ครู่ต่อมาร่างกายหลี่หลงหลินกลายเป็นแข็งทื่อ ไม่รู้สมควรรับมือเยี่ยงไรข้าแกล้งหลับต่อ?หรือหมุนตัวกลับไปกอดนาง ทำเรื่องให้นางเขินอายสักหน่อย?สมองของหลี่หลงหลินต่อสู้กันหนักลงท้ายเขายังเลือกหมุนตัวกลับมา ตกตะลึงพบว่าซูเฟิ่งหลิงหลับไปแล้วต่อสู้มาตลอดทั้งวัน ยังตั้งใจอาบน้ำแช่กลีบดอกไม้เป็นพิเศษ ทำร่างกายให้หอมฉุย ฝืนพาตนเองมาหาหลี่หลงหลินนางเหนื่อยมากเกินไป ถึงเตียงได้ก็หลับ...แสงจันทร์ส่องผ่านบานหน้าต่าง ตกลงบนใบหน้ายามหลับของซูเฟิ่งหลิง แพรขนตายาวสั่นเบาๆ งดงามดุจนางเซียนในภาพวาด!หลี่หลงหลินมิอาจหักใจปลุกนาง ยิ้มน้อยๆ หมุนตัวเตรียมนอนหลับต่อพึ่บ!หลี่หลงหลินเพิ่งหลับตา กำลังจะเข้าสู่ห้วงฝัน จู่ๆ ก็รู้สึกเย็นวาบไปทั้งตัวซูเฟิ่งหลิงแย่งผ้าห่มไปจนหมดแล้ว!หลี่หลงหลินยื่นมือออกไปดึงผ้าห่ม กลับถูกนางถีบลงเตียงแล้ว!“บัดซบ...”หลี่หลงหลินโมโหมาก ลุกขึ้นมอง พบว่าซูเฟิ่งหลิงนอนกางแขนขา ยึดครองเตียงไปแล้ว“ได้ๆ ล่วงเกินไม่ได้ หลบก็ไม่ได้กระนั้นรึ?”หลี่หลงหลินเอือมระอา สวมเสื้อผ้าออกจากห้องเช้าวันต่อมา“นอนหลับสบายเหลือเกิน!”ซูเฟิ่งหลิงยืดเอวอย่างเกียจคร้าน เดินออกจ
เขาวางแผนเข้าไปนอนหลับชดเชยภายในห้องหัวหน้าสำนักศึกษาปรากฏว่าเพิ่งเข้าประตูก็มีขันทีมาถ่ายทอดพระราชโองการแล้ว “องค์ชายเก้า ฝ่าบาทมีรับสั่งให้ท่านและหมอเทวดาซุนเข้าวังในทันที!”หลี่หลงหลินขมวดคิ้ว “เข้าวังอีกแล้ว? เสด็จพ่อร้อนใจเพราะเรื่องผงปรุงรสไก่หนึ่งไหเพียงนี้เชียวหรือ?”ส่งขันทีถ่ายทอดพระราชโองการกลับไป หลี่หลงหลินมาที่ห้องซุนชิงไต้ ลากนางออกจากความฝัน “พี่สะใภ้สาม ฝ่าบาทให้พวกเราเข้าวัง! อาจเกิดเรื่องขึ้นแล้ว!”ซุนชิงไต้ยังแทะน่องไก่ในความฝัน น้ำลายไหลเยิ้ม นั่งบนรถม้าอย่างสะลึมสะลือ นี่ถึงมีสติขึ้นมา “หา องค์ชายเก้า! ท่านจะพาหม่อมฉันไปที่ใด?”หลี่หลงหลินพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “ข้าพูดหลายรอบแล้ว เข้าวังเข้าเฝ้าฝ่าบาท”ซุนชิงไต้พองแก้ม “เข้าวังอีกแล้วหรือ น่ารำคาญยิ่งนัก! รู้ตั้งแต่แรกว่าน่ารำคาญเพียงนี้ ก็ไม่รักษาอาการประชวรให้ฝ่าบาทแล้ว! พูดไปแล้ว ข้ายังไม่ได้กินข้าวเช้าเลยนะ...”หลี่หลงหลินเตรียมน่องไก่ไว้ตั้งแต่แรกแล้ว ยัดใส่มือนางมัดผมหางม้าสองข้างตามหลักโลลิ คลี่ยิ้มกว้าง “คิกๆ ขอเพียงมีน่องไก่ ไปที่ใดก็ได้!”รถม้าแล่นเข้าวังหลี่หลงหลินถือไหผงปรุงรสไก่ไว้ในมือ พาซุ
ฮ่องเต้หวู่เหม่อลอย ตรัสงึมงำ “วิถีแห่งฟ้าก็เป็นเช่นนี้? ตกลงเราทำผิดอันใด สวรรค์จึงลงโทษเราเช่นนี้!”ตู้เหวินยวนขยับขึ้นมาหนึ่งก้าว ประกบมือพูดว่า “ฝ่าบาท ระยะนี้ภายนอกเมืองหลวงเองก็พบว่ามีบางครอบครัวติดโรคร้าย! กระหม่อมสงสัยว่าอาจเป็นโรคเดียวกันกับไข้มาลาเรียที่หมอเทวดาซุนพูดถึงพ่ะย่ะค่ะ!”ฮ่องเต้หวู่ตกตะลึงหน้าถอดสี “อะไรนะ? หรือว่าโรคไข้มาลาเรียพิษจั้งนี้แพร่มาถึงเมืองหลวงแล้วกระนั้น?”เพราะเหตุนี้ฮ่องเต้หวู่จึงหวั่นวิตกทิศใต้ของต้าเซี่ย ปกติแล้วอากาศร้อน พบไข้จั้งชี่ได้บ่อยๆทว่าเพราะการเดินทางไม่สะดวก ไข้จั้งชี่แพร่เชื้อเพียงในบริเวณนั้น มิได้แพร่ออกมาอย่างง่ายดายแม้เป็นเช่นนี้ กลับมีคนตายเพราะไข้จั้งชี่ทุกปี จำนวนชวนให้คนตกตะลึง เห็นถึงความร้ายแรงได้!ราษฎร์ในเมืองหลวงแออัด มีสามัญชนหลายล้ายคน!หากไข้มาลาเรียแพร่มาถึงเมืองหลวง นั่นก็ยุ่งยากแล้ว!ฮ่องเต้หวู่รีบตรัส “หมอเทวดาซุน! ไข้มาลาเรียนี้ เจ้ามีวิธีรับมือหรือไม่?”ซุนชิงไต้ขมวดคิ้วแน่น “หม่อมฉันกลับรู้วิธีไม่น้อย! แต่ล้วนเคยลองมาก่อนแล้ว ผลลัพธ์ไม่แน่นอน...”ภายในห้องทรงพระอักษรเงียบกริบ เหล่าขุนนางล้วนก้มหน้า ส
? ? ?หลี่หลงหลินอึ้งงันอยู่กับที่แล้วนี่มันอะไรกันเล่า?ใครป่วย ก็ส่งไปขังในคุก?นี่คือหลักการอะไรกัน?ภายในคุกน้ำสกปรกโสโครก สภาพแวดล้อมไม่ถูกสุขอนามัยอย่างร้ายกาจคนป่วยถูกส่งเข้าไปขัง นั่นเท่ากับตัดสินโทษตาย!แต่ว่านี่ก็นับเป็นการกักกันอย่างหนึ่งบางทีวิธีรับมือโรคระบาดในยุคสมัยโบราณก็เรียบง่ายหยาบโลนเช่นนี้!ฮ่องเต้หวู่ขมวดคิ้วอยู่นานกลับไม่คลายออก ถอนพระทัย “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ถ่ายทอดพระราชโองการ!”ตู้เหวินยวนเห็นฮ่องเต้หวู่ยอมรับความเห็นของตนแล้ว ดีใจขึ้นมาในทันใด พูดต่อ “ไข้มาลาเรียเริ่มจากแดนเหนือ! กระหม่อมกำลังสงสัย ไข้มาลาเรียที่ถูกพบในเมืองหลวงนี้แพร่มาจากเหล่าผู้ลี้ภัย!”“กระหม่อมขอให้ฝ่าบาทถ่ายทอดพระราชโองการขับไล่ผู้ลี้ภัยด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”หลี่หลงหลินงุนงงแล้วตู้เหวินยวนนี่มิใช่กำลังล้อเล่นกระมัง?ต่อให้ไข้มาลาเรียแพร่จากแดนเหนือต่อให้บนตัวของผู้ลี้ภัยเป็นพาหะนำโรคจริงเจ้าไม่เข้ากระบวนการกักกันควบคุม ตรงข้ามกันต้องการขับไล่ผู้ลี้ภัยนี่มิใช่กำลังทำให้ไข้มาลาเรียแพร่ระบาดหรือ?เมื่อนั้นไม่เพียงเมืองหลวง ทุกหนแห่งไปจนถึงทั่วทั้งแคว้นต้าเซี่ย ผู้
“เสด็จแม่...ประชวร?”ฮ่องเต้หวู่ได้ยิน สีพระพักตร์เปลี่ยนไปอย่างสุดระงับ ตรัสถาม “ช่วงเช้ายังดีๆ อยู่เลย! เหตุใดจู่ๆ ก็ทรงประชวรได้เล่า? หมอว่ากระไร?”ขันทีก้มหน้า “หมอบอกว่าคือ...ไข้มาลาเรียพ่ะย่ะค่ะ!”ไข้มาลาเรีย!ฮ่องเต้หวู่เพียงรู้สึกโลกหมุนติ้ว เบื้องหน้ามืดสนิทคิดไม่ถึงเลยจริงๆไข้มาลาเรียแพร่เข้าเมืองหลวงว่องไวเพียงนี้ แพร่เข้าวังหลวงแล้วคนแรกที่ติดเชื้อถึงขั้นเป็นไทเฮา!ไข้มาลาเรียโรคระบาดนี้ร้ายกาจมากนักต่อให้เป็นคนหนุ่มสาวร่างกายแข็งแรงก็ทนไม่ไหวนับประสาอะไรกับไทเฮาพระชนม์พรรษาเกินเจ็บสิบแล้วเล่า?ฝีเท้าฮ่องเต้หวู่โซเซ ขาสองข้างอ่อนลง ล้มหน้าคะมำลงไปโชคดีเว่ยซวินอยู่ด้านข้าง รีบประคองฮ่องเต้หวู่ไว้ ตะโกนเสียงดัง “รีบตามหมอหลวง! ฝ่าบาท...ฝ่าบาทหมดสติ...”หลี่หลงหลินสบถด่า “ว้าวุ่นอะไร! หมอเทวดาซุนอยู่ที่นี่ ตามหมอหลวงอะไรกัน!”ซุนชิงไต้ขยับขึ้นไปในทันใด จับพระวรกายของฮ่องเต้หวู่ไว้ “ฝ่าบาทเพียงร้อนพระทัยเกินไป หมดสติไปแล้ว ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร!”ครู่ต่อมาฮ่องเต้หวู่ค่อยๆ ฟื้นขึ้น ประโยคแรกหลังลืมตาคือ “เร็ว! เราจะเข้าเฝ้าเสด็จแม่!”เดิมทีเว่ยซวินยังอยากใ
ซุนชิงไต้ไม่กล้าร่ำไร รีบมาหยุดข้างพระวรกายไทเฮา จับชีพจรนางเวลาผ่านไปสีหน้าซุนชิงไต้เกร็งเครียดมากยิ่งขึ้น ลงท้ายส่ายหน้า “ฝ่าบาท ไทเฮาเป็นไข้มาลาเรียจริงเพคะ! วิชาแพทย์ของหม่อมฉันตื้นเขิน ไร้ความสามารถอย่างแท้จริง...”พระเนตรฮ่องเต้หวู่แดงก่ำ ใกล้เสียสติเต็มที “หมอเทวดาซุน! เจ้าไม่มีหนทาง อาจารย์ของเจ้าเล่า? ในบรรดาหมอเทวดาที่เจ้ารู้จักจะต้องมีคนรู้วิธีเป็นแน่! บอกเรา เราจะรีบส่งคนไปตามหา!”ซุนชิงไต้เพียงส่ายหน้าถอนหายใจป่วยหนักต้องใช้ยาแรงหากไทเฮาอายุน้อยกว่านี้หลายสิบชันษา ซุนชิงไต้กลับรู้ตำรับยาหลายอย่าง สามารถใช้พิษล้างพิษ เดิมพันดูได้!ทว่าอายุของไทเฮามากเกินไปแล้ว!ยาแรงเหล่านี้ ซุนชิงไต้ไม่กล้าใช้หากเคราะห์ไม่ดี นี่ก็คือโทษหนักข้อหาปลงพระชนม์ไทเฮา!ซุนชิงไต้รับไม่ไหว!อาจมีเพียงเทพเซียน จึงจะสามารถรักษาไข้มาลาเรียของไทเฮาได้!“ฮือๆ...”ฮ่องเต้หวู่ปิดพระพักตร์ ทรงกรรแสงอย่างเจ็บปวดเขาเป็นฮ่องเต้ เดิมทีรักเกลียดไม่สมควรเปิดเผยออกมาทว่าเขาในฐานะลูกชาย ได้รู้ว่ามารดาล้มป่วย ไม่สามารถรักษาหายได้ ก็ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตนได้อีก ร้องไห้ออกมาอย่างเจ็บปวดตู้เ
เจ้าเป็นหมอเทวดา?ภายในตำหนักชิงหนิงเงียบกริบสายตาของทุกคนล้วนรวมอยู่บนตัวหลี่หลงหลิน หลี่หลงหลินยักไหล่ พูดยิ้มๆ “เดิมทีต้องการใช้ฐานะธรรมดาเข้าหาพวกเจ้า! แต่กลับแลกมากับความเข้าใจผิด! ไม่เสแสร้งแล้ว ข้าคือหมอเทวดา! ข้าแบไต๋แล้ว!”ซุนชิงไต้จับมือหลี่หลงหลินไว้ กระซิบเสียงค่อย “องค์ชายเก้า ท่านอย่าล้อเล่นเลย! ไข้มาลาเรียนี้ แม้แต่ข้าก็รับมือไม่ทัน! ท่านสามารถมีหนทางอะไรได้เล่า?”หลี่หลงหลินผินมองใบหน้าเล็กของซุนชิงไต้ “พี่สะใภ้สาม ข้ามิได้ล้อเล่น! ไข้มาลาเรียนี้ คนทั่วหล้ารักษาไม่ได้ ข้ากลับสามารถรักษาได้!”ฮ่องเต้หวู่กริ้วหนัก สบถว่า “เจ้าเก้า มาถึงขั้นนี้แล้ว เจ้ายังเหลวไหลอีก?”หลี่หลงหลินเอ่ยปากว่า “เสด็จพ่อ ลูกมิได้เหลวไหลจริงๆ! ไข้มาลาเรียของเสด็จย่า ลูกมีความมั่นใจเจ็ดส่วน!”เจ็ดส่วนนี่นับว่าสูงมาก!อย่างไรเสียไทเฮาก็พระชันษาเกินเจ็ดสิบแล้ว อายุมากเกินไปแล้ว!ตู้เหวินยวนยิ้มเย็น “องค์ชายเก้า กษัตริย์ตรัสแล้วไม่คืนคำ! อยู่ต่อหน้าพระพักตร์ฝ่าบาท หากท่านกล้าพูดเหลวไหล นี่คือกำลังหมิ่นเบื้องสูง!”หลี่หลงหลินเลิกคิ้วขึ้น พูดอย่างมั่นใจ “อ้อ? ใต้เท้าตู้คิดว่าข้าพูดเหลวไห
ถ้าปาฏิหาริย์เกิดขึ้นล่ะ?ยิ่งไปกว่านั้น นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่หลี่หลงหลินสร้างปาฏิหาริย์!สงครามที่เขาทิศประจิม เป็นเพียงตัวอย่างเท่านั้นใครจะคิดได้ว่าทหารม้าเหล็กซีเหลียง ซึ่งมีประสบการณ์การต่อสู้มาหลายร้อยครั้ง ไม่อาจเป็นคู่ต่อสู้ของกองทัพใหม่ตระกูลซูที่เพิ่งสร้างขึ้นมาได้ฮ่องเต้หวู่โบกมือแล้วพูดกับหลี่หลงหลิน “ไปเถอะ! หวังว่าเจ้าจะไม่ทำให้ข้าผิดหวัง!”เมื่อพูดจบแล้วฮ่องเต้หวู่นั่งยองๆ ลงที่หน้าเตียง จับมือไทเฮาเอาไว้แน่น ไม่ได้พูดอะไรอีกหลี่หลงหลินจับมือเล็กๆ ของซุนชิงไต้ แล้วออกไปจากตำหนักชิงหนิง“ซวยแล้ว ซวยแล้ว”ใบหน้าของซุนชิงไต้ตื่นตระหนก ร้อนรนเหมือนกำลังจะร้องไห้ “องค์ชายเก้า ครั้งนี้เจ้ามั่นใจเกินไป! เจ้าคิดว่าข้าจะมีทางช่วยเหลือไทเฮาอย่างนั้นหรือ! ข้าพูดไปหลายครั้งแล้ว ข้าทำไม่ได้จริงๆ...”หลี่หลงหลินมีสีหน้านิ่งสงบ “พี่สะใภ้สาม ข้าบอกเจ้าหลายครั้งแล้วว่าข้าเป็นหมอเทวดา สามารถรักษาโรคมาลาเรียได้! เหตุใดพวกเจ้าถึงไม่เชื่อล่ะ?”น้ำตาที่คลออยู่ในดวงตาของซุนชิงไต้เป็นประกาย “ไม่ใช่ว่าข้าไม่เชื่อ แต่เจ้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าโรคมาลาเลียคืออะไร”หลี่หลงหลินหัวเราะออกมา “
เหล่าขุนนางในราชสำนักต่างส่งเสียงฮือฮาผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนหาใช่จำนวนน้อยๆ ไม่!ฮ่องเต้หวู่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ใบหน้าเย็นชาเจ้ากรมกลาโหมเอ่ยเสียงเนิบนาบ “ฝ่าบาท ตามที่กระหม่อมเห็น ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนนี้คือภัยร้ายที่ซ่อนอยู่ในเมืองหลวง หากจัดการไม่เหมาะสม ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนก่อการจลาจลขึ้น เกรงว่า...”เจ้ากรมกลาโหมไม่กล้ากล่าวอะไรต่อหากเขากล่าวอะไรต่อไปอีก จะต้องทรงพระพิโรธเป็นแน่ แต่ก็จำเป็นต้องทูลเตือนฝ่าบาท ไม่ว่าก่อนหน้านี้หลี่หลงหลินจะเคยทูลรับรองสิ่งใดต่อหน้าฝ่าบาทก็ตาม ก็จำเป็นต้องทำให้ฝ่าบาททรงตระหนักถึงความร้ายแรงของสถานการณ์ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนส่วนใหญ่เป็นพวกที่ควบคุมได้ยาก คนเหล่านี้รวมตัวกันอยู่นอกเมืองหลวงได้สร้างผลกระทบเลวร้ายไม่น้อยแล้ว หากถูกผู้ไม่ประสงค์ดีปลุกปั่น ย่อมเกิดความวุ่นวายครั้งใหญ่เป็นแน่!แม้ว่าตอนนี้จางไป่เจิงจะนำทัพกลับราชสำนักแล้ว กำลังทหารในเมืองหลวงจะเข้มแข็ง ก็ยังคงเป็นปัญหาที่จัดการได้ยากอยู่ดีเหล่าขุนนางต่างเห็นพ้องต้องกัน“ฝ่าบาท เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับชะตาของแคว้นต้าเซี่ย โปรดอย่าได้ทรงประมาทเป็นอันขาดพ่ะย่ะค่ะ!”“ใช่พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท ขณะนี้
“อะไรนะ!”ฮ่องเต้หวู่ทรงพระพิโรธอย่างยิ่ง!เขาไม่เคยคาดคิดว่าหลี่หลงหลินจะกล่าววาจาเหลวไหลถึงเพียงนี้ นี่มันยิ่งกว่าการเห็นชีวิตคนเป็นผักปลาเสียอีก! ยามนี้ราษฎรยากจนถึงขั้นไม่มีปัญญาซื้อหาธัญญาหาร แล้วจะมีเนื้อที่ไหนให้กินกัน?เจ้ากรมคลังลดเสียงลง กล่าวว่า “ฝ่าบาท วาจาเหลวไหลเช่นนี้ออกมาจากโอษฐ์ขององค์รัชทายาทจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ ทีแรกกระหม่อมคิดว่าเป็นเพราะตนเองตาฝ้าฟางไป แต่ฎีกาหลายฉบับล้วนรายงานตรงกัน เกรงว่าวาจานี้คงเป็นสิ่งที่องค์รัชทายาทตรัสจริงๆ...”เหล่าขุนนางต่างส่งเสียงฮือฮาคาดไม่ถึงว่าหลี่หลงหลินจะทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ได้!ไม่เพียงแต่สร้างความเยือกเย็นในใจของราษฎร ยังสร้างความเยือกเย็นในใจของขุนนางในราชสำนักอีกด้วย นี่คือการกระทำชั่วร้ายที่ยากจะสาธยายให้หมดสิ้น อาลักษณ์จะต้องบันทึกเรื่องนี้ลงในพงศาวดารเป็นแน่ ทำให้ชื่อเสียงของหลี่หลงหลินฉาวโฉ่ไปชั่วกาลนาน!ฮ่องเต้หวู่ส่ายพระพักตร์ ทรงครุ่นคิดในพระทัยไม่ใช่ เจ้าเก้าไม่น่าจะทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ได้ อย่างน้อยในเมืองหลวง ราษฎรส่วนใหญ่ก็เคยได้รับความเมตตาจากเขา หรือว่าก่อนหน้านี้เป็นเพียงการแสดง?ฮ่องเต้หวู่ตรัสเสียงเย็น “
ณ ท้องพระโรงบรรดาขุนนางทั้งหลายต่างสงบเสงี่ยม ก้มหน้าคารวะถวายบังคมฮ่องเต้หวู่ทอดพระเนตรกวาดสายตาไปยังหมู่ขุนนาง พลางตรัสเรียบเรื่อย “เหล่าขุนนางทุกท่าน หากมีเรื่องก็กราบทูล หากไม่มีเรื่องก็เลิกประชุมเถิด”นับตั้งแต่หลี่หลงหลินเดินทางไปยังตงไห่ ราชสำนักก็ดูสงบขึ้นไม่น้อย ฮ่องเต้หวู่ซึ่งแต่เดิมก็เอนเอียงไปทางเก็บตัวเงียบๆ ก็เริ่มชินกับจังหวะสงัดเช่นนี้ ยิ่งตอนนี้จางไป่เจิงนำทัพกลับสู่เมืองหลวง ปัญหากำลังพลไม่พอในเมืองหลวงก็คลี่คลายลง บรรดาขุนนางที่เคยซ่องสุมคิดร้ายในเงามืด ก็พากันลดราวาศอกแต่แล้ว เจ้ากรมคลังก็ก้าวออกมา สีหน้าเคร่งเครียด “ฝ่าบาท กระหม่อมมีเรื่องจะกราบทูลพ่ะย่ะค่ะ”ฮ่องเต้หวู่เห็นเป็นกรมคลัง จึงขมวดคิ้วเบาๆ กล่าวว่า “ว่ามา”แม้ปัญหาเรื่องทหารจะคลี่คลาย แต่เงินในท้องพระคลังก็ยังร่อยหรอ หากกรมคลังเสนอฎีกาเมื่อใด มักไม่พ้นเรื่องเงินไม่พอใช้ ซึ่งเป็นสิ่งที่เขากลัดกลุ้มมาเนิ่นนาน เจ้ากรมคลังกล่าวด้วยเสียงหนักแน่น “ฝ่าบาท ขณะนี้เขตตงไห่ประสบภาวะขาดแคลนเสบียงจนเกิดทุพภิกขภัย ราษฎรอดอยากปากแห้ง ร้องทุกข์ระงม แต่ละเขตในตงไห่ต่างก็ส่งฎีกาขอความช่วยเหลือจากราชสำนัก...”ฮ
กงซูหว่านมองดูแบบร่าง โครงสร้างเรียบง่ายมาก แต่นางไม่รู้ว่าควรจะเรียกมันว่าอะไรหลี่หลงหลินเอ่ยเสียงเรียบ “นี่คือกระป๋อง”“กระป๋อง? มันสามารถถนอมอาหารได้หรือเพคะ?”หลี่หลงหลินยิ้มเล็กน้อย “แน่นอน หากสภาพแวดล้อมเหมาะสม แม้เวลาจะล่วงเลยไปแปดปี สิบปีก็ยังไม่เสีย”“นานขนาดนั้นเชียวหรือเพคะ?”กงซูหว่านเบิกตากว้าง อ้าปากค้าง ราวกับไม่เชื่อสิ่งที่ได้ยินในความเข้าใจของกงซูหว่าน การเก็บรักษาอาหารได้นานสักไม่กี่เดือนก็ถือว่าน่าทึ่งแล้วหลี่หลงหลินยิ้มบางๆ “ยิ่งไปกว่านั้น ขนาดของกระป๋องยังเล็กกระทัดรัด เหมาะแก่การพกพาในยามออกศึกยิ่งนัก”“หากพี่สะใภ้รองสามารถทำมันขึ้นมาได้ ข้าก็ตั้งใจจะเปิดโรงงานกระป๋องที่ตงไห่ แปรรูปปลาหวงฮื้อใหญ่จำนวนมหาศาลที่จับขึ้นมาโดยเฉพาะ”หลี่หลงหลินยิ้มบาง หากผลิตกระป๋องได้สำเร็จ ก็ไม่ต้องหวั่นไหวต่อภัยแล้งและความอดอยากอีกต่อไปกงซูหว่านยังคงตกตะลึง “โรงงานกระป๋องหรือเพคะ? ถึงข้าจะทำตามแบบได้เป๊ะๆ แล้วจะไปหาคนงานจากที่ใด?”ยามนี้ชาวเมืองตงไห่ต่างก็แย่งกันออกทะเลหาปลา กำลังคนขาดแคลนเป็นอย่างยิ่งหลี่หลงหลินตอบด้วยรอยยิ้ม “ไม่ต้องห่วง ให้ชาวตงไห่เขาหาปลากันต่อไ
วันต่อมา ห้องหนังสือจวนอ๋องหลี่หลงหลินยกมือนวดหว่างคิ้ว มือวาดบางอย่างบนกระดาษกงซูหว่านขมวดคิ้วแน่น ใบหน้าเต็มไปด้วยความเศร้าหมอง “องค์ชาย หม่อมฉันอิงตามวิธีของท่านแล้ว วันนี้ตั้งใจไปตั้งร้านแผงลอยในบริเวณคนพลุกพล่านเป็นพิเศษ เผยแพร่วิธีทำน้ำแข็งออกไป เหล่าราษฎร์สามารถใช้งานได้ ทุกคนต่างโห่ร้องด้วยความยินดี เพียงแต่บัดนี้เกลือหมางเซียวในร้านขายยาทุกแห่งของตงไห่ไม่เพียงพอ”หลี่หลงหลินพยักหน้า “เผยแพร่ออกไปก็ดีแล้ว เช่นนี้เนื้อปลาของเหล่าราษฎร์ก็สามารถเก็บรักษาได้นานขึ้น ไม่ต้องสิ้นเปลือง”“พี่สะใภ้รองเหนื่อยแล้ว หากนี่คือเมืองหลวง เพียงตีพิมพ์เรียงความในหนังสือพิมพ์ก็เพียงพอแล้ว แต่อยู่ที่ตงไห่ยังต้องให้พี่สะใภ้ออกแรงเหน็ดเหนื่อยด้วยตนเอง”ภายในคำพูดหลี่หลงหลินเปี่ยมความห่วงใย อย่างไรเสียกงซูหว่านก็เป็นสตรีมีพรสวรรค์ไม่ออกนอกบ้าน อยู่แต่ในห้องหอ จู่ๆ ขอให้นางไปสอนวิธีทำน้ำแข็งแก่ราษฎร์ ช่างทำให้อึดอัดคับข้องใจโดยแท้แต่หลี่หลงหลินคิดไปคิดมา ในบรรดาพี่สะใภ้มีเพียงพี่สะใภ้รองเข้าใจวิธีใช้เกลือหมางเซียวทำน้ำแข็ง ทำได้เพียงมอบหน้าที่สำคัญนี้ให้กงซูหว่านหัวเราะเบาๆ “ไม่ลำบากเพคะ จะ
ทุกคนสูดลมหายใจเย็นเฮือกหนึ่งโจรสลัดแคว้นโวกั๋วและชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือเป็นปัญหาแถบชายแดนต้าเซี่ยมานานนับร้อยปี ไม่ใช่ปัญหาที่สามารถจัดการได้อย่างง่ายดายมองออกว่าครั้งนี้เจตจำนงของหลี่หลงหลินยิ่งใหญ่อย่างมาก!หลี่หลงหลินพูดเรียบๆ “หากต้องการกำจัดปัญหาภายนอกจะต้องกำจัดปัญหาภายในก่อน หากต้องการเดินทางบนมหาสมุทร จะต้องจัดการปัญหาตรงหน้าให้เรียบร้อย หาไม่แล้วแผนการเดินเรือจะต้องได้รับผลกระทบแน่”“เป้าหมายสำคัญในการมาตงไห่ครั้งนี้คือพัฒนาศาสตร์ต่อเรือของต้าเซี่ย บัดนี้เรือเหล่านี้ไม่สามารถตอบสนองความต้องการการเดินทางไกลได้ ความแข็งแกร่งหรืออ่อนแอของเรือต้าเซี่ยก็เป็นเหตุผลที่โจรสลัดแคว้นโวกั๋วตงไห่สร้างความวุ่นวาย ได้รับผลประโยชน์มากมายในสงครามทางทะเล ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่สามารถกวาดล้างโจรสลัดแคว้นโวกั๋วที่บุกมาในคราวเดียวได้”“หากยังปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป โจรสลัดแคว้นโวกั๋วก็จะยิ่งกำเริบเสิบสาน อาละวาดอย่างไร้ขอบเขตในทะเลตงไห่ ราษฎร์ตงไห่ก็จะได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก!”“ดังนั้นตราบใดที่สามารถเพิ่มระดับการต่อเรือของต้าเซี่ยได้ โจรสลัดแคว้นโวกั๋วย่อมหายไป ชนิดที่ว่าปราบตงอิ๋
ปากแดงของเหล่าสะใภ้ขยับเบาๆ ดวงตาสะท้อนความแปลกใจ “เป้าหมายคือมหาสมุทรอันกว้างใหญ่?”แม้เหล่าสะใภ้ไม่รู้ว่ามหาสมุทรอันกว้างใหญ่คือที่ใด แต่ได้ยินหลี่หลงหลินอธิบาย จะต้องเป็นสถานที่อันงดงามแน่!ซูเฟิ่งหลิงเอ่ยถาม “องค์ชาย มหาสมุทรกว้างใหญ่มากถึงเพียงนี้ เป้าหมายของพวกเราคือที่ใด?”กงซูหว่านพยักหน้า “ใช่แล้วองค์ชาย ยิ่งไปกว่านั้นระดับการเดินเรือในตอนนี้มากที่สุดก็ไปได้ถึงตงอิ๋ง หากยังไปทางทิศตะวันออก กลับยังไม่มีตัวอย่างมาก่อน”หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “เป้าหมายของพวกเราก็คือทวีปใหม่! ต้าเซี่ยและทวีปใหม่ห่างกันเพียงมหาสมุทรกั้น ลักษณะทางภูมิศาสตร์ได้เปรียบโดยธรรมชาติ สิ่งที่ต้องทำในตอนนี้คือคิดหาทางพัฒนาเรือของต้าเซี่ย ขนวัวม้าสัตว์ใช้แรงงานจำนวนมากเพียงพอไปยังทวีปใหม่”“ขอเพียงมีวัวม้าสัตว์ใช้แรงงาน ต้องการผืนดินมากน้อยเพียงใดก็ย่อมได้ มีผืนดินนับพันลี้ให้ราษฎร์ได้ใช้!”เหล่าสะใภ้ได้ยินภาพที่หลี่หลงหลินอธิบาย ใบหน้าเผยรอยยิ้มเปี่ยมความหวังออกมาสถานที่ที่ไม่มีสงครามและไม่มีความหิวโหยอยู่ห่างเพียงมหาสมุทรกั้น กำลังโบกมือต้อนรับตนเองหลี่หลงหลินเปล่งเสียงเคร่งขรึม “ขอเพียง
“เป็นไปไม่ได้! ดินแดนที่ดีถึงเพียงนี้ ไฉนเลยจะไม่มีคน?”หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “เหตุที่มีคนน้อยมีเพียงข้อเดียว ตอนนี้พวกเขายังกินไม่อิ่ม”ถ้อยคำนี้ของหลี่หลงหลินดุจฟ้าผ่ากลางวันแสกๆเหล่าพี่สะใภ้ได้ฟังแล้ว คิดว่านี่คล้ายเรื่องเพ้อฝันยามราตรี ดินแดนอุดมสมบูรณ์ถึงเพียงนี้ ถึงขั้นยังมีคนกินข้าวไม่อิ่มท้องอีกหรือ?กงซูหว่านมองหลี่หลงหลินด้วยความตกตะลึง เอ่ยถามว่า “องค์ชาย ท่านไม่ได้กำลังล้อพวกเราเล่นหรอกกระมัง? อิงตามคำพูดของท่าน ทวีปใหม่จะต้องอุดมสมบูรณ์อย่างมากแน่ เหตุใดจึงเกิดเหตุการณ์คนกินข้าวไม่อิ่มท้องได้เล่า?”“ใช่แล้วองค์ชาย หม่อมฉันไม่เชื่อ”“หรือว่าดินแดนที่ดีถึงเพียงนี้ พวกเขาไม่สามารถเพาะปลูกได้กันเล่า?”เหล่าพี่สะใภ้ฟังจนอารมณ์ดำดิ่งลงไป ต่างขอให้หลี่หลงหลินพูดออกมาให้ชัดเจน หลี่หลงหลินพูดเรียบๆ “ไม่ใช่พวกเขาไม่เพาะปลูก ทวีปใหม่ดีมากเยี่ยงไร มีเพียงข้อเดียวที่ไม่ดี ก็คือไม่มีวัวไม่มีม้า ไม่มีสัตว์ใช้แรงงาน”ดวงตาของเหล่าสะใภ้ทอประกายระยับ ประคองใบหน้างดงามรับฟังเงียบๆ“ดังนั้นตอนนี้พวกเขายังหยุดอยู่ที่ใช้มีดถางป่าเผาไร่เพาะปลูก ใช้วิธีการพื้นฐานที่สุดในการ
“ตงอิ๋ง? ก็แค่แคว้นเล็กๆ เท่านั้น ไม่ควรค่าให้เอ่ยถึง!”สายตาหลี่หลงหลินเผยแววหมิ่นแคลน“ตงอิ๋งเล็กๆ เป็นเพียงเกาะแห่งหนึ่งเท่านั้น เดิมทีก็ไม่คู่ควรต่อคำว่าทวีปใหม่สองคำนี้”ทุกคนตกตะลึงภายในความรู้ของเหล่าสะใภ้ ตงอิ๋งก็คือจุดสิ้นสุดของมหาสมุทรอันเวิ้งว้าง เหนือตงอิ๋งก็ไม่มีอันใดอีกคำพูดของหลี่หลงหลินทำให้ความรู้ที่พวกนางมีอยู่เปลี่ยนไปทั้งหมด!กงซูหว่านพูดเสียงสั่นๆ “องค์ชาย ความนัยของท่านคือนอกจากตงอิ๋งแล้วยังมีทวีปใหญ่อีกหรือ?”หลี่หลงหลินพยักหน้าและพูดว่า “ไม่เพียงมีทวีปใหญ่ แต่ยังเป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์อย่างมากอีกด้วย!”พูดไป สายตาหลี่หลงหลินก็ทอดมองไปยังทิศทางหนึ่งกงซูหว่านพูดด้วยความแปลกใจ “อุดมสมบูรณ์อย่างมาก? อุดมสมบูรณ์มากเพียงใด เทียบกับต้าเซี่ยแล้วเป็นเช่นไร?”สายตาทุกคนล้วนเปี่ยมความแปลกใจ วางตะเกียบและชามข้าวในมือลงรับฟังหลี่หลงหลินเล่าเรื่องทวีปใหม่เงียบๆหลี่หลงหลินส่ายหน้าและพูดว่า “แผ่นดินต้าเซี่ยกว้างใหญ่และอุดมสมบูรณ์ มีผลผลิตและทรัพยากรมากมาย เป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์แห่งหนึ่ง แต่ทวีปใหม่มีที่ราบมาก แผ่นดินอันอุดมสมบูรณ์ทอดยาวนับพันลี้ ทุกหนแห่งล้วนค