Share

บทที่ 9

หลังจากทานอิ่มแล้ว จ้านหยินก็หยิบกระเป๋าเงินออกมา เมื่อเปิดดูพบว่าไม่มีเงินสดมากนัก เขาจึงดึงบัตรธนาคารใบหนึ่งออกมาและวางบัตรธนาคารใบนั้นไว้ตรงหน้าไห่ถง

ไห่ถงเลิกคิ้วมองเขา

"คุณจะซื้อของต้องใช้เงิน บัตรธนาคารใบนี้ให้คุณใช้ครับ รหัสผ่านคือ..."

เขาหาปากกาและกระดาษมา เขียนรหัสผ่านบนกระดาษแล้วส่งให้ไห่ถง

"ต่อไปเงินในบัตรใบนี้จะให้คุณใช้จ่ายในบ้าน ผมก็จะโอนเงินเข้าบัญชีนี้ทุกเดือนพอเงินเดือนออก แต่ต่อไปถ้าคุณซื้ออะไรก็จดลงบัญชีไว้ ผมไม่สนใจว่าคุณใช้เงินเท่าไร แต่ผมต้องทราบว่าคุณจะนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้างครับ"

ตอนไปจดทะเบียนสมรสครั้งแรก ไห่ถงเคยถามเขาว่าสามีภรรยาต้องการระบบหารกันหรือไม่ เขาปฏิเสธในเมื่อแต่งงานแล้วเป็นสามีภรรยากันก็เป็นครอบครัวเดียวกัน เขาให้เงินเธอเล็กน้อยเพื่อใช้จ่าย เขาไม่ใส่ใจรื่องเงินเท่าไร

ยังไงเขาก็มีเงินเยอะจนแม้แต่ตัวเขาเองก็นับไม่ถ้วน ไม่รู้ว่าเขามีทรัพย์สินสุทธิจริง ๆ เท่าไร ปกติงานที่บริษัทยุ่งมาก เขาใช้เงินก็น้อย ดังนั้นการเลี้ยงดูภรรยาก็เท่ากับช่วยเขาใช้เงินได้นิดหน่อย

แต่เขาไม่ยอมถูกเอารัดเอาเปรียบ ในความคิดของเขาไห่ถงยังเป็นเหมือนสาวเจ้าเล่ห์ ดังนั้นแน่นอนว่าเขาต้องระวัง

ตราบใดที่เธอใช้เงินเพื่อบ้านหลังเล็กๆ หลังนี้ เขาก็จะไม่โต้แย้งว่าเธอใช้เงินอย่างไร

ไห่ถงไม่ชอบทัศนคติและพฤติกรรมของจ้านหยิน

เธอผลักบัตรธนาคารใบนั้นพร้อมกับกระดาษที่เขียนรหัสผ่านกลับไปที่จ้านหยิน เธอไม่ได้มองรหัสผ่านด้วยซ้ํา

"คุณจ้าน บ้านนี้ไม่ใช่ของแค่คุณคนเดียว ฉันก็อาศัยอยู่ที่นี่ด้วย คุณซื้อบ้านนี้ แต่ฉันมาอยู่ที่นี่ฟรี ๆ เรื่องค่าใช้จ่ายในครอบครัวเล็ก ๆ ไม่สามารถให้คุณออกเงินคนเดียวได้ เงินที่ต้องใช้จ่ายในการซื้อของเข้าบ้าน ฉันขอออกเถอะค่ะ"

"นอกจากจะซื้อของใช้ในบ้านราคามากกว่า 10,000 หยวน ฉันจะขอปรึกษาคุณค่ะ คุณให้เงินนิดหน่อยก็พอค่ะ"

รายได้ของเธอนั้นไม่แย่ สามารถจัดการกับค่าใช้จ่ายประจําวันของครอบครัวได้เว้นแต่ถ้าต้องใช้เงินจํานวนมาก นอกจากนั้นก็ไม่จำเป็นต้องใช้เงินของเขา

การที่เขาออกเงินไม่ใช่ว่าเธอรับไม่ได้ แต่ส่วนใหญ่เป็นทัศนคติของเขาทําให้ไห่ถงไม่พอใจ ราวกับว่าเธอจะโลภเงินค่าใช้จ่ายในบ้านของเขา และเขายังบอกให้เธอทําบัญชีอีกด้วย ชีวิตนี้ปกติเธอซื้อของไม่เคยทำบัญชี นอกจากค่าใช้จ่ายในร้านจะทําบัญชีไว้

จ้านหยินไม่ใช่คนโง่ ตรงกันข้ามเขาฉลาดมาก การปฏิเสธของไห่ถงทําให้เขาเข้าใจว่าทัศนคติของเขาทําร้ายความภาคภูมิใจในตนเองของไห่ถง หลังจากเขาเงียบไปครู่หนึ่ง เขาก็ดันบัตรธนาคารและกระดาษที่มีรหัสผ่านเขียนไว้กลับไป น้ำเสียงของเขาก็อ่อนโยนลงเล็กน้อยและพูดว่า "ผมรู้ว่าคุณเปิดร้านหนังสือและเป็นเจ้าของ มันสามารถหาเงินได้เท่าไรกันครับ? ในเมื่อคุณบอกว่าบ้านนี้เป็นบ้านของเรา คุณและผมต้องรับผิดชอบร่วมกัน จะปล่อยให้คุณแบกรับค่าใช้จ่ายทั้งหมดในบ้านคนเดียวได้อย่างไรครับ เอาเถอะ คุณไม่ชอบจดบัญชี ก็ไม่ต้องจดบัญชีแล้วกัน"

"เรื่องซื้อรถที่เคยบอกคุณ คุณคิดเห็นอย่างไรบ้างครับ? จะให้ผมช่วยคุณดาวน์ไหม ด้วยรายได้แต่ละเดือนของคุณ ผ่อนชำระงวดรถคันหนึ่งก็ไม่น่ามีปัญหาหรอก"

เขาไม่ได้ตั้งใจไปตรวจสอบว่ารายได้ของเธอเป็นอย่างไร แต่เธอสามารถเปิดร้านหนังสือที่หน้าโรงเรียนมัธยมกวนเฉิงได้ แสดงว่าเธอยังมีความสามารถอยู่บ้างและหาเงินได้ไม่น้อยเกินไป สมัยนี้ทำการค้าขายกับผู้หญิงและเด็กคือทํากำไรได้ดีสุด

"บ้านอยู่ไม่ไกลจากร้านฉันค่ะ ขี่จักรยานไฟฟ้าไปก็ได้ และการจราจรในเมืองกวนเฉิงนั้นรถติดในช่วงชั่วโมงเร่งด่วนของทุกวัน ขับรถสี่ล้อสู้รถสองล้อของฉันไม่ได้หรอกค่ะ"

จ้านหยินหลุดขำ

สิ่งที่เธอพูดกลับเป็นความจริง

ปกติเขาไปทํางานนอกเวลาเร่งด่วน

บางครั้งมีธุระต้องออกจากบ้านในช่วงชั่วโมงเร่งด่วน รถติดจนทำให้เขาสงสัยในชีวิตว่าทำไมไม่นั่งเครื่องบินส่วนตัวออกจากบ้านแทน

"มีรถก็สะดวกในวันหยุดสุดสัปดาห์ คุณยังสามารถขับรถและพาพี่สาวและหลานชายเที่ยวในวันหยุดสั้น ๆ ได้"

จ้านหยินจําได้ว่าคุณยายบอกว่าผู้หญิงคนนี้พึ่งพาอาศัยกันกับพี่สาวและคนที่ห่วงใยมากที่สุดก็คือพี่สาวและหลานชายของเธอ

"ค่อยว่ากันเถอะค่ะ เราเพิ่งแต่งงานกันไม่คุ้นเคยกัน จะให้คุณเเสียเงินมากขนาดนั้นเพื่อซื้อรถคันหนึ่ง ฉันก็รู้สึกอึดอัดใจ จริง ๆ เงินฝากของฉันเองก็เพียงพอที่จะซื้อรถแล้วแต่ฉันแค่อยากซื้อบ้านมากกว่า มีบ้านแล้วถึงจะเป็นครอบครัวจริง ๆ ฉันไม่เหมือนพวกผู้ชายที่ชอบซื้อรถมากกว่า"

ความแตกต่างระหว่างการเลือกซื้อบ้านและซื้อรถระหว่างผู้ชายและผู้หญิงนั้นแตกต่างกัน ผู้หญิงมักจะเลือกซื้อบ้าน ผู้ชายมักจะซื้อรถ

"อีกอย่าง พี่สาวฉันอยากเจอคุณค่ะ แต่ฉันบอกพี่สาวว่าช่วงนี้คุณเดินทางไปทำงานต่างจังหวัด วันหลังค่อยพาคุณไปพบพี่สาวฉันค่ะ"

จ้านหยินตอบกลับแค่อืม

หลังจากทั้งคู่คุยกันแล้ว ไห่ถงก็ไปตากเสื้อผ้า จ้านหยินนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นและนึกอยากอ่านหนังสือพิมพ์ บ้านเล็ก ๆ แห่งนี้ยังไม่ได้สั่งหนังสือพิมพ์รายเดือน และเขาก็หาหนังสือพิมพ์ไม่เจอ จึงได้แต่หยิบโทรศัพท์มาอ่านข่าวเพื่อฆ่าเวลา

"เสื้อผ้าของคุณซักหรือยังคะ?"

ไห่ถงตากเสื้อผ้าของตัวเองเสร็จแล้ว จึงถามผู้ชายที่เล่นโทรศัพท์มือถือบนโซฟา

"ผมจะจัดการเองครับ"

ปกติเสื้อผ้าทั้งหมดของเขาถูกส่งไปซักแห้งที่ร้านซักแห้ง

ไห่ถงเม้มปากและหยุดพูด เธอไปทำอย่างอื่นต่อ

กวาดพื้น ถูพื้น เก็บกวาดบ้าน

จ้านหยินมองเงาร่างของเธอในบ้านทำสิ่งที่คนรับใช้ต้องทำพลางขมวดคิ้ว ปากอยากจะพูดอะไรสักอย่าง หลังจากคิดอย่างถี่ถ้วนจึงไม่พูดอะไร

ในบ้านของพวกเขาเรื่องแบบนี้ทําโดยคนรับใช้ แต่ในบ้านของคนธรรมดา ส่วนใหญ่เป็นภรรยาที่รับภาระงานบ้านทั้งหมด

โชคดีก่อนที่พวกเขาจะมาเข้าอาศัย มีแม่บ้านของเขาได้จัดสรรให้คนมาทําความสะอาดและบ้านยังคงสะอาดมาก เธอกวาดไปรอบ ๆ แต่ไม่มีขยะใด ๆ

หลังจากทํากิจวัตรประจําวันเสร็จแล้ว ไห่ถงก็กลับไปที่ห้องของตัวเองจัดของสักพัก ก่อนหยิบโทรศัพท์มือถือของเธอออกมาแล้วพูดกับผู้ชายบนโซฟาว่า "คุณจ้าน ฉันจะไปที่บ้านพี่สาวของฉันก่อนแล้วตรงไปที่ร้าน คืนนี้คุณกลับมาประมาณกี่โมงคะ ส่งข้อความมาให้ฉันด้วยนะคะ ฉันจะเปิดประตูไว้รอคุณค่ะ"

"นอกจากการเดินทางไปติดต่อธุรกิจแล้ว ผมจะกลับมาทุกคืน ถ้าเดินทางไปติดต่อธุรกิจ ผมจะบอกคุณล่วงหน้าครับ"

ไห่ถงตอบกลับแค่อืม

"ไห่ ไห่ถง บัตรธนาคารใบนี้คุณเก็บไว้เถอะครับ"

จ้านหยินลุกขึ้นถือบัตรธนาคารและเดินไปหาไห่ถง ยื่นบัตรให้เธออีกครั้งและขอโทษเธอ "เมื่อกี้น้ำเสียงของผมพูดไม่ค่อยดีต้องขอโทษคุณ ผมขอโทษครับ!"

ไห่ถงมองเขาอยู่ครู่หนึ่งและรู้สึกว่าครั้งนี้เขาจริงใจขึ้นมาก จึงรับบัตรธนาคารพร้อมกับกระดาษที่เขียนรหัสผ่านและยัดเข้าไปในกระเป๋ากางเกงของเธอ

"ฉันไปก่อนค่ะ"

"โอเคครับ"

จ้านหยินยืนอยู่ที่เดิมและดูไห่ถงออกไป

พอประตูบ้านปิดแล้ว เขาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกอย่างมาก

ดูเหมือนเขาจะเล่นบทบาทของสามีได้ไม่ดีนัก

เมื่อกลับมานั่งที่โซฟาอีกครั้ง จ้านหยินหยิบโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนโต๊ะกลางโซฟาขึ้นมาโทรหาพ่อบ้านบ้านเก่า หลังจากพ่อบ้านรับสายโทรศัพท์แล้วเขาก็สั่งเสียงต่ำว่า "ลุงหยางพอคุณยายตื่น คุณบอกคุณยายด้วยว่าสุดสัปดาห์นี้พาลูกชายทั้งหลายและภรรยาของพวกเขามารับประทานอาหารที่หมิงหยวนฮวา การ์เด้น คุณยายเข้าใจว่าเรื่องอะไร"

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status