แชร์

บทที่ 7

ผู้เขียน: Karawek House
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-08-20 22:59:57

นางจะไม่ยอมอดทนต่อการกระทำอันต่ำทรามไร้มารยาทนี้อีกต่อไปแล้ว! นางไม่มีอะไรจะเสียอีกแล้ว!

หนิงซินพยายามขยับตัวดิ้น คาดไม่ถึงว่าท่าทีนั้นจะทำให้อีกฝ่ายครางเสียงทุ้มต่ำในลำคอ บางสิ่งที่ค้างคาอยู่ในตัวนางขยายใหญ่ขึ้นจนคับแน่นไปกันใหญ่

“เจ้าคิดว่านี่คือสิ่งที่ข้าต้องการ?” เขาถามเสียงแหบห้าวราวกับราชสีห์ที่เพิ่งตื่นจากการหลับใหล

น้ำเสียงที่เป็นเช่นนี้...จะว่าฟังดูสบายๆ ก็ให้ความรู้สึกว่าสบายๆ จะว่าให้ความรู้สึกว่าน่าหวาดกลัวก็ให้ความรู้สึกว่าน่าหวาดกลัว ทั้งฟังดูน่าเกรงขามทั้งชวนให้ขนลุกได้อย่างน่าพิศวง

ถึงกระนั้นก็เถอะ ท่าทีเช่นนี้ค่อนข้างแตกต่างจากท่าทีก่อนที่ทั้งเขาและนางจะ...ร่วมหมอนนอนเคียงกันสักเล็กน้อย คล้ายกับว่ามันมีสัดส่วนของการหยอกเย้าอย่างนึกสนุกปะปนอยู่ในนั้น แต่จะด้วยในฐานะนางบำเรอหรือสัตว์เลี้ยงนั้น...นางไม่อาจและไม่อยากคาดเดา

เห็นนางนิ่งเงียบ แม่ทัพทมิฬบีบคาง บังคับให้นางผินหน้ามาสบตา

ชั่วอึดใจนั้น ความน้อยเนื้อต่ำใจและความอัปยศอดสูสมเพชเวทนาตนเองเหลือจะกล่าว และความรู้สึกกล่าวโทษฝ่ายที่ทำให้ตนเองต้องรู้สึกเช่นนี้อย่างละส่วน ขับให้หนิงซินจ้องตอบด้วยสีหน้าเฉยชาอย่างที่สุด

“นี่เจ้า...” แม่ทัพเฮยเซ่อเย่ว์คล้ายชะงักไปเล็กน้อย “จริงสิ เจ้าบอกว่าเกลียดข้า” เขาแค่นหัวเราะ ก่อนพลิกร่างนางนอนหงายกึ่งนั่ง ทั้งที่บางส่วนยังค้างคากันอยู่ ทำให้ส่วนนั้นที่ทั้งยาวและใหญ่ของเขายิ่งกดลงลึก ดุนดันหน้าท้องจนหนิงซินรู้สึกได้

นี่เขา...ท่าแบบนี้...

หนิงซินตกใจจนหน้าเสีย

ไม่นะ นางยัง...นางยัง...นางยังรู้สึกเจ็บที่ส่วนนั้นอยู่เลย! แถมข้างในช่องท้องก็ยัง...จุกไปหมด...

ถ้าเขา...ถ้าเขา...

เห็นสีหน้านางแล้ว แม่เฮยเซ่อเย่ว์ก็คล้ายจะพอใจขึ้นมา

“ข้าบอกแล้วใช่หรือไม่ ข้าจะทำให้เจ้าทรมานเสียยิ่งกว่าตาย”

นางพยายามจะกระถดถอยหนี แต่ขยับตัวไม่ได้สักนิด

“รู้หรือไม่ ข้านั้นเป็นบุรุษที่รักษาสัญญายิ่ง” เขาเอ่ยเสียงเย็น

“อย่า...อย่านะ—อื้อ!” เสียงท้ายประโยคขาดหาย เพราะแม่ทัพทมิฬขยับเข้ากดริมฝีปากลงปิดปากนางไว้ พร้อมๆ กับที่ขยับสะโพกถอนส่วนนั้นออกเล็กน้อย ก่อนกระแทกส่วนนั้นกลับเข้าใส่ จากนั้นก็ถอนส่วนนั้นออก แล้วกระแทกกลับเข้าใส่ ทำเช่นนี้ซ้ำไปซ้ำมา ยิ่งลงมือก็ยิ่งรวดเร็ว รุนแรง และรัวถี่ยิ่งขึ้น!

“อื้อ! อื้อ! อื้อ!” หนิงซินหลุดร้องออกมาทุกครั้งที่โดนกระแทกกระทั้น น้ำตาไหลรินเป็นสาย

รบรากันหนที่สองหนนี้ ไม่เจ็บปวดเท่าครั้งแรก ทว่านาง...คนผู้นี้ทำให้นางกลัว! ทั้งหวาดกลัวในสิ่งที่เขากระทำต่อนาง ทั้งหวาดกลัวเสียงหัวใจที่เต้นรัวถี่ รวมถึงชีพจรที่เต้นตุบตับ ตอบรับการรุกเร้าล่วงล้ำของคนผู้นี้

นอกจากความเสียใจและหวาดกลัวแล้ว นางกลัวเหลือเกิน...กลัวว่าการกระทำอันหยาบช้าป่าเถื่อนนี้ จะทำให้นางเสียสติ กลายเป็นสตรีชนิดที่ผู้คนทั่วทั้งแผ่นดินเรียกขานกันว่า ‘หญิงแพศยา’ ที่ปล่อยตัวปล่อยใจ ปล่อยให้ตนเองจ่อมจงลงในกามราคะจนลุ่มหลงเมามาย ไร้สติ  ขาดสำนึก ผิด ชอบ ชั่ว ดี

ยามนี้นางรู้สึกคล้ายขอนไม้ที่โดนคลื่นถาโถมเข้าใส่ ทั้งอย่างนั้น ต่อให้ไร้เรี่ยวแรงจะขัดขืนเพียงใด นางก็ยังพยายามจะผลักไสสุดกำลัง

นางจะไม่มีทางให้ความร่วมมือกับคนผู้นี้ ไม่มีวัน!

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • หนิงซินกงจู่ เชลยแค้นแสนรัก   บทที่ 7

    นางจะไม่ยอมอดทนต่อการกระทำอันต่ำทรามไร้มารยาทนี้อีกต่อไปแล้ว! นางไม่มีอะไรจะเสียอีกแล้ว!หนิงซินพยายามขยับตัวดิ้น คาดไม่ถึงว่าท่าทีนั้นจะทำให้อีกฝ่ายครางเสียงทุ้มต่ำในลำคอ บางสิ่งที่ค้างคาอยู่ในตัวนางขยายใหญ่ขึ้นจนคับแน่นไปกันใหญ่“เจ้าคิดว่านี่คือสิ่งที่ข้าต้องการ?” เขาถามเสียงแหบห้าวราวกับราชสีห์ที่เพิ่งตื่นจากการหลับใหลน้ำเสียงที่เป็นเช่นนี้...จะว่าฟังดูสบายๆ ก็ให้ความรู้สึกว่าสบายๆ จะว่าให้ความรู้สึกว่าน่าหวาดกลัวก็ให้ความรู้สึกว่าน่าหวาดกลัว ทั้งฟังดูน่าเกรงขามทั้งชวนให้ขนลุกได้อย่างน่าพิศวงถึงกระนั้นก็เถอะ ท่าทีเช่นนี้ค่อนข้างแตกต่างจากท่าทีก่อนที่ทั้งเขาและนางจะ...ร่วมหมอนนอนเคียงกันสักเล็กน้อย คล้ายกับว่ามันมีสัดส่วนของการหยอกเย้าอย่างนึกสนุกปะปนอยู่ในนั้น แต่จะด้วยในฐานะนางบำเรอหรือสัตว์เลี้ยงนั้น...นางไม่อาจและไม่อยากคาดเดาเห็นนางนิ่งเงียบ แม่ทัพทมิฬบีบคาง บังคับให้นางผินหน้ามาสบตาชั่วอึดใจนั้น ความน้อยเนื้อต่ำใจและความอัปยศอดสูสมเพชเวทนาตนเองเหลือจะกล่าว และความรู้สึกกล่าวโทษฝ่ายที่ทำให้ตนเองต้องรู้สึกเช่นนี้อย่างละส่วน ขับให้หนิงซินจ้องตอบด้วยสีหน้าเฉยชาอย่างที่สุด“นี

  • หนิงซินกงจู่ เชลยแค้นแสนรัก   บทที่ 6

    การลงทัณฑ์อันเร่าร้อนรุนแรง ปลุกเร้าความรู้สึกบางอย่างที่ซุกซ่อนในใจ ทำให้หนิงซินรู้สึกอัปยศอดสูถึงขีดสุดยามนี้นางทั้งรังเกียจชิงชังตนเอง ทั้งรู้สึกผิด ทั้งยังรู้สึกว่าตนเองแปดเปื้อน หมดคุณค่า จิตใจถูกทำให้บิดเบี้ยววิปลาสเกินเยียวยา หมดสิ้นความภาคภูมิใจในตนเอง เกียรติยศและความสง่างามในฐานะองค์หญิงศักดิ์สิทธิ์ผู้สูงศักดิ์ของแคว้นป๋ายล้วนถูกย่ำยีจนไม่เหลือซากภายในระยะเวลาเพียงครึ่งชั่วยามบุรุษต่ำช้าผู้นี้ราวกับหมาป่าอดอยากหิวโซคลุ้มคลั่งตัวหนึ่งก็ไม่ปาน นับตั้งแต่เริ่มลงมือกับนาง เขาก็ลงมืออย่างไม่ยั้งมือไว้ไมตรี กระทำย่ำยีกับนางเอาตามใจทั้งคว่ำและหงาย ใช้นางบำบัดความใคร่ บำเรอกาม ปฏิบัติต่อนางเสมือนหนึ่งหญิงคณิกา หลังจากเสร็จสิ้นสุขสม ก็ไม่ใส่ใจแม้แต่จะดึงผ้าสักชิ้นมาปกปิดร่างกายทั้งเขาและนาง ทั้งยังไม่สนใจว่าหลังจากเพิ่งผ่านพ้นเสร็จสิ้นกิจกามอันยาวนานกันไปหนหนึ่ง นางจะเจ็บปวดบอบช้ำถึงเพียงไหน กลับจับนางพลิกคว่ำซุกไซ้สูดดมซอกคอ สอดแทรกความเป็นชายที่ยังแข็งเกร็งเข้ามาจนสุดลำ กอดรั้งร่างนางที่ไร้แรงจะต้านทานขัดขืนไว้แน่นหนที่สองนี้ เขาไม่ได้เคลื่อนไหวรุนแรงเหมือนหนแรก กลับสอดใส่ค้างคา

  • หนิงซินกงจู่ เชลยแค้นแสนรัก   บทที่ 5

    ไม่...ไม่นะ...นี่นาง...นางกำลังคล้อยตามโจรขืนใจผู้นี้!ไม่ ไม่ ไม่ ไม่! ไม่มีวัน! นางต้องเสียสติไปแล้วแน่ๆเรื่องน่าอัปยศเช่นนี้ ความรู้สึกโสมมเช่นนี้!“เอามัน...ฮึก...! เอามันออกไป...!” หนิงซินร้องเสียงแหบพร่าตอนนี้นางแทบจะไม่มีเสียงห้ามแล้ว แต่หากไม่ห้าม...นาง...นางรู้สึกว่า...นางคิดว่านางสมควรต้องห้าม!ถูกแล้ว นางสมควรต้องพยายามยุติเหตุการณ์อันน่าอัปยศและไม่ถูกต้องนี้ ต้องต่อต้านสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น และไม่สมควรคล้อยตามความรู้สึกอันสกปรกไร้ยางอายเช่นนี้!ต่อให้นางไม่ใช่สตรีศักดิ์สิทธิ์ที่สมควรครองพรหมจรรย์แต่ก็ยังเป็นองค์หญิงรองที่ถือกำเนิดจากครรภ์พระราชชายาแห่งผู้ปกครองแคว้นป๋าย และต่อให้นางไม่ใช่องค์หญิงผู้หนึ่งของแคว้นป๋าย นางก็ยังเป็นสตรีผู้หนึ่งใต้หล้านี้จะมีสตรีดีๆ ใดที่เป็นเช่นนี้...ยังไม่ทันแต่งงานเข้าพิธี โดนบุรุษผู้หนึ่งข่มเหงรังแก กลับหลงคล้อยตาม เผลอปล่อยตัวปล่อยใจ ปล่อยให้ผู้อื่นเสพสุขจากร่างกายตนโดยง่าย กระทำตัวไร้ยางอายและไร้ค่าเช่นนี้!นาง...ไม่อาจปล่อยให้เป็นเช่นนี้!ราวกับล่วงรู้ว่านางกำลังคิดอะไร คนด้านบนแค่นหัวเราะอย่างสาแก่ใจ ก่อนขยับอีกนิ้วที่ว่างอยู่ปัดเ

  • หนิงซินกงจู่ เชลยแค้นแสนรัก   บทที่ 4

    เขาใช้มือข้างหนึ่งกดร่างนางไว้ เพียงใช้มืออีกข้างกระชากแรงหน่อย ชุดผ้าเนื้อดีสีนวลตาบนกายนาง ถึงกับหลุดขาดวิ่นคามือ!“อ๊ะ!!! ต่ำช้า ท่านมันต่ำช้าที่สุด!” หนิงซินตกใจกลัวจนแทบไม่รู้ตัวแล้วว่าพูดอะไรออกมา“อ้อ ข้าต่ำช้า!” คราวนี้เขาแค่นหัวเราะ ก่อนกดศีรษะลงไซ้แก้ม กราม ซอกคอ ไล่ลงมาจนถึงเนินอกอิ่ม แล้วกระชากเสื้อตัวยาวที่สวมเอาไว้อย่างหลวมๆ ของตัวเองทิ้งอย่างรวดเร็วหนิงซินโกรธจนลืมกลัวไปแล้ว“เป็นแค่แม่ทัพผู้หนึ่ง ไม่ทันถวายรายงานต่อต้าอ๋องของตนก็กล้าแตะต้ององค์หญิงศักดิ์สิทธิ์ที่เดินทางมาเป็นทูตสงคราม หัวของแม่ทัพใหญ่อย่างท่าน ยังสมควรมีอยู่หรือไม่!”แม่ทัพเฮยเซ่อเย่ว์ไม่แยแสสักนิด“นั่นต้องดูว่ายังมีผู้ใดมีความสามาถมากพอจะบั่นคอข้าได้หรือไม่!”เขาฉีกกระชากชุดนางซ้ำ เผยให้เห็นเรือนร่างส่วนที่ยังคงถูกปกปิดไว้แทบทั้งหมดทันทีหนิงซินสะอื้นค้าง รู้แน่แล้วว่าคงขัดขืนคนตรงหน้าไม่ได้ แต่ไม่อยากโอนอ่อนผ่อนตาม นางพยายามดิ้นรนสุดกำลัง หารู้ไม่ว่าการกระทำนั้นทำให้ส่วนกลมกลึงกลางหน้าอกกระเพื่อมไหว ดึงดูดให้ผู้ที่แท้ที่จริงแล้วก็เพียงอยากกลั่นแกล้งรังแกหยามเกียรตินาง บังเกิดความปรารถนาอย่างรุนแรงจ

  • หนิงซินกงจู่ เชลยแค้นแสนรัก   บทที่ 3

    “อย่าบังอาจมายั่วยวนข้า” เขาบอกเสียงลอดไรฟันวัดจากความเย็นที่เคลื่อนลงจากมุมปากอย่างเชื่องช้า กับคราบน้ำสีแดงข้นบนริมฝีปากที่คนตรงหน้าเพิ่งจะตวัดลิ้นกลืนกินอย่างไม่รู้สึกรู้สา เดาว่าริมฝีปากนางในตอนนี้คงถูกบุรุษใจทรามตรงหน้าขบกัดจนเป็นแผล เลือดสดๆ กำลังหลั่งรินออกมาแล้วจริงๆ“จริงสิ...ข้าเคยบอกเอาไว้ว่าจะทำให้เจ้าร้องขอความตาย...” เขาบอกเสียงแหบแห้งเย็นชาทว่าทรงอำนาจดุจพญามัจจุราชจากปรภพ พลางใช้สายตาโลมไล้ใบหน้าและลำคออันขาวผ่องรอบหนึ่ง จากนั้นก็จ้องลึกลงในตานาง แย้มรอยยิ้มอันเหี้ยมเกรียมน่าหวาดหวั่นที่ทำให้หนิงซินถึงกับสั่นเทิ้มไปทั้งวิญญาณ หวาดผวาจนน้ำตาคลอเบ้าในชั่วขณะที่หนิงซินคิดว่าเรื่องทุกอย่างจบลงแล้ว แม่ทัพเฮยเซ่อเย่ว์ก็ตวาดใส่นางเสียงดังลั่น “ร้องสิ! หากไม่ร้องไห้อ้อนวอนหรือโวยวาย ก็จงใช้วิธีการที่เจ้าใช้ยั่วยวนปั่นหัวผู้คนให้รบราฆ่ากันตาย ให้ผู้ชนะอย่างข้าได้ดูชมเป็นขวัญตาสักครั้ง! นารีล่มเมืองหรือจะมีดีแค่นี้!” หนิงซินเม้มริมฝีปากแน่น เนื้อตัวสั่นเทาไปหมด แม้แต่ประโยคร้องขอความเห็นใจก็ยังพูดไม่ออกแม้เพียงครึ่งคำยังไม่ต้องเอ่ยถึงการโดนตวาดใส่ซึ่งๆ หน้าเช่นนี้...องค์หญิง

  • หนิงซินกงจู่ เชลยแค้นแสนรัก   บทที่ 2

    “เป็นอะไรไป ตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้ก็เห็นว่าปากกล้าอยู่ได้ตั้งเป็นนาน ไฉนตอนนี้องค์หญิงรองผู้เก่งกาจ กลับหวาดกลัวขึ้นมาเสียแล้วเล่า” เขาเอ่ยกึ่งเยาะเพราะไม่รู้จะตอบอย่างไร หนิงซินเลือกใช้ความเงียบเป็นคำตอบแม่ทัพเฮยเซ่อเย่ว์สาวเท้าเข้าหา นางก้าวขาถอยหนียิ่งแววตาเขาดูสนุกมากขึ้นทุกที นางก็ยิ่งหายใจลำบากยิ่งขึ้น“หึ องค์หญิงศักดิ์สิทธิ์แคว้นป๋ายก็กลัวเป็นเสียด้วย” เขาก้าวขาเร็วขึ้น ทั้งน้ำเสียงและแววตาคุกคามทำเอาหนิงซินเผลอกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่หนิงซินกัดริมฝีปากตัวเองแน่น พยายามตั้งสติไม่ทันที่นางจะได้พูดอะไร เพียงเห็นนางเหลียวมองทางออกที่อยู่ไม่ไกล บุรุษผู้นี้ก็คล้ายจะหมดความอดทนเฉียบพลัน“ข้าจะไม่เล่นไล่จับกับเจ้า หนิงซิน” บอกเพียงเท่านั้น แม่ทัพใหญ่ก็คว้าข้อมือนาง แม่นยำเหมือนอสรพิษฉกกัดร่างบอบบางโดนโยนลงบนฟูกในชั่วอึดใจนั้นก่อนที่หนิงซินจะได้ทันหวีดร้อง ร่างสูงใหญ่ก็โถมทับลงมา ตรึงข้อมือที่ยังโดนมัดไว้ของนางขึ้นเหนือหัว แล้วกดริมฝีปากแข็งกระด้างลงปิดปากนางอย่างไม่ปรานีปราศรัย“อึ...อื้อ!”จู่ๆ...จู่ๆ ก็ถูกทำแบบนี้...!หนิงซินทั้งตกใจทั้งหวาดกลัวจนประคองสติเอาไว้ไม่ไหว ร่างเล็กๆ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status