การกลั่นแกล้งและทำร้ายใครสักคน
ไม่ใช่กีฬา ไม่ใช่เกม แต่มันคือการทำลายหนึ่งชีวิต
และคนที่ทำร้ายผู้อื่นด้วยวาจาและการกระทำ ก็ไม่มีวันเป็นผู้ชนะอยู่ดี
-ฮาลาปัญ-
******************
3 ปีผ่านไป
ใจกลางเมืองนิวยอร์ก สาวผมยาวลอนสีน้ำตาลคาราเมลปั่นจักรยานโบกมือทักทายเพื่อนบ้านขณะที่หญิงสาวรีบเดินทางไปรับวุฒิการศึกษาด้วยจักรยานคู่ใจ หลังจากที่พ่อของเธอรักษาตัวร่วมเกือบหกเดือนและหายจนกลับมาแข็งแรงเหมือนคนปกติ เธอก็ส่งพ่อกับพี่เรน ลูกพี่ลูกน้องของเธอกลับไปเมืองไทย และเริ่มต้นชีวิตที่เมืองใหม่ซึ่งเป็นบ้านเกิดของแม่และเธอยาวนานมาร่วมสามปีเต็ม และวันนี้ก็เป็นวันสุดท้ายที่เธอจะได้เดินทางกลับไปประเทศที่เติบโตมาเป็นดาเนีย ประมะเมคินทร์
"หนูเนียจะกลับแล้วเหรอจ๊ะ"
"ใช่ค่ะ" ป้าข้างบ้านเอ่ยทักขณะที่หญิงสาวกำลังลากกระเป๋าใบใหญ่ออกมาอย่างถูลู่ถูกัง
"โชคดีนะหนู มีเวลาก็แวะมาเที่ยวที่นี่บ้างนะ"
"ได้เลยค่ะคุณป้า"
"คุณเนียครับรถพร้อมแล้วครับ" บอดี้การ์ดรุ่นลุงของพ่อที่เธอไม่เคยเห็นหน้ามาก่อนถูกส่งมาดูแลเธอตลอดสามปีนี้ และเขาก็เป็นทุกอย่างตั้งแต่งานครัว เย็บปักถักร้อย จนเธอแทบจะเป็นง่อยเลยทีเดียวระหว่างที่ใช้ชีวิตอยู่ที่ต่างประเทศ
เพราะอาการเจ็ทแล็คทำให้ดาเนียที่เดินทางมาถึงประเทศไทยรู้สึกอ่อนเปลี้ยเพลียแรง ทำให้หัวที่สั่นงึกงักไหลลงจากเบาะรถและเธอก็นอนหลับไปทั้งแบบนั้น พอรู้ตัวอีกทีก็ตื่นขึ้นมาอยู่ภายในอะพาร์ตเมนท์ของตัวเองที่จากไปถึงสามปี เธอขยี้ตาไปมาเพื่อปรับสายตาที่พร่าเลือนให้คมชัดขึ้น ลุกขึ้นยืนบิดขี้เกียจเล็กน้อย
ดาเนียกวาดดวงตาไปรอบ ๆ ห้องและเห็นว่ามีปิ่นโตตั้งอยู่บนโต๊ะกินข้าวพร้อมกับโน้ตที่เขียนว่า 'กินให้อิ่ม' แต่กลับไม่ได้บอกไว้ว่าเป็นฝีมือของใคร "หรือจะเป็นแม่นมปีป หรือคุณอรุณฉาย บอดี้การ์ดพ่อ หรือพี่เรน เฮ้อ..ช่างมันเหอะหิวจะตายอยู่แล้ว ว่าแต่ใครอุ้มเรามานอนที่ห้องกัน"
ขณะที่ดาเนียกำลังเอร็ดอร่อยกับมื้ออาหารในปิ่นโตลึกลับปริศนา โทรศัพท์ของพิรุณก็ดังขึ้น ดาเนียอมยิ้มรีบกดรับแก้มบวมข้างหนึ่งเพราะอมหมูทอดเอาไว้ในปาก
"มียายยยคะพี่เรน" ทักเสียงใสเคี้ยวแง่บ ๆ จนแก้มพองเหมือนอึ่งอ่าง
"กลับมาแล้วเหรอ อยู่ไหนเนี่ย กินข้าวยัง เหนื่อยหรือเปล่าให้พี่กับพี่ลินไปหาไหม" พี่เรนทำไมพูดจาแปลก ๆ ถ้าไม่ใช่เขาอุ้มเธอเข้ามาส่งในห้องและเตรียมของกินอร่อยนี้ให้ แล้วมันเป็นฝีมือใครกัน
"เนียนึกว่าพี่เรนอุ้มเนียมาที่ห้องซะอีก กับปิ่นโตนี่ด้วยไม่ใช่ฝีมือพี่เรนเหรอคะ" ดาเนียย้อนถามอย่างสงสัย
"ใช่พี่ที่ไหนล่ะ คนอื่นล่ะมั้ง" พิรุณยิ้มกริ่มกับปาลิน ทั้งสองส่งซิกกระซิบกระซาบขณะที่ลูกแฝดทั้งสองก็กำลังปีนป่ายหัวพ่อแม่อย่างอยากรู้อยากเห็น
"อาแช้คคคค่าอาแช้ค" เสียงของพราวมนต์แล่บเข้ามาในโทรศัพท์ จนดาเนียตะขิดตะขวงใจกับชื่อที่หลานตัวน้อยเพิ่งเอ่ยเรียก
"ว่าไงนะจ๊ะน้องมนต์ หนูว่าไงน้า"
"ไม่มีไรเนีย พราวมนต์เล่นไฟแช็คอยู่น่ะ อันตรายมากเลยเดี๋ยวพี่ไปดูลูกก่อนนะ บ๊ายบ้าย" พิรุณรีบตัดบทดื้อ ๆ ดาเนียเลิกคิ้วสูงแต่เพราะท้องยังหิวอยู่จึงได้กลับมาสวาปามข้าวหน้าหมูทอดต่อโดยไม่คิดอะไร
***************
หลังกินเสร็จดาเนียคิดว่าจะไปเดินเล่นที่ห้างเสียหน่อยเธอจึงแอบหนีไปโดยไม่ได้บอกคุณอรุณฉาย บอดี้การ์ดของพ่อ เพราะเธอก็อยากใช้เวลาส่วนตัวบ้าง ถ้ามีคนตามประกบแบบนี้เธอก็อึดอัดอยู่เหมือนกัน
สาวในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนส์ที่แต่งตัวธรรมดา เหมือนวัยรุ่นทั่วไปพุ่งตรงเข้าไปในร้านกระเป๋าหรู และเห็นกลุ่มผู้หญิงกลุ่มนึงที่คุ้นหน้าคุ้นตา คล้ายกับคนกลุ่มนั้น กลุ่มคนที่เคยรังแกเธอสมัยอายุ 17 ปี
ดาเนียกลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดเคืองเดินสำรวจดูกระเป๋าอย่างเงียบ ๆ ทว่าจังหวะที่เธอจะเอื้อมหยิบกระเป๋าสีดำใบสวย มือกับไปชนเข้ากับมือของผู้หญิงอีกคน และเธอจำได้แม่นว่าผู้หญิงคนนี้ก็คือหัวโจกของกลุ่มที่บูลลี่เธอในตอนนั้น ทว่าภาพในอดีตนั้นมันก็ผุดขึ้นมาทำให้สองขาแข็งทื่อและชาไปหมด
"เอ๊ะ...เธอนี่หน้าคุ้น ๆ หน้าลูกครึ่งแบบนี้ ใช่ยัยดาเนียหรือเปล่า"
"เอ่อ...ใช่ฉันเอง ขอตัวก่อนนะ" ดาเนียรีบตอบและรีบเดินหนีแต่กลับถูกมือของอีกสามสาวจากทางด้านหลังกระชากสายกระเป๋าเข้าไปหา
"มีอะไรกับฉัน" นัยน์ตากลมตวัดมอง เธอยอมมามากแล้วเธอจะไม่ยอมให้นังพวกนี้มารังแกเธอได้อีก
"ก็กระเป๋าของเธอที่สะพายอยู่มันรุ่นลิมิเต็ดนี่ สวยดีก็เลยอยากจับดู" แยม หัวโจกสมัยม.ปลายเอ่ยแล้วบีบคางของเธอแล้วจิกด้วยปลายเล็บแหลม
"ปล่อยฉันนะ พวกเธอไม่กลัวใครเห็นเหรอ ที่นี่มันห้างนะ"
"ปล่อยมันไปก่อน" แยมกระซิบหูเพื่อนในแก็งแล้วปล่อยดาเนีย
"ปล่อยก็ได้" ดาเนียโดนผลักจนเกือบเซล้ม แล้วสับขาออกจากห้าง โดยไม่รู้ว่าโดนพวกมันหลอกให้ตายใจ
ขณะที่ดาเนียลงไปเรียกแท็กซี่ที่ชั้นหนึ่งของห้าง
ผลั่ก!
"โอ้ย อะไรกันเนี่ย ยังจะตามมารังแกกันอีกเหรอ"
ตัวของเธอถูกรั้งให้เดินตามสี่สาวไปอย่างไม่มีทางเลือกเพราะปลายเล็บแหลมของแยมที่จิกลงมาบนข้อมือของเธอมันทำให้เธอสลัดไม่หลุด พอมาถึงระหว่างรถสองคันของเพื่อนในกลุ่ม ร่างกายของดาเนียก็ถูกผลักให้ล้มลงจนหัวโขกเข้ากับกันชนปูนที่จอดรถ
สาวลูกครึ่งรู้สึกได้ว่าหัวของเธอปูดเป็นลูกมะนาว ตอนนี้เธอมึนหัวไปหมด ไหนจะอาการเจ็ทแลคที่ยังไม่หายไป แล้วยังมาเจออริเก่าสี่ตัวนี้อีก
"พวกเธอมันชั่วไม่เปลี่ยน สารเลวไม่เคยหยุดหย่อน ไม่รู้ว่าโตมาเป็นคนได้ยังไง น่าจะไปเป็นสัตว์ในนรกมากกว่า"
เผียะ! เผียะ!
ใบหน้าที่อ่อนแรงหันไปตามแรงฟาดของฝ่ามือ น้ำตาใสรินอาบที่ปลายหาตาด้วยความเจ็บใจ เมื่อก่อนก็แบบนี้ครั้งหนึ่ง เธอก็ยังคงจำช่วงเวลานั้นได้ดี จำได้ทุกวินาทีที่ถูกคนเลวพวกนี้รังแก เธอไม่เคยลืม แต่ก็ไม่คิดว่าฝันร้ายนั้นวนเวียนมาหาเธออีกครั้ง
"ทำไม...ต้องทำกับฉันแบบนี้ ทำไม...โอ๊ย!" ผมสลวยสีน้ำตาลถูกกระชากจากทางด้านหลังใบหน้าบวมแดงจากรอยฝ่ามือเชิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
"เพราะแกมันอภิสิทธิ์เยอะกว่าทุกคนไง ทั้งรวยทั้งสวยใคร ๆ ก็รุมจีบกัน เรียนก็เก่ง ดูสิครบเครื่องไปหมด พวกฉันก็อิจฉาน่ะสิแล้วพอพวกฉันไม่มีอย่างเธอ ก็ต้องหาทางกำจัดเธอออกไปให้พ้นลูกกะตา" ตอนนี้เธออยากจะถีบหน้ามันให้หงายแต่พวกมันเล่นหมาหมู่ทั้งล็อคแขนล็อคขาเธอจนแน่นแทบจะขยับเขยื้อนตัวไม่ได้
"ก็พวกเธอมันไม่รู้จักขวนขวายกันเองนี่ ฉันไม่ได้ผิดซะหน่อย"
"ขวนขวายอะไรกัน เธอมันเกิดมาบนกองเงินกองทอง จะไปรู้จักความยากดีมีจนอะไรวะ!!"
เผียะ! เผียะ!
ปากอิ่มถูกตบจนเลือดไหลซิบตอนนี้เธอรู้สึกว่าทั้งเนื้อทั้งตัวมันระบมไปหมด จนแทบจะหมดเรี่ยวแรงลุกขึ้น
"เฮ้ยพวกคุณทำอะไรกัน รังแกคนเหรอ" โชคดีที่รปภ.ห้างเดินมา
"ฉันเอาไปนะกระเป๋าใบนี้" แยมชูกระเป๋าของเธอขึ้นและเป็นกระเป๋าที่เฮียแซ็คออกเงินให้กับเธอ ของในกระเป๋าถูกเทกระจาดจนกระจัดกระจายเต็มพื้นไปหมด เธอคลานเก็บของขึ้นมาน้ำตาร่วงเผาะ ๆ รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจกับความเฮงซวยของชีวิต ถึงเธอจะกินดีอยู่ดี แต่เพื่อน ๆ ดีสักคนแทบจะหายากดั่งงมเข็มในมหาสมุทร
"คุณครับ เป็นอะไรไหมครับ" รปภ.แก่ประคองเธอขึ้นมา
"โอเคค่ะ" ดาเนียทำสัญลักษณ์นิ้วว่าโอเคส่งให้ "เรียกแท็กซี่ให้หนูหน่อยนะคะ"
"สภาพคุณควรไปโรงพยาบาลนะครับ"
"ไม่เป็นไรค่ะชินซะแล้ว พอดีเกิดมาในตระกูลแยงกี้ค่ะเจอเรื่องตีรันฟันแทงบ่อย สิว ๆ ค่ะ" ดาเนียแค่นยิ้ม
การจากลูกจากเมียเกือบสองเดือนทำให้สุริยะปล่อยผมเผ้ายาวรุงรังไม่ต่างกับโจรป่าห้าร้อย ความโฉดและความโหดที่ลือกระฉ่อนอยู่ก่อนแล้วทำให้รูปลักษณ์ภายนอกของเขาน่ากลัวขึ้นไปอีก เวลาเดินผ่านลูกค้าที่คาเฟ่บนร้านหนังสือ ชายหญิงทั้งหลายต่างผงะมองค้างไม่คิดว่าจะเจอทาร์ซานหลงมาเดินอยู่ใจกลางเมืองแสงสีเช่นนี้ใบหน้าเคร่งขรึม ดวงตาอิดโรยอ่อนล้าปรากฏขึ้นฉาบความหล่อเหลาจนเห็นชัด เพียงแค่ตวัดหางตาไปยังกลุ่มลูกค้าสาวที่นั่งอยู่มุมโต๊ะด้านในสุด พวกเธอก็สะดุ้งเฮือกพร้อมกันโดยมิได้นัดหมายตอนนี้เขาก็ไม่ต่างจากสุริยะทมิฬที่ถูกหลุมดำดูดดึงเข้าไป ตั้งแต่วันนั้นที่ตัดสินใจให้ดาเนียไปอยู่ไกลถึงนิวยอร์กกับพ่อตา เธอก็ได้แต่พยักหน้ายอมรับเหตุผลแต่โดยดี แต่เขากลับสังเกตเห็นดาเนียนอนตะแคงร้องไห้พยายามเก็บเสียงสะอื้นไม่ให้เล็ดลอดทั้งที่ปากก็บอกว่าจะยอมไปคลอดลูกอยู่ที่โน่น แต่วันก่อนหน้าที่จะเดินทางไปกลับไม่คุยเล่น ไม่ให้เขาจับหรือหอมใด ๆ ทั้งสิ้น บอกเพียงแค่ว่า 'เนียกลัวตัวเองไม่กล้าปล่อยมือเฮีย' เธอพูดขึ้นมาแค่นั้น แล้วก็เดินไปกลับกลุ่มบอดี้การ์ดของพ่อตา ไม่ยอมหันหน้ามายิ้มหวานอย่างที่ชอบทำวินาทีก่อนลากันเมื่อแผ่นห
การแต่งงานผ่านพ้นไปอย่างสวยงามแม้ในคืนแต่งเจ้าบ่าวตัวดีจะไปเมามาย แต่คืนนั้นสุริยะก็โอบกอดภรรยาคนสวยของตนไม่ยอมปล่อย ยิ่งท้องของดาเนียใหญ่ขึ้นเขาก็ยิ่งหวนแหนและวิตกจริตกว่าใคร โดยเฉพาะทุกครั้งที่เขากำลังจะมีความสุข มันจะมีลางสังหรณ์ว่าความทุกข์กำลังจะมาเยือน*********************************** สำนักอัญฏรญามี สุริยะไปหาอาจารย์เธียร หมอดูญาณทิพย์คนดังพ่อของพณาธีร์เพื่อปรึกษาเกี่ยวกับดาเรศ พี่สาวต่างแม่ที่ลึกลับของภรรยา"พวกเธออาจจะมีเหตุต้องจากกันไปสักพัก แต่จากกันครั้งนี้มันจะไม่มีอะไรที่หนักหนาอีก ก็อาจเจอเรื่องน่าหงุดหงิดบ้างแต่ก็ดีกว่าปล่อยให้เกิดเรื่องเลือดตกยางออกนะแซ็ค" อาจารย์เธียรนั่งขัดสมาธิพูดด้วยสีหน้าจริงจัง"หมายถึงอะไรครับพ่อ""บอกหมดเลยไม่ได้หรอก มันเป็นกฏ บางครั้งเธอก็ต้องฟังหูไว้หู เธอเชื่อฉันได้ ไม่เชื่อก็ได้ แต่อย่างไรก็จงฟังไว้เป็นแนวทางเพื่อป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น หรืออาจจะไม่เกิดขึ้นก็ได้ แต่ยังไงวันนี้เธออกจากสำนักฉันไปก็ระวังผู้หญิงคนนั้นที่ชื่อดาเรศไว้ วันนี้หล่อนจะมาคุยบางอย่างกับเธอ"อาจารย์เธียรทิ้งทวนประโยคอย่างเป็นปริศนา สุริยะที่นั่งอยู่เบาะหลังรถ
หาดพัทยา สุริยะกับดาเนียเลือกจัดงานแต่งแบบเรียบง่ายที่มีแขกเหรื่อมาร่วมงานเพียงห้าสิบคน รวมทั้งเพื่อน ๆ ในกลุ่มบรรณาธิการมาเฟียที่ควงภรรยาของตัวเองมาเปิดตัวในงานแต่งด้วย สาว ๆ ทั้งหกคนได้พบกันและคุยกันอย่างออกรสออกชาติที่โต๊ะเลี้ยงฉลองริมทะเล แต่กระนั้นสิ่งที่ทำให้ดาเนียอึ้งที่สุดคือ ยัยเหมียวเพื่อนสนิทกลับกระหนุงกระหนิงเคลียคลอมาพร้อมพนาธีร์เจ้าสาวรีบลากเหมียวมานั่งร่วมวงสนทนากับเหล่าภรรยาของเพื่อนพี่ชาย และเริ่มเปิดประเด็นถามไถ่ความจริงจากปากของเพื่อนรักที่ไม่ได้เจอกันครึ่งค่อนปี แต่พอชวนให้มางานแต่งของเธอกับเฮียแซ็ค ยัยเหมียวดันควงแขนมากับพี่ป่าแบบงง ๆ"แกไปคบกับพี่ป่าตอนไหน เล่ามาเดี๋ยวนี้" ดาเนียจิกตาส่งให้เหมียวที่กำลังทำหน้าอ้ำอึ้งไม่รู้ว่าจะเริ่มเล่าจากจุดไหนก่อน"ก็คบกันหลังจากที่ฉันบินมางานเปิดตัวสตูดิโอแกนั่นแหละยัยเนีย พี่ป่าเขาไปตามตื๊อฉันถึงนอร์เวย์ แล้วฉันก็กลับมาดูแลกิจการที่เมืองไทยแทนแม่ก็เลยได้มีโอกาสศึกษาดูใจกัน" เหมียวพูดไปเขินไป"แล้วน้องเหมียวกลัวเจ้าดงดิบของพี่ป่าไหม พี่เรนพาไปบ้านพี่ป่าทีไรพี่ตกใจเจ้าตัวนั้นทุกที ฮื่อ...ขนลุก" ปาลินเล่ายกมือขึ้นกอดตัวเอง"ทำ
"ยุบหนอ! พองหนอ! สติสติ! ฮู่ว...."ท่องในใจหลับตาข่มอารมณ์ที่กำลังวาบหวามจนหัวหมุนติ้วจากฝ่ามือซุกซนที่กำลังเลื้อยไปทั่วเนื้อตัว"เฮียถึกขึ้นนะคะ แสดงว่าระงับความหื่นได้แล้ว ต่อไปมีผู้หญิงมาอ่อยเฮียจะได้ไม่ไปสอยเข้าร่วงเหมือนเมื่อก่อน" กระซิบแล้วงับลงมาที่ใบหูจนขนแขนพากันลุกตั้งโดยมิได้นัดหมาย "เนียวันนี้เฮียต้องทำงานดึกนะ" พูดไปกำผ้าขนหนูแช่เย็นจนเส้นเลือดปูดขึ้นบนหลังมือ ดาเนียกระตุกยิ้มสะใจที่ได้กลั่นแกล้ง"ปกติเฮียชอบกินรอบดึกไม่ใช่เหรอคะ วันนี้นึกยังไงไม่กินซะแล้ว แต่ทำงานแทน สงสัยของเฮียคงจะเหี่ยวแล้วแน่เลย""ของเฮียไม่ได้เหี่ยวนะ แข็ง แน่น และฟิตมากไม่เชื่อจับดูสิ"หมับ!!"อึ้มจริงด้วยค่ะ" มือข้างหนึ่งของภรรยาตะปปเข้าที่เป้ากางเกง "เนีย....ขอร้องอย่า" หลับตาวิงวอนขอกล่องดวงใจที่กำลังแข็งขืนในกำมือคืนมากจากดาเนีย"อย่าหยุดเหรอคะ ว่าไงล่ะ พูดให้ชัดเจนหน่อยสิ เนียไม่ค่อยเข้าใจเลยอ่ะ" มือที่ว่างอีกข้างนวดบั้นท้ายสามีแล้วขยำแรง ๆ จนคุณพ่อบ้านสะดุ้งโหยง"ตัวแสบปล่อยเฮียเถอะนะคะ" ปากหวานระดับสิบแสดงว่าคงมุ่งมั่นตั้งใจในการขอแต่งงานมากจริง ๆ "ปล่อยแล้วค่ะ" บอกแล้วรีบสวมเสื้อผ้าให้มิ
สำนักหมอดูอัญฏรญามีสุริยะถูกพนาธีร์รบเร้าให้มาดูฤกษ์กับพ่อของตนเองที่สำนัก ปกติไปที่ไหนก็จะต้องได้จิบกาแฟ แต่มาสำนักไอ้ป่าต้องจิบน้ำมนต์ทุกที ไม่นานนักพ่อของเพื่อนซี้เดินเข้ามาพร้อมกับแผ่นกระดาษที่จดฤกษ์มงคลในการขอดาเนียแต่งงานไว้เรียบร้อย ดวงตาคมตวัดมองไปที่กระดาษแล้วหันขวับไปหาบิดาของเพื่อนอีกครั้งอย่างไม่แน่ใจ"ขอแต่งตอนตีหนึ่งเหรอครับ ไม่มีฤกษ์อื่นแล้วเหรอครับคุณพ่อ""ดวงพวกเธอสองคนมันไม่ค่อยปกติแบบชาวบ้านเขา ยิ่งเจ้าป่าประหลาดเลยแหละ" อาจารย์เธียรเหลือบมองหน้าลูกชายหัวแก้วหัวแหวนผู้สืบทอดสำนักคนต่อไป"ของกูนะไอ้แซ็ค ไปเดทที่ป่าช้า ขอแต่งที่กุฏิหลวงปู่ธร สงสัยถ้าน้องเหมียวท้อง สงสัยได้ไปคลอดในถ้ำหมีแน่"ป้าบ!!ฝ่ามืออรหันต์ของอาจารย์เธียรฟาดลงมาบนหัวของลูกชาย สุริยะสะดุ้งเฮือกมองพ่อลูกคู่พิลึกแล้วรีบขอตัวกลับก่อนจะได้ฤกษ์มงคลที่แปลก ๆ มาอีกชายหนุ่มนัดแนะกับพ่อบ้านศิวดล และอรุณฉายรวมทั้ง จิตตรีป้าพยาบาลพิเศษให้ช่วยกันล่อดาเนียไว้อย่าให้มายุ่งแถวสวนหลังบ้านเพราะเขากำลังตกแต่งประดับประดาหลอดไฟสวยงามพาดไปกับต้นหางนกยูง สถานที่ประทับจิตประทับใจที่เขาปลุกเร้าภรรยาจนเป็นลมและทำให้รู้ว่
"อ๊ะ....อื้อเฮียบ้า" ดาเนียพยายามถดตัวหนีจากนิ้วร้ายที่ทะลวงเข้ามาไม่ยั้ง แต่หนียังไงก็หนีไม่พ้นอยู่ดี"เฮียขอร้องนะเนีย มีอะไรก็พูดกับเฮียตรง ๆ ได้ไหมคะเราถือเป็นคน ๆ เดียวกันแล้วนะเนีย""ยอมแล้วค่ะ....อ๊าหยุดก่อนนะคะ ได้โปรด" ดวงหน้าเว้าวอนน่าสงสารทำให้สุริยะตัดใจถอนนิ้วออกมา เคลื่อนตัวขึ้นจรดริมฝีปากบนหน้าผากเพื่อปลอบประโลม"ขอโทษนะคะ เฮียแค่น้อยใจเนียน่ะ" พูดเสียงนุ่มรั้งตัวของภรรยาให้ลุกขึ้นมา"เมื่อวานพี่แนท ก็คือคุณดาเรศ พี่สาวของนิ้งมาพบเนียและห้ามให้เนียไปเยี่ยมนิ้งอีก รวมทั้งขู่...ขู่ว่าจะแย่งเฮียไปจากเนีย จะขโมยเฮียไปเป็นของตัวเอง ตอนที่ได้ยินแบบนั้นเนียเจ็บไปหมด ทั้งโกรธทั้งหวงจนคิดอะไรไม่ออก รู้สึกกลัวอย่างที่ไม่เคยกลัวมาก่อน"ใบหน้าคมคายรู้สึกปลื้มปีติที่ได้รับรู้ว่าแท้จริงดาเนียรักและหวงแหนเขามากแค่ไหน เรื่องทั้งเรื่องก็ไม่ได้มีอะไรเลยนอกจากหึงผัวตัวเองเท่านั้น ช่างน่ารักเหลือเกินภรรยาคนนี้"ไม่ต้องกลัวนะ จะไม่มีใครมาแย่งเฮียไปจากเนียได้ นอกจากความ...ตา...อุ๊บ!" คนฟังไม่ยอมให้เขาเอ่ยคำอัปมงคลออกมาจึงรีบประกบปากของตนดันบ่ากว้างให้นอนลงกับพื้นเตียง บดจูบหนักหน่วงและรุนแรง