“อันหนิง!! อันหนิงลูกแม่ ลูกต้องช่วยน้องชายของเจ้านะ อย่าปล่อยให้เขาต้องเดินทางผิดเช่นในอดีต บัดนี้มีเพียงเจ้าเท่านั้นที่สามารถนำทางให้เขากลับมาเดินในเส้นทางที่ถูกต้องได้”
ในความมืดมิดอันเวิ้งว้าง เด็กสาวได้ยินเสียงคุ้นเคยของผู้เป็นมารดาดังแว่วอยู่ไกลๆ นางมองสถานที่ที่ไม่คุ้นตานี้ด้วยสีหน้าสงสัย แม้รอบกายจะมืดทะมึนแต่กลับมิได้ให้บรรยากาศที่น่าหวาดกลัว
หลังจากเงี่ยหูฟังว่าเสียงของมารดามาจากที่ใด นางจึงตัดสินใจเดินตามเสียงนั้น กระทั่งได้เห็นภาพเหตุการณ์ของชายหนุ่มรูปงามในชุดขาว ราวกับเทพสงครามกำลังเข่นฆ่าสังหารผู้อื่นด้วยใบหน้าเฉยชา
เด็กสาวตกใจกับภาพตรงหน้าจนถอยกรูดไปด้านหลัง ทว่าภายในใจกลับคิดว่าดวงตาของคนผู้นี้ช่างดูคุ้นเคยยิ่งนัก
เมื่อหลี่อันหนิงมองเพ่งมองให้ชัดๆ นางเห็นไฝเม็ดเล็กที่อยู่ใต้ดวงตาขวาของเขา
แล้วภาพของเด็กชายตัวน้อยที่ถือตำราในมือก็ผุดขึ้นมาในหัวของนาง บ้านหลี่มีเพียงเด็กสองคนที่เกิดมาพร้อมกัน และพวกเขามีไฝน้ำตาอยู่คนละฝั่ง
หลี่ซางเป่ามีไฝเม็ดเล็กใต้ดวงตาข้างซ้าย เช่นนั้นเขาก็คือหลี่อี้เจ๋อ น้องชายคนรองของนาง ทว่าภาพตรงหน้ามันคืออันใด เหตุใดเขาถึงได้กลายเป็นคนโหดเหี้ยมอำมหิต สามารถสังหารผู้อื่นได้โดยไม่กะพริบตาเช่นนี้
ยังมีบุรุษอีกคนที่นางจดจำใบหน้าของเขาได้เป็นอย่างดี จากภาพที่เห็นตรงหน้าแม้จะดูมีอายุเพิ่มขึ้นแต่ใบหน้าของเขาก็มิได้แปรเปลี่ยนไปมากนัก ท่านขุนนางผู้นั้นกำลังต่อสู้อยู่กับหลี่อี้เจ๋อ
ทำไมเล่า
แล้วภาพทั้งหมดก็ถูกตัดไปยังจุดเริ่มต้นของเรื่องราว
มันคือคืนวันที่หลี่อันหนิงถูกตามล่าโดยคนของหอนางโลมแห่งหนึ่ง และหลี่อี้เจ๋อที่กำลังรีบกลับมายังเรือนตระกูลหลี่เพื่อขัดขวางการขายหลี่อันหนิงออกไป ทว่าทุกอย่างได้สายไปเสียแล้ว
หญิงสาวมองดวงตาอันแข็งกร้าวและน้ำเสียงที่เกรี้ยวกราดของน้องชายที่กำลังอาละวาด
หลี่อันหนิงไม่เข้าใจว่าเด็กคนนี้เหตุใดถึงได้แสดงท่าทีเกลียดชังคนบ้านหลี่ถึงเพียงนี้ มิใช่เขาไม่ต้องการพี่น้องอย่างพวกนางหรอกหรือ เพราะไม่ว่าเมื่อใดเขาก็มักแสดงสีหน้าเย็นชาต่างจากเด็กทั่วไปและไม่เคยใส่ใจพวกนางเลยสักครั้ง
แล้วทุกอย่างก็ถูกไขกระจ่าง ภาพเหตุการณ์ก่อนที่หลี่อี้เจ๋อจะออกไปร่ำเรียนที่สำนักศึกษาหมิงหลัน เด็กน้อยได้ทำข้อตกลงกับผู้เฒ่าหลี่ผู้เป็นปู่ว่าห้ามทำร้ายหรือขายนางออกไปเด็ดขาด แล้วเขาจะยอมเรียนหนังสือและสอบเอาตำแหน่งขุนนางมาให้ตระกูลหลี่
ทว่าแม่เฒ่าหม่าผู้ไม่รู้ถึงข้อตกลงระหว่างปู่หลาน นางได้ถือวิสาสะขายหลี่อันหนิงให้กับหอนางโลม และนั่นเป็นเรื่องที่ผู้เฒ่าหลี่เองก็ยังไม่รู้
หลังจากที่หลี่อี้เจ๋ออาละวาดออกไป เขาก็ได้ตัดขาดความสัมพันธ์กับคนตระกูลหลี่อย่างเด็ดขาด
ภาพเหตุการณ์ตรงหน้าตัดไปอีกครั้ง กลายเป็นภาพของหลี่อี้เจ๋อในวัยหนุ่ม ในมือของเขาถือกระบี่ที่เต็มไปด้วยโลหิตสีแดงฉาน ภาพเบื้องหลังคือเรือนตระกูลหลี่ที่มีพระเพลิงลุกท่วมเผาผลาญจนวายวอด
ชายหนุ่มในชุดขาวผู้ที่ยืนอยู่บนกองซากศพมากมายข้างกายของเขายังมีชายชุดดำยืนล้อมรอบ
ดวงตาเย็นชาแลอำมหิตราวกับจะสังหารผู้ใดก็ตามที่กล้าทำให้เขาขุ่นข้องหมองใจ บัดนี้หลี่อันหนิงเข้าใจแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นกับน้องชายของตน
“ท่านแม่ ท่านต้องการให้ข้าเปลี่ยนโชคชะตาของน้องทั้งสองคนใช่หรือไม่เจ้าคะ”
หลี่อันหนิงเงยหน้าขึ้นตะโกนออกไปราวกับต้องการให้เสียงของตนส่งไปถึงมารดาที่ไม่รู้อยู่ที่ใด
พลันภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้าทั้งหมดได้เลือนหายไป
ทันใดนั้นร่างของคนมากมายที่ในมือถือโคมไฟคนละดวงก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า หลี่อันหนิงสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อชายวัยกลางคนสวมชุดเกราะวาววับที่อาบย้อมไปด้วยโลหิตเดินเข้ามาหานาง
“เจ้าคือสายเลือดของตระกูลพานจงจดจำเอาไว้ให้ดี ใช้ชีวิตที่สองที่พวกเรามอบให้ให้ดีซะ และจงกล้าหาญที่จะเผชิญกับโชคชะตาของตนเอง”
นั่นคือสิ่งที่ชายในชุดเกราะกล่าวกับนางก่อนเขาจะเดินผ่านเลยไป หลี่อันหนิงมองเห็นมารดาอยู่ในคนกลุ่มนั้นด้วยเช่นกัน นางเอ่ยร้องเรียกไปหลายครั้ง ทว่ามีเพียงรอยยิ้มแสนเศร้าสร้อยเท่านั้นที่ตอบกลับมา
“ท่านแม่!!ท่านแม่!! รอก่อนเจ้าค่ะ”
หลี่อันหนิงทะลึ่งตัวลุกพรวดพลาดขึ้น ส่วนปากก็ไม่หยุดที่จะร้องเรียกหามารดา เหงื่อกาฬที่ชุ่มโชกทำให้นางรู้ว่าตนเองแค่เพียงฝันไปเท่านั้น
ภายหลังเมื่อได้สติ เด็กสาวจึงนึกย้อนกลับไปถึงภาพเหตุการณ์ที่ตนได้เห็นในนิมิตก่อนหน้า
ดวงตากลมโตเหลือบสายตามองไปรอบๆ ห้อง ที่นั่นมีเพียงตัวนางและเด็กน้อยร่างผอมบางในชุดที่ถูกปะชุนจนมองไม่เห็นรอยตะเข็บเดิมนอนหลับอยู่
หญิงสาวยกมืออันหยาบกร้านจากการทำงานหนักลูบไปที่เส้นผมสากแห้งของน้องสาว
“เรื่องของหลี่อี้เจ๋อตอนนี้ยังไม่รีบร้อน ปีหน้าจะเกิดภัยแล้งขึ้นอย่างยาวนาน ข้าต้องหาทางทำอะไรสักอย่างเพื่อไม่ให้ซางเป่าและตนเองถูกขายออกไป ชีวิตที่ตระกูลพานมอบให้ครั้งที่สอง ข้าจะไม่ให้สูญเปล่าอย่างแน่นอน”
เด็กสาวเอ่ยสัญญากับตนเองอย่างแน่วแน่ เสียงเคลื่อนไหวของนางทำให้เด็กน้อยที่กำลังหลับสนิทงัวเงียตื่น นางมองไปยังพี่สาวที่บัดนี้สีหน้ามีแววแช่มชื่นขึ้น
“บาดเจ็บอยู่ เหตุใดไม่พักผ่อน ลุกขึ้นมาทำไมพี่โง่”
เสียงในใจของเด็กน้อยดังขึ้นแผ่วเบา หลี่อันหนิงที่ได้ยินจึงใช้นิ้วเคาะไปที่หน้าผากน้อยๆ ของหลี่ซางเป่า พลางเอ่ยหยอกเย้านาง
“พี่รู้ว่าซางเป่าเป็นห่วงแต่อาการไม่ได้ร้ายแรงเพียงนั้น แล้วก็เลิกเรียกพี่ว่าคนโง่เสียที แค่นี้พี่ก็รู้สึกโง่มากพอแล้ว”
เมื่อเห็นพี่สาวเอ่ยสิ่งที่ตนคิดในใจออกมา เด็กน้อยถึงกับตกใจอ้าปากค้างไปเลยทีเดียว
“ตกใจหรือ ไม่คิดว่าพี่จะได้ยินความคิดของซางเป่าใช่หรือไม่”
หลี่ซางเป่ารีบหุบปากของตนก่อนจะพยักหน้ารัวๆ เด็กน้อยแสดงสีหน้าสนอกสนใจในความสามารถของผู้เป็นพี่สาว
“ในที่สุดเราพี่น้องก็ได้มีโอกาสพูดคุยกัน”
“ใช่แล้ว เราจะได้คุยกัน เป่าเอ๋อจะได้มีเพื่อนคุยเสียที”
หลี่อันหนิงลูบไปที่ใบหน้าที่มีแต่กระดูกของน้องสาวอย่างเอ็นดู ชีวิตก่อนนางไม่เคยเขาใจความต้องการของหลี่ซางเป่า จนกระทั่งทั้งสองต้องแยกจากกัน
ครั้งนี้นางจะเปลี่ยนแปลงชะตากรรมของน้องสาวให้ได้ ไม่ว่าผู้ใดตนก็จะไม่ยอมให้มาพรากพวกนางออกจากกันอีกแล้ว
ในระหว่างที่หลี่อันหนิงกำลังใช้ความคิด เสียงของหลี่เจียนเจียนที่ดังขึ้นในหัว ทำให้นางรีบกระตุ้นหลี่ซางเป่าให้รีบออกจากเรือนแม่เฒ่าจวงทันที
“ซางเป่า!! หลี่เจียนเจียนกำลังมาที่นี่ เราต้องหาที่หลบก่อน จะให้ท่านย่าจวงเดือดร้อนเพราะเราสองคนไม่ได้”
เด็กสาวดึงให้หลี่ซางเป่ารีบตามตนเองไปด้านหลังเรือน เสียงโวยวายของหลี่เจียนเจียนยังคงดังอย่างต่อเนื่องที่ลานด้านหน้า นางรู้ดีว่าอาเล็กของนางมาที่นี่ทำไม
คงเพราะเรื่องที่ตนเผลอทำชุดของนางขาดก่อนหน้านี้ อีกทั้งซางเป่ายังทำร้ายนางเพื่อช่วยตนอีกด้วย หลี่อันหนิงคิดว่าครั้งนี้หลี่เจียนเจียนคงไม่ยอมปล่อยพวกตนไปง่ายๆ แน่
“หลี่อันหนิง!!หลี่ซางเป่า!! ออกมาเดี๋ยวนี้!! ข้ารู้ว่าพวกเจ้าหลบอยู่ข้างใน”
แม่เฒ่าจวงที่กำลังให้อาหารไก่อยู่หลังเรือนเดินออกมาด้านหน้าเมื่อได้ยินเสียงแหลมเสียดแก้วหูของหลี่เจียนเจียน
“เจ้ามาทำอันใดที่นี่ บ้านข้าไม่ต้อนรับสตรีจากหอคณิกา”
แม่เฒ่าจวงเหล่มองการแต่งกายของหลี่เจียนเจียนตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า ก่อนจะยกแขนเสื้อขึ้นปิดจมูกเพราะฉุนกลิ่นเครื่องประทินโฉมแป้งชาดที่นางประโคมใส่ตนเอง
“นี่!! เจ้า!! ยายเฒ่าหมายความว่าอย่างไร ข้ามิใช่หญิงคณิกา”
“อ้อ ข้าก็นึกว่าใช่ เห็นแต่งกายเช่นนี้มีใครบ้างเล่าไม่คิดเช่นนั้น ใช่หรือไม่”
แม่เฒ่าจวงหันไปพูดกับเพื่อนบ้านที่ออกมาดูเช่นกัน ว่าใครที่ไหนกำลังส่งเสียงโวยวายกลางวันแสกๆ
“หุบปากนะ!! ยายเฒ่าจวง ส่งตัวหลี่อันหนิงกับหลี่ซางเป่ามาซะ ข้ารู้ว่าเจ้าซ่อนพวกนางเอาไว ไม่อย่างนั้นข้าจะไปแจ้งกับทางการว่าเจ้ากักขังหน่วงเหนี่ยวคนบ้านข้าเอาไว้ในเรือน”
หลี่เจียนเจียนชี้หน้าหญิงชราที่ทำท่าทางไม่รู้สึกรู้สากับการมาของตน
แม่เฒ่าจวงผู้มากประสบการณ์มีหรือจะหวาดกลัวต่อคำขู่ของเด็กสาวอายุน้อยกว่าตนหลายรุ่นอย่างหลี่เจียนเจียน นางคว้าไม้ที่วางพิงอยู่ที่ริมรั่วขึ้นมาก่อนจะยกชี้ไปยังสตรีหน้าขาวตรงหน้า
“ช่างเก่งกาจเสียจริง ถึงกลับกล้ามาอาละวาดที่เรือนผู้อื่นโดยไม่เห็นกฎหมายของต้าเหลียงอยู่ในสายตา คิดว่าบิดาของเจ้าเป็นฮ่องเต้หรืออย่างไร อยากกล่าวหาผู้อื่นเจ้าต้องมีหลักฐาน พวกเจ้าว่าใช่หรือไม่”
ณ เรือนตระกูลหลี่“กลับมาแล้วหรือเจ้าพวกตัวซวย หายหัวไปทั้งคืนยังกล้ากลับมาที่นี่อีกนะ”เสียงแหลมสากของแม่เฒ่าหม่าดังขึ้นด้านหลัง ในระหว่างที่สองพี่น้องกำลังย่องกลับไปยังห้องเก็บฟืน“ท่านย่า”หญิงชรามีสีหน้าประหลาดใจเล็กน้อย ที่เด็กสาวหันมาพูดกับตนด้วยสีหน้าเย็นชา ทั้งที่ในยามปกติมักจะแสดงท่าทีขลาดกลัวเป็นครั้งแรกที่ได้พบหญิงชราหลังจากย้อนกลับมามีชีวิตอีกครั้ง หลี่อันหนิงกำหมัดแน่นเพื่อระงับอารมณ์โกรธแค้นที่ปะทุขึ้นภายในใจทุกสิ่งที่เกิดขึ้นกับครอบครัวของตนเป็นเพราะหญิงชราผู้นี้ วันหน้านางจะต้องตอบแทนอย่างสาสมให้สมกับที่ครอบครัวของตนได้รับมาหลี่อันหนิงสบถสาบานในใจ“ท่าย่ามีอะไรจะใช้ข้าหรือ”เด็กสาวถามเสียงห้วน ไร้ท่าทีขลาดกลัวดั่งเช่นวันวาน“วันนี้พวกแกสองคนไม่ได้รับอนุญาตให้ทานอาหาร ต้องทำงานที่เหลือจากเมื่อวานให้เสร็จทั้งหมด จากนั้นก็ขึ้นเขาไปเก็บผักป่ามาซะ”หลี่อันหนิงบิดปากเล็กน้อย ห้ามทานอาหารหรือ อาหารที่แม้แต่หมูยังไม่อยากทานใครมันจะกลืนลงท้องได้ เด็กน้อยทั้งสองไม่ตอบโต้ กลับทำตามที่หญิงชราสั่งอย่างว่าง่าย ซึ่งต่างจากท่าทีเฉยชาที่แสดงออกหลี่เจียนเจียนเดินผ่านสองพี่น้องที่กำล
กลางดึก ในระหว่างที่พี่น้องกำลังหลับสนิท เสียงคำรามของสัตว์ร้ายดังก้องสะท้านขึ้นที่ด้านนอกถ้ำ หลี่อันหนิงและหลี่ซางเป่าสะดุ้งรู้สึกตัวขึ้นพร้อมกันเด็กสาวมิได้เล่าเรื่องที่ตนได้ยินเจ้าก้อนขนสีดำพูดคุยกันให้น้องสาวฟัง ไม่คิดว่าแม่ของมันจะกลับมาในคืนนี้ ในระหว่างที่หลี่อันหนิงกำลังคิดหาทางหนี เสียงร้องครางด้วยความเจ็บปวดของเจ้าสัตว์ร้ายด้านนอกดังขึ้นแผ่วเบาในหัวของนางได้ยินเสียงของมันรำพึงถึงลูกน้อยทั้งสอง เด็กสาวมองไปยังฝั่งตรงข้ามของบ่อน้ำร้อน ก่อนตัดสินใจเดินออกไปดูในความมืดสลัวราง หลี่ซางเป่าจับแขนเสื้อของพี่สาวเอาไว้มั่น“พี่ใหญ่ไปไหนหรือ”“ซางเป่ารอพี่อยู่ที่นี่ได้หรือไม่ ไม่นานพี่จะกลับมา”เด็กน้อยส่ายหน้าปฏิเสธแสดงท่าทีหวาดกลัว นางเห็นน้องน้อยแสดงท่าทางเช่นนั้นออกมา ก็ได้แต่ส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ“ได้ๆ เช่นนั้นก็ไปด้วยกันเถิด”หญิงสาวจับมือของน้องสาวเดินออกมาทางปากถ้ำ ที่ยังคงได้ยินเสียงร้องครางของสัตว์บาดเจ็บชัดเจน เมื่อไปถึงบริเวณปากถ้ำที่นั่นมีคบเพลิงมากมายถูกจุดโดยมนุษย์ดวงตาดำสนิทของเจ้าสัตว์ร้ายจ้องมองมายังนางและน้องสาวที่ซ่อนตัวอยู่ เจ้าก้อนขนทั้งสองที่ไม่รู้ว่าตามมาตั้งแ
หลี่อันหนิงพยักหน้าพลางลูบผมของเด็กน้อยซางเป่าอย่างภูมิใจ ตอนนี้ตนเองเป็นเพียงเด็กเท่านั้นไม่อาจทำตามใจตนดั่งเช่นผู้ใหญ่ได้ หากต้องการปกป้องน้องทั้งสองนางจำต้องมีอำนาจในมือและแล้วหลี่อันหนิงก็หวนกลับไปนึกถึงใบหน้าอันหล่อเหลาที่แสนเย็นชาของท่านขุนนางหนุ่ม เพียงเท่านั้นในหัวใจของนางก็รู้สึกอบอุ่นอย่างแปลกประหลาด“พี่ใหญ่ข้ารู้ว่าที่ใดที่เราสามารถใช้นอนได้”เด็กสาวมองหน้าน้องน้อยของตนด้วยสีหน้าสนใจ หลี่ซางเป่าเดินลิ่วนำหน้าไปเหมือนกับคุ้นเคยเส้นทางบนภูเขา หลี่อันหนิงผู้เป็นพี่สาวรีบวิ่งตามจนกระทั่งทั้งสองไปถึงผาหินที่มีต้นไม้และเถาวัลย์ขึ้นรกชัฏแห่งหนึ่ง“เป่าเอ๋อเราใช้ที่นี่นอนไม่ได้หรอกนะ มันรกเกินไปอีกอย่างอาจมีงูพิษออกมาก็ได้ รู้หรือไม่ว่ามันอันตราย”หลี่ซางเป่าเกาหัวตนเองเบาๆ นางแสดงสีหน้ามั่นใจก่อนจะหันไปดึงแขนเสื้อของพี่สาว“ได้เรานอนที่นี่ได้ นางบอกว่าคืนนี้ให้เรานอนที่นี่”นางหรือ...ใครกัน หลี่อันหนิงมองใบหน้าที่เล็กกว่าฝ่ามือของน้องสาวอย่างงุนงง สายตาสำรวจมองไปรอบๆ ไม่เห็นมีที่ใดเลยที่จะสามารถใช้นอนได้ แล้วเหตุใดซางเป่าถึงพูดเช่นนั้นออกมา“ใครเป็นคนบอกน้องหรือ เป่าเอ๋อ”“ท่านแ
แม่เฒ่าจวงจีบปากจีบคือเอ่ย พลางหันไปถามความเห็นของเหล่าจีนมุงที่ตอนนี้เริ่มมากขึ้นทุกทีหลี่เจียนเจียนผู้ที่ถูกตามใจมาตั้งแต่ยังเล็ก คิดไม่ถึงว่าจะถูกหญิงชราตรงหน้าตอกกลับเช่นนี้ นางกำหมัดกระทืบเท้าอย่างไม่พอใจ ก่อนตวาดแหวออกไปอีกครั้ง“เจ้า!! ยายเฒ่า เจ้าพูดจาเหลวไหลอันใด ข้าบอกให้ส่งนางเด็กสารเลวสองคนนั้นออกมา”ใบหน้าของหลี่เจียนเจียนเริ่มแดงก่ำด้วยความโกรธ นางไม่รู้วิธีจัดการกับคนอย่างหญิงชราผู้นี้ เพราะที่ผ่านมาเป็นนางที่เป็นผู้กระทำมาตลอด“เจ้าหมายความว่าอย่างไร เรือนหลังนี้มีเพียงข้าและหลานชายอาศัยอยู่ หากจะพูดว่ามีเด็กสารเลวที่นี่ก็มีแต่เจ้าคนเดียว”แม่เฒ่าจวงลอยหน้าลอยตาเอ่ย โดยไม่สนใจในใบหน้าที่เริ่มเขียวคล้ำดำมืดของหลี่เจียนเจียน“กรี๊ด!!! ยายเฒ่าจวง กล้าว่าข้าสารเลวหรือ”หญิงสาวพุ่งเข้าใส่แม่เฒ่าจวงแต่ถูกจวงอี้ซิงเอาตัวขวางเอาไว้ เขาและนางอายุสิบเจ็ดเท่ากันทว่าเด็กหนุ่มกลับสูงใหญ่และแข็งแรงมากกว่า อาจเพราะเขาทำงานหนักมาตั้งแต่ยังเล็กหลี่เจียนเจียนไม่สนใจว่าคนที่ขวางทางตนจะเป็นใคร นางใช้เล็บข่วนเด็กหนุ่มตรงหน้าเพื่อระบายโทสะของตน แต่สิ่งที่หลี่เจียนเจียนทำไม่สามารถสร้างความ
“อันหนิง!! อันหนิงลูกแม่ ลูกต้องช่วยน้องชายของเจ้านะ อย่าปล่อยให้เขาต้องเดินทางผิดเช่นในอดีต บัดนี้มีเพียงเจ้าเท่านั้นที่สามารถนำทางให้เขากลับมาเดินในเส้นทางที่ถูกต้องได้”ในความมืดมิดอันเวิ้งว้าง เด็กสาวได้ยินเสียงคุ้นเคยของผู้เป็นมารดาดังแว่วอยู่ไกลๆ นางมองสถานที่ที่ไม่คุ้นตานี้ด้วยสีหน้าสงสัย แม้รอบกายจะมืดทะมึนแต่กลับมิได้ให้บรรยากาศที่น่าหวาดกลัวหลังจากเงี่ยหูฟังว่าเสียงของมารดามาจากที่ใด นางจึงตัดสินใจเดินตามเสียงนั้น กระทั่งได้เห็นภาพเหตุการณ์ของชายหนุ่มรูปงามในชุดขาว ราวกับเทพสงครามกำลังเข่นฆ่าสังหารผู้อื่นด้วยใบหน้าเฉยชาเด็กสาวตกใจกับภาพตรงหน้าจนถอยกรูดไปด้านหลัง ทว่าภายในใจกลับคิดว่าดวงตาของคนผู้นี้ช่างดูคุ้นเคยยิ่งนักเมื่อหลี่อันหนิงมองเพ่งมองให้ชัดๆ นางเห็นไฝเม็ดเล็กที่อยู่ใต้ดวงตาขวาของเขาแล้วภาพของเด็กชายตัวน้อยที่ถือตำราในมือก็ผุดขึ้นมาในหัวของนาง บ้านหลี่มีเพียงเด็กสองคนที่เกิดมาพร้อมกัน และพวกเขามีไฝน้ำตาอยู่คนละฝั่งหลี่ซางเป่ามีไฝเม็ดเล็กใต้ดวงตาข้างซ้าย เช่นนั้นเขาก็คือหลี่อี้เจ๋อ น้องชายคนรองของนาง ทว่าภาพตรงหน้ามันคืออันใด เหตุใดเขาถึงได้กลายเป็นคนโหดเหี้ยมอำ
“อวัยวะภายในของนางและกระดูกหลายส่วนถูกทำลายจนสิ้น ต่อให้ช่วยได้ในตอนนี้นางก็คงอยู่ไม่พ้นเดือน ทำได้เพียงใช้สมุนไพรยื้อชีวิตไปเรื่อยๆ เท่านั้น อีกอย่างเราอยู่ในภารกิจที่เร่งด่วน จำเป็นต้องปล่อยนางไป เฮ่อ!! ช่างน่าเวทนานัก นางยังเด็กอยู่เลยกลับต้องมาพบกับชะตากรรมอันเลวร้ายเช่นนี้”ชายหนุ่มรูปงามที่แต่งกายด้วยชุดสีดำทั้งตัว เส้นผมสีดำสนิทถูกรวบสูงและสวมกวานหยก เขาประคองร่างบางขึ้นอย่างทะนุถนอม แม้ร่างกายของนางจะเปรอะเปื้อนไปด้วยดินโคลน แต่ถึงกระนั้นเขากลับกอดนางเอาไว้ในอ้อมแขนอย่างไม่นึกรังเกียจชายหนุ่มยกผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเช็ดเลือดที่ใบหน้าของหลี่อันหนิงอย่างแผ่วเบา นางไม่เคยได้รับการปฏิบัติเช่นนี้มาก่อนตั้งแต่ที่มารดาจากไป หญิงสาวส่งยิ้มให้กับบุรุษตรงหน้าเพื่อเป็นการขอบคุณ จากนั้นเขาจึงก้มลงกระซิบที่ข้างหูของนาง“ข้าคือขุนนางที่ฮ่องเต้ส่งมา เด็กน้อยเจ้ามีคำขออื่นใดหรือไม่”หลี่อันหนิงได้ยินคำถามนั้นก็รู้แล้วว่าอีกไม่ช้าชีวิตของตนก็คงจะถูกพรากไป แต่ก็ยังดี อย่างน้อยนางสามารถเลือกที่จะตายด้วยน้ำมือของใครได้เด็กสาวใช้แรงเฮือกสุดท้ายกระซิบเอ่ยตอบกลับไป“รบกวนช่วย!!...ฆ่า!!ข้า อย่าให้ข้าต้อ