Share

 องค์หญิงใหญ่ดวงใจท่านแม่ทัพทมิฬ
องค์หญิงใหญ่ดวงใจท่านแม่ทัพทมิฬ
Penulis: sanvittayam

บทนำ

Penulis: sanvittayam
last update Terakhir Diperbarui: 2025-07-02 15:13:59

บทนำ

ณ แคว้นหลินอันรุ่งเรือง

ยามนี้ภายในวังหลวงของแคว้นหลิน กำลังเฉลิมฉลองการถือกำเนิดขึ้นขององค์หญิงตัวน้อยซึ่งเกิดจากฮองเฮา

“อุแว้!! อุแว้!! อุแว้!!”

“โอ๋ เด็กดี ไม่ร้องนะ ดูมารดาของเจ้าสิ นางเหนื่อยขนาดไหนเพื่อคลอดเจ้าออกมา เจ้าก็อย่าส่งเสียงดังรบกวนนางเลยนะ”

ผู้เป็นฮ่องเต้และเป็นพระบิดาขององค์หญิงน้อย กำลังปลอบประโลมทารกน้อยในอ้อมกอดอย่างอ่อนโยน พลางมองไปทางฮองเฮาด้วยแววตาที่หวานชื่นและแฝงไปด้วยความอ่อนโยน

“ไป! อี้กงกง เจ้าจงรีบไปประกาศให้ทั่วทั้งเมืองหลวงรับรู้ถึงการถือกำเนิดของบุตรสาวเรา”

เมื่อกล่อมจนทารกน้อยเงียบเสียงลง ฮ่องเต้ก็หันไปรับสั่งกับกงกงทันที

“น้อมรับพระบัญชา พ่ะย่ะค่ะ”

ทันทีที่ได้ยินเช่นนั้นอี้กงกงก็ก้มศีรษะรับคำสั่ง รีบวิ่งไปป่าวประกาศให้ทั่วทั้งวังหลวงตามพระประสงค์ของฝ่าบาท

เมื่อข้าราชบริพารและทางวังหลวงทราบเรื่องนี้ พวกเขาต่างก็กระจายข่าวอันน่ายินดีนี้ออกไปนอกวัง จนเวลานี้ชาวบ้านทุกคนได้รับรู้กันไปทั่วทั้งแคว้นแล้ว

ขณะเดียวกันก็มีชายร่างสูงใหญ่ รูปร่างกำยำและดูภูมิฐานได้เดินเข้ามาอย่างรีบร้อนและเอ่ยถามขึ้นมา

“ถวายบังคมฝ่าบาท ฮองเฮาทรงเป็นเช่นไรบ้างพ่ะย่ะค่ะ?”

“อ้าว เจ้ามาแล้วหรือเยวียนสือ ไม่ต้องมากพิธีไปหรอก ข้าบอกแล้วมิใช่หรือไงว่า เมื่ออยู่กันแค่พวกเรา เจ้าก็สนทนากับข้าตามปกติเถิด ศิษย์น้อง”

ฮ่องเต้ตอบด้วยท่าทางสนิทสนม ใบหน้าเปื้อนยิ้มพร้อมกับยื่นทารกน้อยในอ้อมแขนให้ชายตรงหน้าได้ชื่นชม ก่อนจะกล่าวออกมาอีกครั้งอย่างภาคภูมิใจ

“พี่สะใภ้ของเจ้าปลอดภัยดี นางกำลังพักผ่อนน่ะ เรื่องนั้นก็ช่างก่อนเถอะ เจ้ามาดูหลานสาวของเจ้าสิ นางหน้าตาน่ารักน่าชัง จ้ำม่ำยิ่งนัก”

เสวี่ยเยวียนสือชะโงกหน้ามองไปยังทารกน้อยอย่างชื่นชม ก่อนจะถามขึ้นด้วยน้ำเสียงและสีหน้าอ่อนโยน อย่างที่ไม่ค่อยมีใครพบเห็นมาก่อน

“หน้าตาช่างละไม้คล้ายคลึงกับพี่สะใภ้สมัยยามวัยเยาว์ยิ่งนัก แล้วท่านให้นางชื่ออะไรหรือศิษย์พี่”

“ข้าให้นางมีนามว่า หลินซูมี่ เจ้าคิดว่าอย่างไร” ฮ่องเต้ตอบกลับมาด้วยรอยยิ้ม ในยามที่เอ่ยนามของธิดาออกมา

“ผืนป่าอันงดงาม แต่เต็มไปด้วยความลับเช่นนั้นหรือ” ชายหนุ่มเอ่ยความหมายของชื่อออกมาอย่างผู้รู้ ก่อนจะกล่าวอีกครั้งว่า “เป็นชื่อที่ไพเราะยิ่งนัก แต่ก็แฝงไปด้วยความลึกลับ ข้าคิดว่าเมื่อนางเติบโตขึ้นมา จะต้องทั้งฉลาดและงดงามอย่างมากแน่”

“ฮ่า ๆ ย่อมเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว เชื้อสายของข้าและฮองเฮาดีมากขนาดนี้ ลูกเกิดมาก็ย่อมดีไม่ต่างจากบิดาและมารดาหรอก”

ฮ่องเต้หัวเราะชอบใจพร้อมกับตรัสด้วยความภาคภูมิใจ ก่อนจะกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงที่จริงจังไม่น้อย

“ไม่ว่าอย่างไร เจ้าจะต้องช่วยข้าเลี้ยงเด็กคนนี้ให้ดี เข้าใจหรือไม่”

“เหตุใดข้าจะต้องช่วยท่านเลี้ยงด้วยเล่าศิษย์พี่ ท่านรู้ดีว่าข้าถนัดแต่จับดาบเพื่อรบกับศัตรู ไหนเลยจะถนัดการเลี้ยงเด็กน้อย อีกอย่าง ในวังหลวงก็น่าจะมีแม่นมและเหล่าพระอาจารย์มากมายอยู่แล้ว”

เสวี่ยเยวียนสือถามออกมาอย่างไม่เข้าใจในพระประสงค์ของฮ่องเต้ เนื่องจากในวังมีคนอยู่มากมาย จึงอดสงสัยไม่ได้ว่าเหตุใดจะต้องให้เขาช่วยเลี้ยงดูธิดาคนนี้ด้วย

“เพราะข้าไม่ปรารถนาให้บุตรสาวของข้าอ่อนแอ จนโดนผู้อื่นรังแกได้โดยง่ายอย่างไรละ และข้าไว้ใจเจ้ามากที่สุด”

ฮ่องเต้ตรัสออกมาด้วยสุรเสียงที่จริงจัง ก่อนจะถอนหายใจเล็กน้อยแล้วกล่าวต่อ “ข้าคิดว่าคนในวังหลวงคงไม่มีผู้ใดกล้าสั่งสอนนางอย่างแน่นอน เช่นนั้นแล้วเมื่อนางถึงวัยที่ต้องเรียนรู้ ข้าจะส่งนางให้เจ้า และเจ้าจะต้องสั่งสอนนางให้เชี่ยวชาญทั้งเรื่องการต่อสู้ วิชาความรู้ และกลยุทธ์พิชัยสงคราม ทั้งนี้ก็เพื่อเป็นเกราะป้องกันนางให้มีชีวิตอยู่ในวังหลวงได้อย่างปลอดภัย เข้าใจหรือไม่”

เมื่อได้ยินเช่นนั้นเสวี่ยเยวียนสือก็ขมวดคิ้วทันที เขารู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดี คิดว่าในอนาคตอันใกล้นี้ ปัญหาที่น่าชวนปวดหัวกำลังจะวิ่งเข้ามาหาตนอย่างแน่นอน

แต่ถึงอย่างนั้นชายหนุ่มก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไรออกไป เพราะถึงอย่างไรเสียเด็กน้อยคนนี้ เขาก็มองว่านางเป็นลูกของศิษย์พี่คนหนึ่งเหมือนกัน

“เจ้าลองอุ้มดูสิ เมื่อกี้นางนอนหลับ พอเจ้ามาถึงก็ลืมตาขึ้นมาพร้อมกับรอยยิ้ม นี่คงเพราะมีวาสนาต่อกันแน่นอน”

ฮ่องเต้ตรัสออกมาอย่างยินดี จากนั้นก็ส่งทารกในอ้อมแขนให้กับศิษย์น้องไปอุ้ม

เมื่อได้อุ้มแล้วเสวี่ยเยวียนสือก็รู้สึกแปลก ๆ เขามองทารกน้อยที่กำลังยิ้มให้ ก็พลอยให้เขายกยิ้มที่ริมฝีปากอย่างลืมตัว พร้อมกับคิดอยู่ในใจ ‘เจ้านี่หรือจะมีวาสนาต่อข้า หลินซูมี่’

จวบจนเวลาผ่านไป ยามนี้องค์หญิงหลินซูมี่มีอายุได้ห้าหนาวแล้ว ฮ่องเต้จึงได้ส่งนางให้กับศิษย์น้องที่พระองค์ไว้ใจที่สุด เพื่อให้ช่วยอบรมสั่งสอนนาง ตามที่เคยตรัสไว้ในวันที่นางลืมตามมาดูโลก

โดยที่พระองค์ไม่เคยทรงทราบเลยว่า การตัดสินใจในครั้งนี้ จะเป็นการผูกเงื่อนตายที่ไม่สามารถคลายได้ให้กับศิษย์น้องของตนเอง และจะนำพาความวุ่นวายมาสู่วังหลวงในอนาคต...

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • องค์หญิงใหญ่ดวงใจท่านแม่ทัพทมิฬ   ตอนพิเศษที่ 2

    ตอนพิเศษที่ 2นับตั้งแต่ได้รับพระราชทานฐานันดรศักดิ์อ๋อง ทั้งสองก็ได้กลับไปยังหมู่บ้านที่เคยพำนักอีกครั้ง ทว่าครั้งนี้ต่างออกไป เพราะพวกเขากลับมาพร้อมอำนาจเต็มมือหลินซูมี่ได้จัดสร้างจวนอ๋องขึ้นในหมู่บ้าน และยกให้ที่นี่เป็นศูนย์กลางในการว่าราชการของเขตปกครอง ทำให้หมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งนี้ได้กลายเป็นเมืองหลวงของเขตปกครองเจียงซานและตงตู่นอกจากนี้ ทั้งสองยังได้ประกาศยกย่องสุสานของราชวงศ์เป่ยโจวให้เป็นสุสานหลวง เพื่อเป็นการแสดงความเคารพต่อราชวงศ์เก่าแก่ในอดีตเขตปกครองแห่งใหม่นั้น มีการละเว้นการเก็บภาษีในหลายด้าน นอกจากนี้ยังมีการจัดตั้งโรงทานและสร้างที่อยู่ที่กิน ให้แก่เหล่าผู้สูงวัยที่ไร้ผู้คนดูแล เพื่อให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และได้รับการรักษาในยามเจ็บป่วยอย่างทั่วถึงอีกทั้งยังมีการสร้างสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า และให้การศึกษาที่ดีต่อเด็ก ๆ เพื่อให้เติบโตไปทำคุณต่อบ้านเมืองทางด้านการขยายอาณาเขต ก็มีการออกปราบปรามชนเผ่าต่าง ๆ โดยรอบเมืองทางเหนืออยู่เนือง ๆทำให้ยามนี้ชนเผ่าเร่ร่อนอีกกว่าสี่สิบแปดชนเผ่า ได้เข้าร่วมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับแคว้นหลิน โดยอยู่ภายใต้การปกครองของเขตปกครองตนเองเจ

  • องค์หญิงใหญ่ดวงใจท่านแม่ทัพทมิฬ   ตอนพิเศษที่ 1

    ตอนพิเศษที่ 1นับตั้งแต่ที่ฮ่องเต้ได้ปลดองค์หญิงใหญ่ออกจากตำแหน่งให้เป็นเพียงสามัญชน ตัวของนางและเสวี่ยเยวียนสือ ก็ได้เดินทางกลับมาที่หมู่บ้านที่หลินซูมี่เคยหลบหนีมาอยู่อีกครั้ง โดยในครั้งนี้มันแตกต่างออกไป เพราะนางไม่ต้องหลบซ่อนจากผู้ใดทั้งสิ้น อีกทั้งยังกำลังตั้งครรภ์“คารวะท่านผู้อาวุโส”เมื่อนั่งเรือข้ามฟากมาแล้ว หญิงสาวก็ทำความเคารพชายสูงวัยทันที เพราะนางไม่คิดมาก่อนเลยว่า ผู้อาวุโสจะมารับนางด้วยตนเอง“เจ้ากลับมาจนได้ ที่ผ่านมาข้าได้ให้คนคอยดูแลบ้านของเจ้าไว้อย่างดี รีบไปพักผ่อนเถิด” ชายชรากล่าวออกมาอย่างอ่อนโยน ก่อนจะสั่งให้คนของเขามาช่วยทั้งสองขนข้าวของ“ขอบคุณมากเจ้าค่ะ” หลินซูมี่กล่างอย่างนอบน้อม“แล้วเป็นเช่นไรบ้าง ไปอยู่เมืองหลวงเสียพักใหญ่ สบายดีใช่หรือไม่ กลับมาคราวนี้ท้องก็ใหญ่ขึ้นแล้วสินะ” ผู้อาวุโสอินหยอกล้อด้วยรอยยิ้มที่เอ็นดู“ก็สบายดีเจ้าค่ะ ก่อนหน้านี้ได้ติดตามท่านพี่ไปชายแดนด้วย กว่าจะได้กลับมาที่นี่อีกครั้ง ก็กินเวลาไปเสียนาน” หลินซูมี่กล่าวกับชายชราอย่างสนิทสนม“เช่นนั้นก็พักผ่อนเถิด เดินทางกันมาไกลคงเหน็ดเหนื่อยไม่ใช่น้อย เอาไว้พอตกเย็นค่อยมาร่วมงานเลี้ยงต้อนรั

  • องค์หญิงใหญ่ดวงใจท่านแม่ทัพทมิฬ   บทส่งท้าย คืนตำแหน่งให้องค์หญิงใหญ่

    บทส่งท้าย คืนตำแหน่งให้องค์หญิงใหญ่“ครั้งหนึ่งเขาปรารถนาจะยึดเมืองหมิงตี้ เจ้าอยากรู้หรือไม่ว่าเขาทำเช่นไร เขาจับบุตรีของเจ้าเมืองมาข่มเหงจนย่อยยับ จากนั้นก็ประกาศว่านางเป็นภรรยา แล้วใช้เรื่องนี้เป็นข้ออ้างรวบรวมเมืองเข้ามาอยู่ในอาณัติของตน เมื่อเจ้าเมืองไม่ยินยอม เขาก็ยกทัพไปโจมตีจนแตกพ่าย และไม่ใช่แค่เพียงเมืองหมิงตี้ เมืองอื่นก็ประสบชะตากรรมไม่ต่างกันบุรุษผู้นั้นเอาแต่ใช้อำนาจที่มีทำลายชีวิตผู้คน เพื่อสนองความทะเยอทะยานของตนเอง ทำให้มีสตรีมากมายต้องจบชีวิตลงด้วยความอัปยศเพราะเขา!” นางหยุดไปครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวอย่างเหี้ยมเกรียม “ในวันนี้ที่เขาต้องนอนป่วยไร้เรี่ยวแรง ข้าว่ามันก็เป็นผลกรรมที่คนเช่นนั้นสมควรได้รับแล้วมิใช่หรือ ฮ่าๆ”กล่าวจบหนิงอี้เสียนหวงกุ้ยเฟยก็หัวเราะอย่างสะใจ รอยยิ้มของนางเต็มไปด้วยความคั่งแค้น ที่ระบายออกมาราวกับเขื่อนแตก เสียงหัวเราะนั้นดังก้องไปทั่วบริเวณ ราวกับต้องการให้ทุกผู้คนได้รับรู้ถึงความเจ็บลึกในใจของนางถ้อยคำของนางนั้นไม่เพียงกระทบใจผู้ที่อยู่ตรงหน้า แต่ยังแทรกซึมเข้าสู่จิตใจของเหล่าขุนนางอาวุโสที่ยืนรายล้อมอยู่ไม่ไกลเมื่อคำกล่าวเหล่านั้นจบลง ความเ

  • องค์หญิงใหญ่ดวงใจท่านแม่ทัพทมิฬ   บทที่ 56 ปราบกบฎ

    บทที่ 56 ปราบกบฎทางด้านกองทัพนอกเมืองหลวง เมื่อเสวี่ยเยวียนสือได้เห็นการจัดขบวนทัพที่อยู่บนกำแพงเขาก็รู้ได้ในทันทีว่าทหารเหล่านั้นไม่ปรารถนาที่จะต่อสู้ เพราะพวกเขาเหล่านั้นล้วนแล้วแต่แอบแสดงท่าทียอมจำนน “ท่านแม่ทัพใหญ่...ข้าว่าเวลาแห่งการชำระล้างความชั่วได้มาถึงแล้ว!” เสียงของแม่ทัพอุดรเหออี้ดังขึ้นด้วยความเคียดแค้น เขาจ้องมองไปยังเบื้องหน้า แววตาเต็มไปด้วยเพลิงแห่งโทสะที่ลุกโชนไม่สิ้นสุดเสวี่ยเยวียนสือก้าวขึ้นมายืนตรงหน้ากองทัพของตน ก่อนจะออกคำสั่งอย่างหนักแน่น “ทหารเตรียมพร้อม!” จากนั้นเพียงครู่เดียว เขาก็เปล่งเสียงสั่งการดังกึกก้อง “บุกได้!”เหล่าทหารที่รอคอยเพียงแค่คำนี้ ต่างตะโกนก้องพร้อมพุ่งทะยานไปข้างหน้าอย่างดุดันและพร้อมรบ ทว่าก่อนที่แม่ทัพอุดรเหออี้จะสั่งให้กระแทกประตูบานใหญ่เบื้องหน้า เสียงของการปลดกลอนประตูก็ดังขึ้นแทน จากนั้นประตูเมืองก็ค่อย ๆ แง้มเปิดออกจากด้านใน จนทำให้ทุกคนประหลาดใจ“ขอเชิญทุกท่านผ่านเข้ามาเถิดขอรับ พวกข้าต่างเฝ้ารอการมาถึงของท่านด้วยใจจดใจจ่อ!” เสียงของนายทหารที่เปิดประตูดังขึ้นด้วยความเคารพ แววตาสะท้อนทั้งความดีใจและความภักดีอย่างเหลือล้น“ขอบใจ

  • องค์หญิงใหญ่ดวงใจท่านแม่ทัพทมิฬ   บทที่ 55 ช่วยฮ่องเต้

    บทที่ 55 ช่วยฮ่องเต้จากนั้นองค์รัชทายาทรีบเขียนจดหมายฉบับหนึ่งส่งไปยังสถานที่ที่น้องหญิงของตนพำนักอยู่ ก่อนที่วังหลวงจะถูกทหารของปิงตี้เข้าควบคุมอย่างแน่นหนา ภายในเวลาเพียงเสี้ยวลมหายใจ ทางออกทุกเส้นทางถูกปิดตาย สิ้นไร้การเชื่อมโยงกับโลกภายนอกโดยสิ้นเชิง“ปิงตี้ นี่เจ้ากำลังคิดจะทำอะไรอยู่ เจ้าจะทำก่อกบฏอย่างนั้นหรือ” หลินเฟยหลงเอ่ยขึ้นมาด้วยความไม่อยากจะเชื่อว่าอีกฝ่ายจะกล้าลงมือเช่นนี้“หึ! หลินเฟยหลง ตัวของเจ้าถ้าหากขาดน้องสาวที่เป็นมันสมองและแม่ทัพใหญ่ผู้ควบคุมกำลังทหาร เจ้าก็จะนับว่าทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง” ปิงตี้กล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเยาะเย้ย“หลินเฟยหลง หลินเฟยหมิง หลินต้าเหนิง ข้ายังไม่คิดลงมือกับพวกเจ้าตอนนี้หรอก เอาไว้ให้พวกเจ้ารวมตัวกันครบก่อน แล้วข้าค่อยพิจารณาอีกทีว่า จะจัดการเช่นไร ยามนี้ก็อยู่กับพ่อแม่ของพวกเจ้า และเป็นเด็กดีไปก่อนก็แล้วกัน”ปิงตี้เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบเย็น ก่อนจะสั่งให้นำทั้งสามไปคุมขังรวมกับผู้เป็นมารดาและฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน ซึ่งในยามนี้อาการทรุดหนักจนไม่อาจขยับเขยื้อนได้อีกแล้ว“ท่านแม่ ท่านพ่อ พวกท่านเป็นอย่างไรบ้าง ข้าขอโทษที่ไม่อาจร

  • องค์หญิงใหญ่ดวงใจท่านแม่ทัพทมิฬ   บทที่ 54 หวงกุ้ยเฟยก่อกบฏ

    บทที่ 54 หวงกุ้ยเฟยก่อกบฏเมื่อผู้เป็นบิดาได้ยินเช่นนั้น ก็มองไปที่บุตรสาวด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความรัก“เสวี่ยเยวียนสือ อย่างไรเสียข้าก็ขอฝากบุตรสาวของข้าให้เจ้าดูแลด้วย มี่เอ๋อร์นับว่าถูกข้าตามใจมาตั้งแต่เด็ก แต่ก็ถูกเจ้าอบรมสั่งสอนมาแต่เด็กเช่นกัน ดังนั้นถ้าหากว่านางมีอะไรที่ประพฤติตนไม่เหมาะสม เจ้าก็ค่อย ๆ สั่งสอนนางต่อไปก็แล้วกัน”ฮ่องเต้ได้หันไปตรัสกับศิษย์น้องของตนด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน“ศิษย์พี่ไม่ต้องเป็นกังวล ข้าขอสาบานด้วยชีวิตของข้า ข้าจะดูแลมี่เอ๋อร์ให้ดีที่สุด ชีวิตของนางหลังจากนี้ จะต้องมีแต่ความสุขไร้ซึ่งความทุกข์ใด ๆ ทั้งสิ้น หากข้าผิดคำสาบาน ขอให้ข้าไม่ตายดีในสามวันเจ็ดวัน” เสวี่ยเยวียนสือยกมือขึ้นแล้วเอ่ยคำสาบานออกไปด้วยน้ำเสียงที่เข้มแข็งและห้าวหาญ เมื่อฮ่องเต้ได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกสบายใจเป็นอย่างมาก“เอาล่ะ แม้ว่าข้าอยากจะรั้งพวกเจ้าเอาไว้ให้นานกว่านี้ แต่ข้าคิดว่าเหล่าขุนนางทั้งหลายก็คงจะกดดันข้าไม่เลิก ในวันพรุ่งนี้ข้าจะให้คนส่งเจ้าออกนอกเมืองหลวง และส่งเจ้าไปในที่ที่เจ้าอยากจะไป” พระองค์ตรัสออกมาด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน ก่อนจะหันไปทางขันทีข้างกาย “อู่กงกง เจ้าจง

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status