ไพลินถูกส่งตัวมายังโรงพยาบาลที่ขึ้นชื่อเรื่องการรักษาที่ดีที่สุดเป็นศูนย์รวมของแพทย์ที่เก่งที่สุดและค่ารักษาที่แพงที่สุดของกรุงวอชิงตันดีซี ซึ่งมีตระกูลของลูคัสถือหุ้นใหญ่และบริหารอยู่
ลูคัสเดินทางมาถึงโรงพยาบาลในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เมื่อมาถึงก็เจอกับเจเดนที่กำลังยืนรออยู่
“ไพลินเป็นยังไงบ้าง”
“ยังอยู่ห้องฉุกเฉินครับ” เจเดนตอบเพื่อนเจ้านาย
ลูคัสพยักหน้ารับรู้แล้วเดินหายเข้าไปภายในห้องฉุกเฉินเพื่อติดตามอาการภรรยาตัวน้อยของเพื่อนทันที ถึงไมได้บริหารแต่ก็เป็นลูกหลานของผู้บริหารลูคัสจึงสามารถสั่งการได้ไม่ต่างจากผู้บริหารคนอื่นและชายหนุ่มก็เป็นที่คุ้นตาดีสำหรับเจ้าหน้าที่และแพทย์ของโรงพยาบาลเพราะเข้ามาประชุมผู้ถือหุ้นแทนบิดาอยู่บ่อยครั้ง
“คนไข้เป็นยังไงบ้าง” หมอที่กำลังทำการรักษาเงยหน้าขึ้นมามองคนถาม ก่อนจะตรวจคนไข้อีกครั้งให้แน่ใจแล้วหันมาตอบ
“เมื่อกี้เธอรู้สึกตัวแล้วครับแล้วก็หลับไปอีกเพราะความอ่อนเพลีย ตอนนี้ทางเราได้ให้น้ำเกลือและยาแก้แพ้ท้องแบบฉีดผ่านทางสายน้ำเกลือให้ คงต้องให้นอนรอดูอาการที่โรงพยาบาลสักวันสองวันครับ” ลูคัสที่พอจะรู้มาบ้างแล้วว่าไพลินตั้งท้องเพราะก่อนหน้านี้หญิงสาวถูกพลเมืองดีนำส่งโรงพยาบาลมาแล้วครั้งหนึ่งซึ่งลูคัสมาธุระที่โรงพยาบาลพอดีจึงได้รู้
“ส่งตัวเธอไปพักฟื้นที่พรีเมียร์รอยัล”ลูคัสบอกกับหมอที่ดูแลไพลินเพื่อส่งตัวเธอไปยังห้องพักฟื้นที่ดีที่สุดของโรงพยาบาล
ไพลินรู้สึกครึ่งหลับครึ่งตื่นระหว่างที่เธอถูกนำตัวขึ้นห้องพัก อาการคลื่นไส้วิงเวียนพอจะทุเลาลงบ้างแต่ความอ่อนเพลียนั้นยังคงมีอยู่
“คนไข้พักผ่อนเยอะ ๆ นะคะ อาการแพ้ท้องปกติก็จะมีในช่วงแรกของการตั้งครรภ์อาจจะมีแพ้มากแพ้น้อยก็อยู่ที่คุณแม่แต่ละคนด้วย ตอนนี้ก็พักผ่อนให้เยอะ ๆ นะคะ” พยาบาลสาวบอกอย่างเป็นมิตร หญิงสาวกวาดสายตาไปรอบห้องที่เธอนอนอยู่ตอนนี้แล้วให้นึกกังวลกับค่าใช้จ่ายยิ่งนัก
ตั้งแต่วันที่เจอเมสันกับนางแบบสาวนามว่าซาร่าที่ร้านอาหาร หญิงสาวรู้สึกว่าอาการหน้ามืดและวิงเวียนศีรษะของเธอเริ่มมีอาการหนักขึ้นจนวันหนึ่งเธอทนไม่ไหวจนต้องลากสังขารตัวเองไปโรงพยาบาลจนได้รู้ว่ากำลังมีอีกหนึ่งชีวิตอยู่ในท้องของเธอ
ไพลินรู้สึกว่าตั้งแต่วันที่รู้ว่าท้องอาการของเธอก็หนักขึ้นกว่าเดิม อาจเป็นเพราะมีความเครียดเข้ามาผสมอยู่ด้วยจึงทำให้ร่างกายที่อ่อนแออยู่แล้วยิ่งแย่เข้าไปใหญ่เหมือนอย่างวันนี้ที่จู่ ๆ สติของเธอก็ดับวูบคาบันไดหน้าอพาร์ทเมนท์
“รู้สึกเป็นยังไงบ้าง” คำถามของผู้ที่เดินเข้ามาใหม่ทำให้หญิงสาวสะดุ้งและตื่นจากความคิดของตนเองแล้วหันไปมอง
“คุณลูคัส” คิ้วสวยขมวดเข้าหากันอย่างแปลกใจที่เห็นลูคัสที่นี่ และมองเลยไปยังประตูเหมือนจะดูว่ามีใครมากับเขา
“ฉันมาคนเดียว” ลูคัสบอกเหมือนรู้ใจหญิงสาว
ไพลินแอบถอนหายใจอย่างโล่งอกเพราะสถานการณ์ตอนนี้เธอไม่อยากให้มีใครมาล่วงรู้ถึงสาเหตุของการที่เธอต้องมานอนโรงพยาบาลเช่นนี้ แม้แต่ลูคัสเองตอนนี้เธอก็ภาวนาอย่าให้เขารู้และเป็นเรื่องบังเอิญที่เขามาเจอเธอ แม้ความรู้สึกบางอย่างจะบอกว่ามันไม่ใช่เรื่องบังเอิญก็ตาม
“รู้สึกเป็นยังไงบ้าง” ลูคัสถามคำถามเดิมอีกครั้ง
“ดีขึ้นบ้างแล้วค่ะ” เสียงเล็กตอบแผ่ว ๆ
ลูคัสนั่งลงตรงเก้าอี้นวมข้างเตียงคนป่วยแล้วกอดอกมองหญิงสาวเหมือนคนกำลังใช้ความคิด
ไพลินรู้สึกหวั่นใจอย่างบอกไม่ถูกกับสายตาที่ลูคัสมองมายังเธอ เพราะมันเหมือนกับว่าสิ่งที่เธอต้องการจะปิดบังไม่ให้ใครรู้มันอาจจะไม่เป็นดั่งที่เธอคิด
“ไมร่าบ่นคิดถึงอยู่นะ คิดจะอยากกลับไปอยู่ที่บ้าน เดวาลอฟเหมือนเดิมหรือเปล่า” ชื่อของไมร่าทำให้น้ำตาของไพลินเอ่อขึ้นมาคลอเบ้าราวกับสั่งได้ หญิงสาวนิ่งไปสักพักก่อนจะตอบ
“ลินไม่เหมาะกับที่นั่นหรอกค่ะ”
“อะไรล่ะที่ว่าไม่เหมาะหรือว่าที่นั่นมันไม่สะดวกสบายพอที่เธอจะอยู่”
“ตรงกันข้าม…ที่นั่นมีทุกอย่างของความสบาย แต่ ลินต่างหากที่ไม่เหมาะจะได้รับมัน ลินทำให้ไมร่าผิดหวังจนเธอคงไม่อยากจะเห็นหน้า ลินทำลายความหวังดีความรู้สึกดี ๆ ที่ ไมร่ามีให้จนไม่น่าอภัย หากไม่มีไมร่าลินคงไม่มีโอกาสได้มาถึงที่นี่ แต่สุดท้ายลินก็ทำลายมันเพราะความ…..” เธอเลือกที่จะไม่พูดต่อให้จบเพราะคิดว่าคงไม่เหมาะเท่าไหร่ที่จะพูดถึงความสัมพันธ์ที่ทำให้ตัวเองดูไร้ค่า
“อะไรก็ตามที่เธอคิดแล้วมันเป็นการด้อยค่าตัวเอง อยากให้รู้ว่าเมสันมันไม่ได้คิดแบบนั้น” ลูคัสพูดพร้อมสังเกตปฏิกิริยาของอีกฝ่าย
ดวงตาที่ไหววูบยามที่ได้ยินชื่อเพื่อนของเขา ลูคัสแน่ใจว่าหญิงสาวตรงหน้าหนีเพื่อนเขามาแค่กายเท่านั้น
“เขาจะคิดอะไรมันก็ไม่เกี่ยวกับลินหรอกค่ะ เราไม่ได้มีอะไรที่เกี่ยวข้องกันแล้ว”
“แม้ว่าเธอกำลังอุ้มท้องทายาทเดวาลอฟอยู่อย่างนั้นเหรอ” ใจของหญิงสาวหล่นวูบทันทีที่ลูคัสพูดจบ ในที่สุดสิ่งที่เธอกลัวมันก็เกิดขึ้น
“คุณรู้” เธอพูดราวกับคนที่ตกใจหนัก
“ที่นี่คือโรงพยาบาลของครอบครัวฉัน และฉันก็รู้ตั้งแต่ที่เธอมาโรงพยาบาลเมื่อคราวก่อน ทางโรงพยาบาลเรามีกฎเรื่องการรักษาความลับของคนไข้เป็นอย่างดี เพียงแต่ฉันคิดว่าเธอคือคนในครอบครัวของตระกูลเดวาลอฟและเป็นเพื่อนของไมร่า ฉันจึงต้องรู้เผื่อที่ว่าจะได้ช่วยเหลือเธอได้ถูก และขอโทษด้วยหากเธอจะคิดว่าฉันละลาบละล้วงเรื่องส่วนตัว”
“แล้ว…?”
“เมสันยังไม่รู้เรื่องนี้ และเธอก็คงยังไม่รู้ว่าตั้งแต่เธอออกมาจากตระกูลเดวาลอฟ เมสันส่งคนติดตามเธออยู่ห่าง ๆ แล้วให้รายงานความเคลื่อนไหวเธอตลอดเวลา ไม่เช่นนั้นเจเดนคงไม่เป็นคนพาเธอมาโรงพยาบาลในครั้งนี้”
“ลินไม่อยากให้เขารู้” เธอบอกพร้อมส่งสายตาขอร้อง
“เธอคิดจะปิดคนอย่างเมสันได้หรือไงในเมื่อท้องเธอก็ต้องโตทุกวัน”
“แล้วถ้าลินต้องการยุติการตั้งครรภ์ล่ะคะ” เธอนิ่งไปนานกว่าจะเอ่ยคำนี้ออกมาทั้งน้ำตา คำที่ดูเหมือนว่ากำลังมีมีดกรีดที่ใจของตัวเอง
ลูคัสสีหน้าเครียดทันทีที่ได้ยินคำนี้จากเมียเพื่อน เขาคิดว่าเข้าใจความรู้สึกของหญิงสาวดีแต่ไม่คิดว่าเธอจะกล้าคิดแบบนี้
“ฉันหวังว่ามันจะเป็นความคิดชั่ววูบของเธอเท่านั้นนะไพลิน เพราะถ้าหากมันเกิดขึ้นจริง ชีวิตเธอทั้งชีวิตจะไม่มีความสุขและสงบอีกเลยในชาตินี้จากน้ำมือของเมสัน”
ลูคัสเดินออกมาจากห้องพักผู้ป่วยด้วยความรู้สึกหนักใจแทนเมสัน ขนาดว่าเขาไม่ใช่พ่อของลูกในท้องของไพลินยังรู้สึกเคืองที่แม่ของลูกมีความคิดที่ไม่เข้าท่าแบบนั้น ดูแล้วเพื่อนของเขาคงต้องมีเรื่องที่ต้องรีบปรับความเข้าใจกับแม่ของลูกโดยด่วน ทางด้านเมสันหลังจากที่อยู่ให้ปากคำตำรวจในฐานะพยานผู้ส่งมอบหลักฐานสำคัญเสร็จก็รีบเดินทางมาที่โรงพยาบาลทันที ร่างสูงเปิดประตูลงจากรถทั้งที่ดีแลนยังจอดไม่สนิทด้วยซ้ำ “ลินอยู่ไหน” เสียงเรียบแต่แฝงไว้ด้วยความร้อนใจถามทันทีที่เดินเข้ามาในโรงพยาบาลแล้วเจอกับลูคัส เมื่อเห็นท่าทางของเพื่อนแล้วลูคัสก็นึกอยากจะแกล้งขึ้นมาเสียดื้อ ๆ ที่ตอนนี้ทำเหมือนกับห่วงเมียจะเป็นจะตาย ผิดกับก่อนที่จะจัดการเรื่องนางแบบสาวอย่างซาร่า ขนาดรู้ว่าเมียลำบากยังใจเย็นทนดูได้ มาตอนนี้อย่างกับจะคลั่ง “จัดการเรื่องที่โรงแรมเรียบร้อยแล้วเหรอ” นอกจากจะไม่ตอบในสิ่งที่เมสันถามแล้วลูคัสยังตีหน้าเรียบถามเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับสิ่งที่คนถามอยากรู้ “ถ้าไม่เรียบร้อยมึงจะเห็นกูยืนทนโท่อยู่นี่หรือเปล่าล่ะ”น้ำเสียงหงุดหงิดตอบกลับอย่างไม่สบอาร
ร่างหนามีปฏิกิริยาเกร็งตัวอย่างเห็นได้ชัดเมื่อลูคัสบอกในสิ่งที่ไม่คิดว่าจะได้ยิน สายตาคมที่ดูนิ่งก่อนหน้านี้แปรเปลี่ยนเป็นดุดันราวกับมีเปลวไฟลุกโชนอยู่ในนั้น บุหรี่ที่พึ่งถูกหยิบขึ้นมาใหม่ถูกมือหนาบีบบี้จนแหลกคามือลูคัสที่เห็นท่าปฏิกิริยาของเมสันก็รู้ได้ว่าตอนนี้เพื่อนตนกำลังโมโหหนัก“มึงใจเย็น ๆ ก่อน นี่แหละที่กูลากมึงออกมาคุยกันก่อนที่มึงจะไปเจอไพลิน ตอนนี้เมียมึงกำลังอยู่ในสภาวะจิตใจที่ไม่คงที่ มันไม่ใช่เรื่องแปลกที่เธอจะมีความคิดชั่ววูบแบบนั้น”“หึ..ความคิดชั่ววูบอย่างนั้นเหรอ เธอไม่ควรมีความคิดแบบนี้เลยต่างหาก ไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะคิด!!” เมสันตะคอก…เสียงตะคอกดังสาดใส่ลูคัสราวกับว่าลูคัสคือไพลินที่ทำให้เขากำลังโมโหกับความคิดงี่เง่าจนแทบควบคุมอามรมณ์ไม่ได้ลูคัสไม่ได้มีทีท่าว่าจะโกรธแม้แต่น้อยเพราะเข้าใจความรู้สึกของเมสันดี และตอนนี้ก็เข้าใจความรู้สึกของไพลินด้วย“มึงอย่าลืมสิว่าไพลินไม่ได้รู้เรื่องซาร่า ตอนนี้เมียมึงคิดแต่ว่าตัวเองลำบาก ลำพังตัวคนเดียวก็ยังเอาแทบไม่รอด ไปทำงานที่ไหนมึงก็ใช้อิทธิพลมืดของมึงกีดกันเขาหมดเพื่อหวังให้เขาซมซานกลับมาหา แต่อีกด้านก็เป็นคนผลักเขาไปให้ไกลตัว
ไพลินแทบลืมความอ่อนเพลียที่มีเมื่อเมสันเอ่ยว่าจะคุยกับหมอที่ดูแลเธอ “ทำไม..ทำไมฉันถึงจะเจอหมอที่รักษาเธอไม่ได้ หรือเธอมีอะไรปิดบังฉันอยู่” เสียงเรียบถามพร้อมกับหรี่ตามองคนที่นอนบนเตียงคนป่วยด้วยสายตาจับผิด “ปละ…เปล่าค่ะ หนูแค่คิดว่ามันไม่จำเป็น จะเสียเวลาคุณเปล่า ๆ มันไม่ได้สำคัญอะไร” เมสันที่นั่งไขว่ห้างกอดอกมองภรรยาเด็กของตัวเองอยู่ก่อนหน้านี้ย้ายตัวเองขึ้นมานั่งเบียดบนเตียงคนป่วยอย่างช้า ๆ สายตาคมกริบโฟกัสอยู่ที่ใบหน้าหวานที่ซีดเซียวแบบไม่ยอมกระพริบตาแม้แต่น้อย “พูดใหม่ซิ เมื่อกี้เธอพูดว่าอะไรนะ” เสียงทุ้มถามอย่างนุ่มนวลแต่ฟังดูเหมือนบังคับอยู่ในที ทำให้หญิงสาวรู้สึกหวาดหวั่นไม่น้อย ไพลินไม่ได้พูดซ้ำและไม่ยอมมองหน้าชายหนุ่มที่ตอนนี้โน้มเข้ามาใกล้กับใบหน้าเธอจนห่างกันแค่คืบ ความใกล้ทำให้หญิงสาวได้กลิ่นประจำกายของผู้ชายที่เธอโหยหามาตลอด มันเป็นกลิ่นที่ทำเธออ่อนระทวยทุกครั้งที่เขามาใกล้ แต่ว่าตอนนี้มันกลับเป็นกลิ่นที่ทำเธอรู้สึกเหม็นจนอยากจะอ้วกออกมา “คุณขยับตัวออกไปหน่อยได้มั้ยคะ” เธอบอกเขาพร้อมทำหน้าเห
หลังจากที่ไม่เข้าใจกันเมสันก็ไม่มาโรงพยาบาลให้ไพลินเห็นหน้าอีกเลย มีเพียงลูคัส ดีแลน และเจเดนเท่านั้นที่สลับกันมาคอยติดตามอาการของหญิงสาวอยู่ไม่ห่างตามคำสั่งของชายหนุ่ม“เป็นไงบ้างวันนี้” ลูคัสเดินเข้ามาทักทายระหว่างที่ไพลินกำลังเตรียมตัวที่จะออกจากโรงพยาบาล“ดีขึ้นมากแล้วค่ะ” เธอตอบแล้วยิ้มอ่อน“เดี๋ยวเจเดนจะพากลับนะ ช่วงนี้หมอห้ามทำอะไรหนักให้พักผ่อนเยอะ ๆ ก่อน เพราะเธอกำลังตั้งครรภ์อ่อนมันจะกระทบต่อลูกในท้องได้ง่าย” เมื่อพูดถึงลูกแล้วไพลินก็หน้าจ๋อยลงไปอีก ไม่รู้ว่าต่อจากนี้จะทำยังไงดีกับอีกหนึ่งชีวิตที่อยู่ในท้องถึงแม้จะเคยบอกว่าต้องการยุติการตั้งครรภ์แต่เอาเข้าจริงเธอกลับรู้สึกหวงแหนชีวิตน้อย ๆ นี้อย่างบอกไม่ถูก“แต่ลินต้องทำงานนะคะ แล้วแบบนี้….” เธอกังวลถึงความปลอดภัยของลูกน้อย “ก็ไม่ต้องทำ พ่อของลูกมันรวยจะตายทำไมต้องทำ อยู่เฉย ๆ ให้มันเลี้ยงน่ะดีแล้ว” ลูคัสพูดเล่นแต่หมายความตามนั้นจริง ๆไพลินได้แต่ยิ้มเศร้า ๆ ให้กับคำพูดของลูคัส ตั้งแต่วันนั้นที่เขามาหาเธอจนตอนนี้เธอก็ไม่ได้เจอเขาอีกเลย แล้วสิ่งที่ลูคัสพูดมันจะเป็นไปได้ยังไง“เขาไม่สนใจลินหรอกค่ะ อีกอย่างลินกับเขาก็ไม่ได้เกี
ไพลินมองหน้าคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสามีของเธอด้วยหัวใจที่สั่นไหว ไม่ว่าจะยังไงเมสันก็คือคนเดียวที่มีอิทธิพลต่อใจของเธอ“ขอบคุณค่ะ แต่หนู...”“มีอา..ต่อไปนี้ให้ตั้งโต๊ะอาหารเย็นเร็วขึ้นอีกหนึ่งชั่วโมง ไพลินจะต้องทานอาหารตรงเวลาทุกมื้อแล้วสั่งเชฟให้จัดของบำรุงครรภ์ด้วย เริ่มวันนี้” เสียงเข้มหันไปสั่งหัวหน้าแม่บ้านโดยไม่สนใจคำทัดทานที่กำลังออกจากปากของหญิงสาวแม้แต่น้อยมีอารับเสื้อสูทที่เจ้านายถอดยื่นให้พร้อมน้อมรับในคำสั่งใหม่แล้วรีบเดินไปแจ้งให้ในครัวทราบทันทีไพลินทำตัวไม่ถูกถึงแม้จะคุ้นเคยกับที่นี่ดีรวมถึงทุกคนในบ้าน แต่นั่นมันก่อนที่เธอและเมสันจะมีความสัมพันธ์กัน ตอนนี้ทุกคนต่างก็รู้ความสัมพันธ์ที่เปลี่ยนไปของเจ้าของบ้านและเธอที่เป็นผู้อาศัยกันหมดแล้วเธอจึงไมรู้จะทำตัวยังไงดี เมสันเดินตรงมาหาไพลินอย่างช้า ๆ ถึงแม้ว่าเธอจะรู้สึกหวั่นกับท่าทีตึง ๆ ของเขาแต่เท้าของเธอกลับเหมือนถูกตรึงไว้กับที่ไม่ยอมขยับไปไหน ไมร่าเดินถอยห่างออกไปอย่างรู้หน้าที่ และไม่ลืมที่จะส่งสายตาให้กำลังใจไพลินที่ตอนนี้ส่งสายตามาหาเช่นกันเหมือนจะบอกว่าให้อยู่เป็นเพื่อนกันก่อน“ยังมีอาการเวียนหัวอยู่หรือเปล่า” หน้าตา
หลังจากที่เห็นท่าทางเศร้า ๆ ของไพลินวันนั้นเมสันก็รู้สึกไม่สบายใจมาจนถึงวันนี้ แม้ว่าหญิงสาวจะยอมในเหตุผลของเขาแต่ชายหนุ่มรู้ดีว่าลึก ๆ แล้วเมียของเขายังทำใจไม่ได้ที่ต้องหยุดเรียน เพราะมันเป็นสิ่งที่เธอตั้งใจอันดับแรกในการมาอยู่ที่อเมริกา“มึงมีเรื่องอะไรถึงเรียกกูมาด่วน เมียก็กลับบ้านแล้ว คุยกันเข้าใจแล้วไม่ใช่หรือไงจะนั่งทำหน้าเครียดอะไรอีก หุ้นมึงก็ไม่ได้ตกสักตัวนี่หว่า” ลูคัสทิ้งตัวลงนั่งเก้าอี้นวมราคาแพงหน้าโต๊ะทำงานของเมสันด้วยท่าทางเซ็ง ๆ ที่ถูกเรียกให้มาหาด่วนทั้งที่พึ่งจะได้นั่งทำงานที่บริษัทตัวเองอย่างจริงจังไม่กี่วันหลังจากที่วุ่นอยู่กับเรื่องของเมสันและไพลิน“หุ้นกูไม่ได้ตกและบริษัทมึงก็คงไม่เจ๊งหรอกหากเจ้าของจะไม่นั่งหัวโด่อยู่นั่น”“ว่าไม่ได้นะ เกิดเจ๊งมาคนที่ลำบากคือน้องมึงนะถ้ากูไม่มีเงินเลี้ยง” จากที่อารมณ์เซ็งเมื่อครู่ลูคัสก็กลายเป็นพูดเล่นเมื่อเห็นสีหน้าจริงจังของเมสัน“ถ้าบริษัทมึงเจ๊งธุรกิจอสังหาในอเมริกาก็คงล่มสลายแล้วล่ะ” น้ำเสียงหงุดหงิดบอกห้วน ๆลูคัสยักไหล่ยกยิ้มกับคำเปรียบเปรยของคนตรงหน้าก่อนจะเอ่ยถามถึงสาเหตุที่ถูกเรียกให้มาหา“สรุปมึงมีเรื่องอะไร”“กูไม่สบ
“คุณเหนื่อยหรือเปล่าคะวันนี้” ร่างบางเดินออกมาต้อนรับสามีทันทีที่ชายหนุ่มเดินเข้ามาในบ้าน“นิดหน่อย..แต่พอได้เห็นหน้าเธอก็หายเหนื่อยแล้ว”เสียงทุ้มตอบภรรยาเด็กยิ้ม ๆ พร้อมคว้าเอวคอดมาแนบตัวแล้วพาเดินไปนั่งพร้อมกัน“คุณอยากทานอะไรหรือเปล่าคะ เดี๋ยวหนูไปเอามาให้” ไพลินถามอย่างเอาใจ“มีอะไรก็ว่ามา ท่าทางแบบนี้คงมีอะไรสักเรื่องแน่นอน”ชายหนุ่มเอ่ยอย่างรู้ทันเมื่อเห็นท่าทางเอาใจแปลก ๆ ของหญิงสาว ปกติแล้วไพลินจะเป็นคนที่ไม่กล้าแสดงความรู้สึกและแสดงความรักนอกห้องนอนหญิงสาวทำจมูกย่นใส่เมื่อถูกรู้ทัน ตอนนี้เธอเริ่มจะคุ้นเคยกับสามีมากขึ้นจนกล้าที่จะเป็นตัวของตัวเองและกล้าที่จะเผยความรู้สึกที่มีต่อเขา“หนูมีเรื่องอยากจะขอร้องค่ะ”“ตั้งแต่ออกบ้านไปคราวก่อนกลับมาแทนตัวเองแบบห่างเหินอีกแล้วนะ แทนตัวเองกับฉันว่าลินเหมือนเดิมด้วยเข้าใจไหม” ไพลินพยักหน้าให้ในความต้องการนั้น แล้ววกเข้าเรื่องที่ตั้งใจจะพูดกับเขาต่อ“คือหนูอยากจะขอไปเรียนอีกเทอมที่เหลือให้จบได้หรือเปล่าคะ ตอนนี้ท้องยังไม่โตเรียนอีกเทอมก็แค่อีกไม่กี่เดือนเอง” เมื่อพูดจบก็มีเสียงถอนหายใจดังตามมาติด ๆ หญิงสาวพูดเร็วและรัวเพราะกลัวจะถูกคำปฏิ
จีน่าเก็บความไม่พอใจไว้เงียบ ๆ และพยายามหาข้อมูลของนักศึกษานามว่าไพลินซึ่งเป็นผู้หญิงที่ได้หัวใจของผู้ชายคนที่เธอหมายปองไปครอง และเหมือนโชคจะเข้าข้างหล่อนในวันนี้ที่อาจารย์ประจำภาควิชาที่ไพลินเรียนขอลา จีน่าซึ่งเป็นรองอธิการบดีฝ่ายวิชาการจึงต้องเข้ามาดูแลด้านการสอนแทนเป็นกรณีพิเศษ “วันนี้อาจารย์ว่าเรามาคุยกันเกี่ยวกับบุคคลที่ประสบความสำเร็จทางด้านธุรกิจและการเงินบ้างดีกว่า ในอเมริกาของเรามีใครบ้างนักศึกษาลองเอ่ยชื่อมาให้อาจารย์หน่อยสิคะ” จีน่ามองไปรอบ ๆ คลาสก่อนจะไปหยุดอยู่ที่หญิงสาวชาวไทยที่เป็นเป้าหมายของเธอด้วยสายตาบางอย่าง นักศึกษาในคลาสต่างหันหน้าไปหารือและถามกันเรื่องบุคคลที่ประสบความสำเร็จด้านธุรกิจและการเงิน และเหมือนกับว่าคำตอบของนักศึกษาส่วนใหญ่จะเข้าทางจีน่าเพราะชื่อที่ถูกเอ่ยออกมามากที่สุดก็คือชื่อของเมสันนั่นเอง “หนูเคยได้ยินว่าอาจารย์เคยเป็นผู้หญิงคนสนิทของคุณเมสันใช่หรือเปล่าคะ” เสียงนักศึกษาสาวคนหนึ่งดังขึ้นมา จีน่าแอบยิ้มในใจ รู้สึกว่าวันนี้โชคจะเข้าเธอมากเป็นพิเศษ “ใช่..ที่จริงแล้วอาจารย์ก็พึ่งจะ
หลังจากปรับความเข้าใจกันแล้วเมสันก็ตั้งใจจะบินไปประเทศไทยกับภรรยาสาวเพื่อเยี่ยมครอบครัวของเธอ แต่ตารางงานที่ชายหนุ่มมีต้องรออีกเป็นเดือนถึงจะสามารถบินได้ เพราะ เมสันมีกำหนดการประชุมผู้ถือหุ้นใหญ่สามัญประจำปีและมีนัดเจรจาธุรกิจกับกองทัพสหรัฐเกี่ยวกับการผลิตยานพาหนะทางการทหารรูปแบบใหม่ ซึ่งไม่สามารถส่งใครเข้าไปพูดคุยแทนได้เนื่องจากเป็นเรื่องที่มีความสำคัญและมีเพียงชายหนุ่มเท่านั้นที่มีอำนาจในการตัดสินใจ“ขอโทษนะที่ทำให้เธอต้องกลับไปเยี่ยมพี่สาวช้าไปอีกนิด” ชายหนุ่มบอกเมียเด็กของตนเองในค่ำคืนหนึ่ง“ไม่เป็นไรค่ะ งานคุณสำคัญที่สุด..ลินรอได้” เธอบอกพลางแนบแก้มไปกับอกหนา หลังจากวันที่เข้าใจกันไพลินก็ย้ายห้องนอนมาอยู่ห้องของชายหนุ่มอย่างถาวรตามความต้องการของเจ้าของห้อง“อื้อ..อย่าพูดแบบนี้สิ สำหรับฉันไม่มีอะไรสำคัญกว่าเธอกับลูก เพียงแต่งานที่กำลังเคลียร์มันเป็นสิ่งที่กำหนดไว้ก่อนที่จะรู้ว่าจะต้องเดินทางไปประเทศไทยก็เท่านั้น” ชายหนุ่มอธิบายเพราะกลัวหญิงสาวจะคิดมาก“ลินเข้าใจค่ะ คุณให้ลินไปทำงานที่บริษัทเหมือนเดิมด้วยได้มั้ยคะ ลินอยากเก็บเงินส่งไปเป็นค่าตั๋วให้พี่สาวและพี่เขยมาหาลินที่นี่” เธ
หลังจากที่ไพลินแกล้งให้เมสันเข้าใจผิดว่าตนเองจะหอบลูกมาอยู่ประเทศไทยถาวรจนชายหนุ่มโกรธและไม่ยอมคุยด้วยไปหลายวัน มาวันนี้กลับเป็นตัวเธอเองที่ทนไม่ไหวกับท่าทีของสามีที่ดูจะเงียบขรึมและเย็นชาขึ้นทุกวัน“วันนี้ลินขอไปที่บริษัทกับคุณด้วยได้มั้ยคะ” หลังจากที่คิดอยู่นานว่าจะง้อชายหนุ่มยังไงดีในที่สุดเธอก็ตัดสินใจเอ่ยออกมาระหว่างที่กำลังทานอาหารเช้าเมสันช้อนตามองภรรยาแวบเดียวแล้วก้มหน้าทานอาหารเช้าต่อโดยไม่พูดอะไร“จริงด้วย..พี่เมสันพาลินไปที่บริษัทด้วยสิคะลินจะได้ไม่เหงาอยู่ที่บ้านคนเดียว เดี๋ยวจะเครียด” ไมร่าสนับสนุนคำขอของไพลินเพราะรู้ว่าเพื่อนสาวกำลังหาทางง้อพี่ชายของเธอ หลังจากที่ไพลินเดินมาปรึกษาและเล่าสาเหตุที่เมสันโกรธให้ฟัง“ที่บริษัทไม่ได้มีอะไรน่าสนใจหรอก ขนาดที่นี่มีทุกอย่างพร้อมที่จะประเคนให้ยังรั้งใครไว้ไม่ได้” เสียงเรียบเอ่ยออกมาพร้อมทำท่าว่าจะอิ่มแล้วกับอาหารเช้าที่พึ่งทานเข้าไปไมร่าส่งสัญญาณให้ไพลินพูดอะไรสักอย่างก่อนที่พี่ชายของเธอจะลุกออกจากโต๊ะอาหาร“แต่ที่นั่นมีคุณอยู่ด้วย ไม่เหมือนที่นี่ที่หลังจากอาหารเช้าลินก็ต้องอยู่คนเดียวไม่ร่าก็ต้องไปเรียน” เธอรีบบอก..หวังให้คำพูด
ไพลินปล่อยให้เมสันนอนหนุนตักเธอนานเท่าไหร่ไม่รู้จนเธอเองก็เผลอพิงโซฟาหลับไปโดยไม่รู้ตัว ตื่นมาอีกทีก็พบว่าตัวเองอยู่ในท่านอนสบายบนโซฟาแล้วมีผ้าห่มคลุมตัวเรียบร้อย แต่กลับไร้เงาสามี หญิงสาวรีบลุกขึ้นแล้วเดินออกจากห้องทำงานของชายหนุ่มเพื่อตามหา “คุณตื่นแล้วเหรอคะ” มีอาที่กำลังเดินถือถาดอาหารกำลังจะไปยังชั้นบนของบ้านทักหญิงสาว “ค่ะ พอดีลินเผลอหลับไปเมื่อไหร่ไม่รู้ แล้วคุณเมสันอยู่ไหนคะ” เธอถามาสามี “นายท่านอยู่บนห้องค่ะ หมอมาตรวจอาการพึ่งกลับไปเมื่อครู่” “แล้ว….” เธอกำลังจะถามถึงถาดอาหารที่มีอากำลังถืออยู่ “อาหารบำรุงของนายท่านที่หมอสั่งค่ะ ฉันกำลังจะเอาขึ้นไปให้” มีอาบอก “เดี๋ยวลินยกไปให้ดีกว่าค่ะ ถ้าอยากได้อะไรเพิ่มเดี๋ยวลินจะมาบอกมีอานะ” “ไม่เป็นไร คุณกำลังท้องอยู่เดี๋ยวนายท่านรู้จะดุเอาที่ปล่อยให้คุณทำอะไรแบบนี้” มีอาทำท่าว่าไม่ยอม “มีอา..ลินท้องนะคะไม่ได้ป่วย อีกอย่างถ้าหากนายท่านของมีอาดุเดี๋ยวลินจะเป็นคนจัดการเอง” เธอพูดยิ้ม ๆ ให้อีกฝ่ายคลายกังวลแล้วยื่นมือไปรอรั
เมสันและไพลินได้รับอนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลมารักษาตัวที่บ้านหลังจากรักษาตัวในโรงพยาบาลเกือบสิบวัน โดยระหว่างที่กลับมาพักฟื้นที่บ้านก็จะมีหมอมาคอยตรวจอาการทุกวัน ๆ ละ 2 ครั้งตามความประสงค์ของทนายประจำตระกูล เดวาลอฟที่เปรียบเสมือนญาติผู้ใหญ่ที่เมสันมี“ไม่ต้องแสดงความอึดด้วยการหากิจกรรมทำยามค่ำคืนนะมึง เดี๋ยวได้เข้าโรงพยาบาลอีกรอบ” เมื่ออยู่กันตามลำพังสองหนุ่ม ลูคัสจึงพูดหยอกเมสัน“มึงจะให้กูทำอะไร ตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาลมาที่บ้านได้สองวันแล้วกูแทบไม่เห็นหน้าเมีย คอยแต่จะหลบหน้าอยู่นั่นแหละไม่รู้ไม่พอใจอะไรอีก รอให้กูเข้าที่อีกหน่อยเถอะ” เมสันบ่นอย่างหงุดหงิด“แล้วมึงไปทำอะไรให้เมียเด็กของมึงงอนอีกละ”“ออกจากโรงพยาบาลมาก็อยู่แต่บ้านกูยังไม่ได้ออกไปไหน แล้วกูจะรู้หรือเปล่าล่ะว่ากูทำอะไรผิด กูก็อยู่เฉย ๆ นั่ง ๆ นอน ๆ ทั้งวัน ตอนอยู่โรงพยาบาลก็ไม่เห็นเป็นแบบนี้ ตอนนี้กูชักอยากจะกลับไปนอนโรงพยาบาลด้วยกันใหม่อีกรอบ” ลูคัสแทบกลั้นหัวเราะไม่ไหวกับอาการงอนเมียของอีกฝ่าย“เอาน่าใจเย็น ตอนนี้มึงก็ดีขึ้นมากแล้วเดี๋ยวเดินเหินได้สะดวกกว่านี้ค่อยว่ากัน คนท้องอาจจะมีอารมณ์แปรปรวนบ้างมึงต้องเข้าใ
เจเดนที่วิ่งตามคนเป็นนายมาติด ๆ และเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดตะโกนลั่นเมื่อเห็นว่าเมสันวิ่งไปคว้าตัวไพลินให้พ้นจากรถที่วิ่งมา แต่ตัวเจ้านายของเขาถูกรถกระแทกทางด้านข้างแล้วพากันล้มกลิ้งไปบนฟุตบาทอยู่หลายตลบเจเดนเรียกสติกลับมาอย่างรวดเร็วและจัดการเรียกหน่วยฉุกเฉินทันทีแล้วโทรหาดีแลนกับลูคัสเพื่อแจ้งเกี่ยวกับเหตุที่เกิดขึ้นเมสันและไพลินถูกส่งตัวมายังโรงพยาบาลหลังเกิดเหตุไม่ถึงครึ่งชั่วโมงจากการช่วยเหลือและการประสานงานอย่างรวดเร็วทั้งจากลูคัสและและเครือข่ายของเมสันเองที่มีอยู่ทั่วทุกวงการไพลินมีอาการจุกที่ท้องน้อยและมีเลือดซึมออกทางช่องคลอด ส่วนเมสันนั้นก็มีอาการที่ค่อนข้างหนักเช่นกันเพราะนอกจากหัวแตกแล้วยังมีกระดูกซี่โครงหักทิ่มปอดจากการถูกรถเฉี่ยวแล้วล้มลงกระแทกพื้นและกลิ้งไปตามทางอย่างแรงหลายตลบเพราะเอาตัวเองเป็นกำบังโดยการกอดไพลินไว้แน่นเพื่อให้หญิงสาวกระทบกระเทือนน้อยที่สุด “คุณผู้หญิงมีอาการแท้งคุกคามแต่ดีที่ตอนนี้เลือดหยุดไหลแล้ว เบื้องต้นเด็กในท้องยังอยู่แต่คงต้องให้คุณแม่นอนนิ่ง ๆ ห้ามเคลื่อนไหวร่างกายโดยไม่จำเป็นที่โรงพยาบาลสักพักเพื่อให้ยากันแท้งและเพื่อให้แน่ใจว่าปลอด
จีน่าเก็บความไม่พอใจไว้เงียบ ๆ และพยายามหาข้อมูลของนักศึกษานามว่าไพลินซึ่งเป็นผู้หญิงที่ได้หัวใจของผู้ชายคนที่เธอหมายปองไปครอง และเหมือนโชคจะเข้าข้างหล่อนในวันนี้ที่อาจารย์ประจำภาควิชาที่ไพลินเรียนขอลา จีน่าซึ่งเป็นรองอธิการบดีฝ่ายวิชาการจึงต้องเข้ามาดูแลด้านการสอนแทนเป็นกรณีพิเศษ “วันนี้อาจารย์ว่าเรามาคุยกันเกี่ยวกับบุคคลที่ประสบความสำเร็จทางด้านธุรกิจและการเงินบ้างดีกว่า ในอเมริกาของเรามีใครบ้างนักศึกษาลองเอ่ยชื่อมาให้อาจารย์หน่อยสิคะ” จีน่ามองไปรอบ ๆ คลาสก่อนจะไปหยุดอยู่ที่หญิงสาวชาวไทยที่เป็นเป้าหมายของเธอด้วยสายตาบางอย่าง นักศึกษาในคลาสต่างหันหน้าไปหารือและถามกันเรื่องบุคคลที่ประสบความสำเร็จด้านธุรกิจและการเงิน และเหมือนกับว่าคำตอบของนักศึกษาส่วนใหญ่จะเข้าทางจีน่าเพราะชื่อที่ถูกเอ่ยออกมามากที่สุดก็คือชื่อของเมสันนั่นเอง “หนูเคยได้ยินว่าอาจารย์เคยเป็นผู้หญิงคนสนิทของคุณเมสันใช่หรือเปล่าคะ” เสียงนักศึกษาสาวคนหนึ่งดังขึ้นมา จีน่าแอบยิ้มในใจ รู้สึกว่าวันนี้โชคจะเข้าเธอมากเป็นพิเศษ “ใช่..ที่จริงแล้วอาจารย์ก็พึ่งจะ
“คุณเหนื่อยหรือเปล่าคะวันนี้” ร่างบางเดินออกมาต้อนรับสามีทันทีที่ชายหนุ่มเดินเข้ามาในบ้าน“นิดหน่อย..แต่พอได้เห็นหน้าเธอก็หายเหนื่อยแล้ว”เสียงทุ้มตอบภรรยาเด็กยิ้ม ๆ พร้อมคว้าเอวคอดมาแนบตัวแล้วพาเดินไปนั่งพร้อมกัน“คุณอยากทานอะไรหรือเปล่าคะ เดี๋ยวหนูไปเอามาให้” ไพลินถามอย่างเอาใจ“มีอะไรก็ว่ามา ท่าทางแบบนี้คงมีอะไรสักเรื่องแน่นอน”ชายหนุ่มเอ่ยอย่างรู้ทันเมื่อเห็นท่าทางเอาใจแปลก ๆ ของหญิงสาว ปกติแล้วไพลินจะเป็นคนที่ไม่กล้าแสดงความรู้สึกและแสดงความรักนอกห้องนอนหญิงสาวทำจมูกย่นใส่เมื่อถูกรู้ทัน ตอนนี้เธอเริ่มจะคุ้นเคยกับสามีมากขึ้นจนกล้าที่จะเป็นตัวของตัวเองและกล้าที่จะเผยความรู้สึกที่มีต่อเขา“หนูมีเรื่องอยากจะขอร้องค่ะ”“ตั้งแต่ออกบ้านไปคราวก่อนกลับมาแทนตัวเองแบบห่างเหินอีกแล้วนะ แทนตัวเองกับฉันว่าลินเหมือนเดิมด้วยเข้าใจไหม” ไพลินพยักหน้าให้ในความต้องการนั้น แล้ววกเข้าเรื่องที่ตั้งใจจะพูดกับเขาต่อ“คือหนูอยากจะขอไปเรียนอีกเทอมที่เหลือให้จบได้หรือเปล่าคะ ตอนนี้ท้องยังไม่โตเรียนอีกเทอมก็แค่อีกไม่กี่เดือนเอง” เมื่อพูดจบก็มีเสียงถอนหายใจดังตามมาติด ๆ หญิงสาวพูดเร็วและรัวเพราะกลัวจะถูกคำปฏิ
หลังจากที่เห็นท่าทางเศร้า ๆ ของไพลินวันนั้นเมสันก็รู้สึกไม่สบายใจมาจนถึงวันนี้ แม้ว่าหญิงสาวจะยอมในเหตุผลของเขาแต่ชายหนุ่มรู้ดีว่าลึก ๆ แล้วเมียของเขายังทำใจไม่ได้ที่ต้องหยุดเรียน เพราะมันเป็นสิ่งที่เธอตั้งใจอันดับแรกในการมาอยู่ที่อเมริกา“มึงมีเรื่องอะไรถึงเรียกกูมาด่วน เมียก็กลับบ้านแล้ว คุยกันเข้าใจแล้วไม่ใช่หรือไงจะนั่งทำหน้าเครียดอะไรอีก หุ้นมึงก็ไม่ได้ตกสักตัวนี่หว่า” ลูคัสทิ้งตัวลงนั่งเก้าอี้นวมราคาแพงหน้าโต๊ะทำงานของเมสันด้วยท่าทางเซ็ง ๆ ที่ถูกเรียกให้มาหาด่วนทั้งที่พึ่งจะได้นั่งทำงานที่บริษัทตัวเองอย่างจริงจังไม่กี่วันหลังจากที่วุ่นอยู่กับเรื่องของเมสันและไพลิน“หุ้นกูไม่ได้ตกและบริษัทมึงก็คงไม่เจ๊งหรอกหากเจ้าของจะไม่นั่งหัวโด่อยู่นั่น”“ว่าไม่ได้นะ เกิดเจ๊งมาคนที่ลำบากคือน้องมึงนะถ้ากูไม่มีเงินเลี้ยง” จากที่อารมณ์เซ็งเมื่อครู่ลูคัสก็กลายเป็นพูดเล่นเมื่อเห็นสีหน้าจริงจังของเมสัน“ถ้าบริษัทมึงเจ๊งธุรกิจอสังหาในอเมริกาก็คงล่มสลายแล้วล่ะ” น้ำเสียงหงุดหงิดบอกห้วน ๆลูคัสยักไหล่ยกยิ้มกับคำเปรียบเปรยของคนตรงหน้าก่อนจะเอ่ยถามถึงสาเหตุที่ถูกเรียกให้มาหา“สรุปมึงมีเรื่องอะไร”“กูไม่สบ
ไพลินมองหน้าคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสามีของเธอด้วยหัวใจที่สั่นไหว ไม่ว่าจะยังไงเมสันก็คือคนเดียวที่มีอิทธิพลต่อใจของเธอ“ขอบคุณค่ะ แต่หนู...”“มีอา..ต่อไปนี้ให้ตั้งโต๊ะอาหารเย็นเร็วขึ้นอีกหนึ่งชั่วโมง ไพลินจะต้องทานอาหารตรงเวลาทุกมื้อแล้วสั่งเชฟให้จัดของบำรุงครรภ์ด้วย เริ่มวันนี้” เสียงเข้มหันไปสั่งหัวหน้าแม่บ้านโดยไม่สนใจคำทัดทานที่กำลังออกจากปากของหญิงสาวแม้แต่น้อยมีอารับเสื้อสูทที่เจ้านายถอดยื่นให้พร้อมน้อมรับในคำสั่งใหม่แล้วรีบเดินไปแจ้งให้ในครัวทราบทันทีไพลินทำตัวไม่ถูกถึงแม้จะคุ้นเคยกับที่นี่ดีรวมถึงทุกคนในบ้าน แต่นั่นมันก่อนที่เธอและเมสันจะมีความสัมพันธ์กัน ตอนนี้ทุกคนต่างก็รู้ความสัมพันธ์ที่เปลี่ยนไปของเจ้าของบ้านและเธอที่เป็นผู้อาศัยกันหมดแล้วเธอจึงไมรู้จะทำตัวยังไงดี เมสันเดินตรงมาหาไพลินอย่างช้า ๆ ถึงแม้ว่าเธอจะรู้สึกหวั่นกับท่าทีตึง ๆ ของเขาแต่เท้าของเธอกลับเหมือนถูกตรึงไว้กับที่ไม่ยอมขยับไปไหน ไมร่าเดินถอยห่างออกไปอย่างรู้หน้าที่ และไม่ลืมที่จะส่งสายตาให้กำลังใจไพลินที่ตอนนี้ส่งสายตามาหาเช่นกันเหมือนจะบอกว่าให้อยู่เป็นเพื่อนกันก่อน“ยังมีอาการเวียนหัวอยู่หรือเปล่า” หน้าตา