ข่าวฮูหยินน้อยกลับจวน ก็กระจายไปยังเรือนต่าง ๆ อย่างรวดเร็วตั้งแต่วันที่นางประกาศขอหย่ากับท่านแม่ทัพก็ไม่มีข่าวอะไรให้ติดตามอีกนอกจากความไร้สาระของนาง
ฮูหยินรองเดิมก็ไม่ได้สนใจ ทว่าหลายวันมานี้ทุกอย่างเงียบจนผิดปกติ อย่างน้อยเจินไป๋เจียต้องโวยวายเรียกร้องโน่นนี่นั่นหรือไม่ก็ต้องสั่งให้พวกนางไปคารวะ
กำลังจะแกล้งไปเยี่ยมเยียนบ่าวจากเรือนฮูหยินก็กระจายข่าวบอกให้เหล่าอนุที่ยังไม่ยกน้ำชาให้นาง ไปจัดตามพิธีให้เรียบร้อย
“แบบนี้ค่อยดูปกติ” ฮูหยินรองเอ่ยพูดอย่างสบายใจ
ในฐานะฮูหยินรอง นางเองก็ต้องไปรับน้ำชาเช่นกันจึงรีบเปลี่ยนอาภรณ์ไปดูเรื่องราวสนุก ๆ ที่เรือนฮูหยิน
เมื่อมาถึงฮูหยินรองต้องตกตะลึง เพราะทุกคนล้วนมาที่นี่ไม่ใช่เพียงแค่อนุที่ยังไม่ยกน้ำชาเท่านั้นที่มา
“น้องคารวะพี่หญิง ตายจริงที่นี่ครื้นเครงกันจัง” ฮูหยินรองพูดน้ำเสียงไม่มีอาการเลิ่กลั่กแม้แต่น้อย
เจินไป๋เจียหรี่ตามองผ่านจอกชา แล้วเอ่ย
“ทุกคนก็คงคิดว่าที่เรือนขอข้ามีงิ้วให้ดูกระมัง”
หลายคนในห้องโถงก็ประท้วงในใจ ไม่ใช่ให้พวกนางมาร่วมแสดงงิ้วหรอกหรือ
“ในเมื่อฮูหยินรองมาแล้ว ก็เริ่มพิธีได้เลย”
ฮูหยินรองก้มหน้าลงขออภัยเล็กน้อย ในใจก็คิด
ไม่แขวะนางสักวันจะไม่ได้หรือไร
อนุของแม่ทัพหวงซีซวนมีเป็นร้อย ตายบ้าง ขายออกไปบ้าง บางคนก็ขายตัวเข้ามาเพื่อแลกกับหินอัคคีไว้ให้บิดามารดาใช้อบอุ่นร่างกายในฤดูหนาว เมื่อหมดสิ้นวัยแรกแย้มหากต้องการออกจากจวนก็ย่อมได้ ถือว่าการขายตัวเสร็จสมบูรณ์
ด้วยตระกูลหวงทำการค้าขายหินอัคคีแม้ราคาไม่สูงมาก ทว่ากลับเป็นของจำเป็นและทุกครัวเรือนต้องมี ทำให้ตระกูลหวงมีรายได้มหาศาลใช้จ่ายอย่างไรก็ไม่ต้องกลัวว่าจะหมด
เหล่าอนุเรียงเข้ามายกน้ำชาให้ฮูหยินเอกและฮูหยินรองที่ละคน ทุกคนต่างมีใบหน้างดงามอรชนแตกต่างกันออกไป เด็กสาวเหล่านี้อายุเพียง 15-17 หนาวเท่านั้น เจินไป๋เจียลอบถอนหายใจรู้สึกสะเทือนใจไม่น้อย
นางจำได้ว่าเคยต่อว่า หวงซีซวนไปครั้งหนึ่ง
“ท่านมันเป็นพวกมักมาก เหล่าอนุในเรือนท่านมีมากกว่ายิ่งกว่าหอในนางโลมเสียอีก”
“แล้วจะทำไม ขายตัวให้กับข้าเพียงคนเดียวเท่านั้น ไม่ต้องไปทอดกายให้บุรุษหลายหน้า สำหรับพวกนางข้าถือว่าเป็นบุรุษที่มีเมตตาด้วยซ้ำ เจ้าลงมาจากหอคอยแล้วชำเลืองมองเบื้องล่างบ้าง”
เป็นดั่งที่หวงซีหวนพูด แม่นางเหล่านี้หากไม่ใช่ หวงซีซวนซื้อตัวมา บางคนก็ต้องไปขายตัวให้กับหอนางโลมชีวิตย่ำแย่กว่านี้มาก บางคนก็ต้องไปขายตัวให้กลับคหบดีที่อายุมากตัณหากลับ สำหรับพวกนางหวงซีซวนมีเป็นดังเทพบุตรไม่เพียงแต่ช่วยซื้อตัวพวกนางยังซุบชีวิตครอบครัวให้มีอยู่มีกินด้วย
เจินไป๋เจียกำลังหลงไปกับคำกล่าวนั้น
แต่!!! ไม่สิ นี่เป็นเพียงข้ออ้างเท่านั้น เพราะหวงซีซวนช่วยเหลือเพียงหญิงงามเท่านั้น
เจินไป๋เจียถอนหายใจอีกครั้ง แล้วนางจะทำอันใดได้ พวกนางทุกคนล้วนยินดีที่จะขายตัวเข้ามา
จวบจน 2 คนสุดท้าย เด็กสาวฝาแฝด อายุน่าจะเพียง 12-13 เท่านั้น
ใบหน้าหยกงดงาม หากเติบโตขึ้นต้องเป็นโฉมสะคราญที่สุดในใต้หล้าแน่นอน
“เด็ก 2 คนนี้เป็นข้าที่ไปซื้อตัวมาให้ท่านพี่”
ฮูหยินรองพูดอย่างภาคภูมิใจในผลงานของตนเอง นางไม่สนใจเรื่องอะไรทั้งนั้นสำหรับนางขอแค่ แม่ทัพหวงพอใจ นางพร้อมจะทำทุกอย่าง
“เรื่องแบบนี้ ข้ากลับไม่ใจกว้างเช่นเจ้า”
คำกล่าวนี้ฮูหยินรองถือว่าเป็นคำชม นางโค้งศีรษะรับอย่างยินดี เจินไป๋เจินชำเลืองกลับมาหาเด็กหญิงทั้งสอง
“ พวกเจ้าอายุเท่าไรแล้ว”
“ผู้น้อยอายุ 12 หนาวเจ้าค่ะ”
ทั้งสองชื่อเหมยมี่ เหมยลี่
“เจ้าอย่าบอกนะว่า” นางป่วยและไม่อยู่หลายวัน จึงไม่รู้ว่า 2 คนนี้ได้รับใช้หวงซีซวนไปหรือยัง
“ยังเจ้าค่ะ…ท่านแม่ทัพบอกว่าให้รอพวกนางผ่านช่วงวัยสาวไปเสียก่อน หากเด็กเกินไปท่านพี่ไม่ชอบ บางอย่างก็ไม่เต็มไม้เต็มมือ”
เหล่าอนุก็ต่างก้มหน้าหัวเราะ พอใจเพราะพูดถึงหน้าอกนางดูเหมือนจะมีน้อยกว่าหลายคน
เจินไป๋เจียรู้สึกว่านางอยากจะกรี๊ด
“อุ้ยข้าลืมไป ว่าพี่สาวไม่ชอบให้ท่านพี่โปรดผู้ใด ทว่าพี่สาวท่านก็…ข้าอยากให้ท่านเข้าใจท่านพี่นะเจ้าคะ”
น้ำเสียงของฮูหยินรองเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน
เจินไป๋เจียอายุเพียง 16-17 ไม่ถึงกลับหมดวัยแรกแย้ม ทว่าไม่มีใครที่หวงซีซวนโปรดปรานถึง 2 ปี แม้จะสวยงดงามเพียงใด ก็เริ่มเบื่อหน่ายและด้วยนิสัยของเจินไป๋เจียแม่ทัพหวงยิ่งระอา
เจินไป๋เจียได้ยินทุกอย่าง รู้สึกโมโหคิดอยากตอบโต้แต่ก็คิดว่าไม่จำเป็น แบบนี้ก็ดีเช่นกันต่อไปเธอจะเป็นผู้หญิงคนเดียวของหวงซีซวน เมื่อชาติที่แล้วเธอหวังจะเป็นที่ภาคภูมิใจของเขา ชาตินี้เธอทำสำเร็จแน่นอน “พี่ซีซวน” เจินไป๋เจียตะโกนเรียกเสียงดัง จนเป็นเธอเป็นจุดสนใจมากขึ้น หญิงสาวกลุ่มนั้นสะดุ้งตัว ใบหน้าเลิ่กลัก เจินไป๋เจียหรี่ตามองเล็กน้อยท่าทางบอกถึงความเหนือกว่า“นั่นใครอ่ะ” หนึ่งในนั้นเอ่ยกระซิบถามให้เสียงเบาที่สุด“ไม่รู้สิ แต่ยิ้มแบบนี้ฉันรู้สึกว่าเธอน่าจะเป็นแฟนหวงซีซวนนะ” ลางสังหรณ์บางอย่างบอกได้ในสัญชาติญาณของผู้หญิงด้วยกัน “แฟนรึ!!” พวกเธอพากันปรายตามองเจินไป๋เจีย เด็กสาวคนนี้มองอย่างไรก็ดูดีมีฐานะมากกว่าพวกเธอ ความรู้สึกเสียหน้าทำตัวไม่ถูกและกระอักกระอ่วนใจที่ตนเองพากันซุบซิบนินทาแฟนผู้อื่น หวงซีซวนด้วยเป็นผู้ฝึกวรยุทธทำให้เขาได้ยินทุกอย่างที่หญิงสาวกลุ่มนั้นคุยกัน แม้ไม่เข้าใจสิ่งที่เจินไป๋เจียทำแต่เขาก็ทำตามขอตัวแล้วเดินก้าวออกมาหาหญิงสาว “ครับ เจียเอ๋อร์" ชายหนุ่มเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงละมุนยิ่งทำให้เจินไป๋เจียยิ้มเจิดจ้ากว่าเดิม “ไปกันเถอะค่ะ
“ครับ เจียเอ๋อร์ข้าคือ หวงซีซวน” เสียงแหบทุ้มต่ำแฝงเสน่ห์ของหวงซีซวนยังคงเหลือร้ายเช่นเคย เวลาคล้ายหยุดนิ่งอีกครั้ง เจินไป๋เจียตอบกลับมาด้วยเสียงสั่นเครือ “ซีซวน ในที่สุดข้าก็ได้พบท่านกลับมาถึงบ้านข้าก็พลันนึกได้ว่านั่นอาจจะเป็นเพียงแค่ฝันไป” ทุกอย่างอยู่ในความเงียบ“เจียเอ๋อร์พรุ่งนี้ช่วงเช้าข้าจะไปมหาวิทยาลัยบ่ายเจ้าว่างหรือไม่” ยังมีหลายคำที่หวงซีซวนอยากเอ่ย เขาอยากกล่าวต่อหน้าหญิงสาวเท่านั้น “ทำไมต้องเป็นตอนบ่าย นาย…ไม่สิในเมื่อเรียนมหาวิทยาลัยแล้ว พี่ซีซวนเลิกเที่ยงฉันจะไปรับพี่เอง” เจินไป๋เจียปลื้มใจ ซีซวนนัดเธอ นัดเธอ “ได้ เรียนเสร็จพี่จะรอเจ้าที่ข้างหน้ามหาวิทยาลัย A” เพราะไม่เคยพูดคุยกันมาก่อนทำให้ทั้งสองเก้ ๆ กัง ๆ ไม่รู้จะเอ่ยอะไร “พี่ต้องไปเรียนและทำงานพิเศษด้วยใช่ไหม ฉันไม่กวนพี่ดีกว่า พี่พักผ่อนเถอะ…ฝันดีนะคะ” เจินไป๋เจียไม่คาดคิดว่าจะมีวันที่นางได้กล่าวคำว่าฝันดี “ฮืม … เจียเอ๋อร์ก็ฝันดีนะ” หวงซีซวนก็ไม่ต่างกันเท่าไรเขาไม่เคยแม้คิดจะชวนสตรีคุย ยิ่งเกิดใหม่ด้วยรูปร่างหน้าตาและฐานะยิ่งทำให้ไม่มีหญิงสาวเข้ามาหา เขาวางโทรศัพท์ลงมองม
ตอนที่ 44 ใช่ท่านหรือไม่ท่ามกลางหิมะที่กำลังโปรยปราย ผู้คนเดินขวักไขว่หนึ่งในนั้น มีเจินไป๋เจียเดินกางร่มเดินเลียบข้างทางเฉกคนอื่นมากมาย สีหน้าของแต่ละคมล้วนมีอารมณ์หลากหลาย ทั้งยินดีเศร้าสร้อย ส่วนสีหน้าของเจินไป๋เจียเต็มไปด้วยความผิดหวัง ตอนนี้ก็ผ่านมาหลายเดือนแล้วก็ยังไม่เจอหวงซีซวน ความคิดน้อยเนื้อใจก็เอ่อล้นขึ้นมา ไหนบอกว่าจะเป็นคนตามหานาง ทำไมจนปานนี้ยังไม่เจอ นางสืบค้นทั้งในเว่ยป๋อและออกตามหาก็ไม่พบชื่อหวงซีซวน หรือเขาไม่ได้มาเกิดในมิตินี้นางอาจจะต้องรอชาติต่อไปอีกหรือภายในใจของนางกลับเงียบเหงายิ่งนัก หวงซีซวนท่านอยู่แห่งหนใดกัน เจินไป๋เจียกลับมาถึงบ้านก็เจอมารดาที่กำลังรอคอยบอกข่าวดี “เจียเอ๋อร์ มีหนังสือจากมหาวิทยาลัย A ลูกได้รับคัดเลือกเข้าศึกษาในคณะเภสัชศาสตร์” เจินไป๋เจียฝืนยิ้มอ่อนโยนให้มารดา“ดีจังเลยค่ะแม่” จะว่ายินดีก็ไม่เชิง นางมีความทรงจำสามภพชาติเรื่องสอบมหาวิทยาลัยกลายเป็นเรื่องที่ไม่ตื่นเต้นเท่าไรนัก“เจียเอ๋อร์เด็กดี แม่ภูมิใจในตัวลูกที่สุด แม่โทรไปบอกพ่อแล้ว เราคุยกันอย่างไรวันนี้ก็ต้องฉลอง วันนี้เราจะไปทานข้าวนอกบ้านกั
ตอนที่ 43 ตามหาข่าวการเชื่อมสัมพันธ์การแต่งงานระหว่างองค์หญิงไป๋เจียเจียและอ๋องอู๋โหย่วอี้หรือแม่ทัพแดนบูรพาจากดินแดนเมฆาดังไปทั่วแคว้น แม้จะมีข่าวเศร้าจากการสูญเสียแม่ทัพหวงซีซวนก็ไม่ทำให้เกิดกลิ่นอายอัปมงคล ทุกคนต่างยินดีกับข่าวมงคลครั้งนี้ มีเพียงไป๋เจียเจียกลับที่รู้สึกเฉยชากับเรื่องดังกล่าว“ท่านควรจะยินดีกับสิ่งที่กำลังเกิด” จิ้งจอกน้อยเอ่ยบอก “ใช่ข้าควรยินดี ใกล้ถึงเวลาแล้ว ต่อไปนี้หลังแต่งงานจะตั้งใจฝึกและบำเพ็ญเพียร” ไป๋เจียเจียไปจัดการเรื่องของซีหรงกับหม่าจื่อเหลียนด้วยตนเองที่จวนแม่ทัพหวง นางปรายตามองต่ำมองทุกคนที่มารับเสด็จด้วยความรู้สึกเย็นชา ภายใต้ร่างอรชนงดงามแผ่รังสีกดดันให้ผู้คนหายใจไม่ออก “กระหม่อมรับบัญชา จะรีบจัดการส่งแม่สื่อไปสู่ขอหม่าจื่อเหลียนมาเป็นฮูหยินเอกให้เร็วที่สุดพ่ะย่ะค่ะ” นายท่านหวงบิดาของหวงซีซวนกล่าวด้วยน้ำเสียงนอบน้อม องค์หญิงไป๋เจียเจียนอกจากจะเป็นปรมาจารย์แล้ววาสนาสูงส่งมีสัญญามั่นหมายกับอ๋องต่างดินแดนพระบารมีแผ่กว้างใหญ่ยิ่งกว่าฮ่องเต้องค์ปัจจุบันเสียอีก ไป๋เจียเจียชำเลืองมองไปยังร่างอรชนของฮูหยินรองหม่าที่กำลังหมอบ
ไป๋เจียเจียร้องให้แทบขาดใจ น้ำเสียงของนางคล้ายกำลังอ้อนวอนสวรรค์ขอให้นางได้กลับตัว ทุกคนที่มองต่างไม่เชื่อว่าไป๋เจียเจียจะมีใจให้หวงซีซวนเพียงนี้ “หวงซีซวนเป็นข้าที่ผิดเอง ฮื้อ ฮื้อ…” ความรู้สึกโทษตัวเองถาโถมเข้าใส่นางราวกับทะเลคลั่ง “เจียเอ๋อร์ชาตินี้เป็นข้าเองไม่เหมาะสมกับเจ้า…ข้าขอร้องเจ้า ให้ความผิดของข้าในชาตินี้กลายเป็นเถ้าถ่านไปพร้อมกับร่างของข้า ชาติหน้าข้าจะชดเชยทุกอย่างให้เจ้า ตามหาเจ้า เราจะชมทะเลดาวใต้แสงจันทราด้วยกัน"เสียงของหวงซีซวนแหบแห้งแผ่วเบา แม้จะมีคำพูดมากมายที่อยากจะเอื้อนเอ่ยทว่าตอนนี้เขาเพียงกุมมือของหญิงสาวถ่ายเทความอบอุ่นผ่านฝ่ามือที่เยือกเย็น “ไม่ ๆ ๆ ท่านจะต้องไม่เป็นอะไร” ไป๋เจียเจียเสียใจอย่างรุนแรง คล้ายมีคนคว้างหัวใจนางออกมาบดขยี้เสียงร้องไห้ของนางบอกถึงความเจ็บปวดทรมานเสียดแทงเข้าไปถึงในกระดูก นางมองดูพิษอสูรค่อย ๆ กัดกร่อนร่างกายของหวงซีซวนจนกลายเป็นเถ้าถ่าน ปลิวล่องไปตามสายลม นางลนลานพยายามคว้าไม่ให้มันหลุดลอย ทั้งที่อยู่ในอ้อมกอดของแต่นางก็ไม่สามารถหยุดยั้งได้ ชาติที่แล้วโชคชะตาลิขิตให้นางลืม ไยชาตินี้ถึงให้นางจดจำได้เพีย
ตะวันฉายแสงพ้นผ่านอีกคืน ไป๋เจียเจียแทบไม่ได้นอนเพราะดูแลเด็กทารกแรกเกิดก่อนกำหนดด้วยตนเอง แม้จะอ่อนแรงทว่ารุ่งเช้านางก็อุ้มเด็กน้อยออกมารับแสงตะวัน ชำเลืองดูมองไปเห็นร่างของหวงซีซวนยังอยู่ที่เดิม สีหน้าของชายหนุ่มซีดเซียวไร้สีเลือด การปะทะเมื่อวานคาดว่าชายหนุ่มคงได้รับบาดเจ็บเช่นเดียวกัน ลางสังหรณ์ผุดขึ้นมาในใจ คาดว่าหวงซีซวนอาจจะได้รับพิษอสูร ฉับพลันดั่งมีมีดปักลงมากลางใจ เสียงกรีดร้องของเจินไป๋เจียภายในจิตใจดังกึกก้องประหนึ่งโดนสายฟ้าฟาด ไป๋เจียเจียยืนตัวสั่นเทานางไม่เข้าใจกับท่าทีของตนเองหรือวิญญาณของเจินไป๋เจียยังคงเหลืออยู่ในร่าง นางส่งเด็กให้ชิงอีด้วยมือที่สั่นเทาก่อนจะก้าวเท้าเข้าไปใกล้หวงซีซวน ทุกย่างก้าวเป็นไปอย่างยากลำบากทว่าอีกใจก็แทบจะถลาเข้าไปดูชายหนุ่ม เมื่อนั่งลงข้างกายนางหยิบมือของชายหนุ่มขึ้นมาจับชีพจร แทบไม่เหลือร่องรอยของการมีชีวิต อวัยวะภายในโดยทำลายด้วยพิษอสูรจนแทบไม่เหลือชิ้นดี “ซีซวน ทำไมท่านดื้นรั้น ทำไมท่านไม่บอกข้า” นางเอ่ยถามทั้งที่ตนเองก็ไม่เข้าใจว่าไยนางเอ่ยเช่นนั้น น้ำตาเริ่มเอ่อล้นขึ้นมา ภายใต้จิตใจที่ใกล้จะล่องลอย หวงซีซวนได้