Share

บทที่ 41 ต้องตาย

Author: BigM00N
last update Last Updated: 2025-05-25 19:46:56

ข่าวการปิดล้อมจวนสกุลสุ่ยไม่ได้ทำให้โม่ชิงเยว่ประหลาดใจเท่าใดนัก ยามนี้เหล่าองค์ชายต่างเติบใหญ่แล้วบรรดาขุนนางที่มีอำนาจในราชสำนักย่อมจะต้องมีความคิดเป็นของตนเอง แม้ว่านางจะรู้สึกประหลาดใจว่าเพราะเหตุใดจวนสกุลสุ่ยจึงไม่สนับสนุนองค์ชายรองแต่เมื่อนางคิดถึงแต่ละครั้งที่ได้พบกับองค์ชายรองผู้นั้นนางก็สามารถเข้าใจความคิดของคนสกุลสุ่ยได้  ‘ไม่อาจจะเข็นไม้ให้กลายเป็นเรือ’ จวนสกุลสุ่ยน่าจะตีตราองค์ชายรองเอาไว้เช่นนี้ ไม่เช่นนั้นพระชายาของฉินอ๋องคงจะไม่ได้ไปวางอำนาจอยู่ที่จวนสกุลสุ่ย อีกทั้งจวนสกุลสุ่ยก็คงจะไม่ส่งคุณหนูสี่ของสกุลไปเป็นพระชายารองของฉินอ๋องเช่นนั้น

“ฮูหยินเจ้าคะ สุ่ยอี๋เหนียงป่วยหนักท่านจะให้คนไปเชิญหมอมาดูอาการของนางหรือไม่เจ้าคะ” ยามที่สาวใช้มาเอ่ยถามนางเช่นนี้โม่ชิงเยว่ก็เอ่ยออกไปตามที่สุ่ยอี้โหรวเคยเอ่ยกับชุ่ยเหมย ในตอนที่นางป่วยชุ่ยเหมยเคยไปขอความเมตตาจากสุ่ยอี้โหรว สิ่งที่สุ่ยอี้โหรวเอ่ยออกมาก็คือคำพูดประโยคนี้

"นางแข็งแรงจะตาย ไม่ต้องได้รับการรักษาหรอกประเดี๋ยวนางก็หายเอง"

“เจ้าค่ะ” เมื่อได้ยินเช่นนั้นสาวใช้ที่ทำหน้าที่เฝ้าศาลบรรพชนก็รับคำแล้วเดินจากไป

“ฮูหยินเจ้าคะวันนี้ตอนที่บ่าวไปตลาดจึงได้รู้ว่าไม่ใช่แค่เพียงจวนสกุลสุ่ยนะเจ้าคะที่ถูกปิดจวนยามนี้จวนอ๋องของฉินอ๋องรวมไปถึงจวนสกุลหยางของท่านอัครเสนาบดีก็ถูกปิดจวนด้วย” เมื่อชุ่ยเหมยเอ่ยรายงานเช่นนี้โม่ชิงเยว่ก็พยักหน้า

“เรื่องร้านค้าเห็นทีว่าต้องเลื่อนวันเปิดไปก่อน ฝ่าบาททรงปิดล้อมจวนอ๋องเช่นนี้ไม่แน่ว่าเมืองหลวงแห่งนี้อาจกำลังจะลุกเป็นไฟ” เมื่อโม่ชิงเยว่เอ่ยเช่นนี้ชุ่ยเหมยก็พยักหน้า

“แต่ที่บ่าวรู้สึกประหลาดใจก็คือเหตุใดจวนสกุลหยางจึงได้ถูกปิดล้อมด้วยเล่าเจ้าคะ จวนสกุลสุ่ยกับฉินอ๋องมีสายสัมพันธ์กันจากการที่ฉินอ๋องแต่งคุณหนูสี่ของสกุลไปเป็นพระชายารอง แล้วจวนสกุลหยางมาข้องเกี่ยวอะไรด้วย” คำถามของชุ่ยเหมยทำให้โม่ชิงเยว่ยิ้มออกมาด้วยรอยยิ้มอันเย้ยหยัน

“หากข้าเดาไม่ผิดคนจวนสกุลสุ่ยแห่งนั้นคงจะต่ำช้ากว่าที่พวกเราคิด เห็นได้ชัดว่าไม่เพียงเป็นจวนสกุลเดิมขององค์ฮองเฮาแต่ยังเกี่ยวดองกับฉินอ๋องด้วยการแต่งงาน กับจวนสกุลหยางก็ไม่แน่ว่าอาจจะมีข้อตกลงบางอย่างต่อกันไว้ อืม วางหมากและเส้นสายไปยังหลายขั้วอำนาจเช่นนี้ข้าไม่รู้สึกประหลาดใจเลยว่าเพราะเหตุใดจวนสกุลสุ่ยจึงสามารถคว้าเอาไว้ได้แค่เพียงตำแหน่งเจ้ากรมพิธีการ ซึ่งเป็นแค่เพียงกรมเล็กๆ ในหกกรม ที่แท้เป็นเพราะฝ่าบาทน่าจะทรงทอดพระเนตรเห็นแล้วว่าจวนสกุลสุ่ยแห่งนี้ไม่ธรรมดา” โม่ชิงเยว่เอ่ยพลางยิ้มออกมาแล้วก็คิดไปถึงบุรุษที่สวมหน้ากากเหล็กผู้นั้น

แม้ว่าซ่งเหวินจิ้งจะบอกกับนางว่าเขาทำงานให้ฝ่าบาท แต่เท่าที่นางเห็นเขามีความสัมพันธ์อันดีไม่น้อยกับองค์ชายรอง ยามที่เขาบอกกับนางว่าเขาเคยใช้สนามฝึกยุทธ์เดียวกันกับนาง นางก็จดจำได้แล้วว่าในตอนที่องค์ชายรองเคยมาประทับอยู่ที่จวนของนางเพื่อร่ำเรียนวิชายุทธ์กับบิดาของนางมีพระสหายติดตามมาด้วยอีกหลายคน หนึ่งในนั้นน่าจะมีซื่อจื่อจวนโหวแห่งนี้ติดตามไปด้วย เพียงแต่เพราะความแตกต่างระหว่างบุรุษและสตรีต่อให้ใช้ลานฝึกเดียวกันแต่นางก็ไม่กล้าเข้าใกล้กลุ่มขององค์ชายรองเท่าใดนัก ด้วยเกรงว่าจะเกิดคำครหาว่านางคิดอาจเอื้อมต่อองค์ชายรอง นางจึงไม่ได้ให้ความสนใจต่อบรรดาบุรุษในสนามฝึกยุทธ์เหล่านั้น จวบจนตอนที่ซ่งเหวินจิ้งพูดถึงเรื่องนี้ทำให้นางคิดได้ว่ามิน่าเล่ายามที่นางมาแอบดูเขาที่หน้าจวนโหวจึงได้รู้สึกคุ้นๆ ใบหน้าของเขานัก

“ช่วงนี้เจ้าและหรงมามาจงช่วยกันกำชับให้ทางฝั่งผู้คุมกฎมีความเข้มงวดกันสักหน่อย ควบคุมคนในจวนให้ดีโดยเฉพาะเรื่องคนเข้าออกในจวนจะต้องระมัดระวัง คนนอกยังไม่รู้ว่าท่านโหวกลับมาแล้วจึงจะต้องคิดว่าช่วงนี้คือช่วงที่ลงมือกับจวนของพวกเราได้ง่าย” เมื่อโม่ชิงเยว่เอ่ยเช่นนี้ชุ่ยเหมยก็พยักหน้า

“ทางเรือนคิมหันต์เป็นเช่นไรบ้าง” คำถามของโม่ชิงเยว่ทำให้ชุ่ยเหมยพ่นลมหายใจออกมา

“ยามนี้อาการป่วยน่าจะดีขึ้นมากแล้วเจ้าค่ะ บ่าวไม่สามารถเข้าไปในเขตบริเวณเรือนแห่งนั้นได้จึงทำได้แค่เพียงพูดคุยกับเฉินมามาเพียงเท่านั้น บ่าวจึงพอจะรู้มาบ้างว่าหมอที่ท่านโหวส่งมาพยายามที่จะรักษาอาการของนางให้ดีขึ้นอยู่” ชุ่ยเหมยเอ่ยพลางคิดไปถึงสีหน้าหวาดระแวงของท่านหมอผู้นั้นยามที่เห็นนาง กับสตรีที่แก่ชราและไร้ทางสู้เช่นนั้นเจ้านายของนางไม่มีทางที่จะใช้ให้นางไปทำร้ายให้เสียมือหรอก หากอยากจะลงมือจริงแค่เพียงหนึ่งฝ่ามือฮูหยินผู้เฒ่าก็สิ้นใจแล้ว

“เจ้าไม่สามารถเข้าไปได้ก็ไม่เป็นไร ขอแค่คนในนั้นออกมาไม่ได้ก็พอ ดูจากความเฉลียวฉลาดอันสุดโต่งของฮูหยินผู้เฒ่าแล้วข้ากังวลว่านางจะเป็นคนที่ชักจูงศึกเข้าบ้าน ถึงอย่างไรจวนโหวแห่งนี้ก็เป็นที่อยู่อาศัยของพวกเรา ข้าไม่อยากให้เกิดเรื่องจนพวกเราต้องหวนกลับไปพบกับความยากลำบากอีกครั้ง” คำพูดของโม่ชิงเยว่ทำให้ชุ่ยเหมยรีบตกปากรับคำในทันที

“ขอฮูหยินโปรดวางใจ บ่าวจะให้คนไปคอยจับตาดูคนที่เรือนแห่งนั้นให้ดี หากมีความเคลื่อนไหวผิดปกติบ่าวจะรีบแจ้งให้ฮูหยินทราบในทันทีเจ้าค่ะ” คำพูดของชุ่ยเหมยทำให้โม่ชิงเยว่ยิ้มออกมาอย่างวางใจ

“ข้าโชคดีที่มีเจ้า” คำพูดของโม่ชิงเยว่ทำให้ชุ่ยเหมยยิ้มออกมา

“หากไม่ใช่เพราะแม่ทัพโม่และโม่ฮูหยินบ่าวก็คงจะตายไปนานแล้ว หากไม่มีท่านบ่าวก็คงหมดสิ้นแรงกายแรงใจที่จะมีชีวิตอยู่ต่อ คนที่โชคดีน่าจะเป็นบ่าวมากกว่านะเจ้าคะ” ชุ่ยเหมยเอ่ยพลางยิ้มออกมา

เดิมทีนางคือเด็กกำพร้าถูกฝึกให้เป็นนักฆ่า นางไร้ชื่อไร้แซ่มีชีวิตอยู่ไปวันๆ อย่างไร้จุดหมาย นางถูกบังคับให้กินให้นอนแล้วก็ปลุกขึ้นมาเพื่อฝึกวิชาสิ่งที่นางรับรู้ก็คือเมื่อนางพร้อมก็จะถูกส่งออกไปทำงาน เพราะมีวิชายุทธ์โดดเด่นทำให้นางถูกส่งไปทำภารกิจตั้งแต่เด็กพอทำภารกิจไม่สำเร็จก็ถูกกำจัด ยามที่นางกำลังจะตายโชคดีที่ได้แม่ทัพโม่ช่วยเหลือไว้ แล้วนำนางกลับมาเลี้ยงดูที่จวน แม้จะบอกว่านางคือสาวใช้แต่นางรู้ดีว่านางได้รับการดูแลแตกต่างจากคนรับใช้ทั่วไป ดังนั้นนางจึงตั้งใจที่จะทำงานรับใช้แม่ทัพโม่และโม่ฮูหยินรวมไปถึงบุตรสาวผู้นี้ของเขาด้วย นางเคยสาบานเอาไว้ว่าต่อให้นางต้องตายนางก็จะดูแลเจ้านายของนางให้ดี

“ดึกมากแล้วเจ้าไปพักผ่อนเถิด” เมื่อโม่ชิงเยว่เอ่ยเช่นนี้ชุ่ยเหมยจึงได้เอ่ยออกมาเสียงเบา

“ท่านเองก็ควรจะพักผ่อนได้แล้วนะเจ้าคะ”

“ได้! วันนี้ข้าเองก็ตั้งใจว่าจะพักผ่อนเร็วเช่นกัน” เมื่อโม่ชิงเยว่เอ่ยเช่นนี้ชุ่ยเหมยจึงได้ขอตัวเพื่อกลับไปพักผ่อนที่ห้องพักของนางโดยที่นางไม่ได้รู้ตัวเลยสักนิดว่าที่ระเบียงห้องของเจ้านายของนางมีคนผู้หนึ่งยืนแฝงกายอยู่

“ภารกิจยังไม่เรียบร้อยดีอีกหรือ ท่านโหวจึงยังไม่สามารถกลับเข้ามาทางประตูหน้าได้” คำถามของโม่ชิงเยว่ทำให้ซ่งเหวินจิ้งหัวเราะ หึหึ ออกมา

“ที่ถามข้าเช่นนี้เป็นเพราะฮูหยินคิดถึงข้าหรือว่าทนรอที่จะหย่ากับข้าไม่ไหวแล้วกันแน่” คำถามของเขาทำให้โม่ชิงเยว่หัวเราะออกมาเบาๆ

“หากข้าตอบว่าเป็นอย่างหลังเล่า” คำพูดของโม่ชิงเยว่ทำให้ซ่งเหวินจิ้งพยักหน้า

“ก็เป็นการสมควรแล้ว ข้าไม่ดีเอง เพียงแต่ข้าไม่มีทางปล่อยเจ้าไปหรอก” เขาเอ่ยพลางจ้องมองนางด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความจริงจังท่าทีเช่นนี้ของเขาทำให้โม่ชิงเยว่อดประหลาดใจไม่ได้

“เกิดอะไรขึ้นเหตุใดวันนี้จึงได้ดูจริงจังขึ้นมาได้” คำถามของนางทำให้ซ่งเหวินจิ้งส่ายหน้า

“หากหมดฉินอ๋อง หมดสกุลหยางและหมดสิ้นสกุลสุ่ยแล้ว สกุลต่อไปที่ฝ่าบาททรงหันปลายกระบี่มาอาจจะเป็นสกุลซ่งของข้า” คำพูดของเขาทำให้โม่ชิงเยว่ขมวดคิ้ว

“จิตใจส่วนที่มีสามัญสำนึกของข้าบอกกับข้าว่าควรจะปล่อยเจ้าไป แต่จิตใจส่วนที่เห็นแก่ตัวของข้าบอกกับข้าว่าอย่าได้ปล่อยมือจากเจ้า” เขาเอ่ยพลางทอดถอนใจออกมาแล้วจึงได้เอ่ยต่อ

“ชิงเยว่ ข้าไม่ใช่คนดีอะไร หลายปีมานี้แม้ว่าจะบอกกับตนเองว่าข้ารักเจ้าแต่ข้ากลับละเลยเจ้า ยามนี้ข้ารู้ดีว่าควรจะยอมปล่อยให้เจ้าจากไปแต่ข้ากลับเห็นแก่ตัวที่ยังอยากจะรั้งเจ้าเอาไว้ ชิงเยว่ข้าชอบเจ้ามากนะ ชอบมาตั้งนานแล้ว ชอบจนแม้กระทั่งรู้ดีว่าหากข้าออกหน้าขอพระราชทานสมรสกับเจ้าความหวาดระแวงของฝ่าบาทจะตกมาอยู่ที่ข้า แต่ข้าก็ยังยินดีที่จะเสี่ยง” คำพูดของเขาทำให้โม่ชิงเยว่นิ่งงันไปอย่างคาดไม่ถึง

“พอคิดว่าเจ้าจะต้องไปเป็นของผู้อื่นข้าก็ทนไม่ไหว คิดเอาเองว่าหากเจ้าต้องแต่งเข้าสกุลใหญ่ไปเป็นสะใภ้ของจวนอื่นเจ้าจะต้องถูกรังเกียจและต้องอยู่อย่างอึดอัดใจ คิดไม่ถึงว่าวันที่ข้าแต่งเจ้าเข้ามาจะทำให้เจ้าต้องทั้งเสียใจและอึดใจแทน จวนสกุลสุ่ยกับท่านแม่มีข้อตกลงกันลับหลังข้าโดยที่ข้าไม่รู้และไม่ได้คิดเอะใจ ฝ่าบาททรงพิโรธข้าเรื่องนี้จนทำให้ข้าต้องคุกเข่าอยู่หน้าตำหนักเจี้ยนคังทั้งคืน ข้ามัวแต่คิดว่าจะทำอย่างไรดีจึงจะสามารถทวงคืนความไว้วางพระทัยจากฝ่าบาทมาได้ผลสุดท้ายข้าก็ละเลยเจ้าจนปล่อยให้เจ้าต้องทุกข์ใจ” คำพูดที่พรั่งพรูออกมาจากปากเขาเป็นสิ่งที่โม่ชิงเยว่คาดไม่ถึง นางจ้องมองสีหน้าของเขาฟังคำพูดของเขาแล้วคิดถึงช่วงเวลาเหล่านั้นด้วยจิตใจอันสับสน

“อยู่ๆ ท่านก็มาพูดกับข้ามากมายถึงขนาดนี้ บอกกับข้ามาตามตรงเถิด จวนนิ่งอันโหวกำลังจะเกิดเรื่องแล้วใช่หรือไม่” คำถามของนางทำให้ซ่งเหวินจิ้งพยักหน้า

“ข้า...อาจจะต้องตายสักพัก” คำพูดของเขาทำให้โม่ชิงเยว่นิ่งงันไปในทันที

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 66 ความเบิกบานของท่านโหว

    ยามที่ซ่งเหวินจิ้งตื่นขึ้นมาสิ่งแรกที่เขาเห็นก็คือม่านมุ้งในห้องนอนของโม่ชิงเยว่ที่ปรากฏเข้าสู่สายตา เขากะพริบตาอีกครั้งแล้วจึงได้พยายามทบทวนว่าเรื่องเมื่อคืนนี้เป็นความฝันหรือว่าเป็นความจริงกันแน่ กลิ่นกายอันหอมกรุ่นของนางแผ่กำจายไปทั่วม่านมุ้งอีกทั้งยังดูเหมือนว่าจะหอมกรุ่นติดตามร่างกายของเขาไปด้วย อีกทั้งปฏิกิริยาทางร่างกายที่ไม่เหมือนเดิมของเขาทำให้เขารู้ว่าสัมผัสอันน่าหลงใหลเมื่อคืนนี้ไม่ใช่แค่เพียงความฝัน เมื่อคิดได้เช่นนั้นก็ทำให้มีรอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้าของเขาในทันที“นอนตาลอยแล้วยิ้มราวกับคนเสียสติเช่นนั้นท่านทำให้ข้าชักจะรู้สึกหวาดกลัวท่านแล้วนะ” เสียงทักของโม่ชิงเยว่ทำให้รอยยิ้มบนใบหน้าของซ่งเหวินจิ้งพลันหายไปในทันที“มีสิ่งใดให้น่ากลัวกัน” เขาเอ่ยพลางพลิกตัวแล้วดึงผ้าห่มอันหมิ่นเหม่ขึ้นมาคลุมร่างกายของตนเองเอาไว้ ด้วยไม่รู้ว่าคนที่กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ตรงหน้าเตียงนั่งจ้องมองเขานานเท่าไหร่แล้ว“แล้วเจ้ายกเก้าอี้มานั่งจ้องมองข้าเช่นนี้ทำไมกัน” เมื่อเขาถามเช่นนี้โม่ชิงเยว่ก็ยิ้มออกมา“เมื่อคืนนี้มีคนบอกกับข้าว่าอยากจะตื่นขึ้นมาพร้อมกันกับข้ามิใช่หรือ ข้าก็เลยมานั่งรอให้ท่า

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 65 ปรนนิบัติ

    หลังจากดูพลุไฟแล้วซ่งเหวินจิ้งและโม่ชิงเยว่ก็เดินไปส่งเด็กๆ กลับเรือนด้วยตนเอง แน่นอนว่าซ่งเหวินจิ้งย่อมจะต้องเดินตรวจตรารอบๆ เรือนด้วยตนเองอีกครั้งและยังกำชับให้คนของเขาคอยคุ้มกันจวนให้ดี อีกทั้งยังสั่งสาวใช้ภายในเรือนให้วันพรุ่งนี้ย้ายข้าวของเครื่องใช้ของซ่งจื่อเยว่และซ่งจื่อเหยาไปที่เรือนของโม่ชิงเยว่ เมื่อสั่งการทุกคนเสร็จเรียบร้อยดีแล้วเขาจึงได้เดินไปที่เรือนของโม่ชิงเยว่เพื่อตรวจตราความเรียบร้อยอีกครั้ง พอเห็นว่าการรักษาความปลอดภัยของเรือนนี้แน่นหนาดีแล้วเขาจึงได้เข้าไปหาโม่ชิงเยว่ที่กำลังนั่งจิบน้ำชาอยู่ภายในเรือน“ในเมื่อลงนามสงบศึกแล้ว คนของแคว้นต้าเป่ยก็ไม่น่าจะสร้างความร้าวฉานด้วยการลอบโจมตีท่านและครอบครัวอย่างที่ท่านกำลังกังวลอยู่” คำพูดของโม่ชิงเยว่ทำให้ซ่งเหวินจิ้งส่ายหน้า“แคว้นต้าเป่ยแม้ว่าจะปกครองด้วยเชื้อพระวงศ์สกุลเซียว แต่สกุลที่กุมอำนาจทางกองทัพก็คือสกุลหม่า ข้าที่พึ่งจะฆ่าผู้นำสกุลและนักรบอีกหลายคนของสกุลหม่าย่อมจะต้องกลายเป็นเป้าแห่งความแค้นเคืองของพวกเขา แม้ว่าฮ่องเต้ของพวกเขาจะลงพระนามขอสงบศึกแล้ว แต่คนสกุลหม่าใช่ว่าจะก่อเรื่องไม่ได้ขอแค่เพียงสิ้นไร้หลักฐานก็ไ

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 64 สงบศึก

    ฮ่องเต้แคว้นต้าเป่ยส่งราชสาส์นมาขอเจรจาสงบศึก อีกทั้งยังยินดีที่จะส่งเครื่องราชบรรณาการมาถวายแด่ฮ่องเต้แคว้นเหลียนทุกปี เมื่อทางฝั่งแคว้นต้าเป่ยยินยอมอ่อนข้อให้จนถึงขั้นนี้มีหรือที่หลี่เฟยหลงฮ่องเต้จะปฏิเสธหลังจากนั้นจึงได้ส่งราชสาส์นตอบกลับไปด้วยความยินดี เมื่อมีสัญญาณว่าการศึกจะสงบอย่างถาวรเช่นนี้ ประชาชนในแคว้นต่างก็รู้สึกยินดีกันทั่วหน้า สงครามจบสิ้นแล้วก็หมายความว่าต่อไปพวกเขาจะได้อยู่อย่างสงบสุขไปอีกหลายปี ไม่ต้องกังวลว่าคนในครอบครัวจะต้องไปพลีชีพเพื่อปกป้องแคว้นที่ชายแดนอีกจวบจนเมื่อมีการลงนามสงบศึกอย่างเป็นทางการชาวบ้านร้านตลาดก็ต่างพร้อมใจกันจัดงานรื่นเริงเพื่อเฉลิมฉลอง พลุไฟนับหมื่นพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าเพื่อโอ้อวดความงดงามท่ามกลางความมืดมิดในยามราตรี ซ่งเหวินจิ้งยืนนิ่งจ้องมองพลุไฟเหล่านั้นด้วยสีหน้ากังวลใจเมื่อคิดได้ว่าท่ามกลางงานเลี้ยงเฉลิมฉลองกำลังมีคนของแคว้นต้าเป่ยเข้ามาแทรกซึมอยู่ในเมืองหลวง ยามนี้เขาทำหอดูดาวให้สูงขึ้นแล้วรื้อหลังคาของหอดูดาวออก ทำให้เขาและครอบครัวสามารถชื่นชมความงามของพลุไฟได้อย่างเต็มที่“ท่านแม่! ท่านดูสิราวกับมีดอกไม้นับหมื่นกำลังแข่งกันเบ่งบานอย

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 63 ความทะเยอทะยานของเหยียนเซียว

    ในขณะที่ทางจวนโหวมีคนกำลังพยายามเร่งสานความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยา ทางจวนตระกูลเหยียนหรืออดีตจวนไหวกั๋วกงก็กำลังตกอยู่ในช่วงเวลาแห่งความตึงเครียด เหยียนฮูหยินผู้เคยได้ดำรงตำแหน่งฮูหยินของท่านกั๋วกงก็กำลังนั่งร้องไห้อ้อนวอนขอให้บุตรชายหาหนทางช่วยสามีที่ในยามนี้ถูกขังอยู่ในคุกของกรมอาญา“เจ้าไม่คิดจะช่วยท่านพ่อของเจ้าจริงๆ หรือ เสียแรงที่พ่อของเจ้าทำทุกอย่างก็เพื่อเจ้า” เหยียนฮูหยินเอ่ยพลางใช้ผ้าเช็ดหน้าซับน้ำตาด้วยท่วงท่าที่ดูอ่อนแอและบอบบางราวกับว่าจะแตกหักได้ทุกเมื่อ“จะให้ข้าช่วยอย่างไร ให้ข้าไปคุกเข่าขอพระเมตตาแล้วทำให้ข้าและสกุลเหยียนทั้งสกุลถูกฝ่าบาทหวาดระแวงและคิดว่าพวกเราสกุลเหยียนมีความทะเยอทะยานในราชบัลลังก์เช่นนั้นหรือ ท่านแม่อย่าได้ลืมสิว่าฮุ่ยเอ๋อต้องเสียสละอะไรไปบ้าง ยามนี้นางกำลังได้รับความโปรดปรานท่านอยากให้ฝ่าบาททรงตระหนักได้ว่าการกระทำของท่านพ่อล้วนเป็นเพราะความทะยานอยากที่จะยึดครองกองกำลังของจวนโหวแล้วทำให้ชีวิตของฮุ่ยเอ๋อและองค์ชายน้อยต้องตกอยู่ในอันตรายหรือ” คำพูดของเหยียนเซียวทำให้เหยียนฮูหยินส่ายหน้า“นางได้รับความโปรดปรานถึงเพียงนั้น แต่กลับไม่คิดจะทำเพื่อเจ้าแ

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 62 ความสุขของท่านโหว

    ฤดูกาลผันเปลี่ยนจากฤดูหนาวอันหนาวเหน็บเริ่มย่างเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิที่แสนจะงดงาม พออากาศเริ่มอุ่นขึ้นต้นทุนในการซื้อสมุนไพรก็ลดลงเมื่อต้นทุนลดลงผลกำไรก็มากขึ้น เมื่อได้ผลกำไรมากขึ้นก็ทำให้โม่ชิงเยว่เริ่มมีกำลังใจที่จะคิดค้นสินค้าชนิดใหม่ๆ เพื่อนำไปวางขายในร้านโม่เซียงของนาง“เหตุใดบรรดาถุงผ้าปักเหล่านี้จึงได้มีลวดลายแปลกตาเช่นนี้เล่า แล้วยังกล่องไม้สำหรับใส่ผงแป้งเหล่านี้อีกเจ้าไปเอาแนวทางในการคิดค้นรูปร่างและลวดลายพวกนี้มาจากไหน” คำถามของซ่งเหวินจิ้งทำให้โม่ชิงเยว่วางพู่กันที่ใช้วาดรูปลวดลายลงบนโต๊ะเขียนอักษรแล้วจึงได้สะบัดมือเพื่อคลายความเมื่อยล้า“หากข้าจะบอกว่าข้าได้รับแรงบันดาลใจมาจากความฝันอันยาวนานของข้าท่านจะเชื่อหรือไม่” เมื่อนางเอ่ยเช่นนี้ซ่งเหวินจิ้งก็พยักหน้า“เหตุใดจะไม่เชื่อกันเล่า ไม่ใช่ว่าข้าไม่เคยฝันเสียหน่อย เพียงแต่ความฝันของข้าไม่เคยนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์เช่นนี้” ซ่งเหวินจิ้งเอ่ยพลางเดินมานวดไหล่ให้โม่ชิงเยว่ด้วยความคุ้นชินส่วนโม่ชิงเยว่ก็เอนกายพิงพนักเก้าอี้แหงนหน้าขึ้นแล้วหลับตาเพื่อรับความสบายจากอุ้งมืออันอุ่นร้อนของเขาอย่างผ่อนคลาย“มันเป็นความฝันที่ยาวนานมาก ยาม

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 61 ความเป็นส่วนตัว

    เมืองหลวงมีข่าวครึกโครมอีกครั้งเมื่อจวนนิ่งอันโหวถูกลอบโจมตี แม้ว่าจะสามารถจับตัวคนร้ายได้แต่นิ่งอันโหวกลับได้รับบาดเจ็บสาหัส ฝ่าบาททรงมีพระราชโองการให้เจ้ากรมอาญาตรวจสอบเรื่องนี้อย่างเข้มงวด อีกทั้งยังทรงส่งองค์ชายรองมาควบคุมการสอบสวนด้วยพระองค์เอง ทั้งนี้คนร้ายที่ถูกจับต่างก็ซัดทอดความผิดไปที่ไหวกั๋วกง ทำให้ไหวกั๋วกงต้องรีบเข้าวังเพื่อแก้ต่างให้กับตนเองและขอให้มีการตรวจสอบนักฆ่าเหล่านั้นอีกครั้งแต่แน่นอนว่าทางซ่งเหวินจิ้งได้เตรียมการเรื่องนี้เอาไว้แล้ว เขาไม่เพียงขอพระราชโองการคุ้มครองพยานให้กับเหล่านักฆ่า ยังส่งกองกำลังของตนเองคอยคุ้มครองครอบครัวและคนใกล้ชิดของเหล่านักฆ่าอย่างแน่นหนา เหล่านักฆ่าเองก็ไม่ใช่คนโง่พวกเขาเข้าออกจวนไหวกั๋วกงเป็นว่าเล่นย่อมมีลู่ทางสำรองเอาไว้บ้าง การที่พวกเขาลักลอบตีสนิทกับคนในจวนไหวกั๋วกงก็เพื่อให้พวกเขาเป็นคนมีตัวตนภายในจวน ไม่ใช่แค่เพียงนักฆ่าเงาที่ตายไปแล้วก็ไม่หลงเหลือร่องรอยให้ผู้คนตามหา ดังนั้นทางกรมอาญาย่อมสามารถที่จะหาคนมายืนยันฐานะของพวกเขาได้ว่าพวกเขาทำงานให้ไหวกั๋วกงจริงๆ ดังนั้นครั้งนี้ไหวกั๋วกงจึงไม่อาจจะปัดป้องความผิดของตนเองได้แล้ว“ท่านเ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status