อวิ๋นซือยิ้มบาง ดวงตาโค้งรีเล็กน้อย เสี่ยวเซียงนับว่าทำให้นางได้เปิดหูเปิดตาแล้ว สาวใช้คนหนึ่งสามารถคิดอ่านได้ขนาดนี้ นางที่เป็นเจ้านายชื่นชมนัก
ทว่า... อีกฝ่ายเลือกวางเดิมพันผิดคนแล้ว มิใช่ว่าร่างกายไม่อาจมีบุตร แต่เป็นนางเองต่างหากที่ไม่ต้องการมี ดังนั้นยาบำรุงที่ฮูหยินผู้เฒ่าและหลันชิงมอบให้จึงเป็นได้แค่ของไร้ค่า เมื่อถูกผสมเข้ากับยาห้ามตั้งครรภ์ที่ใส่เพิ่มลงไป นับตั้งแต่รู้ว่าตนเองต้องตบแต่งเข้าสกุลหลัน หญิงสาวก็ศึกษาตัวยาที่จะนำมาใช้และทำให้เกิดผลข้างเคียงน้อยที่สุด นางจึงใช่ว่ามีบุตรไม่ได้ ทว่าตั้งใจไม่มีเองต่างหาก
นางมิอาจรักหลันชิงต่อไปได้ ยิ่งเห็นการกระทำที่ไร้ใจของอีกฝ่ายก็ยิ่งไม่กล้าผูกพันด้วย จึงไม่คิดมีทายาทสืบทอดให้แก่เขา แต่ในสังคมที่ไร้ปากเสียงของสตรี นางจึงไม่มีสิทธิ์เป็นฝ่ายหย่าขาดสามีเอง อีกทั้งมารดาที่อยู่ในจวนเสนาบดีก็ยังต้องพึ่งพาตำแหน่งฮูหยินใหญ่สกุลหลัน เพื่อพยุงฐานะของฮูหยินเอกของตัวเองไว้ ดังนั้นอวิ๋นซือจึงต้องจำยอมแบกรับสถานะในตอนนี้
ทว่าใจดวงนี้กลับไม่เคยหยุดคิดที่จะโบยบินเลยสักครา
หวังเพียงสักวันหนึ่ง มารดาจะเห็นตนสำคัญกว่าบุรุษใจดำที่อีกฝ่ายงมงาย และเมื่อวันนั้นมาถึง นางก็คงได้โบยบินสู่ฟ้ากว้างสมดั่งใจหวัง
“เสี่ยวเซียง ใช่ว่าข้าไม่อยากช่วยเหลือเจ้า แต่จนใจที่มิอาจฝ่าฝืนคำสั่งของฮูหยินผู้เฒ่า”
เสียงหวานเอ่ยถ้อยคำจนใจ แต่เสียวเซียงรู้นิสัยอดีตเจ้านายของตัวเองดี ถ้าอีกฝ่ายคิดช่วยเหลือมีหรือจะทำไม่ได้ ที่สำคัญ... แม้อวิ๋นซือจะไม่ได้ลงมือด้วยตัวเอง ทว่านางมั่นใจว่าคนตรงตรงหน้าต้องอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ครั้งนี้เป็นแน่
นางยังมีความหวังอยู่ ขอเพียงยื้อเวลาให้นายท่านกลับมา ด้วยความโปรดปรานที่มีให้เห็นตลอดสองสามวันมานี้ เขาต้องยื่นมือช่วยเหลือนางเป็นแน่
อวิ๋นซือมองท่าทางไม่ยอมแพ้พลางอมยิ้ม เสี่ยวเซียงช่างคิดและฉลาดทำ ทว่ากลับมองคนไม่ออก ดูใจชายไม่ทะลุ อีกฝ่ายยังหวังว่าหลันชิงจะออกหน้าช่วยเหลือตัวเองสินะ และอวิ๋นซือผู้นี้ก็เป็นคนใจดีที่อยากเตือนให้ใครบางคนตื่นจากฝันเสียด้วย!
ร่างบางรั้งเท้ากลับ เตรียมจะหันหลังผละจากมา พลางเอ่ยประโยคเห็นใจ “คำสั่งของฮูหยินผู้เฒ่ามิอาจไม่กระทำตาม เจ้าทำใจเสียเถอะ” หางตาเห็นเงาร่างสูงในชุดตัวยาวสีอ่อน เรียวปากสีสดขยับอีกครา ดวงตาเปล่งประกายคมกริบ
“แต่เกรงว่าสาวใช้หน้าตางดงามอย่างเจ้า... คงหลีกหนีชะตานางโลมมิพ้น!”
เสียงนั้นดังออกมาแผ่วเบา ทว่าคนที่คุกเข่าได้ยินชัดเจน เสี่ยวเซียงผวาเฮือก นางโลมอย่างนั้นหรือ ตอนที่อีกฝ่ายพบก็เป็นตอนที่นางกำลังจะถูกขายเข้าหอนางโลมเช่นกัน ทำให้ในใจสาวใช้เกิดความคับแค้นพุ่งขึ้นมาทันที
“เจ้าเองสินะที่อยู่เบื้องหลัง ฮูหยินใหญ่ที่ออกไข่ไม่ได้อย่างเจ้าคิดอิจฉาข้าสินะ ถึงได้ใช้แผนการอุบาทว์เยี่ยงนี้!”
อีกฝ่ายว่าพลางขยับพุ่งเข้าใส่ อวิ๋นซือแสร้งผงะ ก้าวเท้าถอยอย่างตกใจ นางพลันเสียหลักจนร่างผวาหงายหลัง ท่ามกลางเสียงร้องตกอกตกใจของสาวใช้ข้างกาย
“ฮูหยินใหญ่!”
ร่างบางของอวิ๋นซือมิได้หงายลงกับพื้นดั่งที่ทุกคนคาดคิด แต่กลับถูกโอบประคองโดยบางคนที่มาใหม่เสียก่อน พอเห็นใบหน้าของผู้มา สาวใช้ก็ร้องประสานเป็นเสียงเดียวกัน
“นายท่าน!”
หลันชิงโอบรัดเอวบางของฮูหยินไว้ ดวงตาคมหรี่มองหลายคนแล้วถามเสียงขรึมผิดกับยามปกติ “นี่มันเรื่องอะไรกัน”
เสี่ยวอิงกับเสี่ยวหยวนมองร่างในอ้อมแขนอีกฝ่ายด้วยท่าทางลำบากใจ เสี่ยวเซียงเห็นดังนั้นก็แสยะยิ้ม มั่นใจว่าที่สาวใช้ทั้งสองอ้ำอึ้งต้องเป็นเพราะเกรงว่า นายท่านจะรู้เรื่องที่พวกนางนายบ่าวรวมหัวกันกลั่นแกล้งตนเป็นแน่
ครั้นเห็นอดีตสาวใช้ถลาเข้ามากอดขาบุรุษข้างกาย อวิ๋นซือก็แค่นหัวเราะในลำคอ นางอยากดูการแสดงฉากต่อไปเร็วๆ เสียแล้ว
“นายท่าน... ท่านต้องช่วยเสี่ยวเซียงนะเจ้าคะ ฮูหยินใหญ่กลั่นแกล้งข้าเจ้าค่ะ”
ดวงตาสีนิลสบประสานกับผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นสามี นางคลี่ยิ้มบาง ทว่าแววตากลับแดงก่ำแฝงแววผิดหวัง ร่างบางขยับตัวยืนด้วยตนเองพลางเบี่ยงกายออกจากอ้อมแขนแกร่ง
หลันชิงให้รู้สึกวูบวาบอย่างประหลาด ฮูหยินผู้อ่อนโยนของเขาก็มีมุมเจ้าแง่แสนงอนแบบนี้ด้วยหรือ ที่ผ่านมาทำไมเขาจึงไม่เคยรู้เลยนะ
“เกิดอะไรขึ้น ใครบอกข้าได้บ้าง”
ไม่ทันที่เสี่ยวเซียงจะร่ำร้องรำพัน เสี่ยวอิงก็ถลาเข้ามาคุกเข่ากรีดเสียงร้องไห้โฮเสียก่อน กิริยาท่าทางเต็มไปด้วยความโศกเศร้าเสียใจอย่างแท้จริง
“นายท่านโปรดให้ความยุติธรรมแก่ฮูหยินของบ่าวด้วยเถอะเจ้าค่ะ ฮูหยินใหญ่ดูแลจวน ปรนนิบัตินายท่านและฮูหยินผู้เฒ่าไม่เคยบกพร่อง มีครั้งใดบ้างทำเรื่องไม่ดี แต่กลับต้องถูกคนว่าร้ายให้เจ็บใจ”
เสี่ยวเซียงสะดุ้งเฮือก นางไม่คาดว่าเสี่ยวอิงจะชิงเอ่ยปากฟ้องก่อน ทำให้ปฏิกิริยาโต้ตอบช้ากว่าปกติไปโข
“ใครกล้าล่วงเกินฮูหยินใหญ่!” น้ำเสียงเย็นเยียบเอ่ยถาม ดวงตาคมจับจ้องร่างบางของผู้เป็นภรรยาไม่ละสายตา ทว่าอีกคนกลับแสดงออกเพียงความเงียบงันกับท่าทางปั้นปึ่ง เสี่ยวอิงเห็นเช่นนั้นก็รีบเช็ดน้ำตาบนใบหน้าแล้วเอ่ยต่อ
“เสี่ยวเซียงผู้นี้ แรกเริ่มเดิมทีเป็นสาวใช้ติดตามฮูหยินมาจากจวนเสนาบดี นางหายไปจากเรือนโดยไม่บอกอยู่สองสามวัน ทว่าพอวันนี้นางทำความผิดจนถูกฮูหยินผู้เฒ่าสั่งขาย จึงมาขออ้อนวอนขอให้ฮูหยินใหญ่ช่วย แม้เจ้านายบ่าวมีใจจะช่วย แต่ก็มิอาจขัดคำสั่งของฮูหยินผู้เฒ่า จึงได้ออกมาบอกนางด้วยตัวเอง มิคาดว่าหญิงลืมกำพืดผู้นี้จะหาญกล้าด่าว่าฮูหยินของบ่าวไม่พอ ยังคิดทำร้ายอย่างที่นายท่านเห็นเมื่อครู่เจ้าค่ะ”
เสี่ยวอิงพ่นวาจาไม่หยุด ความแค้นที่อีกฝ่ายหักหลังเเว้งมาทำร้ายเจ้านาย ทำให้นางไม่คิดสงสารอดีตสาวใช้รุ่นพี่สักนิด อวิ๋นซือมองแล้วให้ขบขัน แต่สาวใช้ตัวน้อยของตนปูทางมาขนาดนี้แล้ว นางที่เป็นเจ้านายจะทำน้อยกว่าได้อย่างไรเล่า
“ข้าเองก็เพิ่งรู้เช่นกันว่าท่านแม่สั่งขายสาวใช้คนหนึ่งที่ติดตามข้ามาจากจวนเก่า โดยไม่ได้เอ่ยคำพูดอะไรกับข้าเลย”
พอฟังคำพูดของเจ้านายเก่า เสี่ยวเซียงก็พลันมีสีหน้าดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด อีกฝ่ายคงกลัวนางจะฟ้องนายท่านถึงความผิดของตัวเองสินะ ถึงได้คิดจะเอ่ยปากช่วยเหลือ ทว่าประโยคถัดไปก็ทำเอานางแข็งค้างอีกครา
“แต่ข้าเป็นลูกสะใภ้ ย่อมต้องปรนนิบัติแม่สามีสุดใจ เมื่อท่านแม่สั่งการเรื่องนี้จึงมิได้ขัด แต่ไม่นึกว่าการยอมทำตามคำสั่งของท่านแม่ กลับทำให้มีคนใช้มันมาด่าว่าไร้น้ำใจกลั่นแกล้งบ่าวไพร่ได้ และยิ่งไม่นึกมาก่อนอีกด้วยว่าฐานะฮูหยินใหญ่ของข้า แม้แต่การขายสาวใช้คนหนึ่งยังต้องถูกประณามเยี่ยงนี้”
กล่าวจบร่างบางก็พลันส่งมือให้สาวใช้ประคองกลับขึ้นเรือนของตน หลันชิงหาใช่คนโง่งม นางเอ่ยวาจาเป็นแนวทางถึงเพียงนี้ มีหรือที่อีกฝ่ายจะไม่เข้าใจ
ร่างสูงยืนมองสตรีที่นั่งบนพื้นด้วยแววตาเฉยชา จดจำได้ว่าตนเจอหญิงผู้นี้เมื่อคืนก่อน นางมารายงานเรื่องฮูหยินใหญ่ไม่สบายและเข้าพักผ่อนไปแล้ว อีกทั้งยังเอ่ยอีกว่าถูกส่งมารับใช้เขาแทน
ใช่ว่าหลันชิงจะมองไม่ออกเรื่องที่อีกฝ่ายหวังขึ้นเตียง ทว่าชายหนุ่มก็ไม่คิดปฏิเสธอันใด ด้วยรูปร่างหน้าตาและท่าทางยั่วยวนของนาง แต่วาจาของอวิ๋นซือแฝงความหมายทำให้เขาไม่อาจมองข้าม
ในคฤหาสน์หลังนี้มีอะไรบ้างที่เขาทำไม่ได้ เพียงแต่เรื่องสาวใช้ตรงหน้าทำให้นางถูกลบหลู่เกียรติ จึงได้เอ่ยวาจาเป็นนัยมาแทนคำต่อว่า เขารับสาวใช้ข้างกายนางขึ้นเตียงโดยไม่บอก ถือว่าไม่ไว้หน้านางในฐานะภรรยา
มารดาของเขาสั่งขายคนติดตามจากบ้านเดิม แม้นางรู้สึกแย่ แต่ก็ยังทำตาม ทว่ากลับถูกสาวใช้คนหนึ่งหยามเกียรติด้วยการตีตนเสมอ วูบหนึ่งหลันชิงให้รู้สึกผิดต่อฮูหยินของตนไม่น้อย อีกทั้งยังกิริยาแง่งอนที่น่ามองนั่นอีก
เพราะในหัวมีแต่เรื่องคนที่จากไป ไฉนเลยหลันชิงจะมัวมาสนใจสาวใช้ที่นั่งบนพื้น เขาเพียงสั่งให้อาเต๋อจัดการเรื่องราวต่อ ส่วนตัวเองก็ก้าวไปยังเรือนพักของมารดาแทน
“ติดต่อพ่อค้าทาสมา ขายนางออกไปให้ไวที่สุด”
นัยน์ตาเสี่ยวเซียงเบิกค้าง ลืมกระทั่งกรีดร้องออกมา นายท่านสั่งขายนางให้พ่อค้าทาสโดยไม่คิดไต่ถาม คนผู้นั้นไม่อาลัยช่วงเวลาที่ตนปรนนิบัติบ้างเลยหรือไรกัน จวบจนร่างสูงจากไปลับตา นางก็ถูกบ่าวชายลากตัวให้เดิน อดีตสาวใช้ข้างกายฮูหยินใหญ่ก็ยังไม่อาจเข้าใจได้
ตั้งแต่ต้นจนจบนายท่านไม่ได้เอ่ยถึงแจกันต้นเหตุแม้แต่คำเดียว แล้วเขาโมโหนางด้วยเรื่องใดกัน หรือว่า... ฮูหยินใหญ่...
ในเรือนเสวี่ย อวิ๋นซือฟังข่าวจากเสี่ยวอิงด้วยสีหน้าเรียบเฉย อดีตสาวใช้ถูกขายให้แก่พ่อค้าทาส จบคืนวันดีๆ แต่เพียงเท่านี้ พ่อค้าเหล่านั้นเป็นพวกกินเนื้อไม่เหลือกระดูกข้อนี้ทุกคนล้วนรู้ดี หญิงสาวคิดแล้วก็พลันถอนหายใจอวยพรให้อีกฝ่ายเเกนๆ
แต่อย่าหวังว่านางจะปรานีอีกฝ่ายให้ยาก เทพธิดาหมากูแก้วเจียระไนนั่นมีเพียงคนในเรือนเท่านั้นที่รู้ที่เก็บ เพราะเดิมทีอวิ๋นซือคิดจะให้ฮูหยินผู้เฒ่าประหลาดใจจึงไม่ให้ใครแพร่งพรายเรื่องนี้
แล้วไฉนอนุซิ่วกับอนุหมิ่นจึงล่วงรู้ หากไม่มีผู้ใดบอก พวกนางจะมาตบตีกันเพื่อสร้างเรื่องทำลายของขวัญได้อย่างไร อีกทั้งอนุเจียวกับฮูหยินห้าจะรู้ได้อย่างไรว่าสิ่งที่นางเตรียมเป็นรูปสลักพระโพธิสัตว์ไม้จันทน์หอม ถ้าคนในไม่แพร่งพรายออกไป
ต้องบอกว่าเสี่ยวเซียงรนหาที่เอง เจ็ดปีก่อนเป็นนางที่มอบชีวิตให้ อีกฝ่ายไม่เพียงจะไม่สำนึกแต่ยังลอบคิดร้าย เช่นนั้นนางก็ขอรับสิ่งที่ให้คืนแล้วกัน และขอรวมดอกเบี้ยอีกนิดหน่อยด้วย
มือขาวเนียนหยิบจดหมายจากมารดาที่คนเพิ่งนำมาส่งใส่ลงในกล่อง มารดาเขียนมาบอกว่าที่บิดาคิดปลดนางแล้วยกฮูหยินสามขึ้นแทนนั้นเป็นเพียงข่าวลือ และวันนี้บิดาได้เอ่ยปากยืนยันต่อหน้าทุกคนแล้ว
มารดาของนางช่างอ่อนต่อโลกและงมงายนัก จึงเชื่อคำชายผู้ไม่เคยรักตนเอง
เพราะเมื่อรับรู้ข่าวเรื่องนี้ อวิ๋นซือก็เข้าใจทันที นี่เป็นการชดเชยของหลันชิงและฮูหยินผู้เฒ่าในเรื่องสาวใช้เสี่ยวเซียง แน่นอนว่าหญิงสาวย่อมรู้ดีว่าเรื่องจะต้องจบแบบนี้ ก็บอกแล้วอย่างไรล่ะว่าสามีของนางนั้นแสนดี
นางยกมุมปากยิ้มงดงามด้วยความเคยชิน ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าไม่จำเป็น เพราะอีกฝ่ายไม่ได้อยู่ตรงนี้ ส่วนเรื่องของเสี่ยวเซียงน่ะหรือ นั่นเป็นเพราะนางรนหาที่เอง สาวใช้ทรยศที่คิดร้ายคนหนึ่งแลกกับการช่วยเหลือของสามีและมารดาของเขา... นับว่าคุ้มค่าอยู่
ยามเย็นสามีที่แสนดีก็ส่งคนมาบอกว่าจะมาค้างด้วย อวิ๋นซือยิ้มรับด้วยใบหน้าแดงเรื่อ ยามบอกบ่าวผู้นั้นว่าเข้าใจแล้ว ก่อนจะสั่งให้สาวใช้ปรนนิบัติตนเองอาบน้ำด้วยสีหน้าเฉยเมย
‘ได้เวลาต้องทำงานให้สมค่าจ้างแล้วสินะ’ นางยังต้องพาสามีกลับไปเยี่ยมมารดาในอีกสองวัน ‘เช่นนั้นวันนี้ก็คงต้องพยายามสักหน่อยแล้ว’
ค่ำคืนนี้จันทราดวงโตโผล่พ้นขอบฟ้า แต่ดาราดวงใดเล่าที่จันทร์เจ้าจะเลือกเคียงคู่
ยามเหม่ามาเยือน รอบด้านเริ่มสว่างรำไร แว่วเสียงสกุณาขับขาน แสงสีส้มสาดส่องตรงขอบฟ้า ไล่สีสว่างขึ้นเรื่อยๆร่างสูงในอาภรณ์สีดำตัวยาวก้าวผ่านสวนดอกไม้ละลานตา ขาเรียวเหยียบย่างก้าวสู่ด้านในตัวเรือน สายตามองตรงไปยังประตูห้องนอนเขม็งที่หน้าห้องมีร่างสาวใช้คนสนิทของอวิ๋นหานอยู่สองคน พวกนางมองบุรุษผู้มาพร้อมกลิ่นอายเย็นชาด้วยสายตาตื่นตระหนก แต่ยังคงพยายามทำหน้าที่ขัดขวางอีกฝ่ายไว้“หลีกไป! ข้ามีธุระต้องคุยกับคนข้างใน ไม่มีเวลามาวุ่นวายกับพวกเจ้าหรอก” ฉิงเหวินฟู่เอ่ยขณะที่ดวงตาฉายความหงุดหงิด เขาไม่ใช่คนรักหยกถนอมบุปผาก็จริง แต่การจะให้ทำร้ายสตรีนั้นหาใช่นิสัยไม่ เพราะเหตุการณ์ที่เรือนรับรองของอวิ๋นซือเมื่อครู่พาให้อารมณ์ขุ่นมัวมิใช่น้อย การแสดงออกในยามนี้จึงดุดันและแฝงแววข่มขวัญยิ่งจงเหมยกับจงหมิงมองหน้ากัน ดวงตามีแววตกใจพาดผ่าน ไฉนคุณชายฉิงผู้นี้จึงพูดเหมือนรู้ว่านายท่านหลันอยู่ด้านในกันเล่า“คุณชายโปรดรั้งเท้า คุณหนูของพวกเรากำลังพักผ่อนอยู่ในห้อง ชายหญิงมิอาจใกล้ชิดจนเกินงาม ขอท่านโปรดให้เกียรติด้วย”เป็นจงเหมยที่เอ่ยปากขึ้น นางไม่รู้ว่าอีกฝ่ายทราบอะไรมา แต่ถ้าใครรู้ว่าคุณหนูร่วมห้องกับ
หมับ!มือแกร่งของใครบางคนยื่นมาคว้าคอเสื้อผู้ที่อยู่ข้างบน พลางออกแรงดึงรั้งคุณชายรองสกุลซูให้ออกห่างจากร่างด้านล่าง ดวงตาผู้มาใหม่ทอประกายวาวโรจน์ สีหน้าของเขาดำคล้ำทั้งยังแผ่กลิ่นอายเกรี้ยวกราดอวิ๋นซือไม่สนใจมองผู้มาใหม่ เมื่อเห็นซูเจี่ยนถูกหิ้วห่างออกไป ปิ่นที่ถืออยู่ในมือพลันพุ่งเข้าใส่เบ้าตาซ้ายของเขาทันทีที่มีโอกาสคนผู้นี้บีบคั้นนางจนเกือบต้องปลิดชีวิตตนเอง ไม่เอาคืนอีกฝ่ายในยามนี้จะไปทำยามไหน“อ๊าก!!!”เสียงร้องของคุณชายซูดังลั่นเรือนรับรอง เลือดแดงฉานทะลักไหลราวกับเป็นน้ำตาสีโลหิต แม้อวิ๋นซือจะเป็นคนลงมือเอง แต่ก็ยังมีใบหน้าซีดขาวด้วยความตกใจ เพราะแต่เดิมนางหาได้เคยทำอะไรแบบนี้ไม่อย่าว่าแต่อวิ๋นซือจะตกใจเลย ร่างสูงในอาภรณ์สีดำที่อยู่ตรงนั้นก็ตะลึงเช่นกัน เมื่อเห็นการลงมือที่เฉียบขาดของสตรีตรงหน้าชายหนุ่มเหวี่ยงคนในมือลงบนพื้นทันควัน จากนั้นจึงก้มลงหยิบผ้าห่มผืนใหญ่ที่ตกอยู่ข้างเตียงขึ้นมาคลุมศีรษะอีกคนจนมิด ก่อนจะลากร่างที่กรีดร้องอยู่ข้างเตียงมาจัดการใกล้ๆ หน้าประตูเสียงหมัดเสียงเท้าดังกระทบเนื้อ อวิ๋นซือยังคงนั่งนิ่งตัวสั่นอยู่ใต้ผืนผ้า นางมองความมืดที่แสงสว่างเข้าไม่ถึ
หลังกลับจากงานเลี้ยง อวิ๋นซือที่รู้สึกล้าจนไม่อยากทำอะไรก็ปล่อยให้สาวใช้ทั้งสองปรนนิบัติตัวเองเพื่อเปลี่ยนชุดเข้านอนนางมองด้านนอกที่ยังมืดสนิทพลางกล่าวไล่คนสนิทไปพักผ่อน เสี่ยวอิงกับเสี่ยวหยวนยามแรกยังดื้อดึงที่จะเฝ้าหน้าห้อง แต่พอคิดถึงว่าอีกเดี๋ยวนายท่านคงจะกลับมา จึงยอมพากันจากไปพักผ่อนอวิ๋นซืออมยิ้มบางๆ นางฟังเสี่ยวอิงเอ่ยกำชับด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงแล้วให้ขบขัน เด็กสาวเมื่อวันวานกลายเป็นยายแก่ขี้บ่นในวันนี้เสียแล้ว กาลเวลาช่างเปลี่ยนผู้คนเสียจริง ร่างบางคว้าเสื้อคลุมมาสวมตามคำเตือน รอจนอีกฝ่ายปิดประตูเรียบร้อยจึงได้ก้าวมาหยุดยืนมองออกไปนอกหน้าต่าง แววตาสีนิลเข้มขึ้นจนลึกล้ำเสียงไก่ขันแว่วมาตามสายลม บอกเวลาแทนคนเคาะโมงยามได้ดี อวิ๋นซือเลิกรอคอยใครบางคนแล้วหันกลับไปขึ้นเตียงบอกแล้วอย่างไรเล่าว่ากำแพงที่ฐานไม่ดี ไม่ช้าก็เร็วย่อมต้องพังทลาย...แสงไฟจากในห้องดับลงไปแล้วพร้อมกับอวิ๋นซือที่เริ่มง่วงงุน นางปรือตามองข้างกายที่ว่างเปล่า มือเล็กขยับลูบบนผืนผ้าที่เย็นเฉียบ ก่อนจะค่อยๆ ปล่อยให้ความง่วงงุนเข้าครอบงำผ่านไปเนิ่นนานขอบฟ้าเริ่มสว่างไม่ดำสนิท ร่างสูงของบุรุษผู้หนึ่งพลันปรากฏกายขึ
ฉิงเหวินฟู่มองใบหน้าเล็กที่ยามนี้แดงก่ำอย่างเฉยชา เห็นซูลี่หลินมีท่าทีอับอาย นางเกาะกุมแขนญาติผู้พี่ไว้แน่น ดวงตาคู่สวยคลอน้ำใสเต็มหน่วยตา ท่าทางกิริยาล้วนน่าถนอม ผู้คนในงานล้วนให้ความเห็นใจ พวกเขามาร่วมงานฉลองครั้งนี้ ก็เพราะสกุลตระกูลซูปล่อยข่าวออกไปเรื่องการหมั้นหมายของคุณหนูซูกับคุณชายตระกูลสกุลฉิงแทนที่จะได้เห็นภาพยินดีของงานมงคล กลับได้เห็นบุรุษอกสามศอกกลั่นแกล้งสาวน้อยผู้น่าสงสารแทนเสียนี่ฉิงเหวินฟู่ยังคงนั่งเฉย ไม่เอ่ยปากหรือไม่พูดคุยกับผู้ใด วางตนอยู่เหนือเรื่องราวทั้งมวล เขาเคยสัญญาหรือว่าจะตบแต่งอีกฝ่าย ที่ยินยอมมาก็เพื่อเผื่อว่าจะทำให้ตาแก่ที่คฤหาสน์พอใจได้บ้างทว่าปู่ของเขาหาใช่คนแก่แก่ธรรมดาเหมือนใครที่ไหน แค่เห็นท่าทีเสแสร้งแกล้งทำนั่นก็ ขี้คร้านจะไล่ฟาดหลังตนแทบไม่ทันน่ะสิแต่งภรรยาทั้งทีใครจะอยากได้สตรีที่ตีสองหน้าทั้งวี่ทั้งวันกัน เขาฉิงเหวินฟู่ไม่ใช่นายโรงละครงิ้ว จะได้ชื่นชอบดูการแสดงตลอดเวลา อีกทั้งต่อให้เป็นก็ไม่เอาคนที่ด้อยฝีมือด้อยจนเห็นได้ชัดอย่างนี้แน่นอนอวิ๋นซือมองซูลี่หลินที่มีท่าทีเสียใจจนหลันชิงต้องประคองออกไปพลางส่ายศีรษะหัว คุณชายฉิงผู้นี้ช่างไม่รักห
ฮูหยินใหญ่ของพวกนางเปลี่ยนไป!เสี่ยวอิงกับเสี่ยวหยวนบอกตัวเองซ้ำๆ พวกนางพากันมองภาพคนงามออดอ้อนพลางเย้าหยอกบุรุษข้างกายด้วยกิริยาอ่อนหวาน ถึงขนาดดวงตาแข็งค้าง นั่นคือเจ้านายของพวกนางจริงหรือ ไม่ใช่ผู้อื่นปลอมตัวมาแน่นะอวิ๋นซือไม่รับรู้ถึงความในใจของคนสนิท นางทำเพียงยิ้มหวานจนถึงดวงตา ปล่อยให้สามีโอบประคองร่างตนเองไว้ในวงแขน พลางหลับตาพริ้มเมื่อริมฝีปากอุ่นร้อนประทับลงตรงหว่างคิ้ว“อีกไม่กี่วันก็จะถึงวันเกิดของเจ้าแล้วนี่”เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นข้างหูชวนให้วาบหวาม นางทำเพียงพยักหน้ารับพร้อมด้วยท่าทีเอียงอาย ผู้เป็นสามีมองกิริยาเก้อเขินด้วยความเอ็นดู พลางตัดใจไม่แกล้งภรรยาของตนต่อ“ใช่เจ้าค่ะ ต้นเดือนสิบก็จะถึงวันครบรอบสิบเจ็ดปีของน้อง” ร่างบางตอบเสียงหวาน ทุกการกระทำล้วนสื่อถึงความรักใคร่ผู้ชายของตนอาอิ้นที่ยืนรอรับใช้อยู่ด้านนอกเห็นแล้วยังอดยิ้มตามไม่ได้ มาลั่วหยางคราวนี้ถือว่าไม่เสียเที่ยวจริงๆ ในที่สุดนายท่านกับฮูหยินใหญ่ก็เข้าใจกันได้เสียที“อือ... ปีก่อนไม่ได้เตรียมตัว มอบให้เจ้าเพียงของขวัญทั่วไป ปีนี้ฮูหยินอยากได้สิ่งใด สามีจะไปหามามอบให้เจ้า แม้ดวงเดือนหรือดวงดาวพี่ก็คว้ามาให้เจ้า
ดรุณีน้อยนางนั้นสวมอาภรณ์สีชมพู กิริยาน่ารักสดใส ใบหน้างดงาม มีเค้าคล้ายอวิ๋นซือไม่น้อย เจ้าตัวพูดคุยกับหลันชิงด้วยท่าทางสนิทสนมพอเสี่ยวอิงเห็นก็พลันตกใจจนต้องเอ่ยขึ้น “เอ๊ะ! นั่นคุณหนูรองนี่เจ้าคะ นางมาลั่วหยางได้อย่างไร”อวิ๋นซือมองอยู่ไม่นานก็รั้งสายตากลับ ผละมานั่งให้เสี่ยวหยวนจัดการผมที่เปียกชื้นของตัวเอง มุมปากยังคงอมยิ้มตามความเคยชินทำไมจะมาไม่ได้เล่า ฮูหยินสามหลิงจีแห่งจวนเสนาบดีกรมคลังกับซูฮูหยินเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน พวกนางสนิทสนมกันมาแต่ไหนแต่ไร ไม่แปลกหากอวิ๋นหานจะใช้โอกาสนี้มาร่วมงานเพื่อจะได้พบหน้าบุรุษที่นางใฝ่หาครั้นเห็นสามียังคงมีสีหน้าอ่อนโยนนุ่มนวลกับรอยยิ้มหวานของผู้เป็นน้องสาวร่วมบิดา อวิ๋นซือก็อดยิ้มบ้างไม่ได้ จริงอยู่ที่หลันชิงไม่ใช่ขุนนางมีอำนาจ แต่เขาคือพ่อค้าที่มีเงิน และบิดาของนางก็คือคนที่ต้องการมันมากที่สุดเกือบสองปีที่ผ่านมา หลันชิงเสียเงินส่วนนี้ให้ท่านพ่อของนางไปไม่น้อย จวนเสนาบดีกรมคลังไม่ต่างจากเปลือกหอยที่ข้างนอกคงอยู่ดี แต่ข้างในนั้นกลวงโบ๋ เพราะความมือใหญ่ใจเติบของบิดา เกรงว่าอีกฝ่ายคงเริ่มไม่ไว้ใจนาง และคงกังวลว่าขุมทรัพย์เยี่ยงหลันชิงจะหลุดมือ