로그인“พูดได้ พูดได้ทุกเรื่อง นางอาจเป็นคนคุยเก่ง แต่นางฉลาดพอ ที่จะรู้ว่าสิ่งใดควรพูดมิควรพูด แต่เล็กจนโตนางไม่เคยทำให้ข้าเดือดร้อน วางใจได้”
“ข้าอยากรู้ว่าทำไมแหวนของฟางเฟยถึงอยู่กับท่าน ปิ่นของท่านทำไมอยู่กับฟางเฟย”
“ข้า…ทำเครื่องหมายหมั้นหมายกับนาง ทันทีที่นางมาถึงแดนสวรรค์ ข้อแรกข้าหลงรักหญิงสาวมนุษย์ผู้นี้ ตั้งแต่นางแรกเกิด ข้าเฝ้าดูแลนางมานับแต่นั้นจนวันนี้ ข้อสอง ข้าไม่ต้องการให้เหล่าเทพเซียนทั้งหลาย ดูถูกนาง ปิ่นของข้ามีพลังเทพ มันสามารถทำให้นางเป็นเหมือนเทพธิดานางหนึ่ง หากไม่มีใครใช้พลังตรวจสอบจริง ๆ จะไม่รู้เลยว่านางเป็นเพียงดวงจิตมนุษย์ แต่ตอนนี้องค์ฮั่นยุหวี่พ่อของข้าได้มอบเห็ดหลินจือวิเศษแก่นาง ทำให้นางมีพลังเพิ่มขึ้น แต่ก็คงอ่อนกว่าปกติ องค์ฮั่นเกาโฮ่วถึงพบเข้า ซึ่งข้าจะหาทางแก้ไขอีกที เพราะในภารกิจของเทพผู้พิทักษ์แห่งปัญจธาตุ ของเจ้าทั้งสองยังไม่จบแค่นี้”
จางจิ้งมองหน้าฟางเฟย ผู้หญิงและน้องสาวที่เขาหลงรัก ถูกหมั้นหมายไปกับใครอีกคน ที่เป็นถึงเทพเจ้าบนแดนสวรรค์ และเป็นบุตรชายขององค์ฮั่นยูหวี่ เทพเจ้าประจำตระกูลที่เขากราบไหว้มาตลอดชีวิต นี่มันเรื่องบ้าบออะไร
“เรื่องที่สอง สิ่งที่ฟางเฟยต้องทำยังมีอะไรอีก แล้วทุกครั้งต้องอันตรายแบบนี้ไหม”
“ก่อนหน้านี้ข้าคิดว่าจะมีแต่นางกับข้า แต่ในเมื่อมีเจ้าด้วย ต่อจากนี้ก็มีเราสามคน เราเหลืออีก 4 คนที่ต้องช่วยเหลือ อันตรายไหม ข้อนี้ข้าตอบไม่ได้ เพราะข้าไม่รู้ว่าสิ่งที่เทพเจ้าปัญจธาตุที่เหลือ ต่างกำลังเผชิญสิ่งใดอยู่ ข้าเลยประเมินไม่ได้ว่าอันตรายหรือไม่ ข้าถึงต้องการให้ฟางเฟย ฝึกฝนตนมากกว่านี้ ส่วนเจ้าความอัศจรรย์จากดาบทำให้เจ้าปลุกพลังด้านในจิตของตนออกมาได้ ข้าไม่ห่วง”
เกาจางจิ้งพยายามฟัง และทำความเข้าใจ แม้ว่าในเวลานี้เขาจะหูอื้อไปตั้งแต่ได้ยินคำตอบข้อแรกแล้วก็ตาม
“ข้อสุดท้ายใครคือเกามู่หลิน นางเป็นบรรพบุรุษคนแรกที่ได้รับคันฉ่องวิเศษนี้มาใช่ไหม”
“ใช่ นางคือเทพระดับสูงของสวรรค์ที่ลงไปเผชิญด่านเคราะห์ แล้วไม่กลับมาอีกเลย ร่วมทั้งของวิเศษคันฉ่องทองแดงนี้ ก็ตกหล่นอยู่ในแดนมนุษย์ไปด้วย นางคือผู้นำชุมชนที่ทำพิธีขอต่อสวรรค์ในเวลานั้น คันฉ่องนี้เป็นของนางมาแต่เดิม เลยไม่มีใครคิดจะตามคืนมา จนกระทั้งเวลาผ่านไปนักรบผู้พิทักษ์แห่งปัญจธาตุ ก็ควบม้าอาชาทมิฬของเขาหายตัวไปจากสวรรค์ พร้อมดาบปัญจธาตุ สวรรค์ถึงเริ่มหวาดหวั่น ออกตามหากัน เพราะแดนปัญจธาตุ เมื่อขาดของทั้งสองสิ่งพร้อมกันความสมดุลย่อมเสียหาย และเป็นตามนั้นจริง ๆ เทพประจำธาตุแต่ละคนเริ่มมีจิตใจหวั่นไหว บอบบาง นั่นทำให้สวรรค์เริ่มหวั่นเกรงต่อหายนะของแดนปัญจธาตุ ที่ค้ำคูณทั้งสามโลก”
“พูดได้ พูดได้ทุกเรื่อง นางอาจเป็นคนคุยเก่ง แต่นางฉลาดพอ ที่จะรู้ว่าสิ่งใดควรพูดมิควรพูด แต่เล็กจนโตนางไม่เคยทำให้ข้าเดือดร้อน วางใจได้”“ข้าอยากรู้ว่าทำไมแหวนของฟางเฟยถึงอยู่กับท่าน ปิ่นของท่านทำไมอยู่กับฟางเฟย”“ข้า…ทำเครื่องหมายหมั้นหมายกับนาง ทันทีที่นางมาถึงแดนสวรรค์ ข้อแรกข้าหลงรักหญิงสาวมนุษย์ผู้นี้ ตั้งแต่นางแรกเกิด ข้าเฝ้าดูแลนางมานับแต่นั้นจนวันนี้ ข้อสอง ข้าไม่ต้องการให้เหล่าเทพเซียนทั้งหลาย ดูถูกนาง ปิ่นของข้ามีพลังเทพ มันสามารถทำให้นางเป็นเหมือนเทพธิดานางหนึ่ง หากไม่มีใครใช้พลังตรวจสอบจริง ๆ จะไม่รู้เลยว่านางเป็นเพียงดวงจิตมนุษย์ แต่ตอนนี้องค์ฮั่นยุหวี่พ่อของข้าได้มอบเห็ดหลินจือวิเศษแก่นาง ทำให้นางมีพลังเพิ่มขึ้น แต่ก็คงอ่อนกว่าปกติ องค์ฮั่นเกาโฮ่วถึงพบเข้า ซึ่งข้าจะหาทางแก้ไขอีกที เพราะในภารกิจของเทพผู้พิทักษ์แห่งปัญจธาตุ ของเจ้าทั้งสองยังไม่จบแค่นี้”จางจิ้งมองหน้าฟางเฟย ผู้หญิงและน้องสาวที่เขาหลงรัก ถูกหมั้นหมายไปกับใครอีกคน ที่เป็นถึงเทพเจ้าบนแดนสวรรค์ และเป็นบุตรชายขององค์ฮั่นยูหวี่ เทพเจ้าประจำตระกูลที่เขากราบไหว้มาตลอดชีวิต นี่มันเรื่องบ้าบออะไร“เรื่องที่สอง สิ่งท
“เช่นนั้นรึ เอาเถอะข้าจะมองข้ามความเป็นมนุษย์ธรรมดาไป ถือว่านางกับบุรุษผู้นั้นสร้างผลงาน วันงานชมดอกท้อก็เชิญเจ้าทั้งสองด้วยแล้วกัน” องค์ฮั่นเกาโฮ่วหันไปทางหน้าพระพักตร์องค์ฮั่นยูหวี่ กล่าวลาแล้วเดินจากไป พร้อมกับเทพธิดาซูหนี่ที่ส่งสายตาอำมหิตให้ฟางเฟย“เอาละวันนี้พอเท่านี้ เทพท่านใดมีอะไรจะรายงานก็เขียนส่งขึ้นมา ข้าจะจัดการให้ตามลำดับ”พอการประชุมจบลง เหล่าทวยเทพต่างเข้ามาทำความรู้จักสองพี่น้องตระกูลเกา อย่างสนใจ รวมทั้งดาบปัญจธาตุและคันฉ่องทองแดง ที่ดูเป็นของวิเศษไปแล้ว“ท่านซื่อเว่ยต้าตี้ นางหนูพลังปราณอ่อนเบาจริง ท่านพานางไปขอคำปรึกษาจาก 4 สัตว์เทพ ให้พวกเขาช่วยเหลือนางดู อย่างไงเสียนางยังต้องทำหน้าที่ต่อ พลังอ่อนด้อยเช่นนี้จะเป็นผลร้ายมากกว่าดี”“ข้าขอบคุณท่านผู้เฒ่าที่ชี้แนะ ทุกอย่างที่เป็นผลดีต่อนางข้าจะทำอย่างเต็มที่”เกาจางจิ้งเห็นบรรยากาศทั้งหมด รวมทั้งท่าทางและความตั้งใจของซื่อเว่ยต้าตี้ที่มีต่อฟางเฟย ดูท่าเทพเจ้าหนุ่มผู้นี้คงมีใจต่อฟางเฟยจริง ๆ“ท่านผู้นี้” เสียงหวานไพเราะของหญิงสาวนางหนึ่ง ทักเกาจางจิ้งจากทางด้านหลัง จางจิ้งหันไปมองผู้เข้ามาทักทาย“ข้าเกาจางจิ้ง” “ท่านเก
“ไม่ใช่ข้าเพียงผู้เดียว ในสถานะการณ์นั้นยังมีท่านเทพซื่อเว่ยต้าตี้ และท่านกุ้ยอ้ายป๋อเฉิงด้วย”จางจิ้งรีบกล่าวขึ้น ไม่ขอรับความชอบเพียงผู้เดียว “แต่ถ้าไม่มีท่าน ในเวลานั้นข้ากับท่านซื่อเว้ยต้าตี้ถือว่าตกอยู่ในสถานะลำบาก อย่างไรเรื่องนี้ข้าต้องยอมรับว่าเป็นเพราะท่านที่ช่วยเหลือ”“ใช่เกาจางจิ้ง ท่านกุ้ยอ้ายป๋อเฉิงกล่าวถูกแล้ว ถ้าไม่ได้เจ้าสงครามครั้งนี้ แดนพฤกษาต้องพ่ายแพ้เป็นแน่” ซือเว่ยต้าตี้กล่าวสมทบ พร้อมส่งยิ้มให้จางจิ้ง“เอาเถอะ เราขอบใจเทพผู้พิทักษ์ปัญจธาตุทั้งสอง ที่ปรากฏตัวในเวลาที่เหมาะสม ส่วนแดนบุปผา ไท่จื่อไฉเหลี่ยงหวง ข้ามอบให้เจ้าไปจัดการ เหตุจากสงครามครั้งนี้เกิดจากความรักของเจ้า เจ้าควรมีส่วนแก้ไขปัญหาระหว่างสองดินแดน รู้จักผูกต้องรู้จักแก้”“รับบัญชาพระเจ้าค่ะ” ไฉเหลี่ยงหวง กล่าวรับรายงาน ไท่จื่อแดนสวรรค์ได้แต่แอบชำเลืองตามองเทพผู้พี่ ที่ไม่เคยปรากฎตัวเป็น 1,000 ปี แต่เวลานี้กลับเป็นที่ชื่นชมจากผลงานเพียงชิ้นเดียวที่เกิดขึ้น กลบรัศมีไท่จื่ออย่างเขาจนหมดสิ้น“วันนี้มีเรื่องสำคัญอันใด ดูท้องพระโรงคึกคักเป็นพิเศษ” เสียงสตรีนางหนึ่งดังมาจากประตูใหญ่ ทุกคนหันไปแล้วต่างทำความ
แหวนวงนี้ฟางเฟยรักมาก ใส่ติดนิ้วตลอด ทำไมถึงยอมยกให้ซื่อเว้ยต้าตี้ เกาจางจิ้งหันไปมองหน้าเกาฟางเฟย ตั้งใจอยากได้คำตอบจากหญิงสาว ฟางเฟยกลับเอาแต่นิ่งเงียบไม่มีคำตอบอะไรให้เขา ในช่วงเวลาปกติของแดนมนุษย์ที่ฟางเฟยสลบไม่ได้สติ จนมาอยู่ที่นี่เกิดอะไรขึ้นบ้าง ตั้งแต่มาถึง ดูเหมือนซื่อเว่ยต้าตี้ จะอยู่ข้างตัวฟางเฟย จนไม่มีโอกาสที่พี่น้องจะได้คุยกันเลย “เอาเถอะ พวกเจ้าตามข้าไปเข้าเฝ้าก่อน เกาจางจิ้งท่านต้องรายงานตัวต่อท่านพ่อข้า ด้วยท่านคือเทพผู้พิทักษ์ที่สาบสูญ ส่วนเรื่องของฟางเฟย เข้าเฝ้าเสร็จแล้ว เราค่อยมาคุยกัน ทุกสิ่งที่เจ้าต้องการรู้ข้าจะบอกทั้งหมด แล้วช่วยปรับคำพูดของเจ้าด้วยที่นี่แดนสวรรค์ ไม่ใช่เวลาในโลกของเจ้า ”ครั้งนี้ซื่อเว่ยต้าตี้ไม่ได้พาไปที่ห้องโถงเดิม แต่กลับพามาที่ห้องใหม่ที่ใหญ่โตกว่าเดิม มีทหารสวรรค์มากมายยืนเรียงรายทั้งสองข้างทาง ภายในโถงใหญ่ มีขุนนางสวรรค์และเหล่าเทพเจ้าต่าง ๆ ยืนรอกันอย่างเป็นระเบียบ แต่ละคนแต่งกายสวยงาม ซื่อเว่ยต้าตี้เดินนำเข้าไปตรงกลางที่เว้นว่างอยู่ แล้วไปหยุดยืนอยู่เบื้องหน้า องค์เทพเจ้าฮั่นยุหวี่ ที่แต่งกายสวยงามเต็มรูปแบบอย่างที่ฟางเฟยไม่เคยเห็น เ
เทพธิดานางหนึ่งกระโดดเข้าจับแขนเขาไว้ และส่งยิ้มหวานให้ “อยู่นิ่ง ๆ นะเจ้าคะ ให้ข้าช่วยท่านเถอะ” เทพธิดานางอื่น เห็นแบบนั้นก็รีบเข้ามารุมเกาจางจิ้ง พวกนางหัวเราะกันคึกคักชอบใจ แต่จางจิ้งกลับร้องขอความช่วยเหลือ จนเขาทนไม่ไหว ปล่อยพลังความหงุดหงิดออกมา จนทั่วตัวมีรัศมี บรรดาเทพธิดาสวรรค์ตำหนักซือเว่ย เห็นแบบนั้นแต่ล่ะนางก็สร้างพลังของตนเองขึ้นมาเพื่อข่มจางจิ้ง เกาจางจิ้งเห็นแบบนั้นเขาก็สงบจิตใจให้เย็นลง สุดท้ายก็ต้องยอมพวกนาง เพราะทุกคนเป็นหญิง ถ้าเขาทำรุนแรงออกไปคงไม่ใช่เรื่องดี“พอแล้ว ผมไม่ใช่ของเล่นของพวกคุณ อย่าเห็นเป็นเรื่องสนุก ผมจะให้ช่วยถอดแค่เกราะเท่านั้น อย่างอื่นผมทำเอง เข้าใจนะ ไม่อย่างนั้นอย่าว่าผมรังแกผู้หญิง เข้าใจกันรึยัง”คำพูดของจางจิ้งแม้ฟังดูแปลก ๆ แต่ก็พอเข้าใจได้ พวกนางพยักหน้า จางจิ้งถึงกับถอนหายใจออกมา ชายหนุ่มยอมยืนนิ่ง ๆ ให้พวกสาวสวรรค์ช่วยกันแกะเชือกถอดเกราะให้ เกราะโบราณนี่หนักจริง พอพ้นจากตัวจางจิ้งถึงรู้ว่าเขาสวมมันไปได้อย่างไง น้ำหนักมากขนาดนี้ เขาให้บรรดาพวกเทพรับใช้ออกไป ที่เหลือเขาขอจัดการเอง พวกนางก็ยอมออกไปแต่โดยดี จางจิ้งเดินสำรวจห้องของตัวเอง ห้อง
“พวกเจ้า ช่วยพาเกาจางจิ้งสหายข้า ไปอาบน้ำชำระร่างกาย แล้วทำความสะอาดชุดให้เขาด้วย ข้าจะพาไปเข้าเฝ้าองค์ฮั่นยุหวี่” ซื่อเว่ยต้าตี้กวักมือสั่งสาวใช้ 4 นางที่เดินผ่านมา ให้ดูแลแขกสำคัญ“แล้วข้าล่ะ ท่านซื่อเว่ยต้าตี้”“เจ้ามากับข้า ปล่อยพี่ชายเจ้าไปกับพวกนางดีแล้ว”ฟางเฟยมองพี่ชายเดินตามเหล่านางสวรรค์ไปอีกทาง ซื่อเว่ยต้าตี้จูงมือหญิงสาวเดินไปอีกทาง “ทำไมท่านไม่ให้พี่จางจิ้ง มากับเรา”“เกาจางจิ้งเป็นแขกของข้า ข้าย่อมต้องดูแลเขาเป็นพิเศษ แต่เจ้ามิใช่ เจ้าเป็นคู่หมั้นข้า ถือว่าเจ้าเป็นเจ้าของที่นี่ด้วยส่วนหนึ่ง เพราะฉะนั้นเจ้าไปกับข้าจึงถูกต้องแล้ว”“ซื่อเว่ยต้าตี้ ท่านเลิกเล่นสักทีเถอะ ท่านก็รู้ว่าเรื่องหมั้นกัน เป็นเรื่องที่เราพลอยตามน้ำกันไปเท่านั้น ท่านไม่มีทางชอบข้าจริง ๆ ท่านเป็นเทพเจ้าแห่งดวงดาวทั่วท้องนภา ข้าเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดา”“เจ้าเป็นผู้หญิงที่ข้ารู้สึกพอใจ ตั้งแต่แรกเห็น แล้วเลิกคิดว่าตนเองเป็นแค่มนุษย์ธรรมดา ตอนนี้ทั้งเจ้าและเกาจางจิ้งอยู่ที่นี่ ในฐานะของเทพเจ้าผู้พิทักษ์ปัญจธาตุ เจ้าเห็นสิ่งที่จางจิ้งเป็นหรือไม่ เขาคือนักรบสวรรค์ที่สาบสูญ ตอนนี้เขากลับมาแล้ว ส่วนเจ้าสาวงามข







