Mag-log inการกลั่นแกล้งและทำร้ายใครสักคน
ไม่ใช่กีฬา ไม่ใช่เกม แต่มันคือการทำลายหนึ่งชีวิต
และคนที่ทำร้ายผู้อื่นด้วยวาจาและการกระทำ ก็ไม่มีวันเป็นผู้ชนะอยู่ดี
-ฮาลาปัญ-
******************
3 ปีผ่านไป
ใจกลางเมืองนิวยอร์ก สาวผมยาวลอนสีน้ำตาลคาราเมลปั่นจักรยานโบกมือทักทายเพื่อนบ้านขณะที่หญิงสาวรีบเดินทางไปรับวุฒิการศึกษาด้วยจักรยานคู่ใจ หลังจากที่พ่อของเธอรักษาตัวร่วมเกือบหกเดือนและหายจนกลับมาแข็งแรงเหมือนคนปกติ เธอก็ส่งพ่อกับพี่เรน ลูกพี่ลูกน้องของเธอกลับไปเมืองไทย และเริ่มต้นชีวิตที่เมืองใหม่ซึ่งเป็นบ้านเกิดของแม่และเธอยาวนานมาร่วมสามปีเต็ม และวันนี้ก็เป็นวันสุดท้ายที่เธอจะได้เดินทางกลับไปประเทศที่เติบโตมาเป็นดาเนีย ประมะเมคินทร์
"หนูเนียจะกลับแล้วเหรอจ๊ะ"
"ใช่ค่ะ" ป้าข้างบ้านเอ่ยทักขณะที่หญิงสาวกำลังลากกระเป๋าใบใหญ่ออกมาอย่างถูลู่ถูกัง
"โชคดีนะหนู มีเวลาก็แวะมาเที่ยวที่นี่บ้างนะ"
"ได้เลยค่ะคุณป้า"
"คุณเนียครับรถพร้อมแล้วครับ" บอดี้การ์ดรุ่นลุงของพ่อที่เธอไม่เคยเห็นหน้ามาก่อนถูกส่งมาดูแลเธอตลอดสามปีนี้ และเขาก็เป็นทุกอย่างตั้งแต่งานครัว เย็บปักถักร้อย จนเธอแทบจะเป็นง่อยเลยทีเดียวระหว่างที่ใช้ชีวิตอยู่ที่ต่างประเทศ
เพราะอาการเจ็ทแล็คทำให้ดาเนียที่เดินทางมาถึงประเทศไทยรู้สึกอ่อนเปลี้ยเพลียแรง ทำให้หัวที่สั่นงึกงักไหลลงจากเบาะรถและเธอก็นอนหลับไปทั้งแบบนั้น พอรู้ตัวอีกทีก็ตื่นขึ้นมาอยู่ภายในอะพาร์ตเมนท์ของตัวเองที่จากไปถึงสามปี เธอขยี้ตาไปมาเพื่อปรับสายตาที่พร่าเลือนให้คมชัดขึ้น ลุกขึ้นยืนบิดขี้เกียจเล็กน้อย
ดาเนียกวาดดวงตาไปรอบ ๆ ห้องและเห็นว่ามีปิ่นโตตั้งอยู่บนโต๊ะกินข้าวพร้อมกับโน้ตที่เขียนว่า 'กินให้อิ่ม' แต่กลับไม่ได้บอกไว้ว่าเป็นฝีมือของใคร "หรือจะเป็นแม่นมปีป หรือคุณอรุณฉาย บอดี้การ์ดพ่อ หรือพี่เรน เฮ้อ..ช่างมันเหอะหิวจะตายอยู่แล้ว ว่าแต่ใครอุ้มเรามานอนที่ห้องกัน"
ขณะที่ดาเนียกำลังเอร็ดอร่อยกับมื้ออาหารในปิ่นโตลึกลับปริศนา โทรศัพท์ของพิรุณก็ดังขึ้น ดาเนียอมยิ้มรีบกดรับแก้มบวมข้างหนึ่งเพราะอมหมูทอดเอาไว้ในปาก
"มียายยยคะพี่เรน" ทักเสียงใสเคี้ยวแง่บ ๆ จนแก้มพองเหมือนอึ่งอ่าง
"กลับมาแล้วเหรอ อยู่ไหนเนี่ย กินข้าวยัง เหนื่อยหรือเปล่าให้พี่กับพี่ลินไปหาไหม" พี่เรนทำไมพูดจาแปลก ๆ ถ้าไม่ใช่เขาอุ้มเธอเข้ามาส่งในห้องและเตรียมของกินอร่อยนี้ให้ แล้วมันเป็นฝีมือใครกัน
"เนียนึกว่าพี่เรนอุ้มเนียมาที่ห้องซะอีก กับปิ่นโตนี่ด้วยไม่ใช่ฝีมือพี่เรนเหรอคะ" ดาเนียย้อนถามอย่างสงสัย
"ใช่พี่ที่ไหนล่ะ คนอื่นล่ะมั้ง" พิรุณยิ้มกริ่มกับปาลิน ทั้งสองส่งซิกกระซิบกระซาบขณะที่ลูกแฝดทั้งสองก็กำลังปีนป่ายหัวพ่อแม่อย่างอยากรู้อยากเห็น
"อาแช้คคคค่าอาแช้ค" เสียงของพราวมนต์แล่บเข้ามาในโทรศัพท์ จนดาเนียตะขิดตะขวงใจกับชื่อที่หลานตัวน้อยเพิ่งเอ่ยเรียก
"ว่าไงนะจ๊ะน้องมนต์ หนูว่าไงน้า"
"ไม่มีไรเนีย พราวมนต์เล่นไฟแช็คอยู่น่ะ อันตรายมากเลยเดี๋ยวพี่ไปดูลูกก่อนนะ บ๊ายบ้าย" พิรุณรีบตัดบทดื้อ ๆ ดาเนียเลิกคิ้วสูงแต่เพราะท้องยังหิวอยู่จึงได้กลับมาสวาปามข้าวหน้าหมูทอดต่อโดยไม่คิดอะไร
***************
หลังกินเสร็จดาเนียคิดว่าจะไปเดินเล่นที่ห้างเสียหน่อยเธอจึงแอบหนีไปโดยไม่ได้บอกคุณอรุณฉาย บอดี้การ์ดของพ่อ เพราะเธอก็อยากใช้เวลาส่วนตัวบ้าง ถ้ามีคนตามประกบแบบนี้เธอก็อึดอัดอยู่เหมือนกัน
สาวในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนส์ที่แต่งตัวธรรมดา เหมือนวัยรุ่นทั่วไปพุ่งตรงเข้าไปในร้านกระเป๋าหรู และเห็นกลุ่มผู้หญิงกลุ่มนึงที่คุ้นหน้าคุ้นตา คล้ายกับคนกลุ่มนั้น กลุ่มคนที่เคยรังแกเธอสมัยอายุ 17 ปี
ดาเนียกลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดเคืองเดินสำรวจดูกระเป๋าอย่างเงียบ ๆ ทว่าจังหวะที่เธอจะเอื้อมหยิบกระเป๋าสีดำใบสวย มือกับไปชนเข้ากับมือของผู้หญิงอีกคน และเธอจำได้แม่นว่าผู้หญิงคนนี้ก็คือหัวโจกของกลุ่มที่บูลลี่เธอในตอนนั้น ทว่าภาพในอดีตนั้นมันก็ผุดขึ้นมาทำให้สองขาแข็งทื่อและชาไปหมด
"เอ๊ะ...เธอนี่หน้าคุ้น ๆ หน้าลูกครึ่งแบบนี้ ใช่ยัยดาเนียหรือเปล่า"
"เอ่อ...ใช่ฉันเอง ขอตัวก่อนนะ" ดาเนียรีบตอบและรีบเดินหนีแต่กลับถูกมือของอีกสามสาวจากทางด้านหลังกระชากสายกระเป๋าเข้าไปหา
"มีอะไรกับฉัน" นัยน์ตากลมตวัดมอง เธอยอมมามากแล้วเธอจะไม่ยอมให้นังพวกนี้มารังแกเธอได้อีก
"ก็กระเป๋าของเธอที่สะพายอยู่มันรุ่นลิมิเต็ดนี่ สวยดีก็เลยอยากจับดู" แยม หัวโจกสมัยม.ปลายเอ่ยแล้วบีบคางของเธอแล้วจิกด้วยปลายเล็บแหลม
"ปล่อยฉันนะ พวกเธอไม่กลัวใครเห็นเหรอ ที่นี่มันห้างนะ"
"ปล่อยมันไปก่อน" แยมกระซิบหูเพื่อนในแก็งแล้วปล่อยดาเนีย
"ปล่อยก็ได้" ดาเนียโดนผลักจนเกือบเซล้ม แล้วสับขาออกจากห้าง โดยไม่รู้ว่าโดนพวกมันหลอกให้ตายใจ
ขณะที่ดาเนียลงไปเรียกแท็กซี่ที่ชั้นหนึ่งของห้าง
ผลั่ก!
"โอ้ย อะไรกันเนี่ย ยังจะตามมารังแกกันอีกเหรอ"
ตัวของเธอถูกรั้งให้เดินตามสี่สาวไปอย่างไม่มีทางเลือกเพราะปลายเล็บแหลมของแยมที่จิกลงมาบนข้อมือของเธอมันทำให้เธอสลัดไม่หลุด พอมาถึงระหว่างรถสองคันของเพื่อนในกลุ่ม ร่างกายของดาเนียก็ถูกผลักให้ล้มลงจนหัวโขกเข้ากับกันชนปูนที่จอดรถ
สาวลูกครึ่งรู้สึกได้ว่าหัวของเธอปูดเป็นลูกมะนาว ตอนนี้เธอมึนหัวไปหมด ไหนจะอาการเจ็ทแลคที่ยังไม่หายไป แล้วยังมาเจออริเก่าสี่ตัวนี้อีก
"พวกเธอมันชั่วไม่เปลี่ยน สารเลวไม่เคยหยุดหย่อน ไม่รู้ว่าโตมาเป็นคนได้ยังไง น่าจะไปเป็นสัตว์ในนรกมากกว่า"
เผียะ! เผียะ!
ใบหน้าที่อ่อนแรงหันไปตามแรงฟาดของฝ่ามือ น้ำตาใสรินอาบที่ปลายหาตาด้วยความเจ็บใจ เมื่อก่อนก็แบบนี้ครั้งหนึ่ง เธอก็ยังคงจำช่วงเวลานั้นได้ดี จำได้ทุกวินาทีที่ถูกคนเลวพวกนี้รังแก เธอไม่เคยลืม แต่ก็ไม่คิดว่าฝันร้ายนั้นวนเวียนมาหาเธออีกครั้ง
"ทำไม...ต้องทำกับฉันแบบนี้ ทำไม...โอ๊ย!" ผมสลวยสีน้ำตาลถูกกระชากจากทางด้านหลังใบหน้าบวมแดงจากรอยฝ่ามือเชิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
"เพราะแกมันอภิสิทธิ์เยอะกว่าทุกคนไง ทั้งรวยทั้งสวยใคร ๆ ก็รุมจีบกัน เรียนก็เก่ง ดูสิครบเครื่องไปหมด พวกฉันก็อิจฉาน่ะสิแล้วพอพวกฉันไม่มีอย่างเธอ ก็ต้องหาทางกำจัดเธอออกไปให้พ้นลูกกะตา" ตอนนี้เธออยากจะถีบหน้ามันให้หงายแต่พวกมันเล่นหมาหมู่ทั้งล็อคแขนล็อคขาเธอจนแน่นแทบจะขยับเขยื้อนตัวไม่ได้
"ก็พวกเธอมันไม่รู้จักขวนขวายกันเองนี่ ฉันไม่ได้ผิดซะหน่อย"
"ขวนขวายอะไรกัน เธอมันเกิดมาบนกองเงินกองทอง จะไปรู้จักความยากดีมีจนอะไรวะ!!"
เผียะ! เผียะ!
ปากอิ่มถูกตบจนเลือดไหลซิบตอนนี้เธอรู้สึกว่าทั้งเนื้อทั้งตัวมันระบมไปหมด จนแทบจะหมดเรี่ยวแรงลุกขึ้น
"เฮ้ยพวกคุณทำอะไรกัน รังแกคนเหรอ" โชคดีที่รปภ.ห้างเดินมา
"ฉันเอาไปนะกระเป๋าใบนี้" แยมชูกระเป๋าของเธอขึ้นและเป็นกระเป๋าที่เฮียแซ็คออกเงินให้กับเธอ ของในกระเป๋าถูกเทกระจาดจนกระจัดกระจายเต็มพื้นไปหมด เธอคลานเก็บของขึ้นมาน้ำตาร่วงเผาะ ๆ รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจกับความเฮงซวยของชีวิต ถึงเธอจะกินดีอยู่ดี แต่เพื่อน ๆ ดีสักคนแทบจะหายากดั่งงมเข็มในมหาสมุทร
"คุณครับ เป็นอะไรไหมครับ" รปภ.แก่ประคองเธอขึ้นมา
"โอเคค่ะ" ดาเนียทำสัญลักษณ์นิ้วว่าโอเคส่งให้ "เรียกแท็กซี่ให้หนูหน่อยนะคะ"
"สภาพคุณควรไปโรงพยาบาลนะครับ"
"ไม่เป็นไรค่ะชินซะแล้ว พอดีเกิดมาในตระกูลแยงกี้ค่ะเจอเรื่องตีรันฟันแทงบ่อย สิว ๆ ค่ะ" ดาเนียแค่นยิ้ม
ในงานเลี้ยงหรูเต็มด้วยนักธุรกิจชายหญิงสุริยะในชุดทักซิโด้เรียบหรูหล่อจนสาวในงานพากันชะม้อยชะม้ายชายตา ไม่ต่างกับคู่ควงคนงามอย่างดาเนีย ภรรยาคนสวยที่แต่งชุดราตรีแบบจัดเต็มยศซะเขาหายใจหายคอไม่ออกเพราะหน้าอกขาวผ่องที่เบียดกระชับอยู่กลางเดรสคล้องคอเรียบสีดำแหวกหน้าตู้มต้ามเว้าหลังไปถึงช่วงเอวคอด ทำให้ใจของผู้ปฏิบัติงานชิงหุ้นคืนให้กับผู้ว่าจ้างรู้สึกอกสั่นขวัญแขวนไปหมด แบบนี้เขาจะทำงานอย่างสบายใจได้อย่างไร ในเมื่อเมียแต่งชุดยั่วน้ำลายขนาดนี้"เนียไอ้เชือกที่ผูกเป็นปมที่คอถ้ากระตุกทีเดียวมันก็หลุดหมดเลยใช่ไหมคะ" เขาถามขณะจิบค็อกเทลอยู่ข้าง ๆ ดาเนียที่กำลังตักพุดดิ้งไวท์ช็อกโกแล็ตภายในงานเลี้ยงใส่ปากอย่างเอร็ดอร่อย"ใช่ค่ะเฮียจะกระตุกดูไหมล่ะคะ เนียจะได้โป๊เลย ฮ่าฮ่า" ท้าทายอย่างสนุก แต่คนโดนท้าไม่ขบขันเท่าไหร่นัก"ถ้าตอนเฮียไม่อยู่ หรือเนียถูกไอ้เขมมันล่อลวงไปเนียจะเอาตัวรอดยังไง" จิกตาขุ่นเขียวมาให้แล้วฉกขนมในมือของเธอวางลงเพื่อให้ตอบคำถาม"นี่ค่ะ" ดาเนียแหวกที่ช็อตไฟฟ้าที่เสียบไว้ข้างขา "พี่ลินซักซ้อมให้เนียเรียบร้อยค่ะ ไม่ต้องห่วงนะคะและก็ไม่ต้องหึงด้วยยังไงเนียก็เป็นของเฮียคนเดียว ถ้
เนื่องในโอกาสที่ซุสเจ้าลูกเทพเจ้าตัวแสบมีอายุครบหนึ่งขวบหกเดือนบริบูรณ์ แถมยังเจื้อยแจ้วไม่หยุด วันนี้ดาเนียจึงทำมื้อเย็นสุดอร่อยให้ลูกชายกับสามี และออกปากให้สุริยะโทรตามผู้ว่าจ้างคนใหม่ของเขาอย่างพี่สาวต่างแม่ของเธอมาด้วยเพื่อให้มาเคลียร์ปัญหาที่ค้างคาใจให้จบ"นึกไงชวนดาเรศมา" สุริยะถามระหว่างขึงผ้าปูโต๊ะที่สนามหลังบ้านให้ตึง"เนียอยากคุยให้จบ ๆ ไปค่ะ ยังไงเขาก็มีสายเลือดปรมะเมคินทร์เหมือนเนีย" ดาเนียอธิบายแล้วเดินขนของกินมากมายมาวางบนโต๊ะกินข้าว"แกเห็นฉันเป็นพี่สาวแล้วจริง ๆ น่ะเหรอยัยเนีย" ดาเรศโผล่มาแล้วผายมือให้บอดี้การ์ดของเธอไปยืนอยู่ไกล ๆ ก่อนที่หล่อนจะทรุดตัวลงส่งตุ๊กตาหมาให้กับหลานชาย"มู๋" ซุสชูตุ๊กตาให้แม่ดู"หมาครับลูกไม่ใช่หมู" ดาเนียแก้คำพูดให้ลูกชาย"น่ารักดีนะ" ดาเรศบอกแล้วลูบหัวหลานคนแรกของตน"นั่งก่อนสิคะ กินไปคุยไปจะได้ไม่ตึงเครียดนัก" แม่บ้านดาเนียวางจานสเต็กไก่และรินไวน์ของไร่วิโอล่าให้พี่สาวต่างแม่"ขอบคุณนะ เธอก็นั่งก่อนสิ" สาวผมสั้นสีดำฉุดมือน้องสาวให้นั่งลงข้าง ๆ เธอ"อ้อค่ะ" สุดท้ายดาเนียจึงต้องมานั่งข้างพี่สาวส่วนซุสนั้นไปวิ่งเล่นอยู่กับสุรีย์อย่างสนุกสนา
สามีผู้รู้งานตอบรับการเล่นบทบาทสมมุติของภรรยาโดยการปลดเปลื้องอาภรณ์ของตนเองอย่างรวดเร็วแล้วเข้าไปปล้นถอดเสื้อผ้าดาเนียจนเหลือเพียงแค่ถุงน่องดำเท่านั้น"เริ่มเทสกันเลยดีไหม จากตรงไหนดี...." เขาถามแล้วกรีดปลายนิ้วลงมาที่ร่องอกแล้วเริ่มขยำทั้งสองข้างให้มันพองขยายพร้อมรับริมฝีปากของเขาอย่างเต็มที่ จากนั้นจับยกขาสองข้างของดาเนียขึ้นคร่อมวางที่มุมเก้าอี้ผ้าให้ความอล่างฉ่างตรงหน้าเบ่งบานชัดสู้สายตาที่กำลังสำรวจมอง"หยุดจ้องสักทีสิคะ" เขาเอาแต่จ้องจนแสกนทุกตารางนิ้วมือเล็กรีบเอื้อมไปปิดตาด้วยความอาย ถึงจะผ่านศึกกับเขามาเยอะแต่มาจ้องเขม็งกันแบบนี้เป็นใครก็ทำตัวไม่ถูก"มาสมัครงานไหนล่ะพอร์ตฟอลิโอ หรือว่าอันนี้" กระตุกยิ้มแล่บลิ้นวาดไปรอบริมฝีปากก้มใบหน้าต่ำลงมาที่ซอกขาออกแรงดูดเนินผิวอมชมพูที่ขาด้านในจนเป็นรอยแดง"อื้อ...เฮียอ่ะ" มือเล็กส่งออกไปหวังห้ามปรามแต่เขากลับรับไว้ทันแล้วถูกระดมจูบที่หลังมือไปทั่ว"ไม่เรียกเฮียสิ ตอนนี้รับบทเลขาอยู่ไม่ใช่เหรอคะ ต้องเรียกท่านประธานขาสิที่รัก เรียกเร็วเข้า"กลางรอยแยกสีชมพูพีชถูกฉีกออกกว้างด้วยนิ้วมืออันชำนาญของประธานหนุ่ม ปลายเท้าถูกยกขึ้นสูงให้องศาการวา
ดาเนียอดหลับอดนอนดูแลสามีทั้งคืน สำหรับเธอแล้วเขาเหมือนเด็กผู้ชายที่หลงมาอยู่ในร่างชายอายุ 30 ปี อยู่ต่อหน้าคนอื่นดูน่าเกรงขาม ดุดัน และเกรี้ยวกราด แต่อยู่กับเธอและลูกปากหวาน ขี้อ้อน และนุ่มนวล ซึ่งมันทำให้เธออดคิดไม่ได้ว่านิสัยแข็งนอกอ่อนในของเขามีสาเหตุมาจากการสูญเสียงซ้ำแล้วซ้ำเล่าหรือเปล่าเริ่มตั้งแต่ที่พ่อแม่เอาเฮียแซ็คไปทิ้งให้ตายายเลี้ยงที่เมืองนอก อดีตคนรักเสียชีวิต แล้วพ่อก็มาหัวใจวาย คราวนี้ถึงตาแม่เขาอีกคน นึกไม่ออกเลยว่าเขารับมือกับมันได้อย่างไร แต่สิ่งเดียวที่เธอจะช่วยให้เขาผ่านเคราะห์ทั้งหลายไปได้ก็คือ การอยู่เคียงข้างเขา และทำให้ปรารถนาที่เขาอยากมีลูกสี่คนเป็นจริงให้ได้ เพราะเธอเข้าใจแจ่มแจ้งแล้วว่าที่เฮียแซ็คอยากมีลูกเยอะๆ ก็เพื่อทดแทนบุคคลที่เขาสูญเสียไปนั่นเอง"ไข้เฮียลดแล้ว งั้นเนียเปิดปากคุยเรื่องสำคัญเลยนะคะ" ดาเนียทำหน้านิ่งบนตักของเธอมีซุสนั่งอ่านหนังสือนิทานอยู่อย่างตั้งใจ"เรื่องอะไรเหรอเนีย" คนป่วยหน้าซีดตักข้าวต้มทะเลใส่ปาก"เมื่อวานแม่เฮียโทรมา เนียเลยรับสาย""แล้วยังไง""แม่เฮียบอกว่าเธอป่วยเป็นมะเร็งปอดระยะสุดท้ายค่ะ""........" มือที่กำลังจะตักข้าวต้มใส
"ตือ!ตือ!" ซุสคลานขึ้นมานั่งคร่อมแล้วเขย่าพ่อไปมาแต่สุริยะก็ไม่ตื่น ดาเนียที่ลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้วจึงมาช่วยลูกชายปลุกสามี"ซุสพ่อยังไม่ตื่นอีกเหรอ" เอื้อมมือไปจับแขนสามีเพื่อเขย่าให้เขาตื่นแต่กลับต้องชะงักออก "เฮียตัวร้อนเป็นไฟเลย" ดาเนียยกหลังมือขึ้นทาบหน้าผากแล้วลุกเดินไปล้วงยาแก้ไขกับยาแก้แพ้อากาศในกระเป๋าที่พกติดมาด้วยครืด!! ครืด!!ระหว่างที่เธอกำลังเตรียมยาให้สามีกินอยู่นั้นเจ๊กระต่ายก็โทรเข้ามาเพราะเห็นว่าเธอไม่มากินอาหารเช้าสักที"ฮัลโหลค่ะพี่ต่าย เนียว่าจะสั่งมากินที่ห้องค่ะ เฮียแซ็คเป็นไข้ตัวร้อนจี้เลย" ดาเนียรีบวางสายแล้วจัดการงัดสามีขึ้นมาให้นอนพิงกับพนักเตียง"พอพอ" ซุสเรียกพ่อโดยการเอื้อมมือไปจับหน้าแล้วเจ้าหนูน้อยก็รีบย่นคิ้วชนกัน ก้มมองมือสองข้างอย่างสงสัยเพราะหลังจากที่ได้แตะหน้าพ่อที่ร้อนจัดลูกชายก็มีอาการนั่งนิ่งไม่พูดอะไรต่อ เอาแต่นั่งมองพ่อตาละห้อย"เฮียคะลุกมากินยาก่อนเร็ว" เขาปรือตาขึ้นมองดาเนียจึงยัดยาสองเม็ดใส่ปากแล้วส่งน้ำให้ เขากินและกลืนลงคออย่างทุลักทุเลเพราะรู้สึกเจ็บคออย่างมาก ดาเนียลูบหัวสามีรู้สึกสงสารที่จู่ ๆ เขาอุตส่าห์ตั้งใจพาเธอกับลูกมาเที่
แม่ฮ่องสอน"แล้วนี่มึงจะลากกูมาทำไมวะไอ้แซ็ค" ทัพฟ้าเดินสับขาแบกกระเป๋าเสื้อผ้าของตนกับภรรยาตามสุริยะกับดาเนียขึ้นมายังรีสอร์ทบนดอยของไร่กฤตกล้าธนาดร"ได้ข่าวว่ามึงไม่เที่ยวมาเป็นปีแล้ววิ่งเต้นประชุมสัมมนาให้โรงเรียนไปทั่ว มึงต้องผ่อนคลายบ้างเห็นครูนับอยากได้ลูกอีกคนไม่ใช่เหรอวะ ที่ชวนมามึงจะได้มีเวลาปั๊มลูก กูหวังดีนะเว้ยไอ้ฟ้า"ทัพฟ้าเลิกคิ้วสูงครุ่นคิดสิ่งที่เพื่อนซี้เกริ่นขึ้น เหล่มองใบหน้ายิ้มสวยที่ส่งเสียงหัวเราะดังลั่นอยู่กับดาเนีย"พ่อจ๋าหนูอยากกินอันนี้อ่ะ" ไนท์ ลูกสาวสายจ้อกระตุกชายเสื้อของพ่อขณะที่กินหมูปิ้งมาตลอดทาง พร้อมชี้ไปที่โบชัวร์รีสอร์ตไร่กฤตกล้าที่มีเมนูแนะนำของร้านอาหารโชว์หลาอยู่"หมูปิ้งยังไม่หมดเลยหนูจะกินข้าวอีกเหรอครับ" ลูกสาวอายุสองขวบของเขามักจะเป็นแบบนี้ประจำ กินของเดิมไม่ทันหมด ก็อยากเปลี่ยนของใหม่ สรุปก็คือกินไม่หมดสักอย่าง"พ่อจะพาหนูไปกินข้าวแต่หนูต้องกินให้หมด แล้วห้ามเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาอีกนะคะรู้ไหมน้องไนท์" ทัพฟ้าทำเสียงดุ







