บุลินรู้สึกไม่ชอบใจบรรยากาศครอบครัวของนิศากรมาตั้งแต่ต้น ยิ่งพอได้รู้ว่าเบื้องหลังมีอะไรเกิดขึ้นบ้างก็เปลี่ยนเป็นเกลียดไปเลย
แม้สุนิษากับมาริษาจะไม่ใช่คนที่ทำร้ายนิศากรโดยตรง แต่คนที่เพิกเฉยและปล่อยให้คนคนหนึ่งถูกทำร้ายซ้ำแล้วซ้ำเล่า เขาก็รู้สึกดีด้วยไม่ได้หรอก
“พี่บุ้งคะ ถ้าพี่บุ้งไม่อยากมา ไนท์มาค้างคนเดียวก็ได้” หญิงสาวสังเกตว่าคนเป็นสามีอารมณ์ไม่ดีเอาเสียเลย
“บอกแล้วไงครับ ว่าต่อไปจะไม่ปล่อยให้มาค้างที่นี่คนเดียว จะมาก็ต้องมีพี่มาด้วย” บุลินเลื่อนมือไปกุมมือของหญิงสาวที่วางไว้ข้างตัว
นิศากรแปลกใจกับอาการเหมือนหวงจนเกินเหตุของบุลินในช่วงหลังๆ มานี้ จะไปไหนทำอะไร ดูเหมือนเขาจะใส่ใจเธอมากขึ้น จนแทบจะกลายเป็นเงาตามตัว เธอไม่ได้อึดอัดอะไร เพียงแต่...แค่ไม่ค่อยเข้าใจพฤติกรรมของคนเป็นสามีก็เท่านั้นเอง
ยังไม่ทันที่บุลินกับนิศากรจะเข้าไปยังตัวบ้านของหญิงสาว มาริษาก็แต่งตัวสวยเดินสวนออกมา หญิงสาวยิ้มหวานให้กับพี่สาวกับสามี เธอยกมือไหว้บุลินที่มีสีหน้าติดจะเย็นชาอย่างไม่ค่อยเต็มใจ
“แต่งตัวสวยขนาดนี้จะไปไหนเหรอ” นิศากรเอ่ยทักคนที่แต่งตัวด้วยชุดราตรีสั้นสีหวาน
“มีดินเนอร์กับเอริคน่ะ” มาริษายิ้มจนแก้มแทบปริ “ฉันไปก่อนนะ” หญิงสาวโบกมือลาก่อนจะเดินตรงไปที่รถคันหรูของตัวเอง
นิศากรได้ยินมาบ้างจากเจ้าตัวแล้วว่าเอริคเป็นนักลงทุนชาวต่างชาติที่แสนร่ำรวยซึ่งกำลังสานสัมพันธ์กับน้องสาวของเธอในแบบที่อาจจะไปไกลถึงขั้นแต่งงาน มาริษาแทบจะเล่าทุกอย่างให้เธอฟังด้วยความภาคภูมิใจ หญิงสาวยินดีกับอีกฝ่ายมากจริงๆ เพราะเธอคิดว่า ถ้ามาริษาไม่ปล่อยมือจากบุลิน บางทีเขาก็อาจจะไม่ใช่คนของเธอเหมือนอย่างทุกวันนี้
“ยิ้มอะไรน่ะ”
“เปล่าค่ะ แค่รู้สึกยินดีกับน้องสาว”
บุลินร้องอ๋อเบาๆ ท่าทางไม่สนใจจะคุยเรื่องของมาริษาต่อแม้แต่น้อย ดังนั้นเธอจึงไม่พูดเรื่องเกี่ยวกับน้องสาวให้เขาฟังอีก ไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายไปทำอะไรเข้า สามีเธอเลยออกอาการไม่ชอบใจแบบนี้
“สวัสดีค่ะคุณน้า” นิศากรกับบุลินยกมือไหว้สุนิษาที่มักจะเป็นคนออกมาต้อนรับเหมือนอย่างเคย ส่วนพ่อของเธอนั้นจะลงมาก็ต่อเมื่อถึงเวลารับประทานอาหารค่ำ
สุนิษาค่อนข้างไม่ค่อยชอบใจที่หลังๆ บุลินมักจะตามนิศากรมาด้วย เพราะอีกฝ่ายทำท่าเหมือนรังเกียจเธออย่างไม่ค่อยจะปิดบัง แล้วจะให้เธอปั้นหน้ายิ้มหวานให้เมื่อยไปทำไม
“มาๆ รออยู่เลย ไหนวันนี้ทำอะไรมาบ้าง”
“ฟักต้มกะทิปลาเค็มของโปรดคุณน้าค่ะ แล้วก็แกงเลียงที่คุณพ่อชอบด้วย”
ใบหน้าของสุนิษาจากที่ยิ้มไม่ค่อยออกเปลี่ยนเป็นยิ้มกว้าง “เฮ้อ ฉันละเสียใจที่เธอแต่งออกไปสุดๆ พ่อเธอนะเลือกกินจนฉันปวดหัว แม่ครัวคนใหม่ก็เพิ่งให้ออกไปเพราะทำไม่ถูกใจ”
นิศากรส่งตะกร้าที่ใส่กับข้าวซึ่งเธอทำมาจากบ้านให้กับเมตตาที่เดินตามหลังสุนิษามา
“งั้นหนูกับพี่บุ้งขึ้นไปพักบนห้องก่อนนะคะ”
“จ้า” สุนิษายิ้มส่งสองสามีภรรยาก่อนจะหันไปพูดกับเมตตา “ยายไนท์ทำมาแค่สองอย่าง เธอออกไปซื้อกับข้าวจากร้านเจ้าประจำมาเพิ่มอีกสักอย่างสองอย่างด้วย”
“ได้ค่ะ” เมตตารับคำก่อนจะหมุนตัวเดินจากไป ส่วนสุนิษาก็กลับไปนั่งเล่นแท็บเล็ตอย่างสบายอกสบายใจที่ห้องนั่งเล่นต่อพลางดูรายการประกวดร้องเพลงไปด้วย
ทันทีที่เปิดประตูเข้ามาภายในห้องนอนของนิศากร บุลินก็รู้สึกเหมือนอยู่ในที่ที่ให้ความรู้สึกอีกแบบ ห้องเล็กๆ ที่หญิงสาวเติบโตมาและคงเคยแอบร้องไห้อยู่ในห้องนี้ตั้งไม่รู้กี่ครั้ง ถ้าเขาอยู่กับเธอด้วยในวันที่ร้องไห้ เขาจะกอดแล้วบอกว่าไม่ต้องกลัวนะ เขาจะปกป้องเธอเอง
“อารมณ์ดีขึ้นนิดหน่อยแล้วเหรอคะ” นิศากรสังเกตว่าบุลินดูผ่อนคลายขึ้น “พี่บุ้งไม่ชอบน้าสุกับมิ้นขนาดนั้นเลยเหรอคะ บอกได้ไหมว่าทำไม” เธอมองสามีด้วยความสงสัย “สองคนนั้นไม่ใช่แม่เลี้ยงกับพี่สาวแบบของซินเดอเรลล่าหรือแม่ปลาบู่สักหน่อยนะคะ”
“เฮ้อ พี่ก็แค่ไม่ชอบใจ ไม่ได้มีเหตุผลอะไรเป็นพิเศษ” บุลินบ่ายเบี่ยงที่จะพูดออกไปตรงๆ ว่าทำไม “คนเราแค่มองหน้าแล้วไม่ชอบก็มีถมไป”
“เพิ่งรู้นะคะพี่บุ้งเป็นคนไม่มีเหตุผล”
ชายหนุ่มหรี่ตา นึกอยากจะจับคนปากแข็งที่เก็บความลับไว้ไม่ยอมบอก มาล้วงเอาอะไรๆ ออกมาให้หมด แต่ก็นึกวิธีดีๆ ที่ไม่ใช่การบังคับไม่ออกเลย
บุลินรู้สึกมันเขี้ยวจึงก้มลงจูบนิศากรอย่างไม่เตือนล่วงหน้า บุกรุกและโจมตีด้วยลิ้นอุ่น แม้นิศากรจะงงงันไปชั่วขณะ แต่พอตั้งสติได้ก็จูบตอบกลับมา ภรรยาตัวน้อยของเขาจูบเก่งขึ้นตั้งเยอะ
“มาจูบไนท์ทำไมคะ” เธอถามหลังเขายอมปล่อย
“พี่มันเป็นคนไม่มีเหตุผลนี่” เขาตอบกลับอย่างยียวน
นิศากรอดยิ้มไม่ได้เลย “แต่ไนท์ชอบความไม่มีเหตุผลของพี่บุ้งนะคะ ถ้ามันไม่ได้ทำให้คนอื่นเดือดร้อนแบบนี้”
บุลินเองก็ได้แต่หัวเราะ “เหลือเวลาอีกตั้งเยอะกว่าจะต้องลงไปกินมื้อเย็น ทำอะไรฆ่าเวลาดีน้า”
“เล่นหมากรุกค่ะ” หญิงสาวไม่สนใจหน้าตาเหวอๆ ของสามี แต่เดินไปหยิบกล่องหมากรุกออกมาจากตู้ของเธอ “พี่บุ้งเล่นเป็นไหมคะ”
“ไม่ครับ พี่เล่นไม่เป็น”
“งั้นไนท์สอนให้”
“ไม่เอาหรอกครับ มันน่าปวดหัวจะตายไป ถ้าอยากเล่น ว่างๆ ก็หาเวลาไปเล่นกับพี่บีเถอะ” บุลินทำหน้าเหมือนกินยาขม
นิศากรหัวเราะ “เล่นหมากฮอสแทนก็ได้ค่ะ”
หญิงสาวนั่งลงยังปลายเตียง แล้วกางกระดานออกมา จากนั้นก็วางตัวเดินลงไปอย่างช้าๆ ส่วนบุลินก็ต้องจำใจเล่นด้วยอย่างช่วยไม่ได้
หลังมื้อค่ำที่รู้สึกว่าไม่ค่อยอร่อย แม้ว่าอาหารบางส่วนนิศากรจะเป็นคนทำมาเองก็ตามที บุลินต้องนอนกลิ้งอยู่บนเตียงเพียงลำพังเพราะชัยกรมีเรื่องอยากคุยกับนิศากรเป็นการส่วนตัว เขาไม่อยากจะปล่อยเธอไปเพียงลำพังเลย แต่ก็พูดไม่ออกและไม่รู้จะใช้เหตุผลอะไรมาอ้าง
บุลินนอนคว่ำหน้ากับหมอนอย่างไม่สบอารมณ์ นิศากรไปนานมากจนเขาเริ่มห่วง ชายหนุ่มทนต่อไปไม่ไหวจึงลุกขึ้นจากเตียง กำลังคิดว่ายังไงก็จะไปหาภรรยาที่ห้องทำงานของพ่อตา
พอเปิดประตูก็พบว่านิศากรอยู่ด้านหน้าห้องพอดี หญิงสาวเบือนหน้าหนีเล็กน้อยก่อนจะเบี่ยงตัวหลบเขาแล้วเข้าห้องไป แต่
บุลินตาไวพอจะเห็นรอยแดงบนหน้านั่น ดังนั้นจึงยื่นมือไปรั้งแขนของหญิงสาวเอาไว้“พ่อเธอทำอะไร” เสียงของบุลินโกรธมากจนนิศากรสะดุ้ง
“เปล่าค่ะ”
“จะโกหกอะไรก็ช่วยดูหลักฐานบนหน้าเธอด้วยว่ามันชัดแค่ไหน” บุลินเผลอตวาดลั่น ทำเอานิศากรผวา
“...”
ชายหนุ่มซึ่งเห็นอีกฝ่ายตัวสั่นก็ด่าตัวเองในใจ ดึงเธอมากอดแนบอกพลางลูบหลังอย่างแผ่วเบา “ไนท์ พี่ขอโทษ”
“...” นิศากรยังคงนิ่งงัน ไม่มีเสียงใดหลุดออกจากริมฝีปากของหญิงสาว
บุลินกระซิบปลอบโยนอย่างแผ่วเบา “บอกพี่คนดี บอกพี่ว่าเกิดอะไรขึ้น ให้พี่ช่วยเธอนะ”
ร่างเล็กบอบบางในอ้อมแขนของบุลินสั่นสะท้านหนักกว่าเดิม เธอเริ่มสะอื้น น้ำตาไหลอาบทั้งสองแก้มจนชุ่ม
“คุณพ่อจะให้ไนท์หย่ากับพี่บุ้ง แต่ไนท์ยืนยันว่ายังไงก็จะไม่ยอมหย่า”
“เขาก็เลยทำร้ายเธอใช่ไหม” บุลินยกมือขึ้นลูบไล้บริเวณแก้มที่แดงอย่างแผ่วเบา “เจ็บไหมครับ”
“เจ็บค่ะ” นิศากรเงยหน้าขึ้นมองสามีที่มัวไปหมดเพราะน้ำตาของเธอซึ่งไหลออกมาไม่หยุด
บุลินขบกรามแน่นจนขึ้นเป็นสัน ชายหนุ่มพยายามสงบอารมณ์ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “เรากลับบ้านกันนะ”
นิศากรพยักหน้าอย่างว่าง่าย
เมื่อเห็นดังนั้นชายหนุ่มจึงโทรหาเลอศิลป์ เลขาหนุ่มอยู่ใกล้กว่าคนขับรถของเขามาก เขาที่แทบจะทนอยู่ที่นี่ต่อไม่ได้อีกแม้แต่นาทีเดียวจึงเลือกคนที่ใกล้ที่สุดที่จะพาออกไปจากที่นี่
“ขอโทษที่รบกวนตอนดึกๆ แบบนี้ แต่นายช่วยมารับฉันกับไนท์ที่บ้านของไนท์ที” พอคุยกับเลอศิลป์เรียบร้อยแล้วก็หันมาพูดเสียงอ่อนโยนกับนิศากร “รอแป๊บหนึ่งนะ พี่จะพาเธอไปจากที่นี่ แล้วพวกเราจะไม่มาที่นี่กันอีก”
“แต่ว่า...คุณพ่อจะยอมเหรอคะ”
“เขาจะต้องยอม เพราะพี่จะไม่ยอมให้เขามีโอกาสทำร้ายเธออีก” บุลินโมโหไปหมดแล้ว ขนาดเขามาด้วยชัยกรก็ยังกล้าลงมือ ซึ่งมันหมายความว่ายังไง เขาตั้งใจจะให้นิศากรหย่าให้ได้เลยใช่ไหม ไม่สนใจอีกแล้วว่าทางเขากับคุณย่าจะว่าอย่างไร
เมื่อเลอศิลป์โทรมาบอกว่าถึงแล้ว บุลินก็จูงมือนิศากรลงไปยังชั้นล่าง ตอนนี้ระหว่างเขากับหญิงสาว เธอกลับเดินไม่มั่นคงกว่าเสียอีก
ชัยกรไม่ได้โผล่มาขัดขวางไม่ให้ทั้งคู่กลับบ้าน ซึ่งบุลินคิดว่าก็ดีแล้ว เพราะถ้าโผล่มาเขาคงได้ซัดหน้าอีกฝ่ายแน่
เลอศิลป์รับรู้ถึงบรรยากาศตึงเครียด ชายหนุ่มไม่ได้เอ่ยปากถามเจ้านายซึ่งเป็นญาติกันออกไปว่าเกิดอะไรขึ้น ทำแค่เพียงขับรถและแอบมองบุลินโอบร่างเล็กบอบบางของนิศากรผ่านกระจกมองหลังอย่างเงียบๆ
บุลินมาทำงานด้วยความรู้สึกอึมครึม เลอศิลป์เดาว่าคงเพราะเหตุการณ์อะไรสักอย่างจากเมื่อคืนอย่างแน่นอน
“พี่บุ้งครับ”
“มีอะไร” ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมา
“พี่ดูจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเลยนะครับ” เลอศิลป์วางเอกสารลงตรงหน้าเจ้านาย “เซ็นช่องผิดน่ะ ตรงนี้มันของพี่บี”
“...” บุลินถอนหายใจ
“เมื่อคืนมีเรื่องอะไรที่บ้านน้องไนท์เหรอครับ”
บุลินกำปากกาแน่น เมื่อคิดถึงเรื่องเมื่อคืน ตอนที่กลับมานิศากรก็ยังเอาแต่นิ่งเงียบ แต่เธอกอดเขาเอาไว้แน่นทั้งคืนราวกับกลัวว่าเขาจะหนีหายไปจากเธอ
“ถ้านายไม่ไปรับฉันคงได้ชกหน้าพ่อตาแน่”
“ร้ายแรงขนาดนั้นเลยเหรอครับ” เลอศิลป์ขมวดคิ้ว
“ตาแก่นั่นตบหน้าลูกตัวเอง เขากล้าทำทั้งๆ ที่ฉันอยู่ด้วย” บุลินยิ่งเล่าน้ำเสียงก็ยิ่งใส่อารมณ์
“ทำไมล่ะครับ” เลอศิลป์เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงตกใจ
“ฉันไม่รู้ว่าทำไมอยู่ดีๆ ตอนนี้ถึงได้อยากให้ฉันกับไนท์หย่ากัน ถึงจะได้ข่าวว่าบริษัทพ่อตาฉันกำลังฟื้นตัวแบบดีวันดีคืน แต่ก็ไม่น่าจะมีเงินมาใช้หนี้ได้ในเร็ววันนี้” อยู่ๆ บุลินก็เกลียดที่นิศากรกลายเป็นเหมือนสิ่งของที่มีเงินก็ซื้อได้ อยากเอาคืนก็จะซื้อกลับ บ้าชะมัด เขาชักรู้สึกไม่ดีกับจุดเริ่มต้นความสัมพันธ์ของพวกเขา
“ผมสืบให้ไหมครับ บริษัทพ่อน้องไนท์เนี่ยบังเอิญมีคนรู้จักทำอยู่ เป็นคนวงในด้วย น่าจะรู้เรื่องอะไรอยู่บ้าง”
“ใคร”
“เพื่อนผมเอง เธอเป็นแฟนกับรองประธานบริษัทพ่วงตำแหน่งเลขาน่ะครับ”
คนวงในของเลอศิลป์รู้เรื่องวงในจริงๆ เพราะยังไม่มีการประกาศออกมาอย่างเป็นทางการ
เลอศิลป์กลับมารายงานผลกับบุลิน “คุณชัยกรจะขายหุ้นที่ตัวเองถือให้กับคุณมาริษาครับ รวมกับหุ้นที่ซื้อมาจากคนอื่นอีกนิดหน่อย เธอก็จะกลายเป็นหุ้นส่วนใหญ่ทันทีครับ”
“มาริษาเนี่ยนะ”
“แต่เพื่อนเมาท์ว่าคนที่อยู่เบื้องหลังน่ะคือว่าที่สามีเธอที่เป็นนักธุรกิจชาวต่างชาติ คงอยากให้เป็นของขวัญเธอมั้งครับ เห็นบอกว่ารวยน่าดูเลย หุ้นของบริษัทเล็กๆ แค่นี้ไม่สะเทือนกระเป๋าเงินเลยแม้แต่นิดเดียว”
“จริงๆ เงินที่ย่าฉันให้ยืมไปแทบจะทำให้เป็นหุ้นส่วนใหญ่ได้เลยด้วยซ้ำ ที่ไม่เข้าไปเป็นผู้ถือหุ้น แต่เป็นเจ้าหนี้เฉยๆ เพราะบริษัทนั่นน่ะสร้างมาด้วยน้ำพักน้ำแรงของบรรพบุรุษ ก่อนหน้านั้นพ่อตาฉันถึงยอมทำทุกอย่างเพื่อรักษามันไว้ไง แล้วตอนนี้ทำไมถึงพยายามจะขายเอาเงินมาใช้หนี้ทั้งหมด”
เมื่อบุลินคิดถึงสภาพของคนเป็นพ่อตา เขาก็เดาว่าที่ชัยกรตัดสินใจแบบนี้ก็คงเป็นเพราะสภาพจิตใจที่ไม่มั่นคงของเขานั่นแหละ
“พี่ไปทำอะไรให้พ่อตาเกลียดหรือเปล่าครับ” เลอศิลป์เลิกคิ้ว
“ยังไม่ได้ทำอะไร แต่ในอนาคตรับรองว่าคงเกลียดฉันหนักแน่ๆ เพราะต่อให้เอาเงินมาคืนทุกบาททุกสตางค์ฉันก็ไม่ยอมหย่าหรอก” บุลินทุบกำปั้นลงกับโต๊ะเพื่อระบายอารมณ์
เสียงจากโทรศัพท์มือถือที่ดังขึ้นเรียกความสนใจของทั้งบุลินและเลอศิลป์ บุลินเอื้อมมือไปรับสายจากนิศากร ชายหนุ่มนิ่งฟัง มือกำแน่นกว่าเดิม ตอนนี้ถ้าทุบมือลงกับโต๊ะอีกรอบ ไม่โต๊ะก็มือของเขานี่แหละที่จะแหลก
พอวางสายบุลินก็สบถออกมาเสียงดัง เป็นคำหยาบคายที่เลอศิลป์ไม่เคยได้ยินชายหนุ่มพูดตอนอยู่บริษัท
“เกิดอะไรขึ้นกับน้องไนท์เหรอครับ” เลอศิลป์ทันเห็นว่าคนที่โทรมาคือนิศากร
“ตาแก่ตัวดีพยายามจะฆ่าตัวตาย ตอนนี้เมียฉันเลยต้องรีบไปเยี่ยม”
คำบอกเล่าของบุลินทำให้คนฟังขมวดคิ้ว เรื่องพยายามฆ่าตัวตายเกี่ยวกับเรื่องหย่าหรือเปล่า ไม่เข้าใจว่าทำไมคนเป็นพ่อตาถึงอยากจะให้ลูกสาวกับลูกเขยที่รักกันดีหย่ากัน เขาได้แต่ส่ายหน้ากับปัญหาของบุลิน นึกคำปรึกษาดีๆ ไม่ออกเลย
ตอนพิเศษ คนที่แสนโชคดี บุลินนอนมองคุณแม่ของลูกสาวทั้งสองซึ่งยังหลับสนิท เพราะวันนี้เป็นวันหยุดของลูกๆ รวมถึงของเขาด้วย เธอจึงไม่ต้องรีบตื่นเพื่อเข้าครัวทำมื้อเช้าให้กับทุกคน เธอปรือตาขึ้นมองสามี แต่ไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่มองนิ่งๆ เท่านั้น บุลินอดใจไว้ไม่ไหวจึงยื่นหน้าไปจูบหนักๆ ลงบนหน้าผากของคนที่ยังไม่ตื่นเต็มตา ลูกสาวคนโตนอนหลับอยู่ในห้องส่วนตัวของเธอ ส่วนคนเล็กไปนอนค้างกับบวรและปภาดา ดังนั้นตอนนี้พวกเขาจึงมีเพียงกันและกันอยู่บนเตียงกว้าง ช่างเป็นยามเช้าที่แสนเย้ายวนใจ “น้องไนท์ถุงยางอนามัยหมดแล้ว” บุลินก้มลงกระซิบ มือก็ลากไล้ไปตามเอวของหญิงสาวที่ขยับขยายกว้างขึ้นเล็กน้อยเพราะผ่านการเป็นคุณแม่มาแล้ว นิศากรพยักหน้ารับรู้เบาๆ เขาอมยิ้ม “ถ้าไม่ใช้ก็อาจจะท้องอีกนะครับ” คนฟังขมวดคิ้ว ตอนแรกเธอไม่ได้คิดอะไร แต่พอได้ยินอีกประโยคสติก็เริ่มแจ่มชัด “พี่บุ้งอยากมีอีกคนเหรอคะ” “เจ้าขาก็โตแล้ว จันทร์เจ้าก็ถูกพี่บีแย่งไป เหงาน่ะไม่มีใครให้อุ้มเลย” “ลูกมากจะยากจนนะคะ” นิศากรหัวเราะคิกคัก
ตอนพิเศษ เมื่อพบกันอีกครั้ง ลูกสาวคนโตวัยเกือบเจ็ดขวบกว่านั้นไม่เคยมาขอนอนด้วยอีกเลยตั้งแต่มีห้องส่วนตัวเป็นของตัวเองส่วนลูกสาวคนเล็กที่อายุเพิ่งครบห้าปีก็แทบจะไปนอนกับบวรและปภาดาวันเว้นวัน ดังนั้นสองสามีภรรยาจึงมีเวลาส่วนตัวในยามค่ำคืนอยู่มาก นิศากรหวีผมเรียบร้อยแล้วก็ปีนขึ้นเตียงไปหาสามีที่กำลังอ้าแขนรอ เธอซบหน้ากับอกของชายหนุ่มพลางหายใจเอากลิ่นหอมจากกายสามีเข้าเต็มปอด “มีอะไรครับ” บุลินเอ่ยถามเพราะรู้สึกได้ถึงอาการกังวลใจของภรรยา “เดย์บอกว่าคุณพ่ออยากเจอไนท์ค่ะ” อ้อมแขนแข็งแรงกอดกระชับแน่นขึ้น “อยากเจอหรือเปล่าครับ” เธอพยักหน้า “เดย์บอกว่าคุณพ่อกังวลมากและคิดอยู่นานว่าจะเจอไนท์ดีหรือเปล่า” หญิงสาวถอนหายใจ “ไนท์จะเริ่มต้นใหม่กับคุณพ่อได้ไหมคะ มันจะราบรื่นหรือเปล่า” “ยังไงก็มีเจ้าขากับจันทร์เจ้าอยู่นะครับ คุณพ่อเอ็นดูสองคนนั้นจะตายไป” บุลินพาลูกสาวทั้งสองคนไปเยี่ยมชัยกรอย่างน้อยเดือนละครั้ง “ลูกต้องช่วยให้บรรยากาศระหว่างเธอกับท่านเป็นไปอย่างราบรื่นแน่” “ไนท์ก็หวังว่าจะเป็นอย่างนั้นค่ะ” “ยังไงก็
ตอนพิเศษ ดุจจันทรา ดุจจันทราหรือน้องจันทร์เจ้าของทุกคน ลูกสาวคนที่สองของบุลิน เป็นเด็กคลอดก่อนกำหนด ทำเอาทุกกังวลใจกันไปหมด แต่หลังจากออกจากตู้อบมาแล้ว ร่างกายก็แข็งแรงดี เพียงแต่เจ้าตัวกลับติดบวรมากกว่าคนเป็นพ่ออย่างบุลินเสียอีก ดังนั้นจึงกลายเป็นพ่อบี พ่อบุ้งไปโดยปริยาย “พรุ่งนี้จันทร์เจ้าจะไปโรงเรียนเป็นวันแรก พี่บีจะไปส่งลูกไหมคะ” ปภาดาซึ่งนั่งหวีผมอยู่หน้ากระจก หันมาถามสามีเมื่อเห็นว่าเขาออกมาจากห้องน้ำแล้ว “พี่ว่าจะไม่ไปหรอก” บวรรับหวีมาจากมือของปภาดาแล้วช่วยแปรงผมให้อย่างเบามือ “อ้าวทำไมล่ะ ลูกไปโรงเรียนวันแรกเลยนะ ไอ้บุ้งก็บอกว่าต้องลองไปสัมผัสดู ครั้งเดียวในชีวิตเลยที่ลูกจะมีวันนี้” ปภาดาฟังประสบการณ์ครั้งแรกของบุลินที่ไปส่งดั่งบุหลันลูกสาวคนโตแล้วตื่นเต้นอยากไปบ้าง “ไม่อยากเห็นน้องจันทร์เจ้าร้องไห้น่ะค่ะ” “โอ๊ย พ่อบี น้องจันทร์เจ้าเก่งจะตายไป ไม่ร้องหรอก” “ต้องร้องแน่ๆ ไม่มีเด็กคนไหนไม่ร้องหรอก ขนาดไอ้บุ้งยังร้องไห้จ้าอยู่เป็นอาทิตย์ๆ” ปภาดาหัวเราะคิกคัก “ปอนด์จำได้ ร้องจนปอนด์รำคาญ แต่เด็กที่ไม่
ตอนพิเศษ ดั่งบุหลัน “เจ้าขาคนดีของพ่อบุ้ง ทำไมถึงไม่อยากไปโรงเรียนล่ะครับ” บุลินถูกภรรยาวานให้มากล่อมลูกสาวคนโตที่งอแงไม่ยอมไปโรงเรียน ชายหนุ่มเท้าคางนอนตะแคงอยู่ข้างลูกสาวที่ขดตัวอยู่ใต้ผ้าห่มนิ่ง แม้ว่าจะพูดอะไรก็ไม่ยอมตอบกลับมาสักคำ “ลืมทำการบ้านหรือเปล่า กลัวคุณครูดุก็เลยไม่อยากไปโรงเรียนเหรอครับ” บุลินพยายามคาดเดาเหตุผลที่ลูกสาวไม่อยากไปโรงเรียน “หรือว่าถูกใครแกล้ง” พอพูดออกไปเขาก็ขมวดคิ้ว เท่าที่ผ่านมาไม่มีเด็กกล้ารังแกลูกเขาหรอก เคยทำคนที่มาแกล้งจนฟันน้ำนมหักเลยด้วยซ้ำ เหตุผลนี้คงไม่ใช่ “เราเคยสัญญากันแล้วไม่ใช่เหรอครับว่ามีอะไรก็จะบอกพ่อบุ้ง เจ้าขาก็รู้ว่าพ่อเก็บความลับเก่งที่สุดเลย” คนร่างจิ๋วภายใต้ผ้าห่มขยับตัวยุกยิก บุลินใจชื้นที่ลูกสาวมีปฏิกิริยาสักที เขารอคอยอย่างอดทนให้ลูกสาวออกมาคุยกันดีๆ แต่แล้วกลับนิ่งไปอีก “เอ๊ะ หรือว่าจริงๆ แล้วป่วย” บุลินพยายามจะดึงผ้าห่มออกจากตัวของลูกสาว “พ่อหนูไม่ได้ป่วยนะ” น้ำเสียงเล็กๆ ที่ตอบกลับมานั้นฟังอู้อี้ “แล้วทำไมไม่อยากไปโรงเรียนล่ะครับ” “ก็มัน...เสียใจ เจ
ตอนที่ ๒๓ ถึงคนเป็นพ่อจะยังไม่หายดีและยังไม่พร้อมเจอกับนิศากร แต่เรื่องที่ยอมให้อยู่กับบุลินได้อย่างเดิมก็ถือว่าเป็นความก้าวหน้าทางด้านอารมณ์ของชัยกรไปในทางที่ดี อย่างน้อยๆ เธอก็ไม่ต้องเผชิญกับอารมณ์เดี๋ยวรัก เดี๋ยวเกลียดของอีกฝ่ายอีกต่อไปแล้ว พอเดินพ้นประตูบ้านเข้าไปด้านในโดยมีมือของบุลินที่กอบกุมมือเธออยู่ ก็พบว่าทุกคนในครอบครัวของเขาอยู่ที่นั่นเพื่อรอต้อนรับการกลับมาของเธอ รวมทั้งน้องสาวฝาแฝดอย่างทิพากรด้วย ซึ่งวันนี้ถูกแต่งหน้าจนสวยกว่าทุกที ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเป็นฝีมือของปภาดาอย่างแน่นอน นิศากรเดินเข้าไปหาแสงรุ้งเป็นคนแรก หญิงชราเอ่ยด้วยน้ำเสียงปลอบโยน “ขวัญเอ๋ย ขวัญมา” แล้วจับมือของหญิงสาวมาบีบเบาๆ “จากนี้ต่อไปก็ขออย่าให้มีอะไรมาพรากเธอไปจากหลานชายฉันอีกเลย” “คงไม่มีแล้วค่ะ ยกเว้นพี่บุ้งจะเบื่อไนท์” “ไม่มีวันนั้นหรอกน่า” บุลินแทรกขึ้นมาทันที “ย่าก็ว่าอย่างนั้นแหละ” หญิงชรายังคงไม่ยอมปล่อยมือของคนอ่อนวัยกว่าและเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง “แล้วคราวนี้ฉันก็จะไม่ยอมแน่” “นั่นสิ คราวนี้ไม่มีใครยอมหรอกนะน้องไนท์” ปภาดาเบ
ตอนที่ ๒๒ “เราว่าเนื้อเรื่องดูสดใสขึ้นนะ” คเชนทร์ที่ได้รับอนุญาตให้อ่านพล็อตของเพื่อนก่อนใครให้คำวิจารณ์กับเพื่อนสนิท นิศากรยิ้มจนตาหยี “ดีกว่าเดิมใช่ไหม” “เราก็คิดว่าดีกว่าเดิมนะ เหมาะกับลายเส้นน่ารักๆ ของเธอด้วย แถมพระเอกนิสัยสามีแห่งชาติขนาดนี้ เขียนให้เป็นแนวรักไปเลยน่าจะผ่านนะ” เพราะว่าพล็อตคราวก่อนไม่ผ่านจึงต้องมาปรับกันใหม่ “แล้วนี่ อยู่คนเดียวโอเคใช่ไหม” “โอเค เราอยู่ได้ไม่ต้องห่วง แต่ว่าจริงๆ แล้ว พี่บุ้งมาหาทุกสองสามวันเลยแหละ ไม่ค่อยเหมือนอยู่คนเดียวสักเท่าไหร่” คเชนทร์ได้ฟังแล้วก็หัวเราะ เมื่อนึกถึงสามีของเพื่อนที่หย่ากันเพราะความจำเป็น แต่ทั้งสองยังรักกันดีจนเขาอดอิจฉาไม่ได้พอคิดถึงแฟนที่เพิ่งเลิกกันไปก็น้อยใจในโชคชะตาของตัวเอง “เอ๊ะ นั่นน้องสาวเธอหรือเปล่า” นิศากรหันหน้าไปตามสายตาของคเชนทร์ ก็พบว่าทิพากรเดินเคียงมากับชายหนุ่มร่างสูงท่าทางดูดีมากคนหนึ่ง เธอจำได้ว่านั่นคือยามที่เคยเป็นกระแสในโลกโซเชียลของโรงแรมบุลินซึ่งทำให้ยอดจองช่วงหนึ่งมากขึ้นจนน่าตกใจ “สองคนนั้นสนิทกันเหรอเนี่ย” นิศากรเลิก