เข้าสู่ระบบในช่วงเวลานี้ ไม่เพียงแต่ซุนฮ่าวเท่านั้นที่มองเยี่ยจิงหลินเป็นศัตรู แต่ยังรวมไปถึงอ๋อง ฟู่หยางเซิน ด้วย นางเป็นเสมือนหนามยอกอกที่ขัดขวางแผนการของเขาโดยตรง การที่นางยื่นมือเข้ามาให้ความคุ้มครองแก่หมอหลวงและหมอชาวบ้านผู้มีฝีมือ เปรียบเสมือนการประกาศสงครามกับเขาอย่างไม่เกรงกลัว
เขาก้าวไปยังแผนที่ที่กางอยู่บนโต๊ะ นิ้วเรียวยาวลากผ่านไปยังจุดหนึ่งก่อนจะหยุดลงที่ตำแหน่งของ หมู่บ้านไท่ผิงชุน ดินแดนอันเงียบสงบ หากแต่ในสายตาของเขา ที่นั่นกำลังจะกลายเป็นขุมนรกของผู้หนึ่ง
"เริ่มจากมารดาของนาง..." เสียงของเขาเรียบนิ่ง ทว่าหนักแน่น "เมื่อจิตใจของนางแตกสลาย เมื่อนางต้องเห็นผู้เป็นแม่ตายไปต่อหน้าต่อตา นางย่อมรู้ซึ้งถึงรสชาติของความสิ้นหวัง และเมื่อนั้น ข้าจะปรากฏตัว... ทำลายนางอย่างไร้ความปรานี"
ซุนฮ่าวแสยะยิ้ม ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความเคียดแค้นและกระหายชัยชนะ "ท่านพ่อบุญธรรมโปรดวางใจ ข้าจะทำให้แผนการนี้สำเร็จอย่างไร้ที่ติ นางจะต้องทรมานยิ่งกว่าความตายเสียอีก!"
"ไปเถอะ... และจงอย่าให้ข้าผิดหวัง"
ในจวนของเยี่ยจิงหลิน
แสงจันทร์สาดส่องลงมา ทาบทับร่างของสตรีผู้หนึ่งที่ยืนอยู่เบื้องหน้ากระดานยุทธศาสตร์ เสียงลมยามค่ำคืนพัดผ่านม่านหน้าต่าง แต่กลับไม่อาจพัดพาความโกรธเกรี้ยวที่อัดแน่นอยู่ภายในใจของนางออกไปได้
"พวกมันคิดจะลงมือกับแม่ของข้า?"
เสียงของนางเย็นเยียบไร้ความลังเล สายตาจับจ้องไปยังสายข่าวที่คุกเข่าอยู่เบื้องหน้า คนของนางคนนั้นพยักหน้ารับ พลางรายงานรายละเอียดเพิ่มเติม
"นายหญิง พวกมันกำหนดแผนการไว้ในอีกห้าวันข้างหน้า ตอนนี้กำลังหลักของตำหนักอสรพิษกำลังเคลื่อนกำลังพลไปยังจุดรวมพลเพื่อเตรียมบุกหมู่บ้านไท่ผิงชุน"
ดวงตาของเยี่ยจิงหลินทอประกายคมกริบ นางกำหมัดแน่นจนเล็บจิกลงบนฝ่ามือ หากแต่มันมิใช่ความหวาดหวั่น หากแต่เป็นเพลิงโทสะที่โหมกระหน่ำอยู่ภายใน
"พวกมันช่างต่ำช้านัก! คิดจะดึงคนที่ไม่เกี่ยวข้องมาเล่นในเกมสกปรกของพวกมัน"
บรรยากาศในห้องเต็มไปด้วยความกดดัน เหล่าขุนพลที่ยืนรอคำสั่งต่างเงียบกริบ ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง
เยี่ยจิงหลินหลับตาลงครู่หนึ่ง ก่อนจะสูดหายใจเข้าลึกๆ เมื่อลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ความอ่อนโยนในดวงตาของนางได้หายไปจนหมดสิ้น
"ข้าต้องการหญิงคณิกา 100 คน"
คำพูดของนางทำให้เหล่าลูกน้องที่ยืนอยู่ต่างสบตากันด้วยความแปลกใจ แต่ไม่มีผู้ใดกล้าเอ่ยขัดจังหวะ
"ขอความงามเลิศล้ำจนบุรุษทั่วหล้าหลงใหล ใบหน้าดั่งหยกสลัก ผิวขาวเนียนนุ่ม หน้าอกอวบอิ่มชวนมอง ที่สำคัญต้องเป็นสตรีที่ใจกล้าเด็ดเดี่ยวเพราะภารกิจของพวกนางอาจต้องเสี่ยงสักเล็กน้อย"
เสียงของเยี่ยจิงหลินเย็นเยียบ ทว่ากลับแฝงไว้ด้วยแรงดึงดูดที่น่าหวาดหวั่น
"ค่าตัวของพวกนาง ข้ายินดีจ่ายให้สิบเท่าจากปกติ! จงไปคัดเลือกให้ดี อย่าได้ทำให้ข้าผิดหวัง"
ลูกน้องของนางถึงกับกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ใบหน้าของพวกเขาเผยให้เห็นถึงความเคลิบเคลิ้มปะปนไปกับความสงสัย หนึ่งในนั้นตัดสินใจรวบรวมความกล้า เอ่ยถามด้วยเสียงแผ่วเบา
"นายหญิง... ท่านต้องการหญิงสาวเหล่านี้ไปทำสิ่งใดหรือขอรับ?"
เยี่ยจิงหลินคลี่ยิ้มออกมา เป็นรอยยิ้มที่มิได้มีเพียงความเย้ายวน หากแต่เป็นรอยยิ้มที่ซุกซ่อนความชั่วร้ายไว้ถึงขีดสุด
"เมื่อถึงเวลา พวกเจ้าก็จะรู้เอง" สิ้นคำกล่าวของนาง บรรยากาศภายในห้องก็ยิ่งเคร่งเครียด ราวกับว่ากำลังจะเกิดพายุลูกใหญ่ที่พร้อมจะกวาดล้างทุกสิ่งให้พินาศไปในพริบตา!
เพียงสิ้นคำสั่งของนาง เหล่าบรรดาลิ่วล้อของเยี่ยจิงหลินต่างพากันออกเดินทางไปยังย่านโคมแดงในเมืองต่างๆ ที่อยู่ห่างไกลจากเมืองหลวง
เป้าหมายของพวกเขาชัดเจนหญิงงามที่เป็นดั่งอัญมณีในป่าลึก งดงามจนหายาก ราวกับช้างเผือกในพงไพร
ชายหนุ่มที่เติบโตมาในโลกอันมืดมนต่างรู้ดีว่าบุรุษผู้มักมากในกามารมณ์นั้นมีรสนิยมเยี่ยงไร สตรีเช่นไรที่สามารถกระชากจิตวิญญาณของพวกเขาได้อย่างง่ายดาย
ผิวขาวราวหิมะ ริมฝีปากแดงฉ่ำดั่งกลีบกุหลาบ ดวงตาชวนหลงใหล รูปร่างโค้งเว้าได้สัดส่วน เสียงหวานปานขับขานบทเพลงหญิงสาวเหล่านี้จะต้องไม่ใช่เพียงแค่สตรีที่มีรูปร่างหน้าตางดงาม หากแต่ต้องมีเสน่ห์ที่สามารถล่อลวงจิตใจบุรุษให้ตกอยู่ในห้วงภวังค์
พวกเขาเริ่มลงมือเฟ้นหาอย่างพิถีพิถัน สอบถามข้อมูลจากเจ้าของโรงน้ำชา แม่เล้าจากหอนางโลม และแม้กระทั่งหญิงคณิกาผู้โด่งดัง ทุกซอกทุกมุมของย่านโคมแดงไม่มีที่ใดที่พวกเขามองข้าม
นี่ไม่ใช่เพียงแค่การคัดเลือกหญิงงาม หากแต่เป็นหมากตัวสำคัญในกระดานของเยี่ยจิงหลิน และไม่มีใครกล้าฝ่าฝืนคำสั่งของนาง!
"อืม... ใช้ได้ รสนิยมของพวกเจ้าค่อนข้างไม่เลวทีเดียว"
น้ำเสียงของนางราบเรียบ ทว่าแฝงไปด้วยความเจ้าเล่ห์
หญิงสาวที่ยืนเรียงรายตรงหน้าต่างล้วนแล้วแต่เป็นสุดยอดสตรีที่งามเลิศล้ำ ผิวพรรณผุดผ่อง รูปร่างเย้ายวนชวนหลงใหล และสำคัญที่สุดแต่ละนางล้วนมีดวงตาที่แฝงไว้ด้วยความกล้าหาญและไหวพริบ ไม่ใช่เพียงแค่หญิงงามธรรมดา
อดีตทหารเอกของแม่ทัพซุนเทา ผู้เป็นลูกน้องคนสนิทของเยี่ยจิงหลินถึงกับหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ ขณะจ้องมองเรือนร่างของเหล่าสตรีเหล่านั้นด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความพึงพอใจ
"หึหึ เพื่อนายหญิงแล้ว พวกเรายินดีทำงานถวายชีวิตเพื่อท่าน"
เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเคลิบเคลิ้ม สายตาของเขาแทบไม่ว่างเว้นจากความงามที่อยู่ตรงหน้า
แต่เพียงแค่เสี้ยววินาทีสายตาเย็นเยียบของเยี่ยจิงหลินก็ปรายมองไปที่เขาโดยไม่เอื้อนเอ่ยคำใด บรรยากาศโดยรอบกลับเย็นเยียบขึ้นมาทันที
อดีตทหารเอกสะดุ้งเฮือก รีบก้มหน้าหลบสายตาของนายหญิงอย่างรวดเร็ว รู้ตัวทันทีว่าเพิ่งล่วงเกินสิ่งใดไป...
ที่นี่ไม่ใช่ที่สำหรับให้มัวเมาในความงาม ที่นี่คือสนามรบ และเหล่าหญิงงามตรงหน้าพวกนางคืออาวุธร้ายที่ถูกจัดเตรียมไว้เพื่อล้มศัตรู!
หลังจากที่สะสางทุกเรื่องราวในเมืองหลวงจนเสร็จสิ้น เยี่ยจิงหลินก็ตัดสินใจเดินทางกลับไปยังหมู่บ้านไท่ผิงชุน ที่นั่น… คือสถานที่ที่มีความหมายกับนางมากที่สุดเมื่อมาถึงหมู่บ้านแห่งนี้ บรรยากาศรอบตัวแตกต่างจากเมืองหลวงโดยสิ้นเชิงไม่มีเสียงของขุนนางที่คอยแย่งชิงอำนาจ ไม่มีแววตาแห่งความโลภ ไม่มีเสียงกระซิบของคนที่พยายามคิดคดหักหลังที่นี่มีเพียงสายลมอ่อนๆ อากาศที่สดชื่น และผู้คนที่ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายแม้ว่าหมู่บ้านแห่งนี้จะ แห้งแล้งและทุรกันดารแต่สำหรับเยี่ยจิงหลินที่นี่คือบ้าน เมื่อเดินเข้าสู่เรือนของตนเอง นางกลับต้องแปลกใจเมื่อพบว่า หลิวฉางหยาง กำลังพักอาศัยอยู่ที่นี่! เยี่ยจิงหลินหันไปมองมารดาของตนซูหลินด้วยความสงสัยก่อนที่แม่ของนางจะ เผยรอยยิ้มออกมาอย่างเขินอาย"ลูก… แม่ตัดสินใจแล้วว่าแม่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง" หลิวฉางหยางไม่ใช่แค่คนรู้จัก แต่เขาเป็นคนที่ ยืนเคียงข้างและคอยดูแลแม่ของนางเสมอมาในวันที่ชีวิตของซูหลินลำบากเขาอยู่เคียงข้างนางโดยไม่ทอดทิ้งและตอนนี้แม่ของเยี่ยจิงหลินก็ได้ตัดสินใจเปิดใจให้กับความรักอีกครั้งเยี่ยจิงหลินเมื่อเห็นแม่ของตนมีความสุข นางย่อมดีใจอย่างที่สุด"แ
เวลาผ่านไปหนึ่งเดือนเต็ม...ด้วย ฝีมือการรักษาของหมอเทวดาหลานซือหมิง ในที่สุด ฮ่องเต้ฟู่ซื่อเทียนก็ฟื้นคืนสติอีกครั้ง!แม้ว่าพระองค์ยังต้องใช้เวลาอีกมากกว่าจะกลับมาแข็งแรงเต็มที่ แต่สิ่งที่พระองค์ได้รับรู้หลังจากฟื้นคืนสติมันทำให้หัวใจของพระองค์สั่นสะท้านยิ่งกว่าพิษร้ายที่เคยกัดกินร่างกายเสียอีก!"คนที่วางยาข้า... คือน้องชายของข้าเอง!?" ฮ่องเต้ฟู่ซื่อเทียนตื่นตระหนกเมื่อรับรู้ถึงความจริง อ๋องฟู่หยางเซิน ผู้ที่เขาเคยมอบความไว้วางใจ... กลับเป็นผู้ที่คิดจะฆ่าเขาเอง!สิ่งที่ทำให้พระองค์สะท้านใจไปมากกว่านั้นคือ..."ผู้ที่ช่วยข้ากลับเป็นบุตรสาวของแม่ทัพซุนเทา... บิดาของนางคือผู้ที่ข้าเคยหวาดระแวงเพราะคำยุยงของราชครูกู่เทียนหลง!" พระองค์หวาดระแวงแม่ทัพซุนเทาเพราะคำพูดของราชครูที่คอยปั่นหัวสุดท้าย... พระองค์ก็ต้องสูญเสียทั้งคู่ไปหลังจากนั้นไม่นานความเดือดดาลก็ปะทุขึ้น!"ข้าจะไม่มีวันให้อภัยมัน!" ดวงตาของฮ่องเต้ฟู่ซื่อเทียน ฉายแววของความโกรธแค้นแม้ว่าอ๋องฟู่หยางเซินจะไม่เหลือเรี่ยวแรงใดๆ แล้ว แม้ว่าเขาจะอยู่ในสภาพของคนที่ไร้สติ เหม่อลอย ไม่รู้เรื่องราวใดๆแต่ความผิดที่เขาก่อขึ้นมันเกินกว่าที
การตายขององค์ชายฟู่ซิวเหิง… เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น เยี่ยจิงหลินไม่ได้คิดจะหยุดเพียงแค่ปลิดชีพองค์ชาย แต่นางกำลังจะทำให้ตระกูลของอ๋องฟู่หยางเซินล่มสลายไปทั้งสายเลือด! ก่อนที่นางจะลงมือ เยี่ยจิงหลินส่งคนของนางออกไปสืบข่าวเกี่ยวกับบุตรชายของอ๋องฟู่หยางเซินทุกคนพวกมันทุกคนล้วนชั่วช้า ไม่ได้ต่างไปจากฟู่ซิวเหิงเลยแม้แต่น้อยพวกมันฉ้อโกง ฉุดคร่าหญิงสาว กดขี่ชาวบ้าน ใช้อำนาจอย่างอำมหิต...ทุกสิ่งที่ได้รับรายงานมามีแต่สิ่งที่ทำให้นางยิ่งแน่ใจว่าพวกมันสมควรจะถูกกำจัดจนหมด!เมื่อแผนการถูกวางไว้อย่างรัดกุม ค่ำคืนนี้ก็ไม่ต่างอะไรไปจาก คืนแห่งนรกที่แท้จริงสำหรับท่านอ๋องแม้ว่าตัวของเขานั้นไม่มีสติเป็นของตัวเองแล้วก็ตาม"ลอบสังหารพร้อมกันในคืนเดียว อย่าให้เหลือแม้แต่คนเดียว"นางออกคำสั่งอย่างเด็ดขาด! เหล่ามือสังหารในเงามืด เคลื่อนไหวอย่างไร้เสียง แต่ละคนได้รับเป้าหมายของตนเอง ไม่มีความผิดพลาด ไม่มีความลังเล มีเพียงจุดจบของเครือญาติแห่งอ๋องฟู่หยางเซินเท่านั้นที่รออยู่!เสียงกรีดร้องแห่งความตื่นตระหนก ดังขึ้นจากคฤหาสน์หลายแห่งของบุตรชายท่านอ๋อง"ไม่นะ! ปล่อยข้าไป! ข้าให้เงินเจ้าได้!""อย่า! ข้ายอมแ
เยี่ยจิงหลินยืนอยู่กลางโถงสุราที่ถูกย้อมไปด้วยเลือด นางจ้องมองภาพตรงหน้าอย่างพึงพอใจ ฟู่ซิวเหิง องค์ชายผู้เคยหยิ่งทะนงบัดนี้กำลังสั่นสะท้านไม่ต่างจากลูกนกที่ถูกขังไว้ในกรงแห่งความตาย!นางกวาดสายตามองเหล่าขุนนางและองครักษ์ที่เหลือรอด บางคนยังยืนตัวแข็งทื่อด้วยความหวาดกลัว บางคนคุกเข่าลงร้องขอชีวิต น้ำตานองหน้า แต่มันไร้ประโยชน์!ใบหน้าของเยี่ยจิงหลินยังคงเรียบนิ่ง… ก่อนที่ริมฝีปากของนางจะคลี่ยิ้มบางๆ ออกมา"จงดับลมหายใจของพวกมันให้หมดซะ... อย่าให้รอดไปได้แม้แต่คนเดียว"คำสั่งของนางเยือกเย็นราวกับเป็นเสียงแห่งมัจจุราช เงามรณะเคลื่อนไหวทันที!เสียงดาบกระทบกับเนื้อ เสียงเลือดสาดกระเซ็น เสียงกรีดร้องดังขึ้นเป็นระลอก ก่อนที่ทุกอย่างจะค่อยๆ เงียบลงไปทีละน้อย ฟู่ซิวเหิงจ้องมองภาพตรงหน้าด้วยสายตาที่สั่นไหว เขาเห็นขุนนางที่เคยประจบสอพลอตนเองถูกเชือดไปทีละคน…เขาเห็นองครักษ์ของตนเองล้มลงโดยไม่มีโอกาสแม้แต่จะชักดาบขึ้นมาต่อสู้!"ไม่… ไม่…"ร่างของเขาสั่นสะท้านไปทั้งตัว สิ่งที่เขาเคยภาคภูมิใจ อำนาจ ความเย่อหยิ่ง ความทะเยอทะยานล้วนมลายหายไปจนหมดสิ้นและเมื่อความหวาดกลัวพุ่งถึงขีดสุด…"ท่านพ่อ! ช่วยข
ภายใน หอสุรา ที่เคยเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและบรรยากาศแห่งการเฉลิมฉลอง พลันเกิดความเปลี่ยนแปลงในพริบตาเดียว!ฟู่ซิวเหิง และเหล่าขุนนางยังคงกำลังดื่มด่ำกับความสุขจากอำนาจใหม่ของตนเอง เสียงจอกสุรากระทบกัน เสียงหัวเราะยังคงดังไปทั่วทั้งห้องโถง ทุกคนกำลังหลงระเริงอยู่ใน ภาพมายาของชัยชนะแต่แล้ว…"พรึ่บ!"เปลวไฟทุกดวงภายในห้องโถงพลันดับมอดลงอย่างกะทันหัน!ทั้งห้องตกอยู่ใน ความมืดมิดอันสมบูรณ์แบบ ไม่มีแสงไฟแม้แต่ดวงเดียว มีเพียงเงามืดอันน่าหวาดกลัว ที่กำลังคืบคลานเข้ามาอย่างเงียบเชียบเสียงของแขกภายในงานเริ่มเปลี่ยนเป็นเสียงกระซิบกระซาบ ความตื่นตระหนกเริ่มแพร่กระจายออกไปในหมู่ผู้ร่วมงาน"มันเกิดอะไรขึ้น?!""มีใครไปจุดไฟเร็วเข้า!"เสียงตะโกนดังขึ้นจากมุมห้อง น้ำเสียงของพวกเขาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก!แต่ไม่มีคำตอบไม่มีใครขยับท่ามกลางความเงียบงันและความมืดมิด…"อ๊ากกกกก!!!"เสียงกรีดร้องที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด ดังก้องไปทั่วห้องโถง!หนึ่งในแขกของงานถูกปลิดชีพอย่างไร้ความปรานี!เงามัจจุราชที่คืบคลานฟู่ซิวเหิงเบิกตากว้าง เขาหันมองไปรอบๆ แต่สิ่งที่เขาเห็นมีเพียงความมืดสนิท!"ใครอยู่ตรงนั้น?! ออกมาเดี๋
ความจริงที่โหดร้ายกำลังกลืนกินหัวใจของท่านอ๋องฟู่หยางเซินอย่างช้าๆบุตรชายที่เขารักและไว้วางใจที่สุดกลับกลายเป็นผู้ที่กำลังผลักไสเขาไปสู่ความตาย!ร่างกายของท่านอ๋องที่อ่อนแรงอยู่แล้ว กลับยิ่งทรุดหนักลงกว่าเดิม ด้วยความรู้สึกที่ไม่อยากยอมรับความจริง ความรู้สึกเจ็บปวดและความสิ้นหวังได้กัดกินจิตใจของเขา ยิ่งไปกว่านั้น ความเศร้าโศกที่ค่อยๆ กัดกินหัวใจของเขา ทำให้พิษร้ายที่แฝงอยู่ในร่างแทรกซึมลึกลงไปในทุกอณูของร่างกาย!หัวใจที่แตกสลาย…ร่างกายที่อ่อนแอ…ความเจ็บปวดจากพิษร้ายที่คืบคลานเข้าสู่กระแสโลหิต…ทุกสิ่งทุกอย่างกำลังบั่นทอน ชีวิตของอ๋องฟู่หยางเซิน ไปทีละนิดจากชายผู้ยิ่งใหญ่ที่เคยปกครองอำนาจเหนือผู้อื่น บัดนี้กลับต้อง นอนอยู่บนเตียงอย่างคนไร้ซึ่งเรี่ยวแรง ดวงตาที่เคยเปี่ยมไปด้วยพลังและความเย่อหยิ่ง กลับกลายเป็นสายตาที่เหม่อลอย…เขารู้ดีว่า ตนเองกำลังจะตายแต่สิ่งที่เลวร้ายที่สุดไม่ใช่ความตาย...แต่เป็นการตายด้วยน้ำมือของบุตรชายที่เขารักที่สุด!ความคิดสุดท้ายที่วนเวียนอยู่ในหัวของเขาคือ..."นี่หรือคือผลตอบแทนของข้า...?""นี่หรือคือจุดจบของอ๋องฟู่หยางเซิน?""ข้าเลี้ยงดูอสูรกายขึ้นมาเองแท้ๆ…"







