บทที่2
เมื่อร่างสตรีผู้เป็นเจ้าของงานในวันนี้เดินเข้ามา บุรษหนุ่มรูปงานรีบสาวเท้ายาวเข้ามาประชิดตัวนางทันที อาหารมื้อเย็นเมื่อคืนเขาไม่มีโอกาสได้คุยกับนางเลย พอรับประทานอาหารเสร็จผู้ใหญ่ต่างพากันแยกย้ายกลับเรือนเพื่อผักผ่อนเนื่องจากเพิ่งเดินทางมาไกล “อิงอิง” กู้เฉิงกงโปรยยิ้มเมื่อเดินมาหยุดยังเบื้องหน้าของสตรีที่เขาปรารถนา ไม่สนใจสายตาใคร่รู้ของผู้ใด เขาไม่อาจบิดบังความรู้สึกที่มีต่อนางได้อีกต่อไปแล้ว หากนานกว่านี้ทุกอย่างอาจสายจนเกินแก้ไข ฝ่ามือหนาผายออกไปเบื้องหน้าหมายให้นางวางมือบางวางลงทาบทับ ก่อนจะพาเจ้าของงานเดินเข้าไปหากลุ่มของบิดามารดาของนาง “ท่านพี่เฉิงกง” เผยอิงส่งยิ้มหวานตอบ บุรุษรูปโฉมงดงามผู้นี้งเป็นเพียงบุรุษเดียวที่นางเอ่ยเรียกด้วยท่าทีสนิทสมมกว่าผู้ใด ก็นะในบรรดาบุรุษทั้งหมดมีเพียงกู้เฉิงกงที่บิดาของนางไว้ใจให้เข้าใกล้นางมากที่สุดแล้ว “เผยฮูหยิน ท่านช่างโชดดีเหลือเกินที่บุตรสาวของท่านงดงามราวดอกกุหลาบงาม อีกทั้งยังเรียบร้อยสมกับเป็นกุลสตรีชั้นสูง ผิดกับสื่อเหนียงของข้า อายุอ่อนกว่าเผยออิงเพียงไม่กี่ปีเท่านั้นแต่ก็ยังมิรู้ความกระโดกกระเดกเหลือทนข้าล่ะเหนือยใจ” ประโยคราวกับติติงบุตรสาวแต่น้ำเสียงของกู้ฮูหยินกลับพออกพอใจและภูมิใจในตับุตรสาวของตนไม่น้อย “แล้วเหตูใดนางถึงไม่มีร่วมงานในวันนี้ด้วย” เผยฮหยินฝืนยิ้ม แรกเริ่มเหมือนกู้ฮูหยินเหมือนจะเอ่ยชมบุตรสาวของนางแต่ตอนท้ายกลับเอ่ยถึงบุตรสาวของตนเองเสียอย่างนั้น เหมือนต้องการให้ถามถึงกลายๆ นางจึงต้องต่อประโยคที่สตรีอีกคนต้องการ แม้จะหนีความวุ่นวายจากเมืองหลวงมาปักหลักไกลถึงเมืองชิงหลง แต่ก็ยังทิ้งสังคมของเหล่าฮูหยินไปไม่ได้ ยิ่งวันนี้เป็นงานวันเกิดของเผยอิงด้วย นางจะไม่ได้ให้ผู้ใดมองเผยอิงอย่างที่นางเคยโดนจากเหล่าสตรีชนชั้นสูงที่เมืองหลวงเด็ดขาด นางต้องทำตัวเป้นแม่งานที่ดี เผยฮูหยินท่องในใจต้องทนใส่หน้ากากสนทนากับสตีผู้นี้จนกว่างานจะจบให้ได้ “นางไม่อยากออกจากเมืองหลวงหรอก แม้เมืองชิงหลงจะเจริญขึ้นมากเท่าใด แต่ก็หาเทียบได้กับเมืองหลวงฉางอัน สือเหนียงของข้าเอาแต่เที่ยวเล่นไปวัน ๆ แต่งองค์ทรงเครื่องราวกับสตรีสูงศักดิ์ในรั้ววัง แถมใช้เงินยิ่งกว่าเศษกระดาษข้าละเหนื่อยที่จะปราม ข้าบอกนางว่าสตรีแย่งนี้บุรุษดีๆ ที่ใดจะอยากแต่งด้วย” กู้ฮูหยินแม้จะบ่นว่าบุตรสาวใช้เงินสิ้นเปลือง แต่นางกลับเชิดดวงหน้าขึ้นสูง ทั้งตัวประโคมเครื่องประดับจนแทบจะโดดเด่นกว่าเจ้าของวันเกิดอย่างเผยอิง หากไม่มีผุ้ใดล่วงรู้ว่าวันนี้เป็นวันเกิดของท่านเผยเหิงและวละก็ ต้องคิดว่าวันนี้คือวันเกิดของสตรีสูงวัยคนนี้เป็นแน่ “แล้วนางว่าอย่างไร” เผยเหิงถามอย่างเอาใจ แม้นจะขำขันที เขาเคยเจอเด็กน้อยคนนั้นหนสองหนยามต้องไปทำธุระที่ฉางอัน “นางก็หัวเราะจนตัวงอ บอกว่านางมีบุรุษที่จะแต่งด้วยแน่นอน แค่รอเวลายามนั้นข้าจะต้องอ้างปากค้างเมื่อรู้ว่าบุรุษผู้นั้นเป็นใคร” พูดจบกู้ฮูหยินก็ส่ายหัว หนนี้นางทำสีหน้าจริงจังมิได้หมายจะโอ้อดบุตรสาว เผยอิงส่งยิ้มหวานยืนฟังบทสนทนาเงียบๆ แม้จะตำหนิบุตสาวอยู่หลายประโยค แต่นางรู้ดีกว่ากู้ฮูหยินภาคภูมิใจในบุตรสาวของตนและคาดหวังในตัวสื่อเหนียงไม่น้อย เผยเหิงเดินเข้ามโอบไหล่บาง “แต่ก้จริงอย่างที่กู้ฮูหยินกล่าวมา เผยอิงเิบดตขึ้นมาได้อย่างงดงามและเพียบพร้อม นางคือความภาคภูมิใจของข้า หยกงามล้ำค่าที่ประเมินราคามิได้” เผยอิงก้มหน้าแดง แม้จะดีใจที่นางคือความภุมิใจของบิดา แต่ภายในใจก็แอบหวั่นเกรงว่ากู็ฮูหยินจะอาคำฑดของบิดานางไปนินทาและหัวเราะลับหลัง “ท่านเผยคงประเมิณค่าของเผยอิงไว้สูงเสยดฟ้าสิท่า” นั่นไง เสียงเยียดหยันและแววตาดุหมิ่นอย่างเปิดเผย ไม่คิดว่าสตรีสุงวัยผู้นี้จะกล้าทำต่อหน้าบิดาของนาง “แน่นอน!” ชายชราตอบเสียงห้วน เผยอิงสะดุ้ง ภายในใจเต้นเร่าเกรงบิดาจะปะทะคารมกับกู้ฮูหยิน เป็นกู้เแิงกงที่เอ่ยแทรกเพราะไม่อยากอยู่ท่ามกลางความตรึงเครียด เขามีเรื่องต้องกังวลพอแล้ว “ข้าว่า… เด็กๆ อย่างเราสองคนไปคุยกันตรงนู้นดีกว่า ปล่อยให้ผู้ใหญ่คุยกับเถิด” ฝ่ามือหนาดันแผ่นหลังเผยอิงให้เดินออกจากวงสนทนา ไม่สนใจอาการขัดขืนของเผยอิง “ไปเถิดน่า ปล่อยให้ผู้ใหญ่คุยกันไปเถิด อยู่ไปก็ต้องยืนฟังคำอวดบุตรสาวของตนเอง ใส่ดีกว่า งดงามกว่า” เผยอิงพยักหน้ารับแต่สายตายังมองกลับมาที่กลุ่มของบิดาไม่วางตา เกรงบิดาจะอารมณ์ข่นมัว นางไม่อยากเป็นตนเหตที่ทำให้ท่านมีปากเสยงกับผู้ใด “ว่าอย่างไร สบายดีหรือไม่ เมือวานมิได้คุยกันเลย” กู้เฉิงกงเอ่ยเสียงเรียบ รอยยิ้มพิมพ์ใจปากฎที่มุมริมฝีปากหยัก “สบายดีตามอัตภาพเจ้าค่ะ แล้วท่านพี่เฉินกงเป็นอย่างไรบ้าง มีอะไรสนุกๆ มาเล่าห้ข้าฟังหรือไม่คราวนี้” หน่มสาวพยักยิ้มให้แก่กันอย่างรื่นเริง บ่อยให้ผู้ใหญ่ตกลงกันเองคงจะดีที่สุด “ข้าได้หนังสือที่เจ้าอยากได้มาด้วย แต่ไม่ได้หยิบติดมือมา เอาไว้พรุ่งนี้ก่อนออกเดินทางจะเอาให้ก็แล้วกัน” “จริงหรือเจ้าค่ะ” เผยอิงยิ้มจเต็มดวงหน้า หนังสือกลอนของปราชผู้หนึ่ง หาเล่มคัดลอกที่เมืองชิงหลงไม่ได้เสียด้วย เอ้นหลันบอกว่ามีขายแค่ในเมืองหลวงเท่านั้น “แน่สิ แค่เจ้าเปรยว่าอยากได้ข้าก็ไปดันด้นหามาให้” “ขอบคุณเจ้าค่ะ ท่านใจดีกับข้าเสมอ” “ไม่มีใครดีกับเจ้าเท่าข้าแล้ว ต่อให้เป็นเฉินเฟยอวี่ก็ไม่รู้ใจข้าเท่าเจ้า” เผยอิงเอียงศีรษะ “ผู้ใดคือเฉินเฟยอวี่เจ้าคะ” “เอ๊ะ เจ้าไม่ร้หรือว่าเฉินเฟยอวี่คือผู้ใด” น้ำเสียงกู้เฉินกงแปลกใจในที “ข้าก็เพิ่งเคยได้ยินชื่อจากท่านนี่ล่ะ” เผยอิงนางตอบตามตรงอย่างไม่ปิดบัง “บุตรชายบุญธรรมของบิดาเจ้า เจ้าไม่รู้จักได้เช่นไร”บทที่18/2"นั่น" เผยอิงตาเบิกกว้างเมื่อถูกอุ้มเข้ามายังเรือนหนังสือ นางไม่เคยเข้ามาที่แห่งนี้สักครั้ง เพราะมีเวรยามคอยคุ้มกันตลอด เรือนแห่งนี้เป็นสถานที่ต้องห้ามของทุกคนในจวนสกุลเฉินเฉินเฟยอวี่สาวเท้าเข้าไปภายใน วางร่างภรรยาของตนลงบนตั่งเขียนหนังสือ"ตกใจอะไรเสี่ยวอิง" เขาถามภรรยาเสียงกลั้วหัวเราะ"กะ ก็ นั่น มัน" ใช่ภาพที่ลู่หลันบอกว่าเป็นภาพของสตรีที่อยู่ในใจของเฉินเฟยอวี่ เด็กน้อยเกล้าจุกสองข้างแก้มแดงนัยน์ตากลมโตในภาพวาดนั่น มันเป็นข้าเองไม่ใช่หรือ แล้วยังภาพอื่น ๆ ที่เรียงรายอยู่จนเต็มผนังทุกด้าน ล้วนเป็นภาพของนางทั้งสิ้น"ภาพวาดของเจ้า" เขาต่อประโยคให้"มะ หมายความว่าอย่างไร ข้า.. งงไปหมดแล้ว"เฉินเฟยอวี่ปลดภาพวาดภาพหนึ่งลงจากผนังนำมันมาวางบนตั่งเขียนหนังสือที่ภรรยาของเขานั่งอยู่ "ข้าขอให้ท่านพ่อบุญธรรมให้คนวาดมาให้ ทุกครั้งที่ท่านมาเมืองหลวงจะต้องมีภาพเจ้ามาฝากข้าหนึ่งภาพ""ทำไม""ทำไมข้าถึงแขวนมันไว้เช่นนี้น่ะหรือ ท่านพ่อบุญธรรมเอามาอวดข้าว่าบุตรสาวของเขาเติบโตขึ้นอย่างงดงามมากเพียงไรในแต่ละปี และข้าก็รับมันไว้ด้วยความเต็มใจ""ข้านึกว่าท่านเกลียดเข้า""ข้าไม่เคยเกลียดเจ้า สัก
บทที่18/1 จบบริบูรณ์เผยอิงมองสามีของนางที่ก้ม ๆ เงยหน้าขึ้นลงอย่างเก้ ๆ กัง ๆ จุ่มผ้าผืนเล็กลงในอ่างน้ำเย็น บิดผ้าจนผ้าเกือบแห้งสนิทแล้วนำมาเช็ดตามผิวกายของนางหลังจากกลับมาจากลานพิธีล่าสัตว์เฉินเฟยอวี่เขาก็ไม่เคยอยู่ห่างนางเลย คอยดูแลนางเช็ดเนื้อตัวที่ไหม้แดดอย่างไม่รังเกียจ จนตอนนี้ลู่หลันแทบไม่เคยเข้ามาในเรือนกุ้ยฮวานางเพิ่งรู้ว่าเขาเองก็บาดเจ็บที่หัวไหล่ จากคมดาบในการปราบกบฏที่พิธีล่าสัตว์ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังลงไปอุ้มนางขึ้นมาจากหน้าผานั่น"เฟยอวี่""ท่านพี่ เมื่อใดเจ้าจะเรียกข้าท่านพี่" เขาหันมาถามเสียงนุ่ม ตลอดสามวันที่นั่งเฝ้าข้างเตียงนาง เขารับรู้ได้ว่าสายตาที่นางมองเขาแปรเปลี่ยนไป แต่นางก็ยังคงสงวนท่าทีที่มีต่อเขาเอาไว้"ท่าน.. พี่" ใบหน้าขาวนวลขึ้นสี นางเขินอายไม่น้อยที่ต้องเรียกขานเขาเช่นนี้"ว่าอย่างไรฮูหยินรัก เจ้าต้องการสิ่งใด" เขาก้มลงมาถามเสียงนุ่มบีนเตียงขึ้นไปนอนเคียงข้างหน้าตาเฉย"แล้วท่านจะขึ้นมานอนทำไม" นางหันไปเอ็ด พวงแก้มนวลสุกปลั่ง"ข้าก็บาดเจ็บเจ้าลืมไปแล้วหรือ" เขารั้งเอวบางมากอดไว้หลวม ๆ เพราะเกรงจะกระทบขาของนางที่ด้ามไม้เอาไว้"ข้าอยากออกไปข้างนอก ได้ห
บทที่17/2เผยอิงลืมตาขึ้นในความมืด ตอนที่อยู่ที่หน้าผานั่นนางไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดทางร่างกายแม้แต่น้อย แต่ตอนนี้เพียงกระดิกนิ้วก็รวดร้าวไปทั้งกาย"เอ๊ะ" เสียงหวานอุทานในความมืด ไม่ใช่แค่ขาที่หัก แก้วหูที่ฉีก แต่ร่างบางฟกช้ำไปทั้งตัว"รู้สึกอย่างไรบ้าง" เสียงทุ้มถามในความมืด เอื้อมมือหนาไปจุดตะเกียง เฉินเฟยอวี่นั่งเฝ้าภรรยาของตนตั้งแต่หมอหลวงทำแผลเสร็จเรียบร้อยแล้วกลับออกไป เขาไม่ได้จุดตะเกียงให้แสงสว่างภายในกระโจมนี้เพราะเกรงว่าจะรบกวนการพักผ่อนของนาง"อย่าเพิ่งลุกขึ้น" มือหนาจับหัวไหล่บางให้นอนลงที่เดิน เมื่อเห็นนางพยายามยกกายตนเองขึ้นจากเตียง "ยังเจ็บอยู่ไหม"เผยอิงพยักหน้าน้อย ๆ แต่เมื่อเห็นเขารินน้ำใส่จอกป้อนให้โดยโอบศีรษะของนางให้เผยอยกขึ้นเล็กน้อย นางจิบน้ำนั่นแต่โดยดี นางมองตามมือที่จับจอกนั้นเลื่อนไปจนถึงใบหน้าคมเข้ม แววตาที่เขามองนางช่างห่วงหาอาทร"น้ำอะไรเจ้าคะ" นางถามเสียงแหบพร่า"น้ำอ้อยผสมยาสงบใจ" เขาตอบเสียงนุ่มเหตุใดเขาถึงตอบนางเสียงนุ่มนวลเช่นนั้น เพราะนางบาดเจ็บสาหัสเจียนตายหรือเปล่าเขาถึงได้ดีกับนางเพียงนี้"เฉินเฟยอวี่"เขารีบวางจอกน้ำแล้วหันมาถามทันที"เป็นอะไร
บทที่17/1กู้เฉิงกง เดินวนไปเวียนมาอยู่พักใหญ่ สุดท้ายเขาก็เลือกที่จะเดินจากไป"พี่เฉิง.. กง" เผยอิงปรือตาขึ้นมองอีกครั้งก็ไร้ร่างของบุรุษที่นางเคยเชื่อใจ ในป่าลึกเช่นนี้ความหวังที่จะมีคนผ่านมาแทบจะริบหรี่ มือบางลูบคลำข้อเท้าเล็ก ๆ ของตนที่บูดบวม สภาพนางในตอนนี้ไม่คงไม่อาจบีนผานั่นขึ้นไปเองได้ และกู้เฉิงกงก็คงไม่บีนลงมาช่วยนางหรอก หากลงมาก็คงไม่ต่างอะไรกับการเอาชีวิตของตนลงมาทิ้ง เผยอิงไม่ได้ขุ่นเคืองใจแม้แต่น้อยที่เขาละทิ้งนางเอาไว้เช่นนี้ ชีวิตของเขาที่ท่องไปทั่วแคว้นพบปะผู้คนมากมายแลกเปลี่ยนซื้อขายสินค้าที่นำไปใส่รถม้าไป นางเคยนึกอิจฉาชีวิตอิสระของกู้เฉิงกง รอคอยวันที่เขาจะมาเยือนสกุลเผย เพื่อจะได้ฟังว่าครานี้เขาไปที่ใดมาบ้าง เมื่อตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้จึงไม่ผิดที่เขาจะเลือก ทิ้งภาระอย่างนางเสยในทันใดนั้นเองสายตาของเผยอิงก็เริ่มเลือนราง ร่างกายร้อนผ่าวราวกับกำลังจับไข้ ตอนนี้เสียงหวีดหวิวภายในหูเงียบไปแล้ว นางไม่ได้ยินเสียงใด ๆ นอกจากเสียงลมที่พัดขึ้นมาจากหุบเหวด้านล่างชีวิตคนก็เป็นเช่นนี้ในขณะที่กำลังจมดิ่ง เจ้าอาจต้องชนหลายสิ่งกว่าจะถึงก้นเหวใครว่าถ้ากระโดดลงหุบเหวแล้วจะสิ้น
บทที่16/2"เดินไว ๆ หน่อย" กู้เฉิงกงฉุดกระชากแขนบางจนเป็นรอยแดง"ข้าเดินไม่ไหวแล้ว เรากำลังจะไปไหนกัน" เผยอิงถามอย่างกลัดกลุ้ม นางเดินมาทั้งคืนแล้ว"เข้าไปในป่าลึกอีกนิด ไม่ต้องห่วงอิงอิง เดินไปอีกไม่ไกล พ้นป่านี้ไปก็ถึงหมู่บ้านแล้ว" เขาตอบอย่างเอาใจเผยอิงพยักหน้ารับ ช่วงกลางดึกนางได้ยินเสียงคนต่อสู้กัน เมื่อตะโกนถามลู่หลันก็ไร้เสียงตอบกลับ นางกำลังจะลุกขึ้นไปดู กลับต้องตกใจจนหวีดร้องออกมาเมื่อถูกตะครุบจับตัวจากด้านหลัง กลุ่มชายในชุดดำจับตัวนางและพาตัวออกมาจากกระโจม นางพยายามต่อสู้ขัดขืนสุดกำลัง แต่สุดท้ายก็ถูกจับมัดมือมัดเท้า โชคดีที่กู้เฉิงกงมาช่วยนางเอาไว้และพานางวิ่งหนีเข้าป่ามานางและกู้เฉิงกงเดินเท้ามาทั้งคืน แต่ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะหลุดพ้นจากป่า ถึงกระนั้นก็ไม่อาจหยุดฝีเท้าลงได้เพราะเกรงว่าชายชุดดำกลุ่มนั้นจะตามมาทัน"พี่เฉิงกง ไม่ใช่ว่าเราเข้ามาลึกเกินไปหรือเจ้าคะ""ข้าว่า ข้าหลงทาง" กู้เฉิงกงตอบเสียงห้วนก็สารภาพตามจริง ใบหน้าที่เคยยิ้มแย้มอารมณ์ดีอยู่ตลอดบึ้งตึง เขารู้จากบิดาว่าคืนนี้อ๋องอวั๋นซีจะก่อกบฏบิดาของเขาก็เข้าร่วมด้วยสนับสนุนเงินทุนเล็กน้อย หากสำเร็จสกุลกู้จะได้ร้านค้
บทที่16/1"นางจะหายไปได้อย่างไร" เฉินเฟยอวี่ตวาดลั่นทั้งตัวของเขาโชกไปด้วยเลือด หลังจากเก็บซากศพกบฏและรายงานฮ่องเต้เรียบร้อย เขาก็รีบกลับมาหาภรรยาที่กระโจม แต่เมื่อกลับมาเมื่อเดินเข้ามาใกล้ที่พัก ป้าจงและสาวใช้รีบวิ่งหน้าตื่นเข้ามาหา ดวงใจเขาหายไปลู่หลันน้ำตานองอาบสองแก้ม นางเฝ้าฮูหยินไม่ห่าง ไม่ให้คลาดสายตาสักนิด อีกทั้งตอนที่นายท่านไม่อยู่ เมื่อคืนนางก็นอนเฝ้าหน้ากระโจมไม่ได้กลับไปนอนที่พักของตน แต่จนสายก็ยังไม่เห็นฮูหยินเรียกใช้ นางจึงตะโกนเรียกก็ไร้เสียงตอบกลับ ป้าจงที่เดินมาพอดี นางและป้าจงจึงขอเข้าไปด้านใน แต่เมื่อเข้าไปกลับไม่พบผู้ใดอยู่ข้างใน ด้านข้างกระโจมถูกกรีดเป็นแนวยาว ทหารที่เฝ้าอยู่รอบ ๆ ตายจนหมด ลู่หลันเล่าทั้งน้ำตา นางเล่าเสริมอีกว่าหลังจากทานอาหารเย็นก็ผล็อยหลับไปตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้สึกตัวอีกทีตื่นมาก็เช้าแล้ว"ใคร! ใครมันบังอาจทำเยี่ยงนี้" เฉินเฟยอวี่ขบกล้ามแน่น "หาให้เจอ""พี่อวี่ใจเย็นก่อน ทำแผลก่อน คนที่พาตัวพี่สะใภ้ไปน่าจะยังไปไม่ไกล""พี่เฟยอวี่ หรือว่าท่านพี่อิงอิงจะหนีไปกับพี่ชายของข้า ข้าตื่นมาก็ไม่พบเขาเช่นกัน" นางรีบวิ่งมาเมื่อเห็นเฉินเฟยอวี่และคนของเขากลับ