เข้าสู่ระบบท้องฟ้ายามเที่ยงวันยังคงส่องแสงเจิดจ้า แต่หัวใจของจักรพรรดิกำลังจมดิ่งสู่ห้วงอเวจี!
หลังจากเสียงระเบิดอสนีบาตดังสนั่นหวั่นไหว เศษซากของจวนราชครู กลายเป็นเถ้าถ่านในพริบตา ควันดำทะมึนพวยพุ่งปกคลุมท้องฟ้า เสียงเปลวไฟเผาผลาญดังกรอบแกรบประหนึ่งเสียงคร่ำครวญของวิญญาณที่ถูกกลืนกินโดยเปลวเพลิง
ฮ่องเต้ฟู่ซื่อเทียนในยามนี้ อ้าปากหายใจผงาบผงาบ พระอุระกระเพื่อมหนักหน่วง ราวกับปลาที่ถูกลากขึ้นจากน้ำ ทั่วทั้งร่างยังคงสั่นสะท้าน จากแรงอัดของพลังทำลายล้างมหาศาล ดวงเนตรคมปลาบจ้องมองไปยังซากปรักหักพัง พระวรกายเต็มไปด้วยความหวาดกลัวจับขั้วหัวใจ
พระเนตรเบิกกว้าง... นี่คือความจริงอันโหดร้าย ภายในจวนนั้นไม่ได้มีแค่ราชครูเพียงผู้เดียว แต่ยังรวมถึง เหล่าขุนนางใหญ่เล็ก แม่ทัพ ขุนพล บุคคลสำคัญของแผ่นดิน...
ตอนนี้พวกมันล้วนดับสิ้นแล้ว! พระหัตถ์ขององค์ฮ่องเต้กำแน่นจนเล็บจิกเข้าเนื้อ แต่แม้จะพยายามข่มขู่ตัวเองให้สงบเพียงใด ความหวาดกลัวยังคงแผ่ซ่านไปทั่วร่าง
เหตุการณ์ในครั้งนี้สำหรับองค์ฮ่องเต้ ฟู่ซื่อเทียน เป็นการสูญเสียที่ยิ่งใหญ่และไม่อาจกลับคืนมาได้ การตัดสินใจฟังคำแนะนำจากราชครู กู่เทียนหลง ที่เต็มไปด้วยแผนการชั่วร้ายและความริษยา กลับเป็นการลงโทษตัวพระองค์เองอย่างแท้จริง เพราะขุนนางข้างกายพวกที่เหลือล้วนแล้วแต่เป็นพวกไร้ประโยชน์ที่ดีแต่พูดคำประจบสอพลอไปวันๆ
ข่าวสะเทือนขวัญเกี่ยวกับการระเบิดครั้งใหญ่ที่ทำให้ราชครู กู่เทียนหลง และแม่ทัพซุนเทา ตายไปพร้อมกันแพร่กระจายไปทั่วเมืองหลวงอย่างรวดเร็ว ผู้คนต่างแตกตื่น หายใจไม่ทั่วท้อง ราวกับว่าความหวาดกลัวกำลังกัดกินหัวใจของพวกเขา ตระกูลกู่ที่เคยยิ่งใหญ่ถูกลบหายไปจากหน้าประวัติศาสตร์ในพริบตา ขณะเดียวกัน ทางตระกูลซุนก็ได้รับข่าวโดยม้าเร็วที่รีบมารายงาน
ซุนฮ่าว ผู้เป็นบุตรชายของแม่ทัพซุนเทา ร่ำไห้อย่างบ้าคลั่ง ความเจ็บปวดของเขาไม่อาจกล้ำกลืนลงไปได้ เพราะไม่นานมานี้ เขาเพิ่งสูญเสียมารดาไป และในครั้งนี้ พ่อที่เขาเคารพรักก็มาด่วนจากไปอีกคน แม้ว่าเขาจะเป็นเพียงบุตรชายที่เกิดจากชายชู้ และไม่ได้มีสายเลือดเดียวกันกับแม่ทัพซุนเทา แต่ผู้เป็นพ่อก็ยังรักและชื่นชมในตัวเขาเสมอมา ไม่เคยลดละความเมตตา ไม่เคยรังเกียจในชาติกำเนิดของเขาเลยแม้แต่น้อย
"พ่อ... ท่านพ่อ..." เสียงร่ำไห้ของชายหนุ่มกึกก้องไปทั่วทั้งจวน น้ำตาแห่งความสูญเสียไหลรินออกมาราวกับสายน้ำที่ไม่อาจหยุดยั้งได้
ในขณะที่ซุนฮ่าวร้องไห้ปานจะขาดใจ ผู้ที่ยังคงนิ่งสงบภายใต้สถานการณ์เช่นนี้กลับเป็น เยี่ยจิงหลิน บุตรสาวแท้ ๆ ของแม่ทัพซุนเทา สีหน้าของนางยังคงเย็นชา ไม่เผยความรู้สึกใด ๆ แม้ว่าคนที่ตายไปจะเป็นผู้ให้กำเนิดของตนเอง นางก็ไม่ได้รู้สึกโศกเศร้าแม้แต่น้อย เพราะหัวใจของนางเต็มไปด้วยความขุ่นเคืองที่สะสมมานาน นางไม่มีวันลืมได้เลยว่าแม่ของนาง ซึ่งเป็นเพียงสาวใช้คนหนึ่ง ต้องทนทุกข์ทรมานเพราะน้ำมือของพ่อเช่นไร ถึงแม้ว่าซุนเทาจะเป็นบิดาผู้ให้กำเนิด แต่นางกลับไม่เคยได้รับความรักจากเขาเลยแม้แต่น้อย
ถึงอย่างนั้น แม้นางจะไม่ได้เสียใจ แต่นางก็สัมผัสได้ถึงความว่างเปล่าภายในจิตใจ ราวกับว่ามีบางอย่างขาดหายไปตลอดกาล
"หากชาติหน้ามีจริง หวังว่าท่านคงไม่สร้างกรรมชั่วอีก"
นี่คือคำพูดสุดท้ายที่นางกล่าวถึงบิดา แม้จะเป็นเพียงคำพูดในใจ แต่มันกลับดังก้องราวกับเสียงสะท้อนของความรู้สึกที่ไม่อาจบรรยายออกมาได้…
ภายในลานพิธีขนาดใหญ่แห่งวังหลวง ธูปเทียนถูกจุดขึ้นทั่วบริเวณ ควันสีขาวลอยอ้อยอิ่งราวกับจะนำวิญญาณของแม่ทัพซุนเทาขึ้นสู่สวรรค์ องค์ฮ่องเต้ ฟู่ซื่อเทียน ทรงประทับอยู่บนบัลลังก์ทองที่ตั้งไว้เฉพาะกิจ พระองค์สวมชุดฉลองพระองค์สีดำขลิบทองเพื่อแสดงความอาลัย เสียงพระสวดดังอย่างต่อเนื่องสร้างบรรยากาศแห่งความโศกเศร้า
ฟู่ซื่อเทียนทอดพระเนตรไปยังลูกหลานตระกูลซุนที่ยืนเรียงรายกันอยู่ ทุกคนล้วนไว้ทุกข์ด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย แต่สายตากลับเต็มไปด้วยความแน่วแน่และเยือกเย็น
"แม่ทัพซุนเทา… ช่างเป็นบุรุษที่กล้าหาญและยิ่งใหญ่ยิ่งนัก ตลอดชีวิตของเขา อุทิศตนเพื่อแผ่นดินและประชาชน ข้าย่อมต้องให้เกียรติและแสดงความเคารพแก่เขา" ฮ่องเต้กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงหนักแน่น และปั้นรอยยิ้มอันอ่อนโยนบนพระพักตร์ แต่ภายในใจของพระองค์นั้นกำลังสั่นระรัว…
"บัดซบ! ซุนเทาเจ้ามันปีศาจ! ข้าต้องมาอวยเจ้าต่อหน้าลูกหลานของเจ้าเช่นนี้หรือ? หากข้าพลาดพลั้งแม้แต่นิดเดียว พวกมันอาจจะระเบิดวังของข้าเป็นชิ้นๆ เหมือนที่เจ้าทำกับจวนของกู่เทียนหลงก็ได้!"
พระองค์มองไปที่ซุนฮ่าว บุตรชายของซุนเทา ชายหนุ่มผู้นี้ร้องไห้จนดวงตาแดงก่ำ ข้าง ๆ กันนั้นคือ เยี่ยจิงหลิน ผู้เป็นบุตรสาวของซุนเทา นางยังคงสงบนิ่งไม่แสดงอารมณ์ใดๆ แต่นั่นแหละที่ทำให้องค์ฮ่องเต้รู้สึกหนาวเยือกไปทั้งสันหลัง
"พวกเจ้าจะคิดแก้แค้นหรือไม่? จะระเบิดวังของข้าเป็นจุณเช่นเดียวกับจวนของกู่เทียนหลงหรือเปล่า?"
ความหวาดกลัวค่อยๆ ก่อตัวขึ้นภายในใจพระองค์อย่างห้ามไม่อยู่ พระหัตถ์ของฟู่ซื่อเทียนกำแน่น แต่ต้องรีบคลายออกเพื่อไม่ให้ผู้ใดสังเกตเห็น
หลังจากกล่าวสรรเสริญแม่ทัพซุนเทาจบ พระองค์ทรงทอดถอนพระทัยก่อนจะหันไปหาซุนฮ่าวแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้มอันอบอุ่น (แต่ในใจนั้นร้อนรนราวกับอยู่ในกองเพลิง)
"ซุนฮ่าว เจ้าคือบุตรแห่งวีรบุรุษ ในอนาคต จงนำพาตระกูลซุนให้เจริญรุ่งเรืองต่อไปเถิด"
ทันทีที่ได้รับคำชมจากฮ่องเต้ สีหน้าของซุนฮ่าวพลันเปลี่ยนไปเป็นความปลื้มปิติและภาคภูมิใจอย่างที่สุด เขารู้สึกว่าตัวเองกำลังได้รับเกียรติอันสูงส่ง หัวใจของเขาเต้นแรงด้วยความตื่นเต้น
"ข้าจักภักดีต่อแผ่นดินตราบสิ้นลมหายใจ!" ซุนฮ่าวกล่าวอย่างหนักแน่น เสียงของเขาดังขึ้นราวกับต้องการให้ทุกคนได้ยินถึงความจงรักภักดีอันแรงกล้าของตน
แต่ในขณะที่ผู้คนกำลังจับจ้องไปที่เขาด้วยสายตาหลายความหมาย เยี่ยจิงหลินกลับทำได้เพียง ยิ้มเย้ยหยัน นางจิบสุราในมือเบาๆ ก่อนจะถอนหายใจอย่างหน่ายใจ
"พี่ชาย… เจ้าช่างเป็นได้แค่หมาที่เชื่องต่อผู้ที่ฆ่าพ่อของตัวเอง"
แม้ในใจจะคิดเช่นนั้น แต่นางไม่ได้พูดออกมา นางเพียงมองดูซุนฮ่าวอย่างเวทนา นางไม่แปลกใจเลยว่าทำไมท่านพ่อของนางถึงฝากฝังเจ้าซุนฮ่าวนัก เพราะมันผู้นี้ "เบาปัญญาจนเกินไป" นางรู้ดีว่าหากไม่มีคนคอยชี้นำ ซุนฮ่าวคงเป็นได้แค่เบี้ยหมากที่ถูกเล่นงานจนหมดสิ้น
สายตาของเยี่ยจิงหลินทอดมองไปยังองค์ฮ่องเต้ ฟู่ซื่อเทียน พระองค์ยังคงฉีกยิ้มให้ซุนฮ่าว แต่ในดวงตาของพระองค์เต็มไปด้วยความหวาดระแวง แม้จะหลอกซุนฮ่าวได้ แต่พระองค์ไม่สามารถหลอกทุกคนได้
หลังจากที่สะสางทุกเรื่องราวในเมืองหลวงจนเสร็จสิ้น เยี่ยจิงหลินก็ตัดสินใจเดินทางกลับไปยังหมู่บ้านไท่ผิงชุน ที่นั่น… คือสถานที่ที่มีความหมายกับนางมากที่สุดเมื่อมาถึงหมู่บ้านแห่งนี้ บรรยากาศรอบตัวแตกต่างจากเมืองหลวงโดยสิ้นเชิงไม่มีเสียงของขุนนางที่คอยแย่งชิงอำนาจ ไม่มีแววตาแห่งความโลภ ไม่มีเสียงกระซิบของคนที่พยายามคิดคดหักหลังที่นี่มีเพียงสายลมอ่อนๆ อากาศที่สดชื่น และผู้คนที่ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายแม้ว่าหมู่บ้านแห่งนี้จะ แห้งแล้งและทุรกันดารแต่สำหรับเยี่ยจิงหลินที่นี่คือบ้าน เมื่อเดินเข้าสู่เรือนของตนเอง นางกลับต้องแปลกใจเมื่อพบว่า หลิวฉางหยาง กำลังพักอาศัยอยู่ที่นี่! เยี่ยจิงหลินหันไปมองมารดาของตนซูหลินด้วยความสงสัยก่อนที่แม่ของนางจะ เผยรอยยิ้มออกมาอย่างเขินอาย"ลูก… แม่ตัดสินใจแล้วว่าแม่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง" หลิวฉางหยางไม่ใช่แค่คนรู้จัก แต่เขาเป็นคนที่ ยืนเคียงข้างและคอยดูแลแม่ของนางเสมอมาในวันที่ชีวิตของซูหลินลำบากเขาอยู่เคียงข้างนางโดยไม่ทอดทิ้งและตอนนี้แม่ของเยี่ยจิงหลินก็ได้ตัดสินใจเปิดใจให้กับความรักอีกครั้งเยี่ยจิงหลินเมื่อเห็นแม่ของตนมีความสุข นางย่อมดีใจอย่างที่สุด"แ
เวลาผ่านไปหนึ่งเดือนเต็ม...ด้วย ฝีมือการรักษาของหมอเทวดาหลานซือหมิง ในที่สุด ฮ่องเต้ฟู่ซื่อเทียนก็ฟื้นคืนสติอีกครั้ง!แม้ว่าพระองค์ยังต้องใช้เวลาอีกมากกว่าจะกลับมาแข็งแรงเต็มที่ แต่สิ่งที่พระองค์ได้รับรู้หลังจากฟื้นคืนสติมันทำให้หัวใจของพระองค์สั่นสะท้านยิ่งกว่าพิษร้ายที่เคยกัดกินร่างกายเสียอีก!"คนที่วางยาข้า... คือน้องชายของข้าเอง!?" ฮ่องเต้ฟู่ซื่อเทียนตื่นตระหนกเมื่อรับรู้ถึงความจริง อ๋องฟู่หยางเซิน ผู้ที่เขาเคยมอบความไว้วางใจ... กลับเป็นผู้ที่คิดจะฆ่าเขาเอง!สิ่งที่ทำให้พระองค์สะท้านใจไปมากกว่านั้นคือ..."ผู้ที่ช่วยข้ากลับเป็นบุตรสาวของแม่ทัพซุนเทา... บิดาของนางคือผู้ที่ข้าเคยหวาดระแวงเพราะคำยุยงของราชครูกู่เทียนหลง!" พระองค์หวาดระแวงแม่ทัพซุนเทาเพราะคำพูดของราชครูที่คอยปั่นหัวสุดท้าย... พระองค์ก็ต้องสูญเสียทั้งคู่ไปหลังจากนั้นไม่นานความเดือดดาลก็ปะทุขึ้น!"ข้าจะไม่มีวันให้อภัยมัน!" ดวงตาของฮ่องเต้ฟู่ซื่อเทียน ฉายแววของความโกรธแค้นแม้ว่าอ๋องฟู่หยางเซินจะไม่เหลือเรี่ยวแรงใดๆ แล้ว แม้ว่าเขาจะอยู่ในสภาพของคนที่ไร้สติ เหม่อลอย ไม่รู้เรื่องราวใดๆแต่ความผิดที่เขาก่อขึ้นมันเกินกว่าที
การตายขององค์ชายฟู่ซิวเหิง… เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น เยี่ยจิงหลินไม่ได้คิดจะหยุดเพียงแค่ปลิดชีพองค์ชาย แต่นางกำลังจะทำให้ตระกูลของอ๋องฟู่หยางเซินล่มสลายไปทั้งสายเลือด! ก่อนที่นางจะลงมือ เยี่ยจิงหลินส่งคนของนางออกไปสืบข่าวเกี่ยวกับบุตรชายของอ๋องฟู่หยางเซินทุกคนพวกมันทุกคนล้วนชั่วช้า ไม่ได้ต่างไปจากฟู่ซิวเหิงเลยแม้แต่น้อยพวกมันฉ้อโกง ฉุดคร่าหญิงสาว กดขี่ชาวบ้าน ใช้อำนาจอย่างอำมหิต...ทุกสิ่งที่ได้รับรายงานมามีแต่สิ่งที่ทำให้นางยิ่งแน่ใจว่าพวกมันสมควรจะถูกกำจัดจนหมด!เมื่อแผนการถูกวางไว้อย่างรัดกุม ค่ำคืนนี้ก็ไม่ต่างอะไรไปจาก คืนแห่งนรกที่แท้จริงสำหรับท่านอ๋องแม้ว่าตัวของเขานั้นไม่มีสติเป็นของตัวเองแล้วก็ตาม"ลอบสังหารพร้อมกันในคืนเดียว อย่าให้เหลือแม้แต่คนเดียว"นางออกคำสั่งอย่างเด็ดขาด! เหล่ามือสังหารในเงามืด เคลื่อนไหวอย่างไร้เสียง แต่ละคนได้รับเป้าหมายของตนเอง ไม่มีความผิดพลาด ไม่มีความลังเล มีเพียงจุดจบของเครือญาติแห่งอ๋องฟู่หยางเซินเท่านั้นที่รออยู่!เสียงกรีดร้องแห่งความตื่นตระหนก ดังขึ้นจากคฤหาสน์หลายแห่งของบุตรชายท่านอ๋อง"ไม่นะ! ปล่อยข้าไป! ข้าให้เงินเจ้าได้!""อย่า! ข้ายอมแ
เยี่ยจิงหลินยืนอยู่กลางโถงสุราที่ถูกย้อมไปด้วยเลือด นางจ้องมองภาพตรงหน้าอย่างพึงพอใจ ฟู่ซิวเหิง องค์ชายผู้เคยหยิ่งทะนงบัดนี้กำลังสั่นสะท้านไม่ต่างจากลูกนกที่ถูกขังไว้ในกรงแห่งความตาย!นางกวาดสายตามองเหล่าขุนนางและองครักษ์ที่เหลือรอด บางคนยังยืนตัวแข็งทื่อด้วยความหวาดกลัว บางคนคุกเข่าลงร้องขอชีวิต น้ำตานองหน้า แต่มันไร้ประโยชน์!ใบหน้าของเยี่ยจิงหลินยังคงเรียบนิ่ง… ก่อนที่ริมฝีปากของนางจะคลี่ยิ้มบางๆ ออกมา"จงดับลมหายใจของพวกมันให้หมดซะ... อย่าให้รอดไปได้แม้แต่คนเดียว"คำสั่งของนางเยือกเย็นราวกับเป็นเสียงแห่งมัจจุราช เงามรณะเคลื่อนไหวทันที!เสียงดาบกระทบกับเนื้อ เสียงเลือดสาดกระเซ็น เสียงกรีดร้องดังขึ้นเป็นระลอก ก่อนที่ทุกอย่างจะค่อยๆ เงียบลงไปทีละน้อย ฟู่ซิวเหิงจ้องมองภาพตรงหน้าด้วยสายตาที่สั่นไหว เขาเห็นขุนนางที่เคยประจบสอพลอตนเองถูกเชือดไปทีละคน…เขาเห็นองครักษ์ของตนเองล้มลงโดยไม่มีโอกาสแม้แต่จะชักดาบขึ้นมาต่อสู้!"ไม่… ไม่…"ร่างของเขาสั่นสะท้านไปทั้งตัว สิ่งที่เขาเคยภาคภูมิใจ อำนาจ ความเย่อหยิ่ง ความทะเยอทะยานล้วนมลายหายไปจนหมดสิ้นและเมื่อความหวาดกลัวพุ่งถึงขีดสุด…"ท่านพ่อ! ช่วยข
ภายใน หอสุรา ที่เคยเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและบรรยากาศแห่งการเฉลิมฉลอง พลันเกิดความเปลี่ยนแปลงในพริบตาเดียว!ฟู่ซิวเหิง และเหล่าขุนนางยังคงกำลังดื่มด่ำกับความสุขจากอำนาจใหม่ของตนเอง เสียงจอกสุรากระทบกัน เสียงหัวเราะยังคงดังไปทั่วทั้งห้องโถง ทุกคนกำลังหลงระเริงอยู่ใน ภาพมายาของชัยชนะแต่แล้ว…"พรึ่บ!"เปลวไฟทุกดวงภายในห้องโถงพลันดับมอดลงอย่างกะทันหัน!ทั้งห้องตกอยู่ใน ความมืดมิดอันสมบูรณ์แบบ ไม่มีแสงไฟแม้แต่ดวงเดียว มีเพียงเงามืดอันน่าหวาดกลัว ที่กำลังคืบคลานเข้ามาอย่างเงียบเชียบเสียงของแขกภายในงานเริ่มเปลี่ยนเป็นเสียงกระซิบกระซาบ ความตื่นตระหนกเริ่มแพร่กระจายออกไปในหมู่ผู้ร่วมงาน"มันเกิดอะไรขึ้น?!""มีใครไปจุดไฟเร็วเข้า!"เสียงตะโกนดังขึ้นจากมุมห้อง น้ำเสียงของพวกเขาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก!แต่ไม่มีคำตอบไม่มีใครขยับท่ามกลางความเงียบงันและความมืดมิด…"อ๊ากกกกก!!!"เสียงกรีดร้องที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด ดังก้องไปทั่วห้องโถง!หนึ่งในแขกของงานถูกปลิดชีพอย่างไร้ความปรานี!เงามัจจุราชที่คืบคลานฟู่ซิวเหิงเบิกตากว้าง เขาหันมองไปรอบๆ แต่สิ่งที่เขาเห็นมีเพียงความมืดสนิท!"ใครอยู่ตรงนั้น?! ออกมาเดี๋
ความจริงที่โหดร้ายกำลังกลืนกินหัวใจของท่านอ๋องฟู่หยางเซินอย่างช้าๆบุตรชายที่เขารักและไว้วางใจที่สุดกลับกลายเป็นผู้ที่กำลังผลักไสเขาไปสู่ความตาย!ร่างกายของท่านอ๋องที่อ่อนแรงอยู่แล้ว กลับยิ่งทรุดหนักลงกว่าเดิม ด้วยความรู้สึกที่ไม่อยากยอมรับความจริง ความรู้สึกเจ็บปวดและความสิ้นหวังได้กัดกินจิตใจของเขา ยิ่งไปกว่านั้น ความเศร้าโศกที่ค่อยๆ กัดกินหัวใจของเขา ทำให้พิษร้ายที่แฝงอยู่ในร่างแทรกซึมลึกลงไปในทุกอณูของร่างกาย!หัวใจที่แตกสลาย…ร่างกายที่อ่อนแอ…ความเจ็บปวดจากพิษร้ายที่คืบคลานเข้าสู่กระแสโลหิต…ทุกสิ่งทุกอย่างกำลังบั่นทอน ชีวิตของอ๋องฟู่หยางเซิน ไปทีละนิดจากชายผู้ยิ่งใหญ่ที่เคยปกครองอำนาจเหนือผู้อื่น บัดนี้กลับต้อง นอนอยู่บนเตียงอย่างคนไร้ซึ่งเรี่ยวแรง ดวงตาที่เคยเปี่ยมไปด้วยพลังและความเย่อหยิ่ง กลับกลายเป็นสายตาที่เหม่อลอย…เขารู้ดีว่า ตนเองกำลังจะตายแต่สิ่งที่เลวร้ายที่สุดไม่ใช่ความตาย...แต่เป็นการตายด้วยน้ำมือของบุตรชายที่เขารักที่สุด!ความคิดสุดท้ายที่วนเวียนอยู่ในหัวของเขาคือ..."นี่หรือคือผลตอบแทนของข้า...?""นี่หรือคือจุดจบของอ๋องฟู่หยางเซิน?""ข้าเลี้ยงดูอสูรกายขึ้นมาเองแท้ๆ…"







