยิ้มกว้าง “รูปของพี่บุ้งตอนเด็กๆ ใช่ไหมคะ”
“พี่ไปค้นของพี่ที่บ้านมาด้วย รับรองจุใจน้องไนท์แน่ๆ” ปภาดาซึ่งวันนี้อยู่บ้านจึงไม่ได้แต่งหน้า หากใบหน้าก็ยังน่ามองอยู่ดี “มาดูกัน” เพราะปภาดาเป็นเพื่อนบ้านด้วย ดังนั้นจึงโตมาพร้อมกับบุลินและบวร อีกทั้งเพราะเป็นลูกคนเล็กที่อายุห่างจากพี่ๆ อยู่ไม่น้อย ดังนั้นจึงยิ่งมาสนิทกับเด็กชายข้างบ้านทั้งสองคนเอามากๆ
ทั้งสองคนมานั่งด้วยกันภายในห้องรับแขก ภาพตอนเด็กๆ ของบุลินทำให้นิศากรต้องเอาโทรศัพท์มือถือมาถ่ายเก็บเอาไว้ เพราะความน่ารัก
“อุ๊ย พี่ปอนด์สมัยก่อนหล่อกว่าพี่บุ้งอีก”
ปภาดามองภาพตัวเองสมัยเรียน ม.ปลายซึ่งผมยังเป็นทรงหัวเกรียนแล้วก็เขิน “น้องไนท์ ไม่ว่าจะช่วงไหนพี่ก็ต้องสวยสิ”
“แต่ในนี้ถ้าไม่บอกว่าพี่เป็นสาวก็ไม่รู้เลยนะคะ”
“ช่วงเด็กๆ พี่ไม่กล้าแสดงออกเยอะ กลัวที่บ้านเสียใจ แต่พอตอนเข้าเรียนมหา’ลัย พี่ได้กำลังใจดีๆ จากเพื่อนคนหนึ่ง พี่ก็เลยไปสารภาพกับครอบครัว แล้วตอนนั้นอยากแต่งชุดนักศึกษาผู้หญิงไปเรียนใจจะขาดแล้ว สรุปว่าที่บ้านไม่ว่าอะไรเลย พวกพี่ชายหัวเราะกันจะเป็นจะตายเพราะรู้อยู่แล้ว แต่เห็นพี่พยายามแอ๊บแล้วมันตลกก็เลยปล่อยให้พี่แอ๊บต่อ” ปภาดาพูดด้วยน้ำเสียงโกรธๆ “แต่พวกพี่ชายน่ะน่ารักมากเลย บอกว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายก็เป็นน้องของพี่อยู่ดี วันนั้นพี่น้ำตาแตกเสียไปเป็นลิตร”
“ฟังพี่ปอนด์พูดถึงพี่ ไนท์ก็คิดถึงน้องสาวขึ้นมาเลย”
“น้องสาวลูกติดแม่เลี้ยงคนนั้นน่ะเหรอคะ ดูแล้วเธอสองคนไม่น่าจะรักกันเท่าไหร่นี่”
“อ้อ กับมิ้นก็ไม่ถึงกับเกลียด แต่ก็ไม่ได้ผูกพันเหมือนพี่น้องหรอกค่ะ คนที่ไนท์พูดถึงเป็นน้องสาวฝาแฝดของไนท์เองค่ะ ชื่อน้องเดย์ พอพ่อแม่เลิกกันเราก็ต้องแยกกันอยู่ค่ะ อีกอย่างแม่กับพ่อก็จบกันไม่สวยแถมแม่ยังไม่ชอบไนท์อีก ก็เลยไม่ได้เจอกันเลย เพิ่งจะได้กลับมาเจอกันเมื่อไม่กี่ปีก่อน ตอนงานแต่งก็เลยไม่ได้มาร่วมงาน แต่พี่บุ้งพาเดย์มาเจอกับไนท์หลังงานเลิกด้วยค่ะ” พอคิดถึงเรื่องที่บุลินทำให้ หัวใจของหญิงสาวก็พองโต
“เป็นฝาแฝดด้วยเหรอคะ โอ๊ยถ้าได้จับมาแต่งตัวเหมือนกันจะต้องน่ารักแน่ๆ”
“เวลาที่ไนท์กับเดย์มาเจอกันก็จะใส่ชุดเหมือนกันนะคะ” นิศากรหยิบมือถือขึ้นมาเปิดภาพของตัวเองกับทิพากรให้กับปภาดาดู
“เหมือนกันเป๊ะเลย แต่พี่คิดว่าตัวเองจำน้องไนท์ไม่ผิดแน่ๆ” ปภาดาชี้ไปทางคนที่คนทางซ้ายก่อนย้ายไปทางขวา “คนนี้น้องไนท์ คนนี้น้องเดย์”
“ถูกค่ะ”
“ก็น้องเดย์สะบึมกว่าเยอะเลยนะคะ”
“คงเพราะกินอาหารไม่เหมือนกันมั้งคะ ก็เลยโตอย่างไม่เท่าเทียม” ปภาดาหัวเราะคิกกับคำพูดของนิศากร
“เรากลับมาที่รูปพี่บุ้งกันดีกว่านะคะ” นิศากรรีบเก็บโทรศัพท์มือถือลงทันที
“จ้าๆ”
“รูปนี้น่ารักจัง” เป็นภาพบุลินในช่วงวัยเจ็ดหรือแปดขวบใส่ชุดไทยราชปะแตน
“งานแต่งญาติสักคนละมั้ง จำได้รางๆ ว่าตอนนั้นร้องห่มร้องไห้จะถอดออกเพราะร้อน แต่ญาติก็ยังบังคับให้ใส่เพราะจะถ่ายรูป แล้วไอ้บุ้งตอนเด็กก็ดันน่ารักคนก็เลยอยากถ่ายรูปด้วยเยอะ”
“จริงค่ะ ตอนเด็กๆ แก้มยุ้ยน่ารักจัง” นิศากรยกโทรศัพท์มือถือมาถ่ายเก็บไว้อีกรูป
“ถ้ามีลูก ลูกจะต้องน่ารักแบบมันแน่ๆ นี่ก็เดือนหนึ่งแล้ว มีข่าวดีหรือยัง”
นิศากรหน้าแดง “ยังเลยค่ะพี่ปอนด์”
“ไอ้บุ้งไม่ขยันหรือไงฮึ” ปภาดายิ้มเจ้าเล่ห์ คนถูกถามยิ่งหน้าแดง
“ไม่ใช่เรื่องนั้นหรอกค่ะ เพียงแต่อาจจะยังไม่ใช่เวลาของเขาละมั้งพี่ปอนด์”
“ไปที่บริษัทกันไหม”
“...จะดีเหรอคะพี่ปอนด์ มันจะเป็นการรบกวนหรือเปล่า”
“ไม่กวนหรอก นานๆ จะไปสักที”
“งั้นเดี๋ยวไนท์เอาข้าวกลางวันไปให้พี่บุ้งด้วยดีกว่า”
“ให้พี่ช่วยนะ เดี๋ยวพี่จะเอาไปให้พี่บีบ้าง”
“ได้ค่ะ” นิศากรยิ้มอย่างร่าเริง
หลังจากวุ่นวายอยู่ในครัวกันอยู่พักใหญ่ ทั้งสองคนก็ทำอาหารเสร็จเรียบร้อยก่อนจะขับรถออกไป โดยมีปภาดาเป็นคนขับ
บุลินซึ่งได้ยินเสียงเปิดประตูเข้ามาโดยไม่ได้รับอนุญาตกำลังจะเอ่ยปากตำหนิเลอศิลป์ แต่พอเห็นว่าใครที่ก้าวเข้ามาก็วางงานลงทันที
“มาได้ยังไงครับเนี่ย”
“พี่ปอนด์พามาค่ะ” นิศากรเดินไปนั่งยังโต๊ะรับแขกภายในห้องทำงานกว้างของบุลิน “หิวหรือยังคะ ไนท์เอาข้าวกลางวันมาให้พี่บุ้งด้วย”
“หิวครับ” บุลินลุกจากโต๊ะทำงานก่อนเดินไปหาภรรยาที่เอากล่องใส่อาหารทรงกลมๆ ที่มีสีสันหลากหลายออกมาจากถุงผ้า
“มียำวุ้นเส้น ผัดเห็ดใส่เบคอน แล้วก็ไก่ทอดกระเทียมค่ะ” หญิงสาวเปิดฝาทีละกล่อง “ส่วนนี่ไนท์เก็บดอกอัญชันที่ขึ้นอยู่ในสวนมาทำค่ะ” บุลินมองข้าวที่เป็นสีฟ้าอ่อนภายในกล่องที่ภรรยาสาวยื่นมาให้ “ดูสวยมากเลยใช่ไหมคะ”
“ครับ” ชายหนุ่มยิ้มพลางพับแขนเสื้อเชิ้ตขึ้น “จริงๆ ถ้าได้กินข้าวกลางวันที่เธอทำทุกวันก็ดีนะ”
“งั้นวันอื่นพี่บุ้งอยากหิ้วข้าวกล่องมากินไหมล่ะคะ เดี๋ยวไนท์ทำให้”
“สะดวกทำให้พี่ไหมล่ะครับ”
“สะดวกสิคะ” หญิงสาวตอบอย่างกระตือรือร้น
ระหว่างมื้ออาหารบุลินก็ชวนคุยไปด้วย “กลับไปค้างบ้านเป็นยังไงบ้างครับ”
“คุณพ่อผอมลงนิดหน่อยค่ะ เพราะท่านกินน้อยลง” นิศากรเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่สดใสนัก “แต่นอกจากนั้นก็สบายดีค่ะ”
“คราวหน้าให้พี่ไปค้างด้วยได้ไหม”
“ก็...ได้นะคะ แล้วแต่พี่บุ้งจะสะดวก” น้ำเสียงที่ตอบไม่เต็มเสียงนักของนิศากรทำให้บุลินแปลกใจเล็กๆ
“ก็คงจะไม่ตามไปบ่อยๆ หรอกครับ เพราะห้องน้ำของเธออาบได้แค่ทีละคนเอง” ในห้องน้ำเล็กๆ ของนิศากรติดแค่ฝักบัวไว้เท่านั้น ไม่มีอ่างอาบน้ำเหมือนที่เขากับเธอชอบลงไปแช่ด้วยกัน
นิศากรแอบถอนหายใจ แล้วจึงนึกขึ้นมาได้
“ไนท์ลืมน้ำ เดี๋ยวออกไปเอาให้นะคะ” หญิงสาวลุกขึ้นออกไปข้างนอกทันที
บุลินได้แต่มองตามหลังไป สำหรับเขาเหตุผลที่ต้องแต่งงานตอนแรกก็เป็นเพราะคุณย่าอยู่แล้ว แต่ในขณะที่หญิงสาวนั้นเพราะพ่อบังคับอย่างเดียวเลยจริงๆ เหรอ บางอย่างมันติดค้างอยู่ในใจ สงสัยแต่ก็บอกออกมาอย่างชัดเจนไม่ได้ว่ามันน่าสงสัยตรงไหน
นิศากรกลับมาพร้อมกับน้ำเย็นๆ สองแก้ว “แล้วก็ไนท์เอาผลไม้มาด้วยนะคะ แต่ให้พี่ศิลป์แช่ตู้เย็นเอาไว้ก่อน อีกสักพักอาหารย่อยแล้วพี่บุ้งค่อยเอามากิน” หญิงสาวหยิบเอากล่องสุดท้ายออกมา “ขนมหวานค่ะ แกงบวดฟักทอง”
“...” บุลินเลิกคิ้วสูง วางแก้วน้ำที่เพิ่งดื่มเข้าไปลง กำลังจะอ้าปากพูด แต่นิศากรกลับรีบเอ่ยขึ้นอย่างร้อนรนเสียก่อน
“นะ...ไนท์เก็บมันมาจากบ้านไนท์ ปลูกเอาไว้ก่อนจะแต่งงาน แล้วไนท์มัวแต่ดีใจที่มันลูกใหญ่ ลืมไปเลยว่าพี่บุ้งไม่กินฟักทอง” สีหน้ารู้สึกผิดแบบสุดๆ ของหญิงสาวทำให้บุลินทั้งขำและเอ็นดู
“ไม่เป็นไรครับพี่ไม่ได้โกรธ แต่พี่จะไม่ฝืนกินมันเข้าไปหรอก เพราะยังไงพี่ก็ไม่ชอบ แต่เธอมาถึงที่นี่แล้วพี่ว่าพี่ก็ควรได้กินของหวานนะ” ชายหนุ่มเอื้อมไปรั้งเอวของคนเป็นภรรยาแล้วดึงเข้ามาใกล้
นิศากรไม่ทันได้คิดอะไร พอได้แนบชิดเลยเผลอเอ่ยออกมาเบาๆ “เหมือนไนท์จะติดกลิ่นพี่บุ้งแบบเด็กติดกลิ่นแม่ เมื่อคืนตั้งนานกว่าจะหลับ”
“ตอนแรกว่าจะแกล้งเฉยๆ แต่มาพูดแบบนี้พี่ว่าคงหยุดแค่แกล้งไม่ได้แน่” บุลินซุกไซ้ใบหน้าลงกับซอกคอนุ่มหอมกรุ่น มือหนึ่งรั้งเอวไว้ไม่ให้หญิงสาวถอยหนี ในขณะที่ฝ่ามือร้อนอีกข้างแทรกเข้าไปใต้กระโปรงของชุดเดรสที่ยาวเคียงเข่า ซึ่งพอเจ้าตัวนั่งลงก็ร่นขึ้นไปเป็นคืบ
คนที่เริ่มรู้ตัวแล้วว่าอะไรจะเกิดขึ้นจึงเอ่ยปากห้าม “พี่บุ้งไม่ได้นะคะ มันห้องทำงาน”
“ได้สิครับ ห้องทำงานก็จริง แต่มันก็ห้องของพี่นี่” พูดไปก็ยังไม่หยุดมือที่กำลังเคลื่อนอยู่ใต้กระโปรงของหญิงสาว
“พี่บุ้ง!” นิศากรพยายามตะครุบมือของชายหนุ่มที่กำลังอยู่ไม่สุขเอาเสียเลย
บุลินละมือออกจากใต้กระโปรง ก่อนจะดึงมือของหญิงมางับเล่นที่ปลายนิ้ว
“เมื่อคืนพี่ก็นอนไม่ค่อยหลับ” จูบเบาๆ ที่ฝ่ามือ แล้วไล้ไปตามท้องแขน “คิดถึงน้องไนท์ของพี่จะแย่”
“อย่ามาเรียกน้องไนท์ที่นี่นะคะ”
ชายหนุ่มหยุดเพื่อเงยหน้าขึ้นสบตากับคนที่พ่ายแพ้เขาอย่างราบคาบแล้ว “น้องไนท์หน้าแดง”
“กะ...ก็ไนท์บอกว่าอย่าเรียกแบบนั้น” เธออยากจะเอ่ยอย่างดุดัน แต่ก็ทำได้เพียงพูดออกไปด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“พี่บุ้งอยากรักกับน้องไนท์ในห้องทำงาน ได้ไหมครับ” น้ำเสียงอ้อน สายตาเว้าวอน คำเรียกชื่อแบบนั้นที่มักจะออกมาจากปากเวลาอยู่ด้วยกันบนเตียง มันทำให้นิศากรต่อสู้ขัดขืนไม่ได้เลย
“ถ้า...มีคนมาเห็นจะทำยังไงคะ” นิศากรทนไม่ไหว ดังนั้นเธอจึงซบหน้าลงบนไหล่ของชายหนุ่ม
“ไม่มีใครมาเห็นหรอกครับ แล้วก็ไม่มีใครรู้ด้วยว่าเราทำอะไรกัน” บุลินดึงให้ร่างเล็กให้มานั่งคร่อมลงบนตักของตัวเอง เลิกชายกระโปรงขึ้นอย่างเบามือพลางกระซิบ “เพราะพี่จะไม่ทำให้เสื้อน้องไนท์ยับ”
ถึงชุดจะไม่ได้ถูกถอดออกจากตัว หากนิศากรกลับรู้สึกเหมือนเปลือยเปล่า อาจเพราะลมหายใจร้อนผะผ่าวที่รดรินลำคอและดังอยู่ข้างหูของชายหนุ่ม เสียงครางแผ่วหวิว เสียงปลดซิปกางเกง กลิ่นหอม การลูบไล้ปัดผ่านแค่บางส่วนที่อยู่นอกร่มผ้า ความตื่นเต้นเพราะอยู่ในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย ทุกอย่างปลุกเร้าให้เธอตื่นตัวง่ายกว่าปกติ
“พี่บุ้ง...” นิศากรซุกซบใบหน้าลงบนลำคอของเขา เมื่อถูกเขายกตัวขึ้นเบาๆ และค่อยๆ วางเธอลงในขณะที่เขาบุกรุกเข้ามา
บุลินไม่ได้ทำให้ชุดของนิศากรยับอย่างที่พูด แต่หญิงสาวกลับเผลอขยุ้มคอเสื้อของชายหนุ่มในขณะที่ถูกเขารังแกบนโซฟา เธอกำแน่นจนยับไปหมด
ตอนพิเศษ คนที่แสนโชคดี บุลินนอนมองคุณแม่ของลูกสาวทั้งสองซึ่งยังหลับสนิท เพราะวันนี้เป็นวันหยุดของลูกๆ รวมถึงของเขาด้วย เธอจึงไม่ต้องรีบตื่นเพื่อเข้าครัวทำมื้อเช้าให้กับทุกคน เธอปรือตาขึ้นมองสามี แต่ไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่มองนิ่งๆ เท่านั้น บุลินอดใจไว้ไม่ไหวจึงยื่นหน้าไปจูบหนักๆ ลงบนหน้าผากของคนที่ยังไม่ตื่นเต็มตา ลูกสาวคนโตนอนหลับอยู่ในห้องส่วนตัวของเธอ ส่วนคนเล็กไปนอนค้างกับบวรและปภาดา ดังนั้นตอนนี้พวกเขาจึงมีเพียงกันและกันอยู่บนเตียงกว้าง ช่างเป็นยามเช้าที่แสนเย้ายวนใจ “น้องไนท์ถุงยางอนามัยหมดแล้ว” บุลินก้มลงกระซิบ มือก็ลากไล้ไปตามเอวของหญิงสาวที่ขยับขยายกว้างขึ้นเล็กน้อยเพราะผ่านการเป็นคุณแม่มาแล้ว นิศากรพยักหน้ารับรู้เบาๆ เขาอมยิ้ม “ถ้าไม่ใช้ก็อาจจะท้องอีกนะครับ” คนฟังขมวดคิ้ว ตอนแรกเธอไม่ได้คิดอะไร แต่พอได้ยินอีกประโยคสติก็เริ่มแจ่มชัด “พี่บุ้งอยากมีอีกคนเหรอคะ” “เจ้าขาก็โตแล้ว จันทร์เจ้าก็ถูกพี่บีแย่งไป เหงาน่ะไม่มีใครให้อุ้มเลย” “ลูกมากจะยากจนนะคะ” นิศากรหัวเราะคิกคัก
ตอนพิเศษ เมื่อพบกันอีกครั้ง ลูกสาวคนโตวัยเกือบเจ็ดขวบกว่านั้นไม่เคยมาขอนอนด้วยอีกเลยตั้งแต่มีห้องส่วนตัวเป็นของตัวเองส่วนลูกสาวคนเล็กที่อายุเพิ่งครบห้าปีก็แทบจะไปนอนกับบวรและปภาดาวันเว้นวัน ดังนั้นสองสามีภรรยาจึงมีเวลาส่วนตัวในยามค่ำคืนอยู่มาก นิศากรหวีผมเรียบร้อยแล้วก็ปีนขึ้นเตียงไปหาสามีที่กำลังอ้าแขนรอ เธอซบหน้ากับอกของชายหนุ่มพลางหายใจเอากลิ่นหอมจากกายสามีเข้าเต็มปอด “มีอะไรครับ” บุลินเอ่ยถามเพราะรู้สึกได้ถึงอาการกังวลใจของภรรยา “เดย์บอกว่าคุณพ่ออยากเจอไนท์ค่ะ” อ้อมแขนแข็งแรงกอดกระชับแน่นขึ้น “อยากเจอหรือเปล่าครับ” เธอพยักหน้า “เดย์บอกว่าคุณพ่อกังวลมากและคิดอยู่นานว่าจะเจอไนท์ดีหรือเปล่า” หญิงสาวถอนหายใจ “ไนท์จะเริ่มต้นใหม่กับคุณพ่อได้ไหมคะ มันจะราบรื่นหรือเปล่า” “ยังไงก็มีเจ้าขากับจันทร์เจ้าอยู่นะครับ คุณพ่อเอ็นดูสองคนนั้นจะตายไป” บุลินพาลูกสาวทั้งสองคนไปเยี่ยมชัยกรอย่างน้อยเดือนละครั้ง “ลูกต้องช่วยให้บรรยากาศระหว่างเธอกับท่านเป็นไปอย่างราบรื่นแน่” “ไนท์ก็หวังว่าจะเป็นอย่างนั้นค่ะ” “ยังไงก็
ตอนพิเศษ ดุจจันทรา ดุจจันทราหรือน้องจันทร์เจ้าของทุกคน ลูกสาวคนที่สองของบุลิน เป็นเด็กคลอดก่อนกำหนด ทำเอาทุกกังวลใจกันไปหมด แต่หลังจากออกจากตู้อบมาแล้ว ร่างกายก็แข็งแรงดี เพียงแต่เจ้าตัวกลับติดบวรมากกว่าคนเป็นพ่ออย่างบุลินเสียอีก ดังนั้นจึงกลายเป็นพ่อบี พ่อบุ้งไปโดยปริยาย “พรุ่งนี้จันทร์เจ้าจะไปโรงเรียนเป็นวันแรก พี่บีจะไปส่งลูกไหมคะ” ปภาดาซึ่งนั่งหวีผมอยู่หน้ากระจก หันมาถามสามีเมื่อเห็นว่าเขาออกมาจากห้องน้ำแล้ว “พี่ว่าจะไม่ไปหรอก” บวรรับหวีมาจากมือของปภาดาแล้วช่วยแปรงผมให้อย่างเบามือ “อ้าวทำไมล่ะ ลูกไปโรงเรียนวันแรกเลยนะ ไอ้บุ้งก็บอกว่าต้องลองไปสัมผัสดู ครั้งเดียวในชีวิตเลยที่ลูกจะมีวันนี้” ปภาดาฟังประสบการณ์ครั้งแรกของบุลินที่ไปส่งดั่งบุหลันลูกสาวคนโตแล้วตื่นเต้นอยากไปบ้าง “ไม่อยากเห็นน้องจันทร์เจ้าร้องไห้น่ะค่ะ” “โอ๊ย พ่อบี น้องจันทร์เจ้าเก่งจะตายไป ไม่ร้องหรอก” “ต้องร้องแน่ๆ ไม่มีเด็กคนไหนไม่ร้องหรอก ขนาดไอ้บุ้งยังร้องไห้จ้าอยู่เป็นอาทิตย์ๆ” ปภาดาหัวเราะคิกคัก “ปอนด์จำได้ ร้องจนปอนด์รำคาญ แต่เด็กที่ไม่
ตอนพิเศษ ดั่งบุหลัน “เจ้าขาคนดีของพ่อบุ้ง ทำไมถึงไม่อยากไปโรงเรียนล่ะครับ” บุลินถูกภรรยาวานให้มากล่อมลูกสาวคนโตที่งอแงไม่ยอมไปโรงเรียน ชายหนุ่มเท้าคางนอนตะแคงอยู่ข้างลูกสาวที่ขดตัวอยู่ใต้ผ้าห่มนิ่ง แม้ว่าจะพูดอะไรก็ไม่ยอมตอบกลับมาสักคำ “ลืมทำการบ้านหรือเปล่า กลัวคุณครูดุก็เลยไม่อยากไปโรงเรียนเหรอครับ” บุลินพยายามคาดเดาเหตุผลที่ลูกสาวไม่อยากไปโรงเรียน “หรือว่าถูกใครแกล้ง” พอพูดออกไปเขาก็ขมวดคิ้ว เท่าที่ผ่านมาไม่มีเด็กกล้ารังแกลูกเขาหรอก เคยทำคนที่มาแกล้งจนฟันน้ำนมหักเลยด้วยซ้ำ เหตุผลนี้คงไม่ใช่ “เราเคยสัญญากันแล้วไม่ใช่เหรอครับว่ามีอะไรก็จะบอกพ่อบุ้ง เจ้าขาก็รู้ว่าพ่อเก็บความลับเก่งที่สุดเลย” คนร่างจิ๋วภายใต้ผ้าห่มขยับตัวยุกยิก บุลินใจชื้นที่ลูกสาวมีปฏิกิริยาสักที เขารอคอยอย่างอดทนให้ลูกสาวออกมาคุยกันดีๆ แต่แล้วกลับนิ่งไปอีก “เอ๊ะ หรือว่าจริงๆ แล้วป่วย” บุลินพยายามจะดึงผ้าห่มออกจากตัวของลูกสาว “พ่อหนูไม่ได้ป่วยนะ” น้ำเสียงเล็กๆ ที่ตอบกลับมานั้นฟังอู้อี้ “แล้วทำไมไม่อยากไปโรงเรียนล่ะครับ” “ก็มัน...เสียใจ เจ
ตอนที่ ๒๓ ถึงคนเป็นพ่อจะยังไม่หายดีและยังไม่พร้อมเจอกับนิศากร แต่เรื่องที่ยอมให้อยู่กับบุลินได้อย่างเดิมก็ถือว่าเป็นความก้าวหน้าทางด้านอารมณ์ของชัยกรไปในทางที่ดี อย่างน้อยๆ เธอก็ไม่ต้องเผชิญกับอารมณ์เดี๋ยวรัก เดี๋ยวเกลียดของอีกฝ่ายอีกต่อไปแล้ว พอเดินพ้นประตูบ้านเข้าไปด้านในโดยมีมือของบุลินที่กอบกุมมือเธออยู่ ก็พบว่าทุกคนในครอบครัวของเขาอยู่ที่นั่นเพื่อรอต้อนรับการกลับมาของเธอ รวมทั้งน้องสาวฝาแฝดอย่างทิพากรด้วย ซึ่งวันนี้ถูกแต่งหน้าจนสวยกว่าทุกที ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเป็นฝีมือของปภาดาอย่างแน่นอน นิศากรเดินเข้าไปหาแสงรุ้งเป็นคนแรก หญิงชราเอ่ยด้วยน้ำเสียงปลอบโยน “ขวัญเอ๋ย ขวัญมา” แล้วจับมือของหญิงสาวมาบีบเบาๆ “จากนี้ต่อไปก็ขออย่าให้มีอะไรมาพรากเธอไปจากหลานชายฉันอีกเลย” “คงไม่มีแล้วค่ะ ยกเว้นพี่บุ้งจะเบื่อไนท์” “ไม่มีวันนั้นหรอกน่า” บุลินแทรกขึ้นมาทันที “ย่าก็ว่าอย่างนั้นแหละ” หญิงชรายังคงไม่ยอมปล่อยมือของคนอ่อนวัยกว่าและเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง “แล้วคราวนี้ฉันก็จะไม่ยอมแน่” “นั่นสิ คราวนี้ไม่มีใครยอมหรอกนะน้องไนท์” ปภาดาเบ
ตอนที่ ๒๒ “เราว่าเนื้อเรื่องดูสดใสขึ้นนะ” คเชนทร์ที่ได้รับอนุญาตให้อ่านพล็อตของเพื่อนก่อนใครให้คำวิจารณ์กับเพื่อนสนิท นิศากรยิ้มจนตาหยี “ดีกว่าเดิมใช่ไหม” “เราก็คิดว่าดีกว่าเดิมนะ เหมาะกับลายเส้นน่ารักๆ ของเธอด้วย แถมพระเอกนิสัยสามีแห่งชาติขนาดนี้ เขียนให้เป็นแนวรักไปเลยน่าจะผ่านนะ” เพราะว่าพล็อตคราวก่อนไม่ผ่านจึงต้องมาปรับกันใหม่ “แล้วนี่ อยู่คนเดียวโอเคใช่ไหม” “โอเค เราอยู่ได้ไม่ต้องห่วง แต่ว่าจริงๆ แล้ว พี่บุ้งมาหาทุกสองสามวันเลยแหละ ไม่ค่อยเหมือนอยู่คนเดียวสักเท่าไหร่” คเชนทร์ได้ฟังแล้วก็หัวเราะ เมื่อนึกถึงสามีของเพื่อนที่หย่ากันเพราะความจำเป็น แต่ทั้งสองยังรักกันดีจนเขาอดอิจฉาไม่ได้พอคิดถึงแฟนที่เพิ่งเลิกกันไปก็น้อยใจในโชคชะตาของตัวเอง “เอ๊ะ นั่นน้องสาวเธอหรือเปล่า” นิศากรหันหน้าไปตามสายตาของคเชนทร์ ก็พบว่าทิพากรเดินเคียงมากับชายหนุ่มร่างสูงท่าทางดูดีมากคนหนึ่ง เธอจำได้ว่านั่นคือยามที่เคยเป็นกระแสในโลกโซเชียลของโรงแรมบุลินซึ่งทำให้ยอดจองช่วงหนึ่งมากขึ้นจนน่าตกใจ “สองคนนั้นสนิทกันเหรอเนี่ย” นิศากรเลิก