Share

บทที่ 5 คุณหนูผู้อาภัพ

last update Last Updated: 2025-08-14 12:00:02

ร่างระหงนอนทอดยาวไร้สติอยู่บนฟูกนอนขาวสะอาดด้านในโรงหมอ เมื่อผู้เป็นหมอเห็นใบหน้าผู้ป่วยกระจะตาก็อุทานขึ้น

“เอ๊ะ นังหนูนี่ หน้าคุ้น ๆ”

เด็กหนุ่มจึงเอ่ยปากถามด้วยความสงสัย “ท่านรู้จักนางหรือ”

หมอวัยกลางคนพิเคราะห์องคาพยพจางหลินจูครู่หนึ่ง ไม่นานก็นึกออก “อ่า…เป็นนางนี่เอง ซื่อจื่อแม่นางน้อยคนนี้ข้าเคยรักษาให้ไม่กี่วันก่อนขอรับ”

คิ้วเข้มเลิกขึ้นหนึ่งฝั่ง “เช่นนั้นท่านคงทราบว่านางเป็นใคร”

ท่านหมอถอนหายใจยาว จากนั้นเหลือบมองจางหลินจูอย่างนึกเวทนา “ข้าน้อยก็ไม่ทราบว่านางคือใคร แต่ดูเหมือนนางจะเป็นคนต่างแคว้น มารดาป่วยกระเสาะกระแสะ น้องชายก็ยังเล็กนัก”

“ที่ท่านบอกว่าเคยรักษานาง นางป่วยเป็นอะไรงั้นหรือ”

“จากที่มารดานางเล่าให้ฟัง ดูเหมือนนางจะเกิดอุบัติเหตุพลัดตกน้ำขอรับ ร่างกายเลยมีไอหยินมากเกินไป แล้วดูยามนี้ ถูกผู้ใดรังแกมาอีกเล่า”

มีคนที่ชีวิตอาภัพได้เพียงนี้ด้วยหรือ

“เช่นนั้นท่านก็ช่วยรักษานาง ข้าจะรอจนกว่านางได้สติ”

“ขอรับ”

ร่างสูงหย่อนกายลงนั่งบริเวณเก้าอี้มุมห้อง สายตายังคงกวาดสำรวจจางหลินจูด้วยความสนใจใคร่รู้

นางเป็นคนต่างแคว้น เหตุใดต้องมาเดินผู้เดียวในที่เปลี่ยวร้างกันนะ

“นายน้อย”

องครักษ์วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา

“อะไรของเจ้า ตื่นตูมทุกสถานการณ์จริง ๆ”

“คือ…ท่านอ๋องเรียกพบท่านขอรับ เกิดเรื่องใหญ่แล้ว”

ทั้งที่อีกฝ่ายแตกตื่นเป็นอย่างมาก ทว่าเด็กหนุ่มหน้าวสันต์กลับสงบนิ่งดุจสายน้ำ

“อุบายเดิมอีกแล้วสิท่า ไปบอกท่านพ่อ ข้ายังไม่ว่าง”

“แต่…ถ้าครั้งนี้นายน้อยไม่กลับ ท่านอ๋องบอกว่าจะผูกสัญญาหมั้นหมายเองเสียเลย”

เจ้าของร่างสูงลุกพรึบ “ท่านพ่อเร่งรีบเพียงนั้นเชียว คิดว่าตัวเองแก่หงำเหงือกจนต้องคะยั้นคะยอให้ข้าเร่งมีทายาทเชียวรึ”

คิ้วเข้มขมวดแน่นไม่สบอารมณ์ เขาอยากรอจนกว่าสตรีตรงหน้าจะตื่นขึ้น เขาประสงค์ทำความรู้จักกับนางให้มากกว่านี้

“ท่านหมอ อาการนางเป็นอย่างไรบ้าง”

“ซื่อจื่อ นางได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย รวมถึงตกใจจนหมดสติ พักสักหนึ่งชั่วยามก็ดีขึ้นขอรับ”

เขาพยักหน้า นัยน์ตาคมกริบเสมองจางหลินจูครู่หนึ่ง จากนั้นก็ลดสายตาจดจำรายละเอียดสร้อยที่เด่นสะดุดตาเอาไว้

“เช่นนั้นข้าจะรีบกลับมา”

“ขอรับ”

บุรุษทั้งสองผละจากไปแล้ว เหลือเพียงหนึ่งหมอหนึ่งคนไข้ หมอวัยกลางคนฝังเข็มเพื่อคลายกังวลให้จางหลินจู ด้วยความรู้สึกสงสารจางหลินจูจับใจ

“แม่หนูนี่ชะตาอาภัพจริง ๆ ดูเอาเถิดมือนี่เคยทำงานหนักเสียเมื่อใดกัน”

ไม่นานปลายนิ้วเรียวก็กระดิก “คุณแม่ คุณพ่อ พี่ชาย อย่าทิ้งจูเอ๋อร์ไป”

“แม่หนู”

“คุณพ่อ คุณแม่คะ”

“แม่หนู”

เรียกไม่นานจางหลินจูก็ได้สติ เปลือกตาบางเปิดพรึบ เหงื่อเม็ดละเอียดผุดพราวเต็มกรอบหน้างาม จางหลินจูค่อย ๆ ปรับม่านดวงตาให้ชัดเจน คิ้วงามดุจกระบี่เคลื่อนเข้าหากัน 

“ทะ…ท่านคือ”

“จำข้าไม่ได้หรือ ข้าเป็นหมอที่รักษาเจ้าวันนั้นอย่างไรเล่า”

จางหลินจูดีใจดุจลิงโลด ทว่าไม่อาจยิ้มได้เต็มปาก เพราะยามนี้นางรู้สึกหนักหัวจนตื้อไปหมด นัยน์ตากลมโตสังเกตทุกอย่างโดยรอบ

หรือเราจะฝัน เป็นท่านหมอที่ช่วยเราไว้งั้นหรือ พี่ชายคนนั้นเล่า

“เอ่อ…ท่านหมอเจ้าคะ คือว่า…” จางหลินจูอึกอัก เพราะนางไม่พบคนที่ตนกำลังคะนึงถึง 

“อะไรกันเล่า อ้อม ๆ แอ้ม ๆ”

“ท่านช่วยข้าไว้งั้นหรือ”

หมอวัยกลางคนส่ายหน้า “ไม่ใช่ข้าหรอก”

“หากไม่ใช่ แล้วใครช่วยข้าไว้หรือเจ้าคะ”

“เจ้าโชคดีมากรู้หรือไม่ คราวหน้าคราวหลังอย่าได้เที่ยวออกมาคนเดียวส่งเดชอีกเล่า ถ้าซื่อจื่อไม่ผ่านไปพบ ข้านึกไม่ออกเลยว่าสาวน้อยหน้าตาสะสวยเช่นเจ้าจะเป็นเช่นไร”

จางหลินจูนิ่งอึ้งชั่วขณะ “เดี๋ยวนะเจ้าคะ หมายความว่า ซะ…ซื่อจื่อ”

“ก็ซื่อจื่อแห่งเมืองอันเจียงอย่างไรเล่า เจ้าไม่รู้จักหรือ นายน้อยเป็นคนช่วยเจ้าไว้”

จางหลินจูพอทราบมาบ้างว่าตำแหน่งซื่อจื่อในยุคสมัยก่อนหมายความว่าอย่างไร เพียงแต่นางไม่คิดว่าจะบังเอิญได้พบเข้ากับบุรุษผู้สูงศักดิ์เข้าจริง บุญคุณของเขาหนนี้นางจะเอากำลังที่ไหนมาตอบแทนเขากัน 

“แล้ว…ซื่อจื่ออยู่ไหนหรือเจ้าคะ”

“ซื่อจื่อมีธุระ ท่านอ๋องเรียกหา เห็นว่าไม่นานจะกลับมาอีกครั้ง”

ครั้นได้ยินคำว่าธุระ จางหลินจูก็ฉุกนึกบางอย่างได้ ร่างระหงเร่งลุกจากที่นอนทันควัน เพราะความเป็นห่วงมารดาจึงหลงลืมความเจ็บปวดไปชั่วขณะ 

“โอ๊ย!”

“แม่หนู เร่งลุกเดี๋ยวก็เจ็บตัวเพิ่มหรอก”

จางหลินจูใบหน้าแดงก่ำ นางคว้ามือของผู้เป็นหมอเอาไว้ “ท่านหมอเจ้าคะ ที่ข้าออกมาครั้งนี้ก็เพราะอยากพบท่าน ท่านหมอ...”

“เอาล่ะ ๆ เจ้าใจเย็น ๆ ค่อย ๆ พูด มีกันแค่นี้ไม่มีผู้ใดแย่งเจ้าพูด”

“คืออย่างนี้เจ้าค่ะ มารดาของข้ากำลังป่วย ท่านช่วยไปดูนางให้หน่อยได้หรือไม่ หากช้ากว่านี้ข้ารู้สึกใจไม่ดีเลยเจ้าค่ะ”

“แต่เจ้าต้องพักผ่อน อีกเดี๋ยวซื่อจื่อก็จะกลับมาด้วย”

“ท่านหมอ ข้าสัญญาจะต้องกลับมาขอบคุณซื่อจื่อแน่นอน เพียงแต่ ท่านช่วยไปกับข้าก่อนได้หรือไม่เจ้าคะ”

หมอวัยกลางคนถอนหายใจในความหัวรั้นของอีกฝ่าย ดูท่านางจะเป็นห่วงมารดาจริง ๆ อีกอย่างวันนั้นเขาเองก็สังเกตเห็นว่ามารดาของจางหลินจูไม่สู้ดีนัก น่าจะป่วยเรื้อรังมาช้านาน เขาจะขอตรวจแต่วันนั้นนางกลับไม่ยอมให้ตรวจ

“ก็ได้ ๆ งั้นเจ้ารอข้าครู่เดียว”

จางหลินจูยิ้มทั้งน้ำตา “เจ้าค่ะ”

เมื่อหมอสั่งงานกับลูกมือเป็นที่เรียบร้อย เขาจึงนำกระเป๋าพกขึ้นมาสะพาย จากนั้นก็เร่งเดินทางไปยังที่พักของจางหลินจูพร้อมกัน

ระหว่างทางจางหลินจูสังเกตเห็นถังหูลู่สีแดงสะท้อนแสง ก็ทำได้เพียงเศร้าสลด นางไม่มีเงินติดมือสักอีแปะ ท่านหมอมองตามสายตาของจางหลินจูจึงบังเกิดความเห็นใจ

“เจ้าอยากกินงั้นหรือ”

จางหลินจูส่ายหน้า “เปล่าเจ้าค่ะ เพียงแต่ข้ารับปากน้องชายว่าจะซื้อขนมไปฝาก ทว่าข้าไม่มีเงินสักอีแปะ”

หมอวัยกลางคนหยุดฝีเท้า เขายื่นถุงเงินให้จางหลินจู “เอาไปซะสิ”

จางหลินจูน้ำตาคลอ หากเป็นเมื่อก่อน นางไม่เคยขาดแคลนเงินทองเหล่านี้เลย จะหว่านเล่นก็ยังได้ นางมองเงินสลับกับสีหน้าเป็นมิตรของอีกฝ่ายก็แทบหลั่งน้ำตา กระนั้นกลับเลือกส่ายหน้าปฏิเสธ “ข้าจะรับของผู้อื่นมาเปล่า ๆ ได้อย่างไรเจ้าคะ ไว้ข้าหางานทำได้แล้ว ค่อยกลับมาซื้อให้น้องใหม่ก็แล้วกันเจ้าค่ะ”

จางหลินจูส่งยิ้มหวาน แต่หมอวัยกลางคนทราบดีว่าภายในใจของนางขมขื่นเพียงใด

“เอาไปเถิด ถือเสียว่าเป็นค่าจ้างล่วงหน้า”

จางหลินจูงุนงง นางเหลือบมองหน้าเขา “หมายความว่าอย่างไรเจ้าคะ”

“เจ้ากำลังหางานทำไม่ใช่หรือ ข้ากำลังขาดผู้ช่วยอยู่พอดี เช่นนั้นก็มาช่วยงานข้า ว่าอย่างไร รับงานหรือไม่”

จางหลินจูรู้สึกตื้นตันเป็นอย่างมาก แม้โลกใบนี้จะมีคนใจร้าย แต่ใช่ว่าทุกคนจะเลวเหมือนกันหมด น้ำใจที่นางได้รับจากพวกเขามันช่างล้ำค่าเสียเหลือเกิน

มือเรียวเอื้อมรับถุงเงินด้วยมือสั่นเทา ท่านหมอเห็นเช่นนั้นก็ยัดเข้ามือเล็ก ๆ นั่นเสียเลย “เจ้ามีนามว่าอะไร”

“ข้าแซ่จาง นามว่าหลินจูเจ้าค่ะ”

หมอวัยกลางคนพยักหน้า “แม่นางจาง เงินนี่เอาไปซื้อขนมให้น้องเจ้าเสียเถิด ข้าสกุลหลี่ นามว่าจงหยาง”

จางหลินจูฉีกยิ้มอวดฟันเรียงสวย นางปรับอารมณ์ให้เริงร่า “ขอบพระคุณเจ้าค่ะ ท่านหมอหลี่ ข้ารับรองจะตั้งใจทำงานอย่างสุดความสามารถเจ้าค่ะ”

ท่านหมอหลี่เห็นท่าทางดีใจของจางหลินจูก็ยินดีเป็นอย่างยิ่ง ถึงนางจะไม่เคยทำงานหนัก แต่เขาคิดว่าเด็กสาวคนนี้มีความพยายาม รักใคร่ครอบครัวไม่เลวเลยทีเดียว 

ไม่นานถังหูลู่ที่หมายตาก็มาอยู่ในมือของจางหลินจู วันนี้อาจสายไปบ้างเพราะปัญหารุมเร้า แต่ก็ทำให้เจ้าก้อนแป้งของนางมีความสุขได้ล่ะนะ

“ชวนเอ๋อร์ ท่านแม่ ข้ากลับมาแล้วเจ้าค่ะ”

“ฮื่อ…พี่หญิง พี่หญิง ท่านแม่…ฮื่อ…”

จางหลินจูยืนตัวแข็งทื่อดั่งดินปั้นไม้แกะสลัก ถังหูลู่ในมือหล่นลงเปื้อนสิ่งสกปรกบนพื้นเมื่อเห็นเด็กน้อยกำลังร้องไห้โยเยเขย่าร่างอันแน่นิ่งของผู้เป็นมารดา

“ท่านแม่!”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เกิดใหม่เป็นบุตรีเศรษฐีผู้ตกอับ   บทที่ 6 จากลา

    เสียงกีบเท้าม้าห้อตะบึงมายังหน้าโรงหมอ บุรุษร่างสูงกระโจนลงจากหลังม้าด้วยความเร่งร้อน“ซื่อจื่อ” ผู้ช่วยหมอหลี่ค้อมศีรษะเล็กน้อยผู้มาเยือนคือซื่อจื่อแห่งเมืองอันเจียง นามว่า ‘ซวี่ฟางจิ้น’ และเขาเป็นคนช่วยเหลือจางหลินจูเอาไว้“ท่านหมอหลี่เล่า”“ท่านหมอออกไปแล้วขอรับ”คิ้วเข้มเลิกขึ้นหนึ่งฝั่ง “ไปแล้ว ข้าบอกให้รอข้าก่อนไม่ใช่หรือ แล้วนาง…” ซวี่ฟางจิ้นแอบลังเลเมื่อกล่าวถึงเด็กสาวที่ตนเพิ่งพบเจอไม่กี่ชั่วยามผู้ช่วยหมอหลี่ลุ้นจนตัวโก่งก็ยิ้มแหยออกมา เขายกมือเกาศีรษะเล็กน้อย เอ่ยขึ้นว่า “ท่านหมอออกไปกับแม่นางน้อยที่ท่านพามาขอรับ แต่ข้าน้อยก็ไม่ทราบว่าไปที่ใดกัน เพราะท่านหมอไม่ได้บอกไว้”ดูเหมือนเขากำลังสวนทางกับอีกฝ่ายเข้าเสียแล้วเหตุใดจึงรู้สึกเสียดายพิกล กระทั่งองครักษ์ตามมาถึง“นายน้อย ได้เวลาแล้วนะขอรับ”ใบหน้าของซวี่ฟางจิ้นดูผิดหวังเสียจนองครักษ์อย่างจินฝานงงงวย เวลานับสิบเจ็ดปีเขาแทบไม่เคยเห็นนายน้อยแ

  • เกิดใหม่เป็นบุตรีเศรษฐีผู้ตกอับ   บทที่ 5 คุณหนูผู้อาภัพ

    ร่างระหงนอนทอดยาวไร้สติอยู่บนฟูกนอนขาวสะอาดด้านในโรงหมอ เมื่อผู้เป็นหมอเห็นใบหน้าผู้ป่วยกระจะตาก็อุทานขึ้น“เอ๊ะ นังหนูนี่ หน้าคุ้น ๆ”เด็กหนุ่มจึงเอ่ยปากถามด้วยความสงสัย “ท่านรู้จักนางหรือ”หมอวัยกลางคนพิเคราะห์องคาพยพจางหลินจูครู่หนึ่ง ไม่นานก็นึกออก “อ่า…เป็นนางนี่เองซื่อจื่อแม่นางน้อยคนนี้ข้าเคยรักษาให้ไม่กี่วันก่อนขอรับ”คิ้วเข้มเลิกขึ้นหนึ่งฝั่ง “เช่นนั้นท่านคงทราบว่านางเป็นใคร”ท่านหมอถอนหายใจยาว จากนั้นเหลือบมองจางหลินจูอย่างนึกเวทนา “ข้าน้อยก็ไม่ทราบว่านางคือใคร แต่ดูเหมือนนางจะเป็นคนต่างแคว้นมารดาป่วยกระเสาะกระแสะ น้องชายก็ยังเล็กนัก”“ที่ท่านบอกว่าเคยรักษานาง นางป่วยเป็นอะไรงั้นหรือ”“จากที่มารดานางเล่าให้ฟัง ดูเหมือนนางจะเกิดอุบัติเหตุพลัดตกน้ำขอรับ ร่างกายเลยมีไอหยินมากเกินไป แล้วดูยามนี้ ถูกผู้ใดรังแกมาอีกเล่า”มีคนที่ชีวิตอาภัพได้เพียงนี้ด้วยหรือ “เช่นนั้นท่านก็ช่วยรักษานาง ข้าจะรอจนกว่านางได้สติ”“ขอรับ”ร่างสูงหย่อนกายลงนั่งบริเวณเก้าอี้มุมห้อง สายตายั

  • เกิดใหม่เป็นบุตรีเศรษฐีผู้ตกอับ   บทที่ 4 พี่ชายปริศนา

    จางหลินจูเดินห่างออกมาจากเพิงพักเรื่อย ๆ ภายในใจครุ่นคิดเรื่องราวที่เกิดขึ้นต่าง ๆ นานา เพราะไม่รู้ว่าต่อจากนี้ควรใช้ชีวิตอย่างไร ดูเหมือนว่าในโลกอีกด้าน ครอบครัวของจางหลินจูคงไม่หลงเหลือใครอีกแล้วเพียงคะนึงถึง ภาพครอบครัวแสนอบอุ่นก็ฉายซ้ำไปมาตอกย้ำความเจ็บปวด กระบอกตาคู่งามร้อนรื้นแดงก่ำ ดวงตากลมโตเริ่มเกิดม่านน้ำตาเสียจนภาพเบื้องหน้าพร่าเบลอ จางหลินจูพยายามกล้ำกลืนก้อนสะอื้นกลางลำคอลงไปด้วยความยากลำบาก จากนั้นก็ยกมือขึ้นซับน้ำตาซึ่งร่วงเผาะลงมาเมื่อใดก็สุดจะรู้คุณพ่อคุณแม่คะ ไม่ต้องห่วงจูเอ๋อร์นะคะ ลูกสัญญาจะใช้ชีวิตนับจากนี้ให้ดี“โอ๊ย!”“เดินไม่ดูตาม้าตาเรือบ้างหรือไง”“ขอโทษเจ้าค่ะ ข้าไม่ได้ตั้งใจ”จางหลินจูไม่ทันระวัง มุ่งหน้าโดยไร้ทิศด้วยจิตใจเหม่อลอย เป็นเหตุให้ชนกับบุรุษร่างกำยำเข้าโครมใหญ่อีกฝ่ายชักสีหน้าไม่สบอารมณ์ ทว่าเมื่อเขาสำรวจเรือนร่างและใบหน้าของจางหลินจู ภายในใจก็ผุดความคิดสกปรก น้ำเสียงแข็งกระด้างพลิกกลับเดี๋ยวนั้น“แม

  • เกิดใหม่เป็นบุตรีเศรษฐีผู้ตกอับ   บทที่ 3 ยอมรับความจริง

    หลายวันผันผ่านจางหลินจูได้รับการดูแลจากสองแม่ลูกอย่างดี จางหลินจูจึงทำใจยอมรับความจริงที่ว่า ตนได้เกิดใหม่ในร่างคุณหนูตระกูลเศรษฐีซึ่งตอนนี้กำลังตกอับและจนตรอกมารดาของจางหลินจูในมิติแห่งนี้ยังมีนามว่า หวงเจิ้นอี๋ ส่วนบิดานามว่าจางเฉินซี ทว่าบิดาของจางหลินจูได้ตรอมใจตายไปเมื่อหลายวันก่อนจางหลินจูร้องไห้จนแทบไม่หลงเหลือน้ำตาให้ไหลอีก จากนั้นความทรงจำและความรู้สึกต่าง ๆ ที่เจ้าของร่างเดิมทิ้งไว้ก็พรั่งพรูเข้ามาดุจทำนบแตก ช่างเป็นการเกิดใหม่ที่อัศจรรย์พันลึกยิ่งนัก ไม่คิดเลยว่าสวรรค์จะเมตตาเพียงเสี้ยวเดียว โดยการส่งจางหลินจูให้เกิดใหม่เพื่อมาดิ้นรนเอาชีวิตรอดในโลกอีกด้านบางทีอาจเพราะชีวิตในโลกใบเดิม จางหลินจูอยู่สุขสบายมากจนเกินไป จางหลินจูจึงเลิกน้อยใจต่อโชคชะตาและคิดเพียงว่าสวรรค์กำลังยื่นบททดสอบมาให้ต่างหาก ปลายทางสุดท้ายอาจเป็นความสุขที่แท้จริงซึ่งกำลังรออยู่ก็ได้ “ท่านแม่เจ้าคะ ข้าหายดีแล้ว แต่ท่านดูจะป่วยหนักกว่าข้าอีกนะเจ้าคะ”จางหลินจูสังเกตอาการป่วยไข้ของหวงเจิ้นอี๋มาสักระยะแล้ว ใบหน้าของมารดาในยามนี้ช่างซูบตอบ กระดูกบริเวณแก้มผุดโผล่เด่นชัด ริมฝีปากแห้งผากขาวซีด หวงเจิ้นอี๋

  • เกิดใหม่เป็นบุตรีเศรษฐีผู้ตกอับ   บทที่ 2 ตื่นมาอีกทีมีน้องชายไปเสียอย่างนั้น

    จางหลินจูหลับไปอีกครั้งเพราะความอ่อนล้า กระทั่งรุ่งอรุณมาเยือนจึงรู้สึกตัว“พี่หญิง ตื่นแล้วหรือขอรับ นี่น้ำขอรับ”จางหลินจูยังไม่หายสับสน แต่ก็ยังเอื้อมมือรับจอกน้ำชาจากมือเล็กคู่นั้น จางหลินจูสำรวจองคาพยพของเด็กชายตรงหน้าพักใหญ่ ผิวพรรณของเขาจิ้มลิ้มน่าเอ็นดู เพียงแต่สภาพดูมอมแมมไปบ้าง สังเกตดี ๆ เด็กคนนี้หน้าคล้ายจางหลินจูสมัยวัยกระเตาะเป็นอย่างมากกระทั่งดื่มน้ำจนไม่รู้สึกกระหายแล้ว จางหลินจูจึงเอ่ยถาม “หนูจ๊ะ คือ…หนูเป็นใครงั้นเหรอ”เด็กชายตัวน้อยเริ่มเบะปากเตรียมร้องไห้ จางหลินจูทำตัวไม่ถูก หันรีหันขวางแล้วจึงส่งยิ้มแหย มือเรียวเอื้อมลูบไหล่เล็กเพื่อปลอบประโลม “ไม่ร้องนะคะ ไม่ร้อง พี่ไม่เป็นไรแล้ว ถ้าเป็นเด็กดีพี่จะซื้อขนมให้กิน ดีไหมครับ”เด็กชายหุบปากฉับเมื่อได้ยินคำว่าขนม พลางกลั้นเสียงสะอื้นจนหน้าแดงแก้มป่อง จางหลินจูลุ้นตามจนตัวงอ ครั้นเจ้าตัวเล็กควบคุมอารมณ์ได้แล้ว จางหลินจูจึงค่อย ๆ ตะล่อมถาม พร้อมยกมือทำท่าสูดลมหายใจเข้าออกเป็นจังหวะให้อีกฝ่ายกำหนดลมหายใจตาม แทนที่จะเป็นจางหลินจูที่ต้องได้รับการปลอบใจ แต่กลับกลายเป็นว่า จางหลินจูดันมีน้องชายให้ต้องคอยดูแลเสียอย่างนั้น แ

  • เกิดใหม่เป็นบุตรีเศรษฐีผู้ตกอับ   บทที่ 1 พลัดพรากจากห้วงเวลา

    ถนนสายหลัก ณ กรุงปักกิ่ง รถหรูคันสีดำเคลื่อนตัวไปตามถนนคอนกรีตทอดยาวสุดลูกหูลูกตา เวลานี้อยู่ในช่วงเหมันตฤดู บรรยากาศโดยรอบจึงเต็มไปด้วยละอองหิมะสีขาวโพลน เด็กสาววัยสิบห้าฉีกยิ้มกว้างส่งไปจนถึงดวงตาคล้ายพระจันทร์เสี้ยว "คุณพ่อ คุณแม่คะ วันนี้จูเอ๋อร์มีความสุขที่สุดเลย" เด็กสาวโผเข้ากอดมารดาแนบอก ผู้เป็นมารดาแย้มยิ้มอบอุ่น มือเรียวลูบไล้เส้นผมสีดำขลับด้วยความทะนุถนอม ส่วนบิดาโน้มกอดหญิงสาวที่ตนรักสุดหัวใจทั้งสองไว้ในอ้อมแขนพร้อมใบหน้าเปี่ยมล้นไปด้วยความสุข"จูเอ๋อร์ ไม่อยากเที่ยวต่อจริงเหรอลูก วันนี้จูเอ๋อร์อยากไปไหนพ่อจะพาไปทุกที่" "นั่นสิ ลูกเรียนมาหนักพอแล้ว วันเกิดทั้งที พ่อและแม่อยากให้หนูได้พักผ่อนบ้าง" ผู้เป็นแม่เอ่ยสำทับ เด็กสาวใบหน้าพริ้มเพราคลายอ้อมกอดออกจากมารดา แล้วจึงหันมาโอบรัดบิดาอีกทาง เธอแหงนมองผู้เป็นบิดาด้วยแววตาออดอ้อนระคนซุกซน "คุณพ่อขา...จูเอ๋อร์ไม่อยากไปไหนแล้วจริง ๆ ค่ะ ทุกปีเราก็ไปเที่ยวข้างนอกกันอยู่ตลอด ปีนี้เรากลับไปทานข้าวด้วยกันที่บ้านดีกว่านะคะ บ้านเราอบอุ่นที่สุดแล้วค่ะ" ทั้งพ่อและแม่ได้เห็นลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนรู้จักคิดรู้จักพูดก็ปลื้มปริ่มจนน้ำตาซ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status