หลังจากถูกจับให้อาบน้ำและทานยาพักผ่อนไพลินก็รู้สึกดีขึ้น อาการหนักอึ้งที่หัวและความเจ็บปวดกลางร่างกายเริ่มทุเลาลงไปมาก หญิงสาวค่อย ๆ ขยับตัวและลืมตาขึ้นมามองเพดานที่ขาวโพลนแล้วทบทวนถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมารวมถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับร่างกายของตนเอง
“เป็นยังไงบ้างรู้สึกดีขึ้นบ้างหรือเปล่า” แสงสว่างที่สาดส่องเข้ามาภายในห้องเมื่อม่านหนาถูกเลื่อนให้ออกจากกันบ่งบอกให้เห็นบรรยากาศภายนอกห้องนอนที่สว่างจ้า เสียงคุ้นหูที่ดังขึ้นเรียกเธอให้รีบหันไปมอง
“คุณเมสัน” เธอเรียกชื่อเขาแผ่วเบา
ร่างสูงก้าวเข้ามานั่งลงบนเตียงกับหญิงสาวแล้วยกมือขึ้นอังที่หน้าผาก
“ยังเจ็บอยู่ไหม” น้ำเสียงอ่อนโยนที่แฝงไปด้วยความหมายที่ลึกซึ้งถามขึ้นมาในขณะที่สายตามองไปยังกลางกายสาวเหมือนจะสื่อให้รู้ว่าเขาหมายถึงสิ่งใด
ไพลินก้มหน้าส่ายหัวเป็นคำตอบ…แก้มแดงขึ้นทันทีเมื่อรู้ความหมายของเขา
“คุณไม่ไปทำงานเหรอคะ ทำไมถึงมาอยู่ในห้องนี้”
“ที่นี่บ้านฉัน…และห้องนี้เมื่อคืนฉันก็อยู่เกือบทั้งคืนทำไมตอนนี้ฉันจะอยู่อีกไม่ได้”
“แต่ถ้าหากมีใคร….”
“เลิกกังวลว่าใครจะมารู้มาเห็นสักที ห่วงตัวเองก่อนเถอะจะลุกจากเตียงยังแทบไม่ไหว” ชายหนุ่มเอ็ดเบา ๆ ไม่ชอบใจทุกครั้งที่หญิงสาวแสดงท่าทางกังวลเหมือนกลัวใครจะรู้เรื่องระหว่างเธอกับเขา
“ลินไม่ได้เป็นอะไรแล้ว” สายตาคมกริบมองไปที่ภรรยาหมาด ๆ แววตาคู่นั้นเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ก่อนที่เขาจะเอ่ยขึ้นมา
“ถ้าอย่างนั้นฉันก็ของเช็คให้แน่ใจหน่อยว่าเธอไม่เป็นอะไรแล้ว” หญิงสาวสงสัยกับคำพูดนั้นแต่ไม่ทันที่จะถามอะไรออกไป กลีบปากนุ่มที่เย็นเฉียบของเธอก็ถูกครอบครองด้วยริมฝีปากหยักหนา เรียวลิ้นสากสอดแทรกเข้าไปทักทายหยอกเย้าภายในอย่างช่ำชอง
ไพลินที่พึ่งฟื้นจากพิษไข้และไม่ทันได้ตั้งตัวกับรสสัมผัสนั้นเมื่อถูกจู่โจมก็เนื้อตัวอ่อนยวบ ความรู้สึกซาบซ่านหวานล้ำกลับมาเล่นงานเธออีกครั้งเมื่อเขาสัมผัสเธอ โลกทั้งโลกคล้ายจะหยุดหมุนเมื่อชายหนุ่มค่อย ๆ ละเลียดควานหาความหอมหวานจากภายใน
เมสันสำรวจทุกซอกทุกมุมในปากเล็กอย่างอ้อยอิ่งทำหญิงสาวแทบขาดใจจนต้องยกมือคว้าบ่าเขาแล้วจับไว้มั่นเพื่อเป็นที่ยึดเกาะ
เมื่อจูบจนพอใจแล้วชายหนุ่มจึงถอนริมฝีปากออก..ดึงร่างบางเข้ามาซบตรงอกแล้วกอดเธอไว้แน่นพยายามข่มใจอย่างที่สุดไม่ให้เกินเลยไปมากกว่านี้เพราะรู้ดีว่าเธอยังเจ็บ
“เธอกำลังทำให้ฉันเสียผู้เสียคนนะรู้หรือเปล่า” เขาพึมพำเบา ๆ
ไพลินหน้าแดงเพราะเธอเองก็ชอบสัมผัสจากเขาทั้งที่คอยย้ำตวเองตลอดเวลาว่ามันไม่ควรเป็นแบบนี้ แต่ทุกครั้งที่เขาต้องการหาความสุขจากร่างกายเธอ…เธอก็ไม่เคยทัดทาน…ทั้งที่มันเป็นสิ่งที่ควรทำ
--------------------------------------------
หลังจากที่มีสัมพันธ์ลึกซึ้งต่อกันในค่ำคืนงานวันเกิดของไพลินก็ยิ่งทำให้เมสันหลงใหลเธอหนักขึ้น จากที่คอยดูแลห่าง ๆ กลับกลายเป็นเหมือนตามติดทุกฝีก้าวถึงขั้นแวะไปมหาลัยของหญิงสาวบ่อย ๆ จากเดิมจะไปแค่ตอนประชุมคณะกรรมการและผู้สนับสนุนทุนของมหาลัยเท่านั้น ทุกการกระทำที่ชายหนุ่มแสดงออกมาเหมือนไม่แคร์ว่าจะมีใครรู้หรือสงสัยในความสัมพันธ์ระหว่างเขาและหญิงสาวเลยสักนิด มีเพียงไพลินเท่านั้นที่คอยระวังตัวตลอดเวลาเพราะกลัวว่าจะมีใครรู้ไปมากกว่าดีแลนและเจเดน
“เดี๋ยวเลิกงานจะพาไปซื้อของ” แฟ้มเอกสารชุดสุดท้ายถูกปิดลงเมื่อลงลายเซ็นเรียบร้อย ก่อนจะหันไปบอกหญิงสาวที่ตอนนี้กำลังนั่งจัดเอกสารบางอย่างอยู่
เมสันไม่อนุญาตให้ไพลินไปทำงานพาร์ทไทม์ที่อื่นจึงให้เธอมาช่วยงานที่บริษัทหลังเลิกเรียนทุกวันแทน ซึ่งเอาเข้าจริงก็แทบไม่มีงานอะไรที่เธอจะต้องทำเพราะงานส่วนใหญ่ก็มีดีแลนและเจเดนจัดการอยู่ เพียงแต่ชายหนุ่มใช้มันมาเป็นข้ออ้างเท่านั้น ไพลินรู้สึกว่าเธอมานั่งรับเงินเฉย ๆ เสียมากกว่า เมสันจ่ายเงินค่าทำงานพาร์ทไทม์ให้เธอทุกเดือน และมากกว่าค่าจ้างของนักศึกษาที่ทำงานร้านอาหารหลายเท่าทั้งที่เธอแทบไม่ได้ทำอะไร
“ซื้อของอะไรคะ” เธอสงสัย
“เดี๋ยวก็รู้เอง” เสียงเรียบตอบสั้น ๆ ทำท่าว่าจัดการงานบนโต๊ะเรียบร้อยแล้วและกำลังเตรียมตัวกลับ
ไพลินรีบเคลียร์เอกสารที่ดีแลนเอามาให้ช่วย หรือจะว่าไปแล้วเอามาให้เธอทำเพื่อฆ่าเวลารอเจ้านายของเขามากกว่า เมื่อจัดการเสร็จเธอก็รีบเก็บลงกล่องเอกสารแล้วเดินออกจากห้องตามชายหนุ่มไป
ห้างสรรพสินค้าที่สูงตระหง่านใจกลางกรุงวอชิงตันดีซีตอนนี้คลาคล่ำไปด้วยผู้คนมากมายทั้งคนทำงาน คู่รัก เด็ก ๆ ที่มากับพ่อแม่และคงจะเป็นคนอีกหลาย ๆ กลุ่มซึ่งกำลังเดินเข้าออกห้างกันอย่างขวักไขว่ ถึงแม้จะมาอยู่ที่อเมริกาเป็นปีแล้วแต่นี่ถือเป็นครั้งแรกที่ไพลินได้มีโอกาสมาห้างสรรพสินค้าของอเมริกา เธอหันไปมองชายหนุ่มที่พามาก็พบว่าเขามองเธออยู่ก่อนแล้ว
“มีของอะไรที่อยากซื้อหรือเปล่า เดี๋ยวจะพาไปซื้อ” เธอส่ายหัวทันทีหลังจากที่ชายหนุ่มถาม
“ลินไม่มีของอะไรที่อยากได้เลยค่ะ ทุกวันนี้ลินก็ไม่ได้จ่ายค่าอะไรเลยมีแค่ของใช้ส่วนตัวนิดหน่อย ถ้าจะใช้ลินก็ซื้อร้านเล็ก ๆ เอาก็ได้ค่ะ” เธอบอกอย่างเกรงใจ
“แต่ฉันมีของที่อยากจะให้”
เมสันพาหญิงสาวเดินเข้าร้านเพชรชื่อดังอันดับต้น ๆ ของอเมริกา เมื่อเดินเข้ามาในร้านก็มีพนักงานสาวรีบเข้ามาทักทายต้อนรับชายหนุ่มราวกับว่าเขาเป็นเจ้าของร้านก็ไม่ปาน“สวัสดีมิสเตอร์เดวาลอฟ...ทางเรารู้สึกยินดีอย่างมากที่คุณให้เกียรติมาถึงที่นี่วันนี้”“งานที่ผมสั่งทำเรียบร้อยหรือยัง” เมสันเดินตามพนักงานคนเดิมไปยังบริเวณรับรองลูกค้าโดยมีไพลินเดินตามชายหนุ่มไปติด ๆ“เรียบร้อยค่ะรบกวนคุณรอสักครู่นะคะเดี๋ยวทางเราจะเอาของมาให้ดูค่ะ” เมื่อพนักงานสาวเดินห่างออกไปเมสันก็หันมาทางไพลินที่นั่งตัวลีบมองไปทั่วร้านอยู่ข้างเขา“เดินดูได้นะอยากได้ชิ้นไหนก็เลือกเอา”“อย่าเลยค่ะ…ของมีราคาแบบนี้ไม่เหมาะกับลินหรอกค่ะ มันแพงเกินไป” เธอส่ายหน้าปฏิเสธพนักงานของร้านเดินถือกล่องกำมะหยี่สีน้ำเงินทั้งกล่องเล็กกล่องใหญ่จำนวนสามกล่องเข้ามาหาแล้ววางตรงหน้าชายหนุ่ม ก่อนจะหยิบกล่องกำมะหยี่รูปหัวใจขึ้นมาแล้วเปิดออกสร้อยคอทองคำขาวพร้อมจี้ไพลินล้อมเพชรขนาดกะทัดรัดดีไซน์ทันสมัยที่เมสันสั่งทำขึ้นมาถูกยื่นมาตรงหน้าหญิงสาว ไพลินมองเครื่องประดับในกล่องหรูสลับกับมองหน้าชายหนุ่มสีหน้าแสดงออกถึงความสงสัย…แต่ไม่มีคำตอบใด ๆ จากเขานอ
“รู้สึกว่าช่วงนี้มึงจะดูสดชื่นเป็นพิเศษ…หรือกูรู้สึกไปเอง” คำทักทายของลูคัสทำเมสันที่กำลังจดจ่ออยู่กับเอกสารบนโต๊ะเหลือบสายตาขึ้นมามองเพื่อนเล็กน้อยก่อนจะสลับสายตามาสนใจเอกสารดังเดิมแล้วตอบโต้ผู้มาใหม่ “หึ…มึงก็คงต้องว่างมากเป็นพิเศษถึงสังเกตถึงความสุขบนใบหน้ากูได้ขนาดนั้น” “ก็ไม่เชิง…แต่แค่กูได้ยินไมร่าบ่นว่าช่วงนี้เพื่อนของเธอถูกพี่ชายควบคุมจนแทบไม่ค่อยได้คุยกันก็เท่านั้นเอง” “ก็เจอกันบนโต๊ะอาหารเช้าทุกวันทำไมไม่คุย” เมสันแย้งแต่ไม่ยอมสบตาลูคัส “ก็แล้วทีมึงล่ะเช้าส่งไปเรียน…เลิกเรียนให้คนรอรับ จะไปไหนก็ต้องรายงาน…พาร์ทไทม์ก็ไมให้ทำ…แค่เด็กมันขอลองกลับบ้านเองมึงก็ยังไม่ยอม” ปากกาที่กำลังถืออยู่ในมือหยุดการเคลื่อนไหวเมื่อลูคัสพูดจบ…เมสันถอนหายใจแล้วละสายตาจากงานตรงหน้าขึ้นมามองเพื่อน “ลินยังใหม่สำหรับที่นี่…ไมร่าก็ต้องไปเรียน…กูให้ความดูแลคนในปกครองไม่เห็นแปลกตรงไหน” ชายหนุ่มยังคงตีหน้าตายไม่ยอมให้อีกฝ่ายต้อนง่าย ๆ “แปลกตรงคนที่เคยหักห้ามใจและระวังตัวเรื่องผู้หญิงเก่งแบบมึงกลายเป็นคนที่อดทนและหักห้ามใจไม
ไพลินนั่งรอเมสันกลับจนเผลอหลับไปบนโซฟากลางห้องโถงใหญ่ รู้ตัวอีกทีก็ถูกชายหนุ่มอุ้มขึ้นมาบนห้องนอนแต่ไม่ใช่ห้องนอนของเธอ มันคือห้องนอนของเขา “ทำไมถึงไปนอนข้างล่าง ห้องนอนมีทำไมไม่นอน” ชายหนุ่มถามทั้งที่รู้คำตอบดีว่าเธอรอเขา…ร่างบางถูกวางลงบนเตียงใหญ่ที่หนานุ่มโดยมีชายหนุ่มนอนตะแคงมือเท้าคางหันหน้ามาหา “เอ่อ…ลิน..ลินรอไมร่าน่ะค่ะไม่ได้คุยกันแบบนาน ๆ หลายวันแล้ว” เธอแก้ตัว…แต่ท่าทีดูเขินอายเขา “ไมใช่ว่ารอฉันหรอกเหรอ” น้ำเสียงอ่อนโยนเอ่ยถามแต่นัยน์ตาแฝงไว้ด้วยความไม่สบายใจจนหญิงสาวสังเกตได้…เธอมองสู้สายตาเขาก่อนจะถามออกไป “คุณมีเรื่องไม่สบายใจอะไรหรือเปล่าคะ” “หน้าตาฉันฟ้องเธอขนาดนั้นเลยหรือไง” เขามองเธออย่างอ่อนโยนเหมือนกับว่าอยากจะเก็บภาพสวยงามตรงหน้าไว้ให้นานที่สุด นิ้วเรียวยกขึ้นเกลี่ยแก้มขาวอมชมพูเบา ๆ อย่าง ทะนุถนอม รอยยิ้มที่เจือไปด้วยความกังวลนั้นไพลินแน่ใจว่าเธอไม่เคยเห็นมันจากเขามาก่อน “หนูพอจะช่วยอะไรคุณได้บ้างมั้ย” “แล้วเธออยากช่วยอะไรล่ะ” “ความไม่สบายใจที่คุณมียังไงคะ…ห
ผ่านไปเป็นเดือนแล้วที่ไพลินแทบไม่ได้เจอหน้าของเมสันเพราะชายหนุ่มตั้งใจที่จะเลี่ยงการเผชิญหน้ากับเธอ หญิงสาวไม่รู้ว่าเธอทำอะไรผิดเขาถึงทำเหมือนไม่อยากเห็นหน้าไม่อยากพบเจอเธออย่างนี้ ทั้งที่ครั้งสุดท้ายก่อนที่ชายหนุ่มจะเปลี่ยนไปก็ไม่ได้มีสัญญาณหรือเหตุการณ์อะไรที่จะบ่งบอกว่าเขาไม่พอใจในตัวเธอและเธอเองก็แน่ใจว่าไม่ได้ทำอะไรในสิ่งที่เขาห้าม “ลิน…ลิน…ลินเป็นอะไรหรือเปล่า” ไมร่าสงสัยกับอาการเหม่อลอยของเพื่อนสาว “ปละ…เปล่า..ลินแค่นอนไม่หลับน่ะก็เลยรู้สึกมึน ๆ นิดหน่อย” “ถึงว่าทำไมดูไม่ค่อยสดชื่นเลย มีอะไรไม่สบายใจบอก ไมร่าได้นะ ไมร่าขอโทษที่ช่วงนี้ไม่ค่อยมีเวลาคุยกับลินเลย ช่วงนี้ต้องทำโปรเจคหลายอย่างและพี่ลูคัสก็แย่งไปรับไมร่าทุกวันไม่ให้ไปรับก็ไม่ยอม” ไพลินมองเพื่อนสาวพูดแล้วพลอยมีความสุขไปด้วยเพราะสีหน้าและท่าทางของไมร่ายามที่พูดถึงลูคัสนั้นบ่งบอกว่าเพื่อนของเธอแฮปปี้กับความรักเป็นอย่างดี “ไม่เป็นไรลินเข้าใจ ลินเองก็เริ่มมีโปรเจคที่ต้องทำกับเพื่อนที่มหาลัยเช่นกัน” “ช่วงนี้ลินกลับบ้านคนเดียวใช่หรือเปล่า แปลกนะที่พี่ เม
หลังจากวันที่บอกกับไมร่าต่อหน้าลูคัสไพลินก็ไม่ได้สนใจว่าเมสันจะอนุญาตเธอหรือไม่กับการออกไปใช้ชีวิตคนเดียวนอกบ้านเดวาลอฟของเธอ หญิงสาวทยอยเก็บของใช้ที่จำเป็นวันละเล็กละน้อยลงกระเป๋า แม้ไมร่าจะพยายามหาเหตุผลมารั้งแต่เธอก็ยังยืนยันคำเดิมว่าต้องการไปเมื่อการห้ามและขอร้องในครั้งนี้ไม่ได้ผลไมร่าจึงทำได้แค่เพียงนั่งมองไพลินเก็บกระเป๋าก่อนจะถามในสิ่งที่คาใจ “พอจะบอกไมร่าได้ไหมว่าลินกับพี่เมสันมีปัญหาอะไรกัน” มือที่กำลังเก็บของลงกระเป๋าชะงัก พยายามคิดหาคำตอบที่ดีที่สุดให้กับคนถาม “ไม่มีอะไรหรอกไมร่า พักหลังมานี้ลินก็ไม่ค่อยได้เจอพี่ชายไมร่าหรอก” หญิงสาวพยายามบังคับเสียงไม่ให้สั่นแม้น้ำตาจะไหลนำทางหล่นลงมาบนกระเป๋าที่เธอถืออยู่ในมือแล้วก็ตาม “ลินยังเห็นไมร่าเป็นเพื่อนอยู่หรือเปล่า” น้ำเสียงเรียบนิ่งของไมร่าทำให้ไพลินต้องรีบหันไปมองโดยลืมไปว่าดวงตาทั้งคู่ของเธอตอนนี้เต็มไปด้วยน้ำตา “ไม่มีวันไหนที่ลินจะไม่คิดว่าไมร่าคือเพื่อน ตรงกันข้ามไมร่าเป็นมากกว่าเพื่อนของลินด้วยซ้ำ ไมร่าคือคนที่ดิ้นรนให้ลินได้มีโอกาสได้มาเรียนที่นี่ ที่ที่มีทุกอย่าง
เมสันปัดป่ายมือไปทั่วเตียงก็พบแต่ความว่างเปล่าจึงลืมตาขึ้นมาทันทีแล้วมองไปรอบ ๆ ห้อง ใจของชายหนุ่มหล่นวูบเมื่อมองไม่เห็นของใช้ส่วนตัวของไพลินแม้แต่ชิ้นเดียว รวมถึงกระเป๋าเสื้อผ้าที่เขาเห็นเมื่อคืนก็เช่นกัน ร่างสูงดีดตัวลุกจากเตียงคว้าเสื้อคลุมที่เขาทิ้งไว้ในห้องของหญิงสาวเมื่อครั้งที่เธอและเขายังไม่มีปัญหาในความสัมพันธ์ขึ้นมาใส่อย่างรีบร้อนก่อนจะเดินออกจากห้อง เมื่อเปิดประตูห้องนอนของไพลินออกมาเมสันก็พบว่าลูคัสและไมร่ายืนรอเขาอยู่หน้าห้องก่อนแล้ว โดยที่ไมร่านั้นยังคงมีร่องรอยของการร้องไห้อยู่บนใบหน้า “ลินอยู่ไหน” ชายหนุ่มมองหน้าน้องสาวและเพื่อนสลับกันไปมาก่อนจะถามเสียงเครียดในสิ่งที่พอจะรู้คำตอบดี ไมราส่ายหน้าไปมาแล้วเอาแต่ร้องไห้จนลูคัสต้องรั้งเข้ามากอดเพื่อปลอบโยน “กูถามว่าลินอยู่ไหน” เสียงเครียดเข้มขึ้น และเมื่อน้องสาวเอาแต่ร้องไห้ชายหนุ่มจึงหันไปทางลูคัส “มึงรู้คำตอบดีเมสัน” ลูคัสตอบเสียงนิ่ง เมสันสูดลมหายใจเข้าออกเพื่อสกัดความรุ่มร้อนที่เหมือนมีไฟสุมอยู่ในอก มือหนาบีบเข้าหากันแน่นก่อนจ
ไพลินได้งานพาร์ทไทม์เป็นเด็กเสริ์ฟอยู่ที่ร้านอาหารจากการช่วยเหลือของเพื่อนที่เรียนมหาลัยเดียวกัน หญิงสาวเริ่มงานมาได้เกือบอาทิตย์แล้ว ทุกอย่างดูราบรื่นดีและกำลังเข้าที่ทั้งงานและเพื่อนร่วมงาน แต่แล้ววันนี้เธอก็ถูกผู้จัดการร้านเรียกคุย“คุณเรียกฉันมีอะไรหรือเปล่าคะ” เธอถามเมื่อเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าผู้จัดการของร้านสาวใหญ่วัยกลางคนมองลูกน้องสาวที่พึ่งเข้ามาเริ่มงานได้เพียงอาทิตย์เดียวแล้วให้นึกเสียดายในใจและรู้สึกสงสาร แต่คำสั่งที่ได้รับมาจากเจ้าของร้านนั้นก็เป็นสิ่งที่ต้องทำตามแม้จะไม่รู้เหตุผลเท่าไรนัก“วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่เราจะจ้างเธอทำงานนะ..ฉันเสียใจนะลิน เธอทำงานดีมากแต่ฉันก็ไม่รู้ว่าทำไมเจ้าของร้านถึงสั่งแบบนี้” คำบอกของผู้จัดการร้านทำไพลินเข่าอ่อนแทบทรุด เธอกำลังอุ่นใจว่าจะมีรายได้เพื่อไว้เป็นค่าใช้จ่าย พอมาเจอแบบนี้ก็แทบจะไปไม่เป็น“ฉันทำอะไรผิดหรือเปล่า พวกคุณบอกฉันได้นะ ฉันจะแก้ไขและปรับปรุงแต่ขอร้องเถอะช่วยจ้างฉันต่อได้ไหม ฉันจำเป็นต้องมีงานทำเพื่อหาเงินไว้สำหรับใช้จ่ายระหว่างเรียน” หญิงสาวถลาไปจับมือของผู้จัดการร้านแล้วเขย่าเบา ๆ อ้อนวอนขอให้ช่วยเธอ“ฉันไม่ใช่คนที่เลิกจ้
ไพลินนั่งเครียดจนแทบอยากจะร้องไห้เมื่อการสัมภาษณ์งานไม่เป็นไปตามที่เธอหวัง หลังออกจากงานเดิมที่ทำได้แค่อาทิตย์เดียวเธอก็พยายามหางานอย่างหนักทั้งด้วยตัวเองและจากการช่วยเหลือของเพื่อน แต่ทุกที่หากไม่ปฏิเสธเธอตั้งแต่ตอนสัมภาษณ์ก็ให้เธอลองทำแค่อาทิตย์เดียวก็มีเหตุให้ต้องออกซึ่งเธอก็ไม่รู้เหตุผลว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น “ลีน่าเป็นไงบ้าง ยังหางานไม่ได้อีกเหรอ” เพื่อนสาวชาวอเมริกันที่ชอบเรียกไพลินว่าลีน่าเพราะง่ายกว่าชื่อจริงของเธอเดินมานั่งเก้าอี้ตรงข้ามหญิงสาวพร้อมยื่นเบอร์เกอร์ไก่มาตรงหน้าหญิงสาว “เมแกนทำไมกลิ่นมันแรงจัง” ไพลินทำหน้าพะอืดพะอมเมื่อได้กลิ่นเบอร์เกอร์ไก่ที่เพื่อนสาวซื้อมาฝาก เมแกนทำท่าแปลกใจเพราะปกติไพลินจะชอบสั่งกิน “ทำไมวันนี้มันกลิ่นแรงจัง” “หืม..ก็ปกตินี่นา ฉันก็ซื้อร้านเดิมที่เราเคยกินประจำด้วย” ไพลินทนกลิ่นต่อไปไม่ไหวถึงกับต้องรีบลุกแล้ววิ่งไปอาเจียนตรงพุ่มไม้ “ลีน่า..เธอไม่สบายหรือเปล่า ฉันขอโทษนะไม่คิดว่าเธอจะเหม็นมันขนาดนี้ ก็ทุกทีเธอ….” “ไม่เป็นไรเมแกนสงสัยฉันจะพักผ่อนน้อยก็เลยรู้สึกเว
หลังจากปรับความเข้าใจกันแล้วเมสันก็ตั้งใจจะบินไปประเทศไทยกับภรรยาสาวเพื่อเยี่ยมครอบครัวของเธอ แต่ตารางงานที่ชายหนุ่มมีต้องรออีกเป็นเดือนถึงจะสามารถบินได้ เพราะ เมสันมีกำหนดการประชุมผู้ถือหุ้นใหญ่สามัญประจำปีและมีนัดเจรจาธุรกิจกับกองทัพสหรัฐเกี่ยวกับการผลิตยานพาหนะทางการทหารรูปแบบใหม่ ซึ่งไม่สามารถส่งใครเข้าไปพูดคุยแทนได้เนื่องจากเป็นเรื่องที่มีความสำคัญและมีเพียงชายหนุ่มเท่านั้นที่มีอำนาจในการตัดสินใจ“ขอโทษนะที่ทำให้เธอต้องกลับไปเยี่ยมพี่สาวช้าไปอีกนิด” ชายหนุ่มบอกเมียเด็กของตนเองในค่ำคืนหนึ่ง“ไม่เป็นไรค่ะ งานคุณสำคัญที่สุด..ลินรอได้” เธอบอกพลางแนบแก้มไปกับอกหนา หลังจากวันที่เข้าใจกันไพลินก็ย้ายห้องนอนมาอยู่ห้องของชายหนุ่มอย่างถาวรตามความต้องการของเจ้าของห้อง“อื้อ..อย่าพูดแบบนี้สิ สำหรับฉันไม่มีอะไรสำคัญกว่าเธอกับลูก เพียงแต่งานที่กำลังเคลียร์มันเป็นสิ่งที่กำหนดไว้ก่อนที่จะรู้ว่าจะต้องเดินทางไปประเทศไทยก็เท่านั้น” ชายหนุ่มอธิบายเพราะกลัวหญิงสาวจะคิดมาก“ลินเข้าใจค่ะ คุณให้ลินไปทำงานที่บริษัทเหมือนเดิมด้วยได้มั้ยคะ ลินอยากเก็บเงินส่งไปเป็นค่าตั๋วให้พี่สาวและพี่เขยมาหาลินที่นี่” เธ
หลังจากที่ไพลินแกล้งให้เมสันเข้าใจผิดว่าตนเองจะหอบลูกมาอยู่ประเทศไทยถาวรจนชายหนุ่มโกรธและไม่ยอมคุยด้วยไปหลายวัน มาวันนี้กลับเป็นตัวเธอเองที่ทนไม่ไหวกับท่าทีของสามีที่ดูจะเงียบขรึมและเย็นชาขึ้นทุกวัน“วันนี้ลินขอไปที่บริษัทกับคุณด้วยได้มั้ยคะ” หลังจากที่คิดอยู่นานว่าจะง้อชายหนุ่มยังไงดีในที่สุดเธอก็ตัดสินใจเอ่ยออกมาระหว่างที่กำลังทานอาหารเช้าเมสันช้อนตามองภรรยาแวบเดียวแล้วก้มหน้าทานอาหารเช้าต่อโดยไม่พูดอะไร“จริงด้วย..พี่เมสันพาลินไปที่บริษัทด้วยสิคะลินจะได้ไม่เหงาอยู่ที่บ้านคนเดียว เดี๋ยวจะเครียด” ไมร่าสนับสนุนคำขอของไพลินเพราะรู้ว่าเพื่อนสาวกำลังหาทางง้อพี่ชายของเธอ หลังจากที่ไพลินเดินมาปรึกษาและเล่าสาเหตุที่เมสันโกรธให้ฟัง“ที่บริษัทไม่ได้มีอะไรน่าสนใจหรอก ขนาดที่นี่มีทุกอย่างพร้อมที่จะประเคนให้ยังรั้งใครไว้ไม่ได้” เสียงเรียบเอ่ยออกมาพร้อมทำท่าว่าจะอิ่มแล้วกับอาหารเช้าที่พึ่งทานเข้าไปไมร่าส่งสัญญาณให้ไพลินพูดอะไรสักอย่างก่อนที่พี่ชายของเธอจะลุกออกจากโต๊ะอาหาร“แต่ที่นั่นมีคุณอยู่ด้วย ไม่เหมือนที่นี่ที่หลังจากอาหารเช้าลินก็ต้องอยู่คนเดียวไม่ร่าก็ต้องไปเรียน” เธอรีบบอก..หวังให้คำพูด
ไพลินปล่อยให้เมสันนอนหนุนตักเธอนานเท่าไหร่ไม่รู้จนเธอเองก็เผลอพิงโซฟาหลับไปโดยไม่รู้ตัว ตื่นมาอีกทีก็พบว่าตัวเองอยู่ในท่านอนสบายบนโซฟาแล้วมีผ้าห่มคลุมตัวเรียบร้อย แต่กลับไร้เงาสามี หญิงสาวรีบลุกขึ้นแล้วเดินออกจากห้องทำงานของชายหนุ่มเพื่อตามหา “คุณตื่นแล้วเหรอคะ” มีอาที่กำลังเดินถือถาดอาหารกำลังจะไปยังชั้นบนของบ้านทักหญิงสาว “ค่ะ พอดีลินเผลอหลับไปเมื่อไหร่ไม่รู้ แล้วคุณเมสันอยู่ไหนคะ” เธอถามาสามี “นายท่านอยู่บนห้องค่ะ หมอมาตรวจอาการพึ่งกลับไปเมื่อครู่” “แล้ว….” เธอกำลังจะถามถึงถาดอาหารที่มีอากำลังถืออยู่ “อาหารบำรุงของนายท่านที่หมอสั่งค่ะ ฉันกำลังจะเอาขึ้นไปให้” มีอาบอก “เดี๋ยวลินยกไปให้ดีกว่าค่ะ ถ้าอยากได้อะไรเพิ่มเดี๋ยวลินจะมาบอกมีอานะ” “ไม่เป็นไร คุณกำลังท้องอยู่เดี๋ยวนายท่านรู้จะดุเอาที่ปล่อยให้คุณทำอะไรแบบนี้” มีอาทำท่าว่าไม่ยอม “มีอา..ลินท้องนะคะไม่ได้ป่วย อีกอย่างถ้าหากนายท่านของมีอาดุเดี๋ยวลินจะเป็นคนจัดการเอง” เธอพูดยิ้ม ๆ ให้อีกฝ่ายคลายกังวลแล้วยื่นมือไปรอรั
เมสันและไพลินได้รับอนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลมารักษาตัวที่บ้านหลังจากรักษาตัวในโรงพยาบาลเกือบสิบวัน โดยระหว่างที่กลับมาพักฟื้นที่บ้านก็จะมีหมอมาคอยตรวจอาการทุกวัน ๆ ละ 2 ครั้งตามความประสงค์ของทนายประจำตระกูล เดวาลอฟที่เปรียบเสมือนญาติผู้ใหญ่ที่เมสันมี“ไม่ต้องแสดงความอึดด้วยการหากิจกรรมทำยามค่ำคืนนะมึง เดี๋ยวได้เข้าโรงพยาบาลอีกรอบ” เมื่ออยู่กันตามลำพังสองหนุ่ม ลูคัสจึงพูดหยอกเมสัน“มึงจะให้กูทำอะไร ตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาลมาที่บ้านได้สองวันแล้วกูแทบไม่เห็นหน้าเมีย คอยแต่จะหลบหน้าอยู่นั่นแหละไม่รู้ไม่พอใจอะไรอีก รอให้กูเข้าที่อีกหน่อยเถอะ” เมสันบ่นอย่างหงุดหงิด“แล้วมึงไปทำอะไรให้เมียเด็กของมึงงอนอีกละ”“ออกจากโรงพยาบาลมาก็อยู่แต่บ้านกูยังไม่ได้ออกไปไหน แล้วกูจะรู้หรือเปล่าล่ะว่ากูทำอะไรผิด กูก็อยู่เฉย ๆ นั่ง ๆ นอน ๆ ทั้งวัน ตอนอยู่โรงพยาบาลก็ไม่เห็นเป็นแบบนี้ ตอนนี้กูชักอยากจะกลับไปนอนโรงพยาบาลด้วยกันใหม่อีกรอบ” ลูคัสแทบกลั้นหัวเราะไม่ไหวกับอาการงอนเมียของอีกฝ่าย“เอาน่าใจเย็น ตอนนี้มึงก็ดีขึ้นมากแล้วเดี๋ยวเดินเหินได้สะดวกกว่านี้ค่อยว่ากัน คนท้องอาจจะมีอารมณ์แปรปรวนบ้างมึงต้องเข้าใ
เจเดนที่วิ่งตามคนเป็นนายมาติด ๆ และเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดตะโกนลั่นเมื่อเห็นว่าเมสันวิ่งไปคว้าตัวไพลินให้พ้นจากรถที่วิ่งมา แต่ตัวเจ้านายของเขาถูกรถกระแทกทางด้านข้างแล้วพากันล้มกลิ้งไปบนฟุตบาทอยู่หลายตลบเจเดนเรียกสติกลับมาอย่างรวดเร็วและจัดการเรียกหน่วยฉุกเฉินทันทีแล้วโทรหาดีแลนกับลูคัสเพื่อแจ้งเกี่ยวกับเหตุที่เกิดขึ้นเมสันและไพลินถูกส่งตัวมายังโรงพยาบาลหลังเกิดเหตุไม่ถึงครึ่งชั่วโมงจากการช่วยเหลือและการประสานงานอย่างรวดเร็วทั้งจากลูคัสและและเครือข่ายของเมสันเองที่มีอยู่ทั่วทุกวงการไพลินมีอาการจุกที่ท้องน้อยและมีเลือดซึมออกทางช่องคลอด ส่วนเมสันนั้นก็มีอาการที่ค่อนข้างหนักเช่นกันเพราะนอกจากหัวแตกแล้วยังมีกระดูกซี่โครงหักทิ่มปอดจากการถูกรถเฉี่ยวแล้วล้มลงกระแทกพื้นและกลิ้งไปตามทางอย่างแรงหลายตลบเพราะเอาตัวเองเป็นกำบังโดยการกอดไพลินไว้แน่นเพื่อให้หญิงสาวกระทบกระเทือนน้อยที่สุด “คุณผู้หญิงมีอาการแท้งคุกคามแต่ดีที่ตอนนี้เลือดหยุดไหลแล้ว เบื้องต้นเด็กในท้องยังอยู่แต่คงต้องให้คุณแม่นอนนิ่ง ๆ ห้ามเคลื่อนไหวร่างกายโดยไม่จำเป็นที่โรงพยาบาลสักพักเพื่อให้ยากันแท้งและเพื่อให้แน่ใจว่าปลอด
จีน่าเก็บความไม่พอใจไว้เงียบ ๆ และพยายามหาข้อมูลของนักศึกษานามว่าไพลินซึ่งเป็นผู้หญิงที่ได้หัวใจของผู้ชายคนที่เธอหมายปองไปครอง และเหมือนโชคจะเข้าข้างหล่อนในวันนี้ที่อาจารย์ประจำภาควิชาที่ไพลินเรียนขอลา จีน่าซึ่งเป็นรองอธิการบดีฝ่ายวิชาการจึงต้องเข้ามาดูแลด้านการสอนแทนเป็นกรณีพิเศษ “วันนี้อาจารย์ว่าเรามาคุยกันเกี่ยวกับบุคคลที่ประสบความสำเร็จทางด้านธุรกิจและการเงินบ้างดีกว่า ในอเมริกาของเรามีใครบ้างนักศึกษาลองเอ่ยชื่อมาให้อาจารย์หน่อยสิคะ” จีน่ามองไปรอบ ๆ คลาสก่อนจะไปหยุดอยู่ที่หญิงสาวชาวไทยที่เป็นเป้าหมายของเธอด้วยสายตาบางอย่าง นักศึกษาในคลาสต่างหันหน้าไปหารือและถามกันเรื่องบุคคลที่ประสบความสำเร็จด้านธุรกิจและการเงิน และเหมือนกับว่าคำตอบของนักศึกษาส่วนใหญ่จะเข้าทางจีน่าเพราะชื่อที่ถูกเอ่ยออกมามากที่สุดก็คือชื่อของเมสันนั่นเอง “หนูเคยได้ยินว่าอาจารย์เคยเป็นผู้หญิงคนสนิทของคุณเมสันใช่หรือเปล่าคะ” เสียงนักศึกษาสาวคนหนึ่งดังขึ้นมา จีน่าแอบยิ้มในใจ รู้สึกว่าวันนี้โชคจะเข้าเธอมากเป็นพิเศษ “ใช่..ที่จริงแล้วอาจารย์ก็พึ่งจะ
“คุณเหนื่อยหรือเปล่าคะวันนี้” ร่างบางเดินออกมาต้อนรับสามีทันทีที่ชายหนุ่มเดินเข้ามาในบ้าน“นิดหน่อย..แต่พอได้เห็นหน้าเธอก็หายเหนื่อยแล้ว”เสียงทุ้มตอบภรรยาเด็กยิ้ม ๆ พร้อมคว้าเอวคอดมาแนบตัวแล้วพาเดินไปนั่งพร้อมกัน“คุณอยากทานอะไรหรือเปล่าคะ เดี๋ยวหนูไปเอามาให้” ไพลินถามอย่างเอาใจ“มีอะไรก็ว่ามา ท่าทางแบบนี้คงมีอะไรสักเรื่องแน่นอน”ชายหนุ่มเอ่ยอย่างรู้ทันเมื่อเห็นท่าทางเอาใจแปลก ๆ ของหญิงสาว ปกติแล้วไพลินจะเป็นคนที่ไม่กล้าแสดงความรู้สึกและแสดงความรักนอกห้องนอนหญิงสาวทำจมูกย่นใส่เมื่อถูกรู้ทัน ตอนนี้เธอเริ่มจะคุ้นเคยกับสามีมากขึ้นจนกล้าที่จะเป็นตัวของตัวเองและกล้าที่จะเผยความรู้สึกที่มีต่อเขา“หนูมีเรื่องอยากจะขอร้องค่ะ”“ตั้งแต่ออกบ้านไปคราวก่อนกลับมาแทนตัวเองแบบห่างเหินอีกแล้วนะ แทนตัวเองกับฉันว่าลินเหมือนเดิมด้วยเข้าใจไหม” ไพลินพยักหน้าให้ในความต้องการนั้น แล้ววกเข้าเรื่องที่ตั้งใจจะพูดกับเขาต่อ“คือหนูอยากจะขอไปเรียนอีกเทอมที่เหลือให้จบได้หรือเปล่าคะ ตอนนี้ท้องยังไม่โตเรียนอีกเทอมก็แค่อีกไม่กี่เดือนเอง” เมื่อพูดจบก็มีเสียงถอนหายใจดังตามมาติด ๆ หญิงสาวพูดเร็วและรัวเพราะกลัวจะถูกคำปฏิ
หลังจากที่เห็นท่าทางเศร้า ๆ ของไพลินวันนั้นเมสันก็รู้สึกไม่สบายใจมาจนถึงวันนี้ แม้ว่าหญิงสาวจะยอมในเหตุผลของเขาแต่ชายหนุ่มรู้ดีว่าลึก ๆ แล้วเมียของเขายังทำใจไม่ได้ที่ต้องหยุดเรียน เพราะมันเป็นสิ่งที่เธอตั้งใจอันดับแรกในการมาอยู่ที่อเมริกา“มึงมีเรื่องอะไรถึงเรียกกูมาด่วน เมียก็กลับบ้านแล้ว คุยกันเข้าใจแล้วไม่ใช่หรือไงจะนั่งทำหน้าเครียดอะไรอีก หุ้นมึงก็ไม่ได้ตกสักตัวนี่หว่า” ลูคัสทิ้งตัวลงนั่งเก้าอี้นวมราคาแพงหน้าโต๊ะทำงานของเมสันด้วยท่าทางเซ็ง ๆ ที่ถูกเรียกให้มาหาด่วนทั้งที่พึ่งจะได้นั่งทำงานที่บริษัทตัวเองอย่างจริงจังไม่กี่วันหลังจากที่วุ่นอยู่กับเรื่องของเมสันและไพลิน“หุ้นกูไม่ได้ตกและบริษัทมึงก็คงไม่เจ๊งหรอกหากเจ้าของจะไม่นั่งหัวโด่อยู่นั่น”“ว่าไม่ได้นะ เกิดเจ๊งมาคนที่ลำบากคือน้องมึงนะถ้ากูไม่มีเงินเลี้ยง” จากที่อารมณ์เซ็งเมื่อครู่ลูคัสก็กลายเป็นพูดเล่นเมื่อเห็นสีหน้าจริงจังของเมสัน“ถ้าบริษัทมึงเจ๊งธุรกิจอสังหาในอเมริกาก็คงล่มสลายแล้วล่ะ” น้ำเสียงหงุดหงิดบอกห้วน ๆลูคัสยักไหล่ยกยิ้มกับคำเปรียบเปรยของคนตรงหน้าก่อนจะเอ่ยถามถึงสาเหตุที่ถูกเรียกให้มาหา“สรุปมึงมีเรื่องอะไร”“กูไม่สบ
ไพลินมองหน้าคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสามีของเธอด้วยหัวใจที่สั่นไหว ไม่ว่าจะยังไงเมสันก็คือคนเดียวที่มีอิทธิพลต่อใจของเธอ“ขอบคุณค่ะ แต่หนู...”“มีอา..ต่อไปนี้ให้ตั้งโต๊ะอาหารเย็นเร็วขึ้นอีกหนึ่งชั่วโมง ไพลินจะต้องทานอาหารตรงเวลาทุกมื้อแล้วสั่งเชฟให้จัดของบำรุงครรภ์ด้วย เริ่มวันนี้” เสียงเข้มหันไปสั่งหัวหน้าแม่บ้านโดยไม่สนใจคำทัดทานที่กำลังออกจากปากของหญิงสาวแม้แต่น้อยมีอารับเสื้อสูทที่เจ้านายถอดยื่นให้พร้อมน้อมรับในคำสั่งใหม่แล้วรีบเดินไปแจ้งให้ในครัวทราบทันทีไพลินทำตัวไม่ถูกถึงแม้จะคุ้นเคยกับที่นี่ดีรวมถึงทุกคนในบ้าน แต่นั่นมันก่อนที่เธอและเมสันจะมีความสัมพันธ์กัน ตอนนี้ทุกคนต่างก็รู้ความสัมพันธ์ที่เปลี่ยนไปของเจ้าของบ้านและเธอที่เป็นผู้อาศัยกันหมดแล้วเธอจึงไมรู้จะทำตัวยังไงดี เมสันเดินตรงมาหาไพลินอย่างช้า ๆ ถึงแม้ว่าเธอจะรู้สึกหวั่นกับท่าทีตึง ๆ ของเขาแต่เท้าของเธอกลับเหมือนถูกตรึงไว้กับที่ไม่ยอมขยับไปไหน ไมร่าเดินถอยห่างออกไปอย่างรู้หน้าที่ และไม่ลืมที่จะส่งสายตาให้กำลังใจไพลินที่ตอนนี้ส่งสายตามาหาเช่นกันเหมือนจะบอกว่าให้อยู่เป็นเพื่อนกันก่อน“ยังมีอาการเวียนหัวอยู่หรือเปล่า” หน้าตา