“หยุนซีนี่เจ้าตัดสินใจแน่แล้วงั้นหรือ เราสองคนรักกันมิใช่หรือ”“ข้าเองก็เคยคิดเช่นนั้น จนกระทั่งวันที่ทุกอย่างมันเปลี่ยนไป”“แต่ว่า…”“หากท่านรักข้าจริง ในวันนั้นเหตุใดจึงไม่บอกให้บิดา ว่าท่านรักผู้ใดกันแน่ เพราะความขี้ขลาดและไม่กล้าขัดคำสั่งจึงยอมแต่งงาน นั่นก็แสดงว่า ท่านไม่คู่ควรกับข้าอีกต่อไป”“หยุนซี… ข้ายอมรับว่าในวันนั้นตัวเองขี้ขลาดเกินไป แต่วันนี้! ชีวิตนี้ข้าเลือกเองได้แล้ว ตอนนี้ข้ามาเปิดร้านที่นี่ด้วยตัวเอง และตัดสินใจเองทั้งหมดโดยไม่มีใครบงการชีวิต ต้องขอบคุณเจ้าที่มอบอิสระให้ข้า”“ในเมื่อท่านได้โอกาส เช่นนั้นก็จงใช้ชีวิตให้ดี ๆ และอย่าได้มายุ่งเกี่ยวกับข้าอีกเลย ลาก่อน”“หยุนซี!”นางเดินออกมาจากห้องทันที และรีบออกจากโรงน้ำชามุ่งไปด้านหลัง นางจำได้ว่าที่นี่อยู่ติดทะเลสาบ จึงเดินเล่นไปเรื่อย ๆ และหันไปมองผู้ที่เดินตามมา“หากก้าวตามข้ามาอีกก้าวเดียวข้าจะ…. ท่านอ๋อง”นางคิดว่าหลี่ต้าเซินเดินตามนางออกมา จึงหันกลับไปพร้อมที่จะทำร้าย แต่เมื่อเห็นว่าเป็นจ้าวเฟิงหมิง นางก็เริ่มอ่อนแอลงทันทีและเริ่มร้องไห้ออกมา ท่านอ๋องมิได้ถามอะไร เขาเพียงแค่เดินมาและหยิบปิ่นที่มือนางมาถือเอาไว้
“หลินหยุนซี…. บุตรีคนโตของแม่ทัพหลินฟ่านแห่งซานตง”“พ่ะย่ะค่ะ”แม้ว่าจะยังไม่มั่นใจนัก แต่เรื่องราวทั้งหมดก่อนหน้านี้ รวมถึงการปรากฏตัวของไป๋หรูเฟยที่เมืองม่านโจวที่เขาสงสัย และตามสืบเท่าใดก็ไม่เคยพบ บางทีตอนนี้อาจจะใกล้ความจริงเข้ามาแล้วก็ได้ “หลินหยุนซี… ไป๋หรูเฟย นางมาที่นี่กับสาวใช้สองคน อีกทั้งยังมีทรัพย์สินอีกมากมายติดตัวมาด้วย ตั๋วเงิน ทรัพย์สิน ตราประทับ ใช่แล้ว!”ท่านอ๋องรีบเดินไปที่ห้องเก็บเงินของหอเมฆาทันที เขาให้ผู้ดูแลเปิดห้องเก็บเงินที่มีกลไกล็อกอยู่สามชั้น กว่าจะเดินเข้าไปถึงด้านในก็ต้องใช้ป้ายคำสั่งพิเศษเพื่อเปิดประตูเหล็กบานสุดท้าย เมื่อเข้ามาก็ตรงไปที่ห้องเก็บเงินของไป๋หรูเฟยทันที“ตั๋วเงินมาจากที่ร้านต้านเหอ เมืองซานตง... สกุลไป๋”ตอนนั้นเขาเห็นว่าแซ่ไป๋เหมือนกันจึงมิได้ตรวจโดยละเอียด เขาค้นไปเรื่อย ๆ เพราะทรัพย์สินที่นางนำมาฝาก ส่วนใหญ่เป็นแผ่นทองและตั๋วเงิน มีกล่องอัญมณีกล่องเล็กที่ไม่เคยถูกเปิดมาก่อน เขาดึงออกมาและลองเปิดออกทันที ในนั้นมีชุดเครื่องประดับที่ทำมาจากเพชรและทับทิม แกะสลักแล้วฝังไข่มุกราตรีอยู่ด้านใน เมื่อหยิบกำไรขึ้นมาก็เห็นชื่อสลักเอาไว้“ไป๋หรูฟาง
หรูเฟยสะดุ้งและยืนตัวแข็งทันที ไม่นานคนที่ทักนางก็เดินมาตรงหน้า และต้องตกใจเมื่อเห็นสีหน้าที่ซีดจัด เหงื่อที่พร่างพรูบนใบหน้าของหรูเฟย“หรูเฟยนี่เจ้าเป็นอะไรไป เหตุใดถึงตกใจขนาดนี้เจ้าวิ่งหนีอะไรมา หรือว่ามีคนร้ายดักปล้นเจ้าอีกแล้ว!”“ทะ ท่านอ๋อง!”นางทำสีหน้าโล่งอก และเผลอวิ่งเข้าไปกอดเขาทันที โชคดีที่เป็นตรอกที่มีคนสัญจรน้อย ท่านอ๋องเองก็ประหลาดพระทัยไม่น้อยที่มาพบนางที่นี่ เขาเดินตามนางออกมา หลังจากเห็นหรูเฟยวิ่งเข้าไปตรอกข้าง ๆ ร้านขายเครื่องประดับ“ไม่เป็นอะไรแล้วนะ ข้าอยู่นี่แล้ว”ท่านอ๋องหันไปมองหน้าหยวนจื่อ ซึ่งรู้ทันทีว่าต้องทำสิ่งใด เขาเดินออกไปทันที“เจ้าเป็นอะไรไป”“หม่อมฉัน… อยากหาที่นั่งพัก”“เช่นนั้นไปโรงน้ำชา…”“ไม่ได้! ไปที่นั่นไม่ได้เพคะ ไม่ได้”“งั้นตามข้ามาเถอะ”“ท่านจะไปที่ใด”“ไม่มีใครกล้าเข้ามาที่นี่หากข้าไม่อนุญาต มาเถอะแล้วค่อยคุยกัน”นางมิอาจปฏิเสธ แต่ตอนนี้ก็ไม่มีหนทางอื่น ไม่นานท่านอ๋องก็พานางเดินกลับมาที่ร้านฝากเงินเจิ้นตงจวินอีกครั้ง“เอ่อ ท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ แม่นางท่านนี้…”“ห้ามให้ใครขึ้นมาเป็นอันขาด”“พ่ะย่ะค่ะ”จ้าวเฟิงหมิงพาหรูเฟยขึ้นไปที่ชั้นสองทันที
“เจ้าอย่าได้พูดเช่นนั้น หากท่านพี่ของเจ้ามาได้ยินจะถูกดุเอาได้นะ”“ข้ามิได้พูดผิดนะ หากท่านไม่เชื่อก็หันไปดูเองเถอะ ข้าเห็นจนไม่อยากมองแล้ว”หรูเฟยหันไปมองท่านอ๋องที่เดินเข้ามาในตำหนัก เดิมทีพระองค์คิดว่าหรูเฟยจะออกมาต้อนรับ แต่เมื่อเข้ามากลับต้องตกใจเมื่อเห็นหวงชิงอวี้ ตอนนี้พระองค์เดินมาที่ศาลา หรูเฟยที่ยังนั่งอยู่กับอันถิงก็ลุกมาทักทาย“ถวายบังคม…”ท่านอ๋องเดินมาดึงตัวนางขึ้นทันทีทั้ง ๆ ที่ยังไม่ทันพูดจบ อันถิงแม้จะตกใจแต่ก็แอบยิ้ม ส่วนชิงอวี้นั้นยืนตัวแข็งอยู่ด้านหลัง นางถึงกับพูดไม่ออกและไม่คิดว่าท่านอ๋องจะทำเช่นนี้ต่อหน้านาง“เจ้าทำแบบนี้อีกแล้ว พึ่งหายไข้ไม่ต้องมากพิธีขนาดนั้น วันนี้ก่อนจะมาที่นี่ดื่มยาหรือยัง”“ท่านอ๋อง…”“ข้าถามเจ้าก็ตอบมาเถอะ”"ดื่มแล้วเพคะ"“แล้วมานั่งศาลาแบบนี้ ตากลมเดี๋ยวก็ไม่สบายอีกหรอก ข้าหิวแล้วไปกินข้าวกันเถอะ วันนี้เจ้าเอาขนมมาเผื่อข้าหรือไม่”“คือว่า… ปล่อยก่อนเถิดเพคะ”หรูเฟยพยายามที่จะใช้สายตาบอกพระองค์ว่าที่นี่ยังมีคนอื่นอยู่ แต่ดูเหมือนว่าท่านอ๋องจะมิได้ใส่พระทัย แต่เมื่อถูกหรูเฟยส่งสายตามาอีกครั้ง จึงหันไปมองหวงชิงอวี้“จริงสิหวงชิงอวี้ เมื่อคร
วันถัดมาหรูเฟยมาที่ตำหนักท่านอ๋องด้วยรถม้าที่ถูกส่งไปรับ เมื่อมาถึงหน้าตำหนัก อันถิงก็วิ่งมารออยู่สวนด้านหน้า“พี่หรูเฟยท่านมาแล้ว พี่เฟิงหมิงบอกข้าว่าท่านป่วย ตอนนี้หายแล้วหรือเจ้าคะ”“พี่หายดีแล้ว วันนี้เอาขนมมาฝากเจ้าด้วยนะ”“เช่นนั้นท่านรีบเข้ามาเถอะเจ้าค่ะ ข้าอยากฝึกเดินหมากกับท่าน”ทั้งสองนั่งเล่นที่ศาลาจนถึงช่วงใกล้เที่ยง ดูเหมือนว่าอันถิงจะมีทักษะในการเดินหมากดีกว่าอย่างอื่นในบรรดาศาสตร์ทั้งสี่ “ยอดไปเลยอันถิง เอาชนะพี่ได้แล้ว”“ท่านพี่หรูเฟยท่านชมข้าเกินไปแล้ว เหตุใดเมื่อครู่ต้องยอมถอยให้ข้าด้วยเล่าเจ้าคะ”“พี่หรือ เจ้ารู้ได้เช่นไรกัน”“หากท่านไม่ถอยหมากออกไป แล้วยอมให้ข้าล้อม กระดานนี้ข้าก็แพ้ท่านอีกอยู่ดี”“พี่…”“ท่านหญิง คุณหนูหวงมาเพคะ”“นางมาอีกแล้ว ข้ารู้แล้วล่ะให้เข้ามาเถอะ”“เพคะ”สีหน้าของอันถิงดูเบื่อหน่ายเล็กน้อย นางหันมาและใช้นิ้วขยับให้หรูเฟยเข้ามาใกล้ ๆ “มีอะไรหรือ”“ที่จริงแล้วพี่หวงมิได้อยากมาหาข้าสักหน่อย นางมาที่นี่ก็เพราะอยากมาพบท่านพี่ต่างหาก แค่ใช้ข้าเป็นข้ออ้างเท่านั้นเอง”“เหตุใดจึงพูดเช่นนั้น เราเล่นกันต่อดีไหม”“ข้าไม่อยากเล่นแล้ว ไปกินขนมดีกว่าเจ
“อะไรนะเพคะ”“อันถิงเป็นธิดาเพียงคนเดียวของพระสนมฟู่ มีศักดิ์เป็นน้าของข้า แต่เพราะเป็นอ๋องต่างแซ่ดังนั้นจึงมีผู้ที่คิดร้ายเยอะ ข้าประมาทจึงทำให้นางถูกลักพาตัว ครั้งนั้น “หวงชิงไห่” เสนาบดีกรมพิธีการช่วยข้าสืบจนไปพบนางที่วัดร้างท้ายเมือง”“เช่นนั้น...”“โชคดีที่ฆ่าผู้ก่อเหตุและจับตัวขุนนางชั่วมาลงโทษได้ อันถิงปลอดภัยแต่ระหว่างทางคนร้ายก็ฆ่าทหารอารักขา สาวใช้และคนที่ดูแลนางหลายคนไปต่อหน้า อันถิงจึงกลัวคนแปลกหน้าและไม่กล้าเชื่อใจใครอีก”“เช่นนี้นี่เอง”“ชุนอิง… นางเป็นหลานสาวของพระสนมฟู่รับอาสามาดูแลอันถิงหลังจากนั้น นางใช้เวลาอยู่เกือบหกเดือนกว่าอันถิงจะยอมไว้ใจนาง แต่สุดท้ายก็อย่างที่เจ้ารู้”“นางสร้างความเสื่อมเสียให้ตำหนักอ๋อง พระองค์จึงไล่นางไป”“ข้าไม่ชอบที่นางไปก่อเรื่องและสร้างความวุ่นวายกับเจ้า เห็นเจ้าโกรธเพราะเรื่องนี้ก็เลยอยู่เฉยไม่ได้ ต่อให้นางไม่อ้างเรื่องของข้า ถึงอย่างไรก็ปล่อยไปไม่ได้อยู่ดี”“อะไรนะเพคะ”หรูเฟยนั่งฟังที่เขาเล่า และเริ่มจับสังเกตจากจังหวะการพูดได้ นางเลยหันกลับไปถามเขาอีกครั้ง “แม่นางผู้นั้นมีใจให้พระองค์สินะเพคะ”เมื่อเห็นท่านอ๋องนั่งนิ่ง นางจึงถามต่อ