Beranda / วาย / เกิดใหม่อีกครา วานวาสนาไม่ข้องเกี่ยว / ตอนที่ 10 จุดเริ่มต้นของหายนะ

Share

ตอนที่ 10 จุดเริ่มต้นของหายนะ

last update Terakhir Diperbarui: 2025-04-28 10:00:01

ผู้ที่หวังซีซวนเรียกเมื่อครู่ หรืออีกชื่อหนึ่งก็คือ หวังเยี่ยนหลง บุตรชายลำดับที่สามของหวังเฉิงเย่ผู้เป็นเจ้าสำนัก บิดาของเขาออกเดินทางฝึกวิชาสำนักตระกูลหวังเพียงลำพังแล้วบังเอิญได้พบมารดาของเขาเป็นครั้งแรก

ในเวลานั้น ความรักระหว่างคนทั้งสองบังเกิดขึ้น นางรักเขามากจนยอมที่จะบอกวิชาลับของตระกูลให้เขาได้รู้ แม้ว่าบิดาของนางจะห้ามปรามเท่าใดก็ไม่เป็นผล นางไม่ได้รู้เลยว่าเขาจะนำมาใช้กับนางในภายหลัง

เมื่อแรกรักทุกอย่างดูเป็นไปได้ด้วยดี เขาพานางกลับมาที่สำนักตระกูลหวัง กุมวิชาลับของนางเอาไว้ และมีแผนอยู่เบื้องหลังการกลับมาในครั้งนี้

ทันทีที่ก้าวเข้ามา นางกลับได้รับรู้ว่าตนเองเป็นได้เพียงอนุของเขาเท่านั้น แม้จะได้เข้าพิธีตามธรรมเนียมแต่การแก่งแย่งชิงดีภายในตระกูลระหว่างฮูหยินและอนุทั้งหลายต่างดุเดือดไม่แพ้การชิงตำแหน่งเจ้าสำนักตระกูลหวังคนต่อไป

ถึงจะรักเขามากเพียงใด แต่เขาโกหกนางสารพัดจึงทำให้คิดถึงบ้าน แล้วนางก็เริ่มหาทางหนีออกจากที่แห่งนั้น เพียงแต่ว่า...

“โอ๊ย!” หลังจากก้าวเท้าออกจากสำนักตระกูลหวังไม่ถึงหนึ่งลี้ นางก็รู้สึกว่าร่างกายภายในของนางกำลังถูกอะไรบางอย่างกัดด้วยความรุนแรง

ในใจคิดออกทันทีว่าสิ่งนั้นคือวิชาที่ตระกูลของนางสืบทอดมา นางหันไปมองที่ด้านหลัง เห็นร่างหวังเฉิงเย่เดินตามมาอย่างไม่รีบร้อน สีหน้าของเขาเรียบเฉย ไม่เหมือนคนที่นางรู้จัก

“หวังเฉิงเย่ ตั้งแต่เมื่อใดกัน” นางเสียงดังใส่เขา ไม่นึกฝันว่าเขาจะทำกับนางได้ลงคอ

“คืนแรกที่ข้าสำเร็จวิชาที่เจ้าสอน” หวังเฉิงเย่ตอบเสียงเย็นชา “เจ้าหนีไปไหนไม่ได้หรอก ไม่มีที่ให้เจ้ากลับไปอีกแล้ว”

“หมายความว่าอะไร” หัวใจนางเต้นตึกตัก

“ลองใช้สมองน้อย ๆ คิดดูเอาเถิด” หวังเฉิงเย่ปล่อยให้นางว้าวุ่นใจ

“เจ้าอย่าบอกนะ ว่าครอบครัวของข้า...” นางไม่กล้าพูดต่อ แต่พอเห็นสีหน้าของเขาแล้ว นางตะโกนด้วยความเสียใจ “หวังเฉิงเย่! เจ้ามันชั่วช้า ท่านพ่อท่านแม่เอ็นดูเจ้า แต่เจ้ากลับทำได้ลงคอ”

“เห็นแก่ที่เจ้ามอบวิชาล้ำค่าให้ ข้าจึงยังไม่ลงมือกับพวกเขา” หวังเฉิงเย่เดินมาใกล้นาง แล้วฉุดแขนให้นางลุกขึ้นยืน “ลุกขึ้น!” เขาตวาด แต่นางกลับนั่งนิ่ง

“ลุกขึ้น!” เขาจ้องตานาง

ทันใดนั้น นางก็เอามือกุมท้องด้วยความเจ็บปวด ปากพร่ำสบถแช่งหวังเฉิงเย่ให้ได้รับกรรมที่ก่อเอาไว้

“ยิ่งต่อต้าน หนอนไหมตัวนั้นก็ยิ่งซอกซอนไปทั่วร่างของเจ้า” เขาย้ำเตือนนาง

หนอนไหมคือวิชาลับที่ตระกูลของนางสืบทอดกันมาช้านาน แรกเริ่มนางไม่ได้สังเกตเลยว่าทำไมเขาถึงอยากรู้เรื่องนี้มากนัก ด้วยความรักที่บังตาในเวลานั้น กลับส่งผลร้ายแรงต่อนางในวันนี้ รวมถึงครอบครัวที่นางรัก

หนอนไหมมีลักษณะเหมือนเส้นไหมที่โปร่งแสง ไม่มีใครมองเห็นตัวมันได้นอกจากผู้ใช้มัน ยามที่ต้องการให้ใครตกเป็นเบี้ยล่าง เพียงแค่ร่ายวิชาให้หนอนไหมเข้าร่างหนึ่งตัว ก็สามารถสยบคนผู้นั้นได้อยู่หมัด ต่อให้มีอำนาจเป็นถึงเจ้าแผ่นดิน ย่อมต้องยอมศิโรราบเพื่อรักษาชีวิต และมันจะออกจากร่างเมื่อเจ้าของร่างตายไปแล้วเท่านั้น

ครานั้นที่หวังเฉิงเย่ฝึกวิชาเพียงลำพังนอกตระกูลก็เพราะมีปัญหากับอาจารย์ ลูกศิษย์และพี่น้องคนอื่น ๆ เขามีสิทธิ์ที่จะเป็นเจ้าสำนักคนต่อไปด้วยฝีมือที่เก่งที่สุดในเวลานั้น แต่เพราะเหตุใดไม่รู้ เขากลับถูกน้องชายต่างมารดาช่วงชิงอำนาจนั้นไป

ครั้นได้รู้วิชาหนอนไหม จึงทำให้เขาซุ่มวางแผนเอาคืนทุกคนในสำนักตระกูลหวังที่ไม่เห็นด้วยกับเขา เวลานี้ หนอนไหมที่อยู่ในตัวทุกคนถูกเขาควบคุมเอาไว้หมดแล้ว

หลังจากนั้นก็เกิดสงครามย่อม ๆ ภายในตระกูล หวังเฉิงเย่กำจัดคนที่ไม่เห็นด้วยออกไปจนหมดสิ้น แล้วตั้งตนเป็นเจ้าสำนักตระกูลหวังตั้งแต่นั้นมา

เรื่องราวของมารดาหวังเยี่ยนหลงนั้นจบลงไม่สวยงาม นางฉวยโอกาสตอนที่หวังเฉิงเย่ไม่อยู่ สกัดกั้นหนอนไหมให้อยู่กับที่ แม้เพียงเวลาชั่วครู่ก็ยังดี เพื่อจะอุ้มหวังเยี่ยนหลงวัยแรกเกิดหนีไปจากที่แห่งนี้เพราะไม่อยากให้ลูกที่เกิดมาต้องอยู่ในสภาพเดียวกับนาง

ทั้งสองคนหนีมาได้ไกลพอสมควร จนกระทั่งเกือบถึงประตูทางเข้าสำนักของนาง แต่สายตาเหลือบเห็นร่างที่คุ้นเคยยืนอยู่ บรรยากาศรอบตัวเย็นยะเยือกถึงหัวใจ ฉับพลันหนอนไหมที่สงบนิ่งอยู่ก็ดิ้นพล่านกระสับกระส่าย เริ่มทิ่มแทงกัดกินนาง

“หวังเฉิงเย่ ข้าขอร้อง” นางอ้อนวอนเขา ไม่ใช่เพื่อตัวนางเอง แต่เพื่อบุตรชายของนาง หวังว่าอย่างน้อยเขาจะเห็นว่าหวังเยี่ยนหลงเป็นลูก แล้วปล่อยเขาไป

“เจ้าไม่ทำตามกฎของสำนัก” เขากล่าวเสียงเรียบ กฎของตระกูลจำเป็นต้องทำตามอย่างเคร่งครัด ผู้ใดที่ขัดขืนดื้อแพ่ง ไม่ว่าจะลูกศิษย์ ลูกของเขา ภรรยา บทลงโทษคือตายสถานเดียว

“หวังเฉิงเย่ ไว้ชีวิตเยี่ยนหลงเถิด ข้าขอร้อง” นางคลานมาหาเขาด้วยความเจ็บปวด จับที่ขาของเขาแล้วพร่ำอ้อนวอน

หนอนไหมนั้นไม่มีท่าทีจะหยุด อีกทั้งเวลานั้น ประตูสำนักก็เปิดออก นางเห็นสภาพคนที่อยู่ข้างในไม่ต่างกันจากนางนัก จึงเงยหน้ามองเขาด้วยสายตาเคียดแค้น เจ็บปวดเกินทน

“เจ้ามันชั่วช้า!” นางหยิบมีดสั้นที่เหน็บไว้ออกมาพร้อมจะปลิดชีวิตเขาเพื่อล้างแค้นให้สำนัก ทว่าเพียงแค่ง้างมือที่ถือมีด นางก็ต้องนิ่งงันเพราะหนอนไหมเปลี่ยนสภาพเป็นเข็มแหลมพุ่งตัดขั้วหัวใจของนางในทันที ก่อนที่ภาพทุกอย่างจะดับมืดลง นางมองไปที่สำนักและใบหน้าหวังเยี่ยนหลงเป็นครั้งสุดท้าย “แม่ขอโทษ ข้าขอโทษ” แล้วก็ล้มพับไป

ไม่รู้ว่าทำไมหวังเฉิงเย่ถึงได้เก็บหวังเยี่ยนหลงเอาไว้ เขาเลี้ยงดูบุตรชายด้วยลำแข้ง เกิดมามีแต่ฝึกวิชาอย่างเข้มงวด ฝึกทั้งร่างกายและจิตใจ

หวังเยี่ยนหลงที่เติบโตขึ้นภายใต้การเลี้ยงดูของบิดา ไม่เคยได้รับความรักจากเขาแม้แต่น้อย โดดเดี่ยว ทุกข์ทน ไร้ที่พึ่งพิง ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามารดาของเขาเป็นใคร อยู่ที่ไหน

ยามที่ได้เห็นพี่น้องคนอื่น ๆ อยู่กับมารดา เขาก็รู้สึกอิจฉาอยู่ลึก ๆ จนถึงขั้นตัดพ้อมารดาที่ทิ้งตนเองไป

การที่ต้องอยู่ตัวคนเดียว ทำให้เขาถูกรังแกเหมือนกับหวังซีซวนทุกกระเบียดนิ้ว เช่นนั้นแล้ว เขาจึงไม่ค่อยยุ่งวุ่นวายกับเรื่องของหวังซีซวนมากนัก แต่เมื่อได้เห็นเซี่ยฟานในวันนี้ เขาก็เกิดสนใจบางอย่างโดยไม่รู้ตัว

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • เกิดใหม่อีกครา วานวาสนาไม่ข้องเกี่ยว   ตอนพิเศษ 12 เกิดใหม่อีกกี่ครา วานวาสนาผูกกันไม่เสื่อมคลาย (จบ)

    สามเดือนต่อมาเช้าวันหนึ่งเสี่ยวหยุนมองเหลียนเฟินที่กำลังนอนหลับใหลในอ้อมกอดของเขา สายตาเต็มไปด้วยความรักท่วมท้นในใจก่อนจะพึมพำร่ายอาคมอย่างหนึ่งขึ้นมาพลันกรีดปลายนิ้วจนได้เลือดหยดหนึ่งหลอมรวมกับลูกกลมสีฟ้าเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน แม้เป็นวิชาที่เขาเพิ่งคิดค้นขึ้นมาได้แต่กลับรู้สึกคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูกเสี่ยวหยุนตั้งชื่ออาคมนั้นว่า “พันธะวิญญาณ” อาคมที่สามารถผูกวิญญาณของพวกเขาทั้งสองไว้ด้วยกันในทุก ๆ ชาติ ไม่ว่าเหลียนเฟินจะเกิดเป็นผู้ใด อยู่ที่ไหน เขาจะรู้ได้ในทันที นับต่อจากนี้ไม่มีพรากจากลมหายใจของร่างบางในอ้อมกอดสัมผัสแผ่นอกกว้างของเขาเตือนสติให้รู้ตัว ล้มเลิกความคิดเช่นนั้น เสี่ยวหยุนยิ้มมุมปากพลางถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วบีบอาคมนั้นให้แตกสลายไปริมฝีปากจุมพิตหน้าผากเรียกเหลียนเฟินด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ฟูเหรินของข้า”“อืม…” เหลียนเฟินยังคงงัวเงียพลันได้รับจุมพิตที่แก้ม โลมเลียลงลำคอ สัมผัสเรียวลิ้นร้อนชื้นดูดเม้มก่อนจะถูกใครบางคนคร่อมร่างกายท่อนบนเอาไว้“ฟูเหริน ท่านยังไม่ตื่นอีกหรือ” เขาเอ่ยถามด้วยน้ำ

  • เกิดใหม่อีกครา วานวาสนาไม่ข้องเกี่ยว   ตอนพิเศษ 11 ความรู้สึกที่โหยหา(NC)

    เหลียนเฟินนอนนิ่งบนแผ่นอกของเขา ส่วนล่างกระตุกบีบแก่นกายที่ค้างอยู่ราวกับเชิญชวนจึงถูกพลิกตัวเป็นฝ่ายนอนใต้ร่างพลางโดนเสี่ยวหยุนจับขาสองข้างยกขึ้นแล้วขย่มสะโพกเป็นจังหวะ“ข้าเพิ่งจะ…อ๊ะ...” เหลียนเฟินไม่ทันได้พูดอะไรก็ต้องเม้มปากตัวเองอีกครั้ง มือสองข้างจับหมอนที่วางอยู่ ขยำจนผ้ายับยู่ยี่ ลมหายใจร้อนหอบถี่ ฟังแล้วยิ่งกระตุ้นให้อีกฝ่ายเกิดความต้องการอย่างยิ่งยวดแก่นกายที่ครูดเข้าออกเร่งขึ้นอย่างเร่าร้อนจนน้ำที่ปล่อยเอาไว้เมื่อครู่กระเซ็นเปรอะเปื้อน คนกระทำยิ้มมุมปากชอบใจยิ่งนักที่ได้เห็นร่องรอยของเขาบนตัวคนรักเมื่อโพรงเนื้อโอบรอบจนมิดแน่นขนัดยิ่งเสียวซ่านจนตาเหลือกลอย “อือ… เหลียนเฟิน” ในใจวนเวียนแต่คำว่า อีกนิด ข้าขออีกนิดในขณะที่คนใต้ร่างแทบคุมสติตัวเองไม่อยู่ พึมพำแผ่วเบา “ข้าไม่ไหวแล้ว… อย่าเพิ่งขยับ”“จะให้ข้าหยุดจริงหรือ” เขาเอ่ยถามแต่ส่วนลับยังคงกระทุ้งเข้า ๆ ออก ๆ บดเบียดภายใน หยอกล้อเหลียนเฟินเพราะอยากเห็นสีหน้าแดงระเรื่อ สุขสม พลันวางขาทั้งสองข้างลงแล้วพลิกตัวเหลียนเฟินให้นอนคว่ำในพริบตาก่อนจะยกส

  • เกิดใหม่อีกครา วานวาสนาไม่ข้องเกี่ยว   ตอนพิเศษ 10 ความรักเอ่อล้น (NC)

    เหลียนเฟินโอบแขนรอบคอของเสี่ยวหยุนกดแรงโน้มตัวเขาลงมาหา จ้องมองอีกฝ่ายไม่วางตาพลันยิ้มอ่อนโยน เอ่ยกระซิบยืนยันความรู้สึกของตัวเอง “ข้ารักเจ้า”คนได้ฟังคำรักน้ำตาไหลเอ่อไม่อาจกั้นด้วยความรู้สึกผิดระคนกับความรู้สึกอื่น ๆ ในใจ แม้รู้ตัวว่าไม่สมควรมายืนอยู่ข้างเขาแต่เวลานี้ก็ไม่อาจขยับกายหรือเบือนหน้าหนีอีกฝ่ายได้เลยเขารักเหลียนเฟิน ผู้เป็นฟูเหรินของเขาและไม่อยากถูกพรากจากอีกแล้ว ทั้งยังดีใจเพราะใบหน้าที่มองเขาในเวลานี้ไม่ใช่ใบหน้าของคนที่เกลียดชังเขาจนต้องจ่อปลายกระบี่เข้าหาราวกับแค้นเคืองกันมาเนิ่นนาน“เสี่ยวหยุน” เสียงเรียกหาอ่อนหวานจับใจ “ยังคงจำได้อยู่ใช่หรือไม่ว่าเวลานี้เจ้าคือฟูจวินของข้า”“…” เขาพยักหน้าเล็กน้อย เม้มปากแน่นแล้วกอดเหลียนเฟินเอาไว้ครั้นสะสางความหลัง ปรับความเข้าใจกันเรียบร้อยแล้ว ทุกอย่างพลันคลี่คลาย ไม่มีสิ่งใดติดค้างกันอีกต่อไปหวังซีซวนและพรรคพวกแวะมาหาพวกเขาเหมือนอย่างเคย สังเกตได้ว่าบรรยากาศระหว่างพวกเขาทั้งสองคนดูอึมครึมเล็กน้อย ดวงตาเสี่ยวหยุนบวมช้ำปรากฏเด่นชัดจนอดถามไม่ได้“

  • เกิดใหม่อีกครา วานวาสนาไม่ข้องเกี่ยว   ตอนพิเศษ 9 ความทรงจำหวนคืน

    ครั้นเรื่องราววุ่นวายที่ใจกลางตลาดจบลงไปได้ด้วยดี เหลียนเฟินจึงพาเสี่ยวหยุนกลับมาพักฟื้นร่างกายที่บ้านหลังน้อย พลางขอให้หวังซีซวนช่วยกลั่นยาสมุนไพรให้เขาจนกว่าจะหายดีเขาหลับลึกอยู่หลายวันเพราะใช้เรี่ยวแรงร่ายวิชาอาคมโดยไม่สนขีดจำกัดของตัวเองเพียงเพราะเป็นห่วงเหลียนเฟินและไม่อยากให้สถานการณ์ยืดเยื้อใบหน้าสงบนิ่งยามหลับใหลทำให้เหลียนเฟินโล่งใจได้บ้างว่าเขาคงไม่ได้ฝันร้ายเหมือนที่ผ่านมาจึงปล่อยให้คนตรงหน้าพักผ่อนให้เต็มที่“ท่านเซียน เขาเป็นอย่างไรบ้างขอรับ” หลี่จิ้นหลิงแวะมาเยี่ยมเพราะได้ข่าวว่าเสี่ยวหยุนยังไม่ฟื้น“ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง เขาเพียงแค่ต้องนอนให้เยอะ ๆ ก็เท่านั้น” เหลียนเฟินยิ้มให้อีกฝ่ายนึกขอบคุณที่เขาช่วยหาตำราต้องห้ามจนพบ“หากท่านเซียนต้องการให้ช่วยเหลือเรื่องใด อย่าได้ลังเลใจที่จะบอกข้านะขอรับ” หลี่จิ้นหลิงพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “เรื่องฟื้นฟูพลังชีวิตของท่าน ถ้าตำราต้องห้ามไม่ได้ผล ข้ายินดีหาหนทางอื่น”เหลียนเฟินส่ายหน้าเข้าใจดีว่าทุกคนเป็นห่วงแต่ว่าเขาเตรียมใจเอาไว้แล้ว ไม่ว่าผลที่ได้จะออกมาเป็น

  • เกิดใหม่อีกครา วานวาสนาไม่ข้องเกี่ยว   ตอนพิเศษ 8 ปกป้องคนรัก

    “ปล่อยคุณหนูหลี่” เหลียนเฟินพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉยก่อนจะเห็นอีกฝ่ายเคลื่อนไหวรวดเร็ว เขากำกระบี่ในมือไว้แน่นพลันยกขึ้นมากันท่าไม่ให้เสิ่นหยางพุ่งตัวเข้าใกล้ระยะประชิดก่อนจะม้วนตัวแล้วถีบคนตรงหน้ากระเด็นไปอีกทางด้วยแรงที่ออมไว้สามส่วน“ฝีเท้าหนักใช่เล่น” เขาเอ่ยชม รอยยิ้มกวนประสาทราวกับถูกใจอย่างยิ่งยวด “อย่าขัดขืนนักเลย เมื่อครู่ข้าเพียงยั้งมือเอาไว้เท่านั้นเพราะไม่อยากทำให้ร่างกายของท่านเซียนมีบาดแผล”เสิ่นเหยา แฝดผู้พี่ที่จับตัวหลี่ฮวาเอาไว้ลูบปลายจมูกตัวเอง “หากท่านเซียนยินยอมมากับพวกข้า ข้าจะคืนสตรีนางนี้เป็นการแลกเปลี่ยน”“เช่นนั้นปล่อยนางก่อน” เหลียนเฟินไม่ตกลงง่าย ๆ และเป็นห่วงความปลอดภัยหลี่ฮวาที่เวลานี้กำลังกลั้นน้ำตาไม่ร้องไห้เสียงดังด้วยความหวาดกลัว“ท่านเซียนคงไม่รู้ว่าข้าเป็นผู้ใดจึงพยายามเล่นแง่ยืดเวลาออกไปใช่หรือไม่ แต่ข้ายืนยันได้เลยว่าสองชั่วยามต่อจากนี้ไม่มีผู้ใดเข้ามาก้าวก่ายที่แห่งนี้ได้อย่างแน่นอนและหากทุกสิ่งไม่เป็นอย่างที่ข้าต้องการ ข้าจะทำลายหมู่บ้านให้ราบคาบ” เสิ่นหยางประกาศก้อง คำพูดของเขาทำให้ชาวบ้านขวัญ

  • เกิดใหม่อีกครา วานวาสนาไม่ข้องเกี่ยว   ตอนพิเศษ 7 พรรคมารก่อความวุ่นวาย

    ครั้นพูดคุยเรื่องตำราต้องห้ามเสร็จเรียบร้อยแล้ว พวกเขาก็กลับมายังบ้านหลังน้อยจึงได้เห็นว่าหลี่จิ้นหลิงกำลังนั่งเล่นอยู่ตั่งไม้กับเหลียนเฟินแววตาเสี่ยวหยุนเปลี่ยนไปเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยถามว่า “เจ้ามาทำอะไรที่นี่”“ข้าเห็นว่าท่านเซียนเมาหลับไป วันนี้จึงอยากมาดูให้แน่ใจว่ามีอาการใดหรือไม่” เขายักไหล่พูดด้วยสีหน้าสบายอารมณ์หากแต่เสี่ยวหยุนอารมณ์ดีจึงไม่ใส่ใจแล้วเดินไปนั่งข้างเหลียนเฟิน เอ่ยกับเขาว่า “ข้าต้องไปหอสมุดวังหลวง คุณชายหวังซีซวนบอกว่าที่นั่นมีตำราเก็บไว้อยู่ อาจช่วยฟื้นฟูพลังชีวิตของท่านได้”“เขาไม่ได้บอกหรือว่าที่แห่งนั้นห้ามให้คนนอกเข้าไป” เหลียนเฟินหรี่ตามองคนตรงหน้าที่ทำท่าเหมือนรู้ทุกอย่าง “หากคิดไปขโมยตำรามาก็หยุดแต่เพียงเท่านั้นเถิด พลังชีวิตของข้ามีแค่ครึ่งเดียวแล้วอย่างไร ไม่เห็นหรือว่าข้ายังแข็งแรงดี”“ไม่อยากอยู่กับข้านานกว่านี้หรือ” สีหน้าของเขาเศร้าสร้อยหากต้องล้มเลิกความตั้งใจ รู้ว่าบำเพ็ญคู่จะสามารถยืดอายุขัยออกไปได้ แต่หากพลังชีวิตของเขากลับมาเหมือนเดิม ย่อมมีโอกาสได้อยู่ด้วยกันนานมากขึ้นไปอีกเ

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status