LOGINซุนฮ่าวจ้องมองน้องสาวต่างมารดาด้วยสายตาที่เย็นชา ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวไปด้วยความรังเกียจอย่างสุดขีด เขาคิดว่าหญิงสาวที่เกิดจากสาวใช้ไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะหายใจในตระกูลนี้ เยี่ยจิงหลินเป็นแค่กาฝากที่เขาต้องทนอยู่ร่วมบ้านด้วย แต่สตรีคนนี้กลับกล้าเข้ามาเทียบรัศมีของเขาได้อย่างไร! ความคิดนั้นร้อนรนจนหัวใจของเขาเดือดพล่าน เขาคิดแค่ว่าจะทำลายนางให้สิ้นซาก แม้เพียงครั้งเดียวเขาก็จะบดขยี้ทุกสิ่งที่นางมี ความโกรธของเขาท่วมท้นจนไม่สนใจคำพูดของใคร ทั้งๆ ที่ผู้คนยกยอว่านางเป็นเด็กสาวที่มากพรสวรรค์ แต่เขาจะไม่ยอมเชื่อเรื่องพวกนั้นเด็ดขาด
ด้วยความโกรธที่เติบโตขึ้นในใจ ซุนฮ่าวก็โจมตีออกไปด้วยความรวดเร็วเหมือนสายฟ้า ใบหน้าของเขามืดครึ้มด้วยความตั้งใจที่จะทำลายนางในพริบตาเดียว เขาตั้งใจที่จะทำให้เยี่ยจิงหลินได้รู้ว่าพรสวรรค์ที่ทุกคนยกยอไม่ได้มีค่าอะไรเลย
แต่ในขณะที่เขาคิดว่าได้บรรลุเป้าหมายแล้ว เยี่ยจิงหลินกลับหลบการโจมตีได้อย่างง่ายดาย ราวกับเธอสามารถมองทะลุความคิดของเขาและคาดการณ์การเคลื่อนไหวของเขาทุกขั้นตอน ในขณะที่ซุนฮ่าวยังคงตกตะลึงกับการหลบหลีกอย่างเฉียบคมของนาง มือของเยี่ยจิงหลินขยับช้าๆ แต่ด้วยความแม่นยำ เธอใช้เพียงฝ่ามือเดียวตอบโต้การโจมตีของเขา
มือของนางดูอ่อนนุ่มและบอบบาง แต่ซ่อนพลังปราณอันแข็งแกร่งไว้ภายใน ประหนึ่งว่ามันคือกำแพงที่แข็งแกร่งและทนทาน ต่อให้ซุนฮ่าวจะโจมตีด้วยความเร็วและความรุนแรงแค่ไหน เขากลับพบว่าไม่สามารถผ่านมือของนางไปได้เลย
ร่างของซุนฮ่าวสูงใหญ่และแข็งแกร่ง แต่มันกลับถูกฝ่ามือของเยี่ยจิงหลินซัดจนลอยละลิ่วไปชนกับพื้นอย่างแรง ภาพนี้ไม่เพียงแต่ทำให้ทุกสายตาของผู้ที่อยู่ในที่นั้นตกตะลึง แต่ยังทำให้เหล่าบรรดาทหารของท่านแม่ทัพที่กำลังฝึกซ้อมต้องหยุดชะงักและหันมามอง ภาพที่เห็นทำให้พวกเขาไม่อาจเชื่อสายตาตัวเอง
ซุนฮ่าวที่เคยเป็นที่หวาดกลัวในตระกูลกลับถูกทำลายโดยผู้หญิงคนเดียวที่ดูเหมือนจะไม่มีอะไรมากไปกว่าผู้หญิงที่มาจากสาวใช้ เพียงแค่การโจมตีเพียงครั้งเดียว ร่างของเขาก็ถูกบดขยี้ราวกับไม่เคยมีอำนาจใดๆ อยู่ในตัวเขาเลย แม้แต่พวกทหารที่เคยฝึกฝนการต่อสู้มายาวนานก็ยังไม่สามารถเชื่อได้ว่าเหตุการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้น
เยี่ยจิงหลินยืนอยู่ในท่าที่สง่างาม ท่ามกลางความเงียบงันที่เกิดขึ้น หลังจากที่เธอได้ปลดปล่อยพลังปราณในตัวออกมาอย่างเต็มที่ ร่างของซุนฮ่าวที่ถูกซัดไปนั้นยังคงแผ่รังสีความโกรธที่ยังคงคุกรุ่นอยู่ในตัวเขา แต่กลับไม่สามารถลุกขึ้นมาได้ในทันที
"นี่คือบทเรียนแรกของเจ้า" เสียงของเยี่ยจิงหลินดังขึ้นอย่างเย็นชา แต่แฝงไปด้วยความเด็ดขาด เธอไม่จำเป็นต้องพูดอะไรมาก เพราะการกระทำของเธอได้พิสูจน์ทุกอย่างแล้ว ความแข็งแกร่งและทักษะที่เธอมีนั้นยากเกินจะหยุดยั้งได้
ซุนฮ่าวพยายามฝืนร่างของตัวเองที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด เพื่อยันตัวขึ้นจากพื้น หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความอับอายและโกรธแค้น ทุกแรงที่เขาเคยภาคภูมิใจกลับกลายเป็นความว่างเปล่าในเสี้ยววินาที แต่ก่อนที่เขาจะลุกขึ้นได้ ฝ่าเท้าของเยี่ยจิงหลินก็กดลงมาที่กลางหลังของเขาอย่างมั่นคง แรงกดนั้นทำให้ร่างของเขาแนบลงกับพื้น ใบหน้าที่เคยหยิ่งผยองต้องสัมผัสกับความเย็นเยียบของดิน
เสียงหัวเราะเล็กน้อยดังขึ้นในลำคอของเยี่ยจิงหลิน ก่อนที่นางจะเอ่ยคำพูดที่เหมือนคมดาบทิ่มแทงจิตใจของซุนฮ่าว
"นี่หรือคือความหวังของตระกูล? ช่างน่าผิดหวังจริงๆ" เสียงของนางเย็นชา ราบเรียบ แต่แฝงไปด้วยความดูแคลนที่ทำให้คนฟังแทบลุกไม่ขึ้น คำพูดนั้นเหมือนฟ้าผ่ากลางใจของซุนฮ่าว ความอับอายที่ถูกสตรีผู้ที่เขามองว่าไร้ค่าเหยียบย่ำ ทั้งทางร่างกายและจิตใจ ยิ่งทำให้เขาโกรธจนแทบคลุ้มคลั่ง แต่ทว่าสภาพของเขาในตอนนี้ไม่อาจตอบโต้ได้เลย
คำพูดของเยี่ยจิงหลินราวกับคมมีดที่กรีดลึกลงในใจของท่านแม่ทัพซุนเทา ใบหน้าที่เคยเคร่งขรึมเปี่ยมไปด้วยอำนาจของเขา กลับสั่นกระตุกด้วยความอับอายและความขุ่นเคืองที่ไม่อาจปิดบังได้ ทุกคำพูดของนางสะท้อนกลับมาสะเทือนถึงแก่นจิตวิญญาณ ราวกับตอกย้ำความผิดพลาดและความล้มเหลวที่เขาไม่อยากเผชิญหน้า
"นี่หรือคือความหวังของตระกูล? ช่างน่าผิดหวังจริงๆ"
คำพูดนั้นยังคงดังก้องในหัวของเขา แม้ว่าจะผ่านไปเพียงไม่กี่อึดใจ ใบหน้าของเขาร้อนผ่าวด้วยความโกรธและละอายใจในคราวเดียวกัน ซุนเทารู้ดีว่า การแสดงออกของเยี่ยจิงหลินในวันนี้จะถูกเล่าขานไปทั่ว ไม่เพียงแต่ในตระกูล แต่ในหมู่ผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาด้วย และนั่นจะเป็นเหมือนเงาสะท้อนที่เขาไม่อาจลบเลือน
ในความอับอายนี้เอง ซุนเทากลับยิ่งรู้สึกถึงพลังและศักยภาพอันน่าทึ่งของนาง สตรีที่เขาเคยมองว่าเป็นเพียงกาฝาก กลับแสดงให้เห็นว่ามีความแข็งแกร่งและเด็ดขาดเหนือกว่าที่เขาคาดคิดไว้มากมาย
"เด็กคนนี้..." เขาพึมพำเสียงแผ่ว ดวงตาวาวโรจน์ด้วยแผนการที่ก่อตัวขึ้นในใจ
แม้ความภาคภูมิใจของเขาจะถูกกระทบกระเทือน แต่เขาไม่อาจปฏิเสธได้ว่า เยี่ยจิงหลินคือทรัพย์สมบัติที่ล้ำค่าสำหรับตระกูล หากปล่อยให้นางเป็นอิสระ นางอาจกลายเป็นภัยคุกคาม หรือเลวร้ายยิ่งกว่านั้น อาจถูกตระกูลอื่นชักจูงไปเป็นศัตรู ด้วยเหตุนี้ ท่านแม่ทัพซุนเทาจึงตัดสินใจอย่างรวดเร็วและเฉียบขาด ดวงตาของเขาฉายแววเยือกเย็น ริมฝีปากบิดเป็นรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความบีบบังคับ
"นับจากนี้ เจ้าไม่มีทางออกไปจากตระกูลนี้ได้อีก เยี่ยจิงหลิน... เจ้าจะต้องอยู่ที่นี่ และรับใช้ตระกูลนี้จนกว่าข้าจะพอใจ!"
น้ำเสียงของเขาแข็งกร้าวดั่งฟ้าผ่ากลางใจของผู้ฟัง เยี่ยจิงหลินหรี่ตามองซุนเทา ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความเย้ยหยันและความท้าทาย
"หืม? บังคับข้าให้อยู่หรือ?" นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่กลับเปี่ยมไปด้วยอำนาจที่ทำให้ผู้ฟังสะดุ้ง "หรือท่านกลัวว่า หากข้าออกไป ตระกูลของท่านจะไร้ผู้ที่คู่ควรจะสืบทอดความยิ่งใหญ่กันล่ะ?"
คำพูดนั้นทำให้ท่านแม่ทัพซุนเทาหน้าตึงอีกครั้ง แต่เขาเพียงยิ้มเยือกเย็น ตัดสินใจที่จะใช้ทุกวิถีทางบีบบังคับนางให้อยู่ในตระกูลให้ได้ แม้ว่านั่นจะหมายถึงการใช้พลังอำนาจของตระกูลทั้งหมดเพื่อควบคุมนางก็ตาม
แต่ทันใดนั้นเสียงกรีดร้องของซุนฮ่าวดังขึ้นอย่างน่าสงสาร ร่างใหญ่โตของเขาจมอยู่ใต้ฝ่าเท้าของเยี่ยจิงหลินที่ยืนนิ่งอย่างมั่นคง ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและอับอาย ความหยิ่งผยองที่เคยมีพังทลายไปในพริบตา เขาเงยหน้าขึ้นมองท่านแม่ทัพซุนเทาด้วยสายตาเว้าวอน
"ท่านพ่อช่วยลูกด้วย!" เขาเปล่งเสียงออกมา คล้ายกับเด็กที่ถูกทิ้งให้อยู่เพียงลำพัง
แต่แทนที่ท่านแม่ทัพจะช่วยเหลือ กลับมีเพียงเสียงตอบกลับที่เยือกเย็นดุจน้ำแข็ง
"ซุนฮ่าว เจ้าอย่าได้แสดงความอ่อนแอให้ข้าเห็นอีก!" ซุนเทาเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ดวงตาคมกริบของเขาจับจ้องบุตรชายที่กำลังสิ้นท่าอยู่เบื้องล่าง "ตั้งแต่นี้ไป เจ้าจะต้องฝึกซ้อมและประลองกับเยี่ยจิงหลินจนกว่าจะครบอาทิตย์!"
หลังจากที่สะสางทุกเรื่องราวในเมืองหลวงจนเสร็จสิ้น เยี่ยจิงหลินก็ตัดสินใจเดินทางกลับไปยังหมู่บ้านไท่ผิงชุน ที่นั่น… คือสถานที่ที่มีความหมายกับนางมากที่สุดเมื่อมาถึงหมู่บ้านแห่งนี้ บรรยากาศรอบตัวแตกต่างจากเมืองหลวงโดยสิ้นเชิงไม่มีเสียงของขุนนางที่คอยแย่งชิงอำนาจ ไม่มีแววตาแห่งความโลภ ไม่มีเสียงกระซิบของคนที่พยายามคิดคดหักหลังที่นี่มีเพียงสายลมอ่อนๆ อากาศที่สดชื่น และผู้คนที่ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายแม้ว่าหมู่บ้านแห่งนี้จะ แห้งแล้งและทุรกันดารแต่สำหรับเยี่ยจิงหลินที่นี่คือบ้าน เมื่อเดินเข้าสู่เรือนของตนเอง นางกลับต้องแปลกใจเมื่อพบว่า หลิวฉางหยาง กำลังพักอาศัยอยู่ที่นี่! เยี่ยจิงหลินหันไปมองมารดาของตนซูหลินด้วยความสงสัยก่อนที่แม่ของนางจะ เผยรอยยิ้มออกมาอย่างเขินอาย"ลูก… แม่ตัดสินใจแล้วว่าแม่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง" หลิวฉางหยางไม่ใช่แค่คนรู้จัก แต่เขาเป็นคนที่ ยืนเคียงข้างและคอยดูแลแม่ของนางเสมอมาในวันที่ชีวิตของซูหลินลำบากเขาอยู่เคียงข้างนางโดยไม่ทอดทิ้งและตอนนี้แม่ของเยี่ยจิงหลินก็ได้ตัดสินใจเปิดใจให้กับความรักอีกครั้งเยี่ยจิงหลินเมื่อเห็นแม่ของตนมีความสุข นางย่อมดีใจอย่างที่สุด"แ
เวลาผ่านไปหนึ่งเดือนเต็ม...ด้วย ฝีมือการรักษาของหมอเทวดาหลานซือหมิง ในที่สุด ฮ่องเต้ฟู่ซื่อเทียนก็ฟื้นคืนสติอีกครั้ง!แม้ว่าพระองค์ยังต้องใช้เวลาอีกมากกว่าจะกลับมาแข็งแรงเต็มที่ แต่สิ่งที่พระองค์ได้รับรู้หลังจากฟื้นคืนสติมันทำให้หัวใจของพระองค์สั่นสะท้านยิ่งกว่าพิษร้ายที่เคยกัดกินร่างกายเสียอีก!"คนที่วางยาข้า... คือน้องชายของข้าเอง!?" ฮ่องเต้ฟู่ซื่อเทียนตื่นตระหนกเมื่อรับรู้ถึงความจริง อ๋องฟู่หยางเซิน ผู้ที่เขาเคยมอบความไว้วางใจ... กลับเป็นผู้ที่คิดจะฆ่าเขาเอง!สิ่งที่ทำให้พระองค์สะท้านใจไปมากกว่านั้นคือ..."ผู้ที่ช่วยข้ากลับเป็นบุตรสาวของแม่ทัพซุนเทา... บิดาของนางคือผู้ที่ข้าเคยหวาดระแวงเพราะคำยุยงของราชครูกู่เทียนหลง!" พระองค์หวาดระแวงแม่ทัพซุนเทาเพราะคำพูดของราชครูที่คอยปั่นหัวสุดท้าย... พระองค์ก็ต้องสูญเสียทั้งคู่ไปหลังจากนั้นไม่นานความเดือดดาลก็ปะทุขึ้น!"ข้าจะไม่มีวันให้อภัยมัน!" ดวงตาของฮ่องเต้ฟู่ซื่อเทียน ฉายแววของความโกรธแค้นแม้ว่าอ๋องฟู่หยางเซินจะไม่เหลือเรี่ยวแรงใดๆ แล้ว แม้ว่าเขาจะอยู่ในสภาพของคนที่ไร้สติ เหม่อลอย ไม่รู้เรื่องราวใดๆแต่ความผิดที่เขาก่อขึ้นมันเกินกว่าที
การตายขององค์ชายฟู่ซิวเหิง… เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น เยี่ยจิงหลินไม่ได้คิดจะหยุดเพียงแค่ปลิดชีพองค์ชาย แต่นางกำลังจะทำให้ตระกูลของอ๋องฟู่หยางเซินล่มสลายไปทั้งสายเลือด! ก่อนที่นางจะลงมือ เยี่ยจิงหลินส่งคนของนางออกไปสืบข่าวเกี่ยวกับบุตรชายของอ๋องฟู่หยางเซินทุกคนพวกมันทุกคนล้วนชั่วช้า ไม่ได้ต่างไปจากฟู่ซิวเหิงเลยแม้แต่น้อยพวกมันฉ้อโกง ฉุดคร่าหญิงสาว กดขี่ชาวบ้าน ใช้อำนาจอย่างอำมหิต...ทุกสิ่งที่ได้รับรายงานมามีแต่สิ่งที่ทำให้นางยิ่งแน่ใจว่าพวกมันสมควรจะถูกกำจัดจนหมด!เมื่อแผนการถูกวางไว้อย่างรัดกุม ค่ำคืนนี้ก็ไม่ต่างอะไรไปจาก คืนแห่งนรกที่แท้จริงสำหรับท่านอ๋องแม้ว่าตัวของเขานั้นไม่มีสติเป็นของตัวเองแล้วก็ตาม"ลอบสังหารพร้อมกันในคืนเดียว อย่าให้เหลือแม้แต่คนเดียว"นางออกคำสั่งอย่างเด็ดขาด! เหล่ามือสังหารในเงามืด เคลื่อนไหวอย่างไร้เสียง แต่ละคนได้รับเป้าหมายของตนเอง ไม่มีความผิดพลาด ไม่มีความลังเล มีเพียงจุดจบของเครือญาติแห่งอ๋องฟู่หยางเซินเท่านั้นที่รออยู่!เสียงกรีดร้องแห่งความตื่นตระหนก ดังขึ้นจากคฤหาสน์หลายแห่งของบุตรชายท่านอ๋อง"ไม่นะ! ปล่อยข้าไป! ข้าให้เงินเจ้าได้!""อย่า! ข้ายอมแ
เยี่ยจิงหลินยืนอยู่กลางโถงสุราที่ถูกย้อมไปด้วยเลือด นางจ้องมองภาพตรงหน้าอย่างพึงพอใจ ฟู่ซิวเหิง องค์ชายผู้เคยหยิ่งทะนงบัดนี้กำลังสั่นสะท้านไม่ต่างจากลูกนกที่ถูกขังไว้ในกรงแห่งความตาย!นางกวาดสายตามองเหล่าขุนนางและองครักษ์ที่เหลือรอด บางคนยังยืนตัวแข็งทื่อด้วยความหวาดกลัว บางคนคุกเข่าลงร้องขอชีวิต น้ำตานองหน้า แต่มันไร้ประโยชน์!ใบหน้าของเยี่ยจิงหลินยังคงเรียบนิ่ง… ก่อนที่ริมฝีปากของนางจะคลี่ยิ้มบางๆ ออกมา"จงดับลมหายใจของพวกมันให้หมดซะ... อย่าให้รอดไปได้แม้แต่คนเดียว"คำสั่งของนางเยือกเย็นราวกับเป็นเสียงแห่งมัจจุราช เงามรณะเคลื่อนไหวทันที!เสียงดาบกระทบกับเนื้อ เสียงเลือดสาดกระเซ็น เสียงกรีดร้องดังขึ้นเป็นระลอก ก่อนที่ทุกอย่างจะค่อยๆ เงียบลงไปทีละน้อย ฟู่ซิวเหิงจ้องมองภาพตรงหน้าด้วยสายตาที่สั่นไหว เขาเห็นขุนนางที่เคยประจบสอพลอตนเองถูกเชือดไปทีละคน…เขาเห็นองครักษ์ของตนเองล้มลงโดยไม่มีโอกาสแม้แต่จะชักดาบขึ้นมาต่อสู้!"ไม่… ไม่…"ร่างของเขาสั่นสะท้านไปทั้งตัว สิ่งที่เขาเคยภาคภูมิใจ อำนาจ ความเย่อหยิ่ง ความทะเยอทะยานล้วนมลายหายไปจนหมดสิ้นและเมื่อความหวาดกลัวพุ่งถึงขีดสุด…"ท่านพ่อ! ช่วยข
ภายใน หอสุรา ที่เคยเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและบรรยากาศแห่งการเฉลิมฉลอง พลันเกิดความเปลี่ยนแปลงในพริบตาเดียว!ฟู่ซิวเหิง และเหล่าขุนนางยังคงกำลังดื่มด่ำกับความสุขจากอำนาจใหม่ของตนเอง เสียงจอกสุรากระทบกัน เสียงหัวเราะยังคงดังไปทั่วทั้งห้องโถง ทุกคนกำลังหลงระเริงอยู่ใน ภาพมายาของชัยชนะแต่แล้ว…"พรึ่บ!"เปลวไฟทุกดวงภายในห้องโถงพลันดับมอดลงอย่างกะทันหัน!ทั้งห้องตกอยู่ใน ความมืดมิดอันสมบูรณ์แบบ ไม่มีแสงไฟแม้แต่ดวงเดียว มีเพียงเงามืดอันน่าหวาดกลัว ที่กำลังคืบคลานเข้ามาอย่างเงียบเชียบเสียงของแขกภายในงานเริ่มเปลี่ยนเป็นเสียงกระซิบกระซาบ ความตื่นตระหนกเริ่มแพร่กระจายออกไปในหมู่ผู้ร่วมงาน"มันเกิดอะไรขึ้น?!""มีใครไปจุดไฟเร็วเข้า!"เสียงตะโกนดังขึ้นจากมุมห้อง น้ำเสียงของพวกเขาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก!แต่ไม่มีคำตอบไม่มีใครขยับท่ามกลางความเงียบงันและความมืดมิด…"อ๊ากกกกก!!!"เสียงกรีดร้องที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด ดังก้องไปทั่วห้องโถง!หนึ่งในแขกของงานถูกปลิดชีพอย่างไร้ความปรานี!เงามัจจุราชที่คืบคลานฟู่ซิวเหิงเบิกตากว้าง เขาหันมองไปรอบๆ แต่สิ่งที่เขาเห็นมีเพียงความมืดสนิท!"ใครอยู่ตรงนั้น?! ออกมาเดี๋
ความจริงที่โหดร้ายกำลังกลืนกินหัวใจของท่านอ๋องฟู่หยางเซินอย่างช้าๆบุตรชายที่เขารักและไว้วางใจที่สุดกลับกลายเป็นผู้ที่กำลังผลักไสเขาไปสู่ความตาย!ร่างกายของท่านอ๋องที่อ่อนแรงอยู่แล้ว กลับยิ่งทรุดหนักลงกว่าเดิม ด้วยความรู้สึกที่ไม่อยากยอมรับความจริง ความรู้สึกเจ็บปวดและความสิ้นหวังได้กัดกินจิตใจของเขา ยิ่งไปกว่านั้น ความเศร้าโศกที่ค่อยๆ กัดกินหัวใจของเขา ทำให้พิษร้ายที่แฝงอยู่ในร่างแทรกซึมลึกลงไปในทุกอณูของร่างกาย!หัวใจที่แตกสลาย…ร่างกายที่อ่อนแอ…ความเจ็บปวดจากพิษร้ายที่คืบคลานเข้าสู่กระแสโลหิต…ทุกสิ่งทุกอย่างกำลังบั่นทอน ชีวิตของอ๋องฟู่หยางเซิน ไปทีละนิดจากชายผู้ยิ่งใหญ่ที่เคยปกครองอำนาจเหนือผู้อื่น บัดนี้กลับต้อง นอนอยู่บนเตียงอย่างคนไร้ซึ่งเรี่ยวแรง ดวงตาที่เคยเปี่ยมไปด้วยพลังและความเย่อหยิ่ง กลับกลายเป็นสายตาที่เหม่อลอย…เขารู้ดีว่า ตนเองกำลังจะตายแต่สิ่งที่เลวร้ายที่สุดไม่ใช่ความตาย...แต่เป็นการตายด้วยน้ำมือของบุตรชายที่เขารักที่สุด!ความคิดสุดท้ายที่วนเวียนอยู่ในหัวของเขาคือ..."นี่หรือคือผลตอบแทนของข้า...?""นี่หรือคือจุดจบของอ๋องฟู่หยางเซิน?""ข้าเลี้ยงดูอสูรกายขึ้นมาเองแท้ๆ…"







