Beranda / วาย / อลวนกวนเลิฟ / ตอนที่ 1.1 ไร่อุ่นรัก

Share

อลวนกวนเลิฟ
อลวนกวนเลิฟ
Penulis: babybearry

ตอนที่ 1.1 ไร่อุ่นรัก

Penulis: babybearry
last update Terakhir Diperbarui: 2025-09-20 20:07:15

          ไร่อุ่นรัก เป็นไร่องุ่นที่สองสามีภรรยาอย่างรตีและขุนเขาช่วยกันสร้างขึ้นมา ทว่าพวกเขาต่างต้องแลกหลายอย่างกว่าจะก่อเกิดเป็นไร่องุ่นขึ้นมาได้ เดิมทีรตีเคยเป็นนางงามประจำจังหวัดมาก่อน ฐานะที่บ้านของเธอมีกินมีใช้ไม่ได้ขัดสน ต่างจากขุนเขาที่ต้องคอยอดอยากเพื่อจะได้มีกิน ฐานะทางบ้านค่อนข้างย่ำแย่ จนกระทั่งวันหนึ่งทั้งคู่ได้พานพบกัน ด้วยความจริงใจและความไม่ย่อท้อต่อโชคชะตา จึงทำให้รตีตกหลุมรักขุนเขา

          นานวันเข้าความสนิทสนมของทั้งสองก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น ขุนเขาเองก็พ่ายแพ้ให้กับความอ่อนโยนและมองโลกในแง่ดีของรตี ทั้งคู่จึงตัดสินใจคบหาดูใจกัน แต่ความรักก็ไม่ได้หวานชื่นเหมือนดั่งคู่ของคนอื่น ทางบ้านของรตีกีดกันและไม่เห็นด้วย ถ้าจะให้ลูกสาวตนต้องออกไประหกระเหินเดินดิน ใช้ชีวิตยากจนข้นแค้น ผู้เป็นพ่อและแม่ต่างค้านหัวชนฝา เพราะคิดว่าลูกสาวของตนจะหมดอนาคต

          แต่เมื่อเวลาผ่านไปวันต่อวัน เดือนต่อเดือน กระทั่งปีต่อปี เมื่อเห็นว่าทั้งคู่สามารถใช้ชีวิตด้วยกันอย่างมีความสุข ก้าวผ่านอุปสรรคและความทุกข์ไปได้ พวกเขาจึงไม่คิดขัดขวางอีกต่อไป แต่ก็ไม่ถึงกับเปิดใจให้ขุนเขาได้อย่างเต็มร้อย

          เวลาล่วงเลยไปจนสองสามีภรรยามีลูกชายด้วยกันสองคน คนโตชื่อว่า ‘น่านฟ้า’ ส่วนคนสุดท้องชื่อว่า ‘น่านน้ำ’ พวกเขาถูกเลี้ยงดูด้วยความรักเต็มเปี่ยม ไม่ได้ขาดหรือเกิน ลูกชายคนโตได้ยีนเด่นของแม่มาแทบจะทั้งหมด ส่วนลูกชายคนเล็กกลับได้พ่อมาทั้งหมด ไม่ว่าจะหน้าตาหรือแม้กระทั่งผิวพรรณสีน้ำผึ้ง

เปรียบเสมือนเป็นตัวแทนของพวกเขาสองคน

          สายลมเย็นพัดกระทบใบหน้าขาวนวล เรือนผมบลอนด์พลิ้วไหวไปมา แสงแดดอ่อนกระทบลงบนร่างแบบบางที่ไม่สูงและไม่เตี้ย ผิวพรรณขาวผ่องแกมชมพูนิด ๆ เหมือนดั่งผู้ให้กำเนิด น่านฟ้าหลุบตามองของที่กองอยู่เบื้องหน้าตนเอง มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย

          “เอาอะไรอีกไหมพี่ น้ำว่าแค่นี้ก็น่าจะพอแล้วนะ”

          เด็กหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งดูบึกบึนกว่าพี่ชายพูดขึ้น เจ้าตัวถูกปลุกให้ลุกตั้งแต่ไก่ยังไม่อ้าปากขัน ด้วยเหตุผลที่ว่าจะเอาองุ่นในกระถางไปปลูกลงแปลง แต่มันก็ไม่จำเป็นต้องแหกขี้ตาตื่นตั้งแต่เช้ามืดไหม!

          “ไม่พอ เพราะพี่จะไม่ได้ปลูกคนเดียว แกเองก็ต้องปลูกด้วย”

          “ฮะ ไม่เอาอะ ตอนแรกที่คุยไม่ได้พูดแบบนี้นี่!”

          น่านน้ำรีบหันหลังเตรียมเดินหนีพี่ชายจอมบงการ แต่ก็ดูเหมือนโชคจะไม่เข้าข้างเขาเสียเลย มือเรียวขยุ้มเข้าที่หลังคอเสื้อของคนอายุน้อยกว่า ก่อนจะออกแรงดึงให้เจ้าตัวยอมถอยร่นมาหา

          “จะไปไหน ถ้าไม่ปลูกพี่จะฟ้องแม่ว่าคืนก่อนแกไปทำอะไรกับพวกไอ้เปี๊ยก”

          “อย่านะ! ถ้าแม่รู้น้ำตายแน่” อึก แค่นึกภาพว่าแม่ถือไม้เรียวไปดักรอหน้าโรงเรียนก็เสียวสันหลังแล้ว ว่าแต่พี่ชายเขารู้ได้ยังไงกัน?

          “ฮึ แล้วสรุปจะปลูกไม่ปลูก?” เสียงทุ้มเค้นถามแกมบังคับ

          ความจริงแล้วเขาเป็นพี่ชายแสนดีคนหนึ่งเลยนะ ยกเว้นเรื่องนี้ที่ปล่อยผ่านไม่ได้ ถ้าวันข้างหน้าน้องชายมีทางเดินของตัวเอง เขาก็จะไม่บังคับ แต่อย่างน้อยมีความรู้เรื่องนี้ติดตัวไว้เป็นวิชาชีพก็ไม่เสียหายสักหน่อย

          “ปลูกก็ได้จ้า” น่านน้ำตอบอย่างจำยอมด้วยความเต็มใจ (?) ในเมื่อไม่มีทางเลือกแล้วจะให้เขาเลือกอะไรได้อีก

          “เริ่มจากอะไรก่อน” เด็กหนุ่มก้มมองของเบื้องหน้าด้วยสายตางุนงง นิ้วโป้งและนิ้วชี้แตะเบา ๆ ที่ปลายคางพลางครุ่นคิด เหมือนจะมีถุงปุ๋ย ถุงดิน กับที่พรวนและอื่น ๆ

          น่านฟ้า “ผสมดินร่วนปนทรายกับปุ๋ยหมักก่อน พี่จะเอาไปปลูกแปลงท้ายไร่”

          เมื่อได้ยินขั้นตอนเบื้องต้น เด็กหนุ่มก็ไม่รีรอรีบย่อตัวลง แล้วทำตามคำพูดของพี่ชาย ทันทีที่เปิดปากถุงออก กลิ่นเอกลักษณ์ก็ตลบอบอวลโชยเข้าจมูกทันที น่านน้ำถึงกับย่นจมูกเบือนหน้าหนี

          หลอกลวงผู้บริโภคนี่หว่า!

          ไหนรับประกันว่าปุ๋ยหอมออแกนิกไง! นี่มันออแกนิกฟอร์มโคฟาร์มชัด ๆ

          “พี่ว่ารอบนี้กลิ่นปุ๋ยแรงไปหน่อยนะ ฮึ ๆ” ริมฝีปากชมพูเม้มเข้าหากัน ก่อนจะเอามือปิดไว้ เพื่อไม่ให้เสียงหัวเราะเล็ดลอดออกไป

          คนอายุน้อยกว่าราวกับไม่ได้รับความเป็นธรรม เหลือบมองพี่ชายด้วยหางตา ฝากไว้ก่อนเถอะ อย่าให้ถึงตาไอ้น้ำคนนี้แล้วกัน!

          “เรียบร้อย แล้วยังไงต่อ” ใบหน้าคมคายเหมือนกับพ่อเงยหน้าขึ้นมอง เห็นว่าพี่ชายถือกระถางองุ่นไว้ทั้งสองข้าง เด็กหนุ่มใช้สายตาไล่สำรวจคนตรงหน้า ก่อนจะถอนสายตากลับคืนมา

          เหมือนเห็นแม่คนที่สองอยู่รำไร….

          “ถ้าเสร็จแล้วก็ถือของตามมานะ เดี๋ยวพี่ถือกระถางไปรอ”

          เจ้าของเรือนผมบลอนด์เดินลิ่วนำหน้าไปยังปลายทาง นัยน์ตากระจ่างใสเหม่อมองออกไปข้างหน้า บนใบหน้าไร้ซึ่งคลื่นอารมณ์ ทว่าในใจราวกับคลื่นพายุฝนกำลังก่อตัว เมื่อครู่เขาเห็นหน้าน้องชายซ้อนทับกับใบหน้าของใครคนนึง ที่จากกันไปไกลแสนไกล แบบไม่มีวันหวนคืนกลับมา

          ใช้เวลาไม่นาน สองพี่น้องก็เดินมาถึงแปลงขนาดกลางท้ายไร่ ด้านหลังเป็นวิวภูเขาเขียวขจี เต็มไปด้วยต้นหมากรากไม้ตระการตา ดูเหมือนว่าพ่อกับแม่ของเขาเลือกที่ทำเลได้ไม่เลวเลย พื้นที่โดยรอบถูกโอบล้อมด้วยธรรมชาติ

          “จะเอาลงตรงนี้หรอพี่” น่านน้ำเอ่ยถามพี่ชาย

          คนตัวเล็กหลุบตาไล่มองแปลงดินเบื้องหน้า ยังคงว่างเปล่าไร้วัชพืชที่งอกเงยตามธรรมชาติ ก่อนจะตอบกลับไป “อื้อ มันว่างแค่ตรงนี้ก็เอาลงนี่แหละ”

          “อย่าเอาวางชิดกันเกินไป ห่างออกมาหน่อย นั่นแหละ”

          “ของแกสีดำ ของพี่สีแดง”

          เด็กหนุ่มนำองุ่นลงไปปลูกในแปลงพร้อมกับดินที่ผสมมา เขาเกลี่ยผิวดินให้เข้ากัน นัยน์ตาคมหลุบมองเชือกสองสีที่ถือติดมือมาด้วย “ต้องผูกด้วยหรอ?”

          “อยากวัวหายแล้วค่อยล้อมคอกรึยังไง” น่านฟ้าตอบกลับด้วยเสียงติดตำหนิ

          “จ้า ๆ อีกนิดพี่จะกลายเป็นแม่คนที่สองของน้ำละ แต่ไม่เอาพ่อนะ”

          สิ้นประโยคเพียงชั่วครู่ มะเหงกก็เขกลงกลางกระบาลทันที น่านน้ำรีบยกมือขึ้นกุมหัวตัวเอง “โอ๊ย!”

          “เดี๋ยวแกจะโดนเนรเทศไปอยู่กับพวกไอ้เปี๊ยกแทน” น่านฟ้าพูดทีเล่นทีจริง แกมขู่น้องชายตนเอง ถ้าไม่ใช่เพราะเขากุมความลับเจ้าตัวเอาไว้ล่ะก็ ป่านนี้คงโดนจับตีจนก้นช้ำแน่

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • อลวนกวนเลิฟ   ตอนที่ 11.1 ไม่เจอกันนานคิดถึงจังเลย

    ดวงอาทิตย์เคลื่อนตัวจากทิศตะวันออก กระทั่งย้ายไปอยู่ตำแหน่งเหนือศีรษะ ท่ามกลางท้องฟ้าสีครามที่ไร้เมฆบดบัง แสงเหลืองอมส้มทอประกายลงมาบนพื้นผิวด้วยอุณหภูมิที่ร้อนระอุ ส่งผลให้ชายผิวแทนถึงกับเหงื่อแตกพลั่ก แต่กลับไม่สามารถเอื้อนเอ่ยอะไรออกมาได้ เพราะดูเหมือนตอนนี้ผู้เป็นนายอารมณ์เสียผิดปกติ เฉียบลอบมองชายหนุ่มผิวขาวราวหยวกเป็นระยะ ทว่าเวลาโดนสายตาคมคู่นั้นมองกลับก็รีบเบือนหน้าหนี“เฮ้ย ลื้อเป็นอะไร?” เฟยหลงทนไม่ไหวจึงเอ่ยถาม เขาเห็นอีกคนเดี๋ยวก้มเดี๋ยวเงย เห็นแล้วเวียนหัวหัวแทน “คนนะเว้ยไม่ใช่ปลาทอง มองอยู่ได้”“แหมเสี่ย ถึงจะมองเสี่ยก็ไม่ท้องหรอกน่า”“เดี๋ยวปั๊ด ฮึ่ย” เฟยหลงยกแขนขึ้นทำท่าจะเหนี่ยวใส่อีกคน ก่อนจะเก็บแขนกลับเข้าที่เดิม เขาทำท่างฮึดฮัดเหมือนไม่มีอะไรดั่งใจเลยสักอย่าง“โธ่...วันนี้เสี่ยเป็นอะไร ทำไมใส่อารมณ์แปลก ๆ แล้วไหนจะพาผมมายืนตากแดดตากลมอยู่หลังร้านด้วย เป็นอะไร๊ เป็นอะไร” ถ้าพามายืนหลบแดดเขาจะไม่ว่าอะไรเลย แต่นี่เล่นยืนอาบแดด เหงื่อไม่ไหลไคลไม่ย้อยก็ให้มันรู้กันไป“อั๊วไม่ได้ใส่อารมณ์”“งั้นแปลว่าเสี่ยมีอารมณ์”“ใช่ เฮ้ย ไม่ใช่!” เฟยหลงหันไปถลึงตาใส่คนด้านข้าง หัวเขา

  • อลวนกวนเลิฟ   ตอนที่ 10.2 ที่ทำลงไปเพราะใจสั่งมา

    “เอาน่า รอบหน้าถ้าเลี่ยงได้ก็เลี่ยงนะลูก แม่ไม่อยากให้ฟ้ามีปัญหา ดูท่าแล้วคงเป็นลูกคนมีสตางค์แน่นอน” รตีทำหน้าเป็นกังวลอยู่กลาย ๆ เธอเพียงเป็นห่วงลูกชายว่าจะโดนทำร้าย ทุกวันนี้เงินมันมีค่ามากกว่าความเป็นคนเสียอีก“ครับแม่ ฟ้าเองก็ไม่อยากมีปัญหาหรอกครับ” ยิ่งคนมีสตางค์แต่ไม่มีสติแบบหมอนั่น ไม่รู้ว่ารอดมาถึงทุกวันนี้แบบครบ32ประการได้ยังไงข้าวจ้าวมองเพื่อนสนิทแล้วก็พูดขึ้นมาแทบจะทันควัน นาน ๆ ทีจะได้พูดแซวกลับบ้าง เพราะส่วนมากเป็นเขาที่โดนแซวเสียมากกว่า จังหวะดี ๆ แบบนี้ข้าวจ้าวจะพลาดได้อย่างไรเล่า “โบราณว่าเกลียดอะไรระวังได้แบบนั้นนะเว้ย”“อ๋อหรออออ เหมือนแกกับวินใช่ไหมล่ะ”“เหมือนนรกกับสวรรค์อะบอกเลย” ยิ่งคิดภาพว่าจากที่ตีกันมาจู๋จี๋กันมันไม่ได้! ไม่ได้แบบขีดเส้นผ่าชัด ๆ “กูยอมเป็นโสดจนตายดีกว่าได้กับมัน”“จ้า จำคำนี้ไว้แล้วกัน อย่าให้เห็นว่าลับหลังแอบไปนอนกอดกันบนเถียงนาน้อย” น่านฟ้าพูดแซวอีกคนกลับ ขณะเดียวกันก็กอดซบแม่ของตนด้วยท่าทางออดอ้อนน่าเอ็นดู“เรานี่นะ แกล้งน้องไม่พอยังจะแกล้งเพื่อนอีก ดูหน้าหนูจ้าวซินั่น”ใบหน้ายับยู่ยี่ของชายหนุ่มผมแดงเบื้องหน้า สร้างรอยยิ้มให้กับสองแม่ลูกไ

  • อลวนกวนเลิฟ   ตอนที่ 9.2 คงเป็นเวรกรรมที่ฉันเคยทำชาติที่ผ่านมา

    “น้ารตี! ผมเอาแตงโมมาฝากครับ” ข้าวจ้าวชูถุงแตงโมขนาดใหญ่ในมือ จากนั้นก็เดินเข้าไปหาสองแม่ลูกที่กำลังนั่งอยู่บนแคร่ไม้หน้าบ้าน“อ้าวหนูข้าวจ้าว มากับใครจ๊ะ”รตีวางของในมือลง แล้วรับแตงโมมาจากเด็กหนุ่มรุ่นลูก“มาคนเดียวครับ ผมมาทำธุระแถวนี้พอดี”“น้ากำลังเตรียมทำมื้อเที่ยงพอดีเลย รอเอากลับไปกินที่บ้านด้วยสิจ๊ะ”“จะดีหรอครับ ผมเกรงใจ” ชายหนุ่มผมแดงกล่าวพลางยิ้มส่งไป“ทำไมจะไม่ดีล่ะลูก ถ้างั้นเดี๋ยวน้าเอาแตงโมไปปั่นมากินเลยดีกว่า” เธอก้มมองแตงโมในมือแล้วระบายยิ้มเล็กน้อย ตามด้วยร่างสันทัดของหญิงวัยกลางคนลุกเดินเข้าไปในบ้าน จึงทำให้บนแคร่เหลือเพียงน่านน้ำแทน“ครับ ถ้างั้นรบกวนด้วยนะครับ” ข้าวจ้าวทรุดตัวนั่งลงบนแคร่ไม้ไผ่ เขานั่งฝั่งตรงข้ามกับคนอายุน้อยกว่า มือเรียวได้รูปหยิบตะกร้าสีขาวด้านหน้ามาสานต่ออีกแรง ขณะเดียวกันก็ชวนเด็กหนุ่มคุยไปด้วย “ไงเรา พี่อยู่บ้านรึเปล่า”“ไม่อยู่ครับ พี่ฟ้าไปทำงานในตลาดนู้น”“อ้าว แล้วไปนานรึยัง” พักหลังมาเขาไม่ได้ติดต่อกับเพื่อนบ่อยเท่าไหร่พอได้ยินข่าวคราวก็ย่อมเกิดความอยากรู้เป็นธรรมดา“พึ่งไปได้สี่วันเอง แล้วพี่มาทำอะไรแถวนี้หรอ?”“พอดีเอาของมาให้คนรู้จัก

  • อลวนกวนเลิฟ   ตอนที่ 10.1 ที่ทำลงไปเพราะใจสั่งมา

    ภาพของไร่องุ่นขนาดใหญ่ปรากฏอยู่เบื้องหน้า เฟยหลงและหงส์หยกเดินตามหลังหญิงวัยกลางคนเข้าไปด้านในไร่ สองข้างทางเต็มไปด้วยต้นองุ่นเรียงรายกันเป็นแถว ผลองุ่นสีเขียวอ่อนตัดกับสีม่วงเข้ม ประกอบกับบนท้องฟ้าประดับด้วยเมฆก้อนเล็ก ๆ สีขาวนวล สภาพอากาศปลอดโปร่งทำให้มองเห็นวิวภูเขาชัดเจน เจ้าของเรือนร่างอรชรกวาดสายตามองทิวทัศน์โดยรอบ ใบหน้านวลฉีกยิ้มกว้าง นัยน์ตาของเธอดูสดใสมีชีวิตชีวาเฟยหลงลอบสูดอากาศบริสุทธิ์ นัยน์ตาคมดุจเหยี่ยวหันมองซ้ายขวาด้วยความสนใจ เจ้าของไร่มองทุกอย่างได้อย่างเฉียบขาด ไม่ได้ดีแค่ทำเลโดยรอบ แต่พื้นผิวของดินก็ยังดีอีกด้วย องุ่นทุกต้นนอกจากจะผ่านวิธีการดูแลเบื้องต้นแล้ว ดินก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญของมัน ก็ไม่ได้แย่อย่างที่คิดไว้“เสี่ย” เฉียบเอ่ยเรียกเจ้านายเสียงเบา“เสี่ยดูองุ่นพวกนี้สิ น่ากินทั้งนั้นเลย” ชายหนุ่มผิวแทนว่าแล้วก็จ้องพวงองุ่นที่ย้อยลงมาอย่างไม่วางตา มีแต่ลูกใหญ่ ๆ น่ากินทั้งนั้น คิดแล้วก็อยากเด็ดกินสักลูก ถ้าเป็นองุ่นดองก็ยิ่งน่ากิน จิ้มกับพริกเกลือทีนึงถอดจิตขึ้นสวรรค์ได้เลย“อยากกินก็ซื้อ” เฟยหลงตอบแบบขอไปที ทั้งไม่ได้หันไปมองอีกคนด้วยซ้ำ“แหม เสี่ยจะจ่ายให้เฉี

  • อลวนกวนเลิฟ   ตอนที่ 9.1 คงเป็นเวรกรรมมที่ฉันเคยทำชาติที่ผ่านมา

    จากเหตุการณ์ก่อนหน้า ทำให้สองพี่น้องพร้อมกับคู่ขาอย่างเฉียบได้มายืนอยู่หน้าร้านขนส่ง น่านฟ้ายังคงทำหน้าที่ของตนเองโดยไม่ได้สนใจสายตาสามคู่ที่กำลังมองมา เฟยหลงเห็นอีกคนมองข้ามพวกตนเหมือนเป็นวิญญาณพลันรู้สึกฉุนฉิว เขาออกจะโดดเด่นขนาดนี้มองข้ามไปได้ยังไง ตาไม่ถึงจริง!“อีกนานไหม น้องสาวอั๊วรอนานแล้ว” คนตัวสูงยืนล้วงกระเป๋ากางเกง พร้อมกับวางมาดใส่เป็นนัยน์ว่าให้อีกคนรีบไปได้แล้วน่านฟ้าขมวดคิ้วหันไปมอง ก่อนจะหันกลับไปเช็คของในมือต่อ“ถามไม่ได้ยินรึไง” เฟยหลงยังคงถามย้ำอีกคน“ถ้ารีบมากไม่ไปตั้งแต่เมื่อวานล่ะครับคุณ” ถึงแม้คนตัวเล็กจะยอมตอบกลับไป แต่เขาก็ไม่ได้ผินหน้าขึ้นมองคู่สนทนาเลยสักนิด เสมือนพูดกับอากาศแล้วก็จบลงที่ความเงียบอีกเช่นเคย“นี่!” ร่างสูงราวร้อยเก้าสิบเดินอาด ๆ เข้าไปยืนจังก้าเบื้องหน้าเจ้าของเรือนผมบลอนด์ ใบหน้าหล่อเหลาก้มมองคนที่เตี้ยกว่า เขากำลังจะอ้าปากพูดแต่ดันช้ากว่าอีกฝ่าย ที่จู่ ๆ ก็พูดโพล่งออกมา“หลบหน่อย เกะกะ”ชายหนุ่มลูกครึ่งถึงกับกลืนคำพูดลงแทบจะไม่ทัน“เฮีย ดูเหมือนเขาจะไม่ชอบขี้หน้าเฮียเลยนะ” ร่างอรชรของหงส์หยกรุดเดินข้ามายืนเทียบข้างพี่ชาย เธอมองผู้เป็นพี่สล

  • อลวนกวนเลิฟ   ตอนที่ 8.2 ครั้งที่สี่นี่ไม่ควร

    “มานี่สิ” ศักดิ์ชัยกระดิกนิ้วเรียกลูกชายพายุลอบถอนหายใจแล้วเข้าไปหาผู้กุมบังเหียนของบ้าน บุคคลที่เขาไม่เคยต่อต้านได้เลยสักครั้ง เมื่อเดินไปถึงชายหนุ่มก็ถูกกดตัวลงกับพื้นจากด้านหลัง เขานั่งนิ่งไม่ไหวติง ราวกับเป็นรูปปั้น เพราะมันไม่ใช่ครั้งแรกที่โดนกระทำแบบนี้“แกบอกว่าฉันขังแกเหมือนกับนกในกรงงั้นหรอ”“ฉันจะบอกอะไรให้นะ” เขาพ่นควันบุหรี่ใส่หน้าลูกชายตนเอง ไม่ได้แยแสหรือสนใจสักนิด ว่าอีกคนจะทำหน้าตายังไง “นกที่โดนขังไว้ในกรง ถ้ามันไม่ตายมันก็ออกไปจากกรงไม่ได้ หรือถ้าเจ้าของมันตาย มันก็ออกไปไหนไม่ได้อยู่ดี”“เพราะชีวิตของมันถูกกำหนดมาแล้ว... ว่าต้องตายอยู่ในกรงเท่านั้น”“เข้าใจที่พ่อพูดไหมพายุ?”นัยน์ตาคมแดงก่ำ สีหน้าของเขาบ่งบอกถึงความรู้สึกสิ้นหวังอย่างที่สุด ความรู้สึกในใจพังยับเยินไม่เป็นชิ้นดี“ไปแต่งตัวให้มันดีกว่านี้ ได้เวลาทำหน้าที่ในฐานะลูกชายของฉันแล้ว”“ครับพ่อ...” เขาเค้นเสียงพูดผ่านไรฟันชายหนุ่มร่างแบบบางยืนมองโรงสีขนาดใหญ่ตรงหน้า รถคันใหญ่เทียวเข้าเทียวออกวนเวียนไปมา เขายืนอยู่หน้าทางเข้าได้สักพักหนึ่ง จู่ ๆ ก็เกิดความรู้สึกลังเล ราวกับถ้าก้าวขาข้างใดข้างหนึ่งไป จะมีเรื่อ

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status