เจินไป๋เจียจ้องมองไปยังหม้อต้มโอสถนางเอามือไปแตะที่ขอบหม้อแล้วเพ่งพลังลงไป น้ำเริ่มไหลวนปราณอ่อน ๆ เริ่มก่อตัวแล้วกลั่นออกมาเป็นหยดโอสถลงในจอกยา
“ฮืมม ดียิ่ง”
คำชมจากปรมาจารย์โอสถไม่ใช่ว่าใครก็สามารถได้รับ ตั้งแต่มีอายุมาเกือบ 100 ปี นี่เป็นครั้งแรกที่ลุงอันหวนได้ยินท่านปู่บอกว่า ดียิ่ง
“ท่านพ่อ ลูกจะรีบนำหยดโอสถไปทดสอบ”
นั่นไปท่านตาอันลู่หรงของเจินไป๋เจีย นางจำท่านตาได้ถึงแม้จะเจอกันแค่ครั้งเดียวตอนงานแต่งของนางเท่านั้น
“หลานเจินไป๋เจีย คารวะท่านปรมาจารย์โอสถและอาจารย์โอสถทุกท่าน”
ทุกคนที่อยู่ในห้องปรุงโอสถล้วนเป็นคนในตระกูลอัน ท่านทวดที่มีตำแหน่งสูงสุดมีพลังลมปราณธาตุดินใช้ในการปลูกพืชสมุนไพร ส่วนผู้อาวุโสท่านอื่นล้วนมีลมปราณธาตุไฟใช้ในการควบคุมไฟ
ในดินแดนเทพประกายมีผู้ถือครองธาตุน้ำเพียง 5 คนเท่านั้น ทว่าพวกเขาล้วนไม่ใช่คนตระกูลอัน
“ข้ารู้เรื่องของเจ้าหมดแล้ว ที่ผ่านมาข้าจะไม่พูดถึงต่อไปนี้ให้เจ้ามาฝึกฝนเป็นผู้ปรุงโอสถที่นี่"
“เจ้าค่ะ ท่านปรมาจารย์”
เจินไป๋เจียรู้สึกตื่นเต้นยินดี แววตาสดใสเปล่งประกาย พลันนึกถึงบางอย่างจึงเอ่ยขึ้น
“หลานยังมีเรื่องต้องรายงานอีกเรื่องเจ้าค่ะ”
อันหวนกำลังจะเอ่ยห้าม เรื่องวุ่นวายอื่น ๆ ให้เขาจัดการเอง แต่เจินไปเจียไม่สนใจแววตาทักท้วงนางพูดขึ้นทันที เมื่อได้สิ่งที่เจินไป๋เจียเอ่ยก็ทำให้อันหวนเบิกตากว้างอย่างคาดไม่ถึง ่ังลมปราณธาตุดินใช้ในการปลูกพืช่งหนึ่ง จียก็โด่งดังทันที
สดชื่นขึ้น
“ความจริงแล้วหลานถือครองธาตุดินและธาตุน้ำเจ้าค่ะ”
เพื่อผลประโยชน์ร่วมกัน เพื่อความรุ่งโรจน์ของวงศ์ตระกูลเมื่อนางเชื่อว่านางจะได้รับการปกป้องอย่างสูงสุด
แววตาที่นิ่งสงบมาตลอดของปรมาจารย์โอสถก็มีระลอกสั่นไหว เขาเดินเข้ามาเอื้อมมากุมมือของหลาน ร่างกายยังสั่นเทาให้เห็นชัดเจน
ท่าทีผิดแปลกเช่นนี้ทำให้หลายคนในนั้นตกตะลึงถึงแม้จะตกใจเรื่องที่เจินไป๋เจียบอกแต่ท่าทางของปรมาจารย์กลับสะพรึงยิ่งกว่า
“หลานรัก เจ้าพูดจริงรึ”
หลานรัก หลานรัก
ไม่ใช่แค่ท่าทีที่ประหลาดคำพูดก็ประหลาดด้วย
“จะ จะ เจ้าค่ะ …หากท่านไม่เชื่อข้าพิสูจน์ให้ท่านดูด้วยก็ได้”
แววตาของปรมาจารย์โอสถ คล้ายคนไร้สติอยู่ชั่ววูบเขาก็ยืดตัวขึ้น
“ไม่น่าเชื่อว่าคำทำนายนั้นจะเป็นจริง”
ใน 1000 ปีจะมีเด็กสาวที่ถือครองธาตุน้ำและธาตุดิน 1 คน และตอนนี้ก็เหลือเพียง 300 ปี
เด็กสาวผู้นั้นจะนำพาตระกูลให้ยิ่งใหญ่ เป็นถึงเซียนโอสถ
เซียนที่สามารถชุบชีวิตคนตายได้
“ท่านพ่อ คำทำนายที่ว่า…ระ…หรือว่านางจะเป็นเซียนโอสถในตำนาน”
เสียงอันหรง เอ่ยขึ้นยิ่งทำให้ทุกคนสติกระเจิง แขนขาอ่อนแรง
เจินไป๋เจียจับใจความได้เพียงว่า นางคือคนในตำนานและในตำนานนางจะกลายเป็นถึงเซียนโอสถ
“ต่อไป เจ้าจะต้องได้รับการคุ้มครองสูงสุด ส่งองค์รักษ์เงาประจำตระกูลดูแล”
อันลู่หรงรับคำทันที
“ก่อนที่จะเจ้าจะสามารถบรรลุขั้นพลังลมปราณได้ เรื่องนี้ข้าขอให้เก็บไว้เสียก่อน เพื่อไม่ให้เจ้ากลายเป็นเป้าโดนโจมตี เราไม่สามารถรับมือจาก 4 ตระกูลใหญ่ได้”
“เจ้าค่ะ หลานรับทราบ”
หลังจากคุยรายละเอียดการฝึกตน เจินไป๋เจียก็เดินทางกลับจวนแม่ทัพด้วยความรู้สึกสบายใจ ใบหน้าระรื่นยินดี ถึงแม้นางไม่ใช่คนในตำนานแต่นางก็จะเป็นให้ได้
เมื่อเข้ามาถึงเรือนก็เจอกับแม่นมมู่
“แม่นมข้าชนะการแข่งขัน ตอนนี้ข้ากลายเป็นผู้ปรุงโอสถแล้วนะเจ้าค่ะ”
แม้กระทั่งแม่นมมู่เจินไป๋เจียก็ไม่ได้เล่ารายละเอียด
“ฮูหยินของบ่าว บ่าวเชื่ออยู่แล้วว่าท่านต้องทำได้.. เมื่อตอนบ่าย… มีคนส่งสารมาให้ท่านเจ้าค่ะ”
แม่นมมู่ส่งแผ่นบางคล้ายซองใส่เอกสาร ให้เจินไป๋เจีย เมื่อแผ่นนั้นสแกนใบหน้าผู้รับก็เปิดออกหายไปเหลือเพียงสิ่งของที่อยู่ข้างใน
“เอ้!! ตราประจำตัว”
แผ่นบัตรประจำตัวสามารถคลี่ออกอ่าน ในนั้นเป็นรายละเอียดประวัติส่วนตัว กดอ่านข้อมูลได้
ไป๋เจียเจีย อายุ 16 ปี
เกิดใน…..ข้อมูลมากมายเรียบเรียงอย่างไม่มีข้อตำหนิ
“รวดเร็วดีจังเลย สมกับเป็นตระกูลใหญ่ ต่อไปนี้ข้าชื่อไป๋เจียเจียเป็นบุตรบุญธรรมของท่านพ่ออันหวน"
นางหันไปบอกเหล่าบ่าวรับใช้คิดว่าสิ่งเหล่านี้คือผู้อาวุโสตระกูลอันจัดการให้ แม่นมมู่หัวเราะยิ้มแย้มดีใจที่สุดท้ายตระกูลอันก็ไม่ทอดทิ้งองค์หญิงของนาง
“คุณหนูแล้ว …กับจวนแม่ทัพ ท่านจะจัดการอย่างไร” ถึงแม้คนในตระกูลหวนจะไม่มาสนใจทั้งที่คุณหนูนางไม่อยู่หลายวัน ทว่าหากไม่จัดการเรียบร้อยนางก็กลัวจะมีปัญหาตามมาภายหลัง
เหล่าผู้อาวุโสล้วนเห็นพ้องกันว่า นางควรจะอยู่ที่นี่ไปก่อน ที่ที่อันตรายที่สุดย่อมปลอดภัย ตอนนี้หากข่าวเรื่องนางหลุดออกไปอย่างน้อยพวกเขาก็คงไม่ตามหาที่จวนแม่ทัพหวง
“ข้าจะยังคงเป็นเจินไป๋เจียสักระยะ”
หรือจนกว่าจะสำเร็วพลังลมปราณขั้นปรมาจารย์
โชคดีที่เมื่อก่อนนางเป็นองค์หญิงมีเพียงคนในเครือญาติและคนในราชวงศ์ แม้กระทั่งเหล่าขุนนางก็ไม่เคยเจอ และที่ไม่ต้องกังวลอะไรเพราะท่านปรมาจารย์ได้ให้ยาแปลงโฉมนางมาด้วย
เจินไป๋เจียได้ยินทุกอย่าง รู้สึกโมโหคิดอยากตอบโต้แต่ก็คิดว่าไม่จำเป็น แบบนี้ก็ดีเช่นกันต่อไปเธอจะเป็นผู้หญิงคนเดียวของหวงซีซวน เมื่อชาติที่แล้วเธอหวังจะเป็นที่ภาคภูมิใจของเขา ชาตินี้เธอทำสำเร็จแน่นอน “พี่ซีซวน” เจินไป๋เจียตะโกนเรียกเสียงดัง จนเป็นเธอเป็นจุดสนใจมากขึ้น หญิงสาวกลุ่มนั้นสะดุ้งตัว ใบหน้าเลิ่กลัก เจินไป๋เจียหรี่ตามองเล็กน้อยท่าทางบอกถึงความเหนือกว่า“นั่นใครอ่ะ” หนึ่งในนั้นเอ่ยกระซิบถามให้เสียงเบาที่สุด“ไม่รู้สิ แต่ยิ้มแบบนี้ฉันรู้สึกว่าเธอน่าจะเป็นแฟนหวงซีซวนนะ” ลางสังหรณ์บางอย่างบอกได้ในสัญชาติญาณของผู้หญิงด้วยกัน “แฟนรึ!!” พวกเธอพากันปรายตามองเจินไป๋เจีย เด็กสาวคนนี้มองอย่างไรก็ดูดีมีฐานะมากกว่าพวกเธอ ความรู้สึกเสียหน้าทำตัวไม่ถูกและกระอักกระอ่วนใจที่ตนเองพากันซุบซิบนินทาแฟนผู้อื่น หวงซีซวนด้วยเป็นผู้ฝึกวรยุทธทำให้เขาได้ยินทุกอย่างที่หญิงสาวกลุ่มนั้นคุยกัน แม้ไม่เข้าใจสิ่งที่เจินไป๋เจียทำแต่เขาก็ทำตามขอตัวแล้วเดินก้าวออกมาหาหญิงสาว “ครับ เจียเอ๋อร์" ชายหนุ่มเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงละมุนยิ่งทำให้เจินไป๋เจียยิ้มเจิดจ้ากว่าเดิม “ไปกันเถอะค่ะ
“ครับ เจียเอ๋อร์ข้าคือ หวงซีซวน” เสียงแหบทุ้มต่ำแฝงเสน่ห์ของหวงซีซวนยังคงเหลือร้ายเช่นเคย เวลาคล้ายหยุดนิ่งอีกครั้ง เจินไป๋เจียตอบกลับมาด้วยเสียงสั่นเครือ “ซีซวน ในที่สุดข้าก็ได้พบท่านกลับมาถึงบ้านข้าก็พลันนึกได้ว่านั่นอาจจะเป็นเพียงแค่ฝันไป” ทุกอย่างอยู่ในความเงียบ“เจียเอ๋อร์พรุ่งนี้ช่วงเช้าข้าจะไปมหาวิทยาลัยบ่ายเจ้าว่างหรือไม่” ยังมีหลายคำที่หวงซีซวนอยากเอ่ย เขาอยากกล่าวต่อหน้าหญิงสาวเท่านั้น “ทำไมต้องเป็นตอนบ่าย นาย…ไม่สิในเมื่อเรียนมหาวิทยาลัยแล้ว พี่ซีซวนเลิกเที่ยงฉันจะไปรับพี่เอง” เจินไป๋เจียปลื้มใจ ซีซวนนัดเธอ นัดเธอ “ได้ เรียนเสร็จพี่จะรอเจ้าที่ข้างหน้ามหาวิทยาลัย A” เพราะไม่เคยพูดคุยกันมาก่อนทำให้ทั้งสองเก้ ๆ กัง ๆ ไม่รู้จะเอ่ยอะไร “พี่ต้องไปเรียนและทำงานพิเศษด้วยใช่ไหม ฉันไม่กวนพี่ดีกว่า พี่พักผ่อนเถอะ…ฝันดีนะคะ” เจินไป๋เจียไม่คาดคิดว่าจะมีวันที่นางได้กล่าวคำว่าฝันดี “ฮืม … เจียเอ๋อร์ก็ฝันดีนะ” หวงซีซวนก็ไม่ต่างกันเท่าไรเขาไม่เคยแม้คิดจะชวนสตรีคุย ยิ่งเกิดใหม่ด้วยรูปร่างหน้าตาและฐานะยิ่งทำให้ไม่มีหญิงสาวเข้ามาหา เขาวางโทรศัพท์ลงมองม
ตอนที่ 44 ใช่ท่านหรือไม่ท่ามกลางหิมะที่กำลังโปรยปราย ผู้คนเดินขวักไขว่หนึ่งในนั้น มีเจินไป๋เจียเดินกางร่มเดินเลียบข้างทางเฉกคนอื่นมากมาย สีหน้าของแต่ละคมล้วนมีอารมณ์หลากหลาย ทั้งยินดีเศร้าสร้อย ส่วนสีหน้าของเจินไป๋เจียเต็มไปด้วยความผิดหวัง ตอนนี้ก็ผ่านมาหลายเดือนแล้วก็ยังไม่เจอหวงซีซวน ความคิดน้อยเนื้อใจก็เอ่อล้นขึ้นมา ไหนบอกว่าจะเป็นคนตามหานาง ทำไมจนปานนี้ยังไม่เจอ นางสืบค้นทั้งในเว่ยป๋อและออกตามหาก็ไม่พบชื่อหวงซีซวน หรือเขาไม่ได้มาเกิดในมิตินี้นางอาจจะต้องรอชาติต่อไปอีกหรือภายในใจของนางกลับเงียบเหงายิ่งนัก หวงซีซวนท่านอยู่แห่งหนใดกัน เจินไป๋เจียกลับมาถึงบ้านก็เจอมารดาที่กำลังรอคอยบอกข่าวดี “เจียเอ๋อร์ มีหนังสือจากมหาวิทยาลัย A ลูกได้รับคัดเลือกเข้าศึกษาในคณะเภสัชศาสตร์” เจินไป๋เจียฝืนยิ้มอ่อนโยนให้มารดา“ดีจังเลยค่ะแม่” จะว่ายินดีก็ไม่เชิง นางมีความทรงจำสามภพชาติเรื่องสอบมหาวิทยาลัยกลายเป็นเรื่องที่ไม่ตื่นเต้นเท่าไรนัก“เจียเอ๋อร์เด็กดี แม่ภูมิใจในตัวลูกที่สุด แม่โทรไปบอกพ่อแล้ว เราคุยกันอย่างไรวันนี้ก็ต้องฉลอง วันนี้เราจะไปทานข้าวนอกบ้านกั
ตอนที่ 43 ตามหาข่าวการเชื่อมสัมพันธ์การแต่งงานระหว่างองค์หญิงไป๋เจียเจียและอ๋องอู๋โหย่วอี้หรือแม่ทัพแดนบูรพาจากดินแดนเมฆาดังไปทั่วแคว้น แม้จะมีข่าวเศร้าจากการสูญเสียแม่ทัพหวงซีซวนก็ไม่ทำให้เกิดกลิ่นอายอัปมงคล ทุกคนต่างยินดีกับข่าวมงคลครั้งนี้ มีเพียงไป๋เจียเจียกลับที่รู้สึกเฉยชากับเรื่องดังกล่าว“ท่านควรจะยินดีกับสิ่งที่กำลังเกิด” จิ้งจอกน้อยเอ่ยบอก “ใช่ข้าควรยินดี ใกล้ถึงเวลาแล้ว ต่อไปนี้หลังแต่งงานจะตั้งใจฝึกและบำเพ็ญเพียร” ไป๋เจียเจียไปจัดการเรื่องของซีหรงกับหม่าจื่อเหลียนด้วยตนเองที่จวนแม่ทัพหวง นางปรายตามองต่ำมองทุกคนที่มารับเสด็จด้วยความรู้สึกเย็นชา ภายใต้ร่างอรชนงดงามแผ่รังสีกดดันให้ผู้คนหายใจไม่ออก “กระหม่อมรับบัญชา จะรีบจัดการส่งแม่สื่อไปสู่ขอหม่าจื่อเหลียนมาเป็นฮูหยินเอกให้เร็วที่สุดพ่ะย่ะค่ะ” นายท่านหวงบิดาของหวงซีซวนกล่าวด้วยน้ำเสียงนอบน้อม องค์หญิงไป๋เจียเจียนอกจากจะเป็นปรมาจารย์แล้ววาสนาสูงส่งมีสัญญามั่นหมายกับอ๋องต่างดินแดนพระบารมีแผ่กว้างใหญ่ยิ่งกว่าฮ่องเต้องค์ปัจจุบันเสียอีก ไป๋เจียเจียชำเลืองมองไปยังร่างอรชนของฮูหยินรองหม่าที่กำลังหมอบ
ไป๋เจียเจียร้องให้แทบขาดใจ น้ำเสียงของนางคล้ายกำลังอ้อนวอนสวรรค์ขอให้นางได้กลับตัว ทุกคนที่มองต่างไม่เชื่อว่าไป๋เจียเจียจะมีใจให้หวงซีซวนเพียงนี้ “หวงซีซวนเป็นข้าที่ผิดเอง ฮื้อ ฮื้อ…” ความรู้สึกโทษตัวเองถาโถมเข้าใส่นางราวกับทะเลคลั่ง “เจียเอ๋อร์ชาตินี้เป็นข้าเองไม่เหมาะสมกับเจ้า…ข้าขอร้องเจ้า ให้ความผิดของข้าในชาตินี้กลายเป็นเถ้าถ่านไปพร้อมกับร่างของข้า ชาติหน้าข้าจะชดเชยทุกอย่างให้เจ้า ตามหาเจ้า เราจะชมทะเลดาวใต้แสงจันทราด้วยกัน"เสียงของหวงซีซวนแหบแห้งแผ่วเบา แม้จะมีคำพูดมากมายที่อยากจะเอื้อนเอ่ยทว่าตอนนี้เขาเพียงกุมมือของหญิงสาวถ่ายเทความอบอุ่นผ่านฝ่ามือที่เยือกเย็น “ไม่ ๆ ๆ ท่านจะต้องไม่เป็นอะไร” ไป๋เจียเจียเสียใจอย่างรุนแรง คล้ายมีคนคว้างหัวใจนางออกมาบดขยี้เสียงร้องไห้ของนางบอกถึงความเจ็บปวดทรมานเสียดแทงเข้าไปถึงในกระดูก นางมองดูพิษอสูรค่อย ๆ กัดกร่อนร่างกายของหวงซีซวนจนกลายเป็นเถ้าถ่าน ปลิวล่องไปตามสายลม นางลนลานพยายามคว้าไม่ให้มันหลุดลอย ทั้งที่อยู่ในอ้อมกอดของแต่นางก็ไม่สามารถหยุดยั้งได้ ชาติที่แล้วโชคชะตาลิขิตให้นางลืม ไยชาตินี้ถึงให้นางจดจำได้เพีย
ตะวันฉายแสงพ้นผ่านอีกคืน ไป๋เจียเจียแทบไม่ได้นอนเพราะดูแลเด็กทารกแรกเกิดก่อนกำหนดด้วยตนเอง แม้จะอ่อนแรงทว่ารุ่งเช้านางก็อุ้มเด็กน้อยออกมารับแสงตะวัน ชำเลืองดูมองไปเห็นร่างของหวงซีซวนยังอยู่ที่เดิม สีหน้าของชายหนุ่มซีดเซียวไร้สีเลือด การปะทะเมื่อวานคาดว่าชายหนุ่มคงได้รับบาดเจ็บเช่นเดียวกัน ลางสังหรณ์ผุดขึ้นมาในใจ คาดว่าหวงซีซวนอาจจะได้รับพิษอสูร ฉับพลันดั่งมีมีดปักลงมากลางใจ เสียงกรีดร้องของเจินไป๋เจียภายในจิตใจดังกึกก้องประหนึ่งโดนสายฟ้าฟาด ไป๋เจียเจียยืนตัวสั่นเทานางไม่เข้าใจกับท่าทีของตนเองหรือวิญญาณของเจินไป๋เจียยังคงเหลืออยู่ในร่าง นางส่งเด็กให้ชิงอีด้วยมือที่สั่นเทาก่อนจะก้าวเท้าเข้าไปใกล้หวงซีซวน ทุกย่างก้าวเป็นไปอย่างยากลำบากทว่าอีกใจก็แทบจะถลาเข้าไปดูชายหนุ่ม เมื่อนั่งลงข้างกายนางหยิบมือของชายหนุ่มขึ้นมาจับชีพจร แทบไม่เหลือร่องรอยของการมีชีวิต อวัยวะภายในโดยทำลายด้วยพิษอสูรจนแทบไม่เหลือชิ้นดี “ซีซวน ทำไมท่านดื้นรั้น ทำไมท่านไม่บอกข้า” นางเอ่ยถามทั้งที่ตนเองก็ไม่เข้าใจว่าไยนางเอ่ยเช่นนั้น น้ำตาเริ่มเอ่อล้นขึ้นมา ภายใต้จิตใจที่ใกล้จะล่องลอย หวงซีซวนได้