เข้าสู่ระบบหลังจากที่ ซุนฮ่าว ลิ้มรสฝ่าเท้าของ เยี่ยจิงหลิน มาอย่างเต็มอิ่มจนเกินพอ และใช้เวลาพักฟื้นจนร่างกายหายดี สีหน้าและแววตาของเขาที่มองน้องสาวต่างมารดาก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง จากเดิมที่เต็มไปด้วยความริษยาและโกรธแค้น บัดนี้กลับกลายเป็นความรักใคร่และเอาอกเอาใจอย่างเกินจริง
"เยี่ยจิงหลิน วันนี้พี่ซื้อเสื้อผ้ามาฝากเจ้า ลองใส่ดูสิ เนื้อผ้านี้ชั้นดีทีเดียว" ซุนฮ่าวพูดพลางส่งเสื้อผ้าที่ดูหรูหราให้ด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน ใบหน้าของเขาเปี่ยมไปด้วยความรักความอบอุ่นที่ดูผิดปกติจนเยี่ยจิงหลินเองยังอดรู้สึกขยะแขยงไม่ได้
แม้จะรังเกียจท่าทีประจบสอพลอของพี่ชายต่างมารดา แต่เพื่อหลีกเลี่ยงความยุ่งยาก เยี่ยจิงหลินก็รับเสื้อผ้าที่ซุนฮ่าวยื่นให้โดยไม่ปริปากแสดงความไม่พอใจออกมา "ขอบคุณ" นางกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ทว่าในใจกลับเต็มไปด้วยความดูถูก
หลายวันมานี้ ซุนฮ่าวพึ่งจะเข้าใจว่าไม่ว่านางจะมีพรสวรรค์และความสามารถเหนือกว่ามากเพียงใด สุดท้ายแล้วตำแหน่งผู้นำตระกูลซุนก็ยังคงเป็นของเขาอยู่ดี เพราะความเป็นชายที่ถูกนับเป็นข้อได้เปรียบในกฎของตระกูล ด้วยเหตุนี้ แทนที่จะตั้งตนเป็นศัตรูกับเยี่ยจิงหลิน เขาจึงเลือกที่จะแสดงตนเป็นพี่ชายผู้อบอุ่นและรักน้องสาวอย่างสุดซึ้ง หากในอนาคตเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเขานางจะเป็นเกราะคุ้มภัยชั้นดี
ด้วยความคิดเช่นนั้น ซุนฮ่าวจึงปั้นหน้าเปี่ยมยิ้มด้วยความอิ่มเอมในชัยชนะที่ไม่ต้องลงแรง แต่ทว่าท่าทีที่เขาคิดว่าชาญฉลาดนั้นกลับไม่สามารถหลอกสายตาเยี่ยจิงหลินได้
"เจ้ามันน่ารังเกียจเหมือนท่านพ่อไม่มีผิด" เยี่ยจิงหลินพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา ใบหน้าของนางไร้ซึ่งความหวาดหวั่น ทว่าแววตากลับเต็มไปด้วยความสมเพช
คำพูดนั้นทำให้ซุนฮ่าวนิ่งงัน ใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มของเขาเริ่มแข็งค้างไปครู่หนึ่ง ก่อนจะแกล้งหัวเราะกลบเกลื่อน
สำหรับเยี่ยจิงหลิน คำพูดที่ออกมานั้นไม่ได้มาจากเพียงความขยะแขยงที่มีต่อซุนฮ่าวเพียงคนเดียว แต่มันยังสะท้อนความรู้สึกที่นางมีต่อ ซุนเทา ผู้เป็นบิดาของทั้งสองอีกด้วย แม่ทัพซุนเทาเคยละเลยนางในฐานะบุตรสาวที่เกิดจากสาวใช้ ไม่แม้แต่จะมองนางด้วยสายตาของบิดา แต่เมื่อพรสวรรค์ของนางถูกเปิดเผย เขากลับแสดงออกถึงความรักและเอ็นดูนางอย่างออกนอกหน้า
สำหรับเยี่ยจิงหลินแล้ว การกระทำของบิดาและพี่ชายล้วนแต่สะท้อนถึงความเห็นแก่ตัวและความฉาบฉวย นางรู้ดีว่าความรักที่พวกเขาแสดงออกนั้นไม่ได้มาจากใจจริง แต่เป็นเพียงการมองนางเป็นเครื่องมือหรือทรัพยากรที่พวกเขาสามารถใช้ประโยชน์ได้
แม่ทัพ ซุนเทา มองดูการกระทำของ ซุนฮ่าว ผู้เป็นบุตรชายด้วยแววตาเปี่ยมไปด้วยความภาคภูมิใจ รอยยิ้มเล็กๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าที่เต็มไปด้วยริ้วรอยแห่งการผ่านศึก ท่าทางของเขาในยามนี้ดูเหมือนบิดาผู้รักใคร่ลูกชายอย่างแท้จริง
"ซุนฮ่าว เจ้าเติบใหญ่ขึ้นมากจริงๆ ลูกผู้ชายนั้นต้องยืดได้หดได้" เขากล่าวด้วยน้ำเสียงอบอุ่นและเปี่ยมไปด้วยความภูมิใจ "ถึงแม้ว่าตัวเจ้าจะไร้ซึ่งพรสวรรค์ แต่ทักษะในการเอาตัวรอดของเจ้านั้นไม่เลวเลยจริงๆ"
ซุนฮ่าวที่ได้ยินคำชมจากบิดาถึงกับยืดอกขึ้นอย่างมั่นใจ ใบหน้าของเขาเปี่ยมไปด้วยความสุขและความภาคภูมิใจในตัวเอง "ขอบคุณท่านพ่อ ลูกจะเกาะขาของนางให้แน่นๆ เลยขอรับ!" เขากล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ราวกับได้ตัดสินใจในเส้นทางของตนเองแล้ว
การกระทำที่ไร้ยางอายของซุนฮ่าวกลับได้รับคำชมจากบิดาอย่างจริงใจ ทำให้เขารู้สึกเหมือนเปลวไฟในใจถูกจุดติด ไฟแห่งความมั่นใจลุกโชนขึ้นในอกของเขา ใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความทะนงในตอนนี้ยิ่งเพิ่มความอ่อนโยนและอบอุ่นในสายตาของแม่ทัพซุนเทา
ท่ามกลางบรรยากาศที่ทั้งพ่อลูกต่างยินดีในความคิด แยบยล ของตนเอง เสียงถอนหายใจยาวดังขึ้นจากผู้หญิงเพียงหนึ่งเดียวในสถานที่นั้น เยี่ยจิงหลิน มองทั้งสองคนด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความรังเกียจ
"หึ!" นางส่งเสียงเบาๆ พลางส่ายหน้าเล็กน้อยอย่างสมเพชก่อนจะหันหลังเดินหนีออกไป ทิ้งให้พ่อลูกที่ดูเหมือนจะพอใจกับความไร้ยางอายของตัวเองยืนอยู่ด้วยกัน
ในใจของเยี่ยจิงหลินไม่ได้มีเพียงความรังเกียจเท่านั้น แต่ยังเต็มไปด้วยความเบื่อหน่ายกับสิ่งที่เกิดขึ้น นางรู้ดีว่าตระกูลซุนที่มีแม่ทัพซุนเทาเป็นผู้นำนั้นเต็มไปด้วยการฉวยโอกาสและการเห็นแก่ตัว แม้แต่พี่ชายต่างมารดาที่ควรจะมีศักดิ์ศรีของชายชาติทหาร ก็ยังเลือกเส้นทางแห่งการประจบเอาตัวรอดอย่างไร้ยางอาย
"ทั้งสองคนก็เหมือนกันไม่มีผิด..." นางคิดในใจพลางเร่งฝีเท้าให้พ้นจากสถานการณ์ที่นางรู้สึกว่าน่ารังเกียจและไร้ค่าในการจดจำ
ภายในตระกูล ซุน อันยิ่งใหญ่และเต็มไปด้วยขนบธรรมเนียมอันเข้มงวด เยี่ยจิงหลินในเวลานี้นับได้ว่าเป็นบุคคลที่ไร้ซึ่งศัตรูโดยแท้จริง ด้วยพลังและความแข็งแกร่งที่ล้นเหลือเกินกว่าผู้ใดในตระกูลจะเทียบได้ ความสามารถของนางเป็นที่ประจักษ์และได้รับการยอมรับจากทุกผู้คน แม้กระทั่งผู้ที่เคยดูแคลนนางหรือคิดต่อต้านในอดีต ต่างก็หันมาเอาอกเอาใจอย่างไม่ปิดบัง
ซุนเทา ผู้เป็นบิดาที่เคยเมินเฉยนางในฐานะบุตรสาวของสาวใช้ บัดนี้กลับแสดงออกถึงความรักและเอ็นดูอย่างชัดเจน ในขณะที่ ซุนฮ่าว พี่ชายต่างมารดาของนาง ซึ่งเคยเต็มไปด้วยความอิจฉาและริษยา ก็ต้องล้มเลิกความคิดต่อต้านและหันมาประจบประแจงอย่างเต็มที่ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเหล่าบ่าวรับใช้ภายในจวน ทุกคนต่างมอบความเคารพและปฏิบัติต่อนางราวกับนางเป็นผู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดรองจากแม่ทัพซุนเทา
สถานะของเยี่ยจิงหลินในตระกูลซุนในตอนนี้เปรียบเสมือนดวงดาวที่ส่องแสงเจิดจรัสที่สุด แม้นางจะเป็นเพียงบุตรสาวที่เกิดจากสาวใช้ แต่ความสามารถที่เหนือชั้นทำให้ผู้คนต่างลืมเลือนชาติกำเนิดของนาง ความแข็งแกร่งและพรสวรรค์ของนางกลายเป็นเหตุผลเพียงพอที่จะทำให้ทุกคนให้ความเคารพนับถือ
อย่างไรก็ตาม แม้นางจะได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง แต่สถานะของนางก็ยังคงเป็นรองจากแม่ทัพซุนเทาอยู่ดี ด้วยอำนาจและบารมีในฐานะหัวหน้าตระกูล ซุนเทายังคงครอบครองจุดสูงสุดในตระกูลนี้อย่างมั่นคง
แต่สำหรับเยี่ยจิงหลิน การที่ไร้ศัตรูและได้รับความเคารพเช่นนี้ ไม่ได้ทำให้นางลืมความจริงบางอย่าง นางรู้ดีว่าอำนาจและความยำเกรงที่ผู้คนมอบให้นั้นมิได้เกิดจากความรักหรือความปรารถนาดีอย่างแท้จริง หากแต่เป็นเพราะความกลัวในพลังของนางมากกว่า นางเลือกที่จะนิ่งเฉยและไม่สนใจคำประจบสอพลอหรือการปฏิบัติที่ดูเสแสร้ง เพราะสิ่งที่นางต้องการไม่ใช่การยอมรับจากคนอื่น หากแต่เป็นการเดินในเส้นทางที่นางเลือกเองอย่างสง่างาม
หลังจากที่สะสางทุกเรื่องราวในเมืองหลวงจนเสร็จสิ้น เยี่ยจิงหลินก็ตัดสินใจเดินทางกลับไปยังหมู่บ้านไท่ผิงชุน ที่นั่น… คือสถานที่ที่มีความหมายกับนางมากที่สุดเมื่อมาถึงหมู่บ้านแห่งนี้ บรรยากาศรอบตัวแตกต่างจากเมืองหลวงโดยสิ้นเชิงไม่มีเสียงของขุนนางที่คอยแย่งชิงอำนาจ ไม่มีแววตาแห่งความโลภ ไม่มีเสียงกระซิบของคนที่พยายามคิดคดหักหลังที่นี่มีเพียงสายลมอ่อนๆ อากาศที่สดชื่น และผู้คนที่ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายแม้ว่าหมู่บ้านแห่งนี้จะ แห้งแล้งและทุรกันดารแต่สำหรับเยี่ยจิงหลินที่นี่คือบ้าน เมื่อเดินเข้าสู่เรือนของตนเอง นางกลับต้องแปลกใจเมื่อพบว่า หลิวฉางหยาง กำลังพักอาศัยอยู่ที่นี่! เยี่ยจิงหลินหันไปมองมารดาของตนซูหลินด้วยความสงสัยก่อนที่แม่ของนางจะ เผยรอยยิ้มออกมาอย่างเขินอาย"ลูก… แม่ตัดสินใจแล้วว่าแม่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง" หลิวฉางหยางไม่ใช่แค่คนรู้จัก แต่เขาเป็นคนที่ ยืนเคียงข้างและคอยดูแลแม่ของนางเสมอมาในวันที่ชีวิตของซูหลินลำบากเขาอยู่เคียงข้างนางโดยไม่ทอดทิ้งและตอนนี้แม่ของเยี่ยจิงหลินก็ได้ตัดสินใจเปิดใจให้กับความรักอีกครั้งเยี่ยจิงหลินเมื่อเห็นแม่ของตนมีความสุข นางย่อมดีใจอย่างที่สุด"แ
เวลาผ่านไปหนึ่งเดือนเต็ม...ด้วย ฝีมือการรักษาของหมอเทวดาหลานซือหมิง ในที่สุด ฮ่องเต้ฟู่ซื่อเทียนก็ฟื้นคืนสติอีกครั้ง!แม้ว่าพระองค์ยังต้องใช้เวลาอีกมากกว่าจะกลับมาแข็งแรงเต็มที่ แต่สิ่งที่พระองค์ได้รับรู้หลังจากฟื้นคืนสติมันทำให้หัวใจของพระองค์สั่นสะท้านยิ่งกว่าพิษร้ายที่เคยกัดกินร่างกายเสียอีก!"คนที่วางยาข้า... คือน้องชายของข้าเอง!?" ฮ่องเต้ฟู่ซื่อเทียนตื่นตระหนกเมื่อรับรู้ถึงความจริง อ๋องฟู่หยางเซิน ผู้ที่เขาเคยมอบความไว้วางใจ... กลับเป็นผู้ที่คิดจะฆ่าเขาเอง!สิ่งที่ทำให้พระองค์สะท้านใจไปมากกว่านั้นคือ..."ผู้ที่ช่วยข้ากลับเป็นบุตรสาวของแม่ทัพซุนเทา... บิดาของนางคือผู้ที่ข้าเคยหวาดระแวงเพราะคำยุยงของราชครูกู่เทียนหลง!" พระองค์หวาดระแวงแม่ทัพซุนเทาเพราะคำพูดของราชครูที่คอยปั่นหัวสุดท้าย... พระองค์ก็ต้องสูญเสียทั้งคู่ไปหลังจากนั้นไม่นานความเดือดดาลก็ปะทุขึ้น!"ข้าจะไม่มีวันให้อภัยมัน!" ดวงตาของฮ่องเต้ฟู่ซื่อเทียน ฉายแววของความโกรธแค้นแม้ว่าอ๋องฟู่หยางเซินจะไม่เหลือเรี่ยวแรงใดๆ แล้ว แม้ว่าเขาจะอยู่ในสภาพของคนที่ไร้สติ เหม่อลอย ไม่รู้เรื่องราวใดๆแต่ความผิดที่เขาก่อขึ้นมันเกินกว่าที
การตายขององค์ชายฟู่ซิวเหิง… เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น เยี่ยจิงหลินไม่ได้คิดจะหยุดเพียงแค่ปลิดชีพองค์ชาย แต่นางกำลังจะทำให้ตระกูลของอ๋องฟู่หยางเซินล่มสลายไปทั้งสายเลือด! ก่อนที่นางจะลงมือ เยี่ยจิงหลินส่งคนของนางออกไปสืบข่าวเกี่ยวกับบุตรชายของอ๋องฟู่หยางเซินทุกคนพวกมันทุกคนล้วนชั่วช้า ไม่ได้ต่างไปจากฟู่ซิวเหิงเลยแม้แต่น้อยพวกมันฉ้อโกง ฉุดคร่าหญิงสาว กดขี่ชาวบ้าน ใช้อำนาจอย่างอำมหิต...ทุกสิ่งที่ได้รับรายงานมามีแต่สิ่งที่ทำให้นางยิ่งแน่ใจว่าพวกมันสมควรจะถูกกำจัดจนหมด!เมื่อแผนการถูกวางไว้อย่างรัดกุม ค่ำคืนนี้ก็ไม่ต่างอะไรไปจาก คืนแห่งนรกที่แท้จริงสำหรับท่านอ๋องแม้ว่าตัวของเขานั้นไม่มีสติเป็นของตัวเองแล้วก็ตาม"ลอบสังหารพร้อมกันในคืนเดียว อย่าให้เหลือแม้แต่คนเดียว"นางออกคำสั่งอย่างเด็ดขาด! เหล่ามือสังหารในเงามืด เคลื่อนไหวอย่างไร้เสียง แต่ละคนได้รับเป้าหมายของตนเอง ไม่มีความผิดพลาด ไม่มีความลังเล มีเพียงจุดจบของเครือญาติแห่งอ๋องฟู่หยางเซินเท่านั้นที่รออยู่!เสียงกรีดร้องแห่งความตื่นตระหนก ดังขึ้นจากคฤหาสน์หลายแห่งของบุตรชายท่านอ๋อง"ไม่นะ! ปล่อยข้าไป! ข้าให้เงินเจ้าได้!""อย่า! ข้ายอมแ
เยี่ยจิงหลินยืนอยู่กลางโถงสุราที่ถูกย้อมไปด้วยเลือด นางจ้องมองภาพตรงหน้าอย่างพึงพอใจ ฟู่ซิวเหิง องค์ชายผู้เคยหยิ่งทะนงบัดนี้กำลังสั่นสะท้านไม่ต่างจากลูกนกที่ถูกขังไว้ในกรงแห่งความตาย!นางกวาดสายตามองเหล่าขุนนางและองครักษ์ที่เหลือรอด บางคนยังยืนตัวแข็งทื่อด้วยความหวาดกลัว บางคนคุกเข่าลงร้องขอชีวิต น้ำตานองหน้า แต่มันไร้ประโยชน์!ใบหน้าของเยี่ยจิงหลินยังคงเรียบนิ่ง… ก่อนที่ริมฝีปากของนางจะคลี่ยิ้มบางๆ ออกมา"จงดับลมหายใจของพวกมันให้หมดซะ... อย่าให้รอดไปได้แม้แต่คนเดียว"คำสั่งของนางเยือกเย็นราวกับเป็นเสียงแห่งมัจจุราช เงามรณะเคลื่อนไหวทันที!เสียงดาบกระทบกับเนื้อ เสียงเลือดสาดกระเซ็น เสียงกรีดร้องดังขึ้นเป็นระลอก ก่อนที่ทุกอย่างจะค่อยๆ เงียบลงไปทีละน้อย ฟู่ซิวเหิงจ้องมองภาพตรงหน้าด้วยสายตาที่สั่นไหว เขาเห็นขุนนางที่เคยประจบสอพลอตนเองถูกเชือดไปทีละคน…เขาเห็นองครักษ์ของตนเองล้มลงโดยไม่มีโอกาสแม้แต่จะชักดาบขึ้นมาต่อสู้!"ไม่… ไม่…"ร่างของเขาสั่นสะท้านไปทั้งตัว สิ่งที่เขาเคยภาคภูมิใจ อำนาจ ความเย่อหยิ่ง ความทะเยอทะยานล้วนมลายหายไปจนหมดสิ้นและเมื่อความหวาดกลัวพุ่งถึงขีดสุด…"ท่านพ่อ! ช่วยข
ภายใน หอสุรา ที่เคยเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและบรรยากาศแห่งการเฉลิมฉลอง พลันเกิดความเปลี่ยนแปลงในพริบตาเดียว!ฟู่ซิวเหิง และเหล่าขุนนางยังคงกำลังดื่มด่ำกับความสุขจากอำนาจใหม่ของตนเอง เสียงจอกสุรากระทบกัน เสียงหัวเราะยังคงดังไปทั่วทั้งห้องโถง ทุกคนกำลังหลงระเริงอยู่ใน ภาพมายาของชัยชนะแต่แล้ว…"พรึ่บ!"เปลวไฟทุกดวงภายในห้องโถงพลันดับมอดลงอย่างกะทันหัน!ทั้งห้องตกอยู่ใน ความมืดมิดอันสมบูรณ์แบบ ไม่มีแสงไฟแม้แต่ดวงเดียว มีเพียงเงามืดอันน่าหวาดกลัว ที่กำลังคืบคลานเข้ามาอย่างเงียบเชียบเสียงของแขกภายในงานเริ่มเปลี่ยนเป็นเสียงกระซิบกระซาบ ความตื่นตระหนกเริ่มแพร่กระจายออกไปในหมู่ผู้ร่วมงาน"มันเกิดอะไรขึ้น?!""มีใครไปจุดไฟเร็วเข้า!"เสียงตะโกนดังขึ้นจากมุมห้อง น้ำเสียงของพวกเขาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก!แต่ไม่มีคำตอบไม่มีใครขยับท่ามกลางความเงียบงันและความมืดมิด…"อ๊ากกกกก!!!"เสียงกรีดร้องที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด ดังก้องไปทั่วห้องโถง!หนึ่งในแขกของงานถูกปลิดชีพอย่างไร้ความปรานี!เงามัจจุราชที่คืบคลานฟู่ซิวเหิงเบิกตากว้าง เขาหันมองไปรอบๆ แต่สิ่งที่เขาเห็นมีเพียงความมืดสนิท!"ใครอยู่ตรงนั้น?! ออกมาเดี๋
ความจริงที่โหดร้ายกำลังกลืนกินหัวใจของท่านอ๋องฟู่หยางเซินอย่างช้าๆบุตรชายที่เขารักและไว้วางใจที่สุดกลับกลายเป็นผู้ที่กำลังผลักไสเขาไปสู่ความตาย!ร่างกายของท่านอ๋องที่อ่อนแรงอยู่แล้ว กลับยิ่งทรุดหนักลงกว่าเดิม ด้วยความรู้สึกที่ไม่อยากยอมรับความจริง ความรู้สึกเจ็บปวดและความสิ้นหวังได้กัดกินจิตใจของเขา ยิ่งไปกว่านั้น ความเศร้าโศกที่ค่อยๆ กัดกินหัวใจของเขา ทำให้พิษร้ายที่แฝงอยู่ในร่างแทรกซึมลึกลงไปในทุกอณูของร่างกาย!หัวใจที่แตกสลาย…ร่างกายที่อ่อนแอ…ความเจ็บปวดจากพิษร้ายที่คืบคลานเข้าสู่กระแสโลหิต…ทุกสิ่งทุกอย่างกำลังบั่นทอน ชีวิตของอ๋องฟู่หยางเซิน ไปทีละนิดจากชายผู้ยิ่งใหญ่ที่เคยปกครองอำนาจเหนือผู้อื่น บัดนี้กลับต้อง นอนอยู่บนเตียงอย่างคนไร้ซึ่งเรี่ยวแรง ดวงตาที่เคยเปี่ยมไปด้วยพลังและความเย่อหยิ่ง กลับกลายเป็นสายตาที่เหม่อลอย…เขารู้ดีว่า ตนเองกำลังจะตายแต่สิ่งที่เลวร้ายที่สุดไม่ใช่ความตาย...แต่เป็นการตายด้วยน้ำมือของบุตรชายที่เขารักที่สุด!ความคิดสุดท้ายที่วนเวียนอยู่ในหัวของเขาคือ..."นี่หรือคือผลตอบแทนของข้า...?""นี่หรือคือจุดจบของอ๋องฟู่หยางเซิน?""ข้าเลี้ยงดูอสูรกายขึ้นมาเองแท้ๆ…"







![พันธะสวาทจอมเวทย์ [18+, พีเรียดอีโรติก]](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)