หลังจากทักกันหลังจากนั้น ฉันก็รอโหนตากผ้าปูที่นอนที่โซฟาอย่างว่าง่าย แถมยังยืมเสื้อเขามาใส่ด้วย... โดยที่ไม่ใส่บรา เพราะปวดหน้าอกนิดหน่อยเพราะแรงขยำของโหน
เสื้อโหนหอมน้ำยาปรับผ้านุ่ม เป็นกลิ่นที่ละมุนไม่เข้ากับเขาเลย
โหนเดินเข้ามาหลังจากที่ฉันแอบดมฟุดฟิดอยู่กับเสื้อยืดของเขาไม่กี่นาที ฉันรีบทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ทำเป็นไม่ได้ดมเสื้อเขาแล้วทำท่าทางปกติ ในขณะที่หน้าแดงตอนที่เห็นว่าเขาล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงบ็อกเซอร์ ร่างกายโหนที่เปลือยท่อนบนทำให้ฉันนึกไปถึงเรื่องที่เรา...
แง
“เหม็นกลิ่นบุหรี่มั้ยวะ” เขาเดินเข้ามายืนอยู่ตรงหน้า มือก็ไล่กลิ่นควันบนตัว
“เหม็น” ฉันตอบ แล้วเอานิ้วปิดจมูก “คนตัวเหม็น”
“ไอ้นี่” เขาพูดขำๆ แล้วขยี้หัวฉันไปหนึ่งทีด้วยความเอ็นดู “แต่ก็ไม่เท่าคนที่เสียวจนฉี่ราดหรอกมั้ง”
พอเขาพูดถึงเรื่องนี้หน้าฉันก็หงอยสนิทใจ ก้มหน้าก้มตาไม่กล้าสบตาเขา
“... รังเกียจเหรอ”
“ว่าไงนะ” โหนย้อนถามเมื่อเห็นว่าฉันพูดเสียงเบา ฉันเลยเบ้หน้าออกมา
“หะ... โหนรังเกียจใช่มั้ยอ่ะ ก็เราฉี่ราดใส่โหนตอนที่มีอะไรกัน” ฉันพูดแล้วก็น้ำตาคลอ เพราะขายหน้าเกินทน โหนคงชอบฉันไม่ลงแล้วล่ะ พอได้เห็นฉันทำตัวน่าเกลียดแบบนี้ “เรา...”
“พูดบ้าอะไร” แต่ฉันก็ต้องชะงักเมื่อโหนแทรกขึ้นมาทันที เขานั่งยองๆ ลงตรงหน้าฉัน และเพราะฉันตัวเล็กแถมนั่งอยู่ ใบหน้าเขาเลยอยู่ใกล้มาก “เธอเรียนหมอมาไม่ใช่เหรอ เพศศึกษาคงเคยเรียนมั้ง”
“...”
“ผู้หญิงเวลาถึงจุดสุดยอดมีหลายแบบ แต่ถ้าเสียวมากฉี่พุ่งทุกคน” ฉันเบิกตาโต “มันก็แค่บ่งบอกว่า เราแม่งเด็ดมากจนทำเธอถึงจุดสุดยอดได้”
ฉันอ้าปากค้างออกมาเมื่อได้ยินคำพูดเข้าขั้นหลงตัวเองของเขา ถึงมันจะเป็นเรื่องจริงก็ตาม โหนฉีกยิ้มร้าย ก่อนที่จะรู้สึกว่าใบหน้าเขาจะเข้ามาใกล้อีก
และดูเหมือนว่าจะใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
“...”
“ไว้จะทำให้ฉี่แตกอีกนะ... เมียขา”
[พาร์ท : โหน]
เสื้อยืดของผมพออยู่บนตัวชูใจที่ตัวเล็กกว่า มันก็ดูสวยดี
ผมฉีกยิ้มอยู่คนเดียวหลังจากเดินลงมาจากตึกเธอ ได้เสื้อคืนมาเมื่อก่อนหน้านี้ กลิ่นตัวชูใจติดอยู่บนเสื้อ ทำเอาไม่อยากจะซัก
ผมจุดบุหรี่ขึ้นดูดตอนที่เดินไปที่รถมอเตอร์ไซค์ นึกถึงภาพชูใจตอนอยู่ใต้ร่างแล้วฮึกเหิมคนเดียว รอยข่วนเธอที่หลังผมยังเจ็บแสบเล็กๆ ผมกุมอกตัวเองที่ใจเต้นแรงกว่าครั้งไหน เพราะฤทธิ์เสน่ห์ของเธอ
เวลาอยู่ใต้ตัว เซ็กซี่งี้นี่เอง
ชิบหาย
“ลงหน่อยได้มั้ยวะ” ผมพึมพำกับตัวเองเมื่อรู้สึกได้ว่าท่อนเอ็นในกางเกงยีนส์ตัวเก่งลุกชัน นึกอยากขึ้นไปละเลงรักเธออีกสักรอบ แต่ชูใจคงไม่ไหวแล้วว่ะ
ช่างเหอะ เอาเป็นว่าวันนี้แม่งสุขที่สุดในโลก
ผมขึ้นคร่อมรถมอเตอร์ไซค์อย่างลวกๆ สตาร์ทรถแล้วจะขับกลับบ้าน แต่เหมือนว่าเพื่อนจะโทรมา เลยต้องรับก่อน
ติ๊ด
“ว่าไง”
[มาเอาปากกระแทกเหล้าหน่อยปะไอ้โหน] เป็นไอ้รัก ไอ้เหี้ยโล้นที่โทรมา หลังจากไอ้พันแยกไปผมก็ตัวติดกับพวกมันเพราะไม่อยากจะคบใครนอกจากนี้ หลังจากเจ็บจากไอ้พันผมก็ไม่อยากสุงสิงกับเพื่อนใหม่
ผมที่คาบบุหรี่ค้างไว้ถุยทิ้ง นึกไปถึงร่างเล็กในห้องที่จากมา
“ไม่ว่ะ ช่วงนี้จะพักก่อน”
[เอ้า ไมวะ] ผมฉีกยิ้มออกมา นึกขำอยู่คนเดียว
“เมียไม่ให้แดก”
ผมขับมาถึงตึกตัวเอง คีบบุหรี่อีกมวนจะจุดสูบ แต่ก็เหมือนจะเห็นว่ามีคนอื่นรออยู่ใต้ตึก
ผมเงยหน้าขึ้นมอง เห็นเป็นไอ้พันที่มากับเพื่อนอีกคน ที่จำได้ลางๆ ว่าเป็นกลุ่มวิทยาลัยอื่นที่มันเริ่มหันไปคบ
มันมากันแค่สองคน ดูก็รู้ว่ามาเพื่ออะไร
ผมก็พอรู้เรื่องไอ้พันเวลาที่ทำกับคู่อริว่ามันชอบดัก ชอบหมาหมู่ แต่ไม่คิดว่าวันนี้ผมจะมาเจอมันกับตัวเอง
ผมแค่นหัวเราะ ก้มหน้าลงซี๊ดบุหรี่แล้วเดินผ่านพวกมันไปโดยไม่คิดจะหันกลับไปมองแม้แต่เสี้ยวตา
“มึงคงพูดจริง เรื่องที่ว่าจะยอมเป็นศัตรูกับกูแทนที่จะเลิกยุ่งกับชูใจ” ไอ้พันโพล่งขึ้นมาโดยที่ไม่มองหน้า ผมชะงักเท้าทันที “มึงคงรักชูใจจริงๆ”
“มึงเองก็คงรักชูใจมาก” ผมย้อนกลับ โดยที่ไม่หันไปมองหน้าเพื่อนตายที่ตอนนี้กำลังกลายเป็นคนแปลกหน้า “ถึงขนาดมาดักรอกูใต้ตึก”
“...”
“อยากรู้เหรอไอ้พัน” คราวนี้ผมหันกลับไปจ้องหน้ามัน แล้วฉีกยิ้ม
“...”
“ว่ากูเพิ่งกลับจากมาส่งชูใจใต้ตึก หรือเพิ่งออกมาจากห้องเธอ”
พลั่ก!
ไอ้พันต่อยหน้าผมทันที มันในตอนนี้ก็แค่คนที่อกหักจากผู้หญิงคนนึงที่หันไปคบกับเพื่อนสนิทตัวเอง ผู้หญิงที่มันเองก็มองว่าเธอล้ำค่าพอๆ กับผม คงทนไม่ได้ถ้าเธอคนนั้นต้องเสียซิงให้เพื่อนตัวเอง
“หยามกันมากไปมั้ยวะ” มันพ่นคำพูดออกมา ผมที่เซไปข้างหลังขบกรามแน่นเพราะคางบิดไปนิดหน่อย “มึงคงไม่รู้ว่ากับเรื่องชูใจกูจะทำอะไรได้บ้าง”
ผมสวนมันด้วยการต่อยมันไปเป็นครั้งแรก เหมือนกับครั้งแรกที่มันต่อยผมเมื่อกี้เพราะเรื่องผู้หญิง
“มึงมันก็แค่คนพาลไอ้พัน” ผมสบถออกมา ในขณะที่เพื่อนที่มากับมันจะเข้ามาล็อคคอผมไว้ “ถ้ามึงจะมาเพื่อพาลกะกูเรื่องที่ชูใจเป็นเมียกู มึงมันก็แค่ไอ้พวกขี้แพ้คนนึง!”
พลั่ก!
“อย่างน้อยกูก็รู้ว่าควรทำยังไงกับเพื่อนสนิท ไม่ได้หักหลังกันเหมือนมึง!” มันต่อยผมที่แรงด้อยกว่าเพราะโดนล็อคคอไว้ ผมหน้าหันไปตามแรงหมัด รับรู้ได้ถึงเลือดที่คาวคลุ้งอยู่ในปาก
มันแรงดีเกือบพอๆ กับผม ที่พาพวกมานี่ก็คือคิดจะยำผมให้เละ
หรือถ้าไม่ใช่ ผมก็ไม่ให้ชูใจกับมันแน่
“ก็เอาดิ” ผมฉีกยิ้ม แค่นหัวเราะออกมาอย่างเลือดร้อน “ถ้าต่อยกูแล้วมึงคิดว่าจะได้ชูใจก็ทำไป”
“...”
“แต่ถ้าเอากูไม่ตายวันนี้ มึงก็จะยังไม่มีสิทธิ์เหมือนเดิม!!”
ไม่ตายว่ะ แต่ก็สะบักสะบอมได้ที่
ผมเดินเซไปเปิดประตูห้องพักตัวเอง สภาพที่เต็มไปด้วยเลือดที่เกรอะกรังอยู่ที่จมูก ผมไขกุญแจเข้าไป แล้วตรงไปที่ห้องน้ำ จ้องหน้าตัวเองในกระจกที่ชัดขึ้นมาว่าหน้าผมมันเละแค่ไหน
ผมเปิดก๊อกน้ำ วักน้ำมาลูบหน้าตัวเอง ล้างเลือดออกจากแผล แม่งแสบ แต่ที่เจ็บแสบกว่าคือใจผมที่ตอนนี้มันโคตรเจ็บใจ
เจ็บใจกับคนที่ผมเคยเรียกมันว่าเพื่อน
มันก็คงผิดที่ผมเอง ที่รู้ว่ามันชอบชูใจ แต่เพราะผมชอบเธอมาก่อน ชอบมาตั้งแต่ ม.ต้น การที่เพื่อนชอบเหมือนกันมันจึงไม่เป็นอุปสรรคกับผม ผมยังคงรักชูใจต่อไป ในขณะที่มันเองก็ยอมแพ้ไป
แล้ววันนี้ วันที่ผมสมหวังกับผู้หญิงที่ผมแอบรักมาหลายปี มันจะมาทำแบบนี้กับผมเหรอวะ เพราะแค่ทนไม่ได้ที่ชูใจกับผมพร้อมที่จะมีอะไรกันแล้ว ชูใจยอมเป็นของผม
นี่มันก็แค่อาการแพ้แล้วพาล กูจะไม่ยอมเด็ดขาด
ผมเดินเซไปที่เตียง ล้มตัวเอาหน้าซุกกับหมอน ก่อนที่จะหลับตาลง มือที่อยู่ข้างลำตัวของผมกำหมัดแน่น คำว่าเพื่อนไม่มีอีกต่อไป ถ้าเกิดว่ามันทำผมได้เลือดขนาดนี้
ผมเป็นคนรักแรงเกลียดแรง ถ้าใครมาทำผมก่อน ผมเองก็จะสวนกลับไปในระดับที่เทียบเท่ากัน
ในเมื่อมันพร้อมที่จะแย่งเมียกู กูก็พร้อมที่จะปกป้องเธอเหมือนกันว่ะ
แต่
‘กูทักชูใจไปว่ารักเธอมานาน แล้วเธอก็เหมือนว่าจะให้โอกาสกูด้วยว่ะ’
คำพูดทิ้งท้ายของไอ้พันหลังที่รุมผมจนพอใจ ที่ผมไม่คิดจะปักใจเชื่อ ก็ดันสะกิดต่อมน้อยใจเล็กๆ ของผมขึ้นมาจนได้
ทำแบบนี้ไม่ได้ดิ เธอเป็นเมียเค้าปะ ชูใจ
[จบพาร์ท : โหน]
[พาร์ท : โหน]ผมนั่งจ้องหน้าจอโทรศัพท์นิ่งงันShoujai Chutimon : โหนShoujai Chutimon : ว่างอยู่มั้ย เรามีอะไรจะปรึกษาหน่อยข้อความที่ไม่ได้อ่านของชูใจโผล่ขึ้นบนหน้าจอ ผมกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ความพยายามที่จะลืมเธอพังลงก็วันนี้ไม่คิดว่าเธอจะทักมา ทำเหมือนเราเป็นเพื่อนกันอย่างสนิทใจขนาดนั้นเธอคงไม่รู้ ว่ามันลืมยากขนาดไหน กับการที่ต้องพยายามใช้ชีวิตโดยไม่มีเธอโดยที่ต้องเตือนตัวเองทุกวันว่ากูคือเพื่อน กูต้องเป็นเพื่อนแต่ก็คงเป็นเรื่องสำคัญมั้ง ถึงได้ทักมาได้ข่าวว่าไอ้ลูกโชนแทบไม่ยอมให้เธอออกห่างจากตัวเลยระหว่างสองอาทิตย์ที่ผ่านมา สองคนนั้นดูชัดเจนกันมากผมเคารพการตัดสินใจของเธอนะชื่อ โหน : รอเดี๋ยวนะชื่อ โหน : เราอยู่กับแฟนแต่ผมก็คงต้องเริ่มต้นใหม่เหมือนกันผมไม่ได้โกหก แค่พูดไม่หมดทุกอย่าง ว่าแฟนที่ว่าตอนนี้ก็แค่คุยๆ กัน ยังไม่ได้ตกลงคบกันจริงจัง เพราะผมยังตัดใจไม่ได้ชูใจชัดเจนขนาดนั้นแล้วว่ะ จะให้ผมเข้าไปแทรกกลางในฐานะอะไร ลูกก็ไม่มีแล้ว ไม่มีอะไรที่จะผูกมัดเราให้อยู่ด้วยกันอีก เข้าใจใช่ปะว่าแม่งไม่มีทางแล้วผมไม่ได้ไม่พยายาม แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มันตัดกำลังกูไปหมดแล้ว
ผมเมามาย ขับมอเตอร์ไซค์กลับไปที่ห้อง นอนกดแชทเฟสดูข้อความเก่าๆ ของผมกับชูใจที่คุยกันผมนึกยิ้มตอนที่นึกไปถึงสมัยที่คบกับเธอแต่เป็นได้แค่เพื่อนสนิท ไม่สามารถเป็นไรที่มากกว่านั้น อาจเพราะใจผมไม่กล้าพอ หรือไม่เธอแม่งก็ซื่อบื้อเกินไปแต่ก็นึกเสียใจว่ะ ที่วันนี้มันไม่มีวันนั้นอีกแล้วเป็นเพื่อนก็คงดีกว่า เพราะว่าเพื่อนไม่มีวันเลิกกันติ๊งเสียงแจ้งเตือนเฟสทำให้ผมชะงักที่จะเลื่อนดูแชทของเรา พอเปิดเข้าไปดูก็เห็นว่าเป็นแจ้งเตือนเฟสของชูใจที่ผมตั้งติดตามเธอไว้เวลาเธออัพอะไร มันขึ้นเหมือนว่าเธอจะลงรูปใหม่ใจผมเต้น ตอนที่กดเข้าไปดูมันใช่รูปเธอกับไอ้ลูกโชน เป็นภาพที่เธอเซลฟี่คู่กับมัน ในฐานะแฟนผมมองภาพนั้น ใจแม่งชายิบ ฉีกยิ้มออกมาตอนที่กดพิมพ์ข้อความส่งไปในแชทของเธอสั้นๆชื่อ โหน : ยินดีด้วยนะชูใจกดอ่านทันที ผมเผลอคิดว่าเธอจะรอผมอยู่ แต่ก็ใจแฟบลงเมื่อเธอพิมพ์ตอบกลับมาShoujai Chutimon : ขอบคุณนะShoujai Chutimon : โหนเอง ก็เป็นเพื่อนที่ดีเหมือนกันจงใจใช่มั้ยวะจงใจพิมพ์คำว่าเพื่อนให้ผมรู้สถานะตัวเองในตอนนี้ใช่ปะผมรู้อยู่แล้วชื่อ โหน : ขอบคุณสำหรับทุกอย่างนะชูใจชื่อ โหน : เรายังเป็นเพื่อนเ
พี่ลูกโชนมาส่งฉันที่หอพักอย่างเคย เหมือนทุกๆ วันที่เขามาส่งฉันแต่ก็แปลกนะ... ที่ฉันไม่รู้สึกอะไรกับเขาเลยหัวใจเล็กๆ ที่เติบโตอยู่ในท้อง มันถูกตีตราว่าเป็นลูกของเขาคนนั้น เป็นลูกของคนที่เลือกจะปล่อยฉันไปแค่เพราะว่าพ่อแม่ฉันไม่ยอมรับเขา“เลิกคบกับมันแล้วเหรอ น้องชูใจ” ฉันชะงักไปเมื่อได้ยินเสียงของพี่ลูกโชนที่กำลังขับรถอยู่ตรงหน้า ผู้ชายที่มีความมั่นคง มีรถ บ้านมีฐานะ เรียนวิศวะ ผู้ชายแบบนี้สินะที่พ่อแม่ฉันต้องการ“หมายถึงใครคะ?”“ไอ้ขี้ก้างนั่น” เขาเรียกโหนแบบไม่มีความเกรงใจ ฉันคลี่ยิ้มบางออกมา“ไม่ได้คบหรอกค่ะ ทำไมเหรอ?”“พี่แค่อยากรู้ว่าหนูคิดยังไง ที่พ่อแม่หนูให้หนูหมั้นกับพี่” พี่ลูกโชนหันมาถามอย่างต้องการคำตอบ ฉันนิ่งไปฉันในตอนนี้ต้องรู้สึกอะไรเหรอ?ก็เป็นแค่ตุ๊กตาล้มลุกที่พ่อแม่จับให้เดินไปทางไหนก็ได้ แม้กระทั่งเลือกทางเดินชีวิตของตัวเองฉันยังทำอะไรไม่ได้เลย นับประสาอะไรกับการที่ฉันจะต้องแสดงความคิดเห็นกับเขาว่าฉันชอบหรือไม่ฉันยังคงยิ้มอยู่ แต่หัวใจแตกสลาย“ชูใจคงรู้สึกอะไรไม่ได้ นอกจากยินดีค่ะ” ฉันเลือกที่จะตอบอย่างเป็นกลางที่สุด แม้มันจะดูให้ความหวังคนตรงหน้าก็ตาม “พ่อแม่เลื
ผมเดินเข้าไปที่หลังตึกวิทยาลัยช่างที่เป็นอริกัน เห็นไอ้พันนั่งดูดบุหรี่อยู่กับเพื่อนวิทยาลัยนี้อยู่ไม่ไกลมือผมกำหมัดแน่น สูดลมหายใจลึกๆ เพื่อให้รู้ตัวว่าผมกำลังทำอะไรไอ้พันมันสังเกตเห็นผมก่อนตอนที่ผมเหยียบใบไม้แห้งเสียงดัง มันที่นั่งยองๆ อยู่ลุกขึ้นยืนแล้วล้วงกระเป๋าสบตาผม ในขณะที่ผมเองก็เดินไปหยุดอยู่ตรงหน้ามัน“มึงมาที่นี่ทำไมวะ” มันถามผมขึ้นมา ใจผมนึกถึงชูใจแล้วก็คลายหมัดออก สบตากับมันอย่างเงียบงัน “เราไม่ใช่เพื่อนกันแล้ว มึงคงไม่มีธุระอะไรกับกู”“...”“อีกอย่าง ช่วงนี้กูก็ไม่ได้ไปยุ่งกับเมียมึงแล้ว...”“แล้วถ้ากูอยากให้มึงกลับมายุ่งกับชูใจอีก มึงจะว่าไง?” ผมแทรกมันขึ้นมา ไอ้พันชะงักไป มันมีสีหน้าไม่เชื่อ“พูดบ้าอะไร”“กูยุ่งกับชูใจไม่ได้แล้วตอนนี้” ผมจ้องตามัน ก่อนที่จะแค่นยิ้ม “กูทำชูใจท้อง แล้วพ่อแม่ชูใจไม่คิดยอมรับกู”“...!”“ถ้าเป็นมึง เขาอาจจะยอมรับ อีกอย่างชูใจก็เคยชอบมึง”ไอ้พันเบิกตากว้างเมื่อผมสารภาพออกมาว่าผมทำชูใจท้อง มันเซไปนิดหน่อย แต่เพื่อนมันคว้าแขนไว้ ผมเข้าใจดี เอาจริงๆ มันก็รักชูใจไม่ต่างกับผม ผมมันก็แค่ไอ้ขี้ขลาด ถ้าไม่ใช่ผม มันคงเป็นใครก็ได้“ชูใจท้อง...?” มั
“เค้าไม่พร้อมจะมีลูก ไม่พร้อมเหี้ยไรทั้งนั้น”“...”“เค้าไม่มีอนาคตว่ะเธอ เค้าเรียนยังไม่จบ เค้าไม่มีงานเป็นหลักเป็นแหล่ง” ผมร้องไห้ออกมา สุดท้ายก็อ่อนแอต่อหน้าเธอ ผมรู้ว่าร้อยทั้งร้อย ผู้ชายอายุยี่สิบต้นๆ มาเจอเรื่องแบบนี้คงตันไปหมดทุกทางเหมือนผมผมไม่พร้อมเลยจริงๆ ว่ะ“...”“ให้เวลาเค้าหน่อยนะชูใจ” ผมพูดคำนั้นออกมา เพราะผมไม่รู้ว่าผมจะทำหน้าที่พ่อที่ดีได้มั้ย ในเมื่อทุกวันนี้ผมยังไม่เป็นชิ้นเป็นอัน ไม่เคยคิดถึงเรื่องอนาคต ลำพังที่ขยันเรียน เพราะหลงรักเธอแค่นั้น “ให้เวลาเค้าสักสองเดือน”“...”“เค้าขอเวลาแค่สองเดือน” ชูใจมองผมทั้งน้ำตา เธอเองคงเจ็บช้ำกับคำพูดผมมากพอ ลำพังแค่ทำตัวแบบนี้ก็ทำลายความเชื่อใจลงไปมากแล้วกับแฟนที่กำลังตั้งท้องอยู่ แถมยังให้เธอรอผมอีกรอแม่งตั้งสองเดือน เป็นใครก็ไม่รอหรอกว่ะ“... งั้นโหนก็ไปตามทางของโหนเถอะ” ชูใจโพล่งขึ้นมาอย่างหนักแน่น เหมือนเธอรู้แล้วว่าคนอย่างผมมันไม่มีอะไรดีจริงๆ“...”“เค้าพร้อมจะลาออกเมื่อท้องโต และเค้าจะเลี้ยงลูกเอง”ผมกลับมาที่ห้อง หลังจากเมามายไม่ได้สติผมทรงตัวไม่อยู่ ร้องไห้ตลอดเวลาเลยว่ะ ผมได้แต่โทษตัวเอง ว่าเป็นเพราะผม ชูใจถึงได้ท
[ชูใจมีน้องแล้วนะคะ!]หัวใจผมแทบหยุดเต้นซะเดี๋ยวนั้น ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว มือถือที่กำไว้แทบหลุดจากมือหลังจากที่เพื่อนของชูใจโทรมาบอกว่าเธอท้อง ผู้หญิงคนนั้นบอกทางไปคลีนิคเสร็จสรรพก่อนจะวางสายไปเพราะต้องเข้าไปดูอาการชูใจ ผมก็ขับไปอย่างไร้จุดหมาย เรื่องที่ผมกลัวที่สุดแม่งเกิดขึ้นแล้ว ชูใจท้องแล้ว แล้วผมจะทำไงต่อไปดีวะ?ผมไม่ได้คิดถึงเรื่องที่จะมีลูกมาก่อน เท่าที่คิดได้คือ... ต้องไปหาเธอต้องไปดูให้เห็นกับตาว่าเธอท้องจริงๆ!ผมเร่งความเร็วมากขึ้นกว่าเดิม แต่เพราะความเหม่อลอยของผม มารู้สึกตัวอีกทีรถมอเตอร์ไซค์ของผมก็พุ่งเข้าชนเสาอย่างแรงเปรี้ยง!!เฮือกสุดท้ายผมคิดถึงชูใจ ก่อนที่จะคิดถึงลูกลูกของผม[จบพาร์ท : โหน]ฉันลืมตาตื่นขึ้นมาในความเงียบ พอรู้สึกตัวก็เห็นว่ามีมินตันนั่งอยู่ข้างๆ ด้วยสีหน้าเป็นห่วง เธอกุมมือฉันไว้ ในขณะที่ฉันเองก็รู้สึกอ่อนแรง“มินตัน...” ฉันเรียกชื่อเพื่อนออกมา ก่อนที่จะลูบหน้าท้องของตัวเองอย่างลืมตัว“ตื่นแล้วเหรอ” เธอสบตาฉัน ในความรู้สึกนั้นเหมือนเธอจะตำหนิกลายๆ ด้วยสายตา “ถ้ารู้ว่าไม่ไหวก็อย่าฝืนมาเรียนสิ”ฉันเม้มริมฝีปากแน่น ไม่อยากยอมรับว่ามันเกิดขึ้นจริงๆ